6 ธันวาคม 2553 17:00 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๐
พอรุ่งขึ้นเช้า กำนันใช้ก็ต้องรีบไปแจ้งทางอำเภอและตำรวจเพื่อให้มาชัณพิสูจน์ศพ
ด้วยอยู่พื้นที่ของหมู่บ้านบางโค อันเป็นถิ่นทุรกันดารใกล้แถบประเทศทั้งสองเต็มไปด้วย
เทือกเขามากมายนัก สลับซับซ้อนกันไปๆมาๆ ด้วยมีคนตายในเขตพิ้นที่รับผิดชอบ
ครั้นคณะชัณพิสูจน์แลเห็นศพต่างตกตลึงพรึงเพริดไปตามๆกัน ต่างคนต่างมองหน้า
กันไปๆมา ด้วยสาเหตุน่าจะมาจากระเบิดด้วยสภาพของศพนั้นนอกจากระเบิดเท่านั้น
ท้องไส้แตกกระจาย เครื่องในและเลือดออกมากระเด็นเต็มไปทั่วห้อง
ที่อาจารย์เสิ่งปางพักอาศัยอยู่ แต่เหตุไฉนไม่มีร่องรอยของระเบิด ชิ้นส่วนของโลหะ
อย่างน้อยก็ต้องมีรอยของแรงระเบิดตามฝาผนังบ้าง เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว
ไม่พบร่อยรอยแต่อย่างใด ซึงควรจะมีเศษโลหะบ้าง ต่างก็ไม่พบเห็นคงเป็นสภาพเดิม
ของบ้านที่ใช้สำหรับเป็นที่พักพิงอาศัยเท่านั้น ห้องก็แคบๆไม่กว้างใหญ่อะไรมากนัก
นอกจากหิ้งบูชารูปปั้นต่างๆยังอยู่ปกติไม่เสียหายและแผ่นหนังควายมหึมาเท่านั้น
ที่วางอยู่บนพื้นบ้านเต็มไปด้วยเลือดและเศษเครื่องในมนุษย์ ภายในบ้านล้วนไม่เสียหาย
นอกนั้นอยู่ในสภาพปกติทั้งสิ้น นอกจากรอยเลือดและชิ้นส่วนของมนุษย์ หากเป็นระเบิด
จริงๆแล้ว ฝาผนังก็ต้องมีรอยของระเบิดหรือก็ต้องพังทะลายลงมาบ้าง
เพราะเป็นบ้านแบบกระต๊อบ หลังคาหรือก็ทำด้วยแฝกหญ้าต้องหล่นหรือแตกกระจายไป
คณะชัณพิสูจน์ต่างปรึกษากัน แล้วตำรวจหันมาทางกำนันสอบถามว่า
.....กำนันทำไมไม่มีหลักฐานใดๆที่เป็นคนไทยเลย หรือว่ามาจากประเทศอื่น???...
เล่นเอากำนันใช้เหงื่อตกทั้งๆที่อากาศตอนนี้เย็นยังมีหมอกจางๆอยู่บ้าง
....ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ด้วยเป็นบ้านที่คงแอบปลูกสร้างในเหลือบเขา
และยังไม่ได้มาตรวจสอบ ทราบเพียงแต่ชาวบ้านที่ไปหาของป่ามาแจ้งครับ กำนันตอบ
....อะไรๆคนมาอยู่ในพื้นที่แท้ๆยังไม่รู้เลยหรือนี่???.... ทั้งๆที่เป็นกำนันน่าจะรู้บ้างซิ
แต่นี่มีร่องรอยของรถมาจอดไว้ แสดงว่าต้องมีการติดต่อกับผู้ตายนี่นา???... ตำรวจถาม
เล่นเอากำนันชักอึดอัดใจขึ้นมาทันที แต่ก็แกล้งตีหน้าเซ่อๆไว้ แล้วกล่าวว่า
.....แถวนี้ล้วนเชื่อมต่อชายแดน แล้วมีป่าชัฏมากมายอาจจะเป็นคนที่นิยมศรัทธา
ด้วยเห็นสภาพการตั้งโต๊ะหมู่บูชาเป็นพระฤๅษี กุมารต่างๆ
ภายในวางหน้าเครื่องโต๊ะบูชา น่าจะต้องเป็นพวกอาจารย์หรือหมอผีทำนองนั้นแหละ
ที่คนศรัทธามาก็ได้ครับ กำนันใช้ตอบ
ทางด้านตำรวจมองสภาพพื้นที่เป็นบ้านโดดเดี่ยวในป่าลึกก็ไม่ว่าอะไรพลางหันหน้าไป
ปรึกษากับพวกอนามัยและทางอำเภอทันที่ว่าจะทำรายงานกันอย่างไรดีล่ะเมื่อเป็นเช่นนี้
ผมต้องทำรายงานส่งเขาด้วยแต่นี่ไม่ใช่คนไทยแน่นอนครับ อาจจหลบหนีเข้ามาแน่นอน
ครั้นปรึกษากันเสร็จเรียกกำนันมาร่วมด้วย ให้ช่วยแสดงความคิด กำนันใช้ก็ออกความ
เห็นว่า
.....ผมคิดว่าเป็นพวกแอบหลบหนีการไล่ล่ามาจากฝั่งโน้นแล้วมาตายที่นี่ก็แล้วกันครับ
ด้วยไม่มีหลักฐานอะไรเลย ลักลอบเข้ามาปลูกกระต๊อบอยู่จะได้หรือไม่ครับ
ทางพวกอำเภอและอนามัยก็เห็นคล้อยตามด้วย แล้วพลางหันไปทางตำรวจกล่าวขึ้นว่า
......ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะครับ ด้วยเราไม่มีหลักฐานการตายของศพนี้เสียเลย เพียงท้องแตก
ตายแล้ว ไม่มีร่องรอยของระเบิดเสียด้วย ทางตำรวจจะว่าอย่างไรดีล่ะ???...
.....ในเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้ผมก็จะสรุปว่า โดนระเบิดแล้วแอบหลบหนีมาฝั่งเราก็แล้วกันนะครับ
......ดีเหมือนกันทางผมก็จะทำเรื่องการชัณพิสูจน์ศพไว้ให้คุณเป็นหลักฐานพร้อมให้กำนัน
เซ็นต์รับรู้ไว้ก็คิดว่าจบเรื่องได้แล้ว ว่าเป็นพวกหลบหนีเข้าเมืองมา คณะชัณพิสูจน์ศพกล่าว
....ครับดีครับด้วยเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นอะไรตาย อีกอย่างหนึ่งก็ไม่ใช่คนไทยเสียด้วย
ผมจะเสนอรายงานปิดสำนวนเสียเลย เรื่องๆจะได้จบเสียที งั้นพวกเรากลับกันได้แล้วครับ
ทางด้านตำรวจกล่าวขึ้น
คณะชัณพิสูจน์ศพและตำรวจก็หันมาทางกำนันใช้ทันทีพลางกล่าวว่า.....
...เรื่องหลักฐานเกี่ยวกับบ้านนี้ ให้ทางกำนันเผาทิ้งไปอย่าให้มีหลักฐานก็แล้วกัน
มิฉะนั้นทางกำนันก็ต้องเดือดร้อนแน่ๆ คณะชัณพิสูจน์กล่าว....
กำนันใช้แสนจะดีใจรู้สึกว่าโล่งอกไปจึงกล่าวว่า
.....ครับทางนี้ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะให้พวกชาวบ้านไว้ใจได้มาช่วยจัดการเสีย
หลังจากพวกท่านทั้งหลายกลับไปแล้ว จะเกลี่ยที่ให้คงสภาพป่าเดิมๆไว้ครับ
.....ดีเหมือนกันคณะชัณพิสูจน์ศพกล่าวกันทั้งหมด แล้วต่างพากันสนทนาเดินออกไป
พลางหันหน้ามากำชับไว้อีกด้วยว่า....
......เอาล่ะเรื่องด้านนี้เป็นหน้าที่ของกำนันก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าตกลงกันตามนี้นะ
.....ไม่ต้องห่วงหรอกครับผมจะจัดการให้เร็วที่สุด ขอบคุณมากครับสำหรับพวกท่านทั้งหมด
กำนันใช้ก็ยกมือไหว้
.....ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันได้แล้วครับ คณะชัณพิสูจน์ศพเอ่ยขึ้น
แล้วทางอนามัยอำเภอก็เซ็นต์หนังสือมอบให้แก่ตำรวจเพื่อไปใช้ในการสรุปคดีสำนวนหลักฐาน
แล้วต่างก็เดินทางแยกย้ายกันกลับไป.....
ภายในห้องแผ่นหนังควายมหึมาก็เกิดไฟลุกท่วมทั้งแผ่นไหม้จนละลายไปจนหมดสิ้นหายไป
ส่วนทางกำนันใช้และพรรคพวกบางคนถึงกับเหมือนยกภูเขาออกจากอก กำนันใช้หันไปสั่ง
พวกทันที
.....เฮ้ย!!!!!.......พวกมึงรีบจัดการเดี๋ยวนี้เลยนะ กูเกือบจะเดือดร้อนเสียแล้วซิ ทำลายหลักฐาน
แล้วเกลี่ยอย่าให้เหลือร่องรอยเลยนะ เดี๋ยวพวกเขาเปลี่ยนใจกูก็จะลำบากด้วยกำนันสั่ง
ดังนั้นไม่นานนัก บ้านที่พักของอาจารย์เสิ่งปางก็ถูกเผาพร้อมซากของอาจารย์เสิ่งปางไหม้
หมดไปไม่นานนัก เมื่อกำนันเห็นดังนั้นก็ให้บรรดาเด็กๆไปตัดกิ่งไม้มากองสุมไว้เกลี่ยให้คง
สภาพเดิมไว้ทันที แล้วก็นำพวกทั้งหมดเดินทางกลับบ้านทันที
ระหว่างการเดินทางกลับนั้นก็บอกว่าเมื่อส่งกูเสร็จแล้วพวกมึงก็ไปวัดบ้านเราให้นิมนต์พระมา
ทำบุญบ้านด้วย กูนอนไม่หลับทั้งคืนเลยล่ะ มันส่งเสียงรบกวนหมาหรือมันก็เห่าหอนทั้งคืนจน
บรรดาเมียกูและลูกๆด้วย จึงต้องนิมนต์มาเลี้ยงพระทำบุญแผ่กุศลไปให้แก่พวกมันบ้างว๊ะ.....
.....แล้วจะเป็นเมื่อไหร่ล่ะพ่อกำนันในการทำบุญนี้นะ จะเอาพระกี่รูปล่ะ???? พวกกำนันถาม
.....ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้นแหละว๊ะ สักห้ารูปก็ได้ว๊ะ มะรืนนี้ก็แล้วกัน กำนันใช้ตอบ
ดังนั้นพอส่งกำนันเสร็จบรรดาเด็กๆก็นำรถไปยังวัดข้างหมู่บ้านทันที เพื่อนิมนต์พระตามที่กำนัน
แจ้งไว้ เมื่อครบกำหนดวันเวลาทางบ้านกำนันใช้ก็จัดการเลี้ยงพระทำบุญบ้าน อุทิศส่วนกุศลให้
แก่พวกเหล่าวิญญาณพวกมันติดตามพวกเขามาจากบ้านอาจารย์เสิ่งปาง
ครั้นเมื่อกำลังตรวจน้ำอุทิศส่วนกุศลนั้น เสียงร้องแว่วอนุโมทนาเยือกเย็นแผ่วเบาๆจนทุกคน
ต่างมองหน้ากันและกัน ตลอดจนพระที่กำลังสวดอนุโมทนาอยู่ มันล่องลอยผ่านสายลมเข้ามา
ภายในบ้านกำนันใช้ทันที บัดดลเสียงนั้นก็ค่อยๆจางหายไป
เล่นเอาพระที่นั่งอยู่กำลังสวดมนต์ถึงกับสะดุ้งไปตามๆกัน ท่านทุกๆองค์ได้ยินกันทั้งสิ้นแต่ก็
พยายามระงับสติเสียงสวดมนต์สั่นเครือกันไปทุกๆรูป
ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วกำนันและทุกหมดที่ได้ยินกัน แม้ถึงจะเป็นเวลากลางวันก็ตามที
เสียงนั้นช่างเยือกเย็นโหยหวนยิ่งนัก กำนันจะใช้ใครเอาน้ำไปเทรดใต้ต้นไม้ใหญ่ภายใน
บริเวณบ้าน
ต่างถูกปฏิเสธกันหมดสั่นหน้าดวงตาหล่อกแหล่กๆกันไปๆมาๆ ลูกน้องบางคนพลันกล่าวว่า
.....ให้ไปสู้กับคนยังดีกว่า ถึงจะตายก็ไม่กลัว บอกตรงๆว่าพวกผมทุกๆคนไม่กล้าจริงๆพ่อกำนัน
ซึ่งกำนันใช้ก็รู้ถึงความรู้สึกของพวกมันดีว่าอะไรเป็นอะไร ในเมื่อไม่มีใครรับอาสาไปเทน้ำนั้น
กำนันจำต้องเดินขาสั่น นำน้ำที่กรวดไว้ไปเทคนเดียวด้วยคิดว่าเป็นกลางวันคงไม่ปรากฏตัว
เมื่อเสร็จก็รีบกลับเข้าบ้านทันที
พระท่านก็รีบขอลากลับวัด ทุกๆองค์กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า
.....กำนันช่วยให้คนเอารถไปส่งให้ด้วยนะ อาตมาคงจะเดินกลับเหมือนก่อนไม่ได้แล้วล่ะ
ดังนั้นกำนันหันไปสั่งเด็กๆให้ขับรถไปส่งพระที่วัดหน่อย
.....หากใครกล้าไปส่งพระแล้วกลับมากูจะให้รางวัลพวกที่ไปส่งพระว๊ะ หากใครไม่ไป
ไม่ต้องมาแดกเหล้าแดกข้าวของของกูนะโว้ย กำนันกล่าวขึ้น
เมื่อได้ยินว่ามีรางวัลที่กำนันจะให้ก็ชักชวนกันไปหลายๆคน เพื่อนำพระไปส่งที่วัดแล้วจะ
ได้รีบกลับมา ก่อนไปพวกมันเดินไปค้นเอาเหล้ามาดื่มๆเพียวๆกันคนละหลายๆอึกย้อมใจพวกมัน
แล้วรีบนำรถมารับพระไปส่งวัดทันที........
ส่วนกำนันหวนครั้นถึงทางแยกไปบ้านอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งก็หยุดรถ พลางโบกมืออำลารถ
ของเสี่ยหว่างซึ่งแล่นตรงไปข้างหน้า แล้วพวกมันก็ขับรถแยกไปอีกทางเพื่อไปบ้านอาจารย์
เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณบ้านอาจารย์ที่พวกมันเชิญมาจากเขมรนั้น เห็นเสียงเงียบเชียบต่าง
ก็ชักสงสัย ปกติแล้วเวลาเขามาเยี่ยมก็จะเห็นประตูหน้าต่างเปิดอยู่ อาจารย์จะมาคอยต้อนรับ
แต่นี่เงียบเหมือนไม่มีคนอยู่เลยก็ให้นึกสงสัย ครั้นเดินทางมาถึงหน้าบ้าน
แล้วต่างคนต่างลงจากรถ พอทุกๆคนเดินไปใกล้ๆประตูบ้านอาจารย์เจี๊ยะเปิ้ง ก็เอะใจด้วยคล้าย
สัตว์กำลังกินอะไรอยู่ดังเกาะๆแกร๊กๆคล้ายๆกำลังแทะกระดูก จึงรีบเดินไปทางประตูผลักประตูดู
ก็เปิดออกง่ายดายนัก ก็ถือวิสาสะเดินเข้าไปยังห้องทันทีในฐานะคนคุ้นเคยกัน ครั้นแลเห็นสภาพ
ภายในพวกมันต่างพากันชะงักกันไปตามๆกัน ถอยหลังกันกรูดๆทั้งหมด
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างของตะขาบสีแดงสดๆตัวมหึมากำลังแทะร่างของอาจารย์
เจี๊ยะเปิ้งอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ เล่นเอาพวกมันชะงักรีบพากันถอยกรูดหันหลัง พลางวิ่งไปยังรถกะบะ
แล้วรีบขับออกไปทันที กำนันหันไปมองทางประตูบ้านอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งเห็นหัวตะขาบตัวเบ้อเริ่ม
กำลังโผล่หน้าออกมาจากประตูบ้าน แลเห็นหัวมันใหญ่โตมาก ก็สั่งให้ลูกน้องมันเหยียบคันเร่งรถให้
รีบแล่นหนีไปโดยเร็ว หลังจากพวกกำนันหนีไปนั้นภายในห้องนั้นร่างตะขาบยักษ์ก็บังเกิดเปลวไฟลุก
ขึ้นท่วมร่างมันจนมอดไหม้เป็นจุลละอองปลิวหายไปกับสายลมทันที......
พวกมันนึกในใจกันว่า หากช้ากว่านี้สงสัยไอ้ตะขาบมันคงจะแว้งกับมากัดพวกมันแน่นอน
เลยดีนะที่เห็นมันกำลังแทะร่างอาจารย์เพลินอยู่ไม่ได้สนใจอะไรพวกมัน ที่กำลังเดินเข้าไปมากนัก
เสียงกำนันหวนสั่งมาว่า
......พวกมึงไม่ต้องกลับบ้านว๊ะให้เลยไปหมู่บ้านบางกระดี่ก่อน กูจะเล่าเหตุการณ์ให้กำนันมั่นมันฟัง
ลูกน้องมันพยักหน้าแล้ว รถก็แล่นเลยทางเข้าหมู่บ้านตรงไปทางหมู่บ้านบางกระดี่ทันที
ครั้นเดินทางมาถึงก็บีบแตรเรียก สักครู่หนึ่งก็มีคนมาเปิดประตูบ้านครั้นแลเห็นเป็นกำนันหวน
เด็กเปิดประตูก็ยกมือขึ้นไหว้ แล้วรถก็แล่นไปจอดยังหน้าบ้านอาจารย์มั่นทันที
กำนันหวนรีบเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อหากำนันมั่นก็แลเห็นกำนันใช้นั่งสนทนากันอยู่แล้ว ครั้นกำนัน
หวนได้รับฟังเหตุการณ์เรื่องของอาจารย์เสิ่งปางและบางสิ่งบางอย่างก็ตกใจสายตาพลันเหลียวซ้ายแลขวา
ครั้นแล้วมันก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ กำนันมั่นและกำนันใช้ฟังว่าไปเจออะไรมา
กำนันใช้กล่าวว่า
.....ดีนะที่มึงมาที่นี่เสียก่อนไม่เจอเหมือนพวกกูมึงจะต้องตกใจเป็นสองเท่าว๊ะ กล่าวกับกำนันหวน
กำนันหวนพลางหันไปปรึกษากำนันมั่นทันทีว่าควรจะทำอย่างไรกับอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งดี หากปล่อยไว้คงจะ
เหมือนไอ้ใช้เสียหรอก นี่ดีนะที่กูทำแกล้งเซ่อบอกว่ามันลอบหลบนี้เข้ามาสร้างกระต๊อบไว้เอง
กำนันมั่นยังไม่ทันกล่าว กำนันใช้ก็ตอบแทนว่า
.....กูว่าให้มึงรีบไปทำลายบ้านอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งด่วนด้วย มิฉะนั้นเดี๋ยวพวกอำเภออนามัยตำรวจมา
ก็จะเหมือนกูหรอกว๊ะ
.....ทำอย่างไอ้ใช้บอกแหละดีแล้วรีบทำลายหลักฐานเสียก่อน เรื่องจะบานปลาย กำนันมั่นตอบ
กำนันหวนพลันหันมาถามกำนันใช้ว่าแล้วมึงเจออะไรบ้างล่ะ???...
......พวกกูเจอพวกผีที่มันเลี้ยงมาซิว๊ะมันตามมาขออยู่กับพวกกูด้วย เป็นมึงจะเลี้ยงไหมว๊ะไอ้หวน
....กูก็ไม่เอาแหละโว้ย!!!....ผีนะโว้ยไม่ใช่คน แล้วมึงทำอย่างไรกับบ้านอาจารย์เสียล่ะ???....
แล้วกำนันใช้ก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กำนันหวนฟัง กำนันมั่นฟังก็เสียวสันหลังวาบดีนะที่อาจารย์ดำ
ตายนั้นยังมีพวกตำรวจจ่าเจี่ยมและทางอำเภอเป็นพวกมันอยู่ มิฉะนั้นคงจะยุ่งยากเกิดขึ้นแน่นอน
.....แล้วทำไมถึงมาหากำนันมั่นเร็วอย่างนี้ล่ะว๊ะ เวลามันก็ไม่ห่างกันเท่าไหร่นี่หว่า???...กำนันหวนสงสัย
.....กูพอสั่งให้ลูกน้องไปนิมนต์พระแล้วก็รีบบึ่งรถมาหาไอ้มั่นเพื่อปรึกษากัน เพื่อจะให้เสี่ยรู้ว่าจะพึ่งพา
อาศัยอาจารย์เสิ่งปางไม่ได้เสียแล้ว แล้วมะรืนนี้ถึงจะทำบุญเลี้ยงพระแผ่อุทิศส่วนกุศล
ให้แก่พวกผีๆทั้งหลายที่มันตามกูมาว๊ะ กำนันใช้ตอบกำนันหวน
.....ถ้าอย่างงั้นกูเห็นจะต้องทำแบบเดียวกับมึงแหละโว้ย กูระหว่างกลับบ้านรู้สึกมีอะไรแปลกๆเหมือนกัน
แต่กูไม่กล้าบอกพวกลูกน้องกู แสร้งทำใจแข็งไว้ มึงเอ๊ยไอ้ใช้ตะขาบพ่อตะขาบแม่อะไรไม่รู้ขนาดหัวมัน
ใหญ่เท่าประตูบ้านเลยว๊ะ ดีนะกูแล่นรถไปห่างกับมันแต่หันหลังไปมอง มันโผล่หัวออกมาดูเท่านั้นแล้วมัน
ก็หดหัวหายกลับคืนไปว๊ะ กำนันหวนพูดแล้วพลางยกแขนให้พวกดู ขนที่แขนมันชูตั้งเลย
.....มิฉะนั้นกูกับลูกน้องกูสงสัยจะไม่เหลือกลับมาหรอกว๊ะ กำนันหวนกล่าวแสดงอาการสยดสยอง
.....มันแทะเนื้อกินและหัวหมดเลย สงสัยกระดูกก็คงจะไม่เหลืออะไรอีกแล้วว๊ะ กูคิดเช่นนั้นไอ้ใช้
....หากเป็นเช่นมึงว่า กูก็ว่าคงจะไปเหลืออะไรเล่า???.... กำนันใช้กล่าว
....เอาล่ะเรื่องนี้จบได้แล้วโว้ย!!!!!!!......เดี๋ยวกูจะให้คนไปบอกเสี่ยเม้ง ให้แจ้งไปให้เสี่ยหว่างทราบอีก
ส่วนทางกูเองก็เห็นจะต้องทำแบบมึงแหละแต่ดีอย่างหนึ่งที่ได้ยินแค่เสียง หมามันหอนทุกๆคืนเลยว๊ะหาก
เป็นเช่นมึงกูคงจะตายแน่ๆ ด้วยกูเป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย กำนันมั่นกล่าว
....รีบส่งคนไปแจ้งได้แล้วล่ะไอ้มั่น กำนันหวนและกำนันใช้กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
.....เออ!!!!....พอดีไอ้แม้นลูกกูมันค่อนข้างหายดีแล้วจะไปหาหมอในเมืองกูก็จะใช้ให้มันไปแจ้งเสียเลย
เรื่องจะได้จบลง แต่ว่าเรื่องงานที่รับปากเสี่ยหว่างจะว่าอย่างไรกันล่ะ???....กำนันมั่นถาม
....เรื่องนั้นมันวันศุกร์ตอนเช้าคงทันหรอก มึงรีบๆไปจัดการเรื่องของเราก่อนก็แล้วกัน ค่อยๆส่งคนไปช่วย
....อืมม???....จริงของมึงว๊ะ ถ้าอย่างงั้นให้พวกเราเตรียมตัวหากสำเร็จกูว่า เงินมันคงมากโขอยู่นา ด้วยไอ้
เสี่ยหว่างมันใจสปอร์ตมากกว่าเสี่ยเม้งเสียอีกว๊ะ กำนันมั่นกล่าวลอยๆ
กำนันหวนและกำนันใช้มองหน้ากัน พลางยิ้มออก กล่าวว่า
....จริงของมึงว๊ะไอ้มั่น ดูมันจ่ายล่วงหน้าให้พวกเราคนละๆหลายหมื่นเชียว หากสำเร็จกูว่าหลายแสนล่ะว๊ะ
งานนี้คงจะเหยียบล้านแน่ๆเลย เพี้ยงขอให้สำเร็จทีว๊ะ ดีกว่าไปทำงานให้เสี่ยเม้งเสียอีก
....ข้อนี้ก็จริงของมึงแหละว๊ะ!!!!..... แต่ว่างานเสี่ยหว่างมันไม่เหมือนกับงานเสี่ยเม้งนะเราได้หลายๆทางว๊ะ
ไหนขายของให้มันก็ได้เปอร์เซ็นต์ ขนของให้มันก็ได้เงินก้อนโตๆ แล้วงานมันมีแทบทั้งปี ส่วนเสี่ยหว่างนั้น
ก็พึ่งจะมีมานี้แหละว๊ะ หากไม่จำเป็นคงไม่ตกมาถึงพวกเราหรอก กูว่าจริงไหม???.....กำนันมั่นเอ่ยขึ้น
.....อืมม???....จริงของมึงว่าไอ้มั่นหากคิดๆแล้วมันจะมากกว่าเสี่ยหว่างอีกนะ นั่นมันได้เพียงก้อนเดียวแต่ก็
คุ้มว๊ะ เราก็เอามันทั้งสองทางแหละว่า เป็นไงไอ้ใช้จริงหรือเปล่าล่ะ???.....กำนันหวนกึ่งถามกึ่งตอบ
.....ที่มึงพูดมาก็ถูกทั้งหมดและว๊ะ
แล้วหันไปทางกำนันมั่น พลางเร่งให้กำนันมันเร่งหน่อยรายงานเรื่องอาจารย์ทั้งสองด้วยนะ เดี๋ยวมันจะหา
ว่าเราแหกตามัน ต่อไปงานก็จะลำบาก ทางกำนันมั่นก็พยักหน้า
..... งั้นพวกกูก็จะกลับบ้านแล้วว๊ะเสร็จงานบุญก็คงจะเหลือวันเดียว จะได้จัดเตรียมกำลังไว้ไปทำงานเสียเลย
.....ตามสบายว๊ะไอ้หวนไอ้ใช้ ส่วนเรื่องเสี่ยนี้กูจะรีบให้ไปรายงานให้ทราบ อ้อๆๆๆไอ้หวนก็เหมือนกันไป
คราวนี้จัดการทำลายหลักฐานให้หมดนะ แต่มึงอย่าพึ่งสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปให้ใช้น้ำมันราดรอบๆบ้านค่อยเผานะ
เดี๋ยวเสือกไอ้ยักษ์มันอยู่ จะทำให้พวกมึงแย่กันถูกแดกกันหมดเสียล่ะ........
....เออๆๆๆขอบใจว๊ะกูก็คิดเช่นมึงแหละว๊ะ จะสั่งมันให้ฉีดน้ำมันใส่ไปในบ้านไม่ต้องให้เข้าไปราดบ้านเดี๋ยว
หากมันอยู่ก็จะยุ่งกันใหญ่แล้วค่อยจุดไฟเหวี่ยงไปเผาเสร็จกลบร่องรอยเสียด้วย
ถ้าอย่างนั้นกูจะรีบกลับบ้านไปทำเรื่องของพวกกูก่อนไปล่ะไอ้มั่น
....เออไปเถอะว๊ะ กำนันมั่นกล่าวแก่ทั้งสองกำนัน
ครั้นกำนันทั้งสองกับพวกออกไปแล้ว กำนันมันก็หันมาสั่งเด็กให้ไปเรียกลูกชายมันทันที พอไอ้แม้นขึ้น
มาพบพ่อเพื่อสอบถามว่ามีเรื่องอะไร กำนันมั่นก็เล่าเรื่องต่างๆให้ฟังแล้วบอกว่า
....พรุ่งนี้มึงเข้าเมืองไปแล้วก็ไปหาเสี่ยเม้งด้วยว่า อาจารย์เสิ่งเปิงและอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งตายห่าหมดแล้วและ
ได้ทำลายหลักฐานไปแล้ว ส่วนกำลังคนทางเราและทางกำนันหวนและกำนันใช้เตรียมพร้อมอยู่แล้วให้
ไปบอกเสี่ยหว่างด้วยว่า ทั้งหมดพร้อมแล้วโว้ย
.....จ๊ะพ่อข้าจะรีบไปรีบกลับแล้วมารายงานให้พ่อทราบโดยเร็ว พรุ่งนี้ข้าจะไปล่ะ ไอ้แม้นกล่าวรับคำ
แล้วมันก็ลงจากบ้านไปร่วมวงกินเหล้ากับพวกไอ้สนไอ้เบี้ยวและบรรดาอีสาวๆทั้งหลาย เสมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้น..........
* แก้วประเสริฐ. *
5 ธันวาคม 2553 18:23 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๙
ระยะนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นเพิ่มมากขึ้น ด้วยหมู่บ้านโคกอีแร้งนั้น
อยู่ภายในพื้นที่เป็นแอ่งที่ล้อมรอบด้วยขุนเขาต่างๆ อากาศตอนเช้าเริ่มมีหมอก
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลมพัดเริ่มรุนแรงกว่าเดิม หลังจากที่ชายหนุ่มได้ไป
ออกกำลังกายวิ่งพอได้เหงื่อมากพอแล้วก็วิ่งกลับเข้าบ้าน
มาเพื่อบริหารร่างกายต่อไป เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพการเปลี่ยนแปลง
ทางด้านหมู่บ้านบางกระดี่ กำนันมั่นกำลังคุยกับเสี่ยหว่าง
และคนของเขาอยู่ เรื่องเกี่ยวกับการขนย้ายไม้ สถานที่
วันและเวลาลงมือทำงานกันที่จะมาถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ฉะนั้นเสี่ยหว่างจึงต้องรีบทำงาน ให้ทันตามคำสั่งทางกรุงเทพฯที่เร่งรัดเสี่ยไว้
ทางกำนันก็กล่าวขึ้นว่า......
เสี่ยทางเราได้จัดเตรียมกำลังคนไว้ให้แล้วแต่คงไม่มากนัก
ด้วยเสียคนไปก่อนหน้านี้มากมาย คงจะราวๆประมาณสิบกว่าคนเท่านั้น
และต้องฝึกคนให้ชำนาญเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกมากเสียด้วย
ไม่เป็นไรหรอกกำนันแค่นี้ก็ดีแล้วจะได้ช่วยๆกันเท่าที่ทำได้ อั้วเอาคนมามาก
วันนี้อั้วเองก็นำคนมาเพื่อจะไปดูพื้นที่ก่อน คิดว่าจะเริ่มลงมืออีกภายใน
ไม่เกินสามวันนี้แหละ ที่มาหานั้นเพื่ออาศัยทางผ่านแถวนี้เป็นบางส่วนเท่านั้น
และไม่ทำให้กำนันเสียหน้าด้วย จึงแวะมาบอกก่อน แล้วก็จะออกเดินทางไป
หากำนันหวนและ กำนันใช้เสียเลย แล้วกำนันจะไปด้วยหรือไม่ล่ะ???....
เสี่ยหว่างถามขึ้น.......
อันที่จริงนั้นกำนันมั่นไม่ค่อยอยากจะยุ่งงานนี้เท่าไหร่? แต่ด้วยอำนาจของเงิน
ที่เสี่ยหว่างให้ก่อนและยังแจ้งว่ายังจะมีมาอีกจำนวนมากอย่างไม่อั้นนั้น
ทำให้กำนันมั่นเกิดความโลภมาก ครั้นจะวางมือเสียก็เสียดายยิ่งซ้ำเกรงใจเสี่ยเม้งอีก
หากจะเพียงแค่การติดต่อกับกำนันและบรรดาสถานที่ ที่ทางเสี่ยต้องการแล้ว
กำนันมั่นคิดว่าไม่ยากนักเท่าไหร่ ด้วยกำนันแถบริมโขงนั้น
ล้วนแล้วแต่เป็นพวกตนเกือบทั้งสิ้น
พลันกล่าวตอบว่า.......
วันนี้ผมไม่ว่างเสียด้วยต้องเดินทางเข้าไปยังเมือง
ด้วยเจ้านายให้คนมาบอกไว้แล้วล่ะ?
แต่ไม่เป็นไรนะจะให้คนของผม นำทางเสี่ยและพวกล่วงหน้าไปก่อน
หากการเจรจายังไม่เสร็จเร็วหากเสี่ยยังไม่กลับ
ผมก็จะไปร่วมปรึกษางานด้วยเพื่อว่า
ในวันข้างหน้าเราจะได้ช่วยเหลือกันได้อีก หากเสี่ยเม้งไม่มีงานให้ทำนะ???...
และจะได้ประสานกันได้สะดวกยิ่งขึ้น...... ด้านกำนันมั่นกล่าวตอบ.....
เอาแบบนี้ก็ได้นะกำนัน กำนันให้เด็กนำทางก็ดี ด้วยทางอั้วจำทางไม่ค่อยจะ
ได้เสียด้วยทางมันคดเคี้ยวไปๆมาๆด้วยเป็นแถบภูเขา ทางก็ไม่สะดวกเสียด้วยอีก
ตลอดทางมีทางแยกแยะกลัวจะผิดทางเสียเวลาย้อนกลับ หาทางไปใหม่
เวลาอาจจะไม่ทัน ด้วยพึ่งจะมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น???...
เสี่ยหว่างเปรยให้กำนันฟัง เพื่อรอคำตอบของกำนันมั่นอยู่
กำนันมั่นก็กล่าวขึ้นว่า.....
แล้วเสี่ยจะออกเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ???..... กำนันมั่นถาม
ทางเสี่ยหว่างก็ตอบทันที....
งั้นก็ดีแล้วไปเสียเดี๋ยวนี้กันเลยก็แล้วกันด้วยเวลาไม่ค่อยท่าเสียด้วย....
พลางหันไปทางลูกน้องตนพยักหน้า พลางลุกขึ้นยืนทั้งหมด
ทางด้านกำนันก็เดินลงมาส่งข้างล่างบ้าน
พลางตะโกนเรียกคนของตน ให้รีบมานำทางให้เสี่ยทันที
คนของกำนันมั่นกำลังคุยอย่างสนุกสนานกับพรรคพวก คนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวมาหา
กำนันทันที
เออๆๆ....เป็นเอ็งก็ดีว๊ะ..ไอ้จ๋อง ด้วยเอ็งชำนาญทางด้านโน้นด้วย ไอ้จ๋องก็รีบหนันหน้า
มันไปยกมือไหว้เสี่ยหว่าง แล้วไม่กล่าวอะไรออกเดินไปนำรถมอเตอร์ไวค์มาขี่คอย
พวกเสี่ยหว่างก็ต่างขึ้นรถพร้อมกันทั้งหมด เมื่อครบเรียบร้อยกันแล้ว
ไอ้จ๋องก็ขี่มอเตอร์ไซค์นำหน้าพาพรรคพวกเสี่ยออกเดินทางทันทีมุ่งหน้าไปบ้านกำนันหวน
ด้านไอ้แม้นลูกชายซึ่งนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านเห็นดังนั้น ครั้นเสี่ยออกเดินทางไปแล้วก็ถามพ่อขึ้นว่า...
แล้วงานของเสี่ยหว่างจะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะพ่อ???....
กูเองได้ยินเสี่ยมันบอกว่าคงราวๆสามวันนี้แหละ แต่เป็นวันไหนเวลาใดยังไม่รู้เลยว๊ะ???...
กำนันตอบลูกชาย
แล้วพ่อไม่ไปกับเขาด้วยหรือ???..... ไอ้แม้นถาม
กูโกหกว่ามีงานในเมือง อันที่จริงกูเองก็ไม่ค่อยอยากจะทำด้วยไม่ถนัดว๊ะ ล้วนเป็นของใหญ่ๆ
อีกอย่างเห็นเงินมันดีว๊ะก็เลยให้ความร่วมมือมัน เพียงส่งคนไปช่วยมันนิดๆหน่อยๆเท่านั้น.........
กำนันหันไปตอบลูกชาย..... แล้วไม่กล่าวอะไรอีกเดินขึ้นไปบนบ้านทันที
เมื่อคนนำทางของกำนันมั่นนำพวกเสี่ยหว่างมาส่งให้กำนันหวนแล้ว
ก็จะขอตัวเดินทางกลับเพียงแค่ถามว่า?......
เสี่ยและคนขับรถจำทางกลับได้หรือเปล่าล่ะหรือว่าจะให้ผมคอยอยู่ที่นี่???....
มันถามขึ้น พลางมองหน้าเสี่ยหว่าง
เสี่ยพลันหันไปทางมันแล้วตอบว่า.....
ไม่เป็นไรขากลับนั้นคงจำทางได้แล้วล่ะว๊ะเอ็งกลับไปได้แล้วล่ะ ไม่ต้องรออั้วหรอก
ลื้อกลับไปได้แล้วว๊ะ.......อ้อๆๆ...คอยเดี๋ยวพลางควักเงินก้อนหนึ่งส่งให้กับไอ้จ๋องทันที
ไอ้จ๋องยิ้มแป้นยกมือไหว้เสี่ยกล่าวขอบคุณ เดินไปขึ้นรถของตนเอง ด้วยงานของตนเสร็จแล้ว
ดังนั้นคนของกำนันมั่นก็ ขี่มอเตอร์ไซค์ออกเดินทางกลับบ้านบางกระดี่ทันที
ระหว่างนั้น กำนันหวนก็ลงมาต้อนรับพร้อมยกมือไหว้เสี่ยหว่าง
เมื่อรับการไหว้แล้ว ต่างก็พากันเดินขึ้นบ้านไป ทั้งสองสนทนากันสักพัก
ก็พากันลงมาแล้ว ทางกำนันก็ให้พรรคพวกขับรถออกนำหน้าเสี่ยไปบ้านกำนันใช้ทันที
ครั้นถึงบ้านกำนันใช้ซึ่งกำลังคุยกับกำนันบางและกำนันเริ่ม ซึ่งมีหมู่บ้านแถบริมโขง
ทั้งสองอยู่ ครั้นเห็นกำนันหวนพาเสี่ยหว่างขึ้นมาบนบ้าน ต่างก็แนะนำกันให้รู้จักกันไว้
ทางกำนันใช้กล่าวว่า....
เสี่ยกำนันบางหมู่บ้านนางลอย โน่นกำนันเริ่มหมู่บ้านนางโซ่ง
ซึ่งอยู่ติดแถบฝั่งโขงใกล้ๆกับสถานที่เสี่ยต้องการ
ทั้งสองกำนันก็หันมายกมือไหว้เสี่ยหว่าง พลันเสี่ยหว่างก็เอ่ยปากขอร้องต่อ
พวกกำนันทั้งสองและกำลังคนด้วยตลอดสถานที่จะได้ทำงานเรื่องนี้
พร้อมควักเงินออกมาอีกฟ้อนใหญ่ส่งให้กำนันทั้งสองบอกว่าหากงานถึงกรุงเทพฯ
เรียบร้อยดีแล้วจะส่งอาหารจริงมาให้อีก
ครั้นกำนันทั้งสองมองดูเห็นว่าเป็นก้อนโตๆ ก็ไม่กล่าวอะไรพลางเก็บเข้ากระเป๋า
แล้วกล่าวว่า.......
เสี่ยจะไปดูสถานที่เลยหรือเห็นกำนันทั้งสองถามขึ้น....???
อั้วว่าจะให้คนไปดูเสียเดี๋ยวนี้แหละว๊ะ!!!!.... จะได้หรือไม่ล่ะกำนัน???...
เมื่อเสี่ยต้องการอย่างนั้นไปกันเลยทั้งหมดนี่แหละ กำนันเริ่มกล่าวขึ้น
แล้วต่างคนก็พากันลุกขึ้นยืนพลางหันไปสั่งยังลูกน้องของตนให้เตรียมตัวพร้อม
เดินทางที่เสี่ยหว่างต้องการ เมื่อพวกกำนันเห็นว่าพวกตนพร้อมกันแล้ว
กำนันทั้งหมดรวมทั้งเสี่ยและพรรคพวกก็ออกเดินทางไปในป่าแถบริมโขงทันที
ซึ่งเป็นถิ่นกันดารเต็มไปด้วยต้นไม้ที่เหลือเพียงแค่ขย่อมเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้
ถูกถางป่าเพื่อทำเป็นที่ทำมาหากิน ด้วยพวกป่าไม้กำหนดเขตแดนไว้ ยังคงเป็นป่าที่
อุดมสมบูรณ์อยู่ ล้วนแล้วแต่ไม้เล็กๆไม้ใหญ่ๆทั้งสิ้น นับได้ว่าเป็นป่ากว้างขวาง
มิฉนั้นคงจะไม่เหลือหรอแล้ว ที่ยังคงอนุรักษ์พื้นที่ไว้ได้อยู่บ้าง
คนของกำนันบางแห่งบ้านนางลอยก็ชี้ว่าหากทำการนี้เส้นทางต้องผ่านทางพวกข้า
แต่ที่สะดวกโน่นหมู่บ้านนางโซ่งนั่นแหละเหมาะสมที่สุดด้วยยังมีไม้อีกจำนวนมาก
เป็นแนวกั้นบังตาไว้ และเสียงเครื่องจักรก็ไม่รบกวนใครด้วยเป็นป่าลึก เต็มไปด้วย
ต้นไม้ใหญ่นาๆชนิดและมีลานกว้างพอสมควรอยู่ แต่ทว่าต้องขอความร่วมมือ
เสี่ยสักหน่อยนะ จะได้ไปติดต่อกับพวกป่าไม้จะได้ไม่มีปัญหาอะไร
ด้านกำนันเริ่มกล่าวขึ้น.......
ข้อนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกว๊ะกำนัน.. เสี่ยหว่างตอบครั้นกล่าวจบก็ล้วงเงินออกมา
อีกฟ่อนหนึ่งส่งมอบให้กำนันเริ่ม เพื่อใช้ในการติดต่อกับหัวหน้าป่าไม้ในเขตพื้นที่นี้ไว้ก่อน
ถ้าอย่างนี้ปัญหาก็คงหมดไป ด้วยไม้นี้ไม่ใช่ในแถวพื้นที่นี้อีกด้วยมาจากที่อืนๆทั้งหมด
ข้ามันคนใจร้อน จะได้รีบไปดำเนินการเรื่องนี้ให้เสี่ยเสียเลย ถ้าคนของเสี่ยพอใจสถานที่นี้
กำนันนางโซ่งกล่าวขึ้น.....
เมื่อคนทั้งหมดมาถึงบริเวณที่กำนันเริ่มชี้แจงไว้ เสี่ยหว่างก็หันไปสั่งให้พรรคพวก
เข้าไปดู เมื่อคนหายไปพร้อมกับคนของกำนันเริ่มแล้ว ทางเสี่ยหว่างก็หันมากล่าวกับ
บรรดากำนันทั้งหมดว่า ถ้าอย่างนั้นขอให้ทุกๆคนทำแผนที่ให้อั้วด้วย อั้วเตรียมกระดาษ
ปากกามาให้แล้ว ให้เขียนทางหนีหลบหลีกการจับกุมอาจจะเกิดขึ้นได้ เมื่อทั้งหมดรับ
กระดาษปากกามา ก็เริ่มวาดหนทางต่างๆทั้งหมดมอบให้เสี่ยหว่างทันที เมื่อทุกๆคนส่ง
แผนที่ให้เสี่ยหว่างแล้ว
พรรคพวกของเสี่ยหว่างก็เดินออกมาพบเสี่ยพร้อมรายงานผลการตรวจดูบอกว่า
เป็นสถานที่ใช้ได้เสี่ย มันมีลานกว้างทำงานได้แล้วอีกยังมีทางแยกที่จะใช้ในการขนย้าย
ได้หลายๆทางอีกด้วยล่ะ แต่ว่ามันจะเป็นทางตันหรือไปทางไหนพวกข้ามิทราบได้ถามคน
ของกำนันแล้วเขาบอกก็จริงแต่ว่าเราก็ไม่รู้เหมือนกัน หากมีการขนย้ายก็ควรจะเอาคนของ
เราและทางกำนันร่วมนำทางไปสำรวจทางแยกไว้ด้วย เพื่อใช้ในการเดินทาง
ของแต่ละคันก็จะดีครับ แยกทางกันไปหากทางนั้นมันเชื่อมติดต่อกันได้ก็ยิ่งจะดีมาก
เดี๋ยวข้าจะไปกับพวกกำนันไปสำรวจเส้นทางก่อนนะคนสนิทเสี่ยกล่าว
เออๆๆรีบๆไปและรีบกลับด้วยนะ???...เสี่ยหว่างกล่าวอนุญาต
ประมาณหลายชั่วโมง พวกสำรวจก็เดินทางกลับแล้วบอกว่าทางเชื่อมต่อกันได้หมดเสี่ย
ถ้าลื้อเห็นว่าใช้การได้เป็นอันตกลง พลางหันไปทางกำนันทั้งหลายว่า อั้วขอบใจพวกลื้อ
มากนะที่ช่วยเหลือครั้งนี้ งานจะเริ่มวันศุกร์นี้คงจะใช้เวลาสามวันก็พอการแปรรูปก็คงเสร็จ
เรียบร้อย ก่อนอั้วจะให้เขาเอารถขนย้ายมาเก็บไว้ในหมู่บ้านพวกลื้อก่อน จะว่าอย่างไรบ้างล่ะ??..
ข้อนั้นไม่เป็นปัญหาหรอก ทางหมู่บ้านนางลอยกับหมู่บ้านนางโซ่งนั้นคนเขาก็เพียบพร้อมอยู่
มากล้วนแล้วชำนาญหนทางทั้งสิ้นอาวุธต่างมีกันครบแล้ว ล้วนแล้วแต่ดีๆทั้งนั้นนำมาจากทาง
ฝั่งโน้นทั้งสิ้น บางทีคนฝั่งโน้นอาจจะมาร่วมงานด้วยหากเสี่ยใจป้ำๆสักหน่อย....กำนันทั้งสอง
กล่าวขึ้น....
เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกบอกมาได้เลยว๊ะ แล้วพวกลื้อก็เหมือนกันหากขัดสนเงินทองไป
หาอั้วได้ที่ในเมืองใครๆเขาก็รู้จัก อั้วจะช่วยเท่าที่ช่วยได้นะ อีกอย่างหนึ่งหากพวกฝั่งโน้นมาช่วย
ด้วยก็จะดีมากจะได้งานเร็วๆขึ้นกว่าเดิม หากมาแล้วทำงานเสร็จจะมอบค่าแรงให้อย่างงาม
อั้วคิดว่ารถจะมาพึงพรุ่งนี้ก็แล้วกันทะยอยกันมาไปตามหมู่บ้านต่างๆ
ส่วนทางกำนันมั่นนั้นอั้วรู้จากไอ้เม้งมันมาหมดแล้วล่ะ ให้ทางด้านนี้เตรียมพร้อมก็แล้วกัน
จะลงมือทำงานวันศุกร์นี้แต่เช้าๆเลยล่ะจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก ส่วนอั้วจะไม่มานะ
จะให้ตัวแทนอั้วมือสนิทไว้ใจได้มาคุมงานแทน
เสี่ยหว่างกล่าวขึ้น......
ถ้าอย่างนั้นกลับกันได้แล้วให้ทางกำนันทั้งหมดเตรียมพร้อมหาลู่ทางไว้ก็แล้วกัน อั้วไปล่ะ พวก
กำนันก็ยกมือไหว้เสี่ย แต่ทางกำนันหวนและกำนันใช้ก็พลันกล่าวขึ้นว่า....
เดี๋ยวหากถึงที่อยู่ของอาจารย์จะแวะให้เสี่ยกลับไปก่อนก็แล้วกัน จะได้ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับพวก
อาจารย์ด้วย..... กำนันหวนและกำนันใช้กล่าวกับเสี่ยหว่างไว้ก่อน
ตามใจกำนันก็แล้วกัน ตามตกลงที่จะใช้พวกของอาจารย์มันจะได้ช่วยเหลืออีกแรงหนึ่งด้วย???...
เสี่ยหว่างกล่าวขึ้นแล้วก้าวขึ้นรถขับออกไปทันที....
ครั้นแล้วพรรคพวกเสี่ยต่างก็ขึ้นรถ ติดตามด้วยรถของกำนันทั้งหมด แล้วพอถึงหมู่บ้านใครก็เข้าไป
หมู่บ้านนั้น ในระหว่างทางกำนันใช้ก็ให้พวกขับรถแยกทางไปหาอาจารย์เสิ่งปางก่อน พอถึงเขต
ที่อาจารย์เจี๊ยะเปิ้ง
กำนันหวนก็แยกทางไปอีก คงเหลือรถของเสี่ยหว่างเท่านั้นครั้นถึงบริเวณอาณาเขตของกำนันมั่น
ก็แวะเจรจากับลูกชายกำนันคือไอ้แม้น ส่วนกำนั่นมั่นนั้นไม่ออกมาต้อนรับ คุยสักพักหนึ่ง
ก็ออกเดินทางเข้าเมืองทันทีด้วยจวนจะมืดค่ำเสียแล้ว
อากาศแถวบริเวณนี้มืดเร็วด้วยบริเวณแถวนั้นต่างมีขุนเขาเรียบรายกันทั้งสองด้านทาง
พระอาทิตย์จึงตกลับเหลี่ยมเขาไปคงเหลือเพียงแสงสว่างสลัวๆเท่านั้น
กำนันหวนและกำนันใช้ซึ่งกำลังคุยกับอาจารย์เสิ่งปางและอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งอยู่แม้จะคนละที่ห่างไกล
กันมา แต่เวลานั้นค่อนข้างจะห่างกันไม่มาก เรื่องเกี่ยวกับการทำงานว่าจะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้แล้วจะ
ออกเดินทางขนของในวันอาทิตย์เย็นๆให้อาจารย์ทั้งสองฟัง
อาจารย์เสิ่งปางครั้นได้ยินกำนันใช้กล่าวเช่นนี้ก็หัวร่อ พลางกล่าวว่าข้าจะใช้ให้พวกเด็กๆมันคอยติด
ตามไปก็แล้วกันไม่ต้องห่วง ทั้งสองต่างสนทนากันส่วนกำนันใช้ก็ขอของดีจากอาจารย์เพื่อใช้ในการ
ป้องกันตัวไว้ อาจารย์เสิ่งปาง ก็หันไปทางโต๊ะหมู่บูชาซึ่งตั้งเบื้องบนเป็นรูปปั้นฤๅษีนั่งขัดสมาธิอยู่
รองลงมามีรูปปั้นต่างๆ เรียงรายไปด้วยพวกกุมารทองต่างๆตลอดจนหุ่นพยนต์มากมาย
และรูปสัตว์ต่างๆนาๆชนิด ล้วนเป็นของอาจารย์เสิ่งปางทั้งสิ้น
อาจารย์เสิ่งปางพลางหยิบตะกรุดในพานมาพลางร่ายคาถาอาคมกำกับไว้ด้วย
แล้วส่งมอบให้แก่กำนันใช้ไว้ว่าให้ติดตัวเวลาทำงานด้วยนะ
กำนันใช้รับมาแล้วก็ยกมือขึ้นจบเหนือหัวนำใส่กระเป๋าเสื้อทันที พรรคพวกที่ไปได้รับกันทุกๆคน
กำนันกำลังคิดจะลา ทางอาจารย์เสิ่งปางก็บอกว่ากูเมื่อคืนนี้ได้ส่งของไปยังบ้านตาโชติแล้วล่ะว๊ะ
ยังไม่รู้และเห็นมันกลับมาอีกเลยสงสัยงานจะสำเร็จเสียแล้ว พวกมึงคอยฟังข่าวดูก็แล้วกันเอาเอง
ทันใดที่อ้าปากพูดอยู่กับกำนันนั้น อาจารย์เสิ่งปางก็สะดุ้งสุดตัวด้วยมีของสิ่งหนึ่งพุ่งเข้าไปในปาก
มันทันที ร่างอาจารย์เสิ่งปางพลันล้มหงายลงกับพื้นและดิ้นทุรนทุราย เล่นเอากำนันใช้และพรรคพวก
ต่างพากันตกอกตกใจไปตามๆกัน แต่กระนั้นร่างอาจารย์เสิ่งปางค่อยๆเอื้อมมือมัน
ไปคว้าขันน้ำตักน้ำมนต์ในตุ่มหน้าโต๊ะหมู่บูชารูปปั้นฤๅษีนั้นมา มันพยายามกลั้นความเจ็บปวด
พลางภาวนาเป่าลมลงบนท้องของมันทันที แล้วนำน้ำมนต์ที่มันทำไว้ยกขึ้นดื่มตามไป
พอร่างอาจารย์เสิ่งปางกินน้ำมนต์เข้าไปก็ ยิ่งดิ้นทุรนทุรายยิ่งขึ้นนัยน์ตาเหลือกค้างจนไม่เห็นตาดำ
เล่นเอาพวกกำนันใช้ทั้งหมดถอยๆหลังกันกรูดๆทันที มองภาพตรงหน้าร่างอาจารย์เสิ่งปางเห็นร่างมัน
กระตุกๆสักพักหนึ่งก็แน่นิ่งเงียบไป กำนันใช้ค่อยๆเขยิบร่างมันไปเขย่าตัวเรียกชื่ออาจารย์เสิ่งปางทันที
พอมันแตะร่างของอาจารย์เสิ่งปางก็ทราบว่า อาจารย์เสิ่งปางตายเสียแล้วด้วยมันเอามือรมที่จมูกไม่มีลม
หายใจร่างแน่นิ่งอยู่ พลางหันมาบอกทางพรรคพวกว่า
เฮ้ยๆๆ!!!!!...อาจารย์เสิ่งปางตายแล้วว๊ะ ทุกๆคนมองไปยังร่างอาจารย์เสิ่งปางเห็นสิ่งผิดปกตืเกิดขึ้น
ทันใดทุกๆคนเห็นท้องของอาจารย์เสิ่งปางเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับคนท้องแก่ๆใหญ่ขึ้นๆ
แล้วเสียงระเบิดเกิดขึ้นทันที ลำไส้เครื่องในต่างๆไหลกระเด็นออกมา
เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณบ้าน เลือดและสิ่งของต่างๆเปอะเปื้อนเลอะตัวกำนัน
และพรรคพวกต่างโดนเลือดสาดใส่หน้าและร่างไปตามๆกัน
สิ่งกระเด็นออกมาเป็นหนังควายแผ่นมหึมากำลังกระเดิบๆมาทางพวกกำนันและพวกทันที
ครั้นทั้งหมดเห็นแผ่นหนังควายมหึมากระเดิบๆมาทางตนต่างก็ออกวิ่งหนีออกมาทันที รีบขึ้นรถขับ
ออกจากสำนักของอาจารย์เสิ่งปางหายไปด้วยความตกใจ ด้วยในชีวิตไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อนเลย.....
เบื้องหลังสายลมพัดนำเสียงร้องไห้ครวญคร่ำโหยหวนแว่วๆๆตามหลังมาติดๆพร้อมเสียงคร่ำครวญ
ยิ่งทำให้พวกกำนันใช้และตัวกำนันเอง สั่งให้เร่งความเร็วรถให้มากๆเพื่อจะหนีเสียงร้องเหล่านี้ไป
แต่ทว่าเสียงของมันดังโหยหวนเข้าไปในหัวใจคนทั้งหมด เสียงนั้นดังมาจากบ้านของอาจารย์เสิ่งปาง
และยังมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญติดตามมาเบื้องหลังรถยนต์ของพวกมันที่กำลังขับอีกด้วย
เสียงร้องไห้แว่วๆตามหลังพวกมันอีกด้วย ยิ่งทำความตกใจแก่พวกมัน แทบจะขับรถกันไม่ได้
รีบต่างพากันเร่งเครื่อง จนมาถึงบ้านแต่เสียงนั้นยังคงติดตามมาอีก เป็นเสียงผู้หญิงบ้าง เสียงเด็กๆ
บ้าง ผู้ชายบ้าง จนกำนันใช้และพวกเมื่อลงจากรถได้ก็ต่างวิ่งเผ่นแนบขึ้นบ้านทันที
เล่นเอาพรรคพวกที่นั่งกันอยู่ต่างพากันมองหน้ากันหน้าตาต่างพากันเหลิกหลักๆไปตามกัน
ด้วยมันไม่รู้ว่าเหตุใดกำนันและพวกที่ไปกับเสี่ยหว่างทำไมเป็นเช่นนี้ แต่แล้วมันก็นัยน์ตาค้าง ทั้งหมดพากันร้องว่า
อะไรกันว๊ะ???......กำนันทำไมตื่นตกใจเช่นนี้ หนีอะไรกันมาหรือพวกมันถามด้วยความสงสัย
ครั้นได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ภายในบริเวณบ้านระงมเซ็งแซ่ไปหมด
บ้างดังมาจากบนยอดต้นไม้ที่ปลูกไว้ เสียงต้นไม้ถูกเขย่าไปๆมาๆและมีเสียงดังบนพื้นดิน
อีกจำนวนมาก พวกมันต่างรู้แล้วเป็นอะไรต่างเผ่นแตกวงกระจาย พากันวิ่งหนีต่างคนต่างไป
คนละทิศละทางทันที เสียงร้องนั้นดังโหยหวนเยือกเย็นยิ่งนัก ทำเอาบรรดาหมาที่เลี้ยงไว้ดัน
หอนกันระงมอย่างโหยหวนไปทั่วทุกตัว ต่างโก่งคอขึ้นหอนรับกันเป็นทอดๆไป
อากาศพลันมืดสนิท แต่เสียงร้องระงมยังดังในบริเวณบ้านทั่วๆไปหมด
เสียงที่พวกมันได้ยินต่างพากันร้องกันระงม พวกกำนันใช้ต่างได้ยินกันทุกๆคนล่องลอยตามมันมา
พวกข้าขออยู่ด้วยๆๆๆพวกข้าไม่มีที่อยู่แล้ว เสียงนั้นต่างร้องไห้คร่ำครวญนาๆแผ่วเยือกเย็นยิ่งนัก
ล่องลอยมาแม้แต่กำนันใช้เองตลอดจนครอบครัวบนบ้าน ต่างพากันตกอกตกใจกันไปตามๆกัน.........
* แก้วประเสริฐ. *
4 ธันวาคม 2553 23:28 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๘
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งสนทนาหยอกเย้ากับแม่นางอัปสรอยู่นั้น
พลันก็ปรากฏร่างของเจ้าแสงสีและสินชัย เข้ามาทางหน้าต่างพลาง
ปรากฏกายนั่งลงรายงานสิ่งต่างๆที่เขาใช้ไปดำเนินกิจการมาทันที
นายๆคืนนี้ให้ระวังตัวไว้ด้วยนะ ด้วยเจ้าอาจารย์ทั้งสองนั้นจะส่ง
ของมาทางบ้านเราด้วยล่ะ....เจ้าแสงสีเอ่ยขึ้น
ด้วยมันสงสัยว่าเด็กของมันไม่สามารถจะเข้ามาในบริเวณบ้านของ
ชาวบ้านทั้งหลายได้ ด้วยอำนาจพระเครื่องที่นายปลุกเสกเอาไว้
และเข้ามาในบ้านเราก่อนจะปลุกเสกพระนั้น
ก็ปรากฏร่างควายธนูเข้าทำร้ายพวกมันล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
และบาดเจ็บกลับไป ได้ไปรายงานให้นายมันฟังหมดแล้ว
ผมแอบเข้าไปได้ยินมันสนทนากันในบ้านกำนันบ้านโคกยายหอย
ซึ่งกำนันมั่นพาเจ้าเสี่ยหว่างไปพบ กำลังประชุมกันล้วนกำนันบ้านบางโค
และอาจารย์ทั้งสองที่พำนักอยู่ด้วยทั้งสองหมู่บ้านด้วย รวมตัวกันปรึกษาอยู่
ข้าอาศัยวิชาสมาธิที่ร่ำเรียนมาจากนาย จึงสามารถแฝงกายผ่านผีบ้านแอบ
เข้าไปได้ มันไม่รู้ตัวหรอกว่า พวกข้าได้ยินมันคุยกันตลอดจนหมดสิ้นแล้ว
พวกมันก็แยกย้ายกันกลับไป จะนัดกันอีกนั้นเมื่อไหร่ไม่รู้ครับนาย
เมื่อรู้ความเกรงว่าทางนายจะไม่ระมัดระวังตัว รวมทั้งคนในบ้านด้วย
จึงรีบกลับมารายงานก่อน แล้วต้องรีบไปอีกเพื่อจะประสานงานกับบรรดา
พวกผีทั้งหลายทั้งทางเจ้าอาจารย์และทางป่าเขาด้วย เหตุมีพวกที่มันถูก
บังคับขู่เข็ญไว้มากๆ บังคับพวกมันต่างๆนาๆ ใช้งานมันทำมากมายนัก
เกิดการเปลี่ยนใจ แต่ด้วยเกรงกลัวอาคมมันจึงจำต้องทำตามเขาสั่ง
ส่วนไม่ยอมก็มีอีกมากมาย ผมปฏิบัติตามนายสั่งที่ให้เมตตาอาศัยแนะนำทาง
ที่ถูกที่ควรว่า หากพวกมันจะสร้างบุญกุศลแล้วเวลาจุติจะได้ไปเกิดในภพดีๆ
ต่อไป หากมารับใช้พวกทุศีลเช่นนี้ มีแต่วันเสียหายแก่ตัวเองเท่านั้น
ครั้นไปเกิดใหม่ก็ต้องลงไปยังนรกอีกรับเวรกรรมร่วมกับนายมันด้วย
ฉะนั้นจึงมีพวกที่เห็นชอบต่อคำกล่าวของผมบ้าง นอกจากพวกหัวดื้อๆเท่านั้น
ผมยกตัวอย่างตัวผมเองให้มันดูว่าถึงแม้จะเป็นผีเช่นเดียวกับเขาเล่าความหลัง
ให้พวกมันฟังครั้งอยู่กับอาจารย์ดำนั้นเป็นอย่างไรรูปร่างอย่างไร แต่พอมาอยู่กับ
นายมีแต่ได้รับการอบรมสั่งสอนแนะแนวทางที่ถูกต้องให้ ให้พวกมันดูรูปร่าง
ข้าซิว่ารูปร่างข้าเป็นอย่างไรกัน ผิดแผกกับการเป็นคนถูกบังคับ อาหารการกินก็ดี
แถมยังได้รับสิทธิพิเศษ ยังเรียนรู้ธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้อีกมากมาย
เมื่อพวกมันดูก็รู้จึงทำให้พวกมันเกิดใจอ่อนขึ้นจ้านาย แต่ผมเองนั้นก็ยังไม่ไว้
วางใจนัก จะไปคราวนี้จะได้สอบถามหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก เพราะยังไม่ทราบแท้จริง
ว่ามันจะลงมือกันเมื่อไหร่ เพียงทราบว่ามันจะใช้พวกผีของมันช่วยบังตาพวกทำงาน
เจ้าหน้าที่มิให้มองเห็นการทำงานของพวกผิดกฏหมายจ้านาย
ผมถึงต้องไปคอยติดตามดูด้วยอีกสองสามวันนี้อาจจะได้รับข่าวแน่นอน
เมื่อเสี่ยหว่างมันให้ลูกน้องมันแจ้ง พวกที่เอนเอียงมาทางเราผมขอให้มัน
ช่วยสืบดูด้วยว่า เป็นสถานที่ใด วันเวลาใดแล้ว และต้องคอยรับฟังข่าวจาก
พวกนี้ด้วย ฉะนั้นไปคราวนี้อาจจะนานหน่อยนะนาย กว่าพวกผมจะกลับมา
อีกอย่างหนึ่งต้องคอยติดต่อเกลี้ยกล่อมพวกผีที่อยู่ในป่าเขาอีกด้วย
ส่วนทางด้านเจ้าป่าเจ้าเขาท่านทั้งสองก็กล่าวว่าจะให้ความช่วยเหลือดีแก่
พวกเราด้วย เจ้าสินชัยรายงาน อีกทั้งยังได้ไปทำความเข้าใจพวกผีทั้ง
หลายที่อาศัยในบริเวณป่าเขานั้นไว้แล้ว แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ไม่ยอม
รับข้อเสนอของเรา จ้านาย
พลางนางอัปสรทั้งสองก็หัวร่อขึ้น พลางกล่าวว่าสงสัยมันจะถึงฆาต
กระมังไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร และทางเรามีใครกันบ้างนะแม่อ้อย
สุดาวัลย์ แม่นางรัตนาวดีเอ่ยขึ้น
ใช่แล้วพี่นาง เพราะพวกนี้ฌานมันยังไม่ถึงพวกเราหรอก ถึงจะรู้มากมาย
แต่ตอนนี้อาคมมันเป็นสายดำไปหมดแล้ว ฌานสูงๆนั้นก็เสื่อมสลายไปเกือบ
จะหมดสิ้นแล้วมันยังไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่ามันก่อนนั้นตอนบวชเรียนมาจะได้ฌาน
ขั้นสูงๆก็จริงอยู่ แต่พอมาเล่นทางสายดำทำให้ทางสายขาวเสื่อมลงหมดแล้ว
แล้วทั้งสองนางก็หัวร่อลั่น พลางเอ่ยขึ้นอีกว่า.......
เฉพาะพี่โชติคนเดียวก็เหลือที่จะปราบมันทั้งสองได้อยู่แล้ว หากมันปล่อย
ของมาก็หมายความว่ามันชะตาถึงฆาตเสียแล้วล่ะ เห็นทีคงจะเหมือนอาจารย์ดำ
ศิษย์ผู้น้องของมันเองแหละ ส่วนเจ้าส่วยนั้นก็เหมือนกันแม้มันเชื้อสายขมุร่ำเรียน
วิชามาทั้งสามฝั่งก็ตาม เห็นทีคงจะจบสิ้นชาวบ้านก็คงจะไม่ต้องเดือดร้อนอีก
ชายหนุ่มพลันกล่าวว่า หากแม่นางทั้งสองช่วยเหลือด้วยเห็นทีงานนี้จะง่าย
ขึ้นจ๊ะ พลางหันไปยิ้มกับแม่นางอัปสรทั้งสองประจบเอาใจพวกนาง
แค่พี่เองคนเดียวก็เหลือเฟือแล้วล่ะ??? นอกเสียจากอาจารย์ของพวกมันมาเอง
นั่นแหละ ด้วยพวกนี้มันเล่นสายดำมาตลอดชีวิตมัน มีสมาธิทางผิดอาคมมัน
จึงจะรุนแรงแข็งแกร่งมากกว่าธรรมดาเท่านั้นเอง แต่ว่าอาจารย์พวกมันต่างไปอยู่
ในเบื้องล่างกันหมดแล้ว ยิ่งทางเบื้องล่างนั้นมีพวกที่บวชพระนั้นมากมายเสียเหลือเกิน
เพราะไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย มักจะหลอกลวงชาวบ้านหากินต่างๆนาๆเลี้ยงชีพ
การบวชพระนี้จริงอยู่ได้ผลบุญกุศลมากมายนักกว่าคนธรรมดาสามัญทั่วๆไปก็จริง
ถ้าหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ การเข้ามาบวชนั้นเพื่อจะให้พ้นทุกข์ สร้างกุศลผลบุญมากๆ
กุศลนั้นก็จะมากขึ้นเป็นลำดับไป ยิ่งได้ฌานสมาบัติขั้นสูงๆเข้าสู่วิมุตติฌานด้วยแล้ว
ก็อาจจะบรรลุพระอรหันต์ได้ แต่มาบัดนี้หายากจริงๆไม่ใช่ไม่มี แต่มีส่วนน้อยหายาก
มักจะหนีไปอยู่ตามป่าตามเขา ไม่ออกมายุ่งเกี่ยวกับใครด้วยนะ แม่นางเอ่ยต่อขึ้นว่า
ฉนั้นการบวชจึงเปรียบได้เสมือนดาบสองคม ขาหนึ่งยืนบนทางสู่สรวงสวรรค์
ส่วนอีกขาหนึ่งลงไปยังนรกเบื้องล่างแหละพี่ หากเกิดทุศีลวันใดขึ้นมาที่มากมายนัก
มิอาจจะแก้ไขได้ เช่นต้องปาราชิกไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์เพียงล้ำแค่เมล็ดถั่วเขียว
เท่านั้นก็ต้องล่วงสู่เบื้องล่างทันที และไม่อาจจะแก้ตัวได้อีกแล้ว ธรรมสมาธิก็เสื่อมไป
นางอัปสรรัตนาวดีกล่าวขึ้น
แต่หากมันปล่อยของมาให้พี่ไปบอกพ่อแม่ด้วยว่า ให้มันปล่อยผ่านเข้ามาได้เลย
ไม่ต้องใช้ควายธนูหรือวิชาอาคมไปป้องกันไว้หรอก แสดงถึงชะตามันถึงฆาตแล้ว
ให้ของๆมันเข้ามาได้ ให้ทำตัวเป็นปกติระมัดระวังตัวไว้ พวกน้องเองจะระมัดระวัง
ไปคอยดูแลพ่อแม่พี่ให้เองจ้า นางอัปสรทั้งสองเอ่ยขึ้น
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอขอบใจน้องพี่มากนะ ที่ช่วยเหลือพี่ในครั้งนี้ นี่เวลาก็ไม่มากนัก
เดี๋ยวพี่จะไปบอกให้พ่อแม่ทราบก่อนจ้า
ไปเถอะพี่มันส่งของมาแน่ๆคืนนี้นะ ให้พี่เข้าสมาธิไว้ถอดจิตออกจากร่างแล้ว
คอยดูมันจะมาในลักษณะใดๆ ด้วยของมันจะมาในลักษณะต่างๆกันแต่จะเข้า
ใกล้ร่างพี่ไม่ได้แค่วนเวียนรอบๆตัวเท่านั้นเอง ส่วนห้องพ่อแม่พี่นั้นน้องรับรองว่า
มันจะเข้าไปไม่ได้เด็ดขาดจ้า
แล้วพี่ก็เข้าร่างจัดการสิ่งนั้นเสียแก่มัน แล้วกำกับอาคมลงยันต์ที่ร่ำเรียนมาแล้ว
ส่งคืนให้มันกลับคืนไปหาเจ้าของมันเท่านั้นมันก็จะแก้ไขของๆมันไม่ได้แล้วจ้า
นางอัปสรทั้งสองกล่าว
ส่วนพระเครื่องที่ได้รับมาจากหลวงพ่อนั้น ให้เก็บไว้ส่วนหนึ่ง แบ่งให้พวก
ตำรวจที่ไว้ใจได้ไปเพื่อใช้ในการป้องกันตัวเองจากพวกกระทำทั้งปวงด้วย
เขามาคอยพี่แล้วล่ะ ให้พี่รีบๆหน่อยนะ เดี๋ยวเขาจะคิดว่าฟังรหัสพี่ผิดไปจะกลับเสีย
นางอัปสรทั้งสองกล่าวให้ชายหนุ่มฟัง
ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปเรียนให้พ่อแม่ทราบก่อนและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบส่วนสาวชบา
กับเจ้าชัยนั้นอยู่กับพ่อแม่คงจะไม่เป็นอะไรน่าห่วงหรอก มีพวกน้องคอยดูแลด้วยอยู่แล้ว
ถ้าอย่างนั้นพี่จะต้องรีบไปแล้วและรีบไปพบคนของพี่ด้วยจ้า
ขอบใจน้องพี่มากนะ แล้วหันไปทางเจ้าแสงสีและสินชัย
กล่าวว่าเจ้าก็สมควรไปได้แล้วแยกทางกัน ไปทำงานทั้งสองด้าน
หากได้รับข่าวที่แน่นอนก็ให้รีบมารายงานด้วยนะ
ข้าต้องไปพบคนของข้าเสียแล้ว ครั้นเมื่อชายหนุ่มเข้าไปบอกพ่อแม่
ท่านหัวร่อว่าท่านรู้หมดแล้วล่ะไม่ต้องบอกหรอกข้ารู้หมดแล้วล่ะ
เจ้ารีบไปพบคนของเจ้าได้แล้วล่ะเขาจะคอยนาน จะทำให้คิดว่า
เขาฟังคำพูดเจ้าผิดไป บางทีอาจจะลังเลแล้วกลับไปก็ได้นา
อย่างไรพ่อแม่ก็ควรระมัดระวังด้วยนะครับ งานครั้งนี้ไม่ธรรมดาเสียด้วย
เออๆๆๆ....เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงหรอกในเรื่องแบบนี้ข้าผ่านมามากแล้วล่ะเอ็ง
ก็ด้วยเหมือนกัน
มิฉนั้นข้ากับแม่เอ็งคงอยู่ไม่ได้ถึงอายุปูนนี้หรอกว๊ะ!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ.....
กล่าวเสร็จก็หัวร่อทันที ส่วนน้องแกทั้งสองก็ไม่ต้องกังวลด้วยเจ้ารีบไปเถอะ
เขาคอยนานแล้วล่ะ....
ดังนั้นชายหนุ่มก็แบกกล่องออกจากบ้านไปยังที่นัดพบทันที ซึ่งสถานที่นั้นเป็นที่เดิม
ครั้นไปถึงก็เห็นสารวัตรและผู้กองทั้งสองนั่งรอคอยอยู่ก่อนแล้ว
อีกสองนายคิดว่าคงเป็นตำรวจมาใหม่ๆกำลังคอยเฝ้าดูแลต้นทางให้แก่สารวัตรและผู้กอง
หากมีสิ่งผิดปกติอะไรจะได้ส่งสัญญาณแจ้งให้รู้
เมื่อเขาเดินทางไปถึงก็เห็นสารวัตรและผู้กองพร้อมตำรวจอีกสองนาย
ต่างพากันแสดงความเคารพทั้งหมด เมื่อตำรวจสองนายรู้แล้วว่าเขาเป็นใครกัน
ชายหนุ่มก็พลันกล่าวว่า
วันนี้นำพระที่ได้สร้างไว้เมื่อวันงานสงกรานต์ที่ผมได้แบ่งไว้ไปให้พวกเขาไปใช้
พกติดตัวเวลาออกปฏิบัติงาน ซึ่งอาจจะตามมาอีกมากนัก แต่ว่าควรจะนำไปเลี่ยม
กันน้ำไว้เสียก่อน ก่อนเลี่ยมควรหาผ้าหรือสิ่งของที่มองไม่เห็นองค์พระนั้นไว้
แล้วค่อยเลี่ยม ให้นั่งเฝ้าเวลาเขาเลี่ยมไว้ด้วยนะเพื่อความไม่ประมาท อาจจะถูกสัปเปลี่ยนได้
ใช้แขวนคอหรือว่าจะกลัดติดเสื้อไว้ก็ ด้วยสิ่งที่นำมานี้กำลังเป็นที่ต้องการของพวก
ทางกรุงเทพฯหรือพวกมิจฉาชีพอยู่มากด้วย ด้วยการทดลองเมื่อคราวก่อนนั้นนั่นเอง
สารวัตรรีบให้ผู้กองเข้าไปช่วยรับมาแล้วเปิดฝากล่องออกทันที อันที่จริงแล้วสารวัตร
และผู้กองนั้นเคยเห็นและได้รับไว้แล้วคนละองค์ ส่วนตำรวจที่มาอีกสองนายนั้นไม่เคยเห็น
ครั้นแลเห็นก็ถึงกับตลึงงันไป ด้วยเกิดรังษีของพระแผ่กระจายออกแพรวพราวหลากสียิ่งนัก
พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ต่างให้สารวัตรฟัง ว่าสายของผมรายงานมาแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนนัก
เพียงรอคอยสักพักหนึ่งก่อน เมื่อแน่นอนก็จะเริ่มการทำงานกัน
พลางกล่าวเตือนและกำชับไว้อีกว่าการเลี่ยมพระคงจะทันหรอกนะ มอบให้คนที่นับถือจริงๆ
และเข้าร่วมปฏิบัติงานเท่านั้น ด้วยมีเพียงจำกัด ส่วนลูกอมนั้นมีอานุภาพเหมือนๆกัน
กับองค์พระ เวลาแจกควรหาที่ลับตาคนถึงจะแจกให้มิใช่ว่าให้มาเรียงแถวค่อยแจก
ให้ไว้สำหรับคนออกปฏิบัติงานเท่านั้น
ส่วนแผนงานผมได้วางไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงรอความแน่นอนเท่านั้นเอง
ผมคิดว่าอีกสองสามวันให้มาพบเพื่อรับแผนงาน หรือบางทีผมจะใช้คนไป
ส่งให้เองก็แล้วกัน
เพื่อจะได้ไม่เป็นที่สงสัยของพวกนั้นอีกด้วย สารวัตรคงจะจำเจ้าสองคนนั้นได้แล้วนะ
อ้อๆๆ.... เวลากลับให้หาทางลัดไปนะและอย่าให้ผู้ใดสงสัยแต่อย่างใดด้วย
ครับนาย แล้วนายจะมีอะไรสั่งผมอีกไหมครับ สารวัตรถาม
ยังก่อนหรอกรีบๆกลับก่อนจะมืดค่ำเสียก่อนนะ ด้วยตอนนี้เหตุการณ์ไม่เหมาะ
เสียด้วยซิให้ไปโรงพักและที่พักก่อนมืดนะ อย่าลืมเสียล่ะ ชายหนุ่มกล่าวด้วยความเป็นห่วง
ด้วยเขารู้ดีแล้วว่า คืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกในบริเวณนี้ ดังนั้นจึงรีบให้ลูกน้องรีบกลับเสียก่อน
เมื่อมอบของเรียบร้อยแล้ว ก็รีบแยกทางออกไปอีกทางหนึ่งเดินหายลับตาไปในพุ่มไม้
บรรดาสารวัตรและพวกก็ต่างไปยังอีกทางหนึ่งหายไปทันทีเช่นเดียวกัน
คืนนี้เป็นคืนข้างขึ้นแก่ๆ พระจันทร์กำลังลอยเป็นดวงเสี้ยวค่อนข้างมากอยู่ อากาศกำลัง
เย็นสบายๆ ลมพัดโชยจากภูเขามาตลอด ใบไม้ล้วนไหวโอนเอนไปๆมาๆ ไม่เยือกเย็นนัก
แสงสีนวลอ่อนๆ ทอแสงไปทั่วแต่ไม่สว่างมากนัก ดวงดาวยังระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้า
ครั้นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ ขณะที่ชายหนุ่มเข้าสมาธิอยู่ในขั่นอุปาจารสมาธินั้น
บัดดลเสียงหมาสามตัวที่เขาเลี้ยงไว้ ก็ส่งเสียงเห่ากระโชกแล้วพลันหอนขึ้นทันที
เสียงร้องดั่งหึ่งๆๆแว่วๆใกล้ๆเข้ามา จนเสียงนั้นดังขึ้นอย่างชัดเจน ล่วงเข้ามาในบริเวณบ้าน
จึงรีบเข้าสมาธิอีกพลางถอดกายทิพย์ออกจากร่างทันที ก็แลเห็นสิ่งต่างๆเขาแลเห็นเป็น
คล้ายแมลภู่สองตัวบินวนอยู่รอบๆบ้านเขา ร่างกายมันใหญ่ผิดปกติจากพวกแมลงภู่ทั้งหลาย
ทั่วๆไป เมื่อเข้ามาแล้วแต่ยังไม่สามารถจะล่วงล้ำเข้ามาได้ มันคงวนเวียนอยู่ไปๆมาๆ
สักพักใหญ่แล้ว ร่างมันทั้งสองก็พุ่งเข้ามาทางหน้าต่างเขาทันที มันบินตรงมายังร่างชายหนุ่ม
ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ เพียรวนเวียนไปๆมาๆ ห่างๆประมาณหนึ่งวาเห็นจะได้
ส่วนด้านนอกบ้านนั้นก็รายล้อมด้วยฝูงผีปีศาจนานาชนิด แต่มันเพียงแค่อยู่ภายนอกบริเวณ
บ้านไม่กล้าเข้ามาในบริเวณบ้านได้ ต่างแสดงอิทธิฤทธิ์กันนานาประการ พยายามที่แหวกฝ่าสิ่ง
ขวางกั้นจะเข้ามาในบริเวณบ้านให้ได้ เสมือนมันพบเจอสิ่งซึ่งเขาทราบแล้วว่าเกินจากสิ่งอะไร
เป็นรังษีจากองค์พระที่เขาเก็บบูชาไว้ ส่งแสงประกายรังษีพวยพุ่งออกมาครอบคลุมยังบริเวณ
นั้น พร้อมด้วยรังษีหลากสีต่างๆจากห้องพ่อและห้องแม่เขาด้วย ผสมผสานกันเข้า
แผ่ออกไปครอบคลุมบริเวณบ้านไว้อีกด้วย ซึ่งรังษีนั้นๆต่างรายล้อมเป็นอาณาเขตป้องกัน
มิให้เหล่าภูตผีปีศาจเข้ามาได้ แต่พวกมันก็มีความพยายาม ดื้อรั้น บ้างทำตัวสูงชะลูดยกขามัน
หวังจะก้าวข้ามผ่านรังษีนั้น แต่ก็ต้องชะงัก พร้อมถอยหลังกรูดๆหนีห่างไป บางตนเผลอตัว
ยามใดที่มากระทบกับแสงรังษีนั้นต่างร้องคร่ำครวญดิ้นรนหงายร่างดิ้นพลาดๆไปทันที
เมื่อชายหนุ่มหันไปมองทางห้องพ่อและแม่เขาก็เห็นร่างนางอัปสรทั้งสองต่างแยก
ย้ายกันเฝ้าหน้าประตู นางทั้งสองหลับตาพนมมือ เขาคิดว่าคงจะกำลังร่ายเวทย์มนต์เบื้องสูง
ป้องกันไว้มิให้สิ่งใดเข้าเข้าไปทางห้องพ่อแม่เขานั่นเอง
ภายในห้องก็แลเห็นพ่อและแม่ต่างกำลังเข้าสมาธิกันอยู่ ส่วนร่างสาวชบากับเจ้าชัยนั้นล้วน
บัดนี้นอนหลับไปแล้ว ต่างไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น คงจะด้วยพ่อแม่เขาสะกดเอาไว้ก็ได้
ดังนั้นชายหนุ่มจึงกลับเข้าคืนสู่งร่างทันที พร้อมเอาน้ำมนต์ที่ตระเตรียมไว้แล้วมามาเสกแล้ว
พรมสาดไปยังร่างของแมลงภู่ทั้งสองทันที ร่างแมลงภู่สีสันมันต่างกัน ตัวหนึ่งเป็นสีทองวับวาว
สว่างไสว อีกตัวหนึ่งสีเขียวแวววับคล้ายปีกของแมลงทับส่งประกายสดใสสวยงามยิ่งนัก
ครั้นเมื่อแมลงสองตัวโดนน้ำพระพุทธมนต์ต่างตกลงมากับพื้น แปรเปลี่ยนสภาพไปในทันที
ตัวสีทองกลายเป็นตะขาบสีแดงสดดิ้นพลาดๆแต่ก็พยายามลุกขึ้นตะกายมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
อีกตัวหนึ่งสีคล้ายปีกแมลงทับแปรเปลี่ยนเป็นหนังควายผืนกว้างใหญ่มากๆ แต่ผืนหนังของมัน
ดิ้นไปดิ้นๆมาตลอดเวลาค่อยๆเขยิบๆพยายามจะเข้ามาให้ได้
พลันชายหนุ่มก็ล่วงมือไปในย่ามที่วางไว้ใกล้ก่อนจะเข้าสมาธินั้น ควัก กรีชที่ทำด้วยไม้
ตะเคียนทองที่ได้ขอจากนางอัปสรรัตนาวดีไว้แล้วแกะเป็นด้ามกรีชมาลงอักขระเลขยันต์
ปลุกเสกไว้ทั้งสองด้ามออกมาจากย่ามทันที
พลางขว้างไปยังร่างของร่างตะขาบและหนังควายผืนใหญ่ ปลายมีดของกริชอันแหลมคม
ก็ปักลงไปตรงกลางตัวตะขาบและกลางผืนแผ่นหนังควายทันที
ร่างมันทั้งสองต่างดิ้นกันยกใหญ่แล้วค่อยๆช้าลงๆจนสงบนิ่งไป เมื่อชายหนุ่มเห็นอาการ
ดังนี้ก็ยกมือขึ้นจบเหนือศีรษะพลางร่ายพระเวทย์เป่าลงไปยังร่างของตะขาบยักษ์และร่างของ
แผ่นหนังความอันมหึมานั้นสามครั้ง ทุกอย่างก็สงบลง
จนแน่แก่ใจเขาแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปยังร่างของตะขาบยักษ์สีแดงสดถอนกรีชออกจากตัวมัน
ก็เห็นบนหัวตะขาบยักษ์มีเลขยันต์อาคมอยู่ทั้งร่างมัน ขาทั้งหลายยังดิ้นกระแด่วๆอยู่แล้วสงบลง
จึงทำการถอนอาคมเหล่านั้นออกทันที ครั้นถอนอาคมแล้วก็เป่ามนต์ลงไปอีกสามคาบ
เขาจึงพลางนำกรีชเล่มนั้นเขียนยันต์คาถาอาคมเป่าลงกำกับไปอีกครั้งหนึ่งพร้อมด้วยเลขยันต์
อักขระต่างๆไว้ลงแทนจนเห็นว่าพอสมควรเหมาะสมดีแล้ว
จึงเดินไปที่แผ่นหนังควายยักษ์ผืนมหึมานั้นถอนกริชออกมาแล้ว ภายในแผ่นหนังมหึมานั้น
มีคาถาอาคมเป็นอักขระขอมเลขยันต์ต่างเหมือนคล้ายๆกันกับตัวตะขาบยักษ์นั้นเขียนลงไว้เพียง
ซึ่งบนหนังควายนั้นมีอักขระเลขยันต์ต่างๆกำกับอยู่แล้วแต่ภาษาที่เขียนแตกต่างกัน แต่ยันต์ต่างๆ
นั้นคนละแบบกันอีกด้วย ทั้งภาษาอักขระทั้งหมดซึ่งเขาอ่านไม่ออกสักตัวเดียว
ดังนั้นชายหนุ่ม จึงทำพิธีถอนมนตราอาคมต่างๆออกเสียสิ้น พลางเป่ามนต์ลงไปเช่นเดียวกับ
ตัวตะขาบแล้ว ก็นำกริชที่ปักแผ่นหนังยักษ์นั้นมาเขียนยันต์เลขอักขระทับลงไปอีกตามแบบ
วิธีของเขา แล้วพลางเป่าคาถาอาคมลงไปอีกสามคาม ก็เสร็จจากการลงอาคมของเขา
แล้วก็มานั่งเข้าสมาธิเจริญจนถึงขั้นสูงสุดพร้อมด้วยเจริญทางกสิณด้วยแล้วถอยหลังกลับลง
มายังอุปจารสมาธิ ลืมตาขึ้นเพ่งมองไปยัง ร่างของตะขาบยักษ์พร้อมกับแผ่นหนังควายมหึมาทันที
ทันใดนั้นนั่นเองทั้งตะขาบและแผ่นหนังควายยักษ์ก็ค่อยๆหดตัวเล็กลงๆไปเรื่อยๆแล้วพร้อมร่าง
มันค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเหมือนเดิมไปในทันที เขาเรียกแมลงภู่สีทองและแมลงภู่สีปีกแมลงทับเหล่านั้น
เข้ามายังฝ่ามือเขาพร้อมกุมของทั้งสองสิ่ง พลางร่ายพระเวทย์อาคมต่างๆกำกับลงไปในตัวสัตว์ทั้งสอง
ฉับพลันก็แบมืองทั้งสองออกเป่าคาถาลงไปทันที บัดดลแมลงภู่ทั้งสองตัวก็บินออกจากฝ่ามือของเขา
แล้วบินออกไปทางหน้าต่างหายลับไปทันที.......
* แก้วประเสริฐ. *
4 ธันวาคม 2553 16:33 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๗
ระหว่างเดินเข้าพบกำนันหวนอยู่นั่น ก็แลเห็นร่างชายมีอายุ
นั่งสนทนากันอยู่สี่คน ทั้งหมดต่างชะงักหันมามองดู ครั้นแลเห็น
กำนันมั่นนำหน้าคนทั้งหลายเข้ามาก็ ร้องทักไปทันที
วันนี้เป็นวันอะไรนะ????... กำนันมั่นถึงได้เดินทางมาด้วยตนเอง
มาหาข้าล่ะ กำนันหวนทักขึ้นพร้อมยกมือขึ้นไหว้ กำนันมั่นก็ยกมือ
ขึ้นไหว้ตอบรับ ชายอีกคนก็หันมามองแล้วร้องทักขึ้น พลางกล่าวว่า
จริงซินะหวน...ลมอะไรหอบเอากำนันแห่งหมู่บ้านบางกระดี่มาได้
ซึ่งแปลกจริงๆ พร้อมยกมือไหว้กำนันมั่นทันที กำนันมั่นก็ยกมือ
ไหว้รับตอบผู้ร้องทัก คือกำนันใช้แห่งหมู่บ้านบางโคพลางกล่าวว่า
สบายดีหรือ??.... กำนันบ้านบางโคตอบว่าสบายดีอยู่หรอก มีอะไรจะ
ให้ช่วยอีกหรือ กำนันมั่นถึงได้มาเอง....อ้าวๆแล้วนั่นนำใครมาล่ะ??...
กำนันมั่นไม่ตอบ เพียงหันไปมองผู้อยู่ร่วมวงสนทนา มีชายแปลกหน้า
คนอีกสองคนซึ่งกำนันมั่นมองไปแต่งตัวเหมือนพวกมีวิชาอาคม
เมื่อทั้งหมดกำนันหวนเชิญให้นั่ง ต่างก็แยกย้ายกันนั่งบนเก้าอี้นวม
กำนันหวนและกำนันใช้ก็แนะนำกำนันมั่นว่า แล้วพลางชี้มือไปยัง
คนทั้งสอง ที่ขวามือคืออาจารย์เจี้ยะเปิ้ง และซ้ายมือนั่นคืออาจารย์
เสิ่งปาง กำนันและพวกต่างยกมือไหว้อาจารย์ทั้งสอง
อาจารย์ทั้งสองต่างยกมือไหว้ตอบ กำนันมั่นก็ถามขึ้นว่า???....
ดีเหมือนกันว่าจะไปหากำนันใช้อยู่ทีเดียว เมื่อมาครบกันนี้ก็จะ
แนะนำให้รู้จัก เสี่ยหว่างเสียเลย ซึ่งเขามีเรื่องจะพูดคุยกันกับกำนัน
ทั้งสองด้วยนะ ได้โอกาสเหมาะพอดีเลย.....
แล้วกำนันหวนก็หันไปสั่งเด็กสาวๆให้ไปยกน้ำท่ามาต้อนรับแขก
เด็กสาวทั้งสอง รับคำแล้วก็หายไปทางหลังบ้าน
พลางหันหน้าไปทางเสี่ยหว่าง กล่าวว่านี่คือกำนันหวน
แห่งบ้านโคกยายหอย โน่นกำนันใช้แห่งหมู่บ้านบางโค
ส่วนอีกสามหมู่บ้านนั้นไม่ได้มาแต่ก็รับชอบพอกันทั้งหมดแหละ
โน่นอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งได้รับข่าวว่ามาจากทางเขมร
ทางกำนันหวนเชิญมาช่วยงานของเขา แล้วหันไปทางอาจารย์
เสิ่งปางว่านี่เป็นอาจารย์ทางกำนันใช้เชิญมาช่วยงานเช่นเดียวกัน
เสี่ยหว่างได้รับการแนะนำเช่นนี้ก็ยกมือไหว้
อาจารย์ทั้งสองก็กล่าวว่าก็พึ่งจะรู้จักก็วันนี้แหละ
เพียงได้ยินแต่ชื่อเสียงของกำนันและเสี่ยเท่านั้น
ทางกำนันมั่นก็กล่าว่าถ้าอย่างนี้ดีแล้ว
เสี่ยมีอะไรจะขอร้องไหว้วานก็พูดออกมาได้เลยเราคนกันเองทั้งนั้น
พลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหลังจากที่เด็กๆเอามาเสริร์ฟให้แล้วเดินออกไป.....
เสี่ยหว่างบอกว่าก็เกี่ยวกับงานไม้นั่นแหละ อยากจะขอร้องกำนันทั้งสอง
ให้ช่วยนำทางหรือหากมีกำลังคนช่วยก็ยิ่งดี ส่วนเรื่องค่าตอบแทนนั้นไม่ต้อง
เป็นห่วงเราเองไม่อั้นหรอก รับรองว่าต้องได้รับกันอย่างพอใจทีเดียวแหละ
กำนันหวนและกำนันใช้ก็พลันกล่าวว่า เรื่องให้คนนำทางนั้นไม่เป็นปัญหา
ต้องห่วงหรอก ตลอดทางหนีทีไล่นั้นนะ แต่เรื่องกำลังคนซิทางเราแทบจะหมด
เสียเลย ด้วยเสียคนมือดีไปมากในงานคราวที่แล้วของกำนันมั่นเขา
จะเหลือเพียงก็พวกที่เป็นรองแต่ฝีมือมันก็ใช้ได้อยู่นะ กำนันทั้งสองตอบ
เสี่ยหว่างก็ตอบว่าหากงานนี้สำเร็จเรียบร้อยค่าตอบแทนนับเป็นล้านเลยล่ะ
ทางเราไม่ปฏิเสธจะเอาเป็นเงินสดหรือเช็คเงินสดก็ได้ทั้งสิ้น เพียงขอความ
สะดวกแก่กำนันทั้งสองก็แล้วกัน ส่วนกำลังคนนั้นข้าได้นำมาเองด้วย
ตลอดจนรถในการทำงานนี้ก็มีหลายๆคันเสียด้วยซิ ติดแค่หนทางเท่านั้นเอง
อีกอย่างหนึ่งด้วยทางเราต้องนำมาแปรรูปเสียบ้างก่อน ด้วยมีทั้งไม้แปรรูป
และยังเป็นท่อนๆมากอยู่ ครั้นจะนำไปทางกรุงเทพระยะนี้เหตุการณ์ทางโน้น
ก็ไม่ค่อยจะไม่น่าไว้วางใจนัก ตั้งแต่เปลี่ยนรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมารู้สึกว่าอะไรๆ
เปลี่ยนแปลงหมด การงานที่เคยทำคล่องก็แลดูติดขัดไปเสียหมดทุกๆอย่าง
การติดต่อที่เคยได้รับความสะดวกก็ลำบากยากขึ้น อำนาจการจับกุม
ก็เหมือนเปลี่ยนแปลงไปเสียหมดด้วยล่ะ พวกที่เคยทำก็ต่างปฏิเสธกลัวว่าจะถึงตัว
ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆอีกด้วย เสี่ยหว่างกล่าวขึ้นให้พวกกำนันฟัง.......
จึงอยากจะให้กำนันช่วยจัดหาสถานที่สำหรับใช้ในการทำการแปรรูปท่อนซุง
เป็นไม้แปรรูปจากท่อนไม้อีกด้วย เรื่องสถานที่นั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก บรรดา
พวกกำนันกล่าว หากจะดูสถานที่จะใช้สำหรับแปรรูปก็ได้ เพื่อจะได้สะดวกยิ่งขึ้น
ส่วนทางด้านป่าไม้นั้นทางเราสามารถติดต่อประสานงานกับพื้นที่ได้
เรื่องนี้เสี่ยไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เพียงขอให้เสี่ยจัดหากำลังคนให้เพียงพอมาทางเรา
มีน้อยก็จะช่วยประสานงานให้ สถานที่นั้นหากเร็วยิ่งดีอย่างที่เสี่ยพูดถูกด้วยทางนี้
ก็เหมือนกัน ทางตำรวจเองและตลอดจนนายอำเภอก็ถูกย้ายกันระนาว
ดังนั้นควรจะให้เด็กเสี่ยไปดูสถานที่ไว้ก่อนว่าจะพอใจหรือไม่ หากวันนี้นั้น
พวกข้าคิดว่าคงไม่ทันหรอก กำนันใช้กล่าวขึ้น........
อ้อๆๆ....อีกอย่างหนึ่งเรามีอาจารย์มาช่วยด้วย ซึ่งเด็กของอาจารย์คงจะช่วยเหลือ
หากทางอาจารย์ยินดีช่วยเหลือเด็กของท่านล้วนเป็นพวกผีทั้งหลายมีฤทธิ์เดชมากด้วยนะ
จะได้มาคอยบังตาการทำงานให้แก่พวกเสี่ยได้ด้วยอีกทางหนึ่งเรารู้มาจากอาจารย์
ที่ใช้เด็กท่านไปสืบมาด้วยล่ะ จึงได้มาพบรอเสี่ยเสียที่นี่พร้อมๆกันเลยล่ะ
ครั้นเสี่ยได้ยินเช่นนั้นก็หันไปทางอาจารย์ทั้งสองพลางยกมือไหว้
ขอให้ช่วยเหลืองานนี้ด้วย พร้อมจะแยกสินน้ำใจให้อีกแต่ละอาจารย์ไว้ด้วย
ส่วนของกำนันก็ต่างหาก เมื่ออาจารย์ทั้งสองรับฟังเช่นนั้นก็หัวร่อ
พลางกล่าวว่า หากเป็นเช่นนี้ก็ดีซิจะได้ช่วยเหลือกันและกันอย่างเต็มที่
ทางข้าเองนั้นก็ใช้เด็กๆไปติดต่อกับพวกนั้นไว้ก่อนแล้วล่ะ ด้วยรู้ว่ายังไงๆ
เสี่ยก็ต้องมาแน่นอน
แล้วหันไปทางกำนันมั่นถามว่า ทางหมู่บ้านโคกอีแร้งนั้น
นอกจากหลวงพ่อทองแล้วมีใครบ้างที่เก่งวิชาอาคมบ้างล่ะกำนัน????.......
กำนันมั่นตอบว่าข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนอกจากหลวงพ่อทอง
แล้วก็ไม่เห็นมีใครตั้งตัวเป็นอาจารย์สักคน ล้วนแล้วพวกเขาทำมาหากิน
กันทั้งสิ้น ข้าไปขายของหลายต่อหลายครั้งจนเบื่อๆเลยไม่อยากไปยุ่งด้วย
กำนันแจ่มผู้ใหญ่อาจข้าพยายามเกลี่ยกล่อมแต่ทางโน้นไม่เล่นด้วย
และกำนันโคกอีแร้งเขาก็ไม่ค่อยชอบทางเรื่องนี้ด้วย เคยมีคนมาขออาศัย
สร้างสำนักอาจารย์ ทางกำนันแจ่มก็ไล่ตะเพิดไปหมด ข้าจึงไม่เห็นมีใครนี่นา??...
กำนันมั่นตอบอาจารย์ทั้งสอง
เอ๊ะๆ!!!???....แปลกเด็กข้าก็ทำงานรายงานไม่เคยผิดพลาดเลยนี่นา
มันบอกว่าไอ้พวกที่อาจารย์ดำเขาใช้ไปทำงานนั้นล้วนแล้วเก่งกาจทั้งนั้น
อาจารย์ดำเองนั้นก็เก่งวิชาอาคมมากร่ำเรียนมาจากเขมรที่เขากิเลนนั้นเหมือนข้า
ก็ยังมาตายเสียที่นี่ เด็กๆมันแตกกระเจิงหนีไปหมด
ส่วนใหญ่ไปหาข้าและอาจารย์เสิ่งปางกันและอีกส่วนผีที่ถูกอาจารย์ดำมาจากการ
ที่ชักชวนจากป่าช้าโคกอีแร้งหรือมันก็กลับไปถิ่นเดิมในป่าช้านั้น คงได้เพียง
แต่ก็เร่ร่อนเข้าไปในป่าช้าไม่ได้ ด้วยนายป่าช้าไม่อนุญาตให้เข้าในเขตป่าช้า
มันจึงเที่ยวอาละวาดชาวบ้านแต่ตอนนี้ถูกจับไปหมดสิ้น ต่างสูญหายไปหมด
ไม่รู้ว่าพวกมันถูกเอาไปทำอะไรไม่มีวี่แววเสียเลย??...... อาจารย์ทั้งสองบ่นพึมพรำ
ข้าถามเด็กของข้าว่าเป็นหลวงพ่อทองวัดโคกอีแร้งหรือเปล่า???......
มันบอกว่าไม่ใช่เป็นชาวบ้านธรรมดานี่แหละ
แต่ไม่ได้แสดงตัวเป็นอาจารย์ หากมันสามารถปราบอาจารย์ดำ
ซึ่งเป็นศิษย์ผู้น้องสำนักเดียวกับข้าได้ก็ถือว่ามันเก่งไม่ใช่เล่น
ข้อนี้ข้าถึงได้ปรึกษาหารือกับอาจารย์เสิ่งปาง เขาก็พยายามให้เด็กของเขา
ไปสืบเสาะหาแต่ก็ไม่ได้ความอะไรเลย???... จึงทำให้พวกข้าแปลกใจ
มาก ถ้าหากมันไปร่วมมือกับทางการด้วยทางเราก็เห็นจะไม่ค่อยดีนักนะ
คราวนี้เล่นเอากำนันมั่นและเสี่ยหว่างยิ่งงุนงงกันใหญ่
พลางนึกในใจว่าแล้วอาจารย์ที่ทางนี้กล่าวมันเป็นใครกันหว่า???.....
แม้แต่อาจารย์ทั้งสองยังเอ่ยปากถาม จึงกล่าวว่า....
ข้าว่าอาจารย์ทั้งสองลองใช้ไปอีกทีซิว่าบ้านใครในหมู่บ้านโคกอีแร้ง
ที่พวกมันเข้าไปไม่ได้ หากเป็นบ้านที่เข้าไปไม่ได้
อาจจะเป็นบ้านนั้นกระมัง ทั้งสองออกความเห็นพร้อมๆกัน
ข้าเองก็เคยใช้ไปเหมือนกัน แต่มันกลับมารายงานว่า
ตอนนี้ยากกว่าเดิมเสียแล้ว ด้วยไม่สามารถจะเข้าไปในบ้านโคกอีแร้ง
กันได้เหมือนเดิมอีกแล้วล่ะด้วยต่างมีพระที่มีรัศมีแรงกล้าแผ่
ออกมาปกป้องคุ้มครอง เพียงได้แต่อยู่ห่างๆไว้ด้วยเท่านั้น ได้แต่ยืนมองดู
ข้าก็เลยถามว่าก่อนที่พวกเอ็งไปคราวก่อนนั้น มีบ้านใดบ้าง
ที่มีของป้องกันก่อนจะมีพระนั้น มันถึงมาบอกข้าขึ้นว่า
มีอยู่หลังหนึ่ง อยู่แถวใกล้ๆวัดแต่ก็เข้าไปไม่ได้ด้วยมีจำพวกควายธนู
มาไล่ขวิดจนมันต้องแตกกระเจิงกลับมา บาดเจ็บไปก็อีกหลายๆตน
บางตนถึงแก่หายไปก็มีไม่กลับมาอีก จึงอยากให้ทางกำนันลองไปดู
ซิอีกทีว่ามีบ้านใครๆบ้างที่อยู่ใกล้ๆวัดไม่ห่างกันมากนักนะ
อาจารย์ทั้งสองกล่าวขึ้น พลางหันหน้าไปทางกำนันมั่น
กำนันพลันนั่งนึกทบทวนดูก็เลยพูดว่า เห็นจะมีแค่สองบ้าน
เท่านั่นแหละที่ไม่ห่างไกลวัดเท่าไหร่นัก มีบ้านหนึ่งอยู่ใกล้ๆกว่าวัด
คือบ้านตาเชียร กับบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ่มเท่านั้น
นอกนั้นอยู่ห่างไปอีกมากๆหน่อย กำนันมั่นตอบ...
เออๆๆ???.....เท่านี้ก็พอเดี๋ยวคืนนี้ข้าจะทดลองดูจะปล่อยของ
ไปทดสอบดูว่าบ้านใครปราบของๆข้าได้ ก็บ้านนั้นแหละว๊ะ???.....
เอๆๆๆ....แต่แปลกนะอาจารย์หมู่บ้านแถวนั้นมักจะถือศีล
ในวันพระถือศีลแปดกันแทบทุกหลังคาเรือนด้วยล่ะ แปลกจริงๆ...
จะมาร่ำเรียนวิชาอาคมกันไปทำไมกัน???.....
ก็ไม่แน่นากำนัน บางทีอาจจะร่ำเรียนมาก่อนแล้วก็ได้
แต่มาเลิกเสียเหลือเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
ที่มีไว้ป้องกันตัว แล้วบ้านไหนล่ะที่อยู่ใกล้ๆวัดที่สุดกำนัน
อาจารย์ทั้งสองเอ่ยถามขึ้น???....
หากไม่ผิดก็บ้านตาโชตินี่แหละที่ใกล้ที่สุดล่ะไม่ห่างจากวัดมากนัก
ส่วนบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่นั่นก็ยังเลยไปอีกมากนักแต่ไม่ไกล
นับว่าเป็นบ้านที่ใกล้วัดมากที่สุด กำนันมั่นตอบ
งั้นดีล่ะเดี๋ยวข้าจะลองของมันหน่อย ใช้ของข้าไปทดสอบดูบ้านนี้ก่อน
ว่าจะใช่หรือไม่ หากมันแก้ไขได้ ก็แสดงว่าใช่บ้านนี้ เอามันคืนนี้เลยล่ะ???...
อาจารย์ทั้งสองกล่าวแก่กำนันทั้งหลายและเสี่ยหว่างให้ทราบ
ส่วนเรื่องของเสี่ยไม่ต้องต้องห่วงหรอก
ข้าจะใช้เด็กๆไปเกลี้ยกล่อมหากสำเร็จก็จะบังตาให้พวกเสี่ยด้วยนะ
แต่อย่าลืมที่กล่าวไว้เสียล่ะ???...อาจารย์ทั้งสองรีบทวงสัญญาทันที
เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกเสี่ยหว่างกล่าวขึ้น ขอให้งานข้าสำเร็จ
เดินทางถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ นายข้าทางโน้นพอใจก็ใช้ได้ข้าก็จะให้
คนนำเช็คมามอบให้แก่กำนันมั่นแล้ววานกำนันมั่นส่งต่อๆไปให้แต่ละคน
แล้วทั้งหมดก็ปรึกษาวางแผนกันว่าจะดำเนินกันอย่างไรบ้าง
กำหนดวันเวลาเพื่อจะเริ่มทำงาน ส่วนสถานที่แปรรูไปไม้นั้นพรุ่งนี้
จะให้คนมาพบกำนันหวนและกำนันใช้เพื่อไปดูสถานที่ที่เหมาะสมใน
การแปรรูปไม้ ขอให้กำนันทั้งสองติดต่อกับทางป่าไม้ให้เรียบร้อยด้วย
เดี๋ยวเกิดทางโน้นเปลี่ยนใจกระทันหันเรื่องมันก็จะใหญ่โตขึ้น อีกอย่าง
หากเกิดการผิดพลาดอย่างไร อย่าได้เอ่ยชื่อข้าเป็นอันขาดด้วยนะ บอก
เด็กๆของพวกกำนันไว้ด้วย จะอ้างหรือปฏิเสธอย่างไรก็ตามใจแต่ให้
มันสอดคล้องกันด้วย ทางที่ดีกำนันควรนัดแนะกันไว้ก่อนก็จะดี
เสี่ยหว่างกล่างขึ้น.....
เรื่องนี้ทางเสี่ยไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าจะนัดแนะกำนันและพวกไว้
ก่อนงานจะเริ่มทำนะ อีกอย่างหนึ่งตามธรรมเนียมข้อนี้เสี่ยก็รู้ดีว่าควร
จะทำอย่างไร???....กำนันมั่นเตือน
ครั้นเสี่ยได้ยินเช่นนั้นก็หัวร่อ พร้อมทั้งเปิดกระเป๋านับเงินออกมายื่น
ให้กำนันทั้งสามไว้พร้อมกับอาจารย์ทั้งสองด้วย พลางกล่าวว่านี่เป็นแค่
น้ำจิ้มเท่านั้น หากสำเร็จเมื่อใดอาหารจริงก็จะส่งตามหลังมาอีกมาก
เมื่อกำนันและอาจารย์ทั้งหลายรับเงินมาแล้วไม่นับ เมื่อมองเห็นว่าเป็น
ฟ่อนใหญ่มากล้วนแล้วแต่แบงค์พันทั้งสิ้นก็เก็บไว้เรียบร้อย หันไปบอกเสี่ย
อย่างงั้นเสี่ยเริ่มได้แล้วล่ะ จะเป็นเมื่อไหร่บอกคนของเสี่ยพร้อมก็แล้ว
กันนะ พวกข้าจะได้เตรียมคนเอาไว้ให้ก็แล้วกัน จะได้เสร็จกันเร็วๆ
ดีๆๆๆเมื่อพวกเราตกลงกันได้เช่นนี้แล้ว ก็เป็นอันว่าคงจะไม่มีอะไรเกิด
ขึ้นอีกนะ งั้นพวกข้าลาก่อนพลางหันไปทางกำนันมั่นกล่าวว่า
พวกเรากลับกันได้แล้วเมื่อตกลงกันได้เช่นนี้
ส่วนทางกำนันนั้นเพียงแค่ส่งคนนำทางมาให้แก่กำนันทั้งสอง
และร่วมมือด้วยนะ มิฉะนั้นอาหารก็จะน้อยลง
ตามสภาพของงานซึ่งกำนันก็รู้อยู่แล้วนี่นาด้วยทำงานกับไอ้เม้งมานานแล้ว
ครั้นแล้วทั้งหมดก็ลาพวกกำนันและอาจารย์ทั้งหมด ออกจากบ้านไปเมื่อ
ถึงบ้านกำนันมั่น เสี่ยหว่างก็เอ่ยขึ้นว่า
อย่างนั้นผมไม่เข้าไปบ้านกำนันก็แล้วกันนะ จะได้รีบกลับเข้าเมืองไปรายงาน
เจ้านายข้าเสียก่อน เพื่อให้เขานัดแนะทางโน้นไว้ กำนันมั่นพยักหน้า
แล้วเสี่ยกับพวกก็รีบออกเดินทางกลับทันที.........................
* แก้วประเสริฐ. *
3 ธันวาคม 2553 19:10 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๖
เมื่อได้นั่งสนทนากับพ่อแม่น้องสาวน้องชาย ภายในห้องโถง
สักพักเกี่ยวกับสิ่งของที่เขาซื้อมาให้ ต่างคนต่างใส่เสื้อผ้าทั้งสิ้นยกเว้น
มีเพียงสาวชบาเท่านั้น ทั้งไม่กล้าเอ่ยคำถามใดๆเลย นอกจากนั่งฟังเฉยๆ
สิ่งที่ยังค้างคาใจหล่อน ก็เกี่ยวกับเรื่องลับที่ชายหนุ่มซื้อมาให้นั่นเองว่าเหตุใด
ถึงรู้ขนาดของหล่อนไปหมด นอกจากฟังเขาคุยกันเท่านั้น ด้วยการก้มหน้าฟัง
จนชายหนุ่มเอ่ยถามหล่อนขึ้นว่า...
อ้าวน้องชบาไม่เห็นคุยอะไรเลย ผิดกับเจ้าชัยคุยจ้อเลยล่ะ???
หญิงสาวเงยหน้ายิ้มแต่กระนั้นสีหน้าแก้มยังแดงระเรื่อๆอยู่
หล่อนตอบแก่เขาว่า...
น้องไม่รู้จะคุยอะไรนี่นาพี่ เจ้าชัยมันคุยเสียหมดแล้ว????.....
ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆแล้วหันไปคุยเรื่องอื่นๆต่อไป
เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว
สักครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ขอตัวเข้าห้องว่าต้องจะวางแผนทำงาน
สักอย่างหนึ่งก่อน ด้วยไปในเมืองมาครับ ชายหนุ่มกล่าว
พ่อแม่เขารู้แล้วว่าเขาจะทำอย่างไร แต่มิได้กล่าวถามเพียงคิดว่า
คงเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของลูกจึงเฉยๆเสียไม่กล่าวอะไร
ถ้าอย่างนั้นไปทำธุระของลูกก่อนก็แล้วกัน ฝ่ายผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้น
เดี๋ยวพ่อแม่เจ้าชัยจะได้ออกไปดูงานเหมือนกันนะ แต่ยังนั่งคุยกันอยู่ต่อไป....
แต่ก็ยังเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่มว่า....
คิดจะทำอะไรๆก็ควรไตร่ตรองให้รอบคอบระมัดระวังตัวด้วยนะลูก
ถึงอย่างไรก็อย่าได้ประมาทคนเก่งกว่าเราอาจจะมีแยะ อีกอย่างพ่อเองก็ได้ข่าวว่า
ทางบ้านหมู่บ้านโคกยายหอยนั้นมีอาจารย์เขมร รู้สึกจะชื่อเจี๊ยะเปิ้ง กระมังนะ
มาพักพิงอยู่แล้ว และทางหมู่บ้าน
บางโคอาจารย์ส่วยเชื้อสายชาวขมุ ก็มาอีก เหมือนชื่อ เสิ่งปาง
พ่อเองได้ยินเขาพูดๆกันจะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ซิ ลูกลองให้ลูกน้องตรวจสอบดู
ก็แล้วกันนะ พวกมันล้วนแล้วแต่เก่งกล้าวิชาอาคมด้วยกันทั้งสองคนนั่นแหละ
การทำงานก็ควรระมัดระวังหน่อยนะ คราวนี้ไม่ธรรมดาเสียด้วย???....
พ่อกล่าวด้วยความเป็นห่วง
ครับพ่อ...ผมเองก็พอจะรู้เหมือนกันว่าทางกำนันทางโน้นเขาไปเชิญมันมาด้วย
คนของเขาได้เสียชีวิตไปมาก จำเป็นต้องใช้พวกนี้ทำงานร่วมด้วย เนื่องจากทุกๆ
ครั้งงานก็เรียบร้อย พอคราวที่แล้วผีที่อาจารย์ดำส่งไปมันล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้หมด
ซึ่งก่อนนั้นมันใช้พวกผีไปทำงานคอยดูลาดเลาให้ครับ งานถึงได้สำเร็จไป
นั่นแหละดีแล้ว จะใช้คนของเราก็ควรให้มันระวังตัวไว้ด้วย
ได้ข่าวว่าทั้งสองมันเก่งกล้าอาคมมามากกว่าอาจารย์ดำเสียอีก ผู้เป็นพ่อกล่าว
หากพ่อจะช่วยได้ก็บอกมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกลูก???......
ครั้นชายหนุ่มเดินเข้าห้องพักไปแล้ว ก็เห็นบรรดาหนุ่มๆและนางอัปสร
กำลังสนทนากันจึงเข้าไปนั่งร่วมด้วย
โดยปิดประตูไว้เพื่อจะไม่ให้พ่อแม่รู้เรื่องราวของเขาและได้ยินเสียง
ในการสนทนาของพวกเขาเกรงจะเป็นห่วงเป็นใยมากขึ้น
จะทำให้เกิดความไม่สบายอกสบายใจเรื่องงานของเขาที่จะทำขึ้น
พอชายหนุ่มก้าวเข้ามา แม่นางรัตนาวดีกับแม่นางอ้อยสุดาวัลย์
ครั้นแลเห็นชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อชายหนุ่มนั่งเรียบร้อยแล้ว
พลันกล่าวขอบใจมากจ้าที่ซื้อของมาฝาก และพลางกล่าวขึ้นว่า
ต่อไปพี่ไม่ต้องซื้ออะไรมาก็ได้นะ ด้วยพวกน้องๆใช้แต่ของทิพย์ทั้งนั้น
ของพวกนี้สู้ทางเบื้องบนไม่ได้หรอกจ้าแต่ดีใจขอบใจมากด้วย
ที่มีน้ำใจแก่พวกเรา ที่ไม่ลืมทำให้ปลาบปลื้มใจยิ่งนัก
ส่วนเจ้าแสงสีสินชัยกับกล่าวแตกต่างกับแม่นางอัปสารทั้งสอง
พลางยิ้มระรื่นหัวร่อร่า พร้อมกันกล่าวว่า
ขอขอบใจนายมากครับ.......พร้อมทั้งโชว์เสื้อผ้าใหม่ที่ใส่อยู่จับมาให้ดู
ชายหนุ่มจ้องมองดูแล้วก็หัวเราะบอกแก่หุ่นทั้งสองว่าไม่เป็นไรหรอก
เจ้าแสงสีสินชัยแค่สินน้ำใจเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
หากไปในเมืองอีกจะหาของแปลกๆสวยๆกว่านี้มอบให้
แล้วหันหน้าไปทางนางอัปสรทั้งสองพลางมองดู
ยิ่งพิศยิ่งช่างงดงามอะไรเช่นนี้รัศมีผ่องพรรณงดงามยิ่งนัก
เขาเพ่งมองจนนางอัปสรทั้งสองบังเกิดความเอียงอาย กล่าวว่า
พี่โชติไม่เคยเห็นหรือถึงจ้องเอาๆเช่นนี้??....พลางก้มหน้าลงมองพื้น
ชายหนุ่มก็ตอบว่า เคยเห็นนะเห็นหรอกแต่วันนี้ทำไม
วันนี้ช่างสวยงามยิ่งนักเป็นพิเศษด้วยจ๊ะ พลางยิ้มหน้าระรื่น
ยิ่งมองยิ่งสวยมากขึ้นทุกๆที จนนางทั้งสองหันมามองหน้ากันด้วย
ความเขิน เมื่อได้ยินชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้อีก.....
ชายหนุ่มพลันตัดบทว่าแต่อย่าพึ่งคุยกันเรื่องนี้ก่อนนะ
เดี๋ยวขอพี่คุยกับเจ้าแสงสีสินชัยก่อนนะ แล้วค่อยมาคุยกันเพราะ
ด้วยมีงานต้องใช้เขาทั้งสองด้วยล่ะขอโทษด้วยนะ??...
ชายหนุ่มกล่าวแก่แม่นางอัปสรทั้งสอง ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ
กล่าวเสร็จร่างของนางทั้งสองก็ค่อยๆอันตรธานหายไป.......
หล่อนทั้งสองรู้เรื่องดีว่าจะคุยเรื่องอะไรกัน อยากจะช่วยแต่ด้วย
เป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายเขา จึงกลับไปยังร่างเดิม
ครั้นนางอัปสรทั้งสองหายลับไปแล้ว.....
ชายหนุ่มจึงเรียก เจ้าแสงสีสินชัยเข้ามาแจ้งว่าให้ไปดูทางหมู่บ้านบางโค
และหมู่บ้านโคกยายหอยสักหน่อย ข้าเองมีเรื่องให้ช่วยเหลือ
ได้ข่าวว่ามีอาจารย์ที่ทางกำนันทางโน้นเชิญมา แต่ไม่ต้องไปรบกวนอะไร
มากนะว่าจะมีวิชาอาคมเก่งกล้าขนาดไหน หากเกลี้ยกล่อมผีของมัน
ได้ก็ยิ่งจะดีมากว่ามันเลี้ยงผีจำพวกอะไรบ้างเท่านั้นว่า
ฤทธิ์เดชผีของมันเป็นอย่างไรบ้าง???..... เพื่อจะหาทางแก้ไขเหตุการณ์ได้
เพียงแค่ทดลองบริวารมันก็พอรู้แล้วมันเก่งทางด้านไหนๆ รีบกลับมาแล้ว
แล้วย้อนไปสืบทางบริเวณด้านติดริมโขงที่มีน้ำมากที่จะมาสิ้นสุดต่อจากนั้น
จะเป็นโขดหินพอจะเดินข้ามฝั่งได้แต่ต้องอาศัยความชำนาญเท่านั้น ส่วนมาก
จะเป็นทรายลึกๆและจะมีร่องน้ำแห้งๆ จะมีการติดต่อค้าขายกัน ใจข้าคิดว่า
พวกมันคงจะมาติดต่อกันไว้ก่อนแล้ว มีแต่พวกเจ้าป่าเจ้าเขาผีต่างๆที่อยู่ที่นั่นรู้
ซึ่งทางติดด้านเขาทางทิศเหนือตรวจสถานที่ไว้ด้วย ตลอดหนทางหนีทีไล่ไว้ด้วย
ด้วยเสี่ยหว่างมันจะนัดทางพวกขนไม้เถื่อนมาจะมาส่งกันที่ไหนวันเวลาใด
ซึ่งเจ้าตอนนี้ก็สามารถจะเอาตัวรอดได้แล้วนี่นะด้วยร่ำเรียนจากข้ามามากทั้ง
วิชาอาคมที่ข้าสอนให้เจ้าไว้ก็มากพอจะเอาตัวรอดได้ มีฤทธิ์เดชมากมายมากนัก
คิดว่าพวกอาจารย์นั้นคงจะทำอะไรเจ้าไม่ได้อีกแล้วล่ะ
ทั้งยังสามารถปั้นดินมาสร้างเป็นบริวารของเจ้าได้อีกด้วย หากพวกผีเหล่านั้น
ไม่เต็มใจ เจ้าก็เอาดินมาเสกทำเป็นหุ่นต่างๆใช้มันสืบเสาะหาแทนก็แล้วกัน
หรือให้มันเข้าไปติดต่อกับบริวารมันด้วย อีกทั้งเจ้าป่าเจ้าเขาก็ควรให้ความคาราวะ
และขอความช่วยเหลือแก่ท่านด้วยล่ะ ไปก็ไปหาท่านเสียก่อนขออนุญาต
แล้วจึงไปใช้พวกผีป่าผีโป่งผีกองกอยทั้งหลายขอความร่วมมือจากพวกมันด้วย
ห้ามใช้อำนาจฤทธิ์เดชเจ้าข่มขู่เสียล่ะ ต้องให้มันช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
บริสุทธิ์จึงจะได้ผลดี มิฉะนั้นหากเจ้าใช้ฤทธิ์เดชแก่พวกมันงานก็จะเสียหายไป
จึงอย่าใช้เป็นอันขาด นอกเสียจากมันจะต่อต้านไม่ยินยอม จึงจะใช้บังคับมัน
แต่ว่าข้าคิดว่าคงจะต้องกำหราบมันเสียก่อนด้วยมันคงจะไม่ยอมง่ายๆหรอก
แต่ให้ใช้ความเมตตาเป็นที่ตั้งเสียล่ะ ชายหนุ่มย้ำตักเตือนแก่เจ้าแสงสีสินชัยไว้
จ้านาย....เจ้าแสงสีแสงสินชัยรับคำ .........
งั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาจะได้เดินทางไปทั้งสองแห่งและควรที่พวกเจ้าควรอย่า
ได้ประมาทให้ระมัดระวังตัวไว้ด้วย หากจนปัญญาให้รีบกลับมาเสีย หากไม่มี
ปัญหาใดๆ ถึงควรจะบอกพวกเจ้าผีทั้งหลายไว้ด้วย ช่วยเป็นหูเป็นตาแทน
ให้คอยช่วยสอดสองดูแลการติดต่อของพวกมันไว้แล้ว
จะไปฟังข่าวพวกมันอีกครั้งหนึ่งครับ ได้ความอย่างไร
ให้รีบมารายงานแก่ข้าด้วย
เพื่อจะได้วางแผนการจับกุม ได้ข่าวว่ามันจะแบ่งการขนย้าย
เป็นหลายๆสายด้วยล่ะ ข้าได้ข่าวว่ามันจะให้อาจารย์ต่างๆมาช่วยงานนี้ด้วย
ฉะนั้นให้ดูลู่ทางหนทางที่ใช้ในการเดินทางไว้ให้ละเเอียด
อย่าให้ผิดพลาดได้เป็นอันขาด จะได้วางกำลังให้เหมาะสม ด้วยตอนนี้กำลัง
ของพวกเรามีน้อย พวกอาสานั้นก็ยังไม่ชำนาญเพียงพอในอาวุธใหม่ๆด้วย
ส่วนข้าเมื่อทราบแล้วก็จะรีบสั่งการให้เรียบร้อย
ยังมีงานที่ต้องทำอีกหลายๆอย่างด้วย
อ้อๆๆ.....อีกอย่างหนึ่งให้ไปที่บ้านกำนันทั้งสามหมู่บ้านด้วยนะว่า
มันต่างหารือกันคอยดูว่าเสี่ยหว่างกับเสี่ยเม้งมันจะกล่าวอะไรกันบ้าง
รู้แล้วเรื่องที่ข้าเรียกมาให้ไปนี้
ได้ความอย่างไรก็รีบกลับมาโดยเร็วด้วยนะ จะได้รีบสั่งการให้ทันเหตุการณ์
ส่วนเรื่องอาจารย์ที่มานั้นแม้มันจะเก่งกาจอย่างไร
ข้าคิดว่าคงจะไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกสำหรับด้านอาจารย์ทุศีลเช่นนี้
ให้งานบ้านเมืองเรียบร้อยก็เพียงพอ เพียงประชาชนอยู่อย่างสุขสบายข้าก็ดีใจแล้วล่ะ.....
ชายหนุ่มกล่าวแก่เจ้าแสงสีและสินชัย...
นายคอยฟังข่าวข้าทั้งสองก็แล้วกัน จะได้รีบออกเดินทางเดี๋ยวเลย
แล้วร่างมันก็พุ่งหายไปทางหน้าต่างหายลับไปทันที....
ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มสั่งงานอยู่นั้น ที่บ้านกำนันมั่น เสี่ยเม้งและเสี่ยหว่าง
กำลังนั่งคุยกันเกี่ยวกับงานด้านนี้ในการขนถ่ายสินค้า
แต่ทางเสี่ยเม้งบอกว่าให้เสี่ยหว่างคุยกับกำนันมั่นไปก่อนก็แล้วกัน
ด้วยทางกำนันนั้นรู้จักกับพวกกำนันทางด้านนี้สนิทกันด้วย
ด้วยตอนนี้ทางมันได้รับคำสั่งจากทางนายในกรุงเทพฯว่า
อย่าพึ่งทำการใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะได้รับคำสั่งมา ส่วนทางนี้ข้า
กำลังติดต่อผู้ใหญ่อยู่ก่อนว่าจะมีคำสั่งให้ลงมือเมื่อไร???....
เมื่อเสี่ยหว่างได้ยินเช่นนั้น ก็หันหน้ามาทางกำนันมั่นกล่าวว่า
คิดว่าต้องขอพึ่งทางกำนันหน่อยนะ หากงานสำเร็จแล้ว
ข้าก็จะมิให้กำนันไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอกจะให้อย่างงามทีเดียว
ข้าเองได้ฟังจากเสี่ยเม้งก็ร้อนใจยิ่ง ด้วยทางผู้ใหญ่ข้าเองก็เร่งรัดมาด้วย
จะผลัดผ่อนว่าเหตุการณ์ระยะนี้ไม่ปกติ
เขาก็บอกไม่ได้ ให้หาทางนำมามิฉะนั้นจะเสียหายหลายอย่างหมด
ข้าเองก็ไปหาท่านรองผู้กำกับมา แต่มันไล่ตะเพิดข้าออกมา
จึงต้องมาขอแรงทางกำนันช่วยนำพาข้าไปบ้านกำนันต่างๆให้หน่อย
กำนันจะว่างหรือไม่ล่ะ???... เสี่ยหว่างถาม
ทางข้าเองก็ไม่เป็นปัญหาหรอก หากลูกชายข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ
และพวกพ้องก็ต่างมากันล้มตายเสียมากด้วยและถูกจับกุมไป
ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรเลย???......กำนันมั่นตอบ
แต่เรื่องติดต่อกำนันต่างๆนั้น ข้าจะนำไปเอง
ด้วยลูกข้ายังเดินไม่ค่อยได้อยู่ แล้วเสี่ยหว่างจะพร้อมเมื่อไหร่ล่ะ???...
กำนันมั่นถาม
นี่ก็ยังไม่เที่ยง ข้าว่ารีบไปก็จะดีนะ ส่วนไอ้เม้งมันคงจะกลับเองแหละ
กำนันไปกับพวกข้าก็ได้ แนะนำและมาช่วยกันวางแผนกันเท่านั้นก็พอแล้ว
ส่วนแผนการนั้นทางผู้ใหญ่ข้าได้กำหนดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ขอเพียงอาศัยกำลังคนนำทาง และหนทางต่างๆเท่านั้นเองแหละ..เสี่ยหว่างกล่าว
ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกเสี่ย????.....
งั้นเดี๋ยวเรารีบออกเดินทางไปดีกว่าจะได้ไม่มืดค่ำเสียก่อน
ด้วยทางไปลำบากมากด้วยนะ
ข้าจะเอาคนสองสามคนไปเท่านั้น แต่การเจรจาให้เสี่ยเจรจากันเอาเองก็แล้วกัน....
กำนันมั่นเอ่ยขึ้น
ตกลงหากกำนันว่างเราก็ออกเดินทางกันได้แล้วล่ะ???.......เสี่ยหว่างกล่าวขึ้น
พลางหันไปทางเสี่ยเม้งกล่าวว่า เฮ้ยไอ้เม้งมึงกลับเมืองก่อนก็ได้นะโว้ย!!!!....
ข้าจะรีบไปกับกำนันเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน
เออๆ!!!.....งั้นมึงรีบไปเถอะว๊ะ พลางหันไปทางลูกน้องสามสี่คนบอกว่า
พวกมึงกลับเมืองได้แล้วว๊ะ....แล้วเสี่ยเม้งก็ลากำนันมั่น........
พร้อมเดินลงบันไดไปเพื่อจะออกเดินทางเข้าเมืองไป
พลางเห็นลูกชายกำนันกับสาวๆและหนุ่มสองสามคนกำลังกินเหล้ากันอยู่
ไอ้แม้นและพวกพร้อมหญิงสาวทั้งหลาย พลางพลันกล่าวขึ้นว่า....
เสี่ยไม่ร่วมกินกับพวกข้าหรือสักแก้วก็ยังดี พลางจะรินเหล้าส่งให้ เสี่ยเม้ง
เสี่ยเม้งก็บอกว่าข้ามีธุระว๊ะไว้วันหน้าก็แล้วกันตัองรีบกลับก่อนล่ะเดี๋ยวจะมืดค่ำ
ไปพวกเราไปเสี่ยเม้งกล่าว แล้วเดินนำหน้าพาพวกขึ้นรถเก๋งออกเดินทางไปทันที
สักพักก็เห็นพ่อนำหน้าเสี่ยหว่างและพรรคพวกเดินลงจากบ้านมา
ไอ้แม้นก็ถามทันทีว่า....
อ้าวๆๆ!!!!.......พ่อจะไปไหนหรือ????.... ลูกชายถาม
กูจะพาเสี่ยหว่างไปพบกำนันบ้านโคกยายหอยและ บ้านบางโคหน่อยว๊ะ
เสร็จแล้วก็จะรีบกลับ พวกมึงก็คอยเฝ้าบ้านก็แล้วกัน อย่าแดกให้เมามายมากนะ
พลางกวักมือเรียกชายหนุ่มสองสามคนที่กำลังเช็ดรถอยู่ใต้ถุนบ้าน
ส่วนอีกคนนั่งเล่นมองการทำงานของพวกมันอยู่อย่างสบายอารมณ์ร้องเพลงเบาๆ
เฮ้ยๆ!!!!...มึงทั้งสามนั่นแหละไปกับกูเดี๋ยวนี้โว้ยเอาอาวุธติดตัวไปด้วยนะ
หนุ่มสามคนครั้นเห็นกำนันกวักมือเรียกเช่นนั้น ก็รีบวางมือจากงานที่ทำไว้
โดยชายทั้งสามรีบผลุนผลัน มันหายเข้าไปในห้องใต้ถุนบ้านพลางก้าวออกมา
พ่อกำนันจะไปไหนหรือคนหนึ่งถาม???....
พร้อมแล้วหรือ???.....เออพวกมึงไม่ต้องรู้หรอกตามกูไปก็แล้วกันว๊ะ.....
ครับพ่อกำนัน....แล้วมันก็ไม่พูดอะไรอีกด้วยรู้นิสัยกำนันมั่นดี
จึงเดินตามหลังไปขึ้นรถเสี่ยหว่างและพรรคพวกขับรถเก๋งออกจากบ้าน
มุ่งหน้าไปบ้านโคกยายหอยก่อน โดยทางลัดซึ่งใกล้ที่สุด
ครั้นตกราวบ่ายแก่ๆก็มาถึงบ้านกำนันหวน รถแล่นมาเสียงแตรรถปีบแปร้นๆ
ประตูรั้วก็เปิดออกเห็นร่างชายหนุ่มกำยำคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู
ครั้นพอเห็นเป็นกำนันมั่นก็ยกมือไหว้ พลางถามว่า???...
กำนันมีธุระอะไรหรือครับ พ่อกำนันหวนกำลังอยู่ข้างบนพอดีครับ
แล้วมันก็พาพวกกำนันมั่นเดินขึ้นบนบันไดบ้านไปหากำนันหวนทันที
พร้อมพรรคพวกที่ติดตามกำนันมั่นมา...............
* แก้วประเสริฐ. *