29 พฤศจิกายน 2551 15:16 น.
แจ้นเอง
คุณรู้จักโต๊ะหมู่บูชาไหม? โต๊ะหมู่มีทั้งหมู่5 หมู่7 หมู่9 มีทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก แล้วแต่จะเลือกแบบไหน จะเอาราคาประหยัดหรือแบบหรูหราก็มี และขึ้นอยู่กับสถานที่ด้วย ที่บ้านฉันมีโต๊ะหมู่7 และสืบเนื่องจากโต๊ะหมู่บูชานี่เอง มีอยู่วันหนึ่งพ่อบอกพี่เขยฉันพี่บุญศรี ว่าจะใส่ล้อเลื่อนที่ขาโต๊ะหมู่ พอฉันได้ยินก็รีบค้านขึ้นว่า
"มีที่กันพ่อโต๊ะหมู่เขาก็ตั้งเป็นที่เป็นทางจะใส่ล้อทำไม" พ่อหันมามองหน้า
เราจะไปรู้อะไร
รู้สิ ก็ไม่เห็นใครเขาจะทำแบบนี้นี่ ฉันยังค้านไม่เลิกพ่อหันไปบอกพี่เขยต่อว่าให้ไปหาช่างมาแล้วตั้งโครงทำหลังคาด้วย เอาใหญ่เลยพ่อ..
พ่อทำเสียงดุก่อนที่ฉันจะทันอ้าปากพูดอะไรต่อ
"เอาตามที่พ่อสั่ง"ฉันจึงพูดไม่ออก
จนกระทั่งวันหนึ่งหลังเลิกงานฉันก็พบกับโต๊ะหมู่หน้าตาประหลาดล้อเลื่อนน่ะก็ดูดี แต่หลังคาออกมาเหมือน เฮือนตาน* พ่อเองก็ชักสีหน้าไม่ดีเพราะมันออกมาไม่เหมือนที่คิดไว้เลย ดีที่มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ ก็คุณเผด็ดสามีน้องแต่งบ้านตรงข้ามกันนี่แหละเขาเป็นช่างปิดทองและทำฉัตร ฉันก็เลยขอร้องเขาเอาโต๊ะหมู่ไปปรับเปลี่ยนหลังคาเสียใหม่ เอาแบบล้านนาหรืออะไรก็ได้เพราะคุณเผด็ดเห็นมาเยอะ
ครับผมจะลองทำดู อันนี้มันเกินไปจริงๆ
แล้วคุณเผด็ดก็ทำมาแบบถูกใจทุกคนเลยมีโครงหลังคาสีทองหลังคาเป็นรูปสี่เหลี่ยมสีแดง ตรงกลางมีลายฉลุและมีฉากฉลุรับหลังคาทั้งสี่ทิศด้วย ซึ่งดูแล้วสวยมากนั่นแหละและฉันก็มาคิดว่าก็เข้าทีดีเหมือนกัน แต่เอาเป็นว่านั่นไม่สำคัญเท่ากับล้อเลื่อนที่มันคาใจฉันอยู่
จนกระทั่งพ่อตายแล้ว และหลังงานฌาปนกิจจะมีการทำบุญ สังคหะ* ให้กับคนตาย หลวงพ่อมาถึงก็โวยขึ้นว่า
"อ้าวนี่โต๊ะหมู่ทำไมไปอยู่ตรงนั้น ต้องตั้งไว้ตรงนี้สิ"
พี่ชายฉัน พี่ศักดิ์ศรี ก็บ่น "ผมเพิ่งจัดเสร็จเมื่อกี้นี้เอง ปู่จ๋าน*บอกว่าวางตรงนี้"
หลวงพ่อ "ไม่ถูกต้องตรงนี้"พี่ชายจึงรีบลุกไปย้ายโต๊ะหมู่บูชาใหม่ ตอนนี้แหละฉันจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าพ่อเคยบอกว่าเราจะไปรู้อะไรเดี๋ยวมันก็ย้ายไปย้ายมาอยู่แถวนี้ ใส่ล้อเลื่อนแล้วก็สบาย ก็นี่แหละพ่อรู้ได้ยังไง เห็นได้ยังไงเหตุการณ์เพิ่งจะเกิด หลังจากที่พ่อจากไปและช่วงที่จัดงานศพจะมีใครคาดคิดว่าพ่อเสียวันที่ 27 สิงหาคม2549 วันที่30แม่ก็จากไปอีกคนเพราะฉะนั้นมันจะยุ่งแค่ไหนในการจัดสถานที่ และต้องย้ายโต๊ะหมู่บูชาไปมาอยู่บริเวณนี้ ถ้ามันไม่มีล้อเลื่อน...คุณบอกฉันได้ไหม? ว่าพ่อรู้ได้อย่างไร....
บอกเล่า...งานศพ ที่นี่มักจัดงานศพและเก็บศพไว้ที่บ้าน
เฮือนตาน*บ้านจำลองที่อุทิศให้คนตาย คล้ายกงเต็ก
สังคหะ* การทำบุญให้กับวิญญาณของผู้ตายหลังจากที่มีการฌาปนกิจแล้ว
ปู่จ๋าน* ผู้ทำหน้าที่กล่าวนำในพิธีทางศาสนา
21 พฤศจิกายน 2551 06:44 น.
แจ้นเอง
แดดร้อน หลายวันมานี้อากาศทั้งแห้งแล้งและร้อนอบอ้าว อยู่ในบ้านก็อึดอัด อยู่ข้างนอกก็เจอทั้งลมร้อนและแสบผิว อากาศเริ่มวิปริตผิดจากปกติไปทุกปี โดยเฉพาะปีนี้ที่อากาศร้อนจัดละอุณหภูมิ สูงถึง 39 องศาเซลเซียส
(บางแห่งยังสูงถึง 42 องศาเซลเซียส)
มีคนเคยบอกว่า ถ้าอธิบายคำว่า ภาวะเรือนกระจก แล้วเค้าไม่เข้าใจ ก็บอกง่ายๆว่า ให้เอารถที่ติดฟิล์มกรองแสงไปจอดไว้กลางแดด ประมาณ 1ชั่วโมง แล้วเข้าไปอยู่ในรถ ความร้อน ณ เวลานั้นนั่นแหละ ใช่เลย ความร้อนที่ส่งผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามาแล้วออกไม่ได้ ย้อนออกไปทางเดิมไม่ได้ คือสภาวะเรือนกระจกที่โลกเรากำลังเจอ
เพราะอากาศร้อนมาหลายวันและไม่ค่อยมีเวลามาดูแลต้นไม้ ดอกไม้ของพ่อที่ปลูก วันนี้ก็เลยฉวยโอกาสลงมาเดินทอดน่องดูมันซะหน่อย
โอ้โห อันนี้คิดในใจ ครั้นจะพูดเสียงดังๆก็กลัวว่าใครมาได้ยินจะหาว่าเราบ้าก็เลยพูดในใจมันคนเดียวนี่ล่ะ
ดินในกระถางต้นไม้ ดอกไม้ของพ่อแห้งผาก (ถึงว่าพักนี้พอกลางคืนได้ยินเสียง ก๊อกๆ แก๊กๆ )เห็นมั้ย หาเรื่องอีกแหละ อยู่คนเดียวเนี่ย มีเรื่องให้คิดมากมาย คิดเรื่อยเปื่อย ก็เลยเหมารวมเอาว่า วิญญาณพ่อคงมาบอกให้รู้ว่า ต้นไม้พ่อจะ มรณังแล้วนะ ประมาณนั้น ดินในกระถางแข็งโปก
เอาน่าขยันหน่อย บอกตัวเอง แบบพูดเอง เออเองเสร็จสรรพ แล้วก็ลากสายยางซึ่งก็วางแบบพร้อมใช้อยู่แล้วเปิดก๊อกน้ำฉีดน้ำพ่น เออ เน๊าะ นึกในใจอีกล่ะ พอเราพ่นน้ำไปสูงๆให้น้ำลงมาเป็นละออง ให้เหมือนฝนกำลังตกต้นไม้มัน ยิ้ม แฮะ จริงๆนะ ใบมันเคลื่อนไหวแรกๆที่เห็นใบมันเจอแดดจัดก็เลยห่อตัวเพื่อให้รูใบมันตีบ น้ำจะได้ระเหยออกน้อยที่สุดพอมันได้น้ำมันก็ค่อยๆกางใบและระริกระรี้ ว่าเข้านั่นแน่ะ ถ้าใครได้ยินคงว่าเรา
ปากคอเราะรายถ้าเป็นบรรดาเพื่อนปากปีจอด้วยกันคงไม่แคล้วว่า มันกะจะเลาะฟันเราออกเลยล่ะ
จริงๆนะ ใบไม้มันคงรู้สึกเย็นฉ่ำเพราะละอองน้ำที่เราค่อยๆให้มันตกลงมาก็เหมือนทำให้มันรู้สึกว่าฝนกำลังตกมันก็เลยชวนเพื่อนๆมาเล่นน้ำฝนเพราะพอน้ำปรอยลงมามันก็กระทบใบไม้ ใบไม้ก็กระเพื่อมรับและรับต่อกันเป็นทอดๆ ณ บรรยากาศแบบนี้เราก็เลยรู้สึกว่าต้น ใบไม้ มันยิ้ม ซึ่งก็ทำเอาเราคลายร้อนไปด้วยเพราะแอบเอาน้ำมาลูบหน้า ลูบตา แขน ขา และก็เปียกพอๆกับต้นไม้แหละก็รดน้ำทั้งคนทั้งต้นไม้ไง
ต้นไม้มันคงมีความสนุขนะ เพราะเราเหมือนเห็นมันยิ้มให้กันคงยิ้มให้กับเราด้วยคงถูกใจล่ะ ใครยิ้มให้เราเรายังรู้สึกอิ่มใจเลยโดยเฉพาะกับคนที่เราถูกใจมากๆ อิอิ ก็เลยเหมารวมเอาว่าใบไม้มันคงจะยิ้ม
หึหึ คงถูกหลอกอ่านละซิ เห็นทำท่าอยากเลาะฟันเราอีกคนแล้ว จบแล้วขอรับกระผม
10 พฤศจิกายน 2551 08:23 น.
แจ้นเอง
สองสามวันก่อน เราแหงนมองท้องฟ้า เห็นเมฆสีขาวกระจายและเคลื่อนตัวกันอย่างรวดเร็ว
และสายฝนที่กระหน่ำมาบางช่วงก็ทำให้ข้าวที่ออกรวงทนรับน้ำหนักไม่ไหวล้มระเนระนาด ชาวนาเริ่มหนักใจ การเก็บเกี่ยวข้าวล้มเป็นงานยากยิ่ง
แล้วสายลมหนาวก็พัดโชย ใบไม้ร่วงเกลียวกราว สายลมสอดแทรกมาทางหน้าต่างที่แง้มไว้ มาเยือน
เป็นหนาวแรกที่มาเร็วและรุนแรง อุณหภูมิที่ลดทีเดียว 3-5 องศา ทำเอาคลินิก คราคร่ำไปด้วยลูกเล็กเด็กแดง ที่เจ็บไข้ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลง
หนาวแรกของปีนี้ ทำเอาเราเหงาไม่น้อย โครงการหลายโครงการยังไม่เริ่ม แต่โครงการของหัวใจก็ยังคงพับเก็บอยู่ในกระเป๋าเหมือนเดิม เฮ้อ
ถึงฤดูกาลแจกผ้าห่ม เครื่องกันหนาว บางพื้นที่และหลายหน่วยงานที่มีความพร้อมก็ตระเตรียมสิ่งของพร้อมแจก ด้วยเห็นว่าคงจะแร้นแค้น ถามว่า เขาต้องการจริงหรือเปล่า เราไม่แน่ใจ การพบเจอเหตุการณ์บางอย่างทำให้คิดว่า การที่เราแจกโดยไม่สืบหาข้อมูล ความต้องการ หรือข้อเท็จจริง บางครั้งก็เกิดการสูญเปล่า บางหน่วยงานเกิดการให้แบบซ้ำซ้อน หลายหน่วยงานลงพื้นที่เดียวกัน จนบางคน บางเจ้าไม่มีที่เก็บ ...ก็ว่า...กันไปเถิดนะ พี่ น้อง
ปล่อยอารมณ์ไปกับหนาวแรก จะบอกว่าใครอยากสัมผัสกับความหนาวมาเยือนเหนือสิ หนาวแล้วจ้า