3 ตุลาคม 2554 00:01 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๑๐๕
ครั้นร่างของเจ้าแสงสีสินชัยไปแล้ว ชายหนุ่มจึงหันหน้าไปทาง
นางเทพอัปสรทั้งสอง ต่างร่วมกันปรึกษากันว่า เมื่อมีเหตุการณ์จะ
มีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เพื่อความเหมาะสมอยากจะขอคำปรึกษา
จากน้องนางทั้งสองด้วยว่าจะเสนอแนะอย่างไรกันจ้า
แม่นางเทพอัปสรรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นว่า
“ส่วนด้านน้องนั้นเห็นว่าที่พี่ท่านสั่งการไปนั้นก็ถูกต้องเหมาะสม
ดีแล้ว หากได้หลักฐานมาควรจะนำไปไว้ที่บ้านเจ้าเม้งและเจ้าเล้ง
ก็จะทำให้มีหลักฐานผูกมัด ด้วยปกติแล้วพวกมันไหวทันในเรื่องนี้
อยู่แล้วจึงไม่ได้เก็บไว้หาก พี่นำกำลังตำรวจที่ไว้ใจได้ไปตรวจค้น
และจับกุมย่อมจะได้หลักฐานพร้อมที่จะส่งฟ้องร้องได้นะพี่ท่าน”
ส่วนแม่นางเทพอัปสรอ้อยวิลาวัลย์ก็เสริมขึ้นทันทีว่า
“ในการนี้เพราะพี่ท่านจะวางมือทางการแล้วก็เห็นควรที่จะให้
สารวัตรชัชวาลย์เป็นผู้ไปตรวจค้นก็จะเป็นผลงานของเขา บางที
งานนี้อาจจะทำให้ความมุ่งหมายที่พี่ท่านคิดไว้จะได้รับการพิจารณา
สมเจตนารมณ์พี่ท่านด้วยนะ ส่วนคณะที่จะไปนำยาเสพย์ติดนั้นก็
ควรเหลือพวกหัวหน้ามันไว้ด้วย แล้วให้คนของเราเข้าสิงมันเพื่อจะ
ได้เผยสิ่งต่างๆได้อยากหมดเปลือก ก็จะทำให้ไอ้สองเสี่ยนั้นยิ่งดิ้น
ไม่หลุดจากการถูกจับกุมไว้จ้า”
“อันแม่นางทั้งสองกล่าวไว้ก็ถูกต้องและมีเหตุผลด้วย แต่การนี้นั้น
เห็นจะใช้ใครดีล่ะที่จะไปเข้าสิงบรรดาหัวหน้าของไอ้เสี่ยทั้งสองล่ะ”
“เห็นว่าคงจะไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ แสงสี สินชัย เจ้าพ่วงและเจ้า
เริ่มเห็นจะเหมาะสมที่สุด ด้วยทั้งสี่นี้ได้บรรลุฌานสูงย่อมทำงานได้ผล
ดี อีกประการหนึ่งทุกๆอย่างมันทั้งที่ให้แบ่งหน้าที่กันไปคอยกำกับดู
แลงานด้านนี้และสั่งพวกพ้องให้ไว้ชีวิตมัน ปล่อยให้มันกลับไปรายงาน
ตัวกับไอ้เสี่ยเม้งเสียก่อน แล้วจึงให้สารวัตรชัชวาลย์ที่เข้าทำการจับกุม
พร้อมๆกันในขณะเดียวกันด้วย แล้วพี่ท่านจะเห็นเป็นประการใดล่ะ?”
แม่นางรัตนาวดีเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มครั้นได้รับฟังก็เห็นดีงามด้วย ดังนั้น
จึงใช้อำนาจจิตเรียกเจ้า แสงสีสินชัยทันที
เพียงไม่นานนักร่างเจ้าแสงสีและสินชัยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทันที
ครั้นเมื่อมานั่งเรียบร้อยแล้วแล้ว ชายหนุ่มก็อธิบายตามที่แม่นางอัปสร
แจ้งไว้ให้ทราบ พร้อมหันไปร่างหนังสือขึ้นมาแล้วแล้วบอกว่าให้นำไป
ให้เจ้าเปล่งเดี๋ยวนี้เลย ด้วยงานจะเริ่มขึ้นเย็นนี้แล้ว เมื่อทั้งสองได้รับฟัง
และรับหนังสือมาแล้ว ก็กราบลาทั้งสาม พร้อมหายตัวไปทันที
ครั้นเมื่อเจ้าแสงสีสินชัยออกไปแล้ว ทั้งสามต่างก็กระเซ้าเย้าแหย่
กันขึ้นตามประสาหนุ่มสาว มีการหยอกเย้าต่างๆนาๆ
จนกระทั่งสาวชบาก็เดินเข้ามาในห้อง ดังนั้นทั้งหมดก็สนทนากัน
หยอกเย้าแหย่กันขึ้น สร้างความสนุกสนานกันมากยิ่งขึ้น
ฉับพลันแม่นางรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นว่า
“นี่แน๊ะแม่น้องชบาสิ่งที่พี่ทั้งสองคิดไว้นั้นเห็นว่าใกล้จะเป็นจริง
แล้วล่ะให้พี่โชติไปก่อนแล้วเราสามคนมาปรึกษากันนะ”
“เรื่องอะไรอีกล่ะ ทำไมต้องให้พี่ไปก่อนเสียล่ะ”
“มันเป็นเรื่องของผู้หญิงโดยเฉพาะจ๊ะพี่อย่ารู้เลยจ๊ะพี่”
แล้วทั้งหมดก็พากันหัวร่อกันขึ้น ทำความงุนงงแก่ชายหนุ่มยิ่งนัก
“มันลึกซึ้งถึงขนาดนี้เชียวหรือหรือว่า?????....”
“ตอนนี้พี่เองคงจะใช้อำนาจฌานไม่ได้แล้วล่ะจะมาอ่านจิตใจ
พวกเราเห็นจะไม่ได้แล้วกระมัง”
แม่นางรัตนาวดีกับแม่นางอ้อยวิลาวัลย์พากันหัวร่อลั่น
ยกเว้นสาวชบาเท่านั้นที่ไม่ทราบแต่ก็ยังยิ้ม เพราะเดาออกว่าต้องเป็น
เรื่องที่ดีแน่ๆ
“ช่างเถอะจ้าไม่เป็นไรหรอกไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เห็นทีพี่จะทำสมาธิ
บ้างล่ะด้วยเว้นมานานแล้วล่ะจ้า”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้าพี่ท่าน เชิญตามสบายเถอะนะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็จะได้รู้เรื่องราว แล้วอย่าลืมล่ะ
เมื่อไปถึงที่ทำงานแล้วสั่งสารวัตรทั้งสามไว้ด้วยนะ”
“จ๊ะขอบใจน้องรักมากจ้า อย่างนั้นพี่ขอตัวก่อนนะ
น้องทั้งสามจะออกไปสนทนาข้างนอกก็ได้ ด้วยวันนี้ท้องฟ้าโปร่งใส
ดวงดาวพร่างพรายมากนักสวยงามยิ่ง”
หลังจากที่เจ้าเปล่งได้อ่านหนังสือจากอาจารย์มันแล้ว
พลางรีบเปลี่ยนแผนการณ์ใหม่ทันที ดังนั้นมันจึงเรียกประชุมบรรดา
หัวหน้าฝึกและหัวหน้าหน่วยสายลับที่ขึ้นตรงต่อมัน พร้อมทั้งบอกเรื่อง
จะเข้าไปยังภูเขาที่ซ่อนไว้เพื่อนำของทั้งหมดออกมาและบอกถึงบรรดา
พวกของเสี่ยเล้งที่จะเข้าร่วมขบวนการขนย้ายยาเสพติด จะร่วมมือกัน
กับพวกเสี่ยเม้งใหม่ พร้อมทั้งมอบแผนทีให้แก่เจ้าแสงสี สินชัย เจ้าเพิ่ม
และเจ้าเริ่มพร้อมอธิบายวิธีการต่างๆ ให้หัวหน้าฝึกกับหัวหน้าสายลับ
พร้อมกับตีใหญ่ ตี๋เล็ก ชื่นวาส และกุ๋น พลางอธิบายให้แบ่งกำลัง
ออกเป็นแปดหน่วย
กลุ่มหนึ่งมีจำนวน50 นาย ให้แบ่งออกหน่วยล่ะ 25 นาย
พร้อมอาวุธพร้อมมือ มันมองเหตุการณ์ว่า
หากจะได้มีหน่วยคอยคุมหลังอีกชั้นหนึ่ง พลางกล่าวขึ้นว่า
“ภูเขาทั้งสี่ลูก ทิศเหนือนั้นชื่อเขาแม่นางนอน
ทิศใต้ มีเขาชื่อภูเขาควาย ทิศตะวันตกมีภูเขาชื่อว่าเขายายเที่ยง
และทิศตะวันออกมีเขาชื่อเสือหมอบ แต่ละเขานั้นมีกำลังจัดตั้งไว้คอ
รักษา ข้าให้แต่ละหน่วยออกไปดำเนินการตามแผนนี้
แต่ให้ทุกๆคนระวังตัวไว้ด้วย แต่อย่าทำร้ายหัวหน้ามันจงเก็บมันเอาไว้
เพื่อผลงานข้างหน้าตามคำสั่งของนาย ซึ่งเจ้าแสงสี สินชัย เจ้าเพิ่ม เจ้า
เริ่มรู้หน้าที่มันอยู่แล้ว หากมันตรวจพบ
ว่าที่ใดถูกทำลายไปมันจะไปช่วยแต่ว่าหน่วยใดทำหน้าที่เสร็จ
ไม่ต้องไปช่วยหรอกเพราะมันจะทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก
ข้าเชื่อเช่นนั้น แต่ให้สั่งลูกน้องไว้ว่าอย่าได้ทำอันตรายหัวหน้ามันเป็น
ขาดปล่อยให้มันกลับไปรายงานตัวได้ที่นายวางแผนไว้ให้แล้ว
เพราะนายสั่งไว้ว่า การทำงานครั้งนี้อย่าให้ผิดพลาด ส่วนที่เหลือนั้น
ให้จัดการได้ตามสบาย ใครมีอะไรสงสัยถามได้นะเพราะต้องรีบออก
เดินทางกันได้แล้ว อ้อๆๆไอ้พวกที่จะไปรับของนั้นมันไม่ไช่นักเลง
ธรรมดา มันเป็นทหารพรานและตำรวจที่ถูกไล่ออกร่วมกับพวกของ
ไอ้เสี่ยเม้งด้วย มันไม่ใช่การต่อสู้แบบธรรมดานะ”
หัวหน้าฝึกและสายลับถามขึ้นว่า
“แล้วเราจะเอารถอะไรไปหรืออาจารย์เปล่ง”
“รถนั้นทางหัวหน้าเราได้นำมาให้แล้วล่ะจำนวน 5 คันใช้สำหรับ
พวกของบรรดาหัวหน้าและไม่กี่คนเท่านั้นแหละอีกคันนั้นใช้สำหรับ
ขนยาเสพย์ติดที่ยืดมาได้ ส่วนกลุ่มที่เป็นลูกน้องนั้นจะออกเดินทางไป
รอคอยยังที่จุดเกิดเหตุแล้วไม่ต้องห่วงหรอก”
“แล้วมันจะไปทันหรืออาจารย์เปล่ง หัวหน้าสายลับและตี๋ใหญ่ถาม
ด้วยความสงสัย”
“เชื่อข้าซิว่ามันจะเดินทางลัดเลาะไปตามป่าด้วยความชำนาญและจะ
ไปถึงก่อนรถเสียอีกจะไปคอยพวกเจ้าอยู่ที่นั่นแหละ ทางรถมันคด
เคี้ยวมากๆเสียด้วย ส่วนพวกมันจะไปทางลัดในป่าเองแหละ”
“แล้วการแบ่งงานนี้วางแผนไว้อย่างไรล่ะ”
หัวหน้าฝายฝึกถามดูด้วยความสงสัย
“ทางทิศเหนือ ให้เจ้าแสงสีนำไปเป็นหัวหน้าส่วนแผนทีนั้นให้
หัวหน้าฝ่ายฝึกเป็นคนดูทางก็แล้วกันนะ ส่วนทางทิศใต้ให้เจ้าสินชัย
เป็นหัวหน้าส่วนแผนทีนั้นให้หัวหน้าสายลับเป็นคนถือไปก็แล้วกัน
ส่วนเจ้าเพิ่มกับเจ้าเริ่มนั้นมันจะนำพวกฝ่ายฝึกกับฝ่ายลับไปแผนทีให้
มันเก็บไว้ ให้รีบออกเดินทางได้แล้วทางพวกมันออกเดินทางแล้วล่ะ
แต่อย่างไรก็คงจะไม่ทันพวกเราหรอกข้าคิดเช่นนั้น”
เมื่อต่างคนตกลงกันแล้ว เจ้าเปล่งก็เรียกบรรดาหุ่นทั้งหลายมา
ประชุมพร้อมทั้งกระซิบบอก ทุกๆคนต่างพยักหน้ารับ แล้วขบวนการ
ก็เริ่มออกเดินทางทันที
“อ้อเดี๋ยวก่อน ครึ่งหนึ่งนั้นให้เอามาวางเก็บไว้ที่ชายป่านี้แหละส่วนที่
เหลือบางส่วนให้นำไปไว้ที่บ้านไอ้เสี่ยเม้งกับไอ้เสี่ยเล้งซุกซ่อนไว้อย่าง
ละครึ่งนะ เพราะทางนี้จะมีตำรวจมาเก็บไปเองแหละพร้อมให้นำศพ
พวกมันมาวางข้างๆไว้ด้วยเพื่อสร้างภาพไว้ว่าเกิดการขัดแย้งกัน”
ทุกๆคนพยักหน้ารับทราบ ดังนั้นขบวนการก็เริ่มออกเดินทางทันที
ส่วนทางด้านเสี่ยเม้งและเสี่ยเล้งก็จัดกำลังคนออกไปนำของทันที
เรื่องกำนันมั่นตายนั้น พวกมันหาสนใจไม่เพราะงานนี้สำคัญกว่ามาก
นัก ดังนั้นเสี่ยเล้งจึงหันไปสั่งบรรดาลูกน้อง ส่วนเสี่ยเม้งก็หันไปทาง
ไอ้เซี๊ยะ ไอ้มุ้ย ไอ้เช้ง และไอ้สุย โดยมี ไอ้หว่า ไอ้เจียง ไอ้เม่งจ่ายและ
ไอ้ใช้เป็นผุ้ช่วยด้วย พร้อมกำชับว่างานนี้อย่าให้พลาดได้นะ แล้วขบวน
ดังกล่าวก็ค่อยๆขึ้นรถปิดประทุนออกเดินทางทันที ส่วนเสี่ยแม้งกับ
เสี่ยเล้งก็มองดูขบวนที่ออกเดินทางจนลับหายไป แล้วทั้งสองก็ไปรอ
ฟังข่าวยังที่พักบ้านเสี่ยเล้งทันที
ทางด้านเจ้าเปล่งครั้นบรรดาพวกๆออกเดินทางไปแล้วก็กลับไปยัง
กระท่อมมันเพื่อรอฟังผลงานต่อไป
เมื่อรถของบรรดาพวกเจ้าเปล่งไปถึงยังสถานที่ต่างก็ลงจากรถออกมา
เลือกหากชัยภูมิแต่ครั้นเมื่อลงจากรถก็สร้างความแปลกใจให้แก่หัวหน้า
ฝ่ายผึกทันที ที่เห็นเหล่าลูกน้องต่างโผล่ออกมาตามพุ่มไม้บ้างต้นไม้
บ้างเขามาหา ก็ให้นึกแปลกใจยิ่งนักยกเว้นเจ้าแสงสีเท่านั้นเอง จึงหัน
ไปถามว่ามาครบกันแล้วหรือ เมื่อได้รับคำตอบก็สั่งการทันทีพร้อมหัน
ไปทางหัวหน้าฝ่ายฝึกว่า ให้หัวหน้าฝ่ายฝึกคอยคุมด้านหลังไว้ด้วย เขา
และพวกจะเข้าไปนำของออกมา หากเรียบร้อยก็จะส่งสัญญาณมาให้ไป
ขนของ แต่ตอนนี้ต้องใช้คนไปถอดชนวนระเบิดก่อน หัวหน้าฝ่ายฝึกก็
พยักหน้ารับทราบต่างคนต่างไม่พูดพากันเข้าแอบซ่อนตัวตามภูมิ
ประเทศตามความถนัดของใครของมัน นอกจากได้ยินเสียงนก
กลางคืนร้องรับกันเป็นทอดๆนั้นต่างพากันหยุดพร้อม เสียงจักจั่นเรไร
ในป่าต่างๆหยุดร้องกันทันที แต่ก็มีเสียงอื่นเข้ามาสอดแทรกไว้แทน
เสียงหมาป่าเห่าหอนขึ้นมาทันที ทิ้งระยะเป็นทอดๆยาวๆแทนที่
“โบ๊วๆๆๆๆ!!!!!!โบ๊วๆๆๆๆ เสียงมันช่างเยือกเย็นนักดังกึกก้อง
แทนเสียบรรดาสัตว์ต่างๆทันที หัวหน้าฝ่ายฝึกตกใจถามแสงสีทันทีว่า
ในนี้มีหมาป่าด้วยหรือแล้วมันร้องหอนทำไมล่ะ”
“มันคงร้องตามประสามันนั่นแหละอาจจะเห็นสิ่งผิดปกติกระมัง ช่าง
มันเถอะอย่าไปสนใจมันหรอก คอยดูแลให้ดีๆนะ ผมจะไปล่ะ????...”
แม้กระนั้นหัวหน้าฝ่ายฝึกหันไปทางลูกน้องเขาที่นำมาต่างหน้าตา
หล๊อกแหล๊กไปตามๆกัน ยกเว้นพวกของเจ้าแสงสีเท่านั้นที่ทำหน้าตา
ปกติจนกระทั้งบรรดาชาวบ้านที่ฝึกนำมาด้วยหันไปถามคนของแสงสี
ด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีนักว่า”
“พวกเราได้ยินเสียงหมามันหอนไหมล่ะ???...มันคงจะไม่ธรรมดานะ
ได้ยินเสียงหรือเปล่าล่ะ????....”
“ได้ยินเหมือนกันแต่ช่างมันเถอะ พวกเราชินเสียแล้วล่ะว่าแต่พวก
คุณนะ ระหว่างหมาหอนกับลูกปืน อันไหนน่ากลัวกว่าล่ะ???...”
เล่นเอาผู้ถามหยุดชะงักทันที ใช่ลูกปืนน่ากลัวกว่าจึงพยายามข่มใจไว้
แต่กระนั้นไม่วาย ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อหัวหน้าฝ่ายฝึกหันมาตะโกนถาม
เสียงเบาๆว่า
“เฮ้ยๆๆๆ!!!!.....พวกเราเห็นอะไรไหมว๊ะ ทำไมต้นไม้มันถึงสูงกว่า
เดิมไปอีกล่ะ แล้วมันแกว่งไกวไปมาคล้ายๆแขนคนด้วยล่ะ”
ฝ่ายพวกชาวบ้านที่ร่วมกันมาซึ่งล้วนเป็นตำรวจลับทั้งสิ้นต่างก็มองไป
แต่พวกเขาไม่เห็นอะไรผิดปกตินอกจากเสียงหมาเท่านั้นเอง คนหนึ่งจึง
ตอบหัวหน้าขึ้นว่า
“พวกข้าไม่เห็นอะไรที่นายบอกเลยนี่นา ตาฝาดหรือเปล่าล่ะ”
เมื่อหัวหน้าฝ่ายมองไปอีกทีก็เห็นสภาพปกติเป็นแค่ต้นไม้ธรรมดา
ทั้งสิ้นก็พาขยี้นัยน์ตามัน รำพึงว่าเอ๊ะ หรือว่าเราตาฝาดไปจริงๆนะ
จึงหันไปบอกให้บรรดาพรรคพวกรีบเข้าที่แอบซุ่มตามชัยภูมิที่ดีคอย
มองมาทางด้านที่ผ่านเข้ามา ดังนั้นทุกๆคนจึงแยกย้ายกันไปหาชัยภูมิ
อันเหมาะสมคอยระวังหลังให้เจ้าแสงสีและพรรคที่หายลับไปในที่มืด
ด้วยในค่ำคืนนี้เดือนมืดมีเมฆมากมาย จะมีสอดแทรกก็เพียง
ดวงดาวบางดวงเท่านั้น แต่อากาศช่างเยือกเย็นนักยิ่งเสียงหมาหอนก็
ยิ่งเยือกเย็นไม่มีวันหยุดเสียด้วย ทุกๆคนมือไม้ชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งๆที่
อากาศก็เยือกเย็นนัก เสียงน้ำค้างหยดจากใบไม้ล่วงหล่นลงมา โดนใบ
ไม้แห้งดังเปาะแปะๆเท่านั้นเอง ผสมผสานกับเสียงหมาหอนอย่าง
โหยหวน ครั้นมองไปยังพรรคพวกเจ้าเปล่งที่ไม่รู้มันไปซ่อนตัวที่ใด
เพราะเหมือนกับหายไปในความมืด
ทันใดนั้นเองเสียงร้องเอะอะโวยวายก็ดังแว่วๆเข้ามาจากภูเขาของ
พรรคพวกของไอ้เซี๊ยะ มันตระโกนว่าเฮ้ยๆๆๆผีๆๆๆโว้ย ยิงมันซิว๊ะ
“กูไม่เอาโว้ยเผ่นหนีดีกว่า มันไม่ใช่คนนี่นา มึงยิงไปๆได้อะไร
หรือว๊ะ??? แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดีล่ะว๊ะ”
แต่เมื่อบรรดาที่พวกมันเห็นเดินเข้ามาใบหน้าตาต่างเต็มไปด้วย
น้ำเหลือง ไหลย้อย บ้างหัวใหญ่โตแต่ดวงตามันซิโตยังกับไข่ห่านแดง
กร่ำเสียด้วยเมื่อ เห็นดังนั้น ต่างพากันวิ่งหนีจะเข้าไปยังถ่ำทันใด
เสียงปืนก็ดังแซ๊ดๆๆๆ ร่างมันต่างร่วงผล๊อยกัน เมื่อมันจวนตัวก็หันมา
สู้ต่างยิงกันสนั่นหวั่นไหว ระงมไปทั่วบริเวณ ฝ่ายหัวหน้าฝึกและ
ตำรวจลับที่เป็นลูกน้องต่างมองหน้ากันไปๆมาๆ พวกเขาได้ยินทั้งเสียง
คนและเสียงปืนดังสนั่น แต่เจ้าแสงสีหัวหน้ากลุ่มบอกว่าไม่ต้องให้เข้า
ไปช่วยให้คอยคุมหลังไว้เท่านั้น
ดังนั้นจึง ต้องคอยเฝ้าอยู่กับที่ ทันใดก็ได้ยินเสียงรถผิดปกติกำลัง
วิ่งเข้ามาในบริเวณแล้วเงียบไป ส่วนเสียงที่ดังภายในถ่ำนั้นก็เงียบไป
หมดแล้ว จะมีก็แค่ประปรายเป็นบางแห่งแล้วก็เงียบหายไป ความเงียบ
ก็เข้ามาแทนที่ดังเดิม ตลอดเสียงหมาหอนก็หยุดลงอย่างกระทันหัน
บรรดาหัวหน้าฝึกก็แลเห็นร่างตะคุ่มๆ ต่างแยกย้ายกันเข้ามา ทุกๆ
คนมีอาวุธพร้อมมือ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็นึกได้ถึงคำสั่งของหัวหน้ากลุ่ม
ได้ พอได้ระยะต่างก็ระดมยิงพวกมาใหม่ทันที เสียงปืนดังขึ้นร่างที่
ยืนอยู่ต่างร่วงผล๊อยลงทันที ที่เหลือต่างทิ้งตัวแนบกับพื้นแล้วคลาน
ดังงูเลื้อย แสดงถึงการผ่านการฝึกอบรมมาอย่างช่ำชองนัก
ดังนั้นเสียงยิงโต้ตอบก็ดังขึ้น ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ หัวหน้าฝ่ายฝึก
ต่างอ้าปากค้าง เมื่อแลเห็นพรรคพวกของหัวหน้ากลุ่มแสงสีต่างพากัน
เดินออกจากที่ซ่อนเหมือนไม่กลัวกระสุนของฝ่ายตรงกันข้ามที่ยิงเข้ามา
พลางสาดกระสุนเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย เสียงปืนกระทบร่างพวกเขา
แลเห็นเพียงแค่ผงะเท่านั้น แต่ต่างลุกขึ้นออกมายิงไปอีก สร้างความ
ขวัญเสียแก่พวกมาใหม่ทันที เมื่อเป็นเช่นนั้นหัวหน้าฝ่ายฝึกก็สั่งให้
พรรคพวกออกช่วยต่างคืบคลานเข้าหาพวกมาใหม่ทันที ต่างระดมยิง
พวกมาใหม่ ต่างโล่งใจที่พรรคพวกเขามิได้เป็นอะไรเลย แต่ก็ยังมีผู้
ที่ได้รับบาดเจ็บบ้างแต่ไม่มากนักและถูกลำเลียงมารักษาด้านหลัง
เสียงร้องตะโกนของหัวหน้ามาใหม่คือไอ้เซี๊ยะสั่งการทันที
“เฮ้ยพวกใครว๊ะ คงจะมาขโมยของที่เราเก็บไว้ เฮ้ยๆแล้วพวกเราล่ะ
หายไปไหนกันหมด อย่าถึงสนใจ อย่าเอาไว้พวกเรายิงแม่งให้ตายให้
หมดนะโว้ย แล้วรีบเข้าไปช่วยพวกเราที่เฝ้าถ่ำไว้ด้วย”
มันพูดพลางส่ายปืนส่งกระสุนไปยังร่างที่มันพอมองเห็นได้ มันขยี้
นัยน์ตามันเมื่อมองเห็นว่ากระสุนมันถูกเป้าทุกๆเป้า เพียงแค่ทำให้ร่าง
เหล่านั้นผงะเท่านั้น เลือดไหลหลั่งไปทั่วบริเวณ กลิ่นคาวคลุ้งตลบไป
ทั่วบริเวณนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของพวกมันหรือพวกที่ยิงกับมัน
“บุกเข้าไปโว้ยใครอย่าถอยนะ หากถอยกูยิงไม่เลือกนะโว้ย ยังไงต้อง
เอาของมาให้ได้นะ มิฉะนั้นเสี่ยมันเอาตายเลยแหละ”
“พี่เซี๊ยะไม่เห็นหรือเรายิงมันแต่ไม่ตาย ส่วนพวกทหารพรานหัวหมู่ก็
พากันร้องลั่นสั่งให้บุกทันที แต่แล้ว ร่างมันก็ร่วงฟุบทันที บรรดาทหาร
ทั้งหลายที่เหลือต่างแอบตัวเพื่อหาทางเอาตัวรอด กลิ้งตัวไปทางต้นไม้
ใหญ่ แต่แล้วมันก็ต้องตาเหลือกเมื่อเห็น มีปืนจ่อบนศีรษะมันแต่วิสัยน์
ด้วยความเป็นชายชาติทหาร มันพลันกลิ้งตัวหลีกหลบไปอีกด้านหนึ่ง
แล้วร่างมันก็ผงะร่วงฟุบทันที ไอ้เซี๊ยะเห็นการไม่ดีเพราะว่ามันมีแต่
ความมืดมันจึงยิงไปที่มีแสงประกายปืนแว๊บออกมา ด้วยไหวพริบมันรู้
ว่าการต่อสู้นี้ฝ่ายมันต้องพ่ายแพ้แน่นอน เพราะมันยิงไปฝ่ายโน้นกลับ
ไม่ตายแต่กลับลุกขึ้นมายิงพวกมันได้อีก คิดได้ดังนี้น แล้วรีบขึ้นรถ
ทันทีสั่งให้คนขับรถออกรถเพื่อหนีทันที ด้วยมันมองไปรอบๆข้าง
บริเวณนั้น ต่างแลเห็นร่างพวกมันต่างล้มตายลงเป็นส่วนมาก แต่ฝ่าย
ตรงกันข้าไม่อาจมองเห็นได้ เพราะเป็นป่าครึ้มมองอะไรแทบจะไม่เห็น
เมื่อเห็นสถานะการณ์ว่า มันไม่ใช่ธรรมดารีบสตาร์ทเครื่องรถหนีไปคง
ปล่อยให้พวกมันต่อสู้ เพราะมันรู้แน่ว่าหาใช่ต่อสู้กับคนธรรมดาไม่
และแล้วมันก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อลูกปืนถูกยังแขนข้างซ้ายมันเลือด
สาดกระจายทันที มันรีบฉีกผ้ามาพันแผลทันที ครั้นมันพิจาณาแล้วก็
รีบตะโกนร้องสั่งให้พวกถอย
“ถอยหนีกลับโว้ย!!!!.....มันไม่ใช่คนธรรมดาว๊ะถอยๆๆๆ”
ดังนั้นขบวนที่แตกซ่านต่างพากันถอยหลังกลับขึ้นรถไม่มากนะ รีบ
ขับรถออกหนีไปทันที ส่วนพวกแสงสีจะออกติดตาม แต่เจ้าแสงสีร้อง
บอกห้ามไว้ว่า
“ปล่อยมันไปเถอะเหลือไม่กี่คนแล้วล่ะจะได้ไปรายงานตัวให้ไอ้เสี่ย
ทั้งสองได้รู้ไว้ตามแผนว๊ะ”.............
๐ แก้วประเสริฐ. ๐