27 พฤษภาคม 2555 14:51 น.

* แดนพิศวง ตอน ๑๓ *

แก้วประเสริฐ

  
               แดนพิศวง ๑๓
               (ออกเดินทาง)

   ภายในห้องพักชายหนุ่ม เก็บของใช้ส่วนตัวบางอย่างลงในกระเป๋าใบไม่ใหญ่

นัก แต่ไม่ลืมหยิบจดหมายที่เขียนไว้เพื่อส่งให้แม่บ้านฝากให้พี่ชายไว้  ชาย

หนุ่มตรวจสิ่งของจำเป็นบางอย่างครั้นเห็นว่าครบถ้วนแล้ว  จึงหันซ้ายแลขวา

ไปมองยังห้องนอนของเขา   พลันก้าวออกนอกห้องพบแม่ม่อมกำลังยกแก้ว

น้ำส้มมาให้เขาตามหน้าที่  แม่บ้านชะงักพรืดเมื่อเห็นเขาสะพายกระเป๋าใบ

หย่อมๆบนไหล่  ก็เอ๋ยปากถามว่า

    “คุณชายจะไปไหนหรือเจ้าค่ะ????...”

    “จะไปเที่ยวต่างประเทศสักหน่อย อ้อๆๆนี้จดหมายฝากให้พี่นิวัฒน์ด้วยนะ

ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเสร็จธุระจะกลับมาจ้า”

     พลางยกแก้วน้ำส้มยกขึ้นดื่มจนหมดแล้วแล้ววางกลับคืนบนถาดไป

   “แล้วจะไปกันสักกี่คนล่ะจ๊ะคุณชาย”

   “อ้อๆๆผมไปคนเดียวแหละจ้าแม่ม่อม  เสร็จธุระก็จะกลับมาเองแหละ”

   “แล้วคุณชายบอกคุณชายนิวัฒน์หรือยังล่ะเจ้าค่ะ”

   “ไม่ได้บอกเขาคงจะรู้ว่าผมไปไหนหรอกจ้า  เดี๋ยวนี้การเดินทางสะดวก

มากจ้าแม่ม่อมไม่ต้องห่วงหรอก ผมไปล่ะนะแม่ม่อม”

    หญิงวัยกลางคนหันมามองด้วยความแปลกใจที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา  หล่อน

ไม่เคยเห็นคุณชายเล็กจะออกไปเที่ยวที่ไหน เวลาจะไปหรือก็ไม่มี

กระโตกกระตากเสียเลย  นำถามน้ำส้มไปวางไว้แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า

    “อาหารเช้าล่ะเจ้าค่ะ ไม่ทานก่อนจะไปหรือ?????...”

   “คงจะไม่หรอกจ้าแม่ม่อม ขอโทษด้วยนะที่ลืมบอกว่าไม่ต้องจัดอาหารเช้า

ไว้ให้ผมด้วย”

   “ขอโทษเจ้าค่ะ???...แล้วจะไปประเทศไหนล่ะเจ้าค่ะ”

   “ผมตั้งใจว่าจะไปประเทศเนปาล เพราะที่นั่นมีศิลปะหลากหลาย มีทั้งพุทธ

ฮินดู และอื่นๆอีกมากจ๊ะ จะไปศึกษาหาความรู้สักหน่อย”

   “แล้วหากท่านทั้งสองกลับมาคุณชายยังไม่กลับจะรายงานอย่างไรล่ะเจ้า

ค่ะ???  เพราะอย่างไรท่านต้องถามม่อมอยู่ดีหรอก”

   “เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกจ้าแม่ม่อม เพราะในจดหมายฉันเขียนบอกท่านไป

หมดแล้วล่ะ  เดี๋ยวสายรถประจำทางจะหมดเวลาเสียก่อนไปล่ะจ๊ะแม่ม่อม”

   “อ้าวๆๆให้เจ้าจ้อยมันขับรถไปส่งก็ได้นี่นาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเจ้าค่ะ”

   “ไม่เป็นไรหรอกแม่ม่อม  ฉันชอบไปคนเดียวเสมอๆๆแม่ม่อมก็รู้นี่นา”

     เพื่อไม่ให้เสียเวลามากนักชายหนุ่มหันมายิ้มกับแม่ม่อมเป็นครั้งสุดท้าย 

 เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ ด้วยงานนี้มันมืดมนเสียสิ้น

ดีหากโชคดีได้พบสองสิ่งที่ตั้งใจไว้ก็ต้องออกเดินทางไปอีกที่อีกแห่งหนึ่ง เพื่อ

ช่วยเหลือเขาตามคำมั่นสัญญา เขาเองยังไม่รู้ชะตากรรมเลยว่าจะเป็นอย่างไร

ดังนั้นจึงก้าวหลีกแม่ม่อมที่ยืนอ้าปากค้าง  แต่ไม่วายเขายื่นมือไปตบไหล่

แม่ม่อมเพื่อเป็นการปลอบใจ  แล้วเดินออกจากบ้านไปทันที

     อากาศตอนนี้ยังเช้าอยู่แสนสดชื่นคลื่นวิ่งเข้าหาฝั่งเป็นระลอกๆ เขาก้าวเดิน

ไปชมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม อดที่จะหันหลังกลับมามองบ้านหลังน้อยที่ให้

ความสุขแก่เขามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ถึงแม้ว่าจะมีคฤหาสน์อันใหญ่โตใน

กรุงเทพฯก็ตาม  แต่เขาชอบสถานที่นี้มากว่าคุณพ่อคุณแม่ก็ตามใจและหมั่นมา

หาเขาอยู่เสมอๆ   เขาหันไปมองยังแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล ยืนเพ่งพิศสักครู่

หนึ่ง   ก็รีบเดินออกไปเพื่อเข้ากรุงเทพฯเขาไม่ได้ไปที่ท่ารถยนต์โดยสารที่จะ

วิ่งเข้ากรุงเทพฯหรอก   เขาเดินหลีกเข้าไปในชายป่าริมเขาที่อยู่ด้านหลังบ้าน

น้อยพร้อมทั้งกำหนดจิตรวบรวมพลัง  ร่างของเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นแล้วมุ่งหน้า

ไปยังสนามบินทันทีด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า  หลบหลีกฝูงชนลัดเลาะ

เลี้ยวไปตามหมู่ไม้ ในไม่ช้าเขาก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  แม้จะมีบ้างในการ

เดินสวนกับฝูงชนหรือรถต่างๆแต่ไม่มีใครสังเกตุว่าเท้าของเขาหาได้แตะพื้น

ไม่เพียงแค่ผ่านแว๊ปเดียวร่างเขาก็หายไปแล้ว  ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาในเรื่องนี้

       หลังจากผ่านการตรวจสอบที่ท่าอากาศยานไปเรียบร้อยแล้วเขาก็ได้ที่นั่ง

ติดใกล้กลับหน้าต่างเครื่องบิน เขานำกระเป๋าลูกเดียววางบนชั้นบนเหนือศีรษะ

เขา  พร้อมนำหนังสือพิมพ์ที่ซื้อไว้พร้อมด้วยแผนผังการท่องเที่ยวของประเทศ

เนปาลมานั่งอ่าน  ในไม่ช้าเจ้าหน้าที่ก็บอกให้รัดเข็มขัดเพราะเครื่องบินจะออก

เดินทางแล้ว   เพียงไม่ช้าเท่าไหร่เครื่องบินก็ทยานเหนือท้องฟ้ามุ่งหน้าไปทาง

ประเทศอินเดียแล้วหยุดพัก  เขาต้องเปลี่ยนเครื่องบินใหม่ระยะเวลาไม่นาน

เครื่องบินก็ทยานออกเดินทางต่อไปยังประเทศเนปาลทันที

        ครั้นถึงประเทศเนปาลเขาก็ก้าวลงผ่านการตรวจสอบเนื่องจากเขาไม่มี

สัมภาระมากจึงผ่านได้สะดวก   เขาเดินออกมาทางหน้าสนามบินพลางเรียก

แท๊กซี่ให้ไปส่งยังโรงแรมที่เขาจองไว้เป็นโรงแรมขนาดปานกลางหลังจากได้

ห้องเป็นที่เรียบร้อย  เขาก็นำแผนที่ประเทศเนปาลทั้งหมดมากางบนโต๊ะอ่าน

เพื่อค้นหาเป้าหมายเพื่อจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น  เวลาเขาไม่มีมากมายนัก

จุดประสงค์เพียงค้นหาของบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่เท่านั้น  เมื่อเขา

อ่านศึกษารายละเอียดเรียบร้อยแล้ว  ก็เข้าไปอาบน้ำและพักผ่อน  ที่ประเทศนี้

การแต่งกายก็เหมือนชาวอินเดียทั่วๆไป แต่ประเทศนี้นับถือหลายศาสนาส่วน

ใหญ่เป็นพวกฮินดู รองมาก็เป็นชาวพุทธ และอิสลาม  ส่วนมากต่างอยู่ร่วมกัน

ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นเลย  ผิดกับเมืองไทยที่ช่างวุ่นวายเสียจริงๆ

        ครั้นตกค่ำๆหน่อยเขาก็ออกจากห้องพักออกเดินทางไปยังตลาดค้าของเก่า

ซึ่งเขาแน่ใจว่า บางครั้งสิ่งที่ต้องการอาจจะหลงเหลืออยู่ก็เป็นไปได้  ของทุก

อย่างวางไว้ในชั้นที่เก็บ แต่เขาไม่ลืมนำหนังสือเดินทางติดตัวไว้เสมอ   ในไม่

ช้าเขาก็มาสู่ยังตลาดค้าของเก่า  ซึ่งเป็นซอยเล็กๆ ส่วนใหญ่เป็นแผงเล็กๆหน้า

ร้านใหญ่อีกทอดหนึ่ง  แต่เนื่องจากมีชาวต่างประเทศมาท่องเที่ยวมากดังนั้นเขา

จึงไม่เป็นที่ต้องสงสัยสังเกตุของชาวเมืองเว้นแต่การแต่งกายเท่านั้นที่บอกว่า

เขาเป็นชาวต่างชาติ  เขาเดินไปหลายๆซอยของขายแต่ล่ะอย่างมักจะเป็นพวกที่

จัดสร้างใหม่ๆทั้งสิ้นมีลวดลายแปลกประหลาดทำด้วยทองเหลืองกับเงินผสม

เป็นส่วนมาก หรือไม่ก็เป็นพวกทองแดงผสมหลายๆอย่างกันแต่วิจิตรงดงามยิ่ง

ส่วนลูกแก้วลูกปัดต่างๆก็มีจำนวนมากมาย แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนาก็หาไม่

     เมื่อเขาเดินสำรวจไปนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะล้วนแล้วแต่สิ่งที่

เขาไม่เกิดความกระตือรือล้นเสียเลย  แม้พวกพ่อค้าแม่ขายจะโฆษณาของๆเขา

อย่างไรก็ตาม  เมื่อได้เวลาพอสมควรแล้วก็หันหลังกลับไปที่พักตั้งใจว่าพรุ่งนี้

จะไปยังวิหารต่างๆที่มีชาวพื้นเมืองให้ความเคารพบูชา  ครั้นรุ่งเช้าเขาก็ออก

เดินทางไปยังวิหารฮินดูก่อน เป็นวิหารที่กว้างขวางมากมีรูปปั้นต่างๆของพวก

ที่ชาวฮินดูนับถือ บ้างก็สวดมนต์เพื่อมิให้เป็นที่สงสัยเขาก็ซื้อของเข้าไปบูชา

เทพเจ้าทั้งหลายด้วย  ออกจากวิหารนี้ก็ไปอีกวิหารจวบเวลาจวนค่ำนั่นแหละ

 
       เขาถึงได้เดินทางกลับ  มานอนคิดว่าสงสัยของเหล่านี้จะไม่มีในประเทศนี้

เสียแล้ว แต่ยังมีสถานที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปคือตลาดเก่าแก่มากๆที่ขายของเก่า

จึงคิดว่าน่าจะลองไปดูหากไม่มีอะไรก็จะออกเดินทางไปธิเบตดีกว่า หลังจาก

สั่งอาหารมาทานปกติเขาเป็นคนทานของง่ายอยู่แล้ว จึงไม่เป็นปัญหาเรื่อง

อาหารการกิน เพียงแค่แป้งโรตีกับแกงที่อุดมไปด้วยเครื่องเทศมากเป็นพิเศษก็

พอสำหรับเขาแล้ว  ก็อาบน้ำพักผ่อนว่ารุ่งเช้าจะไปยังตลาดขายของเก่าอีกที่

หนึ่งหากไม่พบก็จะออกเดินทางไปธิเบตทันที

      ระหว่างก่อนจะนอนเขามักจะฝึกนั่งสมาธิประจำเสมอรวบรวมพลังงาน

ต่างๆไว้เป็นประจำ  วูบหนึ่งในขณะที่เขากำลังฝึกรวบรวมสมาธิรวมเป็นหนึ่ง

เดียว ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนกระเพื่อมเข้ามาทันที เขาเพ่งมองดูแต่ประหลาด

สักครู่หนึ่งก็หายไปทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้นอีก  สงสัยว่าพรุ่งนี้อาจจะได้พบ

อะไรบางอย่างเป็นแน่จากตลาดขายของเก่านั้น  หลังจากทดลองพลังงานต่างๆ

จนพอใจแล้วก็ล้มตัวลงนอนทันที  ในขณะที่เขากำลังหลับสนิทอยู่ก็นิมิตไปว่า

เขาได้ไปพบของสิ่งหนึ่งในลังเก่าๆที่ซุกซ่อนไว้ภายในร้านแห่งหนึ่ง ยาว

ประมาณหนึ่งคืบกว่าๆเห็นจะได้จากร้านเก่าๆแล้วนิมิตนั้นก็หายไป
   
     ครั้นตื่นขึ้นมาแล้วหลังจากชำระล้างร่างกายให้สะอาดก็มานั่งทบทวนฝัน

เมื่อคืนนี้อีกครั้ง แปลกเขายังจำได้ว่าหน้าร้านนั้นมีรูปนกแปลกประหลาดห้อย

แขวนอยู่ตัวหนึ่ง   ดังนั้นเขาไม่รีรอรีบโทรฯสั่งอาหารมากินอย่างรวดเร็วแต่

อาหารทางนี้ไม่ค่อยถูกปากเขาเท่าไหร่นักมักจะตบท้ายด้วยนมสดเสมอๆ แต่

เขาไม่สนใจมากนัก  หลังเรียบร้อยแล้วก็บอกบ๋อยว่าหากเขากลับมาแล้วให้ไป

บอกแคชเชียร์ว่าเขาจะเช็คเอาท์ออกในวันรุ่งขึ้นพร้อมทีปรางวัลไปให้ก้อน

หนึ่ง  ทำให้บ๋อยนั้นกระวีกระวาดจัดการอย่างรวดเร็ว  ชายหนุ่มสอบถามบ๋อย

ว่าที่ตลาดที่เขาจะไปบอกว่าหน้าร้านมีนกแขวนไว้มีหรือเปล่า???....
  
      บ๋อยถามอะไรเขาบางอย่างเขาก็บอก  มันพยักหน้าบอกว่ามีอยู่สุดซอยที่เขา

จะไป  มีอยู่ร้านเดียวเท่านั้นที่แขวนรูปนกแปลกปลาดไว้ นอกนั้นไม่มีเขาพยัก

หน้ารับทราบแล้วก็รีบออกเดินทางไป   ระยะทางไม่ไกลมากนักอาศัยที่เขาใช้

พลังงานในการเดินทางจึงไปได้อย่างรวดเร็ว  ไม่ช้าก็พบซอยดังกล่าวอยู่แต่ไม่

ค่อยมีคนจะเข้าไปใช้บริการมากนัก เขาเดินชมไปเรื่อยๆพลางชำเลืองสายตาไป

หน้าร้าน ตามนิมิตบอกและบ๋อยแจ้งให้ทราบ ซอยนี้มีระยะทางยาวไกลมากแต่

ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขานัก  เมื่อเขาเดินมาเกือบจะสุดซอยก็เห็นรูปนกแขวน

ไว้หน้าร้าน   แต่มันช่างมีลักษณะที่แปลกประหลาดงดงามไปอีกแบบหนึ่ง

      จริงดังที่บ๋อยมันบอกมันเป็นนกที่แปลกประหลาดตั้งแต่เขาเห็นมา

จะว่าเป็นมังกรก็ไม่ใช่จะเป็นกิเลนก็ไม่เชิงเพราะมีปีกทั้งสองข้างมีเล็บเกาะบน

กิ่งไม้เก่าๆ  มันแปลกตรงที่ไม่มีลมแต่เจ้านกนี้มันแกว่งไปๆมาๆได้อีกด้วย

    เขานึกฉงนใจอย่างยิ่งจึงเดินเข้าไป คนขายเป็นชายชราอายุมากแล้วหลังค่อม

เล็กน้อย กำลังนั่งบนเก้าอีกไม่ค่อยสนใจใครเท่าใดนัก ส่วนใหญ่จะมีพ่อค้า

แม่ค้ามาเรียกลูกค้าเข้าร้านเพื่อซื้อของ แต่ชายชราคนนี้ไม่เรียกใครเลยนั่งเฝ้า

ของอยู่อย่างเดียว  เขาเดินเข้าไปหาพลางแกล้งหยิบของโน่นของนี่ดูแล้วก็วาง

ลง   พลางหันไปถามชายชราว่าของมีแค่นี้หรือ  ชายชราเงยหน้าขึ้นมองเขา

พลาง  ถามเขาว่า

     “ก็เห็นจะมีเท่านี้หรอกพ่อหนุ่ม  พ่อหนุ่มต้องการอะไร?...หรือ????....”

     “ ผมต้องการจะซื้อของเก่าๆไม่เห็นวางขายที่นี่เลยนี่นา  มันเป็นของที่อยู่ใน

กล่องไม้ออกสีแดงๆ ลุงมีหรือเปล่าล่ะ????”

     “คุณต้องการเอาไปทำอะไรหรือ???...”

พร้อมทั้งมองหน้าชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษระจรดปลายเท้า พลางหัวร่อฮึๆเบาๆ

     “ผมฝันเห็นว่าร้านลุงนี่แหละมีขายอยู่  แต่ไม่เห็นวางขายนี่นา”

    ทันใดนั้นชายชราจ้องหน้าเขาเขม็งพลางส่งภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพื้นเมืองทันที

แต่เขาฟังออกว่า  ชายชราคนนั้นกล่าวว่ากระไร   แล้วชายชราคนนั้นก็หันมา

ทางเขาอีกพลางว่า

     “มันเป็นของตกทอดกันมาจากคนรุ่นปู่ย่าตาทวด  สั่งให้เก็บรักษาไว้ว่าหาก

วันใดมีคนมาสอบถามให้มอบของแก่เขาไป พร้อมด้วยนกที่แขวน  พลางชี้ไป

ยังนกหน้าร้านทันที”

    “ผมเดินทางมาที่นี่ต้องการของสิ่งนี้แหละพ่อลุง ขอชมดูหน่อยได้ไหม

ล่ะ???บางทีอาจจะเป็นเหมือนอย่างในที่ฉันฝันนะลุง”

    “หากพ่อหนุ่มสามารถเปิดหีบออกและดึงของจากฟักมีดได้ก็เอาไปเลยไม่

ต้องมาซื้อหรอกนะ  แต่หากพ่อหนุ่มไม่สามารถทำได้ก็เชิญไปจากร้านได้แล้ว

เพราะถึงอย่างไรลุงก็ขายให้ไม่ได้”

     “รับรองลุง ผมจะไม่บอกให้ใครรู้อีกด้วยล่ะ แต่ขอทดลองดูหน่อยนะเผื่อมี

วาสนาเป็นเจ้าของก็ได้  แล้วลุงเคยเห็นของนั้นหรือยังล่ะในฝักมีดนะ”

     “ยังเลยพ่อหนุ่ม  ลุงพยายามหลายๆครั้งแล้วไม่สามารถเปิดกล่องที่เก็บ

รักษาไว้  และชักมันออกจากนอกฝักได้เลย  เลยไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่”

   “ถ้าอย่างนั้นขอให้ผมทดลองหน่อยได้ไหมล่ะลุง หากไม่ได้ก็จะสนนาคุณลุง

อีกด้วยล่ะ ส่วนนกนั้นมันก็แปลกนะลุงไม่รู้ทำด้วยอะไรมันมีตาสีแดงแล้ว

แกว่งไปๆมาๆได้อีกด้วยซิลุง”

    “หาๆพ่อหนุ่มว่าอะไรนะ นกนั้นนะหรือแกว่งไปๆมาๆได้ด้วย”

    “จริงจ๊ะลุงมันแกว่งไปๆมาๆได้อีกด้วยยามผมจ้องมองมัน  ตาสีแดงก็รู้สึกว่า

มันจะมีประกายแสงออกมาด้วยซิ”

    “ฮ้าๆๆจริงๆหรือพ่อหนุ่มไม่หลอกลุงนะ ลุงอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็กจำความ

ได้ยังไม่เคยเห็นมันแกว่งได้เลย แม้จะพยายามแกว่งมันเท่าไหรมันคล้ายๆมี

อะไรมาดึงดูดไว้นะ และไม่รู้ว่ามันทำด้วยอะไรด้วยซิ”

   “จริงๆจ๊ะลุง ดูซิโน่นไงมันแกว่งไปๆมาๆอีกด้วยล่ะ”

    ชายชราหันไปมองตามที่ชายหนุ่มชี้ให้ดู  ก็ถึงกับตาโตปากอ้าค้างทันที  ใช่

ตอนนี้ไม่มีลมสักนิดแต่นกมันทำไมแกว่งไปๆมาๆได้อีกด้วย แปลกๆพลางหัน

มามองหน้าชายหนุ่มทันที หรือว่าๆๆๆๆมันพบเจ้าของมันแล้วชายชราคิดพลาง

หันมาพูดกับชายหนุ่มทันที

    “ถ้าอย่างนั้นพ่อหนุ่มคอยเดี๋ยวนะจะยกของออกมาให้พ่อหนุ่มทดลองหน่อย

ว่าจะเปิดได้หรือไม่ แต่มีข้อแม้ว่าหากพ่อหนุ่มเปิดได้จริง พ่อหนุ่มไปไหนเอา

ฉันไปด้วยคนนะ ว่าไงตกลงไหมล่ะ???”

    คราวนี้หนุ่มนิรุทธ์อึ้งไปทันทีลำพังตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดหากได้

ชายชรานี้ไปด้วยมีสร้างความลำบากใจแก่เขาหรือ???”

   “น่าๆๆลุงไม่ทำความวุ่นวายให้แก่พ่อหนุ่มหรอกบางทีอาจจะช่วยเหลือพ่อ

หนุ่มบ้างก็ได้นะ เพราะลุงร่ำเรียนวิชามาก็มากเสียด้วย  ที่พ่อหนุ่มเห็นฉันนี้ฉัน

แกล้งทำหรอก”

    “หาๆๆๆลุงไม่ได้แก่อย่างนี้หลังค่อมเลยหรือ????”

    คราวนี้ชายชราหัวร่อพลางเอ่ยว่า

   “อันที่จริงลุงไม่ได้แก่อย่างนี้หรอก เพียงใช้วิชาหดเส้นเอ็นกระดูกเท่านั้นเอง

แหละ เพราะคอยมานานเพื่อจะมาคนที่เป็นเจ้าของสิ่งของนี้เท่านั้นเอง  แล้วพ่อ

หนุ่มจะเห็นเองแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

      คราวนี้ชายหนุ่มอ้าปากค้างบ้างล่ะเพราะมีวิชาหดเส้นเอ็นกระดูกด้วยหรือ

เป็นมีแต่ในตำราทางจีนเท่านั้นเอง  แต่อย่างไรชายหนุ่มก็รับปากว่า

     “หากลุงไม่สร้างปัญหาแก่ผมล่ะก็ไม่ขัดข้องหรอก แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเปิด

ได้หรือไม่อย่างไรก็ไม่รู้ได้ อย่าพึ่งดีใจอะไรมากนักนะ”

    “ปู่ทวดบอกว่าหากนกประหลาดตัวนี้มันเชื่อฟังใคร และใครเป็นเจ้าของ

จะแจ้งให้คนๆนั้นรู้  นี่ฉันก็เห็นมากับตาแล้วจึงเชื่อมั่นว่าคงไม่ผิดหรอก คอย

เดี๋ยวนะ จะไปเอาของมาให้ดูก่อนคอยตรงนี้แหละ”

       ว่าแล้วชายในร่างชราก็หันกายออกเดินเข้าไปข้างในสักพักหนึ่งก็ยกหีบไม้

ที่สลักลวดลายสวยงามมากๆ นำมาปัดฝุ่นที่จับจนคลุ้งไปหมด  ชายหนุ่มถอย

หลังออกมาหน่อยหนีฝุ่นที่ปลิวฟุ้ง  สภาพกล่องแม้จะเก่าแต่ก็ดูไม่เก่านัก
 
       เมื่อเรียบร้อยแล้วชายชราก็กวักมือเรียกชายหนุ่มเข้าไปในร้านทันที แต่

เป็นห้องแคบๆโล่งๆเล็กนิดเดียว  เขาเดินตามชายชราเข้าไป พลางหันหลังให้

ประตู  เอื้อมมือมาคลำรู้สึกถึงพลังงานซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ข้างในพุ่งออกมาสู่

ฝ่ามือเขาทันที  ดังนั้นชายหนุ่มจึงเร่งเร้าพลังงานแห่งจักรวาลออกไป  ฉับพลัน

เสียงดังแชะๆดังขึ้นสามครั้ง  ชายชรายืนมองอยู่ใกล้ๆใจหรือก็แปลกใจเพราะ

เขาเองก็ได้ยินเสียงนี้เหมือนกัน  พอชายหนุ่มเปิดฝากล่องออกมาก็ปรากฏว่ามี

กล่องอีกใบหนึ่งวางอยู่ภายใน จึงเปิดฝาออกอีกก็พบกล่องขนาดเล็กซ้อนอยู่อีก

ชั้นหนึ่ง  จึงเปิดขึ้น แล้วก็เห็นลักษณะของที่ซ่อนอยู่ภายในเป็นแท่งยาวๆ 

แกะสลักไว้วิจิตรพิสดารมาก 

        ดังนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมายกขึ้นส่องมองดู  ชายชราก็รีบเข้ามาใกล้ๆ

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราเห็นแม้แต่กล่องเขายังไม่มีปัญญาเปิดได้เลยแต่นี่

ชายหนุ่มกลับสามารถนำสิ่งของนี้ออกมาได้ ชายหนุ่มหลังจากพิจารณาดูแล้วก็

ชักด้ามออกจากตัวฝักทันที    ปรากฏเสียงดังสนั่นลั่นประกายวูบวาบ

หลากหลายสีพรายแสงออกมาทันที  ปรากฏว่ามันเป็นแท่งผนึกแก้วนั่นเอง

รูปร่างคล้ายกริชหรือพระขรรค์ก็ไม่เชิงประกายแวววาวสดสวยงดงามมาก 

 พลางหันมาทางชายชราเพื่อจะให้ได้ชมดู   แต่ปรากฏว่าชายชรานั่งคุกเข่ายก

มือขึ้นท่วมหัวเหมือนจะเคารพต่อสิ่งนี้  พร้อมทั้งกราบลงทันทียามเมื่อเหลือบ

ตามองไปยังสิ่งของ  น้ำตาไหลออกจากนัยน์ตาทั้งสองเบ้า พลางเอ่ยว่า

    “พบแล้วเจ้าของที่ข้ารักษามานมนานรุ่นปู่ย่าตาทวด บัดนี้พบเจ้าของแล้ว 

ขอขอสักการะบูชาต่อของวิเศษนี้ นับเป็นบุญตาแก่ข้าจริงๆ”   ทันใดนั้นเอง

เสียงร้องก้องของนกที่แขวนหน้าร้านมันทิ้งคอนกระพือปีกบินเข้ามาหาทันที

แล้วร่างมันค่อยๆใหญ่ขึ้นๆ  พลางผงกหน้าก้มหัวเหมือนคล้ายคาราวะชายหนุ่ม  

ตัวมันใหญ่มากจนร้านค้าเล็กๆนั้นพังทะลายลงในพริบตา...........

                  * แก้วประเสริฐ. *

2HlsOT.gif1139348gm3744qpip.gif2HlsOT.gif927093rf1pk0fzph.gif1Cmll.gif76.gif				
6 พฤษภาคม 2555 17:02 น.

* แดนพิศวง ตอน ๑๒ *

แก้วประเสริฐ

  
                  แดนพิศวง ๑๒
             ( เตรียมออกเดินทาง )

   ชายหนุ่มเหลือบสายตามองเห็นแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในการมาของ

พี่ชายเขา  จึงเดินเลี่ยงไปชมต้นไม้ต่างๆที่กำลังชูดอกสะพรั่งส่งกลิ่น

หอมหวน  พลางสนทนากับพวกแมลงเบาๆอย่างสนุกสนานใจ

   “เฮ้ยๆๆ!!!!ๆๆๆ  จะเลี่ยงไปไหนล่ะว๊ะเจ้ารุทธิ์  แล้วเรื่องล่ะ

ว่าอย่างไรกัน ไม่เห็นตอบกลับเดินหนีไปเสียอย่างนี้แหละ”

   “ผมบอกพี่ไปก็พวกนั้นก็ไม่มีปัญญาหาได้หรอกเพราะจะไปหาได้

ที่ไหนล่ะที่มีขนาดใหญ่ๆนะ”

   “แล้วมันอะไรกันล่ะ ทำไมพวกนั้นเขาร่ำรวยมากมีหรือจะหา

ไม่ได้”
   “หากผมบอกไปจะหาได้หรือ ที่ต้องมาทำเป็นมีดนะ ต้องมีขนาด

ใหญ่ยาวมากเสียด้วยนะ”

   “แล้วอะไรล่ะ????...บอกมาเถิดจะได้ไปบอกเขาสักทีว๊ะ”

   “อ้าวก็ เพชร ไงล่ะที่มีความแข็งแกร่งแม้แต่กระจกก็ยังตัดขาดได้

แล้วเขาจะไปหาได้ที่ไหนกันได้เล่า???...เพราะต้องใช้จำนวนมาก

ต้องมาสั่งทำอีกแล้วก็ใช้หลายเล่มเสียด้วยซิ”


   “เพชรหรือ????!!!!... เพชรๆๆหวังว่าหูข้าไม่เพี้ยนนะ”

   "เพชรหรือ???!!!!....เฮ้ยเพชรที่เขาใช้ทำเครื่องประดับหรือ จริงๆหรือ

ว๊ะ???...เพชร???แน่นะโว้ยเจ้ารุทธ์ เอ็งไม่ได้หลอกข้านะ"



    คราวนี้ชายผู้พี่งุนงงทันที จริงของมันว่าจะไปหาได้ที่ไหนราคา

หรือก็แพงเสียด้วยซิ  แล้วอย่างอื่นทดแทนไม่มีอีกหรือว๊ะเจ้ารุทธ์”

   “มีนะมีหรอก แต่ก็คงเหมือนกันนั่นแหละ เป็นของเทียมเช่นเพชร

รัสเซีย สวิสเซอร์แลนด์ ยังไง เพราะเพชรนี้เป็นคาร์บอนที่ผ่าน

อุณหภูมิความร้อนสูง กว่าจะได้สักก้อนหนึ่งก็แสนยากแต่ก็ยังดีกว่า

เพียงเป็นรองสิ่งหนึ่ง ซึ่งมีพลังงานในตัวเองอีกด้วย”

   “หากไม่ใช่เพชรเทียมแล้วก็อะไรอีกว๊ะเจ้ารุทธิ์”

   “ก็แก้วหินคริสตัลที่เกิดจากธรรมชาตินะจะไปหาได้ที่ไหน  

นอกจากนั้นฉันเองก็มองไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดที่มาทดแทนได้นะ”

   “เออๆๆๆแก้วหินคริสตัลพอจะหาได้หรอกนะ

 เพราะเห็นเขาสร้างกัน และมีจำหน่ายทั่วๆไปราคาก็ไม่แพงนักเห็น

เป็นเครื่องภาชนะกันไว้โชว์กันมันใช่พวกแก้วนี่นาจะใช้ได้หรือว๊ะ”

   “แก้วหินคริสตัลที่เขามาทำกันนั้นเป็นของเทียมของแท้จะอยู่ตาม

ภูเขาในป่าลึกๆยากจะค้นหา  มักอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะอุณหภูมิความร้อนสูง

มากๆ  ในแถบภูเขาไฟเป็นส่วนใหญ่มักอยู่

 ตามถ้ำ บางแห่งก็ถูกทับถมอยู่ภายในใต้ดินลึกๆมากๆเสียด้วยส่วน

ใหญ่ลึกไปในใต้ดิน  แล้วเขาก็จะออกเดินทางไปในเดือนหน้านี้แล้ว

ไม่ใช่หรือ  จะมีเวลาหาทันหรือลองคิดดูซิ”

    คราวนี้หนุ่มนิวัฒน์อ้าปากค้างทันที    น้องชายมันรู้ได้อย่างไรว่า

พวกนักค้นหาของโบราณตามลายแทงจะเดินทางไปค้นหาในเดือน

หน้านี้  มันรู้ได้อย่างไรกัน  จึงถามด้วยความสงสัยว่า

   “แล้วแกรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะออกเดินทางไปในเดือนหน้านี้

ว๊ะ  พี่ชักสงสัยเสียแล้วแกมันดูแปลกๆยังไงชอบกลนัก”

   “อ้อๆๆๆ ฉันเดาเอาเองแหละเพราะอากัปกิริยารู้สึกกระตือรือล้น

ยิ่งนักนี่นา  นี่เขาติดต่อเพื่อนเขาไว้  อ้อๆๆๆหากเขาหาสิ่งที่บอกได้

นะให้เอาให้มาผมดูก่อนได้ไหมล่ะ  เพื่อจะได้ตรวจสอบอะไรบาง

อย่างเสียก่อนแล้วจะคืนให้ แล้วพี่ไม่ไปกับเขาด้วยหรือ คุณพัชราเขา

ก็ไปด้วยนา  เดี๋ยวคุณสุเมธจะเอาไปกินเสียก่อนนะ”

   คำพูดของน้องชายยิ่งทำให้ชายผู้พี่งุนงงเพิ่มขึ้นไปอีก  มันบอกว่า

เดาแต่ดันรู้ว่าคุณพัชราก็จะไปด้วยได้อย่างไรกัน    เขาหารู้ไม่ว่าที่

น้องชายเขารู้เพราะอ่านจิตใจเขาออกหมดแล้ว
 
   “แล้วแกจะเอามาดูทำอะไรหาหอกอะไรหรือ???...”

   “หากหาไม่ทันพี่ไปบอกเขาก็ได้ว่าให้เขา เอางาช้างมาทำอาวุธไว้

แต่ต้องนำมาให้ผมพิสูจน์ดูก่อนก็แล้วกัน  พี่ไปบอกเขาแค่นี้แหละ

เพราะว่าผมก็จะออกเดินทางไปทำธุระบางอย่าง ยังไม่รู้ว่าจะกลับ

เมื่อไหร่ให้พี่ดูแลทางนี้ก็แล้วกันนะ”

   “งาช้างหรือ  เออๆๆๆงั้นก็ยังพอจะหาได้ทันหรอก แล้วพี่จะไป

บอกเขาให้รู้ไว้  หากเขาทำเสร็จก็จะนำมาให้เอ็งตรวจสอบอีกครั้ง

หนึ่งนะแล้วหากงาช้างไม่ครบแล้วอย่างอื่นใช้ได้อีกไหมล่ะ???...”

   “ก็เห็นจะมีพวกเขี้ยวสัตว์นี่แหละ เช่น เขี้ยวเสือ หรือเขี้ยวหมูป่า

แต่มันสั้นๆกันไปเห็นยาวๆก็มีแค่เขี้ยวหมูป่าเท่านั้นแต่มันไม่ตรงจะ

ยาวไม่พอเสียส่วนมากนะ
  
จึงไม่ค่อยมีประโยชน์เช่นจำพวกงาช้างซึ้งยาวกว่าเขี้ยวอื่นๆ

สามารถเอามาทำมีดสั้นหรือมีดยาวได้นะ แต่สิ่งสำคัญต้องทำให้

แหลมคม สามารถใช้แทงได้และหากใช้ฟันได้ด้วยก็ยิ่งดี”

   “อืมม!!!???...แล้วพี่จะไปบอกเขาและจะให้เขาเอามาให้แกดูจะ

ใช้เวลาดูนานไหมล่ะ  เห็นเขากระวนกระวายตื่นเต้นนักเรื่องนี้นะ”

   “ไม่นานหรอกวันสองวันคงจะเรียบร้อยแหละพี่  เมื่อผมจัดการ

เรื่องนี้เรียบร้อยแล้วก็จะต้องเดินทางไปเที่ยวยังต่างประเทศบ้าง ส่วน

พวกนั้นเขาคงจะเดินทางไปหมู่เกาะเปอร์โตริโก้กระมัง”

   “นี่หากเอ็งเป็นหมอดูนะ คนมาให้ดูเพียบเลยว๊ะ ใช่แล้วล่ะ”

    ชายหนุ่มหัวเราะ ฮึๆๆๆแต่ไม่กล่าวว่าอย่างไร ก็ได้ยินพี่ชายเขาพูด

ว่า  งั้นพี่ไปก่อนนะเอ็งจะดูต้นไม้ดอกไม้ก็ตามใจแก่เถอะนะ”
  
   “อ้อๆๆแล้วจะไปต่างประเทศไหนล่ะไม่เคยเห็นแกค่อยไปเที่ยว

ไหนเลยนี่นา ขนาดพี่ชวนไปยังไม่ไปเลยนี่นา”

   “ผมว่าจะไปเที่ยวแถวภูเขาหิมาลัยสักหน่อยนะ ไม่มีอะไรหรอกพี่

เพราะจะหาทางเปิดหูเปิดตาบ้างเท่านั้นเองแหละ”

   “งั้นตามใจแกเถอะว๊ะ ทางนี้ไม่ต้องห่วงหรอก พี่จะเฝ้าบ้านเอง ไป

เที่ยวทางทัวร์หรือ”

   “เปล่าจะไปคนเดียว  หลังจากพวกเขาออกเดินทางไปก่อนแล้วล่ะ

นะ แล้วค่อยจะไป  พี่รีบไปบอกเขาเถอะพวกเขาป่านนี้คงวางแผนไว้

เรียบร้อยแล้วล่ะ คงคอยฟังจากพี่เท่านั้นเองแหละ”

   “ใช่ๆเขาจะออกเดินทางเดือนหน้านี้แหละ ติดต่อเพื่อนเขาทาง

โน้นไว้เรียบร้อยแล้ว  เพียงแต่เชื่อเอ็งเรื่องอาวุธนี้แหละจึงวานให้มา

ช่วยถามเท่านั้นแหละ  งั้นพี่ไปก่อนนะตามสบายเอ็งเถอะจะชม

ดอกไม้ก็ตามใจเอ็ง  พี่ไปล่ะ”


       แล้วร่างหนุ่มนิวัฒน์ก็หันหลังกลับเดินทางเข้าบ้าน สักครู่หนึ่ง

เสียงรถยนต์ก็แล่นออกจากบ้าน  ชายหนุ่มนึกว่าการไปของคณะนี้

จะต้องประสบภัยพิบัติอย่างคาดคิดมิถึงแน่นอน  แล้วเราล่ะจะทำ

อย่างไรจะออกเดินทางเมื่อไหร่ดี เพราะของที่เขาต้องการนี้ยังไม่รู้

แน่นอนเลยว่าอยู่ที่ใด แต่ช่างเถอะเขานึกถึงสุภาษิตที่กล่าวว่ายิ่งอยาก

ได้สิ่งนั้นยิ่งยากแก่การค้นหาย่อมห่างไป สิ่งใดที่ไม่อยากได้มักจะ

พัวพันเข้ามาหาเอง   ฉะนั้นเขาจึงปล่อยวางเฉยปล่อยให้เป็นไปตาม

วาสนาเถอะจะดีกว่า  เมื่อเขาคิดได้เช่นนี้ก็เที่ยวเดินชมสวนไปเรื่อยๆ

จนเบื่อแล้วก็เดินทางเข้าไปในบ้าน

    เมื่อเข้าไปในบ้านก็พอดีแม่ม่อมถือถาดแก้วน้ำส้มคั้นมาส่งให้เขา

    ดังนั้นจึงนำเข้าไปยังห้องนอน  นั่งบนโต๊ะนั่งเล่นจิบน้ำส้มพลาง

คิดไปทางว่าจะไปเนปาลก่อนหรือว่าธิเบตก่อน ก่อนนั้นตั้งใจว่าจะ

ออกเดินทางเลียบไปทางเหนือเข้าสู่พม่าแล้วไปยังอินเดีย  หากเป็น

เช่นนั้น   จะต้องเสียเวลาเดินข้ามเขาต่างๆไปจะทำให้เสียเวลามาก

และไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะพบหรือไม่   บัดนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว    จึง

ไปยังโทรศัพท์จองตั๋วเครื่องบินไปประเทศเนปาลทันที
     
        โดยสั่งจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้ก่อน  พร้อมทั้งบอกเวลาวัน

เดือนในการจะออกเดินทางเพื่อค้นหามรกตสีทองต่อไป  แต่แรง

สังหรณ์ใจบางอย่างจึงได้เดินไปค้นหาสิ่งของสิ่งหนึ่งในลิ้นชักบน

หัวเตียงเขานำออกมา  มันเป็นขนนกสีต่างๆแวววาวนัก  ของบุรุษทั้ง

สามที่ทิ้งไว้ให้เขาเก็บเอาไว้  ดังนั้นจึงได้เพ่งมองพร้อมรวบรวม

พลังงานต่างๆลงไปบรรจุในขนนกสีอันสวยงามนั้น  พลันปรากฏ

แสงแผ่กระจายออกมาแวววาวสวยสดงดงามมาก

         จึงไปนำสายสร้อยที่ทำด้วยเชือกไนล่อนมาพันที่ก้านขนนกนั้น

แล้วขมวดเป็นวกกลมจนแน่น ในขณะที่เขาทำนั้นได้ใช้เวทย์มนต์พร้อม

พลังงานแห่งจักรวาลใส่ลงไปด้วย แล้วนำเชือกไนล่อนนั้นมาปลุก

เสกอีกครั้งหนึ่งถ่ายเทพลังงานต่างๆลงไปแล้วนำไปเก็บไว้ในกล่อง

กำมะหยีสีแดงเก็บไว้ในที่หัวเตียงเขาดังเดิม เสียงดังขลุกขลักดังใน

กล่องกำมะหยีสีแดงนั้นไหวไปๆมาๆ จึงได้ใช้มือถ่ายทอดพลังงาน

เพิ่มเติมลงไปอีก  เหตุการณ์จึงเข้าสู่ปกติดังเดิม  ครั้นเรียบร้อยแล้ว

เพียงคอยเวลาให้พี่ชายเขานำสิ่งของที่บอกไว้มา  เขาก็จะทำพิธีดัง

กล่าวไว้แล้วค่อยส่งมอบคืน  เพราะเขาทราบว่าสิ่งของเหล่านี้จะช่วย

ให้พวกนักค้นคว้าใช้ในการป้องกันตัวได้ไม่มากก็น้อย มิฉะนั้นคงจะ

ต้องเสียชีวิตหมดภายในพายุหมุนซึ่งจะเกิดมิติที่ถูกเปิดออกแน่นอน

เขามองเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างชัดแจน  หากเมื่อเขาทำพิธี

เรียบร้อยแล้ว  พอได้โอกาสก็จะเริ่มออกเดินทางต่อไปทันที

       เวลาผ่านไปไม่เกินสามวันสิ่งของต่างๆก็นำมาให้เขาตรวจสอบ

ดูทันที  พร้อมพี่ชายเอ่ยขึ้นว่า

     “นี่ทั้งหมดนี้ไปหาอย่างแกว่าไม่ได้หรอกจึงได้แค่งาช้างเท่า

นั้นเอง และก็เป็นแค่เพียงมีดสั้นบ้างยาวบ้างเท่านั้น แกลองตรวจดูซิ

ว่าจะพอใช้ได้หรือเปล่า”

       ชายหนุ่มไม่กล่าวกระไรพลางบอกกับพี่ชายของเขาว่า

    “อย่างนั้นขอเวลาผมตรวจดูก่อนนะ อีกสองวันพี่วัฒน์ก็มานำไป

ให้แก่เขาก็แล้วกัน”

      เขาพูดจบเท่านั้นไม่ตอบคำถามใดๆอีกจึงรีบเดินเข้าห้องไปพร้อม

ลั่นดานใส่กลอนทันที   พร้อมนำออกมาตรวจที่ละเล่มเห็นว่ามีทั้ง

ความแหลมคมและลักษณะคล้ายๆกริชไทย  เพียงแต่ไม่มีรอยหยัก

เท่านั้นเอง  เรียกว่าพระขรรค์ขนาดพอเหมาะมือ   เมื่อตรวจแล้วมี

เพียง หกเล่มเท่านั้นเองจึงได้นำเหล็กแหลมเมื่อได้มาแล้ว จึงเข้าเจริญ

สมาธิทำจิตให้แน่วแน่รวมเป็นหนึ่งเดียวตามกรรมฐานทางพุทธ

ศาสนา เจริญสมาธิตั้งแต่อุปาจารสมาธิไปจนถึงเอกัคคัตตารมย์แล้ว

ลงมายัง อุปจารสมาธิพลางร่ายเวทย์มนต์ที่ร่ำเรียนมาจากตำราทั้งสาม

เป่าลงไปบนเหล็กปลายแหลมแล้ว พร้อมบรรจุพลังงานลงไป ทันใด

นั้นเหล็กแหลมก็บังเกิดแสงสว่างไสวกระจายไปทั่วสว่างไสวรอบ

ห้องนอนของเขาทันที เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่าเขาทำสำเร็จ

แล้วจึงได้ เป่ามนต์คาถาอาคมลงไปกำกับอีกชั้นหนึ่งพร้อมพลังงาน
 
       นำมาลงอักขระบนพระขรรค์แต่ละเล่มมากบ้างน้อยบ้างซึ่งสร้าง

ด้วยงาช้างทั้งหมด เมื่อระหว่างลงเขาเรียกสูตรทุกๆตัวอักขระ พลาง

เป่ามนต์ลงบนพระขรรค์ทันใดพร้อมส่งพลังงานต่างๆใส่ไว้ด้วย ทำ

ให้พระขรรค์ทั้งหกเล่มลอยขึ้นไปในอากาศทันทีหมุนเวียน แต่ละ

เล่มเปล่งสีสรรค์ต่างๆนาๆ  เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นจึงเรียกพระขรรค์

ทั้งหมดมายังฝ่ามือ  พร้อมทั้งพนมมือเร่งพลังงานต่างๆลงไปอีกครั้ง

หนึ่ง  พร้อมสั่งพระขรรค์แต่ละเล่มให้ไปทำลายสิ่งของบางอย่าง

ตามใจที่เขานึกได้ทุกประการ

         สิ่งของที่ถูกพระขรรค์นั้นพุ่งโดนก็พลันแตกกระจายเป็นชิ้น

เล็กชิ้นน้อยทันที  เมื่อเขาทดลองทั้งหกเล่มครบเรียบร้อยแล้ว   ก็เดิน

ไปวางไว้ยังใต้หมอนเขาทันทีเพื่อรอคอยที่จะส่งมอบให้แก่พี่ชาย 

รวมทั้งกล่องกำมะหยี่สีแดงที่เขาประสงค์จะมอบ

ให้แก่สาวพัชราไว้คล้องศีรษะด้วยเพื่อใช้ในระหว่างเดินทาง การ

กระทำของเขานี้ใช้เวลาเกือบทั้งคืนจึงลุล่วงสำเร็จ แต่เขาก็ไม่แน่ใจ

เหมือนกันว่าในมิตินั้นจะทรงอานุภาพเหมือนในโลกนี้หรือไม่ แต่

อย่างน้อยก็สร้างกำลังใจให้แก่ผู้ใช้ได้เป็นอย่างน้อย

       ครั้นเวลาผ่านไปสองวันเขาจึงนำสิ่งของทั้งหมดห่อผ้าไว้

เรียบร้อย  แล้วจึงเดินออกจากห้องทันทีก็เห็นพี่ชายเขากำลังนั่งทาน

กาแฟอยู่จึงเดินไปหา  พร้อมทั้งนั่งลงพลางเอ่ยขึ้นว่า

    “ผมตรวจดูแล้วใช้ได้และได้ห่อผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้วล่ะครับพี่

อ้อๆๆๆส่วนกล่องกำมะหยี่นั้นเป็นสร้อยมอบให้คุณพัชราเป็นพิเศษ

ให้หล่อนคล้องไว้อย่าได้เอาออกเป็นอันขาดไม่ว่าในกรณีย์ใดๆ

ทั้งสิ้นแม้จะเข้าห้องน้ำก็จะไม่เป็นปัญหาใดๆด้วย  พี่นำไปมอบให้

พวกเขาได้แล้ว     ผมคิดว่าพวกเขาคงจะรอคอยอยู่แล้วล่ะ”


      พี่ชายมองเห็นห่อผ้าน้องชายที่ยื่นมาวางไว้ข้างหน้า  พลางแกะ

ออกตรวจดู เห็นว่าของต่างๆได้ถูกจารึกด้วยอักษรอะไรเขาไม่อาจจะ

ทราบได้ว่าน้องชายเขาลงอะไรไว้  แล้วพลางเปิดกล่องออกดูเห็นเป็น

ขนนกสีสรรค์ต่างๆแปลกๆ ก็ถามว่า

        “อย่างอื่นนั้นพี่ไม่สงสัยหรอกเจ้ารุทธ์เพียงสงสัยขนนกนี้มันมี

สีสรรค์แปลกๆคล้ายๆมีประกายอะไรซ่อนเร้นไว้ มันคือขนนกอะไร

หรือ  พอจะบอกพี่ได้ไหมล่ะ???...”

   “ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับพี่  เพียงเก็บได้จากชายหาดที่แหลมหน้า

บ้านเราเองแหละเห็นสวยดีก็เก็บเอาไว้ มีอยู่อันเดียวจึงมอบให้คุณพัช

ราไว้เท่านั้น เห็นว่ามีสีสรรค์หลายๆสีแปลกๆดีนะ”

   พี่ชายของชายหนุ่มมองหน้าพลางหัวร่อ
  
   “เจ้าคงจะชอบหล่อนแล้วซินะเจ้ารุทธ์”

   “ไม่หรอกพี่ผมไม่กล้าแย่งไปจากพี่กับคุณสุเมธได้หรอก  รู้ว่าพี่ทั้ง

สองชอบหล่อนและเรื่องผู้หญิงผมก็ไม่ค่อยสนใจเท่าใดนักหรอก”

   “อ้าวแล้วจะมอบให้หล่อนทำไมล่ะ???.....ในเมื่อไม่ชอบหล่อน??? 

 หากนำไปให้เขาคงจะคิดว่าน้องพี่คงจะชอบเขาก็ได้นะเจ้ารุทธ์”

ชายหนุ่มหัวร่อ ฮึๆๆ พลางเอ่ยกับพี่ชายเขาว่า

   “คงจะมีอะไรพิเศษๆอยู่อาจจะป้องกันตัวได้นะผมเองคิดเช่นนั้น

 เห็นเป็นหญิงคนเดียวก็เลยมอบให้  บางทีอาจจะมีประโยขน์บ้าง

 ผมมานั่งคิดว่าน่าจะมีอะไรพิเศษๆอยู่ในขนนกนี้นะซิครับและ

หล่อนเป็นผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชายอาจจะช่วยเหลือหล่อนได้ในเมื่อถึง

คราวจำเป็นก็อาจจะเป็นไปได้กระมัง จึงได้มอบให้เธอไว้ใช้ติดตัว”

   “อ้าวพระขรรค์นี้มีตั้งหกเล่ม พี่เองไม่ได้ไป  ที่ไปแค่ห้าคนทำไม

เขาทำถึงหกเล่มไว้นะ พี่เองก็สงสัย????....”

   “เขาคิดว่าพี่อาจจะเปลี่ยนใจไปก็ได้นี่นา  อย่าคิดมากไปมอบให้เขา

ก็แล้วกันนะครับ  เท่านี้นะครับผมจะไปเดินเล่นชายหาดสักหน่อย”

   “งั้นก็ตามสบายแกเถอะ  พี่เองก็จะรีบไปหาพวกเขาเหมือนกัน

นะ นี่ก็จวนสายแล้วจะได้หมดเรื่องเสียที เสียเวลาเที่ยวเตร่ว๊ะ”

     เมื่อพี่ชายเขาขับรถออกไปจากบ้านในขณะที่เขากำลังมุ่งหน้าไป

ยังแหลมที่เคยฝึกวิทยายุทธ์อยู่นั้น  ก็หัวร่อในใจดีแล้วล่ะที่พี่ชายเขา

ไม่ไปในครั้งนี้ทำให้เขาหมดห่วง  หากพี่ชายเขาไปเขาเห็นจะต้อง

ออกเดินทางร่วมไปด้วยเพราะความเป็นห่วง  เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็

เดินทางมาถึงแหลมชายหาดพลางมองไปในท้องทะเลอันกว้างใหญ่

ไพศาล มองไปยังปลายขอบฟ้าพลางนึกในใจว่า  เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่

ธรรมดาเสียแล้วต่อพวกค้นคว้าวัตถุโบราณอย่างแน่นอน.............

                 * แก้วประเสริฐ. *

2HlsOT.gifCartoon_Animation_08.gif2HlsOT.gif927093rf1pk0fzph.gif1Cmll.gif76.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ