8 กุมภาพันธ์ 2550 19:41 น.
แค่นี้นะ
วันที่เราฝึกงานเสร็จจากสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งของประเทศไทย (ของอนุญาติไม่เขียนในที่นี่) ก็พูดกับตัวเองว่า กูจบแล้วโว้ย ต่อจากนี้ไปเราต้องหางานทำ มีเงินมากๆ มีหน้าที่การงานที่ดี ก็เลยตัดสินใจสมัครงานที่สถานีโทรทัศน์ที่ตัวเองฝึกงานเป็นที่แรก โดยการสมัครในเว็ปของช่อง โดยการกรอบข้อมูลให้ละเอียด อาทิเช่น ชื่อ - สกุล, อายุ, น้ำหนัก, ส่วนสูง, วุฒการศึกษาตั้งแต่ประถม - ป.ตรี ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาวุฒการศึกษา ป.6 - ม.3 ไปทำพระแสงอะไร ถึงอย่างไรอันนี้ก็พอจะให้อภัยกันได้ แต่ที่มีให้อภัยไม่ได้เลยก็คือ น้ำหนัก และส่วนสูง จะถามไปเพื่ออะไร หรือจะให้ผมเข้าประกวดนางสาวไทย เห็นไม่ถามสัดส่วนด้วยเลยละจะได้หมดเรื่อง
ผมกรอบข้อมูลไปด้วยความสงสัย ว่าทำไมต้องถาม ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ผมสมัคร ทำไมไม่ถามว่าถ้าคุณทำหน้าที่นี้แล้ว คุณคิดว่าคุณจะทำอะไรให้บริษัทได้บ้าง ก็ได้แต่คิด อย่างไรก็ตามผมได้กรอบข้อมูลได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ผมได้รหัส 6 หลักมา เพื่อเขียนรหัส 6 หลักนี้ไว้ด้านหลังรูปที่มีขนาด 1 นิ้ว นำไปส่งที่ฝ่ายบุคคลของช่อง ระหว่างที่เดินไปนั้นก็คิดอะไรต่อมิอะไร แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงฝ่ายบุคคลผมก็ได้เข้าไปถามพี่เขาว่า ขอโทษนะครับ ผมมาสมัครงานครับ ผมจะพูดต่อแต่พี่เขามีความสามารถมากในการสนทนาเหมือนกับได้พูดประโยคนี้มาทั้งวัน เขียนรหัส 6 หลักที่ได้ไว้ด้านหลังรูปที่มีขนาด 1 นิ้ว แล้วนำไปใส่ไว้ในกล่องกระดาษด้านหน้านะครับ โอ้คุณพระช่วย! แค่รูป 1 นิ้ว กับรหัสเท่านั้นเหรอนี่ แต่ด้วยความน่าตาดี (จริงๆนะ) กับความชั่งสงสัยของผม (อันนี้ชัวร์) เลยเดินเข้าไปถาม เอารูปอย่างเดียวเหรอครับพี่ พี่เขาบอกด้วยความมั่นใจว่า เอารูปอย่างเดียวครับ ส่วนเอกสารไม่ต้อง เดี๋ยวทางเราจะดูรูปแล้วโทรกลับไปครับ โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด น่าตาดีเท่านั้นที่อยู่ช่องนี้ได้ ผมได้ฟังคำตอบของพี่เขาเสร็จ ยกมือไหว้แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความผิดหวังอย่างแรง ขณะที่กำลังเดินออกมาด้วยความผิดหวัง (เดินได้ 2 เก้าหรือว่า 3 เก้านะขอประธานโทษจำไม่ได้จริ๊งงงงจริงๆ) ก็มีเสียงผู้ชายมาจากด้านหลัง เดียวทางเราจะโทรกลับไปนะครับ เสียงนี้ไม่ใช่เสียงใครก็เป็นเสียงของพี่เขาแหละครับ กำ (กำ เป็นภาษาวัยรุ่นที่ให้ใช้ในเวลามีปัญหาที่แก้ไขไม่ได้หรือเวลาเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์)
ผมได้ฟังประโยคนี้ครั้งแรกก็รู้สึกดีมากๆ ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาอีกนิด หลังจากนั้น 3 วัน ผมนั้นรอโทรศัพท์ รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ แต่ก็ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์จากเพื่อนๆ โอ้ ! คุณเจ้ากำทำไมถึงทำกับฉันได้
นั่งรองานให้โทรมาถึงวันที่ 4 ผมตัดสินใจอีกครั้ง คือ สมัครงานใหม่ (ทำไมต้องตัดสินใจด้วยก็มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ) ผมคิดว่าคงต้องมีบริษัทสักบริษัทนึ่งต้องรับนักศึกษาจบใหม่อย่างผม (มีความสามารถด้วย) ผมเริ่มการสมัครงานโดยการสมัครผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นลำดับแรก ในการสมัครงานผ่านทางอินเตอร์เน็ตผมได้สมัครไป 64 บริษัทมีทั้งงานที่เกี่ยวกับสายงานทางโทรทัศน์, วิทยุ, โฆษณา, แม้กระทั้งครูอาจารย์ จนถึงการฝึกอบรม แต่ไม่มีบริษัทไหนโทรกลับมาหาผมเลย เว้นแต่บริษัทประกันชีวิตและก็บริษัทประกันชีวิต ครั้งแรกที่บริษัทประกันชีวิตโทรมา ก็บอกว่า ทางเรามีความยินดีให้คุณหน้าตาดี (นามสมมุติ อย่า! คิดมาก) มาทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าฝึกอบรม ด้วยความสงสัย ผมถามกลับไปว่า แล้วคุณได้เบอร์มาจากไหนครับ เพราะผมไม่ได้สมัครกับบริษัทประกันชีวิตเลย เขาเลยตอบมาว่า ได้ข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ต เพราะเห็นว่าตำแหน่งที่คุณได้สมัครไว้กับบริษัทอื่น ทางบริษัทเรามีความสนใจเป็นอย่างมาก และแล้วฟ้าก็เห็นความสามารถของเรา ด้วยความดีใจสุดขีด เลยถามเขาไปว่า ต้องให้ผมไปที่ไหน เวลาอะไร ครับ เขาบอกวันเวลาและสถานที่ให้ วันที่เขาโทรมาเป็นวันศุกร์ แต่นัดสัมภาษณ์ผมวันจันทร์ รอประมาณ 3 วัน