11 ธันวาคม 2553 17:12 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๕
ร่างคนทั้งสามในรูปกายทิพย์และวิญญาณที่จะกลายเป็นกายทิพย์นั้นก็เข้าสู่
ยังที่บริเวณป่าที่ต้องการในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
(อันนี้กาลเวลาและพลังงานของแต่ละชั้นแตกต่างกัน ชั้นนั้นแบ่งเป็น สาม ชั้น
แตกต่างกันออกไปดังนี้.......
คือสรวงสวรรค์หนึ่ง ชั้นมนุษย์หนึ่ง แล้วนรกภูมิหนึ่ง อันสัมภาเวสี
คือวิญญาณที่ยังไม่ถึงอายุขัย สัตว์ต่างๆ และเปรต นั้นอยู่รวมกับชั้นของมนุษย์
เพียงแต่กาลเวลาแตกต่างกันไปย่อมไม่เหมือนๆกัน ชั้นสรวงสวรรค์
ก็กาลเวลาต่างๆกันตามแต่ละชั้น เช่นพรหมนั้นจะมีอายุยืนนานที่สุด
รองมาเรื่อยๆจนต่ำสุดคือ พวกอทิสมานกาย หรือพวกรุกขเทวาทั้งหญิงชาย
ติดกับแดนของมนุษย์กั้นไว้ด้วยพลังงานหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ มิติ ”
มนุษย์ก็มีอายุขัยแตกต่างเหมือนกัน บางคนอายุสั้น บางคนอายุยืนนาน
ตามแต่ผลกรรมที่กระทำ อันดินแดนมนุษย์นี้มีขึ้นเพื่อเป็นการถ่ายเทบาป
กรรมที่ทำมาก่อนแล้วหรือมาสร้างผลบุญกุศลกรรมให้มีเพิ่มมากๆขึ้นนั้นเอง
ดังนั้นทั้งการสร้างบาปหรือชำระล้างบาป สร้างผลบุญกุศลของแต่ละบุคคคล
ที่จะได้รับการเสวยผลแห่งการกรรมนั้นๆ แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หากจะตรัสรู้ก็ต้องลงมายังโลกมนุษย์นี้เท่านั้น การเป็นพระอรหันต์ที่ไม่ต้องมา
เวียนว่ายตายเกิดอีกนั้น ต้องผ่านทั้งสมถะกรรมฐานและเข้าสู่วิปัสนากรรมฐาน
ก่อน ด้วย สมาธิให้เกิดฌานใหญ่ดังนี้ ขนิษกสมาธิ อุปาจาระสมาธิ ปฐมฌาน
ทุติฌาน ตติฌานเข้าสู่ เอกัตตคัตตะอันเป็นตัวเชื่อมทางเข้าสู่ โสดาบัน อนาคา
อนาคามี โลกุตระ และพระอรหันต์ (ผมอาจจะจำผิดระหว่าอนาคา กับอนาคามี
หรืออาจจะมีเพิ่มเติมกว่านี้ขออภัยด้วย)
การเป็นพระอรหันต์นั้น แม้แต่บุคคลทั่วๆไปไม่ว่าชายหรือหญิงก็สำเร็จได้
แม้แต่สรวงสวรรค์ชั้นพรหมก็สำเร็จพระอรหันต์ได้ หากยึดมั่นคงไม่ลุ่มหลง
หมั่นเจริญฌานสมาธิวิปัสสนาตัดกิเลสน้อยใหญ่หมดสิ้น ทั้งรากเง่าน้อยใหญ่
ของกิเลส ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก ตัณหา โลภะ โทสะ และโมหะ ขาดสิ้นไม่เกิด
การปรุงแต่งอารมณ์ของจิตนั้นๆได้ ก็สามารถสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้
หากเป็นผู้ที่บวชเรียนไม่ว่าจะเป็น ภิกษุ แม่ชี หรือปะขาว แล้วนำธรรมที่รู้
มาเผยธรรมต่อชาวโลกแล้วไซร้ จะมีอายุได้ตามปราถนา แต่หากไม่อยู่ใน
ข้อใดข้อหนึ่ง ครั้นบรรลุเป็นพระอรหันต์ก็จะต้องตายภายในเจ็ดวันสิบห้าวัน
ทำไมด้วยเมื่อถึงขั้นนี้ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในมนุษย์ เกลียดชังตัวเองที่อุปมา
ดังหนอนที่กำลังกินอาจมเป็นต้น แล้วก็รีบเข้าสู่นิพานทันที
โดยไม่สามารถจะนำธรรมนั้นไปสั่งสอนใครได้อีกด้วยเขาจะไม่เชื่อถือ
ด้วยข้อนี้ จึงชิงหนีไปนิพานก่อน การจะเข้าสู่นิพานได้นั้นมีทางเดียวเท่านั้น
คือทาง อุปาจาระสมาธิซึ่งองค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าก็เสด็จไปทางนี้
ดังนั้นแดนนี้จึงมีความสำคัญเป็นระหว่างกลางของความดีและความชั่วที่จะ
มาเสวยผลบุญหรือผลแห่งกรรมนั้นๆตามแต่ละบุคคลไป จึงแลเห็นว่าจะเกิด
มีพวกที่หน้าตารูปร่างสดสวย บ้างปานกลาง บ้างขี่เหร่ บ้างรวย บ้างพอมีพอกิน
บ้างยากจนข่นแค้นแสนสาหัส หากจิตที่มาบังเกิดนั้นหากมาจากนรกภูมิสันดาน
นิสัยยังไม่ยอมรับผลแห่งกรรมติดตามมาอีกด้วยก็จะหวนกลับไปเหมือนเดิมอีก
จะเป็นพวกนักเลง มือปืน นิสัยรุนแรงชอบเอาแต่ใจตัวเป็นใหญ่ ไม่เกรงกลัวต่อ
บาปกรรมใดๆ แม้แต่ผู้ให้กำเนิดก็ตามที แล้วก็หวนกลับไปสู่นรกภูมิอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนที่มาจากเบื้องบนก็จะมีนิสัยในทางธรรมชอบกระทำความดีเป็นที่ตั้ง ตั้งมั่น
หมั่นทำบุญสุนทานแก่ผู้ยากไร้ บำรุงศาสนาเพื่อหวังกลับคืนไปยัง
แดนเสวยสุขต่อไปจนหมดผลบุญจึงได้กลับมาสร้างบุญต่อไปใหม่ด้วยเหตุดังนี้
ส่วนนรกภูมิกาลเวลาย่อมแตกต่างกันไปตามขุมนรกชั้นนั้นๆตามผลกรรมชั่ว
แบ่งเป็นชั้นเล็กน้อยใหญ่ไปตามลำดับ รวมเป็น แปดขุมใหญ่นรกภูมิ
และบรรดาแต่ละขุมนั้นยังมีขุมบริวารของขุมใหญ่อีกร้อยแปดขุมที่ต่ำสุดนั้น
จะมีอายุนานที่สุดดุจดังเช่นเดียวกับชั้นพรหม การไปสู่นรกภูมินั้น
เกิดจากการเสวยผลกรรมชั่วที่กระทำมานั่นเอง ว่าผลกรรมนั้น
จะส่งไปสู่ชั้นไหนๆ ตามแต่ผลกรรมที่ตนกระทำไว้เป็นสื่อนำวิญญาณนี้บังเกิด
ชั้นทั้งสาม อันได้แก่ สรวงสวรรค์ มนุษย์และนรกภูมิ
พวกเปรตหรือสัตว์นั้นจัดว่าเป็นจำพวกนรกภูมิทั้งสิ้น ยกเว้นสัมภเวสี
ที่ยังไม่ถึงอายุขัยแต่มาตายเสียก่อนจึงจะไปรับผลกรรมของตนเองไม่ได้
จึงได้แต่วนเวียนเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆกัน จนกว่าวาระอายุขัยครบกำหนด
แล้วจะมีคนมารับตัวไปเสวยผลแห่งกรรมของตนเอง แล้วก็จะดับไป
อีกครั้ง จึงไปเสวยผลกรรมของตนเองเป็นต้น การเกิดดับนี้จะดับเกิดเป็น
ช่วงๆไป จนถึงที่สุดแห่งผลกรรม หรือที่เขาเรียกกันว่า
กฏแห่งกรรมเป็นต้น แต่การเกิดขึ้นเป็นมนุษย์นั้นหากสัญญายังไม่ดับไปหมด
พร้อมกับธาตุสี่ที่รักษาร่างกายไว้ ครั้นมาเกิดใหม่สัญญาเก่าคือจำได้หมายรู้
ก็ยังติดตามมาอีก แค่เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้นๆเท่านั้น สัญญานั้นก็จะ
หายไปด้วยถูกสัญญาในร่างใหม่เข้าแทรกทำลายดับไปเอง)
เมื่อร่างทั้งสามในสภาพของกายทิพย์วิญญาณมาถึง ชายหนุ่มก็กล่าว
กับเจ้าแสงสีสินชัยว่า
“พวกเราควรจะไปหาท่านเจ้าป่าเจ้าเขาก่อนด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ที่
คอยดูแลควบคุมในบริเวณนั้นๆ ไปแสดงความคาราวะก่อนที่เราจะไป”
ชายหนุ่มกล่าวทันที
แล้วร่างทั้งสามก็ไปปรากกฏยังท่านเจ้าป่าและเจ้าเขาพร้อมทั้งน้อม
กายลงแสดงความคาราวะนอบน้อม
ครั้นเจ้าป่าเจ้าเขาแลเห็นชายหนุ่มก็ต่างตกใจที่เขามาแสดงความเคารพ
ต่างรีบลงจากอาสนะวิมาน พลางทรุดร่างลงก้มพนมมือไหว้แก่ชายหนุ่ม
ทันที ทำให้ชายหนุ่มและเจ้าแสงสีสินชัยต่างตกใจไปทันที ชายหนุ่มพลัน
เอ่ยขึ้นแก่เจ้าป่าเจ้าเขาว่า......
“ เหตุไฉนใยท่านถึงทำเช่นนี้ไปใยเล่า สิ่งที่ข้าฯมานั้นหวังเพื่อที่
จะขออาศัยสถานที่ท่านตรวจสอบเหตุการณ์บางอย่างเท่านั้น
เพื่อทำงานในร่างที่ยังดำเนินภาระกิจอยู่ตามหน้าที่ หาได้ทำให้ท่านต้องจะ
กระทำถึงเพียงนี้เชียวหรือ???.... ”
ครั้นเจ้าป่าเจ้าเขาทั้งสองที่ชายหนุ่มไปพบ ต่างแจ้งกันว่า
“. อันท่านนี้เป็นผู้มีบุญวาสนาสูงส่งนัก มาจากเทพเบื้องบนชั้นสูง
ใยเล่าข้าน้อยจะกระทำตนเสมอไปได้เล่าขอรับ ท่านนี้มีความประสงค์สิ่งใด
จึงได้ออกเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง ”
กายทิพย์ชายหนุ่มจึงเข้าไปพยุงร่างให้มานั่งพลันกล่าวว่า
. “ หากข้าฯนั้นจะมาจากที่ใดก็ตามดั่งเช่นท่านว่าไว้หรือไม่ ข้าฯเองหาทราบ
ใดๆไม่ แต่ในฐานะท่านเป็นผู้ใหญ่ในบริเวณนี้และยังต้องพึ่งพาอาศัยท่าน
ดังนั้น จึงสมควรอย่างยิ่งนักที่ผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่เป็นธรรมดา
แต่จะหาได้มีโทษภัยใดๆแก่ท่านใดๆไม่ ”
“ ข้าทั้งสองได้ยินคำของท่านกล่าวเช่นนี้แล้วให้รู้สึกสบายอกสบายใจขึ้นด้วย
เป็นกฏแห่งสวรรค์ที่วางไว้ ผู้น้อยพึงมีแต่นอบน้อมผู้ใหญ่ชั้นสูงกว่าขอรับ ”
เจ้าป่าเจ้าเขาน้อมตอบ
ชายหนุ่มในร่างกายทิพย์ได้ยินเช่นนี้ จึงกล่าวขึ้นว่า...
“ถึงแม้ว่าหากเป็นดังคำพูดดั่งนี้ของท่านแล้ว ทำให้ข้าเองก็กระอักกระอ่วนใจ
ยิ่งนักแต่ทว่าบัดนี้ ข้ามาบังเกิดในชั้นที่ต่ำกว่าท่านอยู่
เหตุนั้นจึงลบล้างกฏแห่งสวรรค์ได้มิใช่หรือ???.....” ชายหนุ่มกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
เจ้าป่าและเจ้าเขาพลางหันหน้ามองกันและกัน พลางกล่าวขึ้นอีกว่า
“ ถึงแม้คำพูดของท่านนั้นก็จริงอยู่หรอก แต่หากไม่รู้จะเป็นเหตุใดหรือไม่
แต่ถ้าหากรู้แล้วจะมานอกกฏได้อย่างใด”
“ ด้วยท่านมาสภาพของกายทิพย์นี้ยิ่งแสดงผลบุญกุศลอันชัดเจน
รัศมีท่านเปล่งปลั่งดุจประกายไหมแก้วทองอันมีรัศมีพวยพุ่งหลากหลายสีนัก
ย่อมแสดงถึงบุญญาธิการในการเจริญสมาธิขั้นสูงส่ง
“ มิฉนั้นใยเล่าจะมาในรูปกายทิพย์ได้ หากมาดแม้นท่านมารูปลักษณ์
ของมนุษย์แล้วไซร้ ก็ย่อมหาทางเลี่ยงกฏสวรรค์ ได้ขอรับ ”
เจ้าป่าเจ้าเขากล่าวพร้อมๆกัน
“ เอาล่ะข้อนี้ข้าฯเองขอรับผิดชอบต่อเทวะเบื้องบนเอง หากจะมีการทำโทษท่าน
หรือสาเหตุใดๆก็ตาม ให้ท่านอ้างคำกล่าวของข้าฯไว้ก็แล้วกัน”
พลันกายทิพย์ชายหนู่มก็แหงนหน้ายกมือขึ้นพนมมือ พลางเอ่ยขึ้นทันทีว่า
“ ข้าแต่เทวะเบื้องบนทุกๆชั้น บัดนี้ข้าฯน้อยต้องจำเป็นอาศัยกระทำสถานที่นี้ดังท่าน
เองก็ทราบอยู่ด้วยฌานทิพย์แล้ว จงโปรดรับรู้ด้วยว่าเจ้าป่าเจ้าเขาทั้งสองมิได้ฝ่าฝืนกฏ
แห่งสวรรค์ใดๆ ถึงมาดแม้นมีขึ้นข้าฯขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว ”
กล่าวแล้วชายหนุ่มก็ก้มตัวลงกราบทันที
ฉับพลันก็บังเกิดเสียงคำรามก้องของท้องฟ้าในเบื้องบนทันทีแล้วเสียงก็เงียบหายไป
ชายหนุ่มก็รับทราบทันทีว่า ทางเบื้องบนรับทราบคำอธิษฐานของเขาแล้ว
ครั้นแลไปเหลือบมองเจ้าป่าเจ้าเขาทั้งสองที่ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด ก็ทราบสาเหตุ
ใดท่านทั้งสองจึงมีอาการเช่นนี้ พลางเอ่ยต่อเจ้าป่าเจ้าเขาขึ้นว่า.....
“ บัดนี้เทวะเบื้องบนทราบสิ่งที่ข้าฯกระทำแล้ว และทรงให้อภัยต่อกฏเกณฑ์นี้แล้ว
ข้าฯขอเชิญท่านทั้งสองจงช่วยนำทางแก่ข้าฯด้วยเถิด”
พลันเจ้าป่าเจ้าเขาก็พากันก้มลงกราบกายทิพย์ชายหนุ่มทันที พล่างเอื่อนเอ่ยวาจาว่า
“หากมิได้ท่านผู้มีบุญญาธิการกล่าวเช่นนี้ มาดแม้นข้าเองจะกล่าวเช่นไรก็หาได้พ้น
ผิดไปได้ จึงต้องน้อมก้มคาราวะท่านก่อน ผิดนั้นจึงพึงจะชดใช้ได้ขอรับ ”
“เอาละๆ....ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ผ่านพ้นไปด้วยดีเช่นนี้ ขอท่านจงเล่าเหตุการณ์ให้ข้าฯฟัง
และโปรดนำทางแก่ข้าฯด้วยเถิด ”
ดังนั้นเจ้าป่าเจ้าเขาเมื่อลุกนั่งเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วจึง เล่าความทั้งหมดให้ชายหนุ่ม
พร้อม ออกเดินทางไปยังสถานที่ทั้งสองทันที เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวทั้งหมดก็มาถึง
ยังสถานที่ทั้งสองนั้นๆ ชายหนุ่มจึงกล่าวขึ้นว่า
“ ข้าฯขอขอบใจท่านทั้งสองมาก ฉะนั้นหมดหน้าที่ท่านแล้วขอเชิญกลับไปพักผ่อนได้
เถอะนะ”
ชายหนุ่มกล่าว แล้วพลันก็ชวนเจ้าแสงสีสินชัยตระเวณตรวจสอนสถานที่ต่างอย่างละเอียด
เมื่อเรียบร้อยจนเป็นที่พึงพอใจแล้วจึงหันมา เพื่อจะกลับ ครั้นแลเห็นเจ้าป่าเจ้าเขายืนอยู่จึงเข้า
ไปลาเจ้าป่าเจ้าเขาอีกครั้งหนึ่ง ครั้นเจ้าป่าเจ้าเขารับทราบพร้อมน้อมคาราวะชายหนุ่ม
“ ข้าฯขอลาท่านทั้งสองก่อนด้วยพอใจในการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
ฉับพลันเจ้าป่าเจ้าเขาทั้งสองก็ย่อกายแสดงความเคารพตอบ พร้อมทั้งเอ่ยเอื้อนวาจาว่า
“ หากความเคลื่อนไหวมีอีกประการใด พวกเราก็จะใช้ให้เด็กๆไปแจ้งแก่ท่านขอรับ”
“ หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องขอรบกวนท่านทั้งสองด้วยแล้วล่ะ???.... ”
กายทิพย์ชายหนุ่มตอบพลางกล่าวลา แล้วร่างของทั้งสามก็หายวับไปทันที......
เมื่อเจ้าป่าเจ้าเขาเห็นดังนั้น ต่างก็พากันแยกย้ายไปตรวจสอบยังสถานที่
บริเวณอาณาเขตของตน ให้บังเกิดความเรียบร้อยตามหน้าที่ต่อไป
แล้วร่างทั้งสองก็ค่อยๆจางหายไปเช่นเดียวกัน
ร่างทั้งสามพลันปรากฏขึ้นในห้องชายหนุ่มทันที แสงสีสินชัยเห็นร่างกายทิพย์ของนายเดิน
ไปสวมทับยังร่างเดิมที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ สักพักชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น แล้วก้มลงกราบพระพุทธ
พร้อม ลุกขึ้นเดินมาหาแสงสีสินชัยทันทีพลางเอ่ยขึ้นว่า
“ ในเมื่อเราได้ไปดูสถานที่ต่างๆตลอดทางหนีทีไล่เรียบร้อยแล้ว ข้าจำเป็นต้องวานให้เจ้า
เดินทางไปพบสารวัตรอีกครั้งหนึ่ง ”
โดยไม่รอคำตอบของทั้งสอง เดินไปยังโต๊ะเล็กๆใช้ในการเขียนหนังสือ พลางร่างหนังสือ
ขึ้นอีกแล้วนำมายื่นส่งให้แก่เจ้าแสงสีทันที
ครั้นเจ้าแสงสีได้รับหนังสือแล้วร่างมันก็หายวับออกเดินทาง เมื่อมาถึงสารวัตรแล้วก็ยื่น
หนังสือของนายมันส่งให้สารวัตรชัชวาลย์ แล้วถอยออกมายืนรอคำสั่งอยู่
สารวัตรชัชวาลย์เปิดอ่านหนังสือก็ให้เด็กไปเรียกผู้กองทั้งสองมาพบที่ห้องแล้วต่างก็ปรึกษา
หารือกันในการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง สารวัตรพลางหันมาทางเจ้าแสงสีกล่าวขึ้นว่า
“ เจ้าไปบอกนายด้วยว่า ทางนี้ได้เตรียมพร้อมไว้คอยกำหนดวันเวลามาถึง
ก็จะให้แอบแฝงตัวแยกย้ายกันไปประจำตามหน้าที่ในหนังสือ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้น ”
เจ้าแสงสีเมื่อได้รับแจ้งเช่นนั้น ก็ยกมือไหว้อำลาสารวัตรแล้วรีบเดินทางกลับไป
พอถึงหน้าห้อง ของสารวัตร เดินออกนอกห้องพร้อมปิดประตู้ไว้ เหลือบแล
ไม่เห็นมีใครร่างมันก็หายไปเพื่อไปรายงานให้นายมันทราบ
ในระหว่างที่ฝ่ายโรงพักกำลังเตรียมปฏิบัติงานอยู่นั้น ทางด้านโรงพักอื่นๆ
ในเขตการควบคุมดูแลของโรงพักนี้
ตลอดจนโรงพักต่างๆ ก็พากันจัดเตรียมกำลังพลที่มาใหม่และไว้วางใจได้เตรียมพร้อมไว้
เพื่อรอคำสั่ง จากทางจังหวัดจะให้ลงมือเมื่อใด สถานที่วันเวลาใด
ส่วนทางด้านพวกนายอำเภอต่างๆที่ย้ายมาดำรงตำแหน่งครบเรียบร้อยแล้ว
และยังได้รับหนังสือกำชับจากเบื้องบนกำชับลงมาอีกว่าควรจะทำอย่างไร
กับสถานะการณ์ในเขตพื้นที่ควบคุมดูแล
แม้แต่ทางด้านป่าไม้ก็เช่นเดียวกัน ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้เดินทางจากกรุงเทพฯ
มาร่วมทำงานด้วย ทำให้พวกป่าไม้เก่าๆพากันสงสัย ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้
แต่ทางหัวหน้าป่าไม้ประจำจังหวัดมิได้เอ่ยแต่ประการใด แจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานตาม
ปกติเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกำชับให้พยายามตรวจสอบป่าไม้ไว้ด้วยอย่าละเลยเด็ดขาด
จึงเพียงแค่ซุบซิบกันเท่านั้นเองรวมทั้งพวกที่รับส่วยและไม่ได้รับส่วยด้วย
พวกรับส่วบต่างหนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน แต่ก็ไม่ได้รายงานให้พวกทำไม้เถื่อนรู้
ด้วยเกรงกลัวความผิดจะมาถึงตน เว้นแต่พวกที่จะเชื่อฟังหรือไม่เท่านั้นเอง
ภายในห้องชายหนุ่มเจ้าแสงสีและสินชัยได้รับการแจกแจง
แบ่งหน้าที่กันทำงานกันแล้ว ส่วนเจ้าแสงสีก็จัดกำลังพลที่ได้รับ
แล้วกล่าวว่า
“ ข้าแต่งตั้งให้เจ้าพ่วง ซึ่งเป็นครูฝึกนำกำลังเขาปะทะก่อนตำรวจ
ด้วย อาวุธปืนมันทำอะไรพวกเราไม่ได้อยู่แล้ว” เจ้าพ่วงก็คำนับ แล้วหันไปสั่ง
พวกหุ่นฝ่ายพวกตัวว่าจะต้องทำกันอย่างไรบ้าง ????....”
ทางเจ้าสินชัยก็เลือกหัวหน้าครูฝึกมาคนหนึ่งร่างกายกำยำล่ำสันมาก เอ่ยขึ้นว่า
“ข้าจะแต่งเจ้าเริ่มให้เป็นหัวหน้ากลุ่มพวกเราทั้งหลาย ส่วนข้าจะเป็นคนนำหน้า
เอง แล้วให้เข้าปะทะก่อนด้วยนะ”
เจ้าเริ่มน้อมกายรับคำสั่งแล้วไปชี้แจงแก่พวกที่มันควบคุมอยู่ให้รับทราบถึงแผนการณ์
ครั้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยก็หันไปลาชายหนุ่ม กล่าวลาทันที
“ ข้าทั้งสองขอลานายไปทำหน้าที่จะได้วางจุดกำลังให้แก่เหล่าพวกเราทั้งหมด”
ทั้งสองกล่าว
เมื่อชายหนุ่มเห็นการทำหน้าที่ของเจ้าแสงสีสินชัย อดปลาบปลื้มยินดีเสียมิได้สมแล้ว
ที่มันทั้งสองเป็นมือไม้ซ้ายขวาของเรา จึงเอ่ยขึ้นว่า
“ ข้าขออวยพรให้เจ้าจงปลอดภัยและมีชัยในการกระทำครั้งนี้ทุกๆตนด้วยนะ”
ทั้งสองกล่าวขอบคุณชายหนุ่มผู้เป็นทั้งนายและอาจารย์มัน หันหน้ามาพยักหน้ากัน
แล้วเจ้าแสงสีและสินชัยก็ต่างพาหุ่นทั้งหมดแยกย้ายกันไป
ประจำยังตำแหน่งที่ชายหนุ่มมอบแผนทีไว้ให้กระทำอยู่แล้ว
ทั้งสองทางตลอดจน ทางแยกต่างๆอีกด้วย
เมื่อไปถึงบริเวณที่จะใช้แฝงตัวหลบซ่อน ก็พบเจ้าป่าเจ้าเขารออยู่ก่อนแล้ว มันจึงพา
พวกทั้งหมดให้ทำการคาราวะเจ้าป่าเจ้าเขาทันที ทั้งหมดก็ปฏิบัติตาม
เจ้าป่าเจ้าเขาก็เอ่ยขึ้นว่า
“ บัดนี้ข้าได้นำบริวารมาเพิ่มเติมให้แก่เจ้าทั้งสองแล้ว ขอให้เจ้าสั่งการได้ทั้งหมด
แล้วหันไปทางบรรดาผีทั้งหลายให้รับทราบ พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคนเหล่านี้นะ”
พวกผีทั้งหลายต่างก็เข้ามารายงานตัวแก่เจ้าแสงสีสินชัยทันที
แล้วทั้งสองก็เอ่ยขึ้นว่า
“ ข้าทั้งสองขอกราบขอบพระคุณท่านเจ้าป่าท่านเจ้าเขาด้วยที่กรุณาแก่พวกข้ามากนัก
จะได้เป็นผลบุญกุศลอย่างหนึ่งให้แก่ท่านและบรรดาผีทั้งหลายในการทำความดีนี้ครับ ”
ท่านเจ้าป่าเจ้าเขาก็ยิ้มรับ แล้วอวยพรให้งานครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี แล้วร่างก็หายลับไป
ดังนั้นทางเจ้าแสงสีและสินชัยปรึกษาหารือกัน จึงเกิดการวางแผนอีกครั้งหนึ่ง
ให้บรรดาผีๆทั้งหลาย คอยเป็นหน่วยสอดแนมรายงานผลของพวกมัน
พร้อมเข้าไปประจำยังรถที่จะใช้บรรทุกไม้ที่ถูกแปรรูปแล้ว ที่ออกเดินทางไปคันละหนึ่งตน
เพื่อจะได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่ารถคันใดซุกซ่อนสิ่งของไว้ ครั้นถึงด่านของตำรวจก็
ให้ส่งสัญญาณแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะคอยสะกัดกั้นเพื่อจับกุมต่อไป
ทั้งหมดเมื่อได้รับการชี้แจงจากเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยแล้ว ก็แจ้งแก่บรรดาหุ่นของตนและ
พวกผีทั้งหลายว่า
“ พวกตำรวจที่จะร่วมมือกับเรานั้นให้สังเกตุว่า เวลาลงมือทำการจะมีผ้าสีเขียวผูกที่
คอหรือข้อมือหรือต้นแขนไว้เป็นที่สังเกตุ ด้วยเขาจะมาในลักษณะของชาวบ้าน
หรือพรานป่าเท่านั้นคอยช่วยเหลือดูแลแก่พวกเขาด้วยก็แล้วกัน ”
แล้วทั้งหมดต่างก็แยกย้ายออกเป็นสองฝ่ายนำโดยเจ้าแสงสีจะทำหน้าที่ด้านฝ่ายขนส่งไม้
แปรรูป และทางเจ้าสินชัยเข้าโจมตีด้านไม้ที่กำลังเลื่อยจะถูกแปรรูป
ทั้งเจ้าแสงสีและสินชัยต่างก็แบ่งกำลังไปประจำทางแยกต่างๆ กองละสิบตนรวมทั้งบรรดา
ผีของเจ้าป่าเจ้าเขาอีกด้วย ทุกๆทางแยกให้บรรดาผีและหุ่นทราบไว้ว่าจะกระทำการอย่างใดบ้าง
ส่วนการจะเข้าโจมตี วันเวลานั้นคอยสัญญาณจาก สารวัตรหรือผู้กองทั้งสองเท่านั้น
ฉะนั้นให้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่เพื่อ รอคอยเวลาในวันที่จะเข้าดำเนินการจับกุมต่อไป........
* แก้วประเสริฐ. *
10 ธันวาคม 2553 13:19 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๔
ทั้งสามต่างหยอกเย้าด้วยมธุรสวาจากันและต่างชี้ชวนกันนั่งชมท้องฟ้าในเวลา
ข้างขึ้น สิบสี่ค่ำ ดวงจันทร์ที่ส่องแสงสกาวนวลสดใสพร่างพรายเต็มไปด้วยดวง
ดาวที่ปลายขอบฟ้าอยู่นั้น ทั้งสามต่างนั่งเบียดเสียดเคียงคู่กันก็ต้องมีอันสะดุ้งและ
ต่างถอยออกห่าง เมื่อได้ยินเสียงเรียกจาก เจ้าแสงสีพร้อมกับคำขอโทษของมันว่า
..... นายครับ ตอนนี้ผมได้ข่าวมาจากเจ้าป่าเจ้าเขาให้ลูกน้องมารายงานว่า พรุ่งนี้
แล้วที่ทางการขนไม้เถื่อนมาขึ้นที่ท่าน้ำริมโขงนั้นจะเริ่มทำงานกัน แต่การขนย้าย
นั้นจะเปลี่ยนเส้นทางใหม่จากที่กำหนดไว้เดิม
ท่านให้คนของท่านไปติดตามดูการกระทำของพวกมัน ทราบว่า
เมื่อแปรรูปจากไม้ท่อนบางส่วนแล้ว มันจะขนไปยังแหล่งเก็บสำรองไว้
อีกที่หนึ่งก่อน รอเวลาให้เสร็จสมบูรณ์พร้อมกันแล้วค่อยออกเดินทาง
ส่วนไม้แปรรูปที่ขนมานั้นก็จะถูกเก็บไว้รวมกันด้วย จะได้ออกเดินทางพร้อมกัน
เกิดจากพวกนำทางนั้นของฝ่ายโน้นไม่เห็นชอบกับการเสนอแนะของพวกฝั่งเรา
เพียงแต่ขอแก้ไขเส้นทางลำเลียงเสียใหม่ โดยใช้พวกกระเหรี่ยงเป็นคนนำทาง
คือมันจะนำไม้แปรรูปที่ใส่รถนั้นออกเดินทางไปอีกทางหนึ่งแม้จะอ้อมก็ยอม
แต่พวกมันคิดว่าปลอดภัยกว่า ที่จะให้เดินทางตามแผนที่กำหนดไว้ โดยลำเลียง
เลี่ยงเลียบฝั่งโขงไปตามเส้นทางชายแดนเขมรแล้ววกไปทางพม่าติดต่อทางด้านกาญจนบุรี
ไม่ผ่านเส้นทางเดิมเสียแล้วครับ ลูกน้องท่านเจ้าป่าเจ้าเขาพึ่งกับมารายงานท่าน
ทางท่านก็รีบให้มารายงานทางเราให้ทราบทั้งหมดก่อน.......
ชายหนุ่มฟังเจ้าแสงสีรายงานก็ครุ่นคิดพลาง กล่าวว่า
..... เห็นทีเราต้องแยกกำลังพลออกเสียก่อนและเปลี่ยนแผนใหม่เสียแล้ว กำลังพลที่
จัดเตรียมดักทางนั้นให้เหลือน้อยลง แล้วเริ่มดำเนินการจับกุมก่อนที่จะลำเลียงไปแต่
ก็ต้องเปิดให้ทางมันลำเลียง เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย
ข้าคิดว่ามันจะเป็นแผนซ้อนแผนกระมังหมายถึงว่า มันจะแยกกันไปทั้งหมด
เพื่อป้องกันความผิดพลาด หากถูกจับกุมได้ก็เป็นเพียงส่วนน้อย
ส่วนใหญ่นั้นจะถูกลำเลี่ยงเข้ากรุงเทพฯได้ ดังนั้นช้าไม่ได้เห็นทีเดี๋ยวเจ้าต้อง
รีบออกเดินทางไปรายงานเรื่องนี้ให้แก่ สารวัตรและเข้ากรุงเทพไปรายงานทางผู้ใหญ่
ด้วยเพื่อหาทางกำจัดมันทั้งหมดด้วยนะ
..... ครับผมกับเจ้าสินชัยจะแยกย้ายกันไปพร้อมๆกัน ทางหนึ่งไปหาสารวัตร อีกทาง
หนึ่งก็จะให้สินชัยไปกรุงเทพฯรายงาน ขอให้นายรีบเขียนแผนที่การวางกำลังพลเร็ว
หน่อยนะครับ ด้วยเวลาจะไม่ทันการณ์ด้วยพรุ่งนี้แล้ว พวกมันจะเริ่มขนย้ายมาถึงแต่
จะเสียเวลาตอนแปรรูปก็คงจะใช้เวลาอย่างเก่งก็เพียงครึ่งวันเท่านั้นเอง คิดว่ายังพอจะ
มีเวลาเตรียมการณ์ทันครับนาย เจ้าแสงสีออกความคิดเห็น
...... ข้าก็คิดเหมือนๆกับเจ้านั่นแหละ งั้นเดี๋ยวข้าจะรีบไปเขียนแผนที่ร่วมกับเจ้าซึ่งรู้
หนทางดี พร้อมกับจะจัดกำลังพลฝ่ายเราไว้
ส่วนทางด้านโน้นนอกเขตพืนที่เราก็ต้องให้ผู้ใหญ่ท่านดำเนินการเสียเอง
แต่เพียงจะส่งแผนที่ไปให้เท่านั้นเองแหละ พร้อมหนังสือแนะนำ
ของข้าไว้เท่านั้นเองแหละ ให้เจ้าทั้งสองรีบไปและรีบกลับมารายงานให้ทันด้วยนะ
ส่วนพรุ่งนี้ก็ปล่อยมันไปก่อน ให้แปรรูปไม้ไปพลางๆวันมะรืนนี้
ถึงจะเข้าจับกุมพร้อมๆกันทั้งทางที่มันเก็บซ่อนไม้แปรรูปไว้ในเวลาเดียวกัน
..... ครับนาย รีบๆหน่อยก็จะดีผมจะได้ออกเดินทางพร้อมเจ้าสินชัยคืนนี้เลยล่ะ
คิดว่าคงจะทันรายงานครับ เจ้าแสงสีตอบชายหนุ่ม
ทางฝ่ายนางอัปสรแม่นางอ้อยลัดดาวัลย์พลันเอ่ยขึ้นว่า
...... ถ้าอย่างนั้นเราก็ใช้วิธีล่อปลาให้ลงหลุมโจนซิ คงจะได้ผลมากเชียวล่ะ???....
แม่นางอัปสรกล่าวขึ้น
ชายหนุ่มหันหน้ามามองอย่างสงสัย หมายความว่าอย่างไรล่ะจ๊ะแม่น้องนางอ้อย
..... ทางเราก็ปล่อยให้มันแปรรูปไม้ไปก่อนใช้หุ่นของเราเฝ้าไว้ไม่ให้ทำการใดๆทั้งสิ้น
ให้มันตายใจว่าทางเราไม่รู้เรื่องราว จนไม้ท่อนเหลือเพียงเล็กน้อย
ถึงจะใช้กำลังพลจริงเข้าจัดการ โดยให้วางกำลังแอบซ่อนตัวในป่าไว้ก่อน
จนกว่าจะได้รับสัญญาณจากเราเมื่อมันแปรรูปไม้ เหลือเป็นหลักฐานเพียงพอ
ทางมันก็จะเหลือคนเฝ้าไม่มากนัก ส่วนใหญ่พวกมันจะนำกำลังไปคอยเฝ้าไม้แปรรูป
ยังที่เก็บไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแห่งนี้จะมีพวกมันมากทั้งต้องขนถ่ายสิ่งของขึ้นลงไว้
บนรถแล้วทะยอยกันออกเดินทาง ในระหว่างที่มันกำลัง ขนไม้ขึ้นรถอีกครั้งหนึ่ง
จึงจะนำรถทะยอยออกลำเลียงเข้ากรุงเทพฯได้ ปล่อยให้รถมันเดินทางไปบ้างแล้ว
ค่อยดักจับกุมในระหว่างทางภายหลัง
จังหวะที่มันกำลังสาระวลกับการขนถ่ายนั้น เราก็นำกำลังส่วนใหญ่ของเรา
เข้าทำการจับกุมไปพร้อมๆกันทั้งสองแห่งในเวลาไล่เรี่ยกัน แต่ต้องนัดเวลาให้ตรงกัน
ส่วนกำลังส่วนน้อยที่วางตามจุดสะกัดนั้น คนคุมรถคงจะมีไม่เกินห้าคนเพียงพอแก่
เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ทุกๆสายทาง แต่กำลังทางเราส่วนใหญ่นั้นจะมีเป้าหมายคือ
สถานที่ไม้แปรรูปจะถูกลำเลียง ทางเราจึงต้องใช้กำลังพลมากเป็นพิเศษและต้องเป็น
คนมีฝีมือดีที่สุดด้วย เหตุเพราะทางมันก็คงจะคิดเหมือนกับเรานั่นเอง อาวุธทางมันนั้น
จะล้วนแล้วแต่ทันสมัยทั้งสิ้น
เราก็ให้หุ่นเราเป็นตัวล่อด้วยกระสุนปืนนั้นไม่สามารถทำอะไรกับหุ่นของเราได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางฝ่ายมันจะตกใจที่ยิงหุ่นเราแล้วไม่ตายล้มลงสักตัวเดียว ขวัญกำลัง
ใจมันก็จะเริ่มเสีย จังหวะนั้นเราก็ใช้กำลังพลจริงเข้าจัดการทำลายกวาดล้างพวกฝั่ง
โน้นให้สิ้นซากไปเลยอย่าให้เล็ดรอดไปรายงานทางมันได้อีก ส่วนทางฝ่ายเรา
ก็เข้าทำการจับกุมตามแต่สถานะการณ์ เป้าหมายใหญ่คือพวกลำเลียงฝั่งโน้น
ทั้งสองทางให้ลงมือพร้อมกัน กำลังพลที่จับกุมท่อนไม้ไว้ก็เพื่อมิให้มันอ้างได้ว่าเป็น
ไม้ที่ถูกต้องตามกฏหมาย พี่จะเห็นชอบประการใดรึ???..
แม่เทพอัปสรอ้อยวิลาวัลย์เสนอข้อแนะนำ.......แก่คนที่นางปรารถนาไว้นานแล้ว
ชายหนุ่มก็เห็นคล้อยตามนี่หรือที่เขาเรียกว่าขุดบ่อล่อปลาจ๊ะ ชายหนุ่มกล่าว
ขอบใจแม่นางทันที ทางด้านแม่นางอัปสรรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นบ้างว่า....
.....เมื่อน้องอ้อยเสนอความคิดเห็นดั่งนี้แล้ว ส่วนทางด้านทางเมืองกาญจนบุรีนั้น
บางทีอาจจะเดินทางไปไม่ถึงก็ได้ อาจจะถูกจับกุมอยู่ภายในพื้นที่เราเสียก่อน
เพียงให้จัดวางกำลังพลพอประมาณคอยดักจับรถ โดยเราจะอาศัยพวกผีสาง
นี่แหละคอยส่งสัญญาณว่าเป็นรถคันไหนที่แปรไม้รูปเถื่อนที่ผิดกฏหมาย
มันอาจจะลำเลียงซ้อนแผนกันกับไม้ที่ถูกต้องตามกฏหมายก็ได้มากเชียวล่ะ
ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความสับสนขึ้นไม่รู้ว่ารถค้นไหนจริงคันไหนมีไม้เถื่อนขึ้น
หรือว่าอาจจะมีพวกป่าไม้นำตรามาประทับบนไม้นั้นทำให้เป็นไม้ที่ถูกต้อง
ที่ได้รับการอนุญาติก็ได้ การใช้ตรายางประทับนั้นก็จะเกิดขึ้นหรืออาจจะไม่เกิดขึ้น
ที่ในระหว่างการขนไม้แปรรูปขึ้นบนรถก็อาจจะเป็นไปได้ ด้วยมันต้องทำงานอย่าง
รีบเร่ง หากมาเสียเวลากับการประทับตราซึ่งอาจจะมีเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ร่วมมือด้วย
ฉนั้นควรให้เบื้องสูงนำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ไว้วางใจได้ไม่รับสินบนซื่อสัตย์สุจริตมา
ตรวจสอบว่าตราจริงหรือตราปลอมที่ทำขึ้นใหม่จ๊ะ ด้วยสีหมึกอาจจะแตกต่างกันหรือ
ไม่ก็ระยะเวลาช้าหรือเร็วมันจะฟ้องในตัวเองเสร็จ ก็จะสามารถตรวจสอบได้อีก
ตลอดจนระหว่างเข้าจับกุมในขนขณะขนไม้นั้นและประทับตราแต่ละแผ่น
ก็ควรจะใช้เวลานานพอสมควร อาจบางทีจะได้จับกุมทั้งพวกผิดกฏหมายพวกนั้น
พร้อมกับเจ้าหน้าที่ทุจริตต่อทางการพร้อมๆกันเลยเสียทีเดียว......
แม่นางรัตนาวดีเสนอ ทางแก้ไขเพิ่มเติมให้ชายหนุ่มฟัง ด้วยความดีใจลืมตัวอย่าง
ที่ทั้งสองแม่นางเสนอความคิดเห็นได้สอดคล้องและแยบยลมาให้เขาทราบในสิ่งที่เขา
คิดไม่ถึงนั่นเอง ดังนั้นจึงทำให้ชายหนุ่มดึงร่างแม่นางทั้งสองมาสวดกอด
แล้วบรรจงจูบยังแก้มทั้งสองนางเทพอัปสรทั้งสองทันที
เล่นเอาแม่นางอัปสรทั้งสองหน้าแดงต่างยกมือขึ้นทุบตีบนต้นแขน
ชายหนุ่มสองข้างเสียงดังเพี๊ยะๆดังลั่น แล้วพลางลุกขึ้นยืน หันมากล่าวขึ้นว่า....
...... แหมๆๆๆพี่นี้ไม่อายเจ้าแสงสีเสียบ้างเลยเชียวนะ นีๆๆๆ!!!!
....น่าจะตีเสียให้ตายจริงๆนะ แม่นางทั้งสองเอ่ยด้วยความขวยเขินเอียงอาย
ตามวิสัยของอิสตรีทั่วๆไป
...... อ้าวๆๆก็พี่นี้แสนจะดีใจยิ่งนักที่ความคิดเห็นของน้องทั้งสอง
ช่างแยบยลเปรียบดังเสมือนหนึ่งกระจ่างดังก็เคยทำงานด้านนี้มา
ด้วยความเชี่ยวชาญจริงๆเสียด้วยนะ
พี่เองเสียอีกยังคิดไม่ถึงแผนการณ์นี้ในความแยบยลของพวกนั้นเอาเสียเลยล่ะ....
จะไปอายไปใยเล่าในเมื่อเจ้าแสงสีนั้น เราทำอะไรๆก็แจ้งรู้อยู่แก่ใจแล้วด้วย
เดี๋ยวนี้ตั้งแต่แม่นางทั้งสองสอนวิทยาคมมันก้าวหน้าไปมากจนแทบจะรู้ไปหมด
สิ้นแล้ว กระนั้นหรือพวกเราจะไปปิดบังมันได้ หากมันต้องการทราบ จริงไหม
น้องแสนสุดสวยทั้งสองหากแม้นพี่พลั้งผิดไปก็ขออภัยด้วยนะ ชายหนุ่มกล่าวเอ่ย
...... ไม่รู้ล่ะแต่ว่าน้องทั้งสองเอียงอายนี่ด้วยอยู่ต่อหน้าต่อตาของมันเองนี่นา
หากมาดแม้นไม่เห็น ถึงมันจะรู้ก็ตามที น้องก็หาจะเขิดเขินเสียมิได้จ้าพี่
..... ต่อไปพี่จะไม่ทำอีกแล้วด้วยรักและลืมตัวไปจ้า ชายหนุ่มเอ่ยแก้ตัว
แต่จิตใจเขานึกถึงกลิ่นหอมเย้ายวนใจยิ่งนักแสนที่น่าเชยชมยิ่งกลิ่นสาบสาวหรือ????...
หัวใจยิ่งพองโตยิ่งๆขึ้นเมื่อคิดถึงเมื่อตระกี้นี้ แล้วพลันกล่าวว่า
...... ตกลงจ้าพี่จะทำตามคำสั่งของน้องทุกๆประการ ขอตัวไปเขียนแผนที่ใหม่
ตลอดจนวางกำลังพลใหม่ตามที่น้องเสนอมานะ พี่ไปก่อนล่ะหรือว่าน้องทั้งสอง
จะชมจันทร์ไปพลางๆก่อนก็ได้ หากเสร็จแล้วพี่จะออกมาร่วมชมดวงดาว
และดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ที่ช่างงดงามเสียนี่กระไรช่างงดงามเสียจริงๆๆ
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ตอนนี้ขอตัวก่อนนะจ๊ะกล่าวเสร็จแล้วก็พลางลุกเดินนำหน้า
เจ้าแสงสีเข้าไปข้างในทันที
ครั้นเข้ามาแล้วเห็นเจ้าสินชัยรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนเจ้าหุ่นทั้งหลายยังฝึกนั่งสมาธิ
ตามคำสั่งเขาอยู่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นเลย ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินไปหยิบกระดาษ
มาเขียนแผนทีตามคำรายงานของเจ้าแสงสีและสินชัย ถามไปเขียนไป ทั้งสอบถาม
ว่าให้กำลังพลนั้นอยู่ตรงไหนบ้าง
เมื่อตรวจทานอ่านดูเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็ให้เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยแยกทางกัน
ไปปฏิบัติงานทันทีในยามดีก เมื่อเจ้าแสงสีสินชัยทั้งสองได้รับหนังสือเรียบร้อย
ก็รีบหายตัวไปทันที เขาสั่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้วเห็นทั้งสองหายไป
ชายหนุ่มเดินออกมาก็ไม่อาจแลเห็นแม่นางทั้งสองคงไปพักผ่อนกันแล้ว
ชายหนุ่มคิด จึงเดินหวนย้อนกลับเข้าห้องอีกครั้ง พร้อมหันไปยิ้มกับรูปปั้น
ทั้งสองพลางเอื้อมมือไปลูบที่แก้มแม่นางทั้งสองทันที เสียงดัง เพี๊ยะๆๆ
ที่ต้นแขนเขาเบาๆ พร้อมหยิกยังเนื้อด้านหลังเขาอีกด้วยชายหนุ่มยิ้มกับตัวเอง
แต่ยังอดคิดถึงความหอมละมุลอะไรเช่นนี้
แล้วรีบเข้าไปยังที่นอนเพื่อพักผ่อนทันทีจนหลับไปในที่สุด
ส่วนเจ้าแสงสีครั้นได้รับหนังสือก็รีบไปหาสารวัตรทันทีที่บ้าน
ขณะกำลังพักอยู่แต่พอเขาย่างก้าวเข้าไปก็เจอท่านพระภูมิเจ้าที่ออกมา
สะกัดเจ้าแสงสีทันที
เจ้าแสงสีก็ยกมือไหว้แล้วกล่าวเรื่องราวต่างๆให้ท่านพระภูมิเจ้าที่ฟังถึง
เหตุการณ์ต่างๆที่เขาต้องเข้ามาในเวลาค่ำคืนนี้อย่างรีบเร่งให้ท่านฟัง
ท่านพระภูมิเจ้าที่รับฟังแล้วมองไปที่หนังสือก็ทราบทันทีว่าเรื่องอะไรก็
อนุญาตให้เจ้าแสงสีเข้าไปบ้านได้ ครั้นไปในห้องนอนเห็นร่างสารวัตรชัชวาลย์
กำลังหลับสบายๆอยู่ ก็เข้าไปเขย่าตัวทันทีพอสารวัตรรู้ตัว
ทันใดนั้นเองสารวัตรตื่นแล้วก็ควักปืนที่ซ่อนไว้ใต้หมอนออกมาสับไกปืน
จ่อไปยังร่างเจ้าแสงสี พอเห็นว่าเป็นใครจำได้ แต่นึกใจว่ามันเข้ามาได้อย่างไรกัน
ก็ลดปืนวางลงบนโต๊ะข้างๆหัวเตียง แล้วพลางถามว่ามีเรื่องอะไหรือ????....
เจ้าแสงสีไม่พูดมาก พลางยื่นหนังสือแล้วกล่าวให้สารวัตรรีบอ่านดูเอาเองแล้ว
จัดการโดยด่วนที่สุด นายข้าสั่งมามันกล่าว....
สารวัตรรีบเปิดไฟให้สว่างทันที พร้อมเปิดอ่านหนังสือพลางอุทาน
ออกมาเสียงดังๆ แล้วรีบคว้ายกมือถือโทรศัพท์ไปหาผู้กองทั้งสองขอพบด่วน
ผู้กองทั้งสองที่กำลังพักผ่อนครั้นได้ยินเสียงโทรศัพท์พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ก็รีบผลุนผลันออกจากบ้านพักมาพบสารวัตรด่วน แล้วทั้งหมดก็ปรึกษา
หารือกันตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สารวัตรก็เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พักอาศัยอยู่หน้าห้องให้เข้ามา
เมื่อตำรวจหน้าห้องที่พักผ่อนอยู่ก็รีบเข้ามา สารวัตรพร้อมสั่งงานแก่ตำรวจ
ครั้นได้รับคำสั่งการชี้แจงแล้ว ก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านไปปฏิบัติหน้าที่
ประสานงานด่วนกับบรรดาที่ไว้ใจได้และที่แอบแฝงอยู่ภายนอกทันที
ส่วนเจ้าสินชัยก็เช่นเดียวกัน ครั้นไปพบผู้บังคับบัญชาของนายมันตามสั่ง
ที่บ้านแล้วและยื่นหนังสือให้ท่านก็รีบนำมาดูเห็นรหัสเขียนไว้หน้าซอง
ก็ทราบทันทีว่าเป็นของใครรีบเปิดอ่าน เมื่อได้อ่านเรียบร้อยแล้ว
ก็รีบโทรศัพท์ทางไกลไปสั่งงานทันที ให้จัดกำลังพลคอยรอรับการจับกุมการ
ขนย้ายคราวนี้หลายๆจังหวัดเพื่อสะกัดกั้นไว้ แล้วจะส่งรายงานให้ทราบภายหลัง
แต่ให้ปฏิบัติหน้าที่นี้โดยเร่งด่วน กำชับไว้ว่าให้เป็นความลับสูงสุดห้ามเปิดเผย
ให้แก่ใครๆรู้เป็นเด็ดขาด จัดคนที่ไว้วางใจทำงานเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อปลายทางต่างๆรู้ก็รีบดำเนินการณ์จัดกำลังพลออกปฏิบัติงาน
ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาต่อไป
ท่านผู้ใหญ่หันมาทางเจ้าสินชัยพลางถามว่าแล้วนายเจ้าเขากล่าวอะไรอีกหรือไม่??..
เจ้าสินชัยก็พลันกล่าวขึ้นว่า
..... ท่านบอกให้รีบกลับเพื่อจะได้ไปดูสถานที่ใหม่ที่จะใช้สำรองเก็บไม้แปรรูปไว้
พร้อมยังกล่าวรายชื่อของผู้บงการเบื้องหลังงานครั้งนี้อีก ท่านพอฟังถึงกับอึ้งๆ
ไปพักใหญ่แล้ว กล่าวว่า
..... งั้นเจ้ากลับไปรายงานได้แล้วว่าทางเราพร้อมแล้วก็แล้วกัน ได้จัดวางกำลังพลแล้ว
ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้ระมัดระวังตัวไว้ด้วยนะ???....
เจ้าสินชัยรับคำ ยกมือขึ้นไหว้ลาแล้วก็รีบเดินออกนอกห้องท่านผู้ใหญ่
ร่างมันก็หายตัวไปรีบกลับมาแจ้งแก่ชายหนุ่มทันที
หลังจากทานอาหารเช้าพร้อมพ่อแม่น้องๆแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวเพราะมีงาน
เร่งด่วนจะต้องทำ ขอให้อย่ามีใครเข้าไปในห้องได้นะครับ ชายหนุ่มกล่าวกับพ่อแม่
สาวชบาก็บอกว่าจ๊ะพี่น้องจะไม่ให้ใครเข้าไปเป็นเด็ดขาด จะนั่งคอยเฝ้าไว้ให้
หากพ่อแม่และเจ้าชัยไปทำงานแล้วจ้า พลางส่งสายตาหยาดเยิ้มกับชายหนุ่มทันที
ครั้นชายหนุ่มเห็นดังนั้นถึงกับสะดุ้งในใจ พลางคิดว่าเอาล่ะซิหนอเรายามสบตา
เราจะทำอย่างไรดีล่ะ???... ด้วยก่อนนั้นนางจะอาศัยร่างก็รู้สึกว่าหล่อนเองก็มีกิริยา
เช่นนี้กับเรามาก่อนนี่นา????..... แล้วก็รีบขออนุญาตพ่อแม่เข้าห้องไปทันที
เมื่อเขาเข้าไปแล้วรีบปิดประตู้ห้องลงกลอนก็แลเห็นเจ้าแสงสีและสินชัย
คอยอยู่แล้ว ทั้งสองก็รายงานผลงานให้ทราบถึงงานที่ให้กระทำทั้งหมด
ชายหนุ่มรับฟังแล้วบอกว่างั้นเราสามคนไปดูสถานที่กันเลยนะหากผิดพลาดทาง
เราจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที มิฉะนั้นจะเสียหายกันยกใหญ่ทีเดียวล่ะ???...
เจ้าแสงสีสินชัยหันมามองหน้ากันพลางคิดว่าแล้วนายเราจะไปได้อย่างไรกัน
ระยะทางมิใช่ใกล้ๆนะ แต่ไม่กล่าวอะไรหากนายเราไปไม่ได้คงจะไม่เอ่ย
ถามว่าชายหนุ่มจะไปกันได้ทันเลยหรือด้วยมีความเชื่อมั่นต่อนายมันยิ่งนัก
เมื่อชายหนุ่มกล่าวกับเจ้าแสงสีสินชัยแล้วก็เดินไปกราบพระแล้วก็นั่งเข้า
สมาธิทันที บัดดลเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยถึงกับตลึง เมื่อแลเห็นร่างนายมันค่อยๆ
ลุกออกมาจากร่างกายเดิม แล้วลอยมาที่ยังมันอยู่ทันที พลางกล่าวว่าไปกันได้แล้ว
ให้เจ้าแสงสีนำทางไปนะ แล้วทั้งสามก็หายวับไปทันที.........
* แก้วประเสริฐ. *
9 ธันวาคม 2553 14:50 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๓
เมื่อเจ้าแสงสีทำงานตามคำสั่งนายแล้ว ก็รีบเดินทางกลับเพื่อจะรายงานผล
ครั้นย่างก้าวเข้ามาห้องนายมัน ก็ต้องตกใจด้วยแลไปเห็นหุ่นต่างๆที่เขาทำขึ้น
นั้นบัดนี้มันต่างวิ่งเล่นกันไปๆมาๆในห้องกันอย่างสนุกสนาน ยิ่งปลาดใจมาก
ไปกว่านั้นอีก
บรรดาร่างของหุ่นนั้นเปลี่ยนแปลงไปทํ้งรูปร่างหน้าตาช่างสวยงามยิ่งนัก
ด้วยใบหน้าร่างกายนั้น บรรดาหุ่นทั้งหลายนั้น ถูกทาสีฝุ่นต่างกันหลากหลาย
ล้วนสีสรรต่างๆกัน มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กหนุ่มเด็กสาว จำนวนมากมายนัก
ประมาณมากกว่าสามสิบหรืออาจจะเกินกว่านั้นอาจจะร่วมร้อยตนเห็นจะได้
ซึ่งกำลังแอบเล่นซ่อนหาตัวกันอยู่ บ้างก็กำลังฝึกการต่อสู้กันอยู่มากหลายสิบคู่
ครั้นเมื่อแลเห็นเจ้าแสงสีต่างหยุดการละเล่นต่างๆพากันหันหน้ามามองเขา
และต่างพากันยกมือไหว้ ทั้งหมดทันที ที่เหลือต่างก็ออกจากที่หลบซ่อนออกมา
ด้วย แต่ทุกตัวนั้นหาได้ส่งเสียงดังรบกวนในห้องแต่ประการใดไม่
พวกมันต่างพากันมานั่งพับเพียบพนมมือขึ้นไหว้ อีกมุมหนึ่งของห้องเป็น
ระเบียบเรียบร้อยกันทุกๆตัว หุ่นนั้นตัวเล็กไม่ใหญ่มากจึงพอเพียงแก่พวกมัน
ส่วนเจ้าสินชัยนั้นกำลังนั่งสมาธิอยู่ทางด้านหลังนายมัน พร้อมๆด้วย
แม่นางอัปสรทั้งสอง มันพลันอ้าปากค้างด้วยสิ่งที่แลเห็นนั้นเปลี่ยนสภาพไป
จากที่มันและเจ้าสินชัยปั้นดินมากับมือนับเป็นร้อยๆตัว
แต่บัดนี้เหลือประมาณร่วมร้อยได้ ส่วนดินที่เหลือนั้นล้วนแล้วแต่ผสมสิ่งต่างๆ
ปั้นเป็นก้อนกลมๆใหญ่วางที่ถาดอยู่กับพื้นหน้าโต๊ะหมู่บูชา ร่างมันชะงักยืนอยู่
ปากประตูทันที พลางก้าวเข้าประตู่แล้วหันไปปิดประตูไว้ให้สนิทเรียบร้อย
มันนั่งลงพร้อมก้มลงกราบพระพุทธรูป พลางหันหน้าไปทางเหล่าหุ่นทั้งหลาย
แล้วส่งกระแสจิตถามบรรดาหุ่นทั้งหลายนั้น ก็ทราบว่าเป็นพวกที่เจ้าสินชัยนำ
มาจากพวกอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งเกือบทั้งหมด และยังมีพวกที่อยู่ในป่าช้าโคกอีแร้งอีก
มันยังจำได้ว่าที่เจ้าสินชัยนำมานั้นแค่ประมาณสามสิบกว่าตนเท่านั้น บัดนี้หุ่น
นั้นมีประมาณเกือบร้อยตน พวกหุ่นทั้งหลายก็แจ้งทางกระแสจิตให้มันทราบว่า
ชายหนุ่มซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นนายมันได้แปรสภาพพวกมันขึ้นใหม่พร้อมสร้างโครง
ร่างด้วยยันต์ต่างๆที่เขียนบนผ้ายันต์ประกอบเข้าส่วนที่แข็งๆนั้นใช้ไม้ต่างๆกัน
สร้างพวกมันจากต้นตะเคียนทองของแม่นางรัตนาวดีเทพอัปสร
แล้วนำมาสร้างขึ้นเป็นส่วนต่างมัน พร้อมจัดสร้างอาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ
มีดไม้ทั้งหลายพร้อมด้วยศัตราวุธ พร้อมเกราะไว้ให้พวกมันทุกๆตัว ไว้ใช้ป้องกัน
ตัวด้วยบรรดาอาวุธต่างๆได้ลงอักขระและยันต์ไว้ให้ร่างกายมันสามารถคงทนต่อ
วิชาอาคมทั้งหมดตลอดจนอยู่ยงคงกระพันชาตรีอีกด้วย สามารถกระทำการใดๆ
พร้อมปลุกเสกอาคมต่างๆไว้ให้พวกมันเรียบร้อยแล้ว
ยังสามารถปราบบรรดาพวกผีต่างที่ดื้อรั้นกับพวกที่นายสั่งให้ทำได้อีกต่างๆนานา
เวลาใช้งานแล้วร่างของพวกมันตลอดจนอาวุธต่างจะสามารถแสดงเป็นอะไรก็ได้
ด้วยแหละ และยังบอกว่าท่านคือหัวหน้าที่จะมาคอยควบคุมพวกมันอีกทีหนึ่ง
ส่วนการปั้นนั้นนายมันและแม่นางอัปสรทั้งสองได้ช่วยกันสร้างมันขึ้นมาใหม่
เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านใต้ต้นไม้และป่าช้ากันแล้ว ด้วยนายไปขออนุญาต
พวกอาสาสมัครจากท่านนายป่าช้ามา และให้พวกมันทั้งหมดได้มาพักอยู่ในห้องนี้
ของนายมันทั้งหมดนี่แหละ พร้อมยังแจ้งว่าหัวหน้ามันคือท่านและหัวหน้าสินชัย
ที่จะคอยสั่งให้มันทำงานทั้งสิ้น ตลอดจนอาหารการกินแม่นางชบาจัดให้แก่มันด้วย
ครั้นเจ้าแสงสีทราบจากหุ่นทางกระแสจิตดังนั้น พลางยิ้ม แล้วกล่าวแก่บรรดาหุ่นว่า
.....อย่าเล่นมากนักให้พยายามฝึกอาวุธต่างๆให้เชี่ยชาญชำนาญมือเสียด้วย
หุ่นบางตัวกล่าวว่าก่อนจะมาเป็นพวกนายนั้น มันก่อนตายล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญ
ด้านอาวุธต่างๆแม้กระทั่งปืนผาหน้าไม้ต่างๆ กันมาแล้วล่ะไม่ต้องห่วงหรอกหัวหน้า
ตอนนี้ผู้ใดชำนาญสิ่งใดก็มาอบรมแนะนำให้รู้กันไว้ทั้งหมด และใช้เวลาการฝึก
ฝนนี้ในป่า หน้าบ้านของนาย ตลอดจนอบรมธรรมต่างๆทั้งสมาธิและวิชาอาคมอื่นๆ
พร้อมยังแบ่งหน้าที่ไว้ให้ด้วย หุ่นที่เอ่ยขึ้นนั้นคือผู้ฝึกสอนบรรดาอาวุธต่างๆ
ให้แก่หุ่นอื่นๆทั้งหลาย นับได้มีจำนวนนับสิบๆตนเห็นจะได้ ก็ดีใจยิ่งนักที่จะได้
พวกไว้ทำงานร่วมกับมันทั้งสอง จึงส่งยิ้มให้แก่บรรดาหุ่นทั้งหลาย
พลันเจ้าแสงสีก็นึกขึ้นได้ว่านายมันคือใครกัน ทำไมจะคัดเลือกใช้ได้อย่างดีไม่ได้
งานจึงไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้งเดียว เมื่อบรรดาพวกนี้อยู่กับนายมันก็ต้องได้รับ
ความเมตตาปราณีเช่นเดียวกับมันและเจ้าสินชัยเหมือนกัน
แม้แต่ตัวมันและเจ้าสินชัยตลอดจนหุ่นทั้งหลาย จึงได้รับมอบวิชาการต่างๆทั้งสิ้น
บรรดาผู้ฝึกหุ่นทั้งหลาย พวกมันกล่าวว่าทั้งยังได้รับการอบรมสิ่งต่างๆจากนายเสียอีก
ซ้ำยังได้ร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆจากนาย ส่วนใหญ่นั้นก่อนตายเคยมีครูบาอาจารย์
ร่ำเรียนวิทยาคมาบ้าง ก็สามารถฝึกได้รวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกครูฝึกหุ่นนี้
พร้อมทั้งนายยังสอนวิธีนั่งสมาธิให้อีกด้วย ประกอบกับแนวทางธรรมะทำให้
พวกมันได้รับรู้ในสิ่งที่ดีๆทั้งทางธรรมและทางโลกโดยพวกมันไม่เคยคิดมาก่อนเลย
ครั้นตายลงก็สายไปเสียแล้วซ้ำยังถูกพวกอาคมเก่งกล้ามาควบคุมมันให้ทำงาน
ในสิ่งที่อาจารย์นั้นใช้ในทางที่ผิดๆมันขัดขืนไม่ได้ ด้วยเกรงกลัวในวิชาอาคมมาก
ทั้งๆที่ใจมันไม่ปราถนาที่จะกระทำเลย ถึงแม้ว่ามันจะเคยผิดมาตอนเป็นมนุษย์
พอมันมาเป็นผีก็ถึงรู้สำนึก และถูกอาคมควบคุมไว้ก็ไม่อาจจะกลับตัวได้
ดีที่หัวหน้าสินชัยเกลี้ยกล่อมแนะนำพวกมันมา ฉะนั้นหัวหน้าและนายทั้งสามนี้
จึงมีบุญคุณแก่พวกมันมากนักซ้ำนายมันยังเป็นคนดีมีศีลธรรม อมรมสั่งสอนมัน
ในทางที่ดีๆเพื่อต่อไปอาจจะได้ช่วยคนได้อีกด้วย ตลอดจนการสร้างผลบุญกุศลอีก
เจ้าแสงชัยได้รับฟังก็ตักเตือนพวกมันว่า ขอจงเอาใจใส่คอยช่วยเหลือสร้างในสิ่ง
ที่ดีๆทดแทนคุณนายก็แล้วกัน พวกมันพลันกล่าวต่อว่า
นี่ถือว่าพวกมันยังมีบุญบ้าง เมื่อได้นายใหม่ที่แสนดีและแนะแนวทางที่ดีไว้ให้
แก่พวกมัน มิฉะนั้นมันคงจะสร้างเวรกรรมขึ้นอีกมากมายนัก ได้มาสร้างผลบุญ
ช่วยเหลือคนอีกจำนวนมาก แล้วพร้อมกันยกมือขึ้นไหว้ไปทางพระและนายมัน
กล่าวคำ สาธุ พร้อมกันทั้งหมดทันที
ครั้นเจ้าแสงสีได้รับรายงานดังนั้นก็หายสงสัยอะไรอีกแล้วที่หุ่นเหล่านี้เก่งอย่างไร
ทำให้มันทั้งรักเคารพนายมันมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าพวกนี้คงจะได้รับการถ่ายทอดวิชา
แต่ทว่าข้อนี้มันยังสงสัยอยู่ว่าทำไมพวกหุ่นเหล่าสำเร็จรวดเร็วมากนัก ด้วยตัวมัน
ลืมไปว่าเมื่อก่อนนั้นก็เป็นเช่นพวกหุ่นทั้งหลายเหล่านี้
เมื่อมารับการอบรมทำไมถึงไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก ซึ่งตอนนี้มันสามารถ
จะกระทำการใดๆก็ได้เวลาหรือก็ไม่นานเสียเลย
มันไปทำงานให้นายมาก็ใช้เวลาไม่มากเพียงแค่วันหนึ่งเท่านั้น
การเเดินทางก็รวดเร็ว ตามใจปราถนาของมันไม่มีใครอาจขัดขวางมันได้
เมื่อทำงานเสร็จก็รีบกลับมาแต่ในระยะทางที่กลับมานั้นมันได้แอบไป
สังเกตุทางบ้านกำนันด้วยว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่
ดังนั้นจึงทำให้กลับมาล่าช้าจนมืดค่ำก็มาแลเห็นเจ้าพวกหุ่นเหล่านี้
หรือว่าอาจจะเป็นแม่นางอัปสรจะเนรมิตช่วยอีกแรงหนึ่งกระมัง
งานสร้างหุ่นเหล่านี้ถึงได้เสร็จเรียบร้อยและร่วมกันปลุกเสกหุ่นทั้งหมด
ไว้อีกด้วยพร้อมทั้งยังถ่ายทอดวิชาต่างเพิ่มเติมให้อีกเป็นแน่
เมื่อคิดได้ดังนี้มันจึงหันไปกราบเบื้องหลังนายมันและแม่อัปสรทันที
พร้อมๆก็เข้านั่งสมาธิฝึกฝนทบทวนวิชาอาคมต่างๆแล้วก็เจริญสมาธิที่ร่ำเรียนมา
จนมันเชี่ยวชาญร่วมทั้งกสิณทั้งหมดด้วยจิตมันก็เริ่มรวมตัวสงบนิ่งเป็นหนึ่งเดียว
ในที่จุดๆหนึ่งทันที ก็เกิดกระแสพลังงานเพิ่มขึ้นให้แก่มันอีกมากมายนัก
ครั้นเมื่อมันจะออกจากสมาธิมาอยู่ในขั้นอุปาจาระสมาธิก็ทราบทันทีว่า
นายมันและแม่นางอัปสรพร้อมด้วยเจ้าสินชัยออกจากสมาธิก่อนแล้ว
มันจึงได้แผ่กุศลที่ทำไว้นี้ให้แก่เจ้าเวรนายกรรมทั้งบรรดา
สรรพสัตว์น้อยใหญ่ก่อนทันทีตามคำสั่งสอนของนายไว้ พลันก็ลืมตาขึ้น
ก็แลเห็นชายหนุ่มและแม่นางอัปสรรวมทั้งเจ้าสินชัยต่างยิ้มรอคอยมันอยู่
ดังนั้นมันจึงรีบรายงานผลงานให้แก่นายมันทราบเหตุการณ์ทั้งหมดทันที
ตลอดจนแฝงกายดูการกระทำของท่านรองผู้กำกับและสารวัตรตรวจดูโรงพัก
และทั้งผู้กองทั้งสองให้นายมันฟังทั้งหมด เสริมด้วยไปดูทางบ้านกำนัน
ทั้งสามอีกด้วยว่าพวกมันต่างทำบุญเลี้ยงพระกันยกใหญ่ ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน
ด้วยพวกผีของอาจารย์เสิ่งปางนั้นและอาจารย์เจียะเปิ้งที่ต่างอาละวาดกันนั้น
ถึงแม้จะคลายอารมณ์ค่อยเบาบางลง แต่พวกมันยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็น
หลักแหล่งบางตัวได้แอบแฝงยังชายคาบ้าง ต้นไม้บ้าง ในที่ต่างๆภายในบริเวณ
บ้านทั้งสามอยู่ ถึงแม้จะได้กุศลที่ทางกำนันแผ่ไปให้ก็ตามที่
แต่จิตของกำนันทั้งสามนั้นไม่บริสุทธิ์นักที่บรรดาผีร้ายที่ดื้อรั้นดุร้ายเหล่านี้
เพียงพอที่จะทำให้มันทั้งหมดรับได้เต็มที่ไปเกิดใหม่ ด้วยสันดานพวกมันนั้น
ล้วนแล้วแต่อำมหิตเอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่ ต่างแตกแบ่งแยกกันเป็นฝ่ายๆกัน
ส่วนผลบุญกุศลที่ทำนั้นต่างได้รับผลบุญน้อยบ้าง มากบ้างเพราะนิสัยสันดาน
ที่ได้รับใช้อาจารย์ที่ไม่ดีของพวกมันเอง จึงยังไม่สามารถกลับใจได้และได้ไปเกิด
ใหม่ในภพภูมิที่ดีๆ หากพวกมันหิวโหยบ้างก็เข้าสิงสู่คนในบ้านทั้งหลายเหล่านั้น
แล้วแย่งหาอาหารกินกันเอง ตอนนี้ทางบ้านพวกของกำนันทั้งสามกำลังปวดหัว
กันอยู่ด้วยหาคนมาปราบพวกมันไม่ได้ในแถบบริเวณนี้สักอาจารย์เดียว
บรรดาอาจารย์ที่มาปราบพวกมันก็ต่างตกตายไปหมดสิ้น ที่ทราบด้วยมันบังคับ
ผีเหล่านี้ได้เค้นถามความจริงจากมัน และมันยังขอร้องให้นำพวกมันมาด้วย
แต่ผมเองไม่กล้านำมาด้วยทราบนิสัยสันดานมันดี
ดังนั้นพวกกำนันจึงใช้ให้ลูกน้องมันเที่ยวเสาะแสวงหาอาจารย์เก่งๆอยู่ครับนาย
ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังจากเจ้าแสงสีแล้ว ก็บอกว่าเรื่องหุ่นเหล่านี้
ข้าได้ให้พวกเจ้าทั้งสองเป็นหัวหน้าคอยควบคุมดูแล เป็นลูกน้องของพวกเจ้าทั้งสิ้น
โดยแยกออกเป็นสองฝ่ายให้เจ้าสินชัยฝ่ายหนึ่งและของเจ้าอีกฝ่ายหนึ่งคอยควบคุมไว้
ด้วยพลังงานที่ข้าสอนตลอดสมาธิวิชาอาคมต่างๆนั้นคงจะไม่เป็นปัญหาอะไร
ที่จะควบคุมได้ ดีนะที่ได้แม่นางอัปสรทั้งสองช่วยด้วย งานนี้จึงสำเร็จเร็วไวยิ่งนัก
และบางตนยังเรียนรู้วิชาต่างๆได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
แล้วชายหนุ่มเมื่อรับฟังรายงานจากเจ้าแสงสีแล้ว ก็หันหน้าไปทางหุ่นทั้งหลาย
พลางสั่งบรรดาหุ่นทั้งหมดว่า
..... เอาล่ะพวกเจ้าทั้งหมดเล่นกันมานานแล้ว ตอนนี้รีบไปกราบไหว้พระด้วยใจบริสุทธิ์
สวดมนต์สรรเสริญพระคุณพระรัตนตรัย ครั้นตนใดเสร็จก่อนก็ให้รีบเข้านั่งสมาธิได้เลย
ก่อนจะเข้าสู่สมาธินั้น ให้ทบทวนวิชาต่างที่ข้าและแม่นางอัปสรบอกแก่พวกเจ้าไว้นั้นด้วย
จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นถึงจะออกจากสมาธิให้แผ่ส่วนบุญกุศลในการทำสมาธินี้
แก่บรรดาเจ้าเวรนายกรรม ที่พวกเจ้าได้เคยกระทำไว้นั้นเสียก่อนด้วย อย่าลืมเสียล่ะ
แล้วค่อยไปพักผ่อนยังถาดที่ข้าจัดไว้ให้
เวลาพักผ่อนก็ให้เป็นไปยังที่ข้ากำหนดไว้ของตนเองก็ให้เป็นระเบียบวินัยด้วย
หากไม่เชื่อกันและไม่ทำตามที่ข้าสั่งไว้ข้าก็จะทำลายร่างเจ้าเสียให้หมดทั้งถอดถอนวิชา
ต่างๆให้หมดสิ้นพร้อมกับขับไล่เจ้ากลับออกไปจากหมู่คณะ บัดนี้หัวหน้าเจ้ามาครบ
กันแล้ว ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาอย่าได้ขัดขืนแต่อย่างไรให้กระทำแต่ความดีเป็นที่ตั้ง
อีกไม่ช้าไม่นาน พวกเจ้าครั้นถึงเวลาหมดอายุขัยก็จะได้ไปสู่ทางสุคติภพต่อไป
บรรดาหุ่นทั้งหมดยกเว้นเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัย ก็พากันก้มลงกราบนายมันซึ่งเป็น
ทั้งนายและอาจารย์ของมันด้วย พากันเดินมาอย่างเป็นระเบียบครั้นถึงร่างของชายหนุ่ม
แม่นางอัปสรและเจ้าแสงสีสินชัย พากันน้อมตัวก้มลง
เดินผ่านตรงไปยังโต๊ะหมู่บูชาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมกันทั้งหมด
พลางคุกเข่าลงนั่งกราบพระแล้ว ทุกๆตัวต่างพากันเจริญสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยทันที
อย่างพร้อมเพียงกัน พร้อมทั้งนั่งลงขัดสมาธิทำอย่างที่นายมันสั่งทันที
ทำความชื่นอกชื่นใจแก่เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยยิ่งนัก ที่เห็นบรรดาลูกน้องของมันนั้น
มีระเบียบวินัย พลางนึกในใจทั้งสองว่าสมแล้วที่เป็นทั้งหัวหน้าคนและพวกผีทั้งหลาย
รวมทั้งตัวของมันอีกด้วย ที่ได้ดีก็เพราะนายคนนี้นี่เองทั้งด้านช่วยเหลือคนและบุญกุศล
เมื่อบรรดาหุ่นทั้งหลายกำลังเจริญสมาธิกันนั้น ทั้งหมดก็ออกมาเดินไปยังนอกห้อง
แล้วพากันปรึกษาเรื่องงานที่ชายหนุ่มจะต้องกระทำ ชายหนุ่มพร้อมวางแผนการณ์ต่างๆ
แจ้งให้แก่เจ้าแสงสีสินชัย ว่าจะทำอย่างไรบ้าง ส่วนแม่นางอัปสรทั้งสองต่างมองหน้ากัน
ด้วยแม่นางรับรู้ว่า หนุ่มรูปงามนี้ถึงแม้จะมีอายุเลยสี่สิบไปแล้วแต่ยังมีรูปร่างคล้ายคนที่
มีอายุแค่เพียงสามสิบอ่อนๆเท่านั้นเอง
นี่ซิสาวชบาซึ่งพวกนางต่างชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ บัดนี้กลับมาลุ่มหลงชายหนุ่มขึ้นอีกแล้ว
ทั้งสองต่างซุบซิบกัน โดยแยกห่างออกจากกลุ่มชายหนุ่มพร้อมทั้งหัวร่อกัน หยอกเย้ากัน
และกัน หาได้มีกิริยาหึงหวงแต่อย่างใดไม่ ยิ่งแม่นางอ้อยสุดาวัลย์ก็เคยเป็นสัมภเวสี
มาก่อนย่อมรู้ดีด้วยอำนาจฌานสมาธิที่ชายหนุ่มสอนให้ก็ยังเคยหลงรักชายหนุ่มมาก่อน
ไหนเลยแม่นางชบาจะไม่หลงรักหนุ่มรูปงามคนนี้เช่นเดียวกับหล่อนที่พึ่งแตกเนื้อสาว
แต่ต่างก็พากันเป็นห่วงชายหนุ่มขึ้นว่าในอนาคตนั้นจะทำอย่างไร จะช่วยเหลือได้อย่างใด
ด้วยฟ้าดินกำหนดขีดเส้นชะตาของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนางทั้งสองพอจะทราบเพียง
เลาๆจากเทวะเบื้องบน เคยเอ่ยบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับชะตาชีวิตชายหนุ่มคนนี้ให้ฟัง
ดังนั้นจึงต่างพากันเหลือบสายตาไปมองเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย เมื่อทั้งสามปรึกษา
หารือกันเรียบร้อยแล้ว ก็จะถึงเวลาพักผ่อนกันซึ่งสาวชบาจัดการให้เป็นที่เรียบร้อยไว้แล้ว
แม่นางรัตนาวดีจึงเอ่ยขึ้นว่า....
..... เมื่อหมดเวลาเรื่องงานแล้วพี่และแสงสีสินชัยควรจะไปพักผ่อนได้แล้ว ส่วนน้องอัปสร
อ้อยวิลาวัลย์และน้องก็จะได้ไปพักผ่อนบ้าง อย่าหักโหมอะไรนัก ทำอะไรก็ควรห่วงสุขภาพ
ตนเองเสียบ้าง หากสุขภาพไม่พอเพียงแล้วสติปัญญาย่อมจะผ่อนคลายลงเสียนะ
ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังเช่นนั้น ก็เอ่ยกับแม่นางทั้งสองว่า...
...... พี่ยังไม่ได้คุยกับน้องแสนสวยทั้งสองเลย จะให้ไปพักผ่อนก่อนเสียแล้ว
พลางหันไปทางเจ้าแสงสีสินชัยกล่าวขึ้น
..... พวกเจ้าไปได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะคุยกับแม่นางทั้งสองก่อน
เจ้าแสงสีและสินชัยครั้นได้ยินต่างอมยิ้มกันแล้วพากัน ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปยังห้อง
ของชายหนุ่มทันที
เมื่อทั้งสองลับตาไปแล้ว ชายหนุ่มก็หันมาทางแม่นางอัปสรทั้งสองเอ่ยขึ้นว่า
...... พี่ยิ่งมองแม่น้องนางแล้วให้รู้สึกปั่นป่วนข้างในเสียจนแทบจะออกมานอกอกได้
ยิ่งมองก็ช่างงดงามยิ่งขึ้นทุกทีๆ ยิ่งมองก็ยิ่งทำความสั่นสะเทือนต่อความงามของแม่เจ้า
ไม่รู้ว่าจะเป็นบุญอันใดแกล้งยั่วเย้าหรือใยจึงทำให้หัวใจของพี่
ต่างพากันร่ำร้องเรียกหาคิดถึงแต่แม่เจ้านางทั้งสองเสียร่ำไปในยามว่างๆเช่นนี้
อยู่เสมอๆ ปานประหนึ่งหัวใจแทบจะขาด สร้างความหวั่นไหวจนใจสั่นไปหมด
แล้วล่ะน้องพี่ คิดว่าชาตินี้เกิดมาทั้งทีได้คบหาสมาคมกับแม่นางทั้งสองแล้ว
ใจยิ่งรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานมากขึ้นทุกๆที ยามใดมิได้พบแม่นางแล้วไซร้
แต่เหตุไฉนใจของข้าก็รู้สึกช่างโหยหวนหาแม่นางเจ้าทั้งสองมากมายเสียยิ่งนัก
ครั้นยิ่งพิศก็ยิ่งงดงามประหนึ่งดวงจันทร์ที่ส่องแสงประกายเจิดจ้าแสงสีหรือก็นวลใย
อย่างนี้แล้วไหนเลยเล่าจะมาให้พี่นี้ใยจะห่างเหินแม่นางทั้งสองไปได้เสียแล้วหรือ
หากมาดแม้นวันใดแม่นางหลบหนีไป หัวใจของพี่นี้เห็นทีคงจะต้องคร่ำครวญร่ำไห้
จนอกแตกตายกระมัง???...คงจะมิมีวันกินวันนอน เสียแล้วเป็นแน่แท้เชียวแล้วล่ะ
แม่นางสุดสวยทั้งสอง จริงๆนะหาใช่พี่เองจะล่วงเกินสิ่งใดก็หาไม่ล้วนแล้วแต่กล่าวออก
มาจากห้วงแห่งหัวใจของพี่อย่างแท้จริงเชียวล่ะ.......
เมื่อแม่นางอัปสรทั้งสองรับฟังชายหนุ่มกล่าวเช่นนั้น ต่างพากันปิดปากหัวร่อ เอ่ยขึ้นว่า
..... อันคารมคมคายที่บาดยิ่งกว่าโดนมีดคมกรีดของชายนี้เหตุใดช่างหวานยิ่งนัก
หากแม้นหญิงอื่นใดได้รับฟังก็ต้องต่างพากันสะเทิ้นเขินเอียงอายหลงใหลไปสิ้น
แม้แต่พวกน้องเองครั้นได้รับฟังแล้วอดรู้สึกใคร่สะเทินเอียงอาย เคาะเขินในวาจาที่กล่าวนี้
มิเสียได้แล้วล่ะ จริงไหมแม่น้องอ้อยวิลาวัลย์???.....
..... อันคำพี่นางกล่าวไว้ช่างสมเหตุผลนัก อย่างนี้นี่เองที่คำโบราณเขามักกล่าวกันเสมอๆว่า
อันคารมของชายอย่าพึงหมายเชื่อได้ง่ายนัก ปากหนึ่งใจหรืออาจะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไป
ได้อย่างรวดเร็วปานประหนึ่งสายลมที่พัดผ่านต้องกายแล้วก็เจือจางหายไปทำความชุ่มชื้นให้
ก็เพียงแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น แล้วต้องคร่ำครวญโหยหาคำนึงอยู่มิเว้นวาย ครั้นเมื่อ....
หากมาดแม้นได้พึงพานพบหญิงคนใดเล่าที่งดงามกว่าย่อมแปรเปลี่ยนเจือจางลงเป็นอื่น
อย่างเช่นพวกเราจริงไหมเจ้าพี่นางรัตนาวดี หรืออาจจะเสแสร้งให้พวกเราได้ใหลหลง
ในคำมธุรสวาจาก็อาจจะเป็นไปได้นะพี่นาง แม่นางอัปสรอ้อยวิลาวัลย์กล่าวเสร็จ
ก็หัวร่อเบาๆ เมื่อมองหน้าชายหนุ่มเห็นสีหน้าแย้มยิ้มกึ่งจะสะเทือนใจก็ให้รู้สึกสงสารยิ่ง
ครั้นพลางหันไปมองหน้าพี่นางรัตนาวดีก็รู้สึกว่าจะออกผิดปกติวิสัยไปมากยิ่งเชียว
อีกครั้นจะเอ่ยไปมากกว่านี้หรือ??.. ก็ให้รู้สึกสะเทิ้นใจอาจจะทำให้กระทบกระเทือนแก่ห้วง
จิตใจชายหนุ่ม แม้นกระทั่งตนเองหรือก็ยังลุ่มหลงในความงามและความดีของชายที่นางเอง
ยังใฝ่ปองรองรับแม้จะเป็นรองพระพี่นางรัตนาวดีก็ตามทีเถิด ยิ่งคิดก็ยิ่งสะเทิ่นเขินขวยในใจ
.....ใช่แล้วน้องนางอ้อยวิลาวัลย์ เอ่ยขึ้นเช่นนี้นับประสาพวกเราใยเล่า พวกเราหรือจะพอมี
น้ำหนักเชื่อถือใดได้ ต่อคำวาจาของชายที่ยามพบคนที่คิดว่างดงามนักมักจะปากกล่าวดังนี้
ฉะนั้นพวกเราได้ยินแล้วก็เสแสร้งคิดว่าแค่เพียงเสียงแห่งสายลมผ่านมาผ่านกระทบใบหูเรา
ไปข้างหนึ่งแล้วก็เลือนแลลับหายไปอีกข้างหนึ่งมิดีหรือแม่น้องนางอ้อยวิลาวัลย์...........
* แก้วประเสริฐ. *
8 ธันวาคม 2553 17:35 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๒
ร่างชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งกายเรียบร้อยแบบลูกทุ่ง ก้าวขึ้นบันไดบนสถานีตำรวจ
เขายืนลังเ พลางเดินเข้าไปถาม นายร้อยเวรที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน
ด้านติดต่อกับประชาชน พลางกล่าวขึ้นว่า
..... หมวดครับ ห้องสารวัตรชัชวาลย์ อยู่ห้องไหนครับ ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที
นายร้อยเวรหันมามองเห็นเป็นชายหนุ่มแม้จะเป็นลูกทุ่ง
แต่สภาพการแต่งตัวนั้นสุภาพเรียบร้อย
จึงกล่าวว่า
..... อยู่ทางด้านโน้น มีธุระอะไรจะพบท่านหรือ???....
...... ท่านสารวัตรท่านสั่งให้ผมมาพบท่านครับ
..... หรืองั้นเดี๋ยวจะให้นายสิบตำรวจพาไปก็แล้วกันนะ???... ร้อยเวรเอ่ย
พลางหันไปเรียกนายสิบตำรวจมา เมื่อนายสิบเดินมาถึงก็ถามทันทีว่า....
...... มีธุระอะไรหรือครับท่านร้อยเวร????.....
..... คุณช่วยนำชายคนนี้ไปพบท่านสารวัตรชัชวาลย์หน่อยเถอะ
หากจะให้เข้าไปก็คงจะหาห้องไม่เจอหรอก
..... ครับ คนไหนล่ะครับท่าน???....
..... คนนี้แหละที่บอกว่าท่านสารวัตรเรียกตัวให้ไปพบ
พลางชี้ตัวหนุ่มแต่งกายสุภาพเรียบร้อยให้นายสิบตำรวจดู
นายสิบตำรวจหันไปมองชายหนุ่มแต่งกายเรียบร้อยแบบลูกทุ่งชาวบ้านธรรมดา
ครั้นเห็นก็หันไปพลางกวักมือเรียกให้ตามเขาไป เมื่อเดินไปเลี้ยวขวาสักหน่อย
ก็เห็นห้องที่ปิดไว้แต่ป้ายหน้าห้องเขียนว่า พตต.ชัชวาลย์ มุกดาวัลย์
นายสิบตำรวจคนนั้นก็หันมาทางชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ กล่าวขึ้นว่า.....
..... คอยที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวจะเข้าไปรายงานตัวก่อน อ้อๆ แล้วชื่ออะไรล่ะ???...
จะได้แจ้งถูกว่าใครขอพบท่านสารวัตร
..... เรียนท่านว่า ผมชื่อแสงสี ฟ้าสว่าง ครับ มาจากหมู่บ้านโคกอีแร้งครับ
..... รอก่อนนะถ้าท่านให้พบก็จะค่อยเข้าไปก็แล้วกัน นายสิบตำรวจกล่าว
แล้วผลักประตูเดินหายเข้าไป.......
ไม่นานสักนายสิบตำรวจคนดังกล่าว ก็เปิดประตูแล้วเรียกชายหนุ่มให้เข้าไปพบได้
เมื่อปิดประตูเรียบร้อย แสงสีแลเห็นท่านสารวัตรที่รีบลุกขึ้นจากโต๊ะเดินมาหน้าประตู
พลางปิดประตูลงกลอนทันที แล้วพลางหันมาทางแสงสีทันที
เจ้าแสงสีก็รีบยกมือขึ้นไหว้สารวัตรทันที ท่านสารวัตรก็รับไหว้ตอบ พลางกล่าวว่า
..... แสงสี นายให้มาหามีเรื่องอะไรหรือ???... สารวัตรกล่าวถาม มาๆนั่งก่อนซิยังเก้าอี้
วางไว้เบื้องหน้าโต๊ะทำงานสารวัตร ที่มีป้ายชื่อบอกยศชื่อตำแหน่งไว้....
แล้วตัวสารวัตรเองก็เข้าไปนั่งบนโต๊ะทำงานซึ่งมีเอกสารบางชิ้น นอกจากที่วางปากกา
แฟ้มเอกสารไม่กี่แฟ้มเท่านั้น
ส่วนเจ้าแสงสีก็รีบไปนั่งเก้าอี้ที่วางไว้ข้างหน้าโต๊ะทันที พลางล้วงเอกสารในอกเสื้อพร้อม
ส่งให้สารวัตรชัชวาลย์ทันที เมื่อสารวัตรชัชวาลย์อ่านเอกสารซึ่งมีหลายๆแผ่นเสร็จก็รีบยัด
เข้าใส่ในกระเป๋ากางเกงทันที ปกติแล้วจะต้องนำไปใส่แฟ้ม เก็บไว้ยังตู้เอกสารด้านหลัง
แต่ท่านสารวัตรคงจะเกรงว่าจะมีใครแอบเข้ามาอ่านจึงเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเองไว้
พลางถามขึ้นอีกว่า....นายสั่งอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าล่ะแสงสี เจ้าแสงสีก็พลันตอบว่า...
..... ท่านมิได้กล่าวอะไรเพียงให้นำเอกสารนี้อย่าให้ใครเห็นหากไม่พบสารวัตรก็ให้มอบ
ให้ผู้กองจรัสหรือผู้กองจำลองคนใดคนหนึ่งเท่านั้น หากไม่พบใครก็ให้นำกลับมาด้วยครับ
สารวัตรพลางเอ่ยขึ้นว่านายเรานี่เป็นคนละเอียดรอบคอบจริงๆนะ???...เอ่ยขึ้นเปรยๆ
แล้วพลันหันไปมองแสงสีถามว่า......
..... กินอะไรแล้วหรือยังล่ะจะได้พาไปกินอาหารนี่ก็ใกล้จะเที่ยงอยู่แล้วล่ะ???...
..... ผมทานเรียบร้อยมาแล้วล่ะครับ ขอบคุณท่านสารวัตรมาก และจะต้องรีบกลับไปรายงาน
นายท่านเสียก่อน ด้วยกำลังทำงานบางสิ่งบางอย่างอยู่ครับ นายบอกว่าเมื่อมอบให้สารวัตร
แล้วให้รีบกลับทันที ต้องมีงานให้ทำอีกครับท่าน
..... ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะเดินไปส่งหน้าสถานีเอง เผื่อว่าพวกตำรวจที่มาใหม่นี้จะได้รู้จักว่า
เจ้าเป็นคนของผม เวลาจะพบจะได้ง่ายๆขึ้น ด้วยตอนนี้มีคนมาใหม่น้อยอยู่พวกเก่าๆยังมีอีก
หลายๆนายด้วย มันจะได้พลอยรู้จักอำนวยความสะดวกเวลามาติดต่ออีกนะ
...... ครับท่าน แสงสีเอ่ยขึ้น
แล้วสารวัตรก็เอาเสื้อที่แขวนไว้ยังหลังเก้าอี้นั่งที่เป็นเบาะนวมสูงๆนำมาแต่งตัวทันทีพร้อม
โอบไหล่เจ้าแสงสีเดินออกไปจากห้องไป พอผ่านพวกตำรวจที่ยืนหรือเดินไปมาต่างแสดง
ความเคารพท่านสารวัตรทันที พร้อมหันมามองเจ้าแสงสีที่สารวัตรเดินโอบไหล่อยู่ด้วย
ครั้นเดินผ่าน ร้อยเวรที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน ครั้นเงยหน้ามองเห็นสารวัตรชัชวาลย์
โอบไหล่หนุ่มที่มาขอติดต่อ ก็พลันยืนขึ้นทำความเคารพทันทีสารวัตรหันมายิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า
..... หากคนๆนี้มาพบผมให้เข้ามาได้เลยนะ เขาคงจะจำห้องผมได้แล้วล่ะ??...สารวัตรเอ่ยขึ้น
..... ครับผ๊ม???....นายร้อยเวรกล่าวซึ่งอยู่ในท่าตะเบ๊ะทำความเคารพอยู่
บรรดาตำรวจที่ยืนในเครื่องแบบและครึ่งท่อนก็มีหันมามองเจ้าแสงสี คิดว่าคงจะมีความ
สำคัญแก่สารวัตรสนิทสนมมาก จนถึงขนาดโอบไหล่พามาส่งที่หน้าสถานีด้วยตนเอง
ต่างพากันมองเจ้าแสงสีเป็นตาเดียว ครั้นถึงทางลงบันได สารวัตรถึงปล่อยมือออกจากการ
โอบไหล่เจ้าแสงสี พลางกล่าวว่า
...... กลับไปได้แล้วล่ะวันหน้ามาก็ตรงไปหาผมที่ห้องได้เลยนะ คงจำห้องได้แล้วซิหาไม่ยากนัก
..... ครับท่าน....แล้วยกมือขึ้นไหว้ลาก้าวลงบันไดไป
สารวัตรยืนมองตามหลังเจ้าแสงสี ครั้นแลเห็นออกพ้นบริเวณโรงพัก แล้วหายไปทันที ไม่รู้
ว่ามันช่างหายไปไหนได้รวดเร็วนัก เขามองทั้งด้านซ้ายและด้านขวาก็ไม่แลเห็นแม้แต่เงาของเจ้า
แสงสีอีกเลย ก็แปลกใจยิ่งนักเหมือนมันหายตัวได้ก็มิปาน แต่ครั้นนึกถึงคำสั่งนายได้ก็ หันไป
ทางร้อยเวรสั่งว่า...
..... ร้อยเวรให้ช่วยให้ตำรวจไปเรียนท่านผู้กองจรัสและจำลองทั้งสองด้วยว่า
ให้รีบมาพบผมด่วนนะ
...... ครับผ๊ม ร้อยเวรเอ่ยขึ้นลุกขึ้นยืนนอบน้อม
ท่านสารวัตรมีเรื่องสำคัญจะปรึกษากัน เสียงร้อยเวรทำความเคารพแล้วหันไปสั่ง
ทางตำรวจนายหนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆให้รีบไปแจ้งแก่ผู้กองจรัสและจำลองว่าท่านสารวัตร
ต้องการพบตัวด่วนด้วย
เสียงการออกคำสั่งล่องลอยแว่วเข้าหูสารวัตรชัชวาลย์
ซึ่งรีบเดินจากไปเพื่อเข้าห้องทำงานทันที
นี่จวนได้เวลาทานอาหารกลางวัน แต่ไม่มีวี่แววว่าสารวัตรจะออกจากห้องเลย
คงคอยผู้กองทั้งสองอยู่
เมื่อผู้กองจรัสและผู้กองจำลองได้รับแจ้งจากตำรวจแล้วก็ต่างทิ้งงานต่างๆบน
โต๊ะทำงานทั้งสองแล้วรีบเดินอย่างรวดเร็วออกจากห้องตรงไป ห้องสารวัตรทันที
เมื่อถึงก็เคาะสัญญาณรหัสซึ่งจะรู้กันเพียงไม่กี่นายเท่านั้นในโรงพักนี้
สารวัตรรู้ว่าเป็นใครทันที เสียงร้องออกมาว่า เชิญๆๆเข้ามาได้เลยล่ะแล้วล๊อคห้อง
เสียด้วยนะ มีเรื่องสำคัญมากนายสั่งมา เอ่ยแก่ผู้กองทั้งสอง เมื่อเรียบร้อยแล้ว.....
ทั้งสามก็นั่งปรึกษาหารือกัน ที่โต๊ะทำงานของสารวัตรชัชวาลย์ ซึ่งเบื้องหน้าเป็นแผนที่
หนทางต่างๆตลอดคำสั่งให้ลงมือปฏิบัติงานอย่างไรกันบ้าง ครั้นสนทนาเรียบร้อยแล้ว
ท่านสารวัตรก็เดินไปเครื่องปริ้นซ์เอกสารนำเอกสารที่ถูกปริ้นซ์แล้วส่งมอบ
ให้แก่ผู้กองทั้งสองไปพร้อมคำสั่งการปฏิบัติงาน การประสานงานและกันไว้ ส่วนแผนที่
นั้นให้แจกจ่ายเฉพาะเขตที่จะทำการจับกุมเท่านั้น
พลางกล่าวเพิ่มเติมขึ้นว่าคุณรีบไปเตรียมจัดกำลังพลทั้งแจ้งไปยังหน่วยที่ยังแฝงกายไว้
โดยรหัสลับที่พวกเรารู้กันเท่านั้นนะ ผู้กองทั้งสองพยักหน้ารับทราบแต่ไม่กล่าวอะไรเลย
เวลาการปรึกษาของทั้งสามเลยเวลาทานอาหารกันแล้วก็ยังไม่ออกมาทานอาหาร
ทำให้บรรดาตำรวจทั้งหลายแปลกใจแม้แต่ท่านรองผู้กำกับ กำลังทานอาหารอยู่คนเดียว
ปกติจะต้องนั่งปรึกษาที่โต๊ะอาหารกันเป็นประจำนี่ก็บ่ายแล้วยังไม่เห็นนายตำรวจทั้งสาม
ลงมาทานอาหารเลยตามปกติ ก็ให้สงสัย ไม่เฉพาะตำรวจทั้งหลายแม้แต่ท่านรองผู้กำกับเอง
ดังนั้นก็รีบทานอาหารโดยเร็วเมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตรงไปยังห้องสารวัตร
ชัชวาลย์เห็ประตูลงกลอนไว้ ก็เคาะประตูเรียกทันที
รหัสสัญญาณส่งออกมาจากในห้อง ท่านรองผู้กำกับก็เคาะสัญญาณตอบเข้าไป
เมื่อสัญญาณถูกส่งแล้ว
เสียงดังเปิดกลอนแล้วประตูก็เปิดออก ทั้งสารวัตรและผู้กองทั้งสองก็ต่าง
แสดงความเคารพทันที แล้วเชิญให้ท่านรองฯเข้าไปนั่งยังโต๊ะสารวัตรพลางลากเก้าอี้ออกมา
นั่งลงพร้อมรายงานบางสิ่งที่ไม่สำคัญเท่าไรให้แก่ท่านรองฯทราบทันที
ว่าเป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านผู้กำกับสั่งมา โดยตรงให้รีบปฏิบัติงานในวันศุกร์นี้ด่วนที่สุด
ครั้นท่านรองทราบดังนั้น ท่านเชื่อใจสารวัตรและผู้กองทั้งสองมากกว่าบรรดาตำรวจทั้งหมด
จึงกล่าวแก่สารวัตรและผู้กองทั้งสองว่า
..... ถ้าแบบนั้นก็รีบดำเนินการได้ทันที ต้องการอะไรบ้างผมจะรีบเซ็นต์หนังสือขออนุมัติครั้งนี้
ให้โดยเร็วที่สุด ขอให้รีบทำเรื่องขอกำลังพลและอาวุธไป
เบิกมาใช้ได้ในการทำงานอีกครั้งนี้ได้เลย จะได้ทันการเวลาเหลืออีกไม่มากนัก
ขอให้งานนี้จงสำเร็จด้วยนะ ขออวยพรแก่คุณทั้งสามด้วย แต่ก็ยังถามว่า...
..... แล้วคุณทั้งสามจะออกไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยหรือเปล่าล่ะ???....
...... ไปครับท่านงานนี้เป็นงานใหญ่ผมจะเข้าทำการจับกุมเอง ส่วนผู้กองทั้งสอง
ต่างก็แยกย้ายกันจับกุมผู้ที่ผ่านเส้นทางต่างๆ พลางชี้ไปยังตำแหน่งแผนที่
ที่จะทำปฏิบัติงานให้ดู ท่านรองผู้กำกับก็เอ่ยขึ้นบ้างว่า...
...... งานนี้งานใหญ่สำคัญมากผมจะขอไปร่วมด้วยคน ท่านสารวัตรเห็นว่าอย่างไรล่ะ???...
..... ผมว่าท่านคอยดูแลทางนี้ดีกว่า คอยสังเกตุสิ่งผิดปกติตำรวจบางคนเฉพาะชั้นต่ำไว้ด้วย
บอกตรงๆว่าผมเองยังไม่ไว้ใจพวกอยู่เก่าๆแม้จะไม่ได้ถูกย้ายก็ตาม แต่ว่าการกินอยู่ดีผิด
ปกติวิสัยของเงินเดือนที่ได้รับครับท่าน คนที่ท่านรองจะใช้นั้นอย่าหาว่ากระผมละลาบละล้วง
ควรใช้คนที่ไว้ใจได้เท่านั้นคอยสังเกตุและรายงานให้ทราบยิ่งเร็วยิ่งดี
ด้วยทางผมถือเป็นความลับสุดยอดด้วย เนื่องจากเป็นงานชิ้นใหญ่ๆมาก
หากทราบขอความกรุณาแจ้งให้พวกผมทราบโดยด่วนด้วย เพื่อจะได้ตัดทิ้งไปส่วนคนผมทั้งสาม
จะคัดเลือกเองครับท่าน
..... ปัญหานี้ไม่ต้องห่วงกลับไปห้องทำงานแล้วผมจะเรียกคนสนิทมาสั่งงานทันที
อ้อๆงานนี้จะเริ่มอีกไม่กี่วันเท่านั้นจะทำทันหรือ????... ท่านรองสงสัย
..... เรื่องนี้ท่านเองเชื่อใจท่านรองผู้กำกับครับท่าน ท่านตอนนี้ปฏิบัติหน้าที่สองอย่างคือ
เป็นทั้งผู้กำกับการตำรวจประจำจังหวัดและยังเป็นหัวหน้าสารสืบทำตัวเสมือนสายสืบอีกด้วย
สารวัตรกล่าวขึ้นให้ท่านรองกำกับฟัง.....
..... อ้าวๆๆงั้นท่านผู้กำกับที่จะมาดำรงตำแหน่งก็อยู่ในจังหวัดแล้วซิสารวัตร....
ท่านรองฯงุนงงมากๆ
.... ครับท่าน.... ท่านผู้กำกับท่านเชื่อใจท่านรองฯมากครับ ท่านกล่าวอีกว่า .....
เรื่องนี้อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด ยกเว้นท่านรองคนเดียวเท่านั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ
ก็ไม่ต้องกล่าวอะไร เว้นแต่ท่านรองฯถามขึ้นก่อนเท่านั้น
แต่ไม่ให้บอกว่าท่านตอนนี้อยู่ที่ไหนครับท่านรองฯ
อีกอย่างท่านยังเปรยๆให้ฟังว่าจะให้ท่านรองฯปฏิบัติหน้าที่นี้ไป
จนกว่าท่านรองฯจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อครบเกษียณอายุราชการเสียก่อน
เพื่อให้เป็นเกียรติยศว่าเคยดำรงตำแหน่งสูงสุดในโรงพักนี้ไว้ด้วยครับท่าน
ท่านถึงจะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน..... สารวัตรเอ่ยขึ้น
..... อย่างนี้นี่เองงานปราบปรามถึงสำเร็จเป็นเสียส่วนมาก อีกทั้งการเลื่อนขั้นยศ
ตำแหน่งก็ตามมาอย่างรวดเร็วผิดปกติก่อนการพิจารณาคัดเลือกนายตำรวจทั้งหมด
ทางด้านเราล้วนแล้วแต่ได้รับกันเกือบหมด และถูกย้ายกันระนาวเป็นประวัติการณ์
แม้แต่ผมเองก็ยังพลอยได้รับผลด้วยเป็นถึงพตอ.และยังแถมด้วยพิเศษไปกับเขา
ในเวลาไม่นานหลังจากการจับกุมยาเสพย์ติดรายใหญ่นั้นเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
นับได้ว่าท่านผู้กำกับคนนี้มีพระคุณแก่วงศ์ตระกูลผมมากยิ่งนัก เสียดายจริงๆ
ที่ไม่มีโอกาสเห็นหน้าท่านเลย แต่คงคิดว่าคงจะได้พบเห็นหลังจากพ้นตำแหน่งไป
แล้วนะ ผมจะหมั่นแวะมาดูหน้าผู้มีพระคุณให้ได้เสียก่อน ท่านรองเอ่ยแล้วเปรยขึ้น
ในชีวิตตำรวจนี้นึกว่าชีวิตราชการตำรวจคงจะจบสิ้นเพียงแค่รองฯนี้เอง
ก็แค่ พตท.คงหมดโอกาสแล้วได้เป็น พตอ. ด้วยผู้กำกับเดิมๆก็ยศแค่ พตอ.เท่านั้น
บอกตรงๆว่าในชีวิตราชการตำรวจของผม ก็พึ่งจะมาพบเห็นก็คราวนี้นี่แหละครับ
แต่เหตุการณ์คำสั่งมาเลื่อนตำแหน่งผมเป็นพตอ.ก็แสนจะดีใจอยู่แล้วว่า
ก่อนเกษียณอายุราชการก็ยังได้รับแถมเป็นยศพิเศษอีกด้วย ก็เพราะความเมตตา
จากท่านทั้งสิ้น หากไปพบบอกท่านด้วยว่าเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแม้จะตายในหน้าที่
ผมก็พร้อมใจพร้อมกายอยู่เสมอนะสารวัตร
แล้วคุณคิดว่าท่านมาทำงานกันเมื่อไหร่คุณพอจะรู้ไหมครับ???....
ท่านรองฯกำกับถามขึ้นอีก คล้ายดั่งเกรงใจสารวัตรและผู้กองทั้งสองมากๆ
ตลอดเวลากล่าวอาการแสดงด้วยความดีใจยิ่งนัก สีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา....
..... อ้าวก็ผมบอกท่านรองไว้แล้วนี่นาครับ ท่านรองลืมเสียแล้ว สารวัตรกล่าวขึ้น
พอท่านรองนึกขึ้นได้ ก็ขอโทษสารวัตรและผู้กองทั้งสอง ดีใจที่คนที่มานั้นให้เกียรติ
แก่เขามากมายยิ่งนัก
สารวัตรพลันเอ่ยขึ้นให้ท่านรองฯทราบว่า
..... ท่านมาก่อนได้รับการเลื่อนยศและแถมยังเปลี่ยนชั้นโรงพักขึ้นไปอีกมากมาย
ตลอดจนอาณาเขตควบคุมออกไปยังพื้นที่อื่นอีกทั้งหมดในด้านแถบนี้ครับ
แต่ท่านแจ้งให้ผมกับผู้กองทั้งสองทราบเท่านั้น.....
แล้วผู้กองก็เอ่ยว่า ท่านสั่งห้าม บอกว่าท่านเป็นใครอยู่ที่ไหนครับท่านรองฯ
ผู้กองจรัสเอ่ยขึ้นบ้าง
.....ผมเองก็แปลกใจก่อนที่จะได้เลื่อนเป็นรองผู้กำกับนั้นไม่เท่าไหร่ยังได้เลื่อนตำแหน่ง
ซ้ำยังไม่เคยเห็นหน้าท่านผู้กำกับฯตัวจริงอีกด้วย ไม่เหมือนสมัยก่อนหากใครเป็นผู้กำกับ
แล้วมักจะย้ายมาก่อนรับหน้าที่จะดำรงตำแหน่งทั้งสิ้น
ท่านรองฯเอ่ยให้นายตำรวจทั้งสามฟัง
ท่านบอกว่าไม่ใช่เฉพาะโรงพักเราโรงพักเดียวเท่านะครับ โรงพักอื่นๆที่อยู่ในความ
ควบคุมดูแลของเรา ต่างก็ล้วนถูกย้ายกันระนาวไปตามๆกันตั้งแต่ผู้กำกับรองผู้กำกับ
หรือคนที่รับส่วยจากพวกทุจริตทั้งหลาย ได้ถูกเปลี่ยนใหม่หมดตามคำสั่งของท่านที่เสนอ
ไปยังผู้บังคับบัญชาสูงสุดครับท่าน ไม่แต่ตำรวจเท่านั้นนายอำเภอต่างๆในบริเวณแถวๆนี้
ตลอดจนป่าไม้ที่ดินก็โดนกันไปด้วยครับ...... สารวัตรรายงานให้ฟัง
นั่นซิสร้างความแปลกใจแก่ผมเหมือนกันด้วยได้รับรายงานจากสายของผมเหมือนกัน
ว่าเหตุการณ์ไม่ปกติธรรมดาทั่วๆไปอีกด้วย ไม่ใช่เฉพาะตำรวจหน่วยงานอื่นๆก็โดน
ผมชักสงสัยว่าท่านผู้กำกับเราคนนี้คงจะไม่ธรรมดาเสียแล้วซิ???.....
ว่าจริงไหมท่านสารวัตรผู้กองฯ รองผู้กำกับถามทั้งหมดทันที
..... เรื่องนี้ท่านเองก็ไม่เปรยให้พวกผมฟังครับ ผมเองก็เลยไม่รู้
นอกจากได้ไปพบท่านรับคำสั่งเท่านั้นครับ ส่วนใหญ่ท่านจะสั่งจะมีก็เพียงเท่านี้แหละครับ
..... อ้าวๆๆๆงั้นก็หมายความว่าคุณทั้งสามไปพบท่านมาแล้วตั้งนานแล้วหรือนี่????....
..... ครับท่านรองฯผมทั้งสามคนและตำรวจบางนายเท่านั้นที่จะได้พบท่านผู้กำกับมาครับ
แต่ขอให้ท่านอย่าได้เอ่ยเรื่องนี้แก่ใครๆแม้แต่ทางครอบครัวท่านด้วยนะ ท่านกำชับนัก
กำชับหนา เรื่องเกี่ยวกับงานของพวกเราครับท่าน สารวัตรเอ่ยขึ้น
..... เรื่องนี้ไปเรียนท่านได้เลยว่าไม่ต้องเป็นห่วง อ้อๆๆมิฉะนั้นพวกคุณถึงไม่ยอมให้ผมไปร่วม
กิจกรรม ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ท่านรองฯเปรยๆเบาๆ
..... ครับท่าน....ท่านผู้กำกับยังบอกว่าในเมื่อท่านรองฯจะเกษียณอายุราชการ งานด้านเสี่ยงๆทั้งหมด
อย่าให้ท่านปฏิบัติเด็ดขาด ท่านไม่สังเกตุเลยหรือว่าเหตุใดผมถึงรีบรายงานขอกำลังพลและเบิกอาวุธ
มาปฏิบัติทุกๆครั้ง ท่านได้รับเพียงแต่รายงานขอเบิกเท่านั้นแต่ไม่ได้ไต่ถามผมสักครั้งเดียวเลย
ถึงท่านรองฯจะไป ท่านยังสั่งว่าให้หาทางแก้ตัวไว้ด้วยหากท่านรองถามครับ อย่าให้ท่านท่านรองฯ
ไปเด็ดขาด
เว้นแต่เมื่อทำการได้สำเร็จครบถ้วนเรียบร้อยแล้วนั่นแหละถึงให้ท่านไปตรวจสอบได้.........
* แก้วประเสริฐ. *
7 ธันวาคม 2553 18:11 น.
แก้วประเสริฐ
อมิสมานกาย ๔๑
บริเวณไร่นาสวนที่พ่อเชียรสร้างไว้นั้น มีอาณาเขตกว้างใหญ่มาก ล้วนแล้วแต่
ปลูกพืชผักผลไม้ต่างๆ สลับกันไปๆมาๆเป็นจำนวนมาก แลดูครึ้มๆ อากาศร่มเย็น
มีกระต๊อบเตี้ยๆปลูกไว้ริมๆทางเข้า บริเวณสวนที่อุดมไปด้วยต้นไม้ที่กำลังผลิดอก
ออกผลเล็กบ้างใหญ่บ้าง ถัดไปเป็นไร่ปลูกจำพวกกล้วยต่างๆ อ้อย มันสัมปะหรังฯลฯ
ส่วนนานั้นอยู่เลยไปติดริมเขามีไม่มากนัก เขาคิดว่าแค่ทำไว้กินปีๆหนึ่งเท่านั้นเอง
ส่วนขอบบริเวณเนื้อที่เป็นสระใหญ่และเครื่องสิ่งฟอกอากาศระบายน้ำให้ไหลสู่ลง
ไปเบื้องล่าง สระน้ำแยกเป็นสองสระน้ำ สระหนึ่งใช้สำหรับรองรับน้ำที่ไหลลงมา
มีธารเล็กๆที่เชื่อมต่อกับลำธารใหญ่ที่ไหลมาจากภูเขาไว้ แล้วส่งต่อไปยังอีกสระหนึ่ง
ใช้สำหรับเลี้ยงจำพวกปลาต่างๆ เพื่อส่งขายเมื่อคนมาขอซื้อทั้งผลไม้และปลาที่ทำไว้
ชายหนุ่มแลเห็นพ่อกำลังนั่งสูบบุหรี่ใบจากอยู่บนแคร่หน้ากระต๊อบดูการทำงาน
ของเจ้าชัย ซึ่งแต่งตัวด้วยกางเกงขาก๊วยเพียงตัวเดียว ร่างมันกำยำล่ำสันใหญ่โต
ขึ้นมากหลังจากมาช่วยงานพ่อแม่เขา กำลังทำงานฟันดินให้ร่วนๆอยู่บางครั้งก็นั่งพัก
แต่มันไม่นั่งเปล่าๆในมือมันยังมีมีดใช้สำหรับถางหญ้าเล็กๆไปด้วยในตัวเสร็จ
บางครั้งยกขวดน้ำพลาสติคยกขึ้นดื่มแก้กระหาย เมื่อมันเมื่อยจัดๆก็นอนไขว่ห้าง
นอนลงบนต้นหญ้าที่ถางไว้แล้วนำมาปูรองนอนพักเอาแรงไว้เพื่อทำงานต่อไป ครั้นพอ
พ่อเขาสูบบุหรี่เสร็จ ก็เห็นไปหยิบมีดเดินออกไปถางหญ้า ที่ทำเป็นท้องร่องน้ำใต้ต้นไม้
ในสวน กำลังง่วนกับการถางต้นหญ้ารอบๆต้นไม้ต่างๆ สุมกองเรียงราย เป็นหย่อมๆไป
ชายหนุ่มเดินมาถึงก็มานั่งบนแคร่ดูการทำงานของคนทั้งสอง ส่วนแม่ก็อยู่ในกระต๊อบ
คงจะง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพื่อกินกันสำหรับอาหารมื้อเที่ยงที่จวนจะใกล้อยู่แล้ว เมื่อ
พ่อเขาเหลือบมาเห็นก็หัวร่อลั่น เสียงของพ่อทำให้เจ้าชัยหันมามองด้วย แล้วต่างคนก็วาง
มือจากการทำงาน เดินมาหาเขา เขายกมือไหว้พ่อ ส่วนเจ้าชัยก็ยกมือไหว้เขา พ่อพลันถามว่า
..... อ้าวเอ็งมาเมื่อไหร่ล่ะ ไม่เห็นกระโตกกระตากให้รู้เลย???......
..... ผมเห็นพ่อกำลังสนุกกับการทำงานอยู่ครับ ผมก็พึ่งจะมานั่งบนแคร่นี้ไม่นานหรอก
ชายหนุ่มตอบผู้เป็นพ่อ พลันหันไปคุยกับเจ้าชัย
..... เป็นยังไงเหนื่อยมากไหมล่ะน้องพี่???.....
..... ไม่หรอกครับเคยชินเสียแล้วล่ะพี่ ดีเสียอีกออกกำลังกายในตัวเสร็จ เจ้าชัยเอ่ยตอบ
เขานึกในใจว่าทำไมร่างกายมันจึงกำยำล่ำสัน และสูงขึ้นกว่าเดิมก็ด้วยเหตุนี้นี่เอง แล้วก็
พลางกล่าวว่า ชัยพี่จะสอนวิชาอาคมต่างๆให้นะแล้วยังฝึกหัดวิชาการต่อสู้ให้แก่เจ้าด้วยตลอด
จนการใช้อาวุธต่างๆ หากพ่อแม่แก่เฒ่าเจ้าจะต้องเป็นผู้คอยดูแลแทนพี่ซึ่งจะไม่มีเวลาจึงขอฝาก
ไว้กับเจ้าและชบาด้วย แต่ขอให้พี่เสร็จจากงานที่ใกล้ๆจะมาถึงแล้วเสียก่อนนะ
.... แล้วแต่พี่เถอะครับ ผมยินดีส่วนพ่อแม่ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรอก เป็นหน้าที่ของผมอยู่
แล้วล่ะ??..... เจ้าชัยกล่าวกับพี่ชายมันซึ่งมันบัดนี้ยิ่งเคารพรักชายหนุ่มมากขึ้นที่สร้างมันขึ้นมา
ให้เป็นคนได้ และยังได้มาอยู่กับคนดีๆเช่นนี้อีกด้วย มันนึกว่าเป็นบุญเก่าคงจะสร้างมามากและ
คงจะเคยเป็นพี่น้องกันมาก่อน มันคิดในใจจึงได้พยายามทำทุกๆอย่างแทนพ่อให้มากที่สุด
เสียงสนทนาของทั้งหมดดัง ทำให้แม่เข็มเดินออกมาจากกระต๊อบ ครั้นชายหนุ่มแลเห็น
ก็ยกมือไหว้ แม่เข็มหัวร่อร่าที่เห็นลูกชายมาเยี่ยม พลางกล่าวขึ้นว่า
...... วันนี้เป็นวันอะไรหนอเจ้า ถึงมาเยี่ยมพ่อแม่น้องได้ หรือว่างานเสร็จเรียบร้อยแล้ว???....
..... ยังหรอกครับแม่ผมเห็นว่างๆและนึกอย่ามาชมดู ไม่ได้คุยกับชบาด้วยมันง่วนอยู่กับ
การทำอาหารแลเช็ดบ้านถูเรือนอยู่ ส่วนนางอัปสรนั้นตอนนี้ก็ไม่อยู่เสียด้วยครับ ชายหนุ่มตอบแม่
..... เออๆๆมานานแล้วหรือไงลูก???..... ฝ่ายผู้เป็นแม่ถาม
..... สักครู่นี้เองแหละครับว่าไร่นาสวนเป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่มาไม่เคยเข้ามาดูเลย ครั้นยังเป็น
หนุ่มอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ด้วยต้องไปเรียนหนังสือในเมืองและก็มาลาพ่อแม่เข้ากรุงเทพฯไป
..... ตั้งแต่ได้เจ้าชัยมาช่วย พ่อแม่รู้สึกว่าค่อยยังชั่วหน่อยแก่แล้วด้วย เรี่ยวแรงมันช่างถดถอยจริงๆ
ผู้เป็นพ่อกล่าวบ้าง
..... เดี๋ยวนี้มันโตขึ้นกว่าเดิมมากเสียด้วยสูงอีก คงจะเป็นการขึ้นต้นไม้บ่อยๆกระมัง ด้วยมันต้องไป
คอยผูกกระเช้าห่อผลไม้ต่างๆ หากไม่ได้เจ้าชัยคงปล่อยมันไปตามธรรมชาติแหละ ผลก็ได้ไม่เต็มที่
ด้วยนกกระรอกกระแตทั้งกลางวันกลางคืนมันเจาะกินเสียหายเกือบหมด บางครั้งแทบจะไม่ได้อะไรเลย
แต่อย่างว่านะลูกพ่อเองปีนต้นไม้ไม่เหมือนเก่าแล้วล่ะ.... พูดเสร็จพลางหัวร่อฮึๆๆ
..... ผมว่าจะมาสักพักหนึ่งก็จะกลับแล้ว ด้วยผมคิดว่าป่านนี้เจ้าแสงสีเจ้าสินชัยคงจะมาถึงบ้านแล้วล่ะ
เห็นหายไปสองสามวัน มันคงจะถามน้องชบาว่าผมหายไปไหนครับ
..... อ้าวๆแล้วไม่กินข้าวกันก่อนหรือ??..... ผู้เป็นแม่ถาม
..... ไม่หรอกครับ ผมรับปากกับน้องชบาว่าจะมากินเป็นเพื่อนมันด้วย ชายหนุ่มกล่าว
..... แล้วไม่เข้าไปเดินดูที่ทางบ้างเลยหรือ????..... ฝ่ายพ่อและเจ้าชัยถามขึ้นพร้อมๆกัน
..... ผมก็คิดอย่างนี้เหมือนกันครับ เดินดูสักพักแล้วจะกลับเสียเลย นี่ก็ใกล้ๆจะเที่ยงอยู่แล้วล่ะ??....
..... ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจลูกก็แล้วกันนะ
แล้วชายหนุ่มก็หันไปทางแม่เอ่ยขึ้นว่า
..... หากผมไปเดินดูเสร็จก็จะเลยไปบ้านนะครับ แม่ไม่ต้องห่วงผมเอาจักรยานมาครับ
..... เออๆๆตามใจลูกเถอะ อย่างไรตอนเย็นก็เจอกันอีก งั้นลูกไปเดินดูไร่นาทาสวนเลยก็ดีนะนี่
มันก็จะใกล้เที่ยงอยู่แล้ว เดี๋ยวพ่อกับเจ้าชัยมันจะได้เสร็จมากินข้าวกันบ้าง พอเขาหันไปมองก็
เห็นเจ้าชัยออกไปทำงานคนเดียวก่อนแล้ว ส่วนพ่อเขายังนั่งสูบบุหรี่คอยเขาอยู่
ดังนั้นเขาจึงชวนพ่อออกไปเดินดูที่ดูทาง และจะได้รีบกลับบ้านเพื่อฟังข่าวจากเจ้าแสงสี
และเจ้าสินชัย พลางเอ่ยว่า
..... ไปหรือยังล่ะครับผมว่าจะได้รีบกลับไปฟังข่าวด้วย และจะได้เขียนแผนการณ์ให้มันไปส่ง
มอบให้ลูกน้องผมด้วยครับ
..... งั้นไปเลยซิลูกพ่อจะนำไปเอง เจ้าจากไปหลายๆปีคงจะไม่เหมือนเดิมเสียแล้วล่ะ ผู้พ่อกล่าว
..... ครับๆดีเหมือนกันแหละครับ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
แล้วทั้งสองก็เดินคุยกันไป ฝ่ายพ่อก็ชี้ให้ดูบริเวณที่ซึ่งพึ่งซื้อมาเพิ่มขึ้นอีก และถากถางเสร็จ
แล้วกำลังเพาะปลูกต้นไม้อยู่ ซึ่งพึ่งจะเริ่มเป็นสาวๆกันแล้วคงอีกปีหน้าอาจจะเก็บเกี่ยวผลได้กระมัง
ส่วนนาคิดว่าจะเพิ่มอีกสักไร่หนึ่งด้วยมีคนมาช่วยกันแล้ว เจ้าคงไม่สังเกตุที่หลังกระต๊อบนั้นพ่อได้
ซื้อเครื่องสีข้าวเล็กๆไว้ด้วย ซึ่งห่างจากกระต๊อบไว้นอนพักเล่นแก้เหนื่อยเท่านั้นให้แม่เขาดูแล ฝ่าย
พ่ออธิบายสิ่งต่างๆให้ลูกชายฟัง ส่วนด้านชายหนุ่มได้แต่คิดว่าพ่อเขานี่ช่างเก่งจริงๆเรื่องทางด้าน
กสิกรรมเกษตรกรรมนัก การจัดการหรือก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นสัดส่วน จะมีสลับกันบ้างก็
เพื่อไม่ให้เนื้อที่เสียไป ที่แซมไว้ล้วนแต่เป็นกล้วยต่างๆทั้งสิ้นนอกนั้นเป็นผลไม้ยืนต้นห่างๆกัน
คงจะราวประมาณวาหนึ่งเห็นจะได้ เดินตามพ่อไปพ่ออธิบายไปเขาก็รับฟังแล้วมาคิดไปจวน
เวลาใกล้เที่ยง หากคิดจะเดินให้ทั่วทั้งวันก็คงจะไม่ครบ พอได้เวลาอันสมควรรู้แนวบริเวณเท่านั้น
ก็ชวนพ่อกลับ พ่อบอกกล่าวว่า
..... งั้นเอ็งกลับไปก่อนก็แล้วกันพ่อจะได้ถางหญ้าเล็กๆช่วยเจ้าชัยมันไปด้วย เหมือนออกกำลังกายไป
ในตัวเองเสร็จ แต่อย่าลืมไปบอกแม่เขาเสียก่อนล่ะ???.....ฝ่ายผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น
..... งั้นผมกลับตอนนี้เลยนะครับ ด้วยรู้แนวบริเวณเนื้อที่ของเราหมดแล้วหากเดินดูให้หมดคงทั้งวันก็
ไม่หมดหรอก ชายหนุ่มกล่าวแก่ผู้เป็นพ่อ
..... เออๆไปเถอะลูก ป่านนี้นางชบามันคงจะจัดอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว และเจ้าแสงสีสินชัยคงจะมาแล้ว
กระมัง???....ผู้พ่อกล่าวขึ้นบ้าง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเวลาพอสมควรก็ยกมือไหว้พ่อ แล้วตะโกนบอกเจ้าชัยว่า
..... ชัยๆๆ....พี่กลับก่อนนะวันหน้าหากว่างๆจะมาช่วยเจ้าด้วยล่ะ??....
ได้ยินเสียงตอบรับจากเด็กหนุ่มแต่คิดว่าคงเป็นชายหนุ่มเสียแล้ว ด้วยสรีระร่างมันบ่งชี้นั่นเอง
..... ครับพี่แล้วเจอกันที่บ้านก็แล้วกัน ฝ่ายเจ้าชัยตะโกนตอบ
ดังนั้นชายหนุ่มก็เข้ากระต๊อบไปลาแม่แล้ว ก็นำจักรยานออกมาขี่กลับบ้านทันที ในระหว่างทางเขาคิด
วางแผนการณ์ไว้หลายๆรูปแบบ เพื่อจะให้ลูกน้องได้ทำงานคราวนี้หากได้รับการยืนยันจากเจ้าแสงสี
และเจ้าสินชัย ก็จะนำมาปรับปรุงแผนการณ์ต่อไป
สักครู่ใหญ่ๆเขาก็เดินทางมาถึงบ้าน สาวชบามานั่งคอยรับที่ชานเรือนตรงริมบันไดทางขึ้นบ้าน
ก่อนแล้ว ครั้นแลเห็นเขาหล่อนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวทันที เพื่อจัดเตรียมอาหารมาให้เขากินกับ
หล่อน
ด้านชายหนุ่มครั้นจอดจักรยานไว้ในที่เรียบร้อยแล้ว เดินมายังบันไดล้างเท้าแล้วก้าวขึ้นเรือนตรง
ไปยังห้องทันที
เมื่อถึงยังห้องก็เห็นเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่เห็นแม่นางอัปสรทั้งสองแต่
อย่างใด จึงรีบถามเจ้าแสงสีสินชัยทันที
..... งานที่ข้ามอบให้ไปทำนั้นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ???....ชายหนุ่มถาม
เจ้าแสงสีและสินชัยต่างช่วยกันรายงานขึ้นทันที เพราะต่างตนแยกกันไปทำงานคนละที่กัน ฝ่ายเจ้า
แสงสีรายก่อนขึ้นว่า
..... เราสองต่างแยกย้ายกันไปทำงาน ผมไปติดตามทางด้านกำนันกับเสี่ยหว่างจนถึงสถานที่ ที่จะทำงาน
ของพวกมัน จนทราบว่ามันจะลงมือในป่าทึบที่ติดทางแม่น้ำโขงดั่งที่นายกล่าวไว้ไม่ผิดเลย ในวันศุกร์นี้
เวลาตอนเช้าตรู่ แต่รถนั้นมันจะนำไปจอดไว้ตามบ้านกำนันต่างๆแถวๆนั้นก่อน มันจะแปรรูปท่อน
ไม้ใหญ่ให้เป็นไม้สำเร็จรูปแล้วค่อยๆแยกทางกันไป ด้วยมีทางแยกหลายๆทางแต่ล้วนแล้วทางนั้น
เชื่อมต่อกันหมดมาตามทางที่ต้องผ่านบ้านกำนันมั่นแต่ไม่ผ่านทางหมู่บ้านเราแยกไปอีกทางหนึ่ง
ซึ่ง ปลายทางมีทางแยกกันหลายทางที่จะไม่ต้องเข้าเมืองตรงไปทางกรุงเทพฯเลย
และผมยังได้ไปติดต่อกับเจ้าป่าเจ้าเขาด้วยตลอดจนลูกน้องผีทั้งหลายให้คอยช่วยดูแล พวกเราให้ด้วย
แต่ต้องไปแจ้งอีกทีให้พวกมันรู้ว่าพวกเราจะแต่งกายอย่างไรกันบ้างและมีอะไรเป็นสัญญาลักษณ์อีกด้วย
และยังได้นำดินในท้องที่ต่างๆมาไว้เนื่องจากนายเคยพูดว่า กำลังคนทางเราไม่พอบางทีอาจจะสร้างหุ่นไว้
ใช้งานร่วมด้วยนะนาย แต่ผมคิดว่าหากเข้าทำการจับกุมควรจะให้ทำงานแปรรูปไม้ให้เสร็จก่อน เวลาจับ
กุมจะได้ไม่ยุ่งยากมากนัก มันใช้รถมาขนเป็นจำนวนมากๆด้วยคนเราน้อยจะได้สะดวกในการจับกุม
เรื่องนี้แล้วแต่นายจะทำก็แล้วกัน ส่วนหุ่นนั้นผมกับสินชัยช่วยกันปั้นได้มาแล้วทั้งยังปลุกเสก
ตามที่นายสอนไว้ เพียงแค่ให้นายมาปลุกเสกกำกับอีกทางหนึ่งเท่านั้น ได้หลายร้อยตัวเชียวล่ะ
มันกล่าวด้วยความภูมิใจต่อผลงานของมันที่นายสั่งไว้สำเร็จ
ส่วนทางเจ้าสินชัยครั้นเห็นพี่แสงสีจบรายงานแล้ว ก็รีบรายงานว่า ผมได้ติดตามไปยังบ้าน
อาจารย์มันว่าจะใช้อะไรมาช่วยในการทำงานครั้งนี้ไว้ แค่แฝงกายแอบดูฟังอยู่กลับพวกที่ผมได้
เกลี้ยกล่อมมันไว้ทั้งหมด มันน่าสยดสยองยิ่งนักกับอาจารย์ทั้งสอง
ยิ่งกว่าผมที่ตอนโดนและนายยังไม่ได้ชุบเลี้ยงเสียอีก เอน็จอนาถมากกว่าหลายเท่าตัวนัก
ด้านอาจารย์เสิ่งปางนั้นมันโดนของๆมัน ผมเห็นเป็นหนังควายแผ่นมหึมาใหญ่มากๆเสียด้วย
คิดว่าคงเป็นนายปล่อยกับคืนไปหามันเอง มันเลยป้องกันตัวอะไรไม่ได้ ท้องระเบิดแตกแยกกัน
ไส้เครื่องในเลือดสาดกระจายไปทั่วบ้านของมัน รวมทั้งพวกกำนันใช้ต่างหนีเผ่นแนบไปตามๆกัน
ตอนนี้ถูกพวกกำนันใช้และพวกเผาบ้านและร่างมันทำลายหลักฐานตามเจ้าหน้าที่ที่มาชัณพิสูจน์ศพ
สั่งไว้ให้ทำลายหลักฐานกลบเกลื่อนบริเวณไว้หมดแล้วล่ะ
ส่วนอาจารเจี๊ยะเปิ้งนั้นมันโดนตะขาบยักษ์ ผมคิดว่าก็คงจะเป็นนายส่งไปอีกนั่นแหละ กัดกินหัวมัน
แทะเนื้อมันหมดเหลือทิ้งไว้ไม่มากนัก ก่อนตายทั้งสองร้องครวญครางเสียงดังน่ากลัวมากครับนาย
แต่บ้านมันก็ถูกกำนันหวนเผาทำลายซากศพไปหมดสิ้น ทั้งบ้านเลยล่ะรวมทั้งบรรดาสิ่งของต่างๆด้วย
ผีของมันอาละวาดกันใหญ่ล้วนไม่ใช่พวกที่ผมเกลี้ยกล่อมไว้เท่านั้น ซึ่งพวกมันก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม
เข้าช่วยเหลืออาจารย์มัน เว้นแต่พวกที่ไม่ยินยอมแต่ พวกมันไม่กล้าเข้าไปใกล้ตะขาบยักษ์สักตนเดียว
ซึ่งพวกที่ยินยอมกับเราบัดนี้มันได้มาขอพักอาศัยกับทางเรา ผมคิดว่านายควรจะสร้างที่อยู่ให้มัน
ได้พักไว้ใช้ในคราวต่อไป เพื่อให้มันได้สร้างบุญกุศลชดใช้กรรมด้วย พวกมันถูกบังคับเช่นผม
และนายควรจะอบรมสั่งสอนมันด้วยนะจะได้ใช้งานมันอีกทางหนึ่งช่วยพวกผมด้วยครับ
บรรดาผีที่ไม่ได้ยินยอมต่างก็พากันติดตามพวกกำนันใช้และกำนันหวนไปบ้านมันทั้งหมดด้วย แต่
ผมไม่ได้ติดตามมันหรอก เพียงแต่นำพวกที่เราเกลี้ยกล่อมไว้ได้มาให้อาศัยยังต้นไม้เล็กบ้างใหญ่บ้าง
ราวประมานสามสิบเห็นจะได้ครับนาย แต่ต้นไม้ใหญ่ๆนั้นมันได้แต่นั่งนอนแค่ใต้ต้นไม้เท่านั้น ด้วยมี
พวกอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ผมต้องไปติดต่อกับเขาว่าเป็นคนของนาย เขาจึงยอมให้มันพักอาศัยใต้ต้นไม้
ตอนนี้กำลังรอนายอยู่เท่านั้น ส่วนทางพี่แสงสีที่รายงานมานายคงทราบกันอยู่แล้ว ด้วยเราทั้งสองได้
ปรึกษาหารือกันทราบกันอยู่
ครั้นชายหนุ่มรับฟังทั้งสองตนกล่าวเช่นนี้ก็ยกมือหันไปตบไหล่มันทั้งสอง พลางกล่าวว่า
..... เออๆขอขอบใจมากนะที่งานนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนแผนการณ์หลังเจ้ากินอาหารที่สาวชบาจัดไว้
ให้ ข้าบอกว่าขอให้เป็นพิเศษหน่อยคงจะเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วล่ะ ไปพักผ่อนหลังกินอาหารแล้ว
ข้าเองก็จะใช้เจ้าให้ไปหา สารวัตรสังวาลย์ ผู้กองทั้งสองด้วยเพื่อจะมอบแผนที่การทำงานให้เขาไว้แล้ว
เจ้าก็บอกเขาว่าทางเราจัดเตรียมคนไว้ให้ก็แล้วกันไม่ต้องห่วงเรื่องกำลังคนหรอก มีเท่าไหร่ที่ไว้วางใจ
ได้เท่านั้นก็เพียงพอ หลังจากข้ากินข้าวเสร็จก็จะไปสร้างที่อยู่ให้แก่ผีที่เจ้านำมาด้วยไว้บริเวณป่า
หน้าบ้านไว้ให้ อีกอย่างหนึ่งนั้นข้าได้รับทราบมาว่าบัดนี้ทางกรุงเทพฯส่งเจ้าหน้าที่มาหลายร้อยนาย
แอบแฝงไว้เช่นข้าแล้วด้วยล่ะ ชายหนุ่มกล่าวแก่หุ่นทั้งสองที่เกือบจะเป็นคนไปแล้ว
คงด้วยอำนาจฌานสมาธิที่เขาพร่ำสอนทั้งวิทยาคมและทางกสิณต่างๆ ล้วนแล้วแต่ทั้งสองต่างฝึก
ได้ไปมากกว่าครึ่งแล้วด้วย
..... เดี๋ยวข้าไปกินอาหารก่อนเจ้าไปกินอาหารบ้างแล้วก็พักผ่อนไว้ก่อนก็แล้วกันนะ หลังจะเสร็จธุระ
ข้าถึงจะเรียกเจ้ามาใช้อีกที อ้อๆๆๆยินดีแก่เจ้าทั้งสองด้วยนะที่บัดนี้ร่างเจ้าใกล้จะเป็นคนไปทุกๆทีอีก
ไม่ช้าหรอก หากเจ้าต้องการเมื่อไหร่บอกข้าก็แล้วกัน ข้าเองก็จะหาคนที่เหมาะสมให้แก่เจ้า
..... เรื่องเปลี่ยนร่างนี้ขอนายไม่ต้องห่วงใยหรอก หากพวกผมเห็นสมควรก็จะบอกแก่นายเองแหละ
แต่ตอนนี้ยังอยากเป็นอย่างนี้อยู่ก่อน แต่ก็จะพยายามฝึกฝนวิทยาอาคมต่างๆทั้งสองทางให้สำเร็จก่อน
ด้วยนะนาย ทั้งสองกล่าว
..... งั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกั้นนะ หากวันใดต้องการก็บอกข้าก็แล้วกัน ข้าไปก่อนนะ อ้อๆๆ...เรื่องหุ่นที่
เจ้าสร้างไว้ให้นำใส่ถาดเดี๋ยวข้าจะจัดหามาให้หรือเจ้าไปเอาที่ในครัวก็ได้บนชั้นหิ้งที่ต่อไปมีนับได้มาก
คงจะพอเพียงหรอก แล้วนำใส่พวกหุ่นที่สร้างมันลงใส่ถาดไว้ ข้างๆโต๊ะหมู่บูชาพระคืนนี้ข้าจะได้ทำการ
ปลุกร่างมันให้ทำงานได้ ชายหนุ่มกล่าว
..... ครับนายงั้นข้าไปกินข้าวก่อนแล้วจะได้ทำงานให้เสร็จและจะพักผ่อนเสียหน่อยด้วย
..... ไปเถอะข้าก็จะออกไปด้วย เมื่อกินข้าวเสร็จข้าก็จะรีบมาเขียนแผนที่และวางแผนกำลังพลในการเข้า
จับกุมพวกมัน และเห็นชอบกับการเสนอของพวกเจ้าด้วยที่ควรให้มันแปรเป็นไม้สำเร็จรูปเสียก่อน
ส่วนหุ่นนั้นสร้างไว้เพื่อแค่หลอกลวงพวกมันเท่านั้นจะทำการอะไรก็ไม่เต็มที่นัก
ด้วยใช้อาวุธทันสมัยไม่เป็น
นอกจากพวกมันจะใช้ได้แค่มีดแค่ไม้เท่านั้นเอง หลังจากมันทะยอยกันออกไปแล้วเหลือไว้
บางส่วนก็จะเข้าจับกุมพวกมันทั้งหมด บางทีอาจจะได้พวกหัวหน้ามันด้วย
ไปล่ะเดี๋ยวเวลาจะไม่ทันการคงเหลือเวลาไม่มากนัก
ชายหนุ่มกล่าวแล้วก็เดินออกไปยังนอกห้อง เพื่อกินอาหารที่ชบาเตรียมไว้ให้แล้วเขาคิด และก็จริง
เห็นสาวชบานั่งอยู่ใกล้ๆถาดอาหารคงคอยเขาอยู่แล้ว พอเขาเห็นก็ยิ้ม พลางทักทายว่า
..... น้องจะกินก่อนพี่ก็ได้นะ พี่ไม่ถือสาอะไรหรอกจ๊ะ ชายหนุ่มเอ่ยกับสาวชบา
..... ไม่ได้หรอกจ๊ะพี่ เรามาทานด้วยกันนะ แล้วหล่อนก็ตักข้าวใส่จาน ซึ่งมีจานใส่น้ำไว้ใช้ล้างมือตลอดจน
ผ้าเช็ดปากและมือวางไว้ในจานใกล้ๆอยู่ด้วย
ดังนั้นชายหนุ่มจึงลงมือกินข้าวกับสาวชบาไปและต่างก็คุยกันเรื่องในไร่นาสวนต่างๆที่เขาไปดูมาและ
พลางกล่าวว่า
..... อีกหน่อยคงจะเป็นของเจ้ากับเจ้าชัยแหละ ด้วยพี่ทำงานอะไรๆน้องก็รู้บางทีอาจจะต้องไปอยู่ในกรุงเทพฯ
ก็อาจจะเป็นไปได้ หรือไม่ก็อาจจะต้องไปจังหวัดอื่นๆอีก ทางนี้พี่หมดห่วงแล้วมีน้องสาวแสนสวยและเจ้าชัย
เป็นตัวแทนพี่อยู่ พูดจริงๆพี่แสนจะดีใจด้วย
เมื่อได้ยินพี่ชายกล่าวเช่นนี้ สาวชบาถึงกลับน่าแดงด้วยใจหล่อนเองตอนนี้ยังคิดถึงเรื่องของที่ซื้อมาให้หล่อน
และอีกอย่างหนึ่ง ครั้นเห็นการกระทำของเขาด้วยสุภาพเรียบร้อย พูดจาก็แสนไพเราะทำให้ในใจส่วนลึกๆนั้น
ถูกกระแสบางอย่างเกิดขึ้นกับหล่อนจนหล่อนบางครั้งต้องสะบัดหน้าขึ้นในขณะที่อยู่คนเดียว หล่อนมิได้คิดเช่น
เขากล่าวไว้ แต่กลับคิดไปอีกแบบหนึ่งครั้นยิ่งได้ยินกล่าวว่าแสนสวยด้วย ยิ่งทำให้หล่อนประหม่าแทบจะอิ่มข้าว
ในทันที
พลางเหลือบแลใบหน้าเขา ยิ่งทำให้หล่อนสะท้อนขึ้นในใจอย่างไรจนหล่อนเองก็ไม่รู้ ว่าเหตุใดทำไมจิตใจ
ของหล่อนถึงได้แปรเปลี่ยนไปเช่นนี้ จะอิ่มข้าวก่อนเขาหรือก็เกรงใจเขา จนกระทั่งเขาวางมือล้างมือแล้วนั่น
แหละหล่อนก็รีบอิ่มข้าวทันที ด้วยเพราะเอิบอิ่มใจมีมากกว่าความต้องการของท้องเสียอีก มันทำความแปลก
ประหลาดจนอิ่มอกอิ่มใจเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็มิวายหันไปทางเขาว่า
..... อ้าวทำไมพี่ถึงได้อิ่มข้าวเร็วจังล่ะ หรือว่าอาหารไม่อร่อยถูกปากพี่จ๊ะ???.... หล่อนถามขึ้นด้วยมิรู้จะเอ่ยอย่างไรดี
..... อร่อยจ๊ะน้องพี่อร่อยมากๆเสียด้วยซิ ที่ต้องรีบกินให้เร็วๆด้วยต้องไปวางแผนเกี่ยวกับงานของพี่อีก ใจอยากจะ
นั่งคุยกับน้องพี่จริงๆนะ แต่งานนั้นมันรีบเร่งสำคัญเสียด้วยซิ มิฉะนั้นพี่ก็จะนั่งคุยกับน้องนานๆหรอกจ๊ะ
ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอาใจหล่อนหญิงสาวชบาถึงกับเขิน
ภายในใจหล่อนที่ส่วนลึกๆแล้วเกิดนึกชอบเขาผิดกับพี่น้อง และอีกอย่างหนึ่งเขากับหล่อน
ที่อยู่นี้ก็ไม่ได้มีส่วนสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรกันอีกด้วย
ยิ่งคิดยิ่งสร้างความหวังมากยิ่งขึ้น ถึงกับมือไม้สั่นดีนะที่ชายหนุ่มมิได้สังเกตุเท่านั้นเอง
หญิงสาวรีบเก็บถาดอาหารและจานข้าวไปล้าง ล้างไปคิดไปยิ่งทำให้หล่อนยิ่งนึกถึง
เรือนร่างอันสง่างามผ่าเผยสมสัดส่วนและหล่อเหลาตลอดจนร่างกายที่กำยำ
ยามที่เขานุ่งผ้าขาวม้าลงไปอาบน้ำด้วย ใจยิ่งประหม่ามากจนใบหน้าแดงกร่ำมากๆ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วพลางมาเช็ดถูกร่อยรองที่นั่งทานอาหารให้หมดจดสะอาดเรียบร้อย
ระหว่างเช็ดพื้นไปพลาง สายตาหล่อนก็ชำเลืองมองไปยังห้องชายหนุ่มทันที
ยิ่งมองสาวชบายิ่งคิดมาก จนต้องวางงานด้านอื่นๆเสีย รีบหนีเข้าห้องแม่ไปทันที
ไปนั่งมองจ้องกระจกตบแต่งใบหน้าตามวิสัยอิสตรีที่ภายในใจล้วนแล้วแต่ความนึกคิดถึงชายหนุ่ม
ใช่แล้วหล่อนเกิดรักเขาจริงๆเสียแล้วด้วยซิหล่อนคิด นี่หรือคือความรักที่คนเราส่วนมาก
จะพบรักและชอบพอกันก็ตอนแรกพบ เริ่มก่อนของชายและหญิงที่บังเกิดในรักครั้งแรก............
* แก้วประเสริฐ. *