4 ธันวาคม 2551 17:13 น.
แจ้นเอง
โขงเอ๋ยโขงเจ้าเหี้ยมโหดจริงหรือ
ไหลอึงอื้อซัดสาดฟาดถาโถม
ต้น กลาง ปลายสายน้ำถั่งตะโบม
โคลนตมถมถ่มทิ้งรอยไว้
เกาะแก่งแง่งหินทั้งใหญ่น้อย
ถูกบอยถูกระเบิดเลยเถิดใหญ่
เพื่อระบายสินค้าระเรื่อยไป
ระเบิดไล่รุกล้ำลำโขงนัก
เมื่อต้นร้ายปลายทางอย่าหวังอยู่
ชีวิต ผู้คนทุกข์ทนหนัก
หลายหมู่บ้านหลายอำเภอเอ่อทะลัก
เหลือเพียงซาก ปรักหักโค่น คน ตึก น้ำ
เอเชียบูรพาเชิดหน้าใหญ่
จีนมักไขโอ่อ่าข้าเด่นล้ำ
สร้างเขื่อนใหญ่ใหญ่จริงถึงแปดลำ
ไทย ลาว เขมรจึงช้ำระกำใจ
อ้างประชุมหลายครั้งยังเกิดเรื่อง
ทำคุยเขื่องพี่น้องผองสหาย
เจ้าต้นน้ำเรากลางท้ายจักบรรลัย
คิดเอาเถิดรัฐฯพี่ไทยใคร่ครวญคำ
โอ้ว่าโขงสายนทีที่ยิ่งใหญ่
พม่า ไทย ลาว เขมรเคยเย็นฉ่ำ
ลำน้ำที่เคยเป็นเช่นลำนำ
โขงเคยย้ำรำลึกนึกถึงกัน
โขงเอยลำโขงเจ้าเศร้าใจนัก
ใครถามทักจะบอกใครอย่างไรนั่น
โขงทิ้งซากชอกช้ำเกินจำนรรจ์
แต่ทั้งนั้น โขงใช่ทำ คือความจริง
1 ธันวาคม 2551 15:50 น.
แจ้นเอง
ศพจ. ย่อมาจากอะไร
ประชุมไปตั้งนานขานเงื่อนไข
พูดเท่านั้น ปณิธานเป็นอย่างไร
ทำได้ไหม ไม่เข้าใจ ไม่เห็นเงา
คนตกเกณฑ์เพราะรวยขึ้นหรือไฉน
ที่มีแววรวยหรือไร ใช่หรือเปล่า
หรือมีแววประกอบการงานหนักเบา
แต่ที่เรารู้อยู่ไม่สู้งาน
ปรับตัวเอง ปรับทัศนคติ
ให้คิดดีทำดีมีหลักฐาน
จะได้ตั้งหลักปักกิจประกอบการ
แต่ตั้งนานขาดเป้าหมายทั้งหลายปวง
ปรึกษาพวกผู้ใหญ่ใคร่รู้แจ้ง
ทำอย่างไรจะแสดงไม่แหนหวง
ทำให้เห็นเช่นไรไม่หลอกลวง
ไม่เป็นแก่นแต่กลวงอยู่ข้างใน
การแก้ไขปัญหาความยากจน
เปรียบเหมือนหมอรักษาคนที่เป็นไข้
เป็นเล็กน้อยก็อาจหายได้ทันใจ
แต่ถ้าเป็นรายใหญ่ๆใช้หลายทาง
ยากจนมากแก้ไขได้ลำบาก
ต้องออกปากรายงานให้นายสะสาง
ทางอำเภออาจแก้ไขให้เจือจาง
ไม่เลือนลางแก้ต้นเหตุไร้เภทภัย
แยกพลเมืองออกเป็นสามประเภท
ที่มีแววล้วนเป็นเอกได้อาศัย
พาพวกพ้องน้องพี่ให้มีชัย
แก้ไขได้ก็เพียงพอต่อนี้เอย
ศพจ. ศูนย์ปฏิบัติการขจัดความยากจน
30 พฤศจิกายน 2551 15:11 น.
แจ้นเอง
ขะมักเขม้นเค้นหาตัวหนังสือ
เสียงดังอื้ออึงมาอีกคราหน
เปิดเทอมใหม่แต่หน้าเก่าเราอีกคน
และต้องทนเสียงเจี้ยวจ้าวทุกคราวไป
ไม่ได้เจอกันนานหลายวันแล้ว
นั่นไอ้แก้วส่งเสียงแจ้วประกาศใหญ่
เพื่อนๆมองร้องหา แกว่าไง
ให้เพื่อนใหม่แนะนำตัวกลั๊วเสียงฮา
ฉันชื่อจิ๋มย้ายถิ่นเข้ามาอยู่
เสียงอู้ฮู้ จิ๋มฮิอีตัวหนา(อี ภาษาแขก)
ไม่บอบบางอย่างชื่อที่บอกมา
อนิจจาจิ๋มร้องไห้ด้วยอายนัก
เสียงเจ้าก้องร้องว่าอย่าร้องไห้
ได้เพื่อนใหม่ครวญใคร่ให้จงหนัก
อย่ายั่วเย้าควรเห็นใจให้ความรัก
และสมัครสมานฉันท์เพื่อนกันแล้ว
พอพูดจบมีเสียงปรบมือดังลั่น
ครูของฉันยิ้มออกมาบอกว่าแจ๋ว
พูดได้ดีเห็นทีส่งเพราะมีแวว(เข้าประกวดนักพูด)
แล้วจัดแถวโต๊ะเรียนใหม่ให้น่ามอง
ฉันมองจิ๋มปากจิ้มลิ้มพริ้มเพรานัก
เธอน่ารักแม้อ้วนใหญ่ใช่หม่นหมอง
จนเรียนจบคบกันตามครรลอง
จิ๋มจึงต้องไปเป็นครูอยู่พารา
ไม่ได้เจอเสียนานเพื่อนขานทัก
แจ้งประจักษ์เพื่อนเก่าเข้ามาหา
ยื่นบัตรเชิญจะเข้าสู่ประตูวิวาห์
อนิจจาฉันอ้างว้างยังค้างคาน(ทอง)อิอิ
บรรทัดสุดท้ายพูดแทนหลายคน อิอิ
28 พฤศจิกายน 2551 16:44 น.
แจ้นเอง
เขียนจดหมายบรรยายความขมขื่น
เขียนที่เก็บมายาวยืนมายื่นให้
ระบายความขื่นขมตรมทรวงใน
เขียนถึงความในใจให้เธอรู้
เขียนตัดพ้อต่อว่าสารพัด
ทั้งข้องขัดตัดรอนตอนหดหู่
ที่ร้าวรวดปวดระกำช้ำพันตรู
เคยฮึดสู้อยู่หลายหนทนอยู่นาน
บาดแผลที่เธอทำมันมีมาก
แก้ลำบากแม้กินยาหลายขนาน
พอทุเลามันก็กลับมารุกราน
ใช่จะพาลเพียงตัดพ้ออย่ารอรี
อย่าเพ่อคิดริดรอนไม่ย้อนกลับ
ในทรวงยับควรรักษาอย่าพาลหนี
แม้นเจ็บปวดก็ยังรักปักฤดี
ขอแค่นี้อย่าทำเมินเหินห่างไกล
ต่อแต่นี้จะทำใจไม่งอนแล้ว
อภัยแก้วกัลยาอย่าเฉไฉ
กับบาดแผลเธอทำให้ช้ำใจ
ตายไปแล้วกลัวชาติใหม่จะไม่ลืม
14 พฤศจิกายน 2551 17:52 น.
แจ้นเอง
อ้างว้างและว่างเปล่า
เหงาเศร้ากว่าคราไหน
ที่เธอมาร้างไป
ที่คาใจยังค้างคา
คิดถึง...และคิดถึง
ประหนึ่งหมดน้ำยา
หนาวเยือนคราฝนลา
ทอดสายตามองหาเธอ
บางใครอาจเหว่ว้า
และบางคราอาจพลั้งเผลอ
บางครั้งอาจพบเจอ
และบางเธออาจหวั่นไหว
บางทีหนอชีวิต
อาจลิขิตให้เป็นไป
บางคนไม่มีใคร
แต่บางใครอยากปลอบโยน
บางทีและบางครั้ง
เราก็ยังเฝ้าอดทน
อ้างว้างกี่ครั้งหน
ก็ยังทนกับความรัก