13 กรกฎาคม 2551 16:31 น.

ผ่านไป...เหมือนสายลม

แจ้นเอง

ผ่านไป...เหมือนสายลม
ระทม...ทุกข์..รวดร้าว
เพียงฝัน ข้ามวัน คืนเก่าเก่า
แล้ว...สองเราก็จากกัน

ก็...ขอ...เพียงแค่คิด...
เป็นมิตรกันเพียงสั้นสั้น
ต่อไปเราสองเจอกัน
เป็นเพียง..เธอ-ฉัน เท่านั้นพอ

ต่อไปไม่ขอเริ่มต้น
จะนิ่งเหมือนน้ำก้นบ่อ
เพียงหยาดน้ำใส ไหลคลอ
คืนกลับสู่ท่อน้ำตา

ผ่านไป...เหมือนสายลม
ทุกข์ เหงา   เศร้าตรมหนักหนา
เพียงแค่...เอ่ยคำ   อำลา
ก็พัด  ก็พา  เราจากกัน

				
11 กรกฎาคม 2551 17:51 น.

เอาคืน

แจ้นเอง

เอาคืน

                  ฉันต้องแสร้งแกล้งทำห่วงเธอนัก
              เพราะความรักเธอหนักเกินผลักไส
              จึงแกล้งทำเป็นว่าไม่สนใจ
              เพื่อให้เธอค่อยค่อยตายไปทั้งเป็น


                   ยิ่งเธอทำฉันเจ็บมากเท่าไหร่
              แค้นที่ฝังในใจยิ่งลอบเร้น
              เฝ้าเก็บงำความเจ็บช้ำอย่างยากเย็น
              รอเวลา  คืนเธอเป็น  ร้อยเท่าตัว

                   ปราสาทเขาพระวิหารคงเอาคืนไม่ได้แล้ว
                   ขอเอาแค้นนี้คืนก็แล้วกัน				
24 มิถุนายน 2551 08:00 น.

ผู้คนไปไหนกัน

แจ้นเอง

เคยอยู่แต่ในบ้าน
             ไม่ค่อยย่างกรายไปไหน
             ในบ้านมีหนังสือมากมาย
             เพื่อนใหม่ เพื่อนเก่า เราเอง 
                    แต่...วันนี้ดูเหมือนเป็นไข้
             ร่างกายคล้ายไม่กระฉับกระเฉง
             ลุกนั่งเส้นสายพอได้เกร็ง
             ต้องเร่งหาหมอต่อยา
                    พอมาถึงบาทวิถี
             จับรถแท็กซี่ไม่รอช้า
             โนน่แน่ะคลีนิกหมอปรีชา
             ช่วยหน่อยรักษาผมที
                    หมอบอกต้องออกกำลังกาย
              ขับถ่ายไม่ค่อยเป็นเวลานี่
              นั่งนอนจำเจเต็มที
              เดิน วิ่งเร็วรี่ต่อนี้ไป
                     ครับ ครับรับฟังหมอว่า
              โลกนี้กว้างกว่าเป็นไหน ไหน
              อยู่ในห้องหับอับทึบไป 
              เหมือนนอนอยู่ใต้กะลา
                    หมอชวนเดินออกกำลังกาย
              ผู้คนไปไหนกันนักหนา
              เดินเบียดเสียดตามกันมา 
              อ้าว    นั่นรัฐสภา (มองหน้าหมอ) นี่เอง				
19 มิถุนายน 2551 20:57 น.

ช่วย...ที

แจ้นเอง

ช่วย...ที
             มองเห็นตาลโตนดยืนต้นเดี่ยว
        กลางท้องทุ่งสีเขียวของต้นกล้า
        ชาวนาก้มหน้าดำทำแต่นา
        แต่คนอื่มคือข้า"ค้าคนกลาง"
             ทุกข์ชาวนาคือชาวนาผู้หิวโหย
        ถูกคนรวยทิ้งช่วงเป็นช่องว่าง
        ยิ่งทุกข์หนักเมื่อรัฐไม่จัดวาง
        ปล่อยช่องว่างเป็นชั้นกั้นกำแพง
             เป็นจุดก่อกำเนิดเกิดแรงต้าน
        เกิดการคัดการค้านกันเข้มแข็ง
        รัฐฯจะอยู่อย่างไรใต้ลมแรง
        ล้มกำแพงช่องว่างออกเพื่อบอกทาง
             ต้นตาลโตนดยังโดเดี่ยว
        แต่กล้าเขียวยังรายล้อมอยู่รอบข้าง
        ชาวนาหิวก็ยังโหยยังโรยราง
        รัฐฯจะอยู่เคียงข้างหรือไม่ก็ไม่รู้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแจ้นเอง
Lovings  แจ้นเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแจ้นเอง
Lovings  แจ้นเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแจ้นเอง
Lovings  แจ้นเอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแจ้นเอง