28 ธันวาคม 2553 12:24 น.

อทิสมานกาย ๕๗

แก้วประเสริฐ

76.gif
                           อทิสมานกาย ๕๗

       ระหว่างการกินอาหารร่วมกันโดยมีสาวชบาร่วมด้วย  กำนันหวนและแม่เย็น
ต่างก็ชมสาวชบาว่า ช่างสวยจริงนะ มีสง่าราษีอีกด้วย  แล้วหันไปถามพ่อเชียรว่า
   “ลูกสาวน้องออกเรือนหรือยังล่ะ???...แล้วอายุเท่าไหร่ล่ะ??....”
   “ยังหรอกพี่ พึ่งจะย่างเข้ายี่สิบเก้า กระมัง  ใช่ไหมล่ะ??...”  
 พ่อเชียรพลางหันไปถามสาวชบาพร้อมตอบคำถามกำนันหวนไปด้วย
   “จ๊ะพ่อ พึ่งจะเต็ม ยี่สิบเก้าเดือนนี้เอง???...”
     หญิงสาวชบากล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัยยิ่งนัก
    “ไม่มีอะไรหรอกหนู  ที่ถามนี่ว่าจะอายุไล่เลี่ยกับลูกสาวลุงหรือเปล่านะ”
 กำนันหวนกล่าวขึ้น
    “เอ๊ะๆๆแปลกนะพี่หวน คนบ้านนี้ทำไมมีอายุกันแต่ร่างกายกับไม่สม
กับวัยเสียเลย???”
แม่เย็นแทรกขึ้นมา พร้อมหันไปจ้องใบหน้าหญิงสาวชบา
    “ดูซิพ่อโชติหรือก็ปาเข้าไป สี่สิบห้า แล้วก็ยังเหมือนพึ่งจะขึ้นเลขสาม
 เท่านั้นนะ ไม่มีแววว่าจะมีอายุมากขนาดนี้   ข้ามองไปดูคนทั้งหมด
 อีกทั้งแม่เข็มพ่อเชียรเล่าหรือก็ดูไม่แก่เอาเสียเลย” แม่เย็นย้ำขึ้นอีก
    “ก็ไม่ได้คิดมากอะไรนี่นาแม่เย็น ทุกๆคนเมื่อไม่คิดมากก็ย่อม
ต้องไม่แก่จริงไหมพี่หวน???.
ด้วยทุกๆอย่างมีเพียบพร้อมกันอยู่แล้ว เพียงแค่คอยระวังรักษากันเอาเอง
เท่านั้นแหละ ผลเก็บเกี่ยวหรือก็ไม่ต้องไปส่งให้เขา  มีคนมาถึงไร่สวน นา
หรือก็แค่ทำกินไปปีๆหนึ่งเท่านั้นเอง”
พ่อเชียรเอ่ยขึ้นบ้าง

       “นั่นซิแม่เย็น น้องเชียรกล่าวไว้ถูกต้องแล้วล่ะ??...อย่างหลวงพ่อก็เคยกล่าว
กับข้าว่าอย่าไปคร่ำเคร่งกับงานให้มากนัก  หามามากก็อันตรายซ้ำยังให้เราคิดมาก
อีกด้วย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่างเดียว” กำนันหวนเอ่ย
      “ก็จริงอย่างพี่ว่าแหละจ้า แต่พี่ดิ้นรนหาเรื่องเองนี่นาจะมาบ่นอะไรอีกล่ะ???...”
แม่เย็นได้โอกาสเสริมขึ้นทันที
    “อืมมๆๆ...ก็จริงอย่างแม่เย็นพูดก็ถูก  ข้ามันหาเรื่องไปเองทั้งๆที่เราก็มีกิน
อยู่สมบูรณ์แล้วมาตัดใจได้ก็ตอนใกล้จะตายนี่แหละ  จึงปลงตกได้และจะเข้าวัด
ถือศีลแต่มาคิดอีกที การถือศีลอย่างเดียวคงไม่พอแก้ไขได้หรอก  
นอกจากบวชแล้วไม่สึกนั่นแหละถึงจะช่วยเหลือได้”
กำนันหวน กล่าวพลางสีหน้าสลด
     “ช่างเถอะน่าพี่...ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วมาคิดให้เปลืองสมองทำไม 
 มันเป็นอดีตไปนี่แล้วนา  เริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สาย
และข้าเองก็ขออนุโมทนาด้วยคนหนึ่งล่ะ”
พ่อเชียรเอ่ยตัดบท
     “จริงอย่างพ่อเชียรพูดจริงๆจ๊ะ  คนเราทุกๆคนย่อมพลาดกันได้
 แต่พลาดแล้วรู้สึกตัวกลับตัวเองก่อนอะไรๆมันจะสายก็ยังดีกว่าไปหลงงมงาย
มันอีก
 ใช่ไหมแม่เข็ม???...” แม่เย็นพลางไปผู้ช่วยสนับลนุนทันที
     “ที่แม่เย็นพูดมานี้ก็ถูกอีกล่ะ เห็นทีแม่เย็นจะทำใจได้แล้วกระมัง???....”

     “ทุกๆอย่างฉันไม่เคยขัดวางเขาหรอกแม่เข็ม เคยเตือนเหมือนกัน
คนเราเมื่อโตๆกันแล้วทำไมจะต้องพูดกันมากนัก ผิดชอบชั่วดีย่อมรู้แก่ใจ
เองแหละ อายุหรือต่างก็มากๆกันแล้วนาจะคอบพร่ำสอนเหมือนเด็กได้อย่างไร”
  แม่เย็นตอบพลางหันไปพยักหน้ากับแม่เข็ม
    “แล้วพ่อเชียรเห็นว่าอย่างไรล่ะ ไหนๆมันเรื่องก็ผ่านไปแล้ว  แต่ไม่รู้ซินะ
ทำไมเรื่องนี้จึงมาคุยกันได้ที่นี่ได้นา หรือว่าเราทั้งสองครอบครัวคง
จะเคยทำบุญร่วมกันมานา”
     “ที่แม่เย็นกล่าวก็มีเหตุผลเหมือนกัน  พี่หวนเองก็ทำใจได้เถอะนะทุกอย่าง
ปล่อยให้เวรกรรม
เขาตัดสินใจกันก็แล้วกันจะได้สบายใจ  อย่าไปคิดอะไรอีกเลยทุกๆอย่างมัน
ก็เลยไปแล้ว นี่พี่ก็จะหันหลังให้ทางโลกแล้ว  คงอีกไม่นานก็จะเกิดพุทธบุตรอีก
การเกิดคราวนี้จะถาวรเสียด้วยซิ  ด้วยผ่านเหตุการณ์ต่างไปกันมาแล้ว
 แสดงถึงว่าบุญยังคุ้มครองพี่หวนอยู่น๊ะ????”
    “ข้าเองได้ยินคำของน้องเชียรแม่เข็มและแม่เย็นก็ให้รู้สึกคลายใจได้มากโข 
 เอาล่ะต่อไปนี้ข้าจะไม่คิดอะไรอีกแล้ว นอกจากจะเคร่งครัดในธรรมวินัย
อย่างเดียวเท่านั้น”
    “สาธุๆๆๆอนุโมทนาด้วยกันจ้า”  เสียงของพ่อเชียรแม่เข็มและแม่เย็น
ต่างยกมือไหว้เหนือหัว
    “ข้าให้สัญญาไว้ต่อพวกเรานี่แหละว่าจะอาศัยร่มผ้ากาวพัตรเป็นเรือนตาย
ไม่ออกมาอีกแล้วด้วยสัจจะวาจาของลูกผู้ชายชื่อไอ้หวนนะ  
ทุกๆคนสบายใจได้แล้ว  งั้นพวกข้าจะขอลากลับเสียเลยนี่เวลาก็บ่ายโขแล้ว
เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน  แล้วน้องเชียรน้องเข็มพาเด็กๆไปเยี่ยมพวกข้าบ้าง
ด้วยนะ  ข้ามานั่งคิดดูที่นี่แหละก็เห็นว่าที่นี่เท่านั้นจะเป็นที่พึงพิง
ของครอบครัวข้าได้เสียแล้ว”
    “เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกพี่หวน โอกาสว่างๆจะต้องไปเยี่ยม
ครอบครัวพี่หวนและจะคอยเอาใจใส่ให้ด้วย  ให้ไปบวชให้สบายใจได้เถอะพี่”

     “ข้ายิ่งมาได้รับคำรับรองจากน้องเชียรและแม่เข็มทำให้จิตใจข้าที่กังวลหายไป
เกือบหมดเชียวล่ะ
เอาล่ะๆๆแม่เย็น เจ้าชวน บงกช ไปลาพ่อเชียรแม่เข็มและพี่ๆน้องๆได้แล้วล่ะ
สมควรแก่เวลาแล้วน้องๆจะได้พักผ่อนบ้าง”  กำนันหวนเอ่ยขึ้น
      แล้วทั้งหมดก็เข้าไปร่ำลากันตามอาวุโส  ระหว่างที่กำนันหวนและพ่อเชียร
และแม่บ้านคุยกันนั้นชายหนุ่มได้แต่นั่งอมยิ้มฟังการสนทนาของทั้งหมดนั้น
 ใจของชายหนุ่มวาดไปถึงอดีตของกำนันหวน  คงมีแต่เขาเท่านั้นที่จะช่วยได้
และเมื่อเห็นพ่อแม่และน้องๆต่างก็ให้ความรักสนิทสนมกัน เขาจึงอดอมยิ้มไม่ได้
   พลันก็เอ่ยขึ้นว่า
     “ถ้าลุงและน้าและน้องๆจะกลับ คอยข้าเดี๋ยวนะ ข้านึกสังหรณ์อย่างไร
ชอบกลนักจึงอยากจะให้ของไว้ป้องกันตัวในยามค่ำๆคืนบ้าง
  อาจจะช่วยลุงและน้าตลอดน้องๆได้ครับ”
     “มีอะไรหรือลูก????....”  พ่อเชียรแม่เข็มถามขึ้นด้วยความสงสัย
      “ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ผมสังเกตุใบหน้าทุกๆคนอาจจะมีเคราะห์
ที่ซ่อนเร้นบางอย่างอยู่”
ชายหนุ่มกล่าว   
      เมื่อได้รับฟังคำเอ่ยของลูกทำให้พ่อเชียรชักเอะใจด้วยรู้ว่าลูกนั้นเป็นอย่างไร
  ก็นั่งหลับตาสักครู่ พลันเข้าใจเหตุการณ์ที่ลูกกล่าวดังนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า
      “ดีแล้วล่ะลูก รีบๆหน่อยนะด้วยจะมืดค่ำเสียก่อน” พ่อเชียรเอ่ย
     “ครับคุณพ่อ”  กล่าวเสร็จชายหนุ่มก็หันไปยิ้มให้กับทุกๆคนทางบ้านบางโค
  แล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง
     “มีอะไรหรือน้องเชียร ” กำนันหวนถามด้วยความสงสัย
     “เดี๋ยวก็รู้หรอกพี่ ไม่มีอะไรมากนักหรอก”  พ่อเชียรกล่าวพลางหัวร่อเบาๆ

       สักครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ก้าวออกมาจากห้อง เขาถือสายร่มพร้อมสิ่งของ
เดินเข้ามาหาแล้วก็กล่าวขึ้นว่า
     “ให้ลุงและน้าน้องๆนำเอาสิ่งนี้ไปห้อยคอไว้ในระยะนี้  อย่าได้ถอดออก
เป็นเด็ดขาดแม้จะเข้าห้องน้ำก็ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ”
        พลางยืนสิ่งของในมือให้แก่พวกบางโคทันที
   “พ่อว่าให้แกสวมพระให้แก่ทุกๆคนแหละดีนะ ด้วยมีอะไรชอบกลๆอยู่ใน
บางอย่างบอกพ่อด้วยล่ะ” พ่อเชียรเอ่ยขึ้น
    “จะดีหรือครับคุณพ่อท่านเป็นผู้ใหญ่นา”  ชายหนุ่มกล่าว
     “เออนาเชื่อพ่อเถอะใครสวมจะสู้ลูกสวมได้หรือ”
   แล้วหันไปทางกำนันหวนและพวก      พลางกล่าวว่า
“พี่หวนและแม่เย็นตลอดจนเจ้าชวนแม่บงกชเข้ามาหาเจ้าโชติมันซิ 
มันจะได้สวมวัตถุมงคลให้ คงจะเป็นหลวงพ่อทองสั่งแก่ลูกโชติไว้กระมัง”
      ครั้นกำนันและพวกได้ยินพ่อเชียรเอ่ยถึงหลวงพ่อทองในเรื่องนี้ ความสงสัยต่างๆ
ก็หายไปหมดสิ้นคงมีแต่เพียงแค่กังขานิดๆเท่านั้น แต่ก็ทำตามคำพูดของพ่อเชียร
ต่าง ก้มศีรษะไว้คอยให้ชายหนุ่มสวมวัตถุมงคล

     เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นพลางหลับตาแล้วเขาก็เป่าลงไปในวัตถุมงคล
สามคาบทันที แล้วค่อยเข้าไปหายังเบื้องหน้าของกำนันหวนก่อน 
พลางยกมือขึ้นไหว้ขออภัย แล้วกล่าว
     “ลุงผมขอโทษนะครับที่ต้องสวมสิ่งนี้บนคอผ่านศีรษะลุงครับ”
     “ไม่เป็นไรหรอกหลานชาย  ทำตามพ่อเขาบอกเถอะ” กำนันหวนตอบ
  ชายหนุ่มก็ค่อยๆขยับร่างไปหากำนันหวนทันที แล้วบรรจงสวมพระ
ที่เลี่ยมไว้กันน้ำในเชือกสายร่มสวมไปคล้องคอกำนันหวน
ทันใดร่างของกำนันหวนก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกทำความแปลกใจแก่แม่เย็นและเจ้าชวน
สาวบงกชเป็นอันมาก ที่เห็นร่างของกำนันหวนสั่นเทาๆเหมือนราวกับเป็นไข้
เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แลเห็นร่างกำนันสั่นๆไปๆมาๆตลอดเวลาที่ชายหนุ่มเป่าลง
บนศีรษะ ของกำนันหวนถึงสามครั้งสามครา ก็ทำความประหลาดใจยิ่งนัก

   ด้านกำนันหวนเมื่อชายหนุ่มสวมวัตถุมงคลแล้วยามที่กายกระทบกับองค์พระ
ร่างกายรู้สึกมีกระแสเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายถึงก็หนาวสั่นขึ้นทันที 
ยิ่งได้สัมผัสกับลมปากจากชายหนุ่มที่เป่าตามไปด้วยก็ยิ่งสะท้านเหมือนถูกราด
ด้วยน้ำแช่เย็นจากน้ำแข็งมิปาน

    เมื่อแม่เย็น เจ้าชวนและสาวบงกช ครั้นได้รับการสวมคล้องคอด้วยพระเครื่อง
ที่ชายหนุ่มนำมาสวมให้ก็สัมผัสอาการเช่นเดียวกับพ่อกำนันหวนเช่นเดียวกัน
ต่างให้รู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างยิ่งนัก  สาวบงกชจึงเอ่ยขึ้นว่า
   “พี่โชติ???...ทำไมเวลาพี่สวมพระให้กชแล้วจึงหนาวอะไรเช่นนี้เล่าพี่???...”
   “ข้าเองก็เหมือนกันแปลกจริงๆ???...”แม่เย็นเอ่ยขึ้นบ้าง
   “ผมก็เหมือนกันครับแม่และน้องกช  แปลกจริงๆ คราวไปให้พระที่มาท่านเป่า
ขม่อมยังไม่รู้สึกอะไรๆเลย ไม่เหมือนพี่โชติเพียงแค่สวมพระเท่านั้นเอง???....”
    พ่อเชียรแม่เข็มครั้นได้รับฟังเช่นนั้น ไม่กล่าวอะไรเพียงได้แต่หันมามองหน้ากัน
แล้วต่างก็อมยิ้มกันไปตามๆกัน  เจ้าชัยหรือก็ให้แปลกใจจึงเอ่ยขึ้นว่า
     “แล้วผมกับพี่ชบาล่ะพี่โชติไม่ได้พระเลยหรือ???...”
   ชายหนุ่มหันมายิ้มกับน้องชายและสาวชบาพลางเอ่ยว่า
     “สำหรับเจ้ากับน้องชบาเห็นจะไม่ต้องกระมังด้วยพี่เคยสอนอะไรๆให้แล้วนี่นา”
   เจ้าชัยและสาวชบาครั้นได้ยินเช่นนั้นต่างก็เข้าใจก็เงียบเสียงไม่เอ่ยแต่ประการใด

      กำนันหวนนั้นตอนแรกคิดใคร่จะกลับก็อดสงสัยหันไปมองหน้าพ่อเชียรแม่เข็ม
    “ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอกพี่หวน  เจ้าโชติมันร่ำเรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อทอง
จนสำเร็จทุกๆแขนงแล้วล่ะ  พี่ก็รู้ว่าหลวงพ่อท่านเก่งขนาดไหนนี่นา” พ่อเชียรเอ่ยขึ้น
  “ หากพ่อหนุ่มสำเร็จวิชาจากหลวงพ่อทอง พี่เองก็ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว ทำให้พี่รู้สึก
ว่าความกังวลในครอบครัวมันหายไปสิ้น ภายในใจหลังจากสวมพระแล้วให้รู้สึกว่า
ช่างปลอดโปร่งภายในเสียเหลือเกิน” กำนันหวนกล่าว
   “ข้าเองก็เหมือนกัน แล้วนี่เป็นพระของหลวงพ่อทองท่านสร้างในงานสงกรานต์คราว
ที่แล้วใช่หรือเปล่าล่ะพ่อโชติ” แม่เย็นถาม
    “ถูกแล้วล่ะแม่เย็น เป็นพระที่ท่านทำเป็นครั้งแรกหรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้คง
จะไม่มีการสร้างวัตถุมงคลใดๆอีกแล้ว ฉนั้นขอพวกเราจงเก็บรักษาให้เป็นอย่างดีด้วยนะ”
พ่อเชียรสั่งกำชับไว้แก่ทุกๆคน
    “เป็นอย่างนี้นี่เองถือว่าพวกข้ายังมีวาสนาได้สัมผัสกับวัตถุมงคลของหลวงพ่อทอง
ถึงแม้ข้าจะเคยติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่สมัยท่านยังหนุ่มๆรู้ก็รู้ว่าท่านมากมายไปด้วย
วิชาต่างๆ เคยรบเร้าท่านให้สร้างเหมือนกัน ท่านเพียงตอบข้าว่า เวลายังมาไม่ถึงน้อง”
  “ฉะนั้นพี่หวนก็เถอะถึงจะบวชไปแล้วก็ไม่ควรให้พระองค์นี้ห่างตัวเป็นเด็ดขาดนะ”
พ่อเชียรเอ่ยกับกำนันหวนทันที

    “อืมๆๆ...ข้าก็คิดเหมือนกันแหละน้องเชียรถึงแม้ว่าจะบวชสละแล้วก็ตามแต่นี่เป็น
พระพุทธรูปขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เก็บเอาไว้เวลาสวดมนต์จะได้นำมาตั้งไว้
แล้วสวดมนต์แทนพระพุทธรูปบูชาก็ได้นา” กำนันหวนเอ่ยลอยๆ
   “ได้เลยพี่ใช้แทนกันได้และดีเสียด้วย นาพี่ลองเอาพระท่านออกมาดูซิว่าเป็นอย่างไร”
  เมื่อได้ยินคำพ่อเชียรกล่าวดังนี้  ทั้งหมดต่างนำพระออกมาดูต่างก็สะดุ้งในใจด้วยความ
แปลกประหลาดยิ่ง  ที่เห็นองค์พระช่างงดงามและยังมีประกายพราวสดใสด้วยสีกระจาย
ออกมาจากองค์พระด้วย  ยิ่งทำให้บังเกิดความปิติยินดีเป็นล้นพ้น พลางหันไปทางชายหนุ่ม
กล่าวขึ้นว่า
  “ข้าทั้งหมดนี้ขอขอบใจพ่อหนุ่มยิ่งนักที่ไม่หวงแหนในสิ่งนี้อุตส่าห์มอบให้ด้วยความ
เป็นห่วงเป็นใจแก่ครอบครัวข้า เป็นยิ่งนัก”   พลางเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มทันที
   “ผมเห็นใบหน้าของทุกๆคนปรากฏรอยหมองไหม้ขึ้นครับพ่อกำนันเลยนึกถึงพระนี้ได้
และคิดว่าภายในสองสามวันนี้อาจจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นในบ้าน  ฉะนั้นพ่อกำนันไม่ต้อง
กลัวหรือห่วงอะไร หากพบสิ่งนั้นให้อาราธนาพระให้อาศัยบารมีช่วยแผ่คุ้มครองด้วยเท่านั้น
เภทภัยต่างๆจะทำอะไรพ่อกำนันและครอบครัวไม่ได้หรอกครับ”  ชายหนุ่มเอ่ย
   “ถึงอย่างไรก็ต้องขอขอบใจทุกๆคนที่นี้ด้วยนะ นี่ก็ชักจะเย็นมากแล้วล่ะ งั้นพวกข้าขอ
ลากลับบ้านก่อนนะ  หากว่างๆก็ไปเยี่ยมบ้างนา” กำนันหวนเอ่ยชักชวน

       ดังนั้นทั้งหมดก็พากันร่ำลากันแล้วทะยอยก้าวลงจากชานเรือนบ้านเพื่อ
ออกเดินทางกลับบ้านบางโคทันที..................

             *แก้วประเสริฐ.*

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif				
27 ธันวาคม 2553 16:21 น.

* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๘*

แก้วประเสริฐ

76.gif
                       *  ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๘  *

    สิ่งที่ข้าพเจ้าได้นำเกี่ยวกับตัวยาสมุนไพรกลางบ้านนั้น มาเผยแพร่ทางนี้ด้วยเวปฯนี้
เป็นเวปฯที่ มีบุคคลมาชมกันมากเวปฯหนึ่ง   อีกประการหนึ่งข้าพเจ้ามักจะไม่เปลี่ยน
แปลงในการเล่นเวปฯหลากหลายนัก  อันการนำมาเผยแพร่ก็เพื่อเป็นวิทยาทานสนอง
พระเดชพระคุณให้แก่  พระเทพวิมลโมลี (บุญมา คุณสมฺปนฺโน ป.๙  แห่งวัดเบญจมาบพิตร) 
   เพื่อให้งานของท่านที่อุตสาหะวิริยะได้เผยแพร่ขจรไกล อันเป็นทางหนึ่งของบุญกุศล
แก่พระคุณท่านไว้  หากท่านผู้ใดนำไปใช้แล้วได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล้ว ก็พึงรำลึกถึง
ความกตัญญุตาของเจ้าของตำรายานี้และท่านพระคุณเจ้าในทางหนึ่งทางใดที่อันพึงแสดง
ไว้ในความกตัญญุตา ที่พระคุณท่านทรงได้รวบรวมไว้เพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับเรื่องสมุนไพร
ให้เป็นที่รู้จักว่า อันสมุนไพรไทยนั้นหาใช่ด้อยคุณค่าไปกว่าประเทศอื่นใดก็หาไม่
    มาดแม้นว่าข้าพเจ้าจะเสี่ยงในการนำมาลงก็ตามที จะละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่นั้น  ด้วย
เจตรารมณ์อันบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า หวังจะสานงานนี้ให้แก่พระเดชพระคุณท่านเท่านั้น
หาได้กระทำเพื่อผลประโยชน์แก่ตัวเองก็หามิได้  เพียงแต่รักษาไว้ในตำรายาอันยากยิ่งหาสิ่ง
ใดเปรียบเทียบได้เท่านั้น  
     จึงเรียนท่านทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ว่า การกระทำของข้าพเจ้านั้นด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์มิได้
หวังผลประโยชน์ในเรื่องการเงินการทองใดๆทั้งสิ้น ด้วยข้าพเจ้าก็เพียบพร้อมอยู่แล้ว แต่
ทว่าหวังให้ทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนี้ จะได้ตื่นเต้นว่าอันคนเก่าแก่นับแต่อดีตกาลนั้นก็รอบ
รู้ในเรื่องตัวยาสมุนไพรเสมอเหมือนประเทศอื่นๆด้วยว่าคนไทยเราก็รอบรู้เกี่ยวกับด้านนี้
เหมือนกันไม่ด้อยไปกว่าชนชาติใดๆในโลกนี้  ในความคิดส่วนตัวว่าอันคนไทยที่ดำรงไว้
มาได้ตราบทุกวันนี้อาจจะมากกว่าชนชาติใดๆในโลกนี้เสียอีก จนกระทั่งแพทย์แผนปัจจุบัน
ก็ยอมรับในเงื่อนไขนี้ และได้รับการบรรจุเป็นคำสอนให้แก้นายแพทย์ต่างๆไว้ด้วย
     อีกประการหนึ่งอันตัวยาสมุนไพรใช้ในรักษาโรคนั้น ประเทศเราอุดมสมบูรณ์มากหากใช่
ด้อยไปกว่าชนชั้นใดๆทั้งสิ้น    บางครั้งสิ่งรอบตัวเราอาจจะไม่รู้ซึ้งถึงคุณค่าของสมุนไพรเรา
ได้ อย่างเช่น หัวของแห้วหมู หรือ จำพวก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผลมกรูด ผลยอ เป็นต้น
ทุกอย่างในโลกนี้ที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ก็คือ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป อันเป็นไตรลักษณ์
ทั้งสิ้นมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ แต่บางครั้งก็สามารถทุเลาแก้ความเจ็บทุกข์ทรมานได้บ้าง สิ่งนี้
แหละคือผลพวงแห่งความดีในทางกุศลในแนวทางพระพุทธศาสนาของชาวไทยทุกๆหมู่เหล่า
       ข้าพเจ้าขอเกริ่นเพียงพอหอมปากหอมคอ  และเข้าสู่เรื่องราวเกี่ยวกับสมุนไพรได้แล้ว
แต่ทว่า เมื่อผู้ใดนำไปใช้รักษาได้ผลดีแล้ว ก็ควรจะทำบุญสุนทานบ้างโดยรำลึกนึกถึงท่านพระ
เดชพระคุณพระเทพวิมลโมลี (บุญมา)และเจ้าของตำหรับยาที่ลงไว้   โดยข้าพเจ้ามิได้ตัดทอน
ทุกอย่าง แต่อาจจะมีการเสริมขึ้นบ้างตามแต่สติปัญญาที่ได้รับการรอบรู้ตกทอดสืบต่อกันมา
       เพียงแค่หวังอย่างยิ่งว่าจะรักษาตำรายานี้ไว้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป ด้วยความเคารพ

* แก้วประเสริฐ. *

     
                             ยาแก้ปวดท้อง  -  ท้องขึ้น – ท้องเสีย

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา ใบสะระแหน่ มากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสม
กับ เหล้า กรองเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ  แก้โรค-ท้องขึ้น-
ท้องเสีย ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนาน ๒  ท่านให้เอา ผลมะกรูด ๓ ผล นำมาฝานทางด้านจุกออก คว้านเอาเนื้อในออกให้หมด
ทั้ง ๓ ผล ใส่หัวกระเทียมบรรจุให้เต็ม ๑ ผล ใส่พริกไทยร่อนบรรจุไว้ให้เต็ม ๑ ผล ใส่เกลือทะเล
(เกลือใส่แกง)  บรรจุให้เต็ม ๑ ผล  แล้วเอาฝาที่ฝานออกนั้นปิดไว้ตามเดิม ใช้ไม้กลัดไว้ให้สนิท 
นึ่งให้สุก ตำให้ละเอียด ปั้นเป็นลูกกลอน ใช้รับประทาน (ในตำราไม่ได้กล่าวไว้ว่าจะใช้
ลูกกลอน กี่เม็ด ข้าพเจ้าคิดว่า ปั้นลูกกลอนเม็ดเล็กนั้นควร ๓ เม็ด หากเม็ดใหญ่เม็ดเดียวก็คงจะพอ
ด้วยยานี้จะออกรสเพ็ดมาก หากใช้น้ำผึ้งแท้เป็นตัวช่วยก็คงจะดี ด้วยน้ำผึ้งนั้นสรรพคุณช่วยในการ
ฟื้นฟูกำลัง อ่อนเพลีย ได้อย่างดี ตลอดจนรักษาโรคบางอย่างได้ดียิ่ง.....แก้วประเสริฐ.) 
ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคท้องขึ้นอืดเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยว และเป็นยาอาวุวัฒนะ ได้ผลดี
อย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการจำเนียร อภินนฺโฑ  วัดดอนไร่ อ.สามชุก สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา หัวขิงแก่ๆ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ทุบพอแตก ผสมกับ น้ำร้อน หรือ ผสม
กับเหล้า กรองเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรค
ปวดท้อง-ท้องขึ้น-ท้องเฟ้อ-ขับลม  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

                                ยาแก้โรคท้องอืดเฟ้อ

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา อบเชยเทศ ๑ อบเชยญวน ๑ อบเชยไทย ๑ ชะเอมเทศ ๑ ก้านพลู ๑ 
ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้  เอาหนักอย่างละ ๑ บาทเท่านั้น  การบูร กับเมนธ่อล เอาหนักอย่างละ ๒ สลึงฯ
วิธีปรุงยา....... พึงคั่วก้านพลูให้สุกเหลืองเสียก่อนแล้ว นำยาทั้ง ๗ อย่าง นั้นมาตำผสมกันให้ละเอียด
ห่อด้วยผ้าขาวบาง  ใส่โหลไว้ ต้มน้ำให้เดือดแล้ว ยกลงรอให้น้ำอุ่นๆ แล้วเทลงในโหลนั้น
ปิดฝาโหลให้สนิท เก็บไว้ ๓ คืน ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา
มีสรรพคุณ แก้โรคท้องอืด-ท้องเสีย-ปวดท้อง-จุกเสียดแน่นท้อง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูวรกิจจาภิรม วัดท้องคุ้ง อ.บ้านหมี่ ลพบุรี)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา ข่า ๑ ตะไคร้ ๑ ใบมะกรูด ๑ หัวกระชาย ๑ ใบโหระพา ๑  หอมแดง(ผิงไฟ) ๑
ตัวยาทั้ง ๗ อย่างนี้ กำหนดเอาอย่างละพอควร นำมาต้มยำกับปลากะป๋อง ใช้รับประทานเป็นอาหาร
ประจำวัน มีสรรพคุณแก้โรคอืด ท้องเฟ้อ ในฤดูร้อน ให้หายไปอย่างชะงัดนักแลฯ
(นายสานิต เนตรฤาชา โรงงานน้ำตาลอุตรดิตถ์)

                                   ยาแก้โรคจุกเสียดแน่นท้อง

  ท่านให้เอา ขิงแก่ๆมากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่หม้อดิน ต้มกับน้ำพอควร
ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา  มีสรรพคุณแก้โรค จุกเสียดแน่นท้องให้หายไป
และทำให้นอนหลับสบายดีอีกด้วยฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

                                 ยาแก้โรคอาหารเป็นพิษ

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา รากต้นตะไคร้ (ต้นตะไคร้ใส่แกง) ๑  รากต้นหญ้านาง ๑
รากต้นว่านน้ำ ๑ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ฝนกับฝาละมีหม้อ ผสมกับ
น้ำต้มสุก ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา  มีสรรพคุณ แก้โรคอาหารเป็นพิษ
เพราะผิดสำแลง ที่เกิดจากการรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว ทำให้เกิดอาการปวดท้อง
คลื่นเหียนอาเจียน ท้องเสีย ให้หายไปได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระราชวิสุทธิโสภณ  วัดศรีโคมคำ พะเยา)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา กะลามะพร้าว นำมาเผาไฟให้ไหม้จนแดงแล้ว ใช้คีมครีบไฟบีป
(ที่สะอาด)  ปิดฝาปีบเพื่อให้ไฟดับ เอาถ่านกระลามะพร้าวนั้น นำมาบดให้ละเอียด
ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ช้อนคาว ผสมกับ น้ำสะอาด มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเสีย
เพราะอาหารเป็นพิษ อาหารไม่ย่อย ให้หายไปได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิ่ทยาทานสงวนนาม)

                             ยาแก้โรคท้องขึ้นอยู่ไฟไม่ได้

  ท่านให้เอา หัวบัวบก ๑ พริกไทยร่อน ๑ หัวแห้งหมู ๑ กัญชา ๑
ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้  เอาอย่างละ ๕ ตำลึงเท่ากัน บดให้ละเอียด ผสมกับ น้ำผึ้งแท้
ปั้นเป็นลูกกลอน ขนาดเท่าเมล็ดพุทรา ใช้รับประทานครั้งละ ๑ เม็ด วันละ ๓ เวลา
มีสรรพคุณ แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ หลังการคลอดลูก แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้กระสัยเส้น
เป็นยาเจริญอาหาร ทำให้กินได้นอนหลับ แก้ความคิดฟุ้งซ่าน เป็นยาระงับประสาท
ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

                             ยาแก้โรคลงแดง

  ท่านให้เอา ลูกมะกอก ๑ ใบต้นทับทิม ๑ ใบต้นเทียน ๑ ผลมะตูม ๑ รากต้นแก้ว ๑ 
ขมิ้นอ้อย ๑ บอระเพ็ด ๑ ใบมะกา ๑ ตัวยาทั้ง ๘ อย่างนี้  เอาอย่างละเท่าๆกัน 
นำมาใส่หม้อดิน ต้มกับน้ำพอควร ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ แก้โรคลงแดง ซึ่งมีอาการถ่ายท้องอย่างแรง ขนาดเข้าชามออกชาม
คล้ายลำไส้ตรง  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยากรสงวนนาม)

                              ยาแก้โรคท้องผูก

ขนานที่ ๑  ท่านให้รับประทาน ผลมะละกอสุก บ่อยๆทำให้ท้องไม่ผูก ถ่ายอุจจาระสะดวก
จะไม่เป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก มีสรรพคุณชะงัดนักแล
(วิรัตน์ แซ่แต้ สิงห์บุรี (หมอชาวบ้าน))

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา ผลสมอเทศ ๑ ผลสมอไทย ๑ ผลสมอพิเภก ๑
(ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ เอาเฉพาะเนื้อ เอาเม็ดออกเสีย)  ผิวมะกรูด ๑ มหาหิงคุ์ ๑  ยาดำ ๑
ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้ เอาอย่างละ ๑ บาทเท่ากัน นำมาตากแดดให้แห้ง บดให้ละเอียด
ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา ใช้รับประทานกับ น้ำร้อน ครั้งละ ๒-๓ เม็ด
วันละ ๒ เวลา เช้า-เย็น 
มีสรรพคุณ เป็นยาระบายอ่อนๆ  แก้อาการท้องผูก ขับลมในลำไส้ และเป็นยาช่วย
เจริญอาหารอีกด้วย  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยากรสงวนนาม)

            วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ต่อไป เป็นยาแก้โรคบิด ซึ่งจะมีมากขนาน ถึง ๒๖ ขนาน
ท่านอาจจะงุนงงมาก ต่อตัวยานี้   แล้วจะนำมาลงภายหน้าในโอกาสต่อไป สวัสดี.

                                 * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
26 ธันวาคม 2553 23:51 น.

อทิสมานกาย ๕๖

แก้วประเสริฐ

76.gif
                           อทิสมานกาย ๕๖

    ครั้นล่วงได้เวลาถวายเพลพระเมื่อกลองเพลดังขึ้น บอกเวลาแก่พระภิกษุสงฆ์ให้ล่วงรู้
หลวงพ่อทองก็ออกเดินนำหน้า  ไปยังอาสนาะที่ฉันท์อาหาร บรรดา กำนวนหวนและ
พวกอีกกลุ่มของพ่อเชียรก็เดินสนทนากัน เป็นที่ถูกอัธยาสัยยิ่ง  ต่างก็รีบนำอาหารที่พวก
ตนได้นำมาจัดแจงใส่ถาด ส่วนข้าวนั้นก็เทใส่กาละมัง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยต่างก็นำ
ไปประเคนถวายแก่ภิกษุสงฆ์ตามลำดับ
      ระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองกลุ่มกำลังสนทนาไปพลางในระหว่างจัดเตรียมนั้นเหล่า
พวกเด็กอันได้แก่เจ้าชัย เจ้าช้วนและสาวบงกช ต่างพากันยิ้มแย้ม  ต่างช่วยเหลือหยิบ
โน่นส่งนี้ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม  ยิ่งเจ้าชวน เจ้าชัย และสาวบงกช เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย
แล้ว  และช่วยพ่อแม่เข้าประเคนถวายของพระนั้น   สาวบงกช เจ้าชวนและเจ้าชัยก็
รู้สึกแปลกใจในการถือปฏิบัติของเหล่าสงฆ์นี้ ต่างอุทานกันขึ้นมาเบาๆ
     “พี่ชวนๆ ดูกิริยาท่าทางอันเคร่งขรึมระหว่างการรับส่งต่อของพระท่านซิพี่
 ช่างมีมารยาทเรียบร้อยยิ่งนัก   ผิดกับทางวัดแถวบ้านเราตรงกันข้ามมากเชียวนะพี่”
 สาวบงกช เอ่ยกับพี่ชาย เบาๆในระหว่างนั่งพับเพียบพนมมือทั้งสอง

      “จริงซิน้องกช  ทางวัดบ้านเราเวลาฉันท์อาหารก็มานั่งเรียงแถวกัน และส่งเสียง
สนทนากัน ต่างติชมอาหารกันแซดไปหมด ไม่ได้ฉันท์ในบาตรเลยสักรูปเดียว
ล้วนแล้วแต่มีสำหรับกับข้าววางตรงข้างหน้าท่านเท่านั้น และต่างตักกันบางครั้ง
ช้อนยังแทบจะชนกันก็มีนะ      แม้กระทั่งสมภารก็เหมือนกัน เอ๊ะๆๆ
แปลกจริงๆ  แบบนี้น่านับถือศรัทธามากนะน้อง”  พี่ชายกล่าวลอยๆ
      “จริงของพี่จ๊ะ???....ท่าทางระหว่างการฉันท์อาหารไม่ได้ยินเสียงอะไรกันเลยล่ะ”
สาวบงกชถามแล้วพลางหันหน้าไปทาง เจ้าชัยพลางเอ่ยขึ้นว่า
      “แล้วพี่ชัยเห็นแปลกหรือว่าเคยเห็นมาแล้วกระมังพี่  ” หญิงสาวถามเบาๆ
     “เป็นครั้งแรกเหมือนกันจ๊ะน้องกชที่เห็น ถึงจะอยู่ใกล้ๆกันก็มัวแต่ทำงานอยู่ใน
ไร่นาสวน  ส่วนใหญ่พี่ชายพี่มักจะมาเป็นประจำกับพ่อและแม่จ้า”  เจ้าชัยเอ่ยตอบ
      “พี่ชัยยังมีพี่อีกหรือนึกว่าตัวคนเดียวเสียอีก” หญิงสาวเอ่ย
      “มีอีกสองคนจ๊ะ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งจ้าน้องกช”  ชายหนุ่มตอบ
      “อ้าวๆๆๆ!!!....พี่เองนึกว่าเป็นลูกชายคนเดียวเสียอีก????....” เจ้าชวนเอ่ยขึ้นบ้าง
     ชายหนุ่มชื่อชัยหันไปทางเจ้าชวนและสาวบงกช พลางตอบว่า
      “คนโตชื่อโชติจ๊ะพี่ ส่วนคนรองเป็นหญิงชื่อชบาจ๊ะ เรามีพี่น้องกันเพียงสามคน
เท่านั้นแหละ และยังมี???.....”  เจ้าชัยก็หยุดเสีย

      “อ้าวนึกว่ามีแค่สามคนเสียอีก กลับมีใครมาเพิ่มอีกล่ะเจ้าชวนและสาวชบาถาม
ด้วยความสงสัย???...”
       “อีกสองคนจ๊ะพี่และน้องกช...เขาชื่อแสงสีและสินชัย เป็นลูกน้องสนิทของพี่โชติ
ก็มาพักบ้างไม่พักบ้างจ๊ะ”  
   เจ้าชัยตอบความจริง ซึ่งตอนแรกมันไม่กล้าบอกด้วยมันก็ไม่แน่ใจ
 เพราะบางครั้งก็พบชายทั้งสองออกมาจากห้อง บางครั้งก็หายไปในห้องแต่
ทั้งสองไม่เคยมาวิสาสาะสนทนากันกับครอบครัวเลย 
    ครั้นถามพ่อกับแม่ ท่านได้แต่หัวร่อแต่ไม่ให้ความกระจ่างใดๆกับมันเสียเลย
  นอกจากบอกว่าเขาเป็นเด็กคนสนิทของพี่เอ็งเจ้าโชติอย่างไรล่ะ อย่าไปรู้เลย 
เขาเป็นแบบนี้แหละมักจะทำตัวแบบเงียบๆ ไปๆมาๆไร้ร่องรอยจริงๆว๊ะ  
มันทราบจากพ่อแม่ตอบเพียงเท่านี้
   ครั้นมันจะรบเร้าถามก็ไม่สมควรนัก  จึงเก็บความสงสัยไว้คนเดียว
 เมื่อพี่ชวนซึ่งแก่กว่ามันประมาณห้าปีได้ ส่วนสาวบงกชอ่อนกว่ามันหนึ่งปี
ถามมาถึงจะนึกออก
   “ได้ยินว่าขากลับพ่อเชียรเชิญพ่อกำนันไปเที่ยวบ้านด้วยนา จะจริงหรือยังไง
ยังไม่รู้แน่นอนนะ แต่ดูอากัปกิริยาของพ่อกำนันแล้วและแม่เย็นด้วยอยากจะไป
เที่ยวเหมือนกันนะชัย”
    “หรือพี่เรื่องนี้ผมไม่ทันสังเกตุมัวแต่นั่งคุยเรื่องไร่นาสวนกับน้องบงกชอยู่ครับ”
    “นั่นซิๆๆ...พี่เห็นแล้วเลยไม่สะกิดให้ดู แต่ได้ยินว่าเมื่อถวายเพลรับฟัง
พระท่านอนุโมทนาแล้วก็จะพากันกลับไปเลย”  เจ้าชวนกล่าวขึ้น

     “ถ้าอย่างนั้นก็จะได้เจอกับพี่โชติกับพี่ชบาด้วยล่ะ  จะได้รู้จักกันเอาไว้ก็ดีเหมือนกัน
จ๊ะพี่”  เจ้าชัยตอบ
    “พี่คิดเองก็ว่าดีเพราะหมู่บ้านทั้งสองก็ไม่ห่างกันจนเกินไป เพียงคั่นด้วย
หมู่บ้านบางกระดี่เท่านั้นเอง ใช้เวลาคงไม่นานหรอกหรอกน้องกช” เจ้าชวนเอ่ยขึ้น
   “ได้ยินพ่อเชียรกล่าวกับหลวงพ่อว่า ทุกวันนี้ก็ได้พี่ชัยนี่แหละเป็นหลัก
ในการทำไร่นาสวนอยู่  แค่เห็นหลวงพ่อได้แต่หัวร่อฮึๆๆๆเท่านั้นเองแหละพี่” สาวบงกช
ตอบพี่ชายมัน
      ครั้นเสียงพระกำลังสวดอนุโมทนา พวกบรรดาหนุ่มๆสาวๆก็หยุดการเจรจากัน
ต่างพากันรับการอนุโมทนาและพากันตรวจน้ำ  จนพระสวดจบนั่นแหละจึงพากัน
หันมามองหน้ากัน เพื่อจะดูว่าผู้ใหญ่จะทำอะไรต่อไปบ้าง  หลังจากเข้าไปอำลาหลวงพ่อ
เรียบร้อย หลวงพ่อก็กล่าวอนุโมทนาบุญผลแล้ว ก็บอกให้รีบกลับกันได้ ทั้งหมด
 หลวงพ่อจึงหันไปทางกำนันหวน เอ่ยขึ้นว่า
     “ไอ้หวนเอ๋ย!!!!....เรื่องที่เอ็งคิดนั้นข้ารับรองว่าสำเร็จแน่นอนไม่มีปัญหาหรอก???...”
     “ครับหลวงพ่อผมจะมาหัดขานนาคกับหลวงพ่อนะ” กำนันหวนกล่าว
     “เอ็งเอาหนังสือนี้ไปอ่านไม่ต้องมาหรอกมันไกลเหมือนกัน ยิ่งกว่านี้มึงยังท่องได้นี่นา”
หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
แล้วทั้งหมดก็ก้มลงกราบท่าน  ต่างทะยอยกันถือของๆใครของมันเพื่อจะกลัยบ้าน พากันเดิน
ก้าวลงบันไดจากกุฎิหลวงพ่อทอง  
 หญิงสาวหันไปมองแลเห็นพ่อเชียรกำลังจูงมือพ่อกำนันคล้ายๆจะสนทนาอะไรกัน 
ส่วนแม่เย็นก็จูงมืองแม่เข็มต่างหัวร่อคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรดาเด็กก็
ออกเดินตามหลังไปทันที

     กำนันหวนหันหลังมาสั่งลูกทันใดว่า 
      “ชวนกชเอ๋ยกลับคราวนี้แวะที่บ้านพ่อเชียรก่อนนะลูกแล้วค่อยกลับบ้านบางโคเรา”
      “จ๊ะพ่อ ”   เจ้าชวนกับสาวบงกชตอบ
      “แล้วน้องเชียรเอารถอะไรมาหรือ ” กำนันหวนถาม
       “มารถมอเตอร์ไซค์สะดวกสบายดีจ๊ะพี่ ผมขับคนเดียว ส่วนเจ้าชัยมันซ้อนแม่มันกลับ”
       “นึกว่าเดินกันมาเห็นบ้านก็ไม่ไกลจากวัด  จะได้กลับด้วยกัน  อย่างนั้นน้องขับนำหน้า
พี่ไปก็แล้วกันนะ  พี่จะขับรถตามหลังไปด้วยระยะทางมันไกลเหมือนกันเลยเอารถกะบะมา”
        “จ๊ะพี่ ถ้าอย่างงั้นผมนำหน้าพี่ไปก็แล้วหากพี่พร้อมแล้ว”
   ดังนั้นทั้งหมดก็ออกเดินทาง ไม่นานนักทางด้านหลังวัด แต่ทางคดเคี้ยวไปมาตามเนินเขาบ้าง
ไหล่เขาบ้าง  สักครู่ใหญ่ก็มาถึงหน้าบ้าน  พ่อเชียรก็จะเดินลงจากรถไปเปิดประตูก็แลเห็น
ลูกสาวชบาเดินมาเปิดประตูบ้านให้  ดังนั้นทั้งหมดก็ขับรถเข้ามาในบ้าน  พ่อเชียรแม่เข็มก็นำ
กำนันและแม่เย็น พร้อมกับทุกๆคนขึ้นไปบนเรือนทันที
     “พ่อเอาใครมาหรือเจ้าชัย”  สาวชบาถามน้องชายทันที
     “กำนันหวนแห่งหมู่บ้านบางโคจ๊ะพี่  เกิดถูกชะตาอะไรกันไม่รู้ เห็นพ่อเราชวนกำนัน
มาเที่ยวบ้านด้วย” เจ้าชัยตอบ
      “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปจัดเตรียมน้ำท่าไว้ก่อนนะจะได้ไปให้แขกเรา”
      “จ๊ะพี่แล้วพี่โชติล่ะยังไม่เห็นเลย” เจ้าชัยถาม
      “พี่เขาอยู่ในห้องแหละ ไม่ได้ไปไหนหรอก วันๆก็คลุกๆแต่ในห้องเขา คงนั่งทบทวน
ตำรากระมัง  พี่เองก็พึ่งได้ออกมานี่แหละระหว่างพ่อแม่ไม่อยู่พี่โชติบังคับให้ทำแต่สมาธิ
อย่างอื่นๆยังไม่ได้เตรียมอะไรกันเลยนอกจากของเก่า  หากมีแขกมาก็จะต้องทำอาหารเสริม
อีกนะ  แล้วพวกกำนันจะกินอาหารด้วยหรือเปล่าล่ะ???....”  หญิงสาวชบาถาม
     “เอ้ๆๆๆ...เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละพี่ ด้วยเห็นพ่อกับแม่สนิทสนมกันมากคงบางที
อาจจะชวนกินอาหารกลางวันด้วยกันกระมัง???...” เจ้าชัยเอ่ยขึ้น อย่างไม่แน่ใจ
      “ถ้าอย่างนั้นพี่เห็นทีจะต้องรีบไปแล้วล่ะ  เดี๋ยวเอ็งเอาน้ำไปให้พวกเขากินก่อนนะ ส่วนพี่
จะคอยจังหวะว่าจะอยู่ทานอาหารมื้อกลางวันกับเราหรือเปล่า แล้วเอ็งรีบมาบอกข้าเสียล่ะ??..
จะได้เตรียมตัวทัน  แต่ของเราก็มีแบบเกือบสำเร็จรูปอยู่แล้วล่ะคงไม่ช้าหรอก” หญิงสาวเอ่ย

        ครั้นแล้วทั้งสองก็แยกกันออกไปปฏิบัติหน้าที่กัน  เจ้าชัยก็เดินออกมาจากในครัวถือถาดที่
ใส่แก้วน้ำพอกับจำนวน คนพร้อมกับโถใส่น้ำฝน  พอถึงก็รีบเทน้ำลงใส่แก้วยื่นส่งให้พ่อกำนัน
แม่เย็น พี่ชวนและสาวบงกชทันที
     “อ้าวๆแล้วแม่ชบาล่ะไปไหนเสียล่ะเจ้าชัย???...” แม่เข็มถาม
     “อยู่ในครัวครับแม่ กำลังจะจัดเตรียมทำอาหารมื้อเที่ยงด้วยกันนี่แหละครับ” 
 เจ้าชัยหันมาตอบ  พร้อมชม้ายสายตายิ้มส่งไปให้สาวบงกชทันที
     เล่นเอาสาวบงกสะเทิ้นเอียงอายไป  เพราะภายในใจเจ้าก็ให้ความสนใจแก่หนุ่มผู้นี้อยู่
ครั้นทั้งสองสบตากัน  สาวบงกชก็ถึงกับหน้าแดงนิดๆ แต่ไม่พ้นสายตาพี่ชายไปได้
 พลางกระแอมออกมาเบาๆ  ไม่กล่าวอะไรได้แต่หัวร่อในลำคอเสียงเล็ดรอดดัง ฮึๆๆ
     นั่นแหละทั้งสองจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้     ส่วนใบหน้าสาวบงกชนั้นแดงระเรื่อๆทันที
   “เออเอ็งเข้าไปบอกพี่ชบาด้วยให้ไปตามพี่เขามารู้จักมักคุ้นกับพี่กำนันและแม่เย็นด้วยนะ” 
พ่อเชียรกล่าว  แล้วหันหน้าไปคุยกับกำนันหวนต่อเหมือนจะถูกอกถูกใจกันนัก
    “จริงซินะลูกโชติยังไม่เห็นหน้าเลยล่ะ” แม่เข็มก็เอ่ยขึ้น

        ยังไม่ทันเจ้าชัยจะลุกไปทำตามคำสั่งของพ่อแม่เลย  ร่างของชายหนุ่มก็ก้าวออกมาจากห้อง
ก่อนจะถึงพลางนั่งลงคลานมาหาพ่อแม่และบรรดาแขกๆของพ่อแม่เขา พลางหันไปยกมือไหว้
กำนันหวนและแม่เย็นทันที พลางกล่าวว่า
       “ขอโทษด้วยครับ  ผมจะเข้ามาแล้วยังไม่ได้โอกาสพ่อดีแม่พ่อต้องการพบตัวผมก็เลยออกมา”
ชายหนุ่มตอบ พลางหันไปยิ้มกับเจ้าชวนและสาวบงกชทันที
  เมื่อเห็นร่างของผู้เป็นพี่ชายของชัยแล้ว  ก็ถึงกับสะดุ้งหล่อนคิดว่าเจ้าชัยนั้นรูปร่างใบหน้าคมคาย
แล้ว แต่หากมาเทียบกับพี่ชายแล้วยังกับฟ้ากับดินเชียว พี่ชายกับหล่อเหลามากๆเสียด้วย รูปร่างหรือ
ก็เพรียวสันทันกำยำ ผิดกับชัยที่ร่างกายนั้นจะเตี้ยกว่าพี่ชายเพียงแต่รูปร่างนั้นชัยกำยำมากกว่าพี่เท่านั้น
      แต่ลักษณะท่วงทีวาจากลับห่างไกลกันมากนัก เล่นเอาสาวบงกชถึงกับตลึงจังงังไป  ส่วนเจ้าชวน
ก็ยิ่งแปลกใจ ว่าทำไมพ่อเชียรกับแม่เย็นจะมีลูกที่แตกต่างกันเช่นนี้ ลูกหรือกับขาวมากกว่าคล้ำ 
ใบหน้าหรือก็สง่างามนัก มิน่าเล่าพ่อเชียรไม่เคยเอ่ยปากถึงลูกเลยในการรู้จักสนทนา มันเองคิดว่ามัน
นั้นในแถบหมู่บ้านบางโคหรือบริเวณนี้ก็ยากจะหาใครมาเทียบได้  แต่หากจะนำมาเปรียบเทียบกับ
ลูกพ่อเชียรแม่เย็นแล้วก็ยังห่างไกลอีกมากนัก   ดังนั้นมันจึงยิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า
     “ผมเองก็ไม่ได้ยินพ่อเชียรแม่เข็มกล่าวถึงพี่อีกเลย พึ่งมาพบนี่แหละครับ ผมชื่อชวนครับนี่น้อง
สาวชื่อบงกช”  เจ้าชวนเอ่ยปากทักทายก่อน
     “แต่ว่าเอ๊ะ???...ทำไมผิวพ่อเชียรแม่เข็มแตกต่างกับพี่มากนักล่ะครับ” เจ้าชวนสงสัยถาม
      “ผมเองไม่ได้มาที่นี่เสียหลายๆปีล่ะ ??..”
   “ อ้อๆๆแล้วนี่อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ผมเองพึ่งย่างเข้าสี่สิบห้านี่แหละ”
ชายหนุ่มเอ่ยตอบ
      “แปลกจริงๆดูยังราวกับอายุสามสิบอ่อนๆแน๊ะ จริงๆนะครับรูปร่างใบหน้าผิดกับอายุมากจังผม
เองพึ่งอายุได้ยี่สิบแปดครับพี่”  เจ้าชวนตอบ

       “ก็ผมเองไม่ได้ออกแดดนี่ครับ แล้วก็ไม่ได้ช่วยพ่อแม่ทำไร่นาสวนด้วย เพราะพึ่งมาถึงได้ไม่
เท่าไหร่ลางานมาเพื่อเยี่ยมพ่อแม่ครอบครัวเท่านั้นเอง ทำงานหรือก็ไม่ต้องตากแดดด้วยล่ะ”
      “นั่นนะซิผมถึงเห็นผิวพี่แตกต่างกับพ่อแม่มากนัก เพราะเหตุนี้นี่เอง ฝากตัวเป็นน้องด้วยคน
นะครับพี่”  เจ้าชวนเอ่ยฝากเนื้อฝากตัว
       “พี่เองไม่ขัดข้องอะไรหรอกครับ ยินดีเสียอีกที่จะได้น้องเพิ่มขึ้นอีก”ชายหนุ่มเอ่ย
       “หนูก็ขอฝากตัวด้วยนะพี่???....” แล้วหล่อนก็ชะงักจะเอ่ยชื่อ 
     เมื่อก่อนก็ได้ยินชัยเอ่ยชื่อให้ฟังแต่หล่อนไม่ค่อยจะสนใจเท่าใดนัก คิดว่าความคมคาย
หล่อเหลาคงจะสู้ชัยไม่ได้  แต่ทว่าหล่อนคิดผิดพลาดไปหมด และยิ่งได้ยินชัยบอกว่า 
อายุขึ้นเลขสี่ไปมากเหมือนกัน  ก็ยิ่งไม่สนใจใหญ่ ด้วยคนละรุ่นกันและคงจะแก่เหมือน
ชาวไร่นาสวน พออายุขึ้นเลขสี่ไปมากทั่วๆไปทั้งสิ้น แม้แต่พี่ชวนเองก็เถอะนับว่ารูปร่างน่าตา
ดีแล้วสำหรับคนในละแวะนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้  อายุย่างเข้าสี่สิบแล้วก็คงจะเหมือนกันกับพวก
ชาวบ้านทั้งหลายนี่แหละ
ด้วยคงจะกินเหล้ามาก  ทำให้ร่างกายก็จะทรุดโทรมไปเหมือนๆกันมิต่างกัน  หล่อนคิดอยู่ในใจ
    ครั้นเมื่อได้มาพบตัวจริงและเพียงแค่สายตาเท่านั้นถึงกับสะท้านไปทั่วร่างทันที  จิตใจชักลังเล
คนอะไรอายุย่างเข้าไปปูนนี้ยังเหมือนกับพึ่งจะเข้าสามสิบอ่อนเท่านั้นเอง ใบหน้าหรือ
ก็เกลี้ยงเกลา ผิวหรือก็ขาวผุดผ่อง รูปร่างก็ได้สัดส่วนสูงกำยำแต่ไม่ล้นออกมา ยิ่งคิดก็ยิ่งลังเล
ใจระหว่างพี่ชายกับน้องชาย
      “วันนี้ดีเหมือนกันนะครับ ได้รู้จักและได้น้องเพิ่มขึ้นอีกตั้งสองคนแน๊ะ”

    ครั้นกล่าวจบชายหนุ่มก็หันไปทางผุ้ใหญ่ที่เห็นพ่อเขากำลังชี้มือมาทางเขา ได้ยินพ่อเอ่ยว่า
      “นี่แหละลูกชายคนโตผมล่ะครับพี่กำนันแม่เย็น  เขาไม่ได้อยู่ที่นี่  ก่อนนั้นอยู่ในกรุงเทพฯ
แต่เขาเกิดที่นี่ สอบชิงทุนไปเรียนที่ในเมืองและสอบชิงทุนในเมืองได้ไปต่อที่กรุงเทพฯเลยพี่กำนัน”
      “แล้วทำงานอะไรหรือในกรุงเทพฯล่ะ??...น้องเชียร” กำนันหันมามองเห็นความสง่าผ่าเผย
ใบหน้าเกลี้ยงเกลา คมสันหล่อเหลา รูปร่างงดงามสูงใหญ่
       “เอๆๆๆ...ได้ยินเขาบอกเหมือนกันว่า ทำงานเกี่ยวกับรักษาความปลอดภัยเป็นหัวหน้ายาม
กระมังพี่”  พ่อเชียรตอบ
       “คงเงินเดือนดีซินะ ดูเหมือนกับว่าจะทำงานสบายๆ ด้วยผิวพรรณนั้นขาวสะอาดสะอ้านดี”
       “ผมเองไม่เคยถามเรื่องเงินเดือนเขา หรอกพี่ แต่เขาส่งมาให้ไม่เคยขาด เดือนละหนึ่งหมื่นบ้าง
สองหมื่นบ้างพี่” พ่อเชียรกล่าว
        “จ๊ะพ่อกำนัน ลูกคนนี้ลางานได้ก็มาเยี่ยมเลยล่ะ ทุกๆวันไม่ยอมออกไปไหนกับเขาหรอกนอก
จากออกมาเดินเล่นเท่านั้น ส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องเขา” แม่เย็นเอ่ยขึ้นบ้าง
        “แหมๆๆแม่เข็มนี่ลูกส่งมาให้แบบนี้ก็คงสบายนะซิ   ฉันมองดูเห็นอาณาเขตกว้างขวางนัก?”
แม่เย็นถาม
     แม่เข็มก็หันไปตอบว่า
        “ก็ขายของบ้างแต่ละปีและเป็นวันที่คนเขามารับของไปขายแหละแม่เย็น อีกทั้งเดือนๆก็
ยังได้รับเงินจากลูกชายคนนี้เก็บๆไว้ด้วยว่าไม่ค่อยจะได้ใช้อะไรนัก ด้วยในไร่นาสวนก็มีพร้อม
อยู่แล้ว ก็พ่อเชียรเขานั่นแหละช่างคิดช่างค้นหาสิ่งแปลกมาทดลองใช้ในพื้นที่นี้ก่อน อีกทั้งเขา
ยังผสมพันธุ์ต้นไม้แยกออกไป และยังขายต้นไม้ที่เพาะชำระไว้ด้วยอีกจ้า”  แม่เข็มตอบ

     “ผมเองไม่มีเวลามาครับ  มาได้ก็ลางานเขามาไม่เท่าไหร่หรอกครับ ต่อไปไม่รู้เหมือนกันว่า
เขาจะไล่ผมออกหรือไม่ มาแล้วก็ติดใจนึกถึงตอนเป็นเด็กครับ เลยอยู่เกินเวลาลาครับ” 
 หนุ่มโชติกล่าวขึ้นบ้าง
      “จะเป็นอะไรไปพ่อเอ๋ย ไร่นาสวนก็มีมากมายเช่นนี้ คงจะไม่อดตายหรอกจ้า” แม่เย็นกล่าวขึ้น
      “แต่ผมไม่ได้ทำมาหลายปีแล้ว คงจะทำไม่ไหวหรอก ก็อาศัยน้องๆนี่แหละช่วยเหลือเป็นกำลัง
หลักครับ  วันๆหนึ่งผมจะลงไปช่วยพ่อแม่น้องๆเขาห้ามไว้ ไม่รู้จะห้ามไปทำไม กลัวผมจะลำบาก
กระมังครับ”
    “โอ้ย!!!....คนเกิดที่นี่ก็ทำได้ทุกๆคนแหละจ้า...จะติดขัดก็สักพักหนึ่งเท่านั้น” แม่เย็นเอ่ย
    “ผมก็คิดเหมือนน้าแหละครับ แต่พ่อแม่น้องๆมันไม่ยอมครับ มันบอกว่าให้คอยแค่คิดบัญชี
เรื่องค่าใช้จ่ายรายรับต่างๆก็พอครับ  บอกว่าพวกมันไม่มีความรู้ด้านนี้เพียงอาศัยแรงกายเท่านั้น
ผมเองเรียนมาสูงกว่าเขา  ก็ควรทำหน้าที่ดีกว่า ส่วนแรงงานเขาจะเป็นคนทำเองดูซิครับน้า พ่อ
แม่จะจ้างคนมาทำงานกับเจ้าชัย  มันบอกว่าไม่ต้องหรอกเสียดายเงินนอกจากงานใหญ่ๆเท่านั้น”
ชายหนุ่มกล่าว

        “นั่นซินะแม่เข็ม  เจ้าชัยและน้องกล่าวก็ถูกอีกแหละ หากรูปร่างผิวพรรณแบบนี้
ให้ไปตากแดดจะทนได้สักกี่น้ำ สู้เอาไว้ใช้สมองดีกว่า จริงไหมพ่อหนุ่ม”  กำนันหวนเอ่ยขึ้นบ้าง
        “สงสัยจะเหมือนพ่อกำนันกล่าวเสียแล้วล่ะครับน้า  ทุกๆคนลงความเห็นเหมือนกันหมด
พอผมคว้าจอบเสียมเท่านั้น เจ้าชัยมันก็รีบมาแย่ง บอกว่าให้ไปนั่งพักและคอยคิดเงินคิดทอง
ดีกว่า เล่นเอาผมหัวร่อแทบตาย บอกกับมันว่า หากไม่ให้พี่ช่วยแล้ว     หากพี่เป็นง่อยขึ้นมา
ใครจะมาดูแลพี่เสียล่ะ?......ถ้าหากผมเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาขึ้นมาจริงๆ
 พูดนะพูดได้แต่เวลาจริงจะได้หรือเปล่ากับคนพิการเช่นผมนี้
  น้องชบามันก็บอกว่าน้องเลี้ยงดูแลให้เอง      ผมถึงกับหัวร่อใหญ่เชียวครับ”
    ชายหนุ่มเอ่ยไปหัวร่อไป เสียงหัวร่อของเขาช่างทุ้มกังวานยิ่งนัก เล่นเอาพ่อกำนันแม่เย็น
ตลอดจนเจ้าชวนสาวบงกชหันมามองเป็นตาเดียวกัน มันเป็นเสียงหัวร่อของผู้มีอำนาจมากๆ
โดยเฉพาะสาวบงกชถึงกลับปากอ้าตาค้างไปเลย เสียงนั้นช่างทุ้มหนักแน่นกังวานไพเราะนัก
   ส่วนเจ้าชวนนั้นมันเคยได้ยินเสียงกล่าวๆแบบนี้มาจากในเมืองแต่มันตอนนี้นึกไม่ออกว่า
เสียงแบบนี้ได้ยินจากที่ใดกัน   แล้วพ่อเชียรแม่เย็นก็ตัดบทขึ้นทันที
    “พี่หวนมื้อนี้ทานข้าวด้วยกันนะทุกๆคนด้วย”  แล้วหันไปทางเจ้าชัยให้ไปบอกแก่สาวชบา
ให้จัดเตรียมอาหารมือเที่ยงด้วย  ซึ่งที่จริงนั้นนี่ก็บ่ายโมงกว่าๆแล้ว แต่ทั้งหมดไม่ได้ทานอาหาร
จากวัดมาด้วยกันทั้งหมด ด้วยพี่กำนันว่าจะมาเยี่ยมตามที่พ่อเชียรชวนให้แวะกินน้ำท่าก่อน
    “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องขอตัวไปช่วยชบามันด้วยนะมันตัวคนเดียวคงจะไม่ทันหรอก”
แม่เข็มเอ่ยขึ้น
     “ถ้าอย่างงั้นให้พวกผู้ชายและเด็กๆมันคุยรู้จักกันก็แล้วกัน เราแก่แล้วมาๆๆ ไปช่วยด้วยคน”
แม่เย็นกล่าวแล้ว ลุกขึ้นทันที.............

                   * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
26 ธันวาคม 2553 15:13 น.

* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๗*

แก้วประเสริฐ

76.gif
                        * ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๗ *

        ต้องขอโทษด้วยนะครับ  ผมเองกำลังเปื่อยมากๆด้วย อาจจะทิ้งช่วงไปบ้างทั้งที่พึ่งจะ
ทุเลาขึ้นบ้าง แต่ให้ห่วงในสิ่งที่ทำไปยังไม่สำเร็จ  การลงให้ศึกษาตัวยาสมุนไทยเราโบราณ
เรานั้นถึงแม้นว่าจะเต่าล้านปีก็ตาม ใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็ดีด้วยต้องมาคัดเลือกในสิ่งที่ค่อนข้างจะ
หายากสักหน่อย  ผมจะแนะนำให้หากไม่รู้จักและต้องการใช้ยาขนานใดขนานหนึ่งแล้ว
เราหาไม่ครบ  ให้จดรายการนี้แล้ว  ให้คุณไปที่ร้านเจ้ากรมเป๋อ ข้างวัดสามปลื้ม  กทม.
หรือสอบถามคนแถวๆนั้น
  ซึ่งเขาก็จะรู้จักกันแทบทุกๆคน เป็นศูนย์กลางของสมุนไพรไทยเราแทบจะหมด
 เขาค้าขายมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ต้นตำหรับนั้นรับราชการหลายสมัยต่อเนื่องมา
จนได้เป็นถึงเจ้ากรม แต่ท่านชื่อเล่นว่า “ เป๋อ ” 
    สืบสายมาจนชั่วลูกชั่วหลานดำรงไว้ตามที่ต้นตำหรับ ร้านอยู่ติดกับข้างประตูเข้าวัด
  พอเดินไปเกือบถึงก็จะได้กลิ่นหอมของตัวยาต่างๆ อาจบางทีถึงไม่ต้องสอบถามก็รู้
จำหน่ายหรือก็ราคาถูกหรือปานกลางไม่ได้คิดเพิ่มไปมากอีกเลย กำไรนิดๆหน่อยๆ
ด้วยฐานะเขามั่นคงเป็นทานแก่บุคคลยากจน จึงคิดในราคาเกือบจะต้นต้น
     คุณเชื่อไหมล่ะ???.....ว่าตัวยาต่างๆอันไร้คุณค่าในสายตาปัจจุบันนี้จะดำรงไว้ศักดิ์สิทธิ์นัก
ด้วยช่วยเหลือคนต่างๆมาตั้งแต่อดีตกาลจวบปัจจุบันให้รอดตายหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
มาก็มากเสียมากแล้ว ในบางครั้งสิ่งใกล้ตัวเราแต่เราไม่รู้วิธีการใช้ก็จะไร้ค่าไป แม้นแต่แพทย์
แผนปัจจุบันก็ยังยอมรับในข้อนี้ ยอมบรรจุลงในหลักสูตรการสั่งสอนไว้ด้วย และได้จัดการ
ทดสอบผลการเล่าเรียนรู้จากคนทั่วๆไป  ยังออกประกาศนียบัตรให้อีกด้วย ยกย่องว่าเป็น
แพทย์แผนโบราณ ให้เป็นเกียรติยศสืบต่อในวงศ์ตระกูลอีกด้วย เท่านี้ก่อนนะครับ
     ขอให้ทุกๆคนปราศจากโรคา พยาธิ อันพึงทรมานนี้ด้วยเทอญฯ
* แก้วประเสริฐ. *


                                         ยาแก้โรคท้องเดิน (ต่อ)

ขนานที่ ๑๐  ท่านให้เอาพริกแห้ง ๕ เม็ด  (ลงด้วยพระเจ้าห้าพระองค์คือ นะ โม พุท ธา ยะ
องค์ ๑ เม็ด) กลั้นใจเด็ดเม็ดพริกแห้งทั้ง ๕ เม็ดนั้นให้ขาดจากกัน  หัวข่าสด
 (กลั้นใจหั่นเป็นแว่น)๗ แว่น  แล้วลงด้วยพระพุทธคุณ (อิติปิโส ไปจนถึง ภควาติ)
 บนแว่นข้าทั้ง ๗ นั้น  เกลือทะเลตัวผู้ (เกลือที่เม็ดยาวๆ)  กลั้นใจหยิบด้วยนิ้วมือทั้ง ๓  คือ
(นิ้วหัวแม่มือ ๑ นิ้วชี้ ๑  นิ้วกลาง ๑ ) ๑ หยิบมือ  นำตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้ม
กับน้ำพอควร ใช้น้ำยารับประทาน ครั้งละ ๑ ถ้วยชา (ยาขนานนี้เป็นยาผีบอก ก่อนต้มยา
ให้จุดธูป ๓ ดอกในที่กลางแจ้ง บอกขออนุญาตยาเจ้าของนี้ด้วย)
มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเดินอย่างรุนแรง มีอาการทั้งลงทั้งราก  จนคนป่วยมีอาการตัวเย็น
ซีดเหลือง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วฯ
(พระอธิการกุศล ถิรธมฺโม วัดหน่องกระทู้ (สมานสามัคคี)  อ.สองพี่น้อง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๑๑  ท่านให้เอายาแก้ปวดทัมใจ ๑ ห่อ นำมาผสมกับน้ำปลา หรือ ผสมกับน้ำปูนใส
(น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ก็ได้ พอประมาณ ใช้รับประทาน ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ แก้โรคปวดท้อง  โรคท้องเดิน   (โรคท้องร่วง โรคลงท้อง) 
ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูสิทธิอรุณรังษี วัดรังษีสุทธาวาส อ.ศรีราชา ชลบุรี)

ขนานที่  ๑๒  ท่านให้เอา เปลือกต้นขี้อ้าย พอประมาณ นำมาใส่หม้อดิน ต้ม กับน้ำปูนใส
(น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ใช้น้ำยารับประทาน ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ  แก้โรคท้องเดิน  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูศรีวรพินิจ วัดบางนาใน เขตพระโขนง กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่ ๑๓  ท่านให้เอา ซังข้าวโพด (ฝักข้าวโพดที่ต้มสุกกิน เนื้อหมดแล้ว) ๑ ฝัก 
กับ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ๑ กำมือ ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้
นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอควร  ใช้น้ำยารับประทาน ครั้งละ ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเดิน โรคท้องร่วง โรคท้องเสีย  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระสมุห์อ่อน จุลฺลวํโส วัดนิคมวาสี อ.พระพุทธบาท สระบุรีป

ขนานที่ ๑๔  ท่านให้เอา กล้วยตีบดิบ ๑ ผล กับ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง)
 นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับ น้ำต้มสุก  ประมาณ น้ำยา ๑ ถ้วยชา  ใช้รับประทาน 
มีสรรพคุณ  แก้โรคท้องเดินได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระสมุห์อ่อน จลฺลวํโส  วัดนิคมวาสี อ.พระพุทธบาท สระบุรี)

ขนานที่ ๑๕  ท่านให้เอา เปลือกส้มโอ  ๑ เปลือกต้นพุทรา ๑ ใบฝรั่ง ๑ หวายลิง ๑  
ตัวทั้ง ๔ อย่างนี้  เอาอย่างละ ๑ กำมือเท่ากัน ขมิ้นอ้อย ๕ แว่น
 ลงด้วยพระเจ้าห้าพระองค์ คือ(นะ โม พุท ธา ยะ แว่นละ ๑ พระองค์) 
ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ๓ ส่วน
เคี่ยวให้เหลือน้ำ ๑ ส่วน ใช้น้ำยารับประทาน ๑ ถ้วยชา จำนวน ๓ ครั้ง 
ระยะห่างกันครั้งละ ๓๐ นาทีถึง ๑ ชั่วโมงฯ ถ้าเป็นโรคท้องเดินอหิวาตกโรค 
ให้แทรก ผิวมะกรูด กับ กำมะถันเล็กน้อยฯ
ยาขนานนี้ มีสรรพคุณ  แก้เด็กถ่ายเป็นมูกเลือด แก้ไข้รากสาด ไข้อติสาร 
ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระธรรมปิฎก วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่ ๑๖  ท่านให้เอา ยอดต้นฝรั่ง ๔-๕ ยอด นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอคว
ร ใส่เกลือทะเล(เกลือใส่แกง)  ลงผสมเล็กน้อย ใช้น้ำยารับประทาน ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ  แก้โรคท้องร่วงของเด็กและผู้ใหญ่ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล
(จำลอง ศิริเพ็ญพงศ์ กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่ ๑๗  ท่านให้เอา ใบต้นฝรั่ง มากพอสมควร นำมาตำให้ละเอียด
 คั้นเอาน้ำ ผสม กับ น้ำผึ้งแท้ ประมาณ น้ำยา ๑ ถ้วยชา กวนให้เข้ากันดีแล้ว
 ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคท้องร่วงได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(ประพันธ์ พัทยาวรรณ จ.ตาก)

ขนานที่ ๑๘  ท่านให้เอา ผลมะเฟืองสุก (ที่มีรสเปรี้ยวจัดๆ) จำนวนมากพอสมควร
นำมาคั้นเอาน้ำ ๑ ถ้วยกาแฟ ผสมกับ น้ำตาลทรายขาว พอมีรสหวาน 
ใช้น้ำยารับประทานครั้งเดียวให้หมด
 แล้วนอนพักผ่อน หลังจากรับประทานยานี้แล้ว จะถ่ายอุจาระอีก ๑-๒ ครั้ง 
แล้วจะหยุดท้องร่วง แล้วหายปวด มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการอินสม เรือนเพ็ชร วัดพระธาตุคว่ำหม้อ อ.เมือง ลำปาง)

ขนานที่ ๑๙  ท่านให้เอา ใบชาจีน (ใบชาใช้ชงน้ำร้อน)  ๑ หัวหอมแดง
(หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ) ๑ น้ำตาลทรายแดง ๑ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ เอาอย่างละ
เท่าๆกัน ห่อผ้าขาวบางแช่ในน้ำร้อน ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา
ประมาณวันละ ๓-๔ ครั้ง   มีสรรพคุณ แก้โรคท้องร่วง ท้องเดิน โรคบิด
ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการสมจิตต์ นิทฺเทสโก  วัดตาล อ.ปากเกร็ด นนทบุรี)

ขนานที่ ๒๐  ท่านให้เอา ผิวมะกรูด ๑ ผล นำมาตำให้แหลก ผสมกับน้ำปูนใส
(น้ำปูนแดงกินกับหมาก) และแทรก พิมเสน เล็กน้อย ประมาณน้ำยา ๑  ถ้วยชา
ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคท้องร่วง โรคจุกเสียดท้อง 
ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูพิบูลรัตนากร วัดสามกอ อ.เสนา อยุธยา)

ขนานที่ ๒๑  ท่านให้เอา ใบต้นข่อย ๑ กำมือ นำมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำประมาณ
ค่อนแก้วกาแฟ ผสมกับ สุรา ใช้รับประทาน ชั่วระยะเวลา ๑๐ นาที 
อาการโรคท้องร่วง และ อาเจียนจะหยุดทันที มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระทองใบ เตชปุญฺโญ วัดลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล ลพบุรี)


                         ยาแก้ ปวดท้อง-เจ็บท้อง-เสียดท้อง

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา หัวข่าแก่ๆ นำมาตำให้ละเอียด  ผสมกับน้ำปูนใส
(น้ำปูนแดงกินกับหมาก)  ประมาณ ๒ ถ้วยแก้ว กวนให้เข้ากันดีแล้ว
กรองด้วยผ้าขาวบาง  ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ แก้อาการปวดท้อง-เจ็บท้อง-เสียดท้อง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระทองใบ เตชปุญฺโญ   วัดลำนายรายณ์ อ.ชัยบาดาล ลพบุรี)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา ตะไคร้ ๕ ต้น (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) 
นำมาล้างน้ำให้สะอาด สับเป็นท่อนๆใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ใส่เกลือทะเล
(เกลือใส่แกง) ลงผสมพอสมควร ถ้าท้องผูก  พึงใส่เกลือให้เค็มจัดๆ
ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ แก้ว 
มีสรรพคุณ แก้โรคปวดท้อง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา ขนุนดิบๆ (ปอกเปลือกออกเสีย) ๑ เมล็ด กับ
เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) พอสมควร นำมาใส่ปากเคี้ยวให้ละเอียดแล้ว
กลืนลงท้อง มีสรรพคุณแก้โรคปวดท้องให้หายไปทันที ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระเอื้อน เถรธมฺโม  วัดสี่แยกบ่อนอก อ.เมือง ประจวบคีรีขันธ์)

ขนานที่ ๔  ท่านให้เอา ใบมะนาว ๑๐๘ ใบ ก้านสะเดา ๑๐๘ ก้าน  ใบมะกา ๑ กำมือ
ขมิ้นอ้อย ๕ แว่น บอระเพ็ด  ๗ องคุลี  ฝักคูณ ๗ ฝัก  ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้
นำมาใส่หม้อดิน ต้มกับน้ำพอควร ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา
มีสรรพคุณแก้โรคปวดท้องของคนสูงอายุ ซึ่งปวดเป็นประจำ กินยาอะไรๆก็ไม่หาย
เคยใช้รักษาหายมาหลายคนแล้ว มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระครูปัญญาวัชรากร วัดหนองปลาไหล เพชรบุรี)

         วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ  หากทุเลากว่านี้จะลงให้มากๆครับ ขอให้พ้นจากโรคา 
พยาธิ นานานับประการเทอญ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แลฯ

                    * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
25 ธันวาคม 2553 18:06 น.

อทิสมานกาย ๕๕

แก้วประเสริฐ

76.gif
                                อทิสมานกาย ๕๕

ยามราตรีค่ำคืน ท้องฟ้าลอยละล่องด้วยเหล่าเมฆไปตามกระแสลม  เบื้องหลัง
เต็มไปด้วย ดวงดาวพร่างพรายระยิบระยับ บ้างก็กระพริบ บ้างก็ค้างเพียงแต่
ทอแสงเต็มไปหมด ในรูกลักษณ์ต่างๆกัน งดงามยิ่งนักชวนน่าทัศนา
    หลังจากที่กำนันหวนได้กลับมายังบ้านของตัวเองแล้ว ในตอนค่ำฟ้าสาง
อากาศเริ่มย่างเข้าสู่หน้าหนาวที่ใกล้ๆภูเขาของหมู่บ้านบางโคนั้น บ้านกำนัน
เริ่มมีคนตื่นขึ้นมาแล้ว ทุกๆคนต่างเป็นห่วงในการหายไปของกำนันหวนทั้งสิ้น
     “บงกชเอ๋ย???....ตื่นหรือยังล่ะ???...” เสียงเรียกจากเมียกำนันเอ่ยขึ้น
     “ตื่นนานแล้วจ๊ะแม่.....แม่มีอะไรจะให้ทำหรือ???....” เสียงขานตอบดังเพียง
แค่ได้ยินเสียงเท่านั้น
      “พ่อเจ้าหายไปตั้งนาน ป่านนี้น่าจะกลับมาบ้านได้แล้ว แต่นี่ยังไม่มีวี่แววสักนิด??...”
เสียงผู้เป็นแม่กล่าวตอบลูกสาวกึ่งสอบถาม
      “นั่นซิจ๊ะแม่  หนูเองก็อดเป็นห่วงพ่อไม่ได้  ไม่เคยเห็นพ่อไปช้าเหมือนคราวนี้เลย”
 เสียงตอบจากหญิงสาว 

     รูปร่างนั้นค่อนข้างสัดส่วนสวยมีรูปร่างเพรียวกระทัดรัดงามแบบชาวบ้านที่งามกว่า
  นับว่าเป็นหนึ่งในแถบบริเวณแถวนี้ เป็นที่หมายปองแก่หนุ่มๆในหมู่บ้านและอื่นๆ
บริเวณใกล้ๆเคียง อายุหรือก็ค่อนข้างเข้าไปถึง ๒๕ ปีแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าหญิงสาวนี้
จะสนใจชายอื่น  มุ่งมั่นแต่ช่วยพ่อแม่ทำมาหากินเท่านั้น
      “นั่นซิลูก  แม่เองก็ชักสังหรณ์ใจเหมือนกันจะเป็นอะไรไปหรือก็ไม่รู้น๊ะ” ผู้เป็นแม่
เอ่ย ในขณะเดียวกันก็สาระวนอยู่ในครัวเพื่อจัดเตรียมหาอาหารดั่งเคย
       “แม่จะให้หนูช่วยอะไรบ้างล่ะ” เสียงนั้นเดินเข้ามาในครัวแล้วนั่งลงข้างๆผู้เป็น
แม่   หญิงกลางคนค่อนข้างมีอายุหันไปมองลูกสาว พลางเอ่ยว่า
       “กช!!!!....เอ็งปีนี้อายุได้เท่าไหร่แล้วนะ  แม่ชักจะลืมๆไปแล้วล่ะ”
       “ย่างเข้า ๒๕ จ๊ะแม่ ” หญิงสาวกล่าว  พลางหันไปคนหม้อข้าวที่ตั้งอยู่บนเตาไปกำลัง
เดือดๆอยู่ ส่วนแม่เขานั่นมัวสาระวนกับอาหารในการกินอยู่
       “อืมๆๆ!!!!.... อายุก็นับว่ามากพอควรนะเป็นสาวเต็มตัวแล้ว เอ็งมองใครไว้หรือเปล่า
ล่ะ???.... นี่ก็นับว่าอายุมากแล้วนะ”  ผู้เป็นแม่ถาม

       “เรื่องนี้หนูยังไม่สนใจหรอกจ้าแม่ เห็นพ่อหรือก็เอาแต่หาเงินหาทอง ส่วนแม่หรือก็ยัง
เข้าไร่สวนทำงาน  ถึงแม้จะมีพี่ชวนมันมาช่วยก็เถอะ  แต่ว่ามันก็ดีนะแม่ ถึงจะยังไม่มี
ครอบครัว  แต่พี่ก็มีความรักใคร่กับครอบครัวเราดุจญาติและมองฉันคอยเป็นห่วงเป็นใย
ดุจพี่ชาย  ฉันหรือก็เคยถามเขาว่าทำไมยังไม่คิดมีเมียเสียล่ะ  พี่ชวนก็มักจะหลีกเลี่ยงบอกว่า
ยังไม่ถึงเวลา  เป็นห่วงพ่อแม่และน้องคือฉันอยู่ว่า หากพี่เขามีเมียไปแล้วจะไม่มีใครมาช่วยดู
ทางนี้ได้เต็มตัวจ๊ะแม่ พี่เขายังบอกว่ามีน้องสาวคือฉันนี่แหละกำลังเป็นสาวๆเดี๋ยวจะมี
ใครมารังแกเอาจ๊ะแม่”  หญิงสาวตอบ
       “นั่นซิพ่อแกเขาเลี้ยงเจ้าชวนมาตั้งแต่พ่อแม่มันตายยังเด็กๆอยู่จนบัดนี้มันก็สามสิบกว่าๆ
ไปแล้วล่ะ  แม่เคยบอกว่าหากชอบพอใครๆในหมู่บ้านหรือใกล้เคียงมาจะได้ไปสู่ขอให้  มัน
      กลับบอกว่าพ่อแม่และน้องมีคนคอยดูแลแล้วหรือ   หรือว่ารังเกียจมันจะได้ให้มัน
มีครอบครัวเร็วๆ   แล้วมันยังกราบแม่อีกว่าขอบคุณแม่ต้องคอยให้พ่อแม่สบายดีกว่านี้
และน้องสาวมีเย้ามีเรือนเสียก่อนนั่นแหละมันถึงจะวางใจได้ 

        มันตอบแบบนี้เอาแม่ถึงกับซึมน้ำตาไหล ไม่คิดว่ามันมีความกตัญญูมากซินะ และมัน
จะรักพวกเราดุจพ่อแม่และรักเจ้าเหมือนน้องมันจริงๆ จึงเอ่ยปากถามมันอีกพลางรบเร้ามัน
ไม่ต้องห่วงอะไรทางนี้หรอก  แต่มันหัวร่อพลางยิ้มแล้วตอบแม่ว่า แม่ๆคอยดูไปก่อนทุกวัน
นี้มันสบายขึ้นและไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วล่ะพอจะพึงพาอาศัยให้มัน
เท่ากับแม่และพ่อกับน้องเท่านั้น”
       “นั่นซิแม่ พี่ชวนนั้นก็นักเลงเสียด้วยซิไม่กลัวคนสู้คน   ครั้งหนึ่งตอนไปเที่ยวงานวัดที่
วัดโคกอีแร้ง  มีคนมาแซวหนูเท่านั้น เล่นเอาพวกมันหมอบกระแตไปตามๆกัน เขาประกาศ
ก้องกลางลานวัดเชียวว่า คนอื่นยุ่งได้แต่อย่าเสือกมายุ่งกับน้องสาวกูนะโว้ย นี่ดีนะเป็นบริเวณ
วัดมิฉนั้นพวกมึงอาจจะมีใครตายไปด้วย  เล่นเอาพวกนั้นเลิกเที่ยวหนีกลับบ้านไปกัน สืบได้ว่า
เป็นหมู่บ้านอื่นไม่ใช่หมู่บ้านเราและหมู่บ้านโคกอีแร้ง พูดตามความรู้สึกนะว่า พวกหมู่บ้าน
โคกอีแร้งนั้นหนุ่มๆล้วนนิสัยใจคอดีๆกันเกือบทั้งสิ้นจ้าแม่”  หญิงสาวตอบแม่
    และแล้วทั้งสองก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกๆๆดังมาจากข้างล่างบ้าน
   “แม่ๆๆๆๆเร็วๆๆๆน้องกชด้วย พ่อถูกยิงมา ให้ไปหายามาใส่แผลด้วย”  เสียงเรียกของ
ชายหนุ่มตะโกนนำทางมาก่อน

      สักครู่ร่างเจ้าชวนก็พยุงร่างพ่อกำนันหวนขึ้นมาบนบันไดบ้านอย่างทุลักทุเล  พลางพยุง
นำไปวางยังเสื่อที่ปูไว้นั่งเล่นก่อนแล้ว  ร่างกำนันหวนไม่เป็นอะไรมากนักเพียงเลือดที่แห้ง
กรัง บัดนี้แห้งหมดแล้ว  แต่มีหลายๆรอยอยู่ที่ยังมีเลือดซืมๆออกมาบ้าง
    “ใครทำพ่อมาหรือพ่อ เดี๋ยวข้าจะไปจัดการเอง”  เจ้าชวนเอ่ยพลางปลดเสื้อผ้ากำนันหวน
ออกพลางนำวาง  หาผ้าอื่นที่สะอาดนำผ้าชุบน้ำมาล้างแผลให้อย่างลุกลี้ลุกลน
     “ไม่เป็นอะไรมากหรอกลูก  โดนแค่ถากๆเท่านั้นเอง  เออๆไอ้ชวนๆ” กำนันเอ่ย
     “ครับพ่อมีอะไรหรือจะให้ข้าช่วยหรือบอกได้เลยข้าจะนำคนไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละจ้า”
     “ไม่มีใครทำอะไรพ่อหรอก  แต่ที่พ่อเรียกเจ้านั้นจะบอกว่า ต่อไปนี้เห็นทีพ่อจะวางมือ
จากเรื่องแบบนี้เสียที เจ็บรอดตายคราวนี้ทำให้พ่อสำนึกบาปบุญคุณโทษได้แล้วล่ะ จะขอ
วางมือด้านนี้และลาออกจากกำนัน  แต่ข้ายังเป็นห่วงแม่และน้องเจ้าอยู่เท่านั้นมีทางเดียว
ที่จะหนีรอดอุ้งมือพวกมันได้คือหนีไปบวชตลอดไป ด้วยพ่อรู้ความลับมันมามากพอควร
แต่ทางด้านนี้ก็จะขอให้เจ้าเลิกให้หมดด้วย และช่วยพ่อคอยดูแลแม่และน้อง  
หากน้องเจ้าได้แต่งงานไปก็จะทำให้พ่อยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากนัก” 
 กำนันหวนตอบกับเจ้าชวน
     “อ้าวๆๆ????....ไหนๆเรื่องเป็นอย่างไรหรือพ่อ”  ไอ้ชวนถามด้วยความสงสัยนัก
      แล้วกำนันหวนก็เล่าถึงเหตุการณ์ต่างให้ไอ้ชวนลูกเลี้ยงมันฟังในระหว่างทางคอยรถ
นั้นมันก็เกิดความรับผิดชอบชั่วดี  ทั้งยังรอดตายกลับมาส่วนพวกที่นำไป
สงสัยจะตายหมด   ดีนะที่ไม่ให้เจ้าชวนไปด้วยเกิดลางสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างขึ้น
จึงให้คอยดูแลทางนี้แทน อีกอย่างหนึ่งเจ้าก็พึ่งจะหายดีคราวที่แล้วก็เกือบตายเหมือนกัน

        เมื่อกำนันเล่าให้ไอ้ชวนฟังแล้วหันไปทางตบไหล่เจ้าชวนและลูบหัวมันกล่าวขึ้นว่า
   “ ถึงมึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของกูก็เถอะ แต่กูก็รักมึงเหมือนลูกแท้ๆของกู  เห็นว่ามีแต่มึง
เท่านั้นที่จะช่วยเหลือพ่อได้ว๊ะ แต่กูรู้นิสัยใจคอมึงดีเห็นพอจะพึงพาอาศัยได้ยามกูไปบวช
จึงจะขอกำชับและให้มึงรับปากกูว่าจะเลิกนิสัยก้าวร้าวนอกเสียจากคนจะมารังแกมึงเท่านั้น”
   “พ่อธรรมดานั้นใจข้าเองก็ไม่ค่อยชอบทางด้านนี้อยู่แล้วล่ะ แต่นี่เห็นเป็นงานของพ่อ
ทำให้ข้าต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ หากปล่อยพ่อเท่านั้น แต่เมื่อพ่อพูดเช่นนี้ก็พึงพอใจมาก
 ใจข้าก็จะสงบมากขึ้นด้วยมันเสี่ยงไม่ใช่เฉพาะพ่อเท่านั้น แม่และน้อง
ก็พลอยเอี่ยวไปกันหมด  ลำพังข้าเองนั้นไม่เท่าไหร่หรอกตัวคนเดียวอยู่แล้ว
 ที่โตขึ้นทุกๆวันนี้ก็ด้วยน้ำมือพ่อและแม่เท่านั้น ที่ให้ความเอ็นดูแก่ข้ารักข้า
ดุจดังลูกของตัวเอง ทำให้ข้าคิดว่าจะเพียงขอทดแทนไม่ว่าด้วยชีวิตหรืออะไรก็ตาม 
นิสัยข้าเองก็ไม่ค่อยชอบทางนี้อยู่แล้วล่ะพ่อ  ข้าให้สัญญาว่าจะคุ้มครองดูแลแม่และน้องให้
สบายจ๊ะพ่อและจะเลิกนิสัยนักเลงให้หมด”   ไอ้ชวนกล่าวขึ้น
       ครั้นกำนันหวนได้ฟังมันกล่าวเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลออกมาแล้วดึงร่างมันไปสวมกอด
พลางเอ่ยว่า
       “ขอบใจมากว่ะเจ้าชวน ส่วนทรัพย์สมบัตินั้นข้าจะแบ่งให้เจ้าบงกชมันกับเจ้าคนละครึ่ง
เรื่องนี้เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก  ถึงแม้ว่าจะทำไปในสิ่งไม่ดีก็หาใช่ด้วยน้ำใสใจจริงของข้าหรือ
ก็ไม่เคยคิดว่าจะหลงทางเข้ามาในวังวนนี้ 
    ข้าเคยคิดเหมือนกันจะเลิกเสียตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสอำนวย ที่ทำไป
ก็ด้วยไปทางทางกระแสเท่านั้นเอง  เมื่อได้ยินเจ้ากล่าวเช่นนี้ข้าก็สบายใจ 

เมื่อหลังหลังจากทำแผลเสร็จก็จะนำอาหารไปถวายเพลหลวงพ่อทองเสียหน่อยด้วย
   สมัยหนึ่งข้าเคยเป็นศิษย์สอยห้อยตามไปตอนท่านยังหนุ่มๆอยู่ไปธุดงค์ในป่าเขาต่างๆ
ข้ายังเป็นเด็กๆอยู่ตอนยังไม่ได้มาครองวัดนี้  พบท่านในระหว่างธุดงค์เกิดศรัทธาเลยหนี
พ่อแม่ติดตามท่านไปในที่ต่างๆ  ท่านก็สอนวิชาอาคมให้แก่ข้าบ้างเพื่อใช้ป้องกันตัวแต่
  เหมือนมีอะไรมาบังตาข้าทำให้ข้าไม่ชอบ ที่ออกร่วมเดินทางไปด้วยมองเห็นท่าน
มีร่างกายผ่องใสงดงามนัก ข้าติดใจในรูปกายท่านเท่านั้นจึงขอติดตามไป
  ตอนแรกก็คิดๆจะร่ำเรียนเหมือนกันตอนนั้นนะ ครั้นโตขึ้นข้าก็แยกทางกับท่านไม่
คิดว่าท่านจะมาครองวัดโคกอีแร้ง เคยไปหาบ้างไม่หาบ้าง  พบท่านๆก็สั่งสอนเหมือนท่าน
จะรู้ว่าข้าทำอะไรไป ข้าเองได้แต่รับฟัง  แต่เหมือนคนตาบอดจึงฟังหูไม่ฟังหูล่ะ” กำนันเอ่ย
    “นั่นซิพ่อ ข้าเองก็สงสัยเหมือนกันว่า เหตุใดพ่อถึงมักจะไปทำบุญที่วัดโคกอีแร้ง
ก็ด้วยเหตุนี้พึ่งจะเข้าใจเอง  ทั้งๆที่วัดใกล้หมู่บ้านเราหรือก็อาศัยอยู่ในเขตของหมู่บ้าน
บางโคคือวัดบางโคทอง  ซึ่งได้ข่าวว่ากำนันคนอื่นๆก่อนพ่อจะมาเป็นกำนัน
นั้นมักจะไปทำบุญและสร้างวัดนี้ขึ้นมา แต่พอมาถึงพ่อ

   ข้ากับเห็นพ่อหันไปทำบุญทางวัดโคกอีแร้ง  ข้าสงสัยมานานจะถามพ่อก็หลายๆครั้ง
แต่เกรงใจพ่อเห็นกำลังมีงานอยู่จะยุ่งยากแก่พ่อไป”
   เจ้าชวนตอบพลางหายสงสัย
     เห็นกำนันหัวร่อฮึๆๆ  พลางเอ่ยว่า
  “ หลวงพ่อทางวัดบางโคทองนั้น ท่านไม่ค่อยใส่ใจอะไรกับวัดนัก 
ครั้นได้เงินมาก็แบ่งเป็นสองทางครึ่งหนึ่งของวัดอีกครึ่งหนึ่งนำมาแบ่งตัวเอง
และครอบครัวก่อนจะมาบวชและได้เป็นเจ้าอาวาส 
 ผิดกับหลวงพ่อทองซึ่งหมู่บ้านโคกอีแร้งกว่าจะเชิญมาครองวัดได้ก็แทบ
จะกระอักเลือด  ยามที่วัดร้างเจ้าอาวาสอยู่แต่ข้าก็ไม่ทิ้งวัดนี้ไป ยังร่วมไปนิมนต์
หลวงพ่อด้วย ครั้นท่านเห็นเป็นข้าจึงยอมรับนิมนต์ด้วยท่านจำข้าได้ และยังถาม
เกี่ยวกับข้าอีก ข้าจำเป็นต้องโกหกท่าน แต่ดูเหมือนท่านจะรู้ได้แต่อมยิ้ม
 ซ้ำยังเทสน์อบรมแก่ข้าอีกจนข้าต้องรีบเผ่นกลับบ้านเชียวล่ะ”  
  กำนันเอ่ยเล่าความหลังให้เจ้าชวนฟัง  
      “อ้อๆๆแบบนี้นี่เองเห็นพ่อไปทำบุญที่ไรมักจะไปทางด้านโน้น ส่วนทางด้านนี้
เห็นพ่อไม่ค่อยจะกระตือรือล้นเท่าไหร่นัก”  เจ้าชวนตอบผู้เป็นพ่อบุญธรรมมัน

      ในระหว่างการสนทนากันอยู่นั้น แม่เย็นกับบงกชเข้ามาต่างร้องกันแล้วถลา
เข้ามาดูอาการกำนันทันที
     “พ่อๆๆๆเป็นอะไรไปหรือมากแค่ไหนล่ะ พี่ชวนนี่จ๊ะยาที่พี่ตะโกนบอก” 
หล่อนหันไปทางเจ้าชวนพลางยื่นกล่องใส่ยาให้พร้อมกับน้ำร้อนอุ่นๆด้วย
      “พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูกแม่เย็นด้วยไม่ต้องห่วงข้า  เออๆๆๆมาครบก็ดีแล้วข้า
จะบอกแก่พวกเจ้าด้วยว่า ให้จัดเตรียมอาหารมื้อเพลไว้ด้วยข้าจะไปยังวัดโคกอีแร้ง”
      “แล้วเรื่องงานของพ่อล่ะเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ”  แม่เย็นถามกำนันผู้ผัว
      “ไม่เรียบร้อยหรอกแม่เย็น  ข้ารอดตายมาก็นับว่าบุญเก่ารักษาอยู่   แต่นี้ไปข้าจะ
ลาออกจากกำนันแล้วไปบวชที่วัดโคกอีแร้ง คิดว่าจะไม่สึกออกมา  แม่เย็นและเจ้า
บงกชเห็นอย่างไรกับข้าบ้าง ส่วนเจ้าชวนนั้นมันเข้าใจอะไรๆหมดแล้ว”
      “อนุโมทนาจ้าพ่อกำนัน  พ่อเองก็ยังไม่เคยบวชมานี่นา อีกอย่างหนึ่งก็เคยเป็นลูกศิษย์
ของหลวงพ่อทองอยู่แล้วคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก แต่เรื่องของทางการล่ะพ่อจะ
ทำอย่างไรกัน”  แม่เย็นถามพ่อกำนันหวน
      “ เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหาหรอก ข้าจะประชุมผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยพรุ่งนี้จะเล่า
เรื่องทั้งหมดให้ฟังแล้วปรึกษากันกับเขา แต่วันนี้เพลๆมีอาหารไหมล่ะ???...แม่เย็น”
      “เรื่องอาหารนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกพ่อ  เดี๋ยวข้ากับลูกบงกชทำกันเองไม่ต้อง
ให้ใครๆมาช่วยหรอก อีกอย่างข้าวปลาอาหารก็เพียบพร้อมอยู่ด้วยแล้วล่ะ” แม่เย็นกล่าว

    ครั้นทั้งสามเมื่อทราบเจตนารมณ์ของพ่อกำนันก็เข้าไปกราบและร่วมอนุโมทนาด้วย
กัน   เมื่อได้เวลาใกล้ฉันท์เพล  คนทั้งสามก็มาพร้อมกันที่วัดโคกอีแร้ง เจ้าชวนคอยพยุง
ร่างพ่อกำนันดูแลตลอดเวลา  จนพ่อกำนันต้องร้องบอกว่า
     “พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูก ไม่ต้องหรอกเจ็บเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง เอ็งไปช่วยแม่
และน้องขนของขึ้นไปถวายเพลหลวงพ่อเถอะ
      “จ้าพ่อ ”  มันกล่าวแล้วรีบผละจากกำนันหวนไปช่วยทั้งสองทันที
   เมื่อก้าวขึ้นไปบนกุฎืหลวงพ่อทองกำนันหวนก็เห็น มีคนอยู่สนทนากับหลวงพ่ออยู่แล้ว
ก็ต่างให้เมียและลูกขนของขึ้นมารวมกันไว้ที่บริเวณที่ข้างๆใช้สำหรับฉันท์อาหารเพื่อรอ
จังหวะที่หลวงพ่อว่างๆจะได้ไปสนทนาด้วย  กำนันหันมากล่าวกับเมียและลูกๆว่า
     “แม่เย็นเจ้าบงกชเจ้าชวน  แล้วเอ็งจะเห็นว่าลูกวัดท่านปฏิบัติตนอย่างไรบ้างน่าศรัทธา
อย่างไรเอ็งคอยดูก็แล้วกันผิดกับวัดบางโคทองเลยล่ะ”
     ครั้นต่างคนต่างจัดการอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อย  แม่เย็นก็เข้ามาสะกิดกับกำนันหวน
ทันทีเอ่ยว่า
     “พ่อๆเห็นหลวงพ่อหันมาทางเราแล้วกวักมือเรียกให้ไปหาล่ะพ่อ”  แม่เย็นเอ่ย
  กำนันมองไปทางมือของเมียแล้วก็ชักชวนให้ทุกๆคนเข้าไปหาหลวงพ่อทันที

   ทั้งหมดก็รีบเข้าๆหาพลางกราบหลวงพ่อกันทุกๆคน ก็ได้ยินหลวงเอ่ยขึ้นว่า

   “ ความคิดเอ็งดีแล้วล่ะ ไอ้หวนเอ๋ยไม่เห็นโลงไม่หลั่งน้ำตา บัดนี้เคราะห์ของมึงพ้นแล้ว
ไม่มีทางไหนอื่นอีกเท่าทางนี้หรอกว๊ะไอ้หวน”  หลวงพ่อทองเอ่ยขึ้น  
    “นี่ๆๆมาๆๆ ให้รู้จักกันไว้ด้วยนะ  นี่คือพ่อเชียรแม่เข็มนั่งข้างๆมันคือไอ้ชัยลูกของพ่อ
เชียรแม่เข็มเขา  พ่อเชียรและแม่เข็มเป็นอุบาสกอุบาสิกาประจำทุกๆวันพระน่ะ”
หลวงพ่อทองกล่าวขึ้น
      เมื่อกำนันหวนได้ยินหลวงพ่อกล่าวก็สะดุ้งในใจคิดว่าสมแล้วที่เป็นพระธุดงค์มาเป็นบุญของมัน
และมันเคยเป็นศิษย์สอยห้อยตามมา คงจะทราบเรื่องทั้งหมด  จึงพนมมือเอ่ยว่า
    “ครับหลวงพ่อระยะนี้ผมไม่ค่อยมาวัดเสียเลยแต่ก็ยังนึกถึงคุณหลวงพ่อเสมอๆครับ”
    “เรื่องนี้พ่อเองก็เข้าใจ แต่บุญของมึงยังมีพอที่จะเห็นผิดเป็นถูกได้  เอาล่ะๆๆทำความรู้
จักกันไว้ด้วย  ข้ามองเห็นว่าอีกหน่อยมันก็จะสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวมึงและครองครัวเขา”
หลวงพ่อเอ่ยทำนายให้กำนันหวนฟัง เล่นเอากำนันหวนแปลกใจมากยิ่งขึ้น พลางหันไปทาง
พ่อเชียรและแม่เข็มต่างก็พากันยิ้มแย้มต้อนรับมันอยู่เลยเข้าไปหาและสนทนากันไล่เลียงถาม
อายุกัน   ได้ความว่ากำนันหวนอายุมากกว่าพ่อเชียรเกือบห้าปี  และเมื่อต่างสนทนากันก็ทำให้
กำนันหวนสบายใจมากยิ่งขึ้น  แล้วขอตัวจากพ่อเชียรพลางคลานเข้าไปหาหลวงพ่อทองทันที

      “กระผมมาวันนี้ใคร่จะขอรบกวนหลวงพ่อด้วยครับหลวงพ่อ” กำนันหวนเอ่ย
      “เออๆๆๆดีแล้วล่ะไอ้หวน หมดเวรกันเสียทีก็คราวนี้แหละ  ข้าเองไม่ปฏิเสธกับการขอ
ของเอ็งหรอก คิดดีแล้วหรือ???...  แล้วถามความเห็นแม่เย็นเขาหรือเปล่าล่ะ”
      “หลวงพ่อเจ้าขา...อิฉันกลับดีใจยิ่งจ๊ะหลวงพ่อ หากพ่อกำนันจะบวชคราวนี้” ครั้นแม่เย็นฟัง
ดูก็ทราบด้วยปัญญาว่าหลวงพ่อคงจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ จึงยิ่งเกิดความศรัทธายิ่งๆขึ้นกว่าเดิม
      สิ่งที่ทำความแปลกใจมาก็ได้แก่สาวบงกชและเจ้าชวน ที่ต่างมองหน้ากันไปๆมา พลาง
หันไปทางกลุ่มของพ่อเชียร สาวบงกชแลเห็นเจ้าชัยนั่งพนมมือไหว้ก้มหน้าอยู่และรูปร่าง
ของมันสันทัดกำยำของร่างกายใบหน้ายามก้มหรือเงยก็ช่างหล่อเหลานัก
     ก็ถึงกับสะท้านลึกเข้าไปให้ห้วงใจหล่อนทันที ทำให้อาการเกิดการขวยเขิน
อันไม่เคยมีมาก่อน  จึงไม่ยอมมองไปอีก  ส่วนเจ้าชวนหันไปทางกลุ่มของพ่อเชียรแล้ว
ก็ให้รู้สึกถูกอัธยาสัยยิ่งนัก  มันรำพึงว่าเหตุใดคนในหมู่บ้านโคกอีแร้งถึงไม่ยอมไปยุ่งเกี่ยว
กับเรื่องที่พ่อกำนันมันทำนัก  หรือจะเป็นด้วยสาเหตุนี้นี่เอง  ก็ให้สะท้อนใจมันยิ่งนัก
จิตใจมันก็ได้ล่วงรู้อะไรๆดีขึ้น พลางหันไปกราบทางพ่อเชียรแม่เข็มทันที  
      ครั้นพ่อเชียรแม่เข็มและเจ้าชัยหันไปมองพบก็เห็นร่างเจ้าชวนก็ให้พึงพอใจนัก พ่อเชียร
ก็พยุงร่างเจ้าชวนเอ่ยว่า
    “เราคนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องทำถึงอย่างนี้หรอก ชื่ออะไรหรือพ่อหนุ่ม” พ่อเชียรถาม
    “ผมชื่อชวนครับพ่อเชียรเห็นหลวงพ่อยกย่องพ่อเชียรมากก็รู้สึกศรัทธาต่อบุคคลิกท่านอีก
อย่างขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยคนครับ”
    “ไหนๆคนเราคงจะเคยทำบุญร่วมกันมาถึงได้มาถูกอัธยาสัยเช่นนี้  เอาล่ะได้ฟังหลวงพ่อเอ่ย
เช่นนี้  สงสัยพี่หวนคงจะคิดออกบวชกระมังเสียล่ะเจ้าชวนเอ๋ย” พ่อเชียรแม่เข็มเอ่ยขึ้น

       คราวนี้กำนันหวนหันขวับมาทางพ่อเชียรแม่เข็มทันที ด้วยความสงสัย  ก็ได้ยินหลวงพ่อ
เอ่ยขึ้นเพื่อมิให้สงสัยมากไปกว่านี้
      “โยมเชียรกับโยมเข็มเขาทั้งสองก็มีวิชาอาคมเสมอหลวงพ่อนั่นแหละว๊ะหวน ตลอดจน
สมาธิต่างๆก็เชี่ยวชาญด้วย   ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอก”
      “หรือว่า???!!!!.....”  แล้วกำนันก็ได้ยินหลวงพ่อเอ่ยขึ้นอีกว่า
      “ไม่ต้องหรือวง  เดี๋ยวว่าหรอก เอ็งเคยเห็นไหมว่าข้าเคยจะยกย่องใครๆบ้างล่ะ???....”
      “นั่นซิครับหลวงพ่อ ปกติหลวงพ่อจะไม่รับแขกเท่าไหร่หรือรับก็เล็กๆน้อยเท่านั้น
นี่ผมมาเห็นคุยกันอย่างสนิทสนมก็สงสัย เลยไม่กล้าเข้ามาขัดจังหวะครับหลวงพ่อ”
      “เออๆๆดีแล้วล่ะ??....เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเอ็งกำหนดวันของเอ็งหรือเปล่าล่ะ”
      “ผมจะประชุมผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยพรุ่งนี้แหละครับ ก็จะชวนกันไปลาออกจากกำนัน
เสียที  และบอกแก่ผู้ใหญ่บ้านให้รักษาการณ์ไปก่อนกับท่านนายอำเภอคนใหม่ครับหลวงพ่อ”
      “ข้าเองมานั่งคิดดูหากเองกล่าวเช่นนี้คงหมดปัญหาไปหรอกว๊ะหวนเอ๋ย ไม่ต้องมาบอก
ข้าก็รู้แล้วล่ะ  ให้เอ็งกำหนดวันก็แล้วกัน”
       “ครับหลวงพ่อผมเชื่อหลวงพ่อมากๆครับ” กล่าวเสร็จกำนันหวนก็หันไปทางด้าน
พ่อเชียรและแม่เข็ม และยิ่งเห็นเจ้าชัยด้วย  ในใจก็พลางนึกคิดว่าคงจะสมประสงค์แน่แท้
ด้วยเจ้าชัย รูปร่างหรือตลอดจนใบหน้าก็คมคายยิ่งนัก เห็นว่าหากได้คนนี้มาเป็นเขยทุกๆอย่าง
ก็คงจะเดินไปตามประสงค์ของเรา   ส่วนเจ้าชวนหรือก็ให้รู้สึกต้องอัธยาสัยของเจ้าชัยมาก
ด้วยกำนันหวน  เห็นมันทั้งสองคุยกันอย่างสนุกถูกปากถูกคอเกี่ยวกับงานในไร่นาสวนกัน
ส่วนทางด้านแม่บงกช  ก็เพียงแค่ชำเลืองตามองเจ้าชัยตลอดเวลา.............

                      * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gif00029_13.gifCartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ