23 มีนาคม 2555 16:47 น.

* แดนพิศวง ตอน ๑๐ *

แก้วประเสริฐ

1_display.jpg692823n68ya60jv9.gif
                       *  แดนพิศวง ๑๐ *
                    (เสาะค้นวิธีการแก้ไข)

          หลังจากที่หนุ่มนิรุทธ์กล่าวจบ ก็จะลุกขึ้น แต่ถูกคัดค้านจาก ดร.สุเมธ

   “จะรีบไปไหนล่ะคุณ นิรุทธ์ ตามที่คุณอธิบายมานั้นพวกผมหายข้องใจ

ต่อหนังสือและแผนที่ลายแทงนั้น แต่มีข้อหนึ่งคือว่า บริเวณหมู่เกาะแคริเบียน

นั้นเหตุใดจึงไม่ค่อยเกิดพายุทอนาโทเหมือนกับแถวอเมริกาเสียล่ะ พ่อหนุ่ม

พอจะรู้บ้างไหม??...”

   ดังนั้นชายหนุ่มก็นั่งต่อพร้อมอธิบายตามที่เขาเข้าใจ พลางเอ่ยปากขึ้นว่า

   “ตามความเห็นผมนะครับท่าน  เพราะว่าเป็นดินแดนอยู่ใกล้เส้นศูนย์กลาง

ของโลก    อีกประการหนึ่งประเทศนี้สะสมพลังงานนิวเครียสเป็นพลังงาน

ที่สอดคล้องกับ พลังงานที่เหลือไว้ในใจกลางใมหาสมุทรแอตแลนติค ผสาน

กับกระแสลมพลังงานเมื่อเกิดขึ้น  อันเป็นผลกระทบกันและเป็นทางสายลม

ที่พัดเข้าฝั่งยังแผ่นดินกว้างใหญ่เป็นประเด็นหนึ่ง จะเกิดพลังหมุนเวียนอาจ

บางครั้งอาจจะนำไปสู่ยังอีกมิติหนึ่ง  ฉะนั้นการค้นคว้าจึงไม่พบวัตถุที่ถูก

ดึงดูด เช่นเหล่าเครื่องบิน เรือ หรือสิ่งบางอย่างเป็นต้น

อีกประเด็นหนึ่งพลังงานในทวีปอเมริกากับพลังงานของมหาสมุทรอยู่ใน

ลักษณะคล้ายคลึงกัน  ดังนั้นพลังงานจึงเข้ากันได้และมักจะเกิดแถวแนวฝั่ง

เมอร์บิวด้าเพราะเป็นจุดของสามเหลี่ยมนี้ที่รวมกันก็อาจจะเป็นไปได้ครับท่าน

เพราะประเทศนี้มีโรงงานพลังนิวเคลียร์ไว้มากๆและค่อนข้างใกล้

ไปทางพลังงานที่ก่อกำเนิดขึ้นจากมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล

 พลังงานทั้งสองจึงเข้ารวมตัวกัน นี่เป็นความคิดเห็นผมนะครับ

จึงเกิดการหมุนเวียนมักเกิดเป็นพายุทอนอโดขึ้นมากกว่าประเทศอื่นๆตลอดจน

กระแสน้ำที่หมุนเวียนย่อมเข้าหาฝั่งทางด้านผืนแผ่นดินนี้อีกด้วยครับ”

   “ข้อนี้ผมก็คิดเหมือนกันแต่คิดไปเกี่ยวกับลมบกลมทะเล เมื่อมหาสมุทรอัน

กว้างใหญ่ไพศาลมากเท่าไหร่การหมุนของคลื่นและลมย่อมมากเท่านั้น แต่ไม่

คิดว่าจะมีมากและแทบจะเป็นประจำเสียด้วยเฉพาะประเทศนี้ครับ”

   “เหมือนประจุไฟฟ้าของขั้วบวกลบแหละครับ  ย่อมจะเข้าหากันเสมอๆครับ

หากพลังงานใดมีมากทัดเทียมกันย่อมเข้าหากันและกัน

เป็นธรรมดาครับท่าน เท่านี้นะครับท่าน

ผมจะไปทำธุระในห้องผมหน่อยครับ เพื่อค้นคว้าบางอย่างครับ”

    “คุณกำลังค้นคว้าอะไรอีกหรือพ่อนิรุทธ์”

ดร.รพีเอ่ยถาม พร้อมมองหน้าเขา  ก็เห็นเพียงรอยยิ้ม แต่ทว่าการยิ้มของเขานั้น

ทำให้สาวพัชราถึงกับถอดหายใจเฮือกใหญ่ เพราะสองแก้มเขามีรอยบุ๋ม สร้าง

เสน่ห์ไปในรูปแบบหนึ่งรับกับใบหน้าที่หล่อเหลาอีกด้วย จวบจนชายหนุ่มยืนขึ้น

   “เดี๋ยวก่อนซิพี่อนุรุธน์ เสร็จก็จะรีบไปเลยหรือ????..”

   “มีอะไรหรือครับคุณพัชรา หากไม่มีอะไรผมจะรีบไปครับ”

อะไรหรือหล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกสอบถามเขาในเรื่องอะไร เพราะเหตุใด???...

   “พัชอยากทราบว่าทำไมคุณรอบรู้มากมายนัก ขอโทษนะค่ะว่าเรียนหนังสือจบ

ชั้นใดกันแน่จึงทำให้พัชสงสัยนัก”

   “อ้อๆๆ...ผมเรียนจบปริญญาเอกทางวิทยาศาสตร์ด้านพลังงานต่างๆ

ของจักรวาลและดาราศาสตร์อีกด้วย  ส่วนทางด้านธรณีวิทยา

และด้านโบราณคดีเพื่อประดับความรู้เท่านั้นเองแหละครับครับคุณ 

ส่วนด้านชีววิทยาก็ศึกษามาแต่ไม่จบครับ  ด้วยผมชอบทางด้านพลังงาน

มากกว่าของทางจักรวาลและทางดาราศาสตร์ครับคุณพัช”

   ดร.สุเมธและดร.รพีตลอดทุกๆคน หันหน้ามามองเขาทันทีด้วยความสงสัย

หมายความว่าชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นถึงดอกเตอร์เหมือนพวกเขาด้วยซินะ ซึ่ง

เขาไม่ทราบจากคุณนิวัฒน์มาก่อนเลยว่าน้องชายสำเร็จการศึกษาถึงขั้นนี้

   “แล้วเรียนจบจากที่ไหนหรือพ่อนิรุทธ์”

ดร.สุเมธถามด้วยความสงสัย???....ดร.รพี โกเมศ และพัชราก็หันมามองหน้าเขา

   “จากประเทศอเมริกา รัสเซีย และญี่ปุ่นตลอดจนอีกหลายประเทศอีกด้วยครับ

 ก่อนนั้นทางองค์การนาซ่าสนใจผมมากส่งหนังสือมาติดต่อผม แต่ผมไม่

สนใจงานวิจัยของเขาครับ  หากจะทำก็จะเกิดปัญหามากมายขึ้นไม่เป็นตัว

ของตัวเองครับ   สู้ออกมาค้นคว้าจากแหล่งต่างๆเพิ่มเติมจะดีกว่าครับ”

   “โอ้ว!!!????....เรียนจบขนาดนี้แล้วไม่คิดหางานทำเลยหรือ แปลกจริงๆ

   “เพราะฐานะด้านการเงินคุณพ่อคุณแม่สร้างไว้ให้ผมแยะครับท่านตามใจผม

อีกด้วย เนื่องจากผมไม่ชอบงานทางด้านธุระกิจการค้าประการหนึ่ง  อีกประการ

หนึ่งผมชอบค้นคว้าทางด้านภูมิศาสตร์อีกด้วยจึงไม่คิดจะทำงานครับ”

   “ใช่ครับคุณอา  เจ้ารุทธ์มันเรียนจบจากเมืองนอกมา ผมก็พึ่งรู้ว่ามันสำเร็จ

มาหลายแขนง เพียงได้ยินคุณพ่อบอกว่ามันยังได้เกียรตินิยมทุกวิชาอีกด้วย

ผิดกับผมไม่ค่อยชอบการเรียน เพียงจบแค่เมืองไทยเท่านั้นก็พอแล้วไม่รู้ว่าจะ

เรียนกันไปทำไมครับ เงินทองกินใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด”

   “นั่นซิคุณรุทธ์ถึงได้รอบรู้มากจริงๆ ผมนึกว่าแค่เป็นหนอนหนังสือเท่านั้น”

   “หากไม่มีอะไรผมขออนุญาตขอตัวก่อนนะครับ เพราะมีธุระต้องรีบทำครับ”

        กล่าวจบไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ ลาทุกๆคนยืนขึ้นก้าวออกมา  

พร้อมออกเดินเข้าไปในห้องของเขาทันที คงปล่อยให้พวกนั้นวิจารณ์กันต่างๆนา

  เพราะเขารู้ในใจเหล่านี้ว่าจะต้องถามอะไรจากเขาอีก  ซึ่งเขาไม่ต้องการตอบปัญหา

เพื่อตัดปัญหาโดยเฉพาะหญิงสาวพัชรา  อีกอย่างหนึ่งเขาขณะกำลังอธิบายอยู่

  ความคิดหนึ่งแว๊ปเข้ามาเรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์ต่างๆในอีกมิติหนึ่งนั้นเกี่ยว

กับพลังงานธรรมชาติ ที่ชายทั้งสามตลอดจนหนังสือแจ้งเอาไว้อีกด้วย

หากพ่อมดและเจ้าโหราธิบดีรู้เวทย์มนต์ก็ต้องรู้ด้านพลังงานไปด้วยและต้อง

ใช้ประกอบกันจึงจะมีอนุภาพที่รุนแรง  เขาจึงหาวิธีแก้ไขให้ได้เสียก่อน

    อีกประการหนึ่งเขาต้องการศึกษาเกี่ยวกับวิชาเวทย์มนต์จากศาสนาต่างๆ

อีกด้วย เพื่อจะนำมาเปรียบเทียบกันว่าสิ่งใดจะสามารถช่วยเหลือเขาได้

ซึ่งปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก  แต่นี่เหตุการณ์

มาบังคับเขา หากเขาไม่รู้ก่อนก็จะพลาดพลั้งในภายหน้าได้อย่างแน่นอน

    ครั้นเข้ามาในห้องแล้วก็ลั่นกลอนไว้ทันที  พร้อมรีบค้นคว้าเวทย์มนต์

ของชาวอียีปต์ก่อนเมื่ออ่านทบทวนแล้วหาได้อัศจรรย์ใดไม่  จึงไปยังศาสนา

อื่นๆ  จนมาสะดุดในศาสนาพุทธที่เกี่ยวข้องกับอภิญญาฌานแต่ไม่ได้ระบุไว้

เกี่ยวกับเรื่องเวทย์มนต์แต่อย่างใด และทำให้เขานึกถึงภิกษุสงฆ์ที่ตั้งตัวเป็น

เกจิอาจารย์ล้วนใช้พลังงานทางจิตแต่ที่สำเร็จได้มักจะเป็นอภิญญาสิบเสียเป็น

ส่วนมาก  ส่วนศาสนาอิสลามก็ระบุไว้เช่นกันแต่ในหนังสือคัมภีร์กุรอ่านไม่ได้

ระบุไว้ เว้นแต่ศาสนาพุทธทางหินยานและมหายานที่กล่าวถึงเรื่องอำนาจที่แอบ

แฝงในร่างกายมนุษย์ไว้ แต่เป็นแค่เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นเอง จึงเริ่มค้นคว้าเกี่ยว

อักษรต่างๆทั่วโลกและของโบราณไว้เพื่อจะได้ร่ำเรียนตำราต่างๆไว้เท่านั้น  

         ดังนั้นเขาจึงเก็บหนังสือทั้งหลายยกเว้นด้านพุทธศาสนาซึ่งสอดคล้องกับ

ทางด้านพลังงานจิตและพลังงานอื่นๆไว้อีกด้วย  เขาเริ่มต้นนั่งสมาธิทันที ด้วย

ที่เขามีพลังงานในตัวอยู่แล้วจึงเป็นสิ่งที่ไม่ยากเท่าใดนัก เขาก็ฝึกฝนจนสำเร็จ

เมื่อฝึกฝนสำเร็จและหนังสือเกี่ยวกับเวทย์มนต์คาถาต่างๆก็สามารถจะลบล้าง

อำนาจมืดหรือที่เรียกว่าไสย์ดำหากพลังงานทางด้านจิตมีมากก็สามารถลบล้าง

อำนาจของพ่อมดได้เป็นอย่างดี  หากเอาพลังงานแห่งโลกและจักรวาลเข้ามา

ประกอบกับเวทย์มนต์ก็สามารถจะลบล้างกันได้  มีเรื่องหนึ่งจากหนังสือที่ได้

รับมานั้นเกี่ยวกับการร่ำเรียนรู้ภาษาสัตว์ต่างๆ ซึ่งเขาไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าใดนัก

จึงได้ฝึกฝนจากสัตว์แถวๆบ้านก่อน  จนสามารถเข้าใจภาษาสัตว์ต่างๆได้เป็น

อย่างดีสามารถพูดคุยกับสัตว์ต่างๆได้ถึงแม้จะไม่มากนัก แต่หากเป็นสิ่งที่เขา

ไปและจะสามารถสนทนากันได้หรือไม่นี่คือข้อกังวลของเขจา การเรียนรู้

เช่นี้ทำให้ชายหนุ่มดีใจเป็นอย่างมากและเริ่มต้นทดลองก็ได้ผล

เป็นที่น่าพอใจแก่ตัวเขาเอง  เขานึกในใจว่าเขาพร้อมแล้วที่จะออกไป

ต่อสู้กับอำนาจของพ่อมดและโหราธิบดีพร้อมสามารถหาวิธีการเพื่อแก้ไข

ทำลายอำนาจการสาปของนครนั้นได้อย่างแน่นอน โดยอาศัยอำนาจของพุทธคุณ

ประกอบกอบกับอำนาจของพลังงานแห่งจักรวาลอันลี้ลับนี้ผสมผสานกันและกัน

ตลอดจนพลังงานในตัวของเขา และค้นหาสิ่งของอีกสองมามาเพิ่มเติมพลังงานเขา

   เพื่อมิให้พลังงานขาดช่วง จึงทดลองใช้อำนาจแห่งจิตบังคับวัตถุต่างๆให้ลอยไป

ลอยมาได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว  พร้อมลองใช้อำนาจในกายสร้างแสงพลังงาน

พุ่งออกมาจากนิ้วมือตามใจบังคับอำนาจนั้นๆ ครั้นแล้วจึงตั้งสติสมาธิรวบรวม

พลังงานภายในร่างกายเขาเพื่อใช้ทดชอาวุธต่างๆในโลกนี้ว่าจะได้ผลประการ

ใด บัดดลก็มีลำแสงสีเขียวนวลพุ่งออกมาจากปลายนิ้วมือเขาไปยังสิ่งของและ

วัตถุที่ต้องการทันที แต่ปราศจากเสียงระเบิดใดๆ  เสร็จแล้วเขาก็ไปยังแจกันที่วาง

ไว้ซึ่งยังคงสภาพเดิมอยู่พลางเป่าลมออกจากปากไปยังแจกันนั้น ทันใดแจกันนั้น

ก็สลายเป็นผุยผงทันที  เขาทดลองจากเล็กไปหาใหญ่ก็มีสภาพเหมือนกันคือเป็น

ผุยผงหล่นกองไว้  เขาทดลองใช้พลังงานหนุนร่างกายเขาไว้ให้เกิดความเบาแล้ว

วนเวียนไปรอบๆห้องได้อย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัด  จึงกลับมานั่งมองไปยังด้าน

นอกซึ่ง  เหล่านักโบราณคดียังกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับการเดินทางไป  เขาหัวร่อ

ในใจ    นึกว่าการทำงานของพวกนี้อาจจะประสบสิ่งไม่คาดคิดอาจจะทำให้พวก

เหล่านี้พบในสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เป็นไปได้อย่างสูง  แล้วก็เอนกายลงนอนยังเตียงเขา

เพื่อค้นคิดวิธีการเดินทางค้นหาสิ่งของสองอย่างคือ  ดวงแก้วมรกตสีทองและของ

อีกอย่างหนึ่งที่เขาไม่รู้เพียงทราบจากจิตว่าเป็นอาวุธร้ายแรงมากที่ทำลายอำนาจ

ของพลังงานต่างๆได้เพราะเก็บพลังงานต่างๆไว้มากแต่จะเป็นอะไรเขานึกอย่างไร

ก็นึกไม่ออก  อีกประการหนึ่งเขาจะเริ่มเดินทางจากที่ใดก่อน  นี่คือสิ่งที่เขาคิดมาก 

แล้วทางบ้านนี้ล่ะเขาจะบอกแก่คนในบ้านอย่างไรดี  แต่ข้อนี้คงจะไม่เป็นปัญหา

ยามที่เขาต้องออกเดินทางไปแต่นี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญนัก  เพียงเขียนจดหมาย

แจ้งไว้ให้คนในบ้านรู้เท่านั้น ทางนี้พี่นิวัฒน์ก็คงจะไม่ไปไหนหรอกแน่นอน

แต่ที่สำคัญคือการไปสู่นครต้องสาปนั่นแหละคือสาเหตุสำคัญและจะ

ไปโดยวิธีใดหรือ???....  หรือว่าต้องพึ่งพาอาศัยชายแปลกหน้าทั้งสามอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการนักและก็รู้ด้วยพลังงานแห่งโทรจิตว่าชายเหล่านี้ก็คงจะไม่

รู้เช่นเดียวกัน  เพราะว่าตอนนี้อำนาจพลังงานเขาจะสูงล้ำกว่าชายทั้งสามอย่างแน่นอน

หรือว่าเขาจะไปหาพวกชายทั้งสามก่อนแล้วค่อยคิดที่หลังถึงการเริ่มต้นเดินทาง แต่นั่น

มันหมายความว่าเขาต้องได้รับของสองสิ่งนี้มาก่อนเท่านั้น หรือว่าเขาต้อง

ออกผจญภัยไปในที่ต่างๆด้วยตัวคนเดียวเสียแล้ว จึงหันไปยังที่เก็บหนังสือใช้

อำนาจพลังจิตด้วยการใช้อำนาจพลังงานในร่างกายเขา เพื่อเก็บหนังสือโดยการ

ดึงดูดหนังสือที่เขาต้องการอันเป็นแผนที่ของนครนั้นมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

        ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องนอนเขาก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของ

พี่ชายเขา  ว่าแขกจะกลับกันแล้ว  เขารีบใช้พลังงานส่งหนังสือนั้นไปเก็บซ่อน

ไว้ดังที่เดิม  เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว   ดังนั้นเขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องนอน

พร้อมก้าวออกมา  ยกมือไหว้ทักทายขึ้นกล่าวขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมสนทนาด้วย

      “คุณอาจะกลับแล้วหรือไม่ครับ    ผมไม่ส่งนะครับให้พี่นิวัฒน์ไปส่งก็พอ”

     “ไม่เป็นไรหรอกคุณรุทธ์ พวกอาจะกลับแล้วล่ะขอบใจมากนะที่ให้ความ

กระจ่างแก่พวกเรา  คิดว่าจะทดลองค้นหาดูสักหน่อย อยากจะขอเชิญคุณไปด้วย

ก็เกรงใจที่คุณบอกว่าจะไม่ร่วมงานครั้งนี้และมีงานอื่นๆที่จะต้องทำ”

    “ครับผมเองก็ต้องยังมีงานที่จะทำ บางทีเราอาจจะได้พบกันอีกนะครับ ผม

เองสังหรณ์ใจเช่นนั้นครับ”

   “ถ้าเจอกันก็จะดีซินะ คุณช่วยอะไรๆพวกผมได้หลายๆอย่างเสียด้วยซี”

   “ผมต้องขอโทษด้วยครับ กำลังศึกษาบางอย่างอยู่ครับ”

   “อะไรหรือพ่อรุทธ์ที่ค้นคว้าอยู่นี่นะ”

   “บอกพวกคุณอาไปก็จะไม่เข้าใจหรอกครับหรืออาจจะหาว่าผมบ้าครับ”

   “ไม่หรอกน่า  พวกอาไม่คิดเช่นนั้นหรอก”

   “จริงซิค่ะคุณพ่อ  คุณนิรุทธ์ค้นคว้าหากไม่สำคัญคงไม่ทำหรอก”

   “เธอจะบอกได้ไหมว่าค้นคว้าเรื่องอะไร หากช่วยได้ก็จะได้ช่วยกัน”

   “เรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์สมัยโบราณและปัจจุบันครับ ที่ใช้พลังงานจิต”

          คราวนี้พวกทั้งหมดยิ่งสงสัย???..  ครั้นจะถามก็เกรงจะเสียมารยาทไป

อะไรนักวิทยาศาสตร์หนุ่มคนนี้ยังเชื่อถือเรื่องเวทย์มนต์คาถาอาคมโบราณ

ในเรื่องนี้อยู่หรือ ต่างก็ทำหน้าพิกลต่างๆนาๆโดยคาดคิดมิถึง  ว่าชายหนุ่ม

คนนี้จะยังงมงายในเรื่องไร้สาระเช่นนี้อยู่อีก  ชายหนุ่มอ่านใจของพวกนี้

ออกได้แต่หัวร่อเบาๆ พลางเอ่ยว่า

   “อันที่จริงศาสตร์นี้ไม่ใช่งมงายนะครับ แต่สมัยใหม่มักจะว่างมงายมัน

เป็นเรื่องท้าทายมากครับ หากพวกคุณอาทดลองค้นคว้าก็จะทราบเอง

แหละครับ ว่ามันแปลกและพิสดารเพียงใด เหตุใดจึงมีอำนาจขึ้นได้ครับ”

   “หรือๆๆๆหากมีเวลาจะทดลองดูเสียหน่อยนะ  เอาล่ะไปก่อนนะ”

   “ถ้าอย่างนั้นผมส่งตรงนี้ก็แล้วกันนะครับให้เป็นหน้าที่ของพี่นิวัฒน์เอง

ขอบคุณมากนะครับที่   ไม่ทำให้พวกคุณอาผิดหวังครับ  อ้อๆ.... หากพวก

คุณอาจะเดินทางตามที่ตั้งใจไว้ในแผนที่ละก็ ผมอยากจะบอกอะไรให้คุณอา

และคณะทุกๆคนด้วยครับ  ว่ายามประสบพบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วทุกๆอย่าง

จะเข้าสู่วงจรนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุใดที่ทำด้วยโลหะ   จะถูกดึงดูดด้วยกระแส

แม่เหล็กที่มีพลังงานอันสูง  และคุณอาและพวกควรจะหาวัตถุชนิดหนึ่ง

ซึ่งพลังงานเหล่านี้ไม่สามารถจะดึงดูดสิ่งเหล่านี้ได้ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา 

จะใช้ในยามคับขันได้ แต่ของสิ่งนั้นต้องมีความแหลมคมมากๆด้วยนะครับ”

         กล่าวจบชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องของเขาไป สร้างความงุนงงแก่บรรดานัก

โบราณคดีที่หมายหมั่นจะออกเดินทางค้นหาสิ่งของเหล่านี้  และชายหนุ่มรู้ได้

อย่างไร???....ว่าพวกเขาวางแผนการณ์ในเรื่องนี้ไว้แล้ว แล้วอะไรหรือที่พลังงาน

ไม่สามารถจะดึงดูดไปได้  คงจะไม่ใช่โลหะอย่างแน่นอน แล้วอะไรกันล่ะ????....

                    *  แก้วประเสริฐ.  *

flowers_170.gif1139348gm3744qpip.gifCartoon_Animation_08.gif				
10 มีนาคม 2555 20:32 น.

* แดนพิศวง ตอน ๙ *

แก้วประเสริฐ

Bermuda_Triangle.png692823n68ya60jv9.gif
                          แดนพิศวง  ๙
                       (บันทึกลายแทง)

    ชายหนุ่มมองไปรอบๆแล้วพลางยกมือไหว้แขกที่มาทุกๆคน  

บรรดาแขกที่มาเยี่ยมต่างทึ่งในรูปร่างของชายหนุ่มไปตามๆกัน

ประกอบร่างกายสูงสง่าแม้ผมเผ้าจะฟูก็ตามก็ดูมีสง่าราศรีมากว่า

พี่ชายนัก  เหมือนนักรบโบราณของต่างประเทศทีเดียว ด้วยร่างกาย

ของเขาสูงใหญ่กว่าพี่ชายมากนัก  สร้างความแปลกใจแก่ทุกๆคน

จนอดไม่ได้ที่จะนึกชมในใจ  ยิ่งสาวพัชรายิ่งแล้วถึงกับใจสั่นแอบ

นึกชอบเขาอยู่ในใจอย่างบอกแก่ตัวเองไม่ถูกว่าเป็นเพราะเหตุใด

จึงให้ความสนใจหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ  ร่างเขาเดินเข้ามาหาทุกๆคน

แล้วนิวัฒน์ก็เข้ามาเพื่อแนะนำน้องชาย  พลางเอื้อมมือหมายไปจับ

ตัวน้องชายพร้อมเอ่ยชื่อเขาแก่ นักโบราณคดีทั้งหลาย

    ก็ต้องร้องลั่นร่างเขากระเด็นออกมา  แรงของการส่งร่างทำให้บรรดา

เก้าอี้นั้นล้มระเนระนาดไปหมดพร้อมส่งเสียงร้องดังลั่น

   “โอ้ย!!!!ๆๆๆๆ....อะไรกันว๊ะ เฮ้ยๆๆๆ!!!!!?????......”

    ร่างของนิวัฒน์พลันกระตุกๆแล้วแน่นิ่งไป  ทำให้ทุกๆคนแตกตื่นตกใจ

เป็นอย่างมาก  ต่างถลาเข้าไปยังร่างหนุ่มนิวัฒน์พลางเขย่าตัว  เพื่อเรียกสติ

ให้ฟื้นคืนกลับมา  แต่พอดร.รพีจับต้องตัวของหนุ่มนิวัฒน์ก็ต้องสะดุ้งเฮือก

พลางถอยหลังกลับมา  ไม่ใช่เฉพาะ ดร.รพีเท่านั้นแม้แต่ทุกๆคนที่ถูกต้องตัว

ต่างก็มีอาการเช่นเดียวกันมากบ้างน้อยบางของการเข้าไปใกล้ไกล

        ชายหนุ่มมองเห็นเช่นนั้นพลางนึกในใจว่าเขาลืมเก็บพลังงานของเขายาม

ที่ได้ทดลอง  ดังนั้นพลังงานเหล่านี้จึงวนเวียนในร่างกายเขา  เป็นอนุภาคที่

ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ วิ่งไหลวนเวียนไปๆมาๆรอบๆ 

พลังงานนั้นจึงแฝงไปในร่างกายพี่ชายเขา  ชายหนุ่มจึงรีบไปยังร่างของพี่ชาย

พร้อมจับร่างกายแล้ว  พร้อมทั้งเก็บพลังงานที่วิ่งพล่านไปตามร่างกายของเขา

ทั้งหมดไว้ในที่เก็บในสถานที่นั้น พร้อมจับไปยังร่างของพี่ชายเขาทันที   พลาง

ใช้อำนาจจิตผสานกับการดึงดูด  ดึงพลังงานที่แฝงอยู่ในร่างกายพี่ชายกลับเข้าสู่

ร่างกายเขาทันที  ไม่นานนักร่างหนุ่มนิวัฒน์ก็ลืมตาขึ้นพลางสั่นศีรษะไปๆมาๆ

อย่างมึนงง  พลางหันมองหน้าน้องชายและทุกๆคนอย่างประหลาดใจ

       ดังนั้นบรรดาคนทั้งหมดก็พยุงร่างของนิวัฒน์ให้เอนพิงฝาผนัง  ครั้นทุกอย่าง

คืนสู่ปกติ  หนุ่มนิวัฒน์พลางหันหน้าไปถามน้องชายเขาด้วยอาการทั้งแปลกใจและ

ตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที   พลางร้องถามน้องชายว่า....

   “เฮ้ยๆๆ...เจ้ารุทธ์ทำไมร่างแกมันถึงมีกระแสคล้ายไฟฟ้ามากมายนักว๊ะ เพียงพี่ยัง

ไม่ได้จับถึงตัวแก่เลย   ก็ถูกอะไรก็ไม่รู้ดันร่างกระเด็นออกมาหน้าวูบไป????”

   “อุปาทานกระมังพี่วัฒน์  ลองจับตัวผมอีกซิว่าปกติหรือเปล่าล่ะ...”

   “อุปาทานห่าอะไร????... แกดูซิร่างพี่กระเด็นจนเก้าอี้หักไปตัวหนึ่งนะ”

   “ผมว่าพี่จะเป็นลมกระมัง  หรือทานเหล้ามากไปเลยเป็นเช่นนี้เอง”

   “เปล่านี้หว่า  จริงๆนะไอ้รุทธ์วันนี้ข้าเพียงจิบนิดๆหน่อยๆเท่านั้น  ปกติมากกว่า

นี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเช่นนี้เลยว๊ะ????...”

   “งั้นพี่ลองจับตัวผมอีกทีซิ ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนเดิมหรือเปล่าล่ะ”

      ดังนั้นหนุ่มนิวัฒน์จึงเอื้อมมือไปจับแขนน้องชายอีกครั้งเพื่อทดลองดู

คราวนี้เขาสามารถจับแขนอันกำยำของน้องชาย  ทำให้เขาถึงกับอ้าปากหวอ

   “ผมบอกแล้วว่าเกิดอาการกระตุกของเส้นเอ็นตอนมาจับผมและเกิด

อุปาทานแน่เลย  งั้นเดี๋ยวผมขอเวลาหน่อยนะ แล้วจะกลับเข้ามา

ใหม่ขอเวลาชำระล้างร่างกาย พึ่งตื่นนอนมายังไม่ได้ล้างหน้าตาเลยพี่”

   “เออๆๆรีบไปรีบมานะโว้ย  ผู้ใหญ่ท่านจะขอคำปรึกษาหน่อย
 
เร็วๆหน่อยนะ อย่าต้องให้ผู้ใหญ่ท่านเสียเวลามากนัก”

   “ครับพี่  ผมจะรีบไปรีบมา พลางเหลียวไปรอบๆห้อง แล้วเอ่ยว่า 

 ขอโทษทุกๆคนนะครับ  แต่ควรไปห้องประชุมถัดไปดีกว่ากระมัง 

เพราะที่นี่คงไม่สะดวกเละเทะอยู่  ไม่สะดวกแก่พวกท่านนะ”

        ด้วยในบ้านนี้มีห้องประชุมเล็กๆเพื่อเวลาคุณพ่อคุณแม่จะประชุม

เด็กๆคนงานต่างๆ ตลอดจนมอบหมายงานในบ้านไว้  ดังนั้นห้องจึงว่างเปล่า

   “เออๆๆๆจริงของแกว๊ะ  งั้นเดี๋ยวรีบมาก็แล้วกันจะไปรอยังห้องข้างๆนะ”

   “ครับพี่  ผมจะรีบไปรีบมานะ”

       แล้วร่างชายหนุ่มก็หันหลังกลับไปยังห้อง  อันที่จริงเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

เพราะว่าเขาไม่ได้หลับเลยกำลังคิดถึงเรื่องอนาคตที่จะเกิดขึ้นเท่านั้นและทดลอง

พลังงานดูเป็นอย่างไร   เมื่อเขาเข้าห้องไปแล้วก็ไปที่ยังห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องอยู่แล้ว

ล้างหน้าตาหวีผมให้ดูเรียบร้อย  ก็เดินออกมา  ปรากฏว่าทุกๆคนไปรอเขาที่ห้อง

ข้างๆเรียบร้อยหมดแล้ว   ดังนั้นจึงเดินตรงเข้าไปเห็นทุกๆคนนั่งกันเรียบร้อย

    “หล่อจริงๆนะคุณพ่อ น้องชายคุณนิวัฒน์นี่  ทั้งสูงสง่ากว่าพี่ชายแยะเลย”

    “เงียบไว้ยายหนู  เดี๋ยวเจ้าวัฒน์มันได้ยินเข้าจะไม่ดี และเจ้าโกเมศด้วยเพราะ

พ่อมองดูแล้วว่าสนใจในตัวแกอยู่เหมือนกันนะ”

   “โอ้ยๆๆๆหนูไม่สนหรอกนอกจากเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละคุณพ่อ  มีคนมาสนใจ

หนูก็มากมายและน่าตาดีๆกันทั้งนั้นหนูยังไม่สนใจเลยล่ะค่ะ”

   “ดีแล้วจบมาแล้วจะทำอะไรต่ออีกหรือเปล่าล่ะ???....”

   “คงจะขอพักสักระยะหนึ่งก่อนค่อยคิด   แต่หนูคิดว่าคงหางานได้ไม่ยากนัก”

   “เออๆดีๆ อย่างนี้ซิถึงสมเป็นลูกของพ่อ แล้วจะเดินทางไปกับพ่อไหมล่ะ??”

   “ให้หนูคิดดูก่อนจ๊ะคุณพ่อ สงสัยจะอันตรายมากเสียด้วยซินะ”

   “คงจะเป็นอย่างนั้นนะ  เพราะการเดินทางครั้งนี้ต้องผจญภัยไม่รู้เลยว่า

จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง  หากไม่ไปก็จะดีจะได้ดูแลบ้านด้วย”

    แล้วดร.รพีก็หัวร่อเบาๆ พลางหันไปทางดร.สุเมธและคนอื่นๆ  ที่กำลังซักไซร้

ไล่เรียงหนุ่มนิวัฒน์อยู่ว่าอะไรเกิดขึ้นแก่ตัวเขา

    “ผมหวังจะไปจูงมือไอ้เจ้ารุทธ์มันเท่านั้นแหละครับ  เพื่อมาแนะนำตัว  

แต่ทว่าพอผมเอื้อมมือไปยังไม่ถึงแขนมันยังไม่ถึงเนื้อตัวเลยก็ต้องสดุ้งเฮือก

   ไม่รู้โดนอะไรพุ่งออกมากระแทกใส่ร่างผมครับอย่างรุนแรง มันแรงมาก

แรงจากพลังมหาศาลนักทำให้ผมต้องกระเด็นสมองเลอะเลือนไปทันที 

ไม่รู้สึกตัว แต่คล้ายเคลิ้มๆจนเจ้าน้องชายผมมาจับผมนั่นแหละถึงจะเป็นปกติ 

 ผมว่าแปลกนะทีเมื่อกี้นี้ผมไปจับแขนมันก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา”

     กล่าวจบก็เกาศีรษะตัวเองอย่างมึนงงสงสัย  เมื่อทุกคนได้รับฟังก็งงงวย

ไปตามๆกัน ต่างคนคิดไม่ออกว่าทำไมถึงมีเหตุการณ์เช่นนี้ได้ หรือว่า

เมื่อกี้นี้เหตุการณ์อย่างรุนแรงจะแฝงไปยังร่างเขา ด้วยเขาไม่รู้ตัวของ

เหตุการณ์เมื่อที่ผ่านมานี้  ซึ่งมีอำนาจรุนแรงมหาศาลคล้ายสึนามิ เพราะ

ดังขนาดนี้ยังไม่ยอมออกมาจากห้องเลย   ต่างคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไป

ต่างๆนาๆ  ผิดกับหญิงสาวพัชราไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่คิดถึงความสง่า

งามและใบหน้าที่คมคายหล่อเหลาเท่านั้น หล่อนคิดไปต่างๆนาๆถึงเขา

      สักพักชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามายังในห้อง  ทุกๆคนยืนต้อนรับพร้อมบอกเขา

ให้ไปนั่งยังโต๊ะข้างๆ ดร.ทั้งสอง  พลาง ดร.สุเมธก็เอ่ยปากขึ้นว่า

   “ผมได้ยินคุณนิวัฒน์บอกว่าคุณชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจผ่านการ

อ่านหนังสือมามากมายนัก  ผมอยากจะให้ช่วยถูกบันทึกนี้สักหน่อยพร้อม

กับลายแทงนั้นว่าเป็นอย่างไร  ผมเองกับดร.รพีและเพื่อนๆต่างไม่เข้าใจใน

อักษรเหล่านี้เลย”

   “ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยเหลือได้หรือครับ ในเมื่อประสบการณ์ต่างๆท่านมี

มากกว่าผมเสียอีก แต่ผมก็จะพยายามอ่านไหนๆขอชมหน่อยครับ บอกก่อน

นะครับผมว่ารู้ก็แค่หนังสือที่เคยผ่านสายตามาเท่านั้นเอง ส่วนนั้นผมก็อาจจะ

ไม่ทราบได้ครับท่าน”

   “ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม  ผมก็เคยให้เพื่อนๆทั้งในและนอกอ่านมาแล้ว

เขาก็ให้ความกระจ่างแก่ผมไม่ได้  พอดีคุณนิวัฒน์เอ่ยถึง จึงอยากจะให้

ทดลองดูบางทีอาจจะมีผลได้กระมัง  พ่อหนุ่มไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”

     “นี่ไงหนังสือสองเล่มกับลายแทงอีก หนึ่งแผ่น  คุณช่วยดูให้หน่อยนะ

หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก  ไม่ต้องกังวลใจมากนัก”

      ดร.รพีเอ่ยขึ้น พร้อมนำสิ่งของทั้งหมดส่งมอบให้ชายหนุ่มทันที

   “ครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถก็แล้วกันนะครับ”

    พลางยื่นมือนำหนังสือทั้งสองเปิดออกอ่านอย่างคร่าวๆและรวดเร็ว

เวลาผ่านไปประมาณ ห้านาทีได้  เขาก็เงยหน้าพลางยิ้มกับ ดร.ทั้งสอง

พลางเอ่ยขึ้นว่า

   “เป็นหนังสือภาษาชาวแอสตีสที่หายสาปสูญไปนานแสนนานแล้วครับ

รวมทั้งภาษาของชาวอินคา มายา และอียีปต์ด้วยกันทั้งสองเล่ม  เพียงแบ่ง

แยกออกเป็นหลากหลายเท่านั้นครับ  สลับซับซ้อนกัน เข้าใจว่าคนบันทึกไม่

แน่ใจต่ออักษรหนังสือนี้ คงได้จากศิลาจารึกเท่านั้นหรือตามถ่ำต่างๆ การบันทึก

จึงสับสนปนเปกันไปไม่เป็นหมวดหมู่ คล้ายๆกับรีบทำไว้ก็ไม่ปานครับ

ผมจึงต้องอ่านย้อนสลับไปๆมาๆจึงสามารถจับใจความได้บางอย่างครับ”

   ดร.สุเมธกับดร.รพีหันมามองหน้ากัน  เขาไม่เคยได้ยินเช่นนี้จากเพื่อนเขา

เลย  อาจจะใช่เพราะเขาเคยได้ทราบประวัติพวกนี้มาแต่ด้านหนังสือนั้นเขา

ไม่เคยพบเห็น นอกจากของชาวอียีปต์เท่านั้นที่พอจะอ่านออกได้  นั่นก็

เพียงแค่ภาพแล้วมาประกอบกับลายเส้นหนังสือ โดยอาศัยภาพเป็นหลัก

ในการค้นคว้าภาษาอียีปต์นี้  บางส่วนก็อ่านไม่ได้เช่นกัน ครั้นได้ยินชายหนุ่ม

เอ่ยขึ้นเช่นนี้ มันแตกต่างจากเพื่อนๆเขาและตัวเองคนละเรื่องเลยทีเดียว

ในข้อความ  ก็บังเกิดความหวังขึ้นสมกับที่เจ้านิวัฒน์มันว่า  ก็บังเกิดความ

ดีใจที่น้องชายนิวัฒน์สามารถไขข้อกระจ่างให้เขาทราบ จึงเอ่ยว่า

   “แล้วในหนังสือสองเล่มนี้บ่งบอกอะไรไว้หรือพ่อหนุ่ม”

   “อ้อๆๆ...หนังสือสองเล่มเป็นการบันทึกของนักโบราณคดีแต่ไม่ชัดเจนนัก

เพราะบางตอนหายไปไม่ต่อเนื่องกัน  หนังสือเล่มแรกเป็นภาษาของชาวแอนตีส

ชาวอินคาและมายา  ผสมผสานกันไว้ครับ กล่าวถึงพลังงานต่างๆของทวีปแอต

แลนติคไว้ก่อนจะจมสู่ยังมหาสมุทรครับ เป็นการบรรยายของอำนาจพลังงาน

ที่พวกเขาเหล่านี้ใช้อยู่ครับ  และพลังงานของจักรวาลต่างๆที่เขาได้เดินทางไป

สำรวจค้นพบ แต่เสียดายเหลือเกินบันทึกกล่าวเพียงคร่าวๆเท่านั้น  และการใช้

พลังงานอื่นๆอีกมากมายนัก แต่ขาดหายไปจึงไม่ทราบว่าวิธีการใช้นั้นทำได้

อย่างไรกัน  ส่วนด้านหลังเป็นของชาวอียีปต์ที่บันทึกถึงเรื่องการรวบรวม

อาณาจักรต่างๆ  โดยแบ่งแยกการปกครองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเรื่อง

ราวของเขาระหว่างอาณาจักรกับศาสนจักร กับอาณาจักรต่างๆที่ได้

รวบรวมกันไว้ ถึงอาณาเขตต่างของชนชาวโบราณไว้ครับ

     ด้านศาสนจักรกล่าวถึงเวทย์มนต์คาถาอาคมและการสร้างมนุษย์ให้เป็นอมตะ

เกี่ยวกับวิญญาณต่างๆไว้ โดยอาศัยพลังงานของสุริยะจักรวาล

เป็นบ่อเกิดพลังงานแต่ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเพราะว่าเขาไม่ได้บันทึก

รายละเอียดมากเป็นแค่คร่าวๆครับ ผิดกับเล่มแรกที่กล่าวถึงการใช้พลังงานต่างๆ

และทางด้านโทรจิต  ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เราตอนนี้กำลังศึกษาค้นคว้าอยู่เป็นพลัง

งานเร้นลับใช้พลังงานจิตบังคับวัตถุได้  นอกนั้นก็ไม่มีอะไรครับ 

ท่านทั้งสองดูตัวหนังสือซิครับจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

 จะมีลักษณะคล้ายภาษาทางโลกเราบ้าง ก็มีที่จีน ญี่ปุ่น เกาหลีตลอดจนชาว

อินเดีย และชาวอาหรับบ้าง  เพราะแต่ละขีดจุดหากเพิ่มแล้วความหมายจะเปลี่ยน

ไปทันทีจะเป็นอีกคำๆหนึ่ง ที่คล้ายคลึงมากที่สุดคือภาษาชาวเผ่ามายาและอินคา

    ด้านภาษาชาวแอตตีสมีน้อยมากๆครับและละตัวอักษรจะคล้ายคลึงกันเท่านั้น

คงเป็นระยะยาวนานทำให้อักษรต่างๆแบ่งแยกแตกต่างกันออกไปครับ”

    เมื่อชายหนุ่มอธิบายหนังสือทั้งสองเล่มทำให้ ดร.ทั้งสองอ้าปากค้างสิ่งที่เขา

ค้นคว้ามานานพึ่งจะกระจ่างเดี๋ยวนี้  แต่ความสงสัยถึงชาวเผ่าแอตตีสนั่นเอง จึง

ถามชายหนุ่มขึ้นว่า

    “ในเมื่อพ่อหนุ่มว่าภาษาแอตตีสมีส่วนคล้ายคลึงกับภาษามายาและอินคานั้น

แตกต่างกันอย่างไรล่ะ????...”

    “อ้อๆๆเกิดจากเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันครับของชาวแอตแลนตีส ซึ่งกาลต่อมา

เมื่อทวีปจมลง ผู้หนีรอดไปต่างก็เหลือจำนวนน้อยมาก  และภาษาก็เปลี่ยนไป

ตามสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะกาลผ่านมาเป็นหมื่นๆปีครับ อีกประการหนึ่ง

ชนเผ่านี้ได้แตกแยกกระจายกันไปทั่วทุกแห่งของโลกเรา  ภาษาจึงค่อยเปลี่ยน

แปลงไปตามสภาพสิ่งแวดล้อมครับท่าน”

   “เป็นเช่นนี้เอง  ทำให้เราไม่สามารถอ่านหนังสือเหล่านี้ได้นอกจาก

ของชาวอียีปต์เท่านั้นเอง   ดังนั้นหนังสือสองเล่มนี้ก็เป็นข้อบ่งบอกถึงเหตุการณ์

เท่านั้นเอง  ซึ่งก็ผ่านการศึกษามาแล้วเช่นกัน เว้นแต่ภาษาเท่านั้นที่ไม่สามารถรู้

  อ้อๆๆพ่อหนุ่มแล้วลายแทงนี้ล่ะเห็นเป็นภาษาที่พวกเราอ่านไม่ออกเลย”

   “อันลายแทงนี้เป็นของชนเผ่าอินคาโบราณในแนวทางชาวแอสตีสทั้งหมด

เขียนไว้ถึงสถานที่ของทวีปแอนติคไว้ครับ  ก่อนจะจมลงทั้งทวีปครับ  

พร้อมทั้งแหล่งทรัพย์สมบัติต่างๆไว้เท่านั้นตลอดจนคำจารึกไว้ก่อนที่

จะต้องสูญเสีย  ดังนั้นภาษาจึงไปในทางภาษาของขาวแอสตีสมากๆครับ 

      เนื่องจากเจ้าผู้นำทวีปนี้ได้เก็บรวบรวมไว้  ก่อนทวีปจะจมหายไป

  ที่จริงก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเท่าใดนักแหละครับจะมีของสิ่งหนึ่งที่เก็บ

สะสมพลังงานต่างๆไว้เท่านั้นเอง แต่ไม่รู้ว่าจะคงอยู่หรือเปล่าข้อนี้

ลายแทงไม่ได้กำหนดไว้ครับ     แต่การเดินทางไปค้นหาตามลายแทง

อันตรายมากนะครับ   เพราะยังมีอำนาจพลังงานบางส่วนคุ้มครองอยู่

แม้จะไม่มากนัก  แต่วิทยาการทางวิทยาศาสตร์เราจะก้าวหน้าไปก็จริงแต่

พวกเรายังตามเขาไม่ทันหรอกครับ    ในแผ่นลายแทงจะมีรูปลักษณะที่

คล้ายๆกับจักรวาล จะมีรูปภาพเป็นสามเหลี่ยมซ้อนๆกันไว้ยากแก่การ

ค้นพบ  คงบางครั้งอาจจะมีอำนาจเร้นลับแฝงซ่อนเร้นอยู่ตามลักษณะลายแทง

    ผมคิดว่าท่านอย่าเสี่ยงไปค้นหาเลยเพราะว่าถึงอย่างไรก็ไม่เป็น

ประโยชน์เท่าใดนัก  นอกจากแก้วแหวนเงินทองซึ่งผมคิดว่าท่านก็มี

พร้อมอยู่แล้วครับ  จะพบก็เพียงแผ่นจารึกที่อาจจะหลงเหลืออยู่บ้าง

แต่ยากจะหาคนอ่านได้ครับ   ส่วนผมนั้นขอปฏิเสธในเรื่องนี้นะครับ

เพราะไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องราวมากนัก      ไม่ต้องการชื่อเสียงเท่าใด

ถ้าหากพวกท่านได้มา  ผมก็ขอปฏิเสธในการอ่านอีกด้วยไม่อยากจะ

ให้คนอื่นมาทำลายความสงบสุขวุ่นวายไปครับ”

     พร้อมทั้งชี้ตำแหน่งและลักษณะใกล้เคียงของแผนที่ที่วาดไว้อธิบาย

สิ่งต่างๆพร้อมแผ่นดินและเกาะตามกำหนดลายแทงบ่งบอกไว้ให้รู้ 

เสร็จแล้วเขาก็มอบหนังสือพร้อมลายแทงคืนให้ไป 

 พร้อมเอ่ยปากขอตัวอีกด้วย  เพราะเขาคิดว่าต้องค้นหาบางสิ่งบางอย่าง

เกี่ยวกับการแก้ไขอำนาจของเวทย์มนต์ที่ย่อมใช้พลังงานเป็นสิ่งประกอบ

    “แหมๆๆๆผมคิดอยากจะชวนคุณไปค้นหาจารึกในลายแทงด้วยกัน

เพื่อคุณจะช่วยผมได้ง่ายขึ้นครับ”

     ดร.รพีและดร.สุเมธ เอ่ยขึ้นกับชายหนุ่ม วางแผนอาศัยความรอบรู้เขา  

   “นั่นซิค่ะคุณพ่อ น่าจะให้คุณนิรุทธ์ร่วมไปค้นหาก็จะดีมากเชียวนะค่ะ”
  
   “ผมก็เห็นด้วยกับน้องพัชราครับ”

   ชายหนุ่มลูกของดร.สุเมธเอ่ยปากเช่นเดียวกัน

    “ไม่ต้องหรอกครับท่านเดินทางไปตามลายแทงก็ย่อมจะพบครับ  และผม

จะเขียนเพิ่มเติมให้บ้างนะครับ แต่การผจญภัยครั้งนี้ระวังเรื่องการเปลี่ยนแปลง

ไว้ด้วยนะครับหาก  พวกท่านจะคิดไปค้นหาตามลายแทง บางทีพวกท่านอาจ

จะไม่ถึงจุดหมายก็จะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้นะครับ ผมพูดได้เท่านี้เพราะใน

ลายแทงเขียนบ่งถึงอันตรายต่างๆไว้ครับ ว่ามีสิ่งแปลกประหลาดซ่อนเร้นไว้”

   แล้วชายหนุ่มก็ลุกเดินไปในห้องนอน พร้อมนำดินสอออกมา ขีดเขียนและแปล

เป็นภาษาไทยกำกับไว้ให้เรียบร้อย  พร้อมจุดที่เป็นอันตรายควรหลบเลี่ยง

หากเกิดความไม่ชอบมาพากลให้อีกด้วย  พร้อมชี้แหล่งต่างๆอันเป็นจุดค้นหานคร

ที่จมอยู่ใต้สมุทรของทวีปแอสแลนติค และตำแหน่งผู้นำของทวีปนั้นพร้อมที่เก็บ

ทรัพย์สมบัติไว้ให้พร้อมที่อยู่ของแผ่นจารึกอารยธรรมต่างๆของทวีป

ก่อนจะสูญสิ้นทวีปไปในที่สุด แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า

"อีกประการหนึ่งหากพวกท่านพบการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะนำท่านไปสู่ยัง

อีกมิติหนึ่งก็น่าจะเป็นไปได้นะครับ เรื่องนี้ไม่ใช่การล้อเล่นครับระวังไว้ด้วยก็ดี

หรืออาจจะเข้าสู่ดินแดนใหม่ที่ท่านไม่รู้จักก็ได้ควรเตรียมเนื้อเตรียมตัวไว้ด้วย" 

   “ เดี๋ยวพ่อหนุ่มขอถามอีกหน่อยตามลายแทงกำหนดไว้จุดเริ่มต้นไม่ได้กำหนดว่า

อยู่ที่แห่งใด  พ่อหนุ่มคิดว่าแห่งใดล่ะ???ที่เราควรเริ่มต้นนะ”

    ชายหนุ่มหันมายิ้มต่อทุกๆคน เพราะคิดว่าลายแทงเป็นสิ่งล่อใจนักค้นคว้า

พวกนี้แน่นอน จึงเอ่ยขึ้นว่า

   “ตามลายแทงถึงไม่ได้บอกว่า แต่ดูจากสิ่งต่างๆแล้วจะเป็นรูปคล้ายสามเหลี่ยม

ที่มาบรรจบกันซับซ้อนไว้ ที่ควรหาคือในทวีปแอตแลนติค แต่การเริ่มต้นนั้น

 ผมคิดว่ากึ่งกลางคือสิ่งที่พวกท่านควรไปของแหลมเบอมิวด้าที่เชื่อมต่อกัน

ระหว่างประเทศต่าง รวมทั้งหมู่เกาะใกล้เคียงจนถึงอ่าวเมกซิกัน

ในมลรัฐฟลอลิด้า     เนื่องจากมีลักษณะสามเหลี่ยมดังลายแทงนี้ไว้ อีกอย่าง

หนึ่งตรงกึ่งกลางของสามเหลี่ยมนี้เคยเกิดเรื่องการสูญหายของ เรือ และ

เครื่องบินโดยสารและอื่นๆที่ป่านนี้ยังหาร่องรอยไม่พบ จากการดึงดูดของ

บางอย่าง ซึ่งจะเกิดพายุพัดหมุนเวียน การทำงานของไฟฟ้าพลังงานมากมาย

และรายงานว่าจะมีลำแสงสีขาวๆดึงดูดสิ่งที่เข้าไปในอาณาะเขตนั้นๆ

ผมเองเข้าใจว่าน่าจะเกิดจากพลังงานที่ยังเหลือของชนชาวแอสแลนติส

สร้างพลังงานอันเร้นลับซ่อนไว้อยู่กระมังครับ   ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าขึ้น

เพราะที่นั่นเป็นจุดของพลังงานต่างๆที่ชาวแอสแลนตีสหลงเหลือไว้

การเริ่มต้นพวกท่านควรเริ่มต้นที่หมู่เกาะ เปอร์โตริโก้อันเป็นปลายของ

สามเหลี่ยมแล้วเดินทางเข้าไปยังส่วนกลางของสามเหลี่ยมจะดีที่สุดครับ".....

                          แก้วประเสริฐ.

flowers_170.gif1139348gm3744qpip.gifCartoon_Animation_08.gif76.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ