21 ธันวาคม 2553 18:05 น.

* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๖ *

แก้วประเสริฐ

76.gif
              *  ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๖  *

                     ยาบำบัดโรคภายในท้อง

                             โรคแก้ท้องเดิน

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา ผลละมุดดิบ ๓ ผล นำมาตำให้แหลก ผสมกับ
น้ำปูนใส (น้ำปูนปดงกินหมากที่ไม่ใส่สีเสียด)  คั้นเอาเฉพาะน้ำยา
ใช้รับประทานประมาณ ๑ ถ้วยชา เพียงครั้งเดียว มีสรรพคุณแก้โรค
ท้องเดิน ท้องร่วง ลงท้อง ให้หายไปได้อย่างผลดีชะงัดนักแลฯ
( พต. มงคล ชุ่นศรี  รพ.พระมงกุฏเกล้า กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา เปลือกต้นเต็งรัง นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ
พอสมควร ใช้น้ำยารับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคท้องเดินได้ผลดี
อย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการสนั่น ญาณุตฺตโร  วัดหนองกี่ อ.หนองกี่  บุรีรัมย์)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา เกลือทะเล (เกลือใส่แกง)  กับ น้ำตาลทรายขาว
ตัวยาทั้งสองอย่างนี้ เอาอย่างละ ๑ ช้อนคาว ผสมกับ น้ำต้มสุก ๔ ช้อนคาว
กวนให้เข้ากันดี ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคท้องเดินได้ผลดี
อย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๔  ท่านให้เอา น้ำมะพร้าว (อ่อน หรือ แก่ ก็ได้ ห้ามใส่ภาชนะที่
เป็นโลหะ) นำมารับประทานให้อิ่ม อาการโรคท้องเดินจะหยุดทันที
มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเดินได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดี
มาทุกรายแลฯ
(พระครูธรรมกิจวรคุณ วัดบางเตย เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่ ๕  ท่านให้เอา ยอดต้นฝรั่ง  ๗ ยอด  นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ
พอสมควร เมื่อต้มสุกแล้วรินใส่ถ้วยชา ใส่น้ำปูนใส(น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
ลงผสมพอสมควร ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคท้องเดิน ได้ผลดี
อย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๖  ท่านให้เอา ยาทัมใจ ๑ ยาประสะนอแรด ๑ ยาฤๅษีทรงม้า ๑ 
ยาทั้ง ๓ อย่างนี้  เอาอย่างละครึ่งห่อ นำมาผสมกับ น้ำร้อน ใช้รับประทาน
มีสรรพคุณแก้โรคท้องเดินไม่หยุด  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการง้วน พุทฺสาโร วัดชีธาราราม อ.ดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๗  ท่านให้เอา ใบกาบหมาก นำมาเผาไฟให้ไหม้เป็นขี้เถ้า ผสมกับ
พิมเสน พอสมควร บดให้ละเอียด ผสมกับ สุรา ประมาณน้ำยา ๑ ถ้วยชา
ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคท้องเดินได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการนาค ขนฺติญาโณ   วัดห้วยเจริญผล อ.บ้านโป่ง ราชบุรี)

ขนานที่ ๘  ท่านให้กลั้นใจใช้มีดถากเปลือกต้นมะม่วง (ถากขึ้น ๑ เปลือก
ถากลง ๑ เปลือก) ๒ เปลือก นำเปลือกต้นมะม่วงทั้ง ๒ เปลือกนั้น มาทุบ
พอแตก ใช้เกลือป่น (เกลือใส่แกง) ทาที่เปลือกต้นมะม่วงทั้ง ๒ เปลือกนั้น
ให้ทั่วดีแล้ว  ย่างไฟให้สุกเหลือง นำมาแช่น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
ใช้น้ำยาประมาณ ๑ ถ้วยชา รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคท้องเดินได้อย่าง
ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระมหาประมวล ธมฺมวโร  วัดพุทธภูมิ ยะลา)

ขนานที่ ๙  ท่านให้เอา ตะไคร้ ๓ ต้น  ต้นกะเพรา ๑ กำมือ หญ้าแพรก ๑ กำมือ
ขมิ้นอ้อย ๕ แว่น (ลงด้วยพระเจ้าห้าพระองค์ คือ นะ โม พุท ธา ยะ องค์ ๑ แว่น)
นำตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอควรใช้น้ำยารับประทานครั้ง
ละ ๑ ถ้วยชา  มีสรรพคุณแก้โรคท้องเดิน  (โดยเฉพาะเด็กและคนชรา)
ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระมหาประมวล ธมฺมวโร  วัดพุทธภูมิ ยะลา)

        วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะครับ ด้วยผมเองวันนี้อาการไม่ค่อยสบาย ปวดศีระมาก
ทานยาแก้แพ้อากาศ แล้วยังไม่ดีขึ้น  เพื่อไม่ให้เสียสัจจะ จึงอุตส่าห์ตื้อทนพิมพ์
จนกระทั่งไม่ไหว  แต่ตัวยายังมีต่อนะครับ แต่งนิยายขอหยุดพัก ๑ วัน สวัสดีครับ

                          *แก้วประเสริฐ.*

qp011.gifCartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
20 ธันวาคม 2553 19:57 น.

* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๕ *

แก้วประเสริฐ

76.gif
                            *  ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๕  *

                                       ยาแก้โรคลมป่วง

(โรคลมป่วงนี้ จะมีอาการลมตีขึ้นเบื้องสูง แน่นแถวบริเวณหน้าอก เกิด
อาการคลื่นเหียนอาเจียน ทั้งลงทั้งรากถ่ายกระปิดกระปอย หากเป็นมาก
ถึงกับตายได้กับลมนั้น
รักษาเบื้องต้น  ให้ช่วยกันกดที่หน้าท้องและแถวลิ้นปี่  ไล่ลมจากลิ้นปี่
ให้ไล่ลมลงมาเบื้องล่าง  จะเห็นเป็นก้อนๆใหญ่ๆ    มาเป็นระลอกๆ 
จากท้องขึ้นสู่เบื้องสูง   ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ป่วยเจ็บตอนนั้นผู้ป่วยจะไม่รู้อะไร
     หากผู้ป่วยร้องขึ้น แสดงว่าค่อยๆทุเลาแล้ว แต่ก็ทำต่อไปจนกว่าจะได้
รับทานยาขนานดังกล่าว  ให้ช่วยกันกดไล่ตั้งแต่ลิ้นปี่ลงมาเป็นระยะ
ต้องใช้กำลังมากเป็นพิเศษ    ไล่ให้ลมลงมาเบื้องต่ำให้ได้ โดยใช้ยาทา
น้ำมันหม่องหรือยาทาร้อนๆช่วยก็ยิ่งดี ต้องเป็นยาทาชนิดร้อนๆหรือ 
เช่นกระเป๋าน้ำร้อน หลังจากไล่ลมแล้ว   หากผู้ป่วยตดได้ยิ่งดีใหญ่ ลมจะถูก
ระบายออกทางทวารเบื้องล่าง    บรรเทาอาการแน่นแต่ควรจะนำยาดังกล่าว
มาทานช่วยด้วย    เลือกเอาขนานที่เห็นว่าเหมาะสม หาง่ายๆก่อนตามสะดวก 
ด้วยอาการหายใจไม่ออกจนทำให้ผู้ป่วยเสียเสียชีวิตกระทันหันทันที
    หากแก้ไขไม่ทันการณ์   มักจะเกิดกับคนที่ท้องผูกมากๆแล้ว 
ไม่ถ่ายหลายๆวันทานอาหารเป็นพิษจนอาหารไม่ย่อย  ก็จะเกิดโรคนี้ได้
ด้วยลมนั้นจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ร้ายแรงกว่าโรคลมทั่วๆไป 
    ถ้าหากมียากฤษณากลั่นยิ่งดี ให้นำมาละลายน้ำพอควรแล้วกรอกปาก
ให้ทานให้ได้  ยากฤษณากลั่นนี้มีอาการร้อนแรง เป็นยาน้ำอยู่แล้วหาก
ไม่ผสมกับน้ำปากคอจะร้อนหรือไหม้ขึ้นได้   ยานี้ช่วยแก้โรคนี้ ตลอดจน
ท้องเสียได้หายฉับพลัน พระเจ้าอยู่หัว ร.๖ ทรงให้พวกเสือป่าติดตัวประจำ
ไว้ทุกๆคนในการฝึกเดินป่า ทานน้ำผิด หรืออาหารซึ่งจะเกิดขึ้นแก่บางคน
 ถ้าได้ยานี้แล้วให้พยายามงัดขากรรไกร ด้วยผู้ป่วยจะกัดฟันแน่นๆตลอดเวลา
 พยายามเขย่าตัวและส่งเสียงเรียกให้ผู้ป่วยรู้สึกตัวตลอด
    ผมเคยช่วยคนให้ทุเลาจากโรคนี้มาแยะมากแล้ว.......แก้วประเสริฐ.)

ขนานที่  ๑  ท่านให้เอา หัวข่าตาแดง  (มีลักษณะ ต้น ใบ ดอก ลูก หัวเหมือน
กับข่าใหญ่ แต่ย่อมกว่าเล็กน้อย ที่หัวแตกขึ้นเป็นตาสีแดงเข้ม มีสรรพคุณ
พิเศษทางแก้โรคลมป่วง)  นำมาล้างให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับ น้ำปูนใส
(น้ำปูนแดงกินกับหมาก) แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง  ใช้น้ำยารับประทาน
มีสรรพคุณแก้โรคลมป่วง ซึ่งมีอาการทั้งถ่ายท้อง ทั้งอาเจียน  (ทั้งลงทั้งราก)
ให้พลันหายไปทันที  เคยใช้รักษาได้ผลมามากแล้วฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา แก่นประดู่ส้ม ๓ ชิ้น หางจาก (จากที่ใช้มุงหลังคาบ้าน)
๓ หาง ถ่านไม้รวก ๓ ก้อน เหรียญสลึง ๑ เหรียญ  นำมาใส่หม้อดินต้ม กับ
น้ำ ๓ ส่วน  เคี่ยวให้เหลือน้ำ ๑ ส่วน ใช้น้ำยารับประทาน โรคลมป่วยจะพลัน
หายไปทันที  มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา ตระไคร้ ๕ ต้น (ทุบพอแตก) กับ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง)
(เกลือนี้จะเป็นเม็ดๆหรือป่นละเอียดมาจากทะเล ไม่ใช่เกลือวิทยาศาสตร์หรือ
เกลือสินธุ์เทา....แก้วประเสริฐ.)  ประมาณให้เค็มจัดๆ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ
๓ แก้ว เคี่ยวให้เหลือน้ำ ๑ แก้ว  ใช้น้ำยารับประทานให้หมดแก้ว เพียงครั้งเดียว
มีสรรพคุณแก้โรคลมป่วงทุกชนิด  ซึ่งมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งลง
ทั้งราก  คือทั้งถ่ายท้องและ อาเจียน ให้หายอย่างปลิดทิ้งทันทีฯ
(พระธรรมปิฏก วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่ ๔  ท่านให้เอา ผักบุ้งไทย ๑ กำมือ  ข้าวเปลือกข้าวเหนียว ๓ หยิบมือ
ตัวยาทั้ง  ๓ อย่างนี้ นำมาใส่ในกำผักบุ้งแล้ว ใช้ตอกมัดเป็น ๓ เปลาะ แล้วใส่หม้อดิน
ต้มกับน้ำพอควร ต้มเคี้ยวให้ผักบุ้งสุกเละแล้ว  ใช้น้ำยารับประทาน 
ครั้งละ ๑ ถ้วยชา  ๓ ครั้ง  ระยะเวลาใกล้ๆกัน เมื่อรับประทานครั้งหนึ่ง ให้แก้ปอก
ที่มัดไว้เปลาะหนึ่ง   มีสรรพคุณแก้โรคลมป่วง ซึ่งมีอาการปวดท้อง ถ่ายอุจจาระออก
เป็นสีขาวให้หายไป ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาหายมามากแล้วฯ
(พระอธิการเรียน  ลชฺโต  วัดพิหารแดง อ.เมือง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๕  ท่านให้เอา มะละกอสุก ๑ ลูก(ใหญ่ๆ) นำมาผ่าแคะเอาเฉพาะเมล็ด
ตำให้ละเอียด ผสมกับ น้ำซาวข้าว ใช้ผ้าขาวกรองเอาเฉพาะน้ำยา ประมาณครึ่ง
ถ้วยแกง  ให้ผู้ป่วยรับประทานเพียงครั้งเดียว 
มีสรรพคุณแก้โรคลมป่วง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูสุนทรวชิระเวท วัดเขื่อนเพชร อ.ท่ายาง เพชรบุรี)

ขนานที่ ๖  ท่านให้เอา  เปลือกส้มโอแห้ง  นำมาเผาไฟให้ไหม้แล้ว บดให้ละเอียด
ผสมกับ กำมะถัน เล็กน้อย ละลายกับ น้ำต้มสุก ๑ ส่วน สุรา ๑ ส่วน  ประมาณน้ำยา
ครึ่งแก้วกาแฟ  ใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว  มีสรรพคุณแก้โรคลมป่วง  ซึ่งมีอาการ
จุกเสียดแน่นท้อง ให้หายไปอย่างปลิดทิ้งทันทีแลฯ
(พระครูทองอยู่ ญาณสาโร วัดพรหมมบุรี อ.พรหมบุรี สิงห์บุรี)

ขนานที่ ๗  ท่านให้เอา เศษทุกอย่างในเชื่ยนหมาก (โดยเอาน้ำเต้าปูน กรรไกร หมาก
พลู ออกเสียก่อน เหลือนอกนั้นคว่ำเชี่ยนหมากเทใส่ลงในหม้อทั้งหมด) นำมาใส่หม้อ
ดินต้มกับน้ำ ๓ ถ้วยชา  เคี่ยวให้เหลือน้ำ ๑  ถ้วยชา  ใช้น้ำยา ๑ ถ้วยชานั้นให้ผู้ป่วย
รับประทานให้หมด  รับรองเพียงถ้วยเดียวหายเป็นเหมือนคนไม่ได้ป่วย 
ภายในเวลาไม่เกิน ๓๐ นาที เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้ว มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระวินัยบัณฑิต วัดวรดิตถาราม อ.เมือง  ตราด)

ขนานที่ ๘  ท่านให้เอา พริกไทยร่อน ๑ หยิบมือ  นำมาต้มกับน้ำพอควร 
ต้มเคี่ยวให้พริกไทยสุกเละแล้ว ผสมกับ สุรา ประมาณน้ำยา ๑ ถ้วยชา 
ใช้รับประทานไม่เกิน ๓ ครั้ง ระยะห่างกัน ๓๐ นาที  มีสรรพคุณแก้โรคลมป่วง
ที่มีอาการทั้งถ่ายท้อง  อาเจียน  ได้ผลอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๙  ท่านให้เอา ถ่านไม้สักหนัก ๑ บาท ถ่านไม้รวกหนัก ๑ บาท กำมะถัน
เหลือง หนัก ๑ บาท  มหาหิงคุ์ หนัก หนัก ๒ บาท  ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้
นำมาตำเป็นผง  ปั้นเป็นเม็ดขนาดเท่าเมล็ดพุทรา เก็บใส่ขวดโหลไว้ฯ
ใช้แก้โรคท้องเดินทั้งลงทั้งราก ท่านให้ใช้ยานี้ ๓ เม็ด บดละลายผสมกับ
 น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ประมาณครึ่งแก้วกาแฟ คั้นผิวมะกรูดลงผสม 
กวนให้เข้ากัน ใช้รับประทานได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
 ใช้แก้โรคอาเจียน   ท่านให้เอายานี้ ๓ เม็ด  บดละลายผสมกับน้ำ น้ำลูกยอต้ม
ประมาณครึ่งแก้วกาแฟ ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ อย่างชะงัดนักแลฯ
ใช้แก้โรคลมจุกเสียด   ท่านให้เอานี้ ๓ เม็ด  บดผสมกับ หัวกระเทียม ๕ กลีบ
ละลายกับน้ำร้อน ใช้รับประทาน ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
ใช้แก้โรคท้องเดิน  ท่านให้ใช้ยานี้ ๓ เม็ด  บดละลายกับ  น้ำต้มเปลือกต้นแคแดง
ประมาณครึ่งแก้วกาแฟ ใช้รับประทาน มี่สรรพคุณ อย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูคำหล้า อติเปโม วัดปากฝาง อุตรดิตถ์)

                                         ยาแก้โรคเด็กเป็นซางชัก

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา หัวปลาหมอจืด ๓ หัว  นำมาเผาไฟให้ไหม้เป็นขี้เถ้า บดให้
ละเอียด ผสมกับ สุรา ใช้กวาดในลำคอเด็กที่เป็นโรคซางชัก 
มีสรรพคุณ แก้โรคซางชักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูพิเศษสรวุฒิ วัดใหม่ชัยมงคล อ.สองพี่น้อง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๒  ให้ให้เอา กาฝากต้นมะรุม  นำมาฝนกับฝาละมีหม้อดินผสมกับ 
น้ำปูนใส(น้ำปูนแดงกินหมาก) ให้ยาข้นพอสมควร แล้วใช้กวาดในลำคอของเด็ก
ที่เป็นโรคซางชัก  โรคซางชักจะพลันหายไปทันที  มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
เมื่อเด็กหายจากโรคชักแล้ว พึงทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าของยา
ขนานนี้ด้วยฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา ต้นกระเพราแดง ๑  หัวไพล ๑  ว่านน้ำ ๑  มหาหิงคุ์ ๑
รากบะชาติ ๑  ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้ เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาตากแดดให้แห้ง
ผสมกับ สุรา และผสมกับ น้ำซาวข้าว เป็นกระสาย ใช้ทาตัวเด็กที่เป็นโรคซางชัก
และใช้กวาดในลำคอด้วย  ถ้าเด็กยังเล็ก พึงใส่สุราผสมแต่น้อย มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๔  ท่านให้เอา เปลือกหอยขม น้ำมาเผาไฟให้ไหม้เป็นขี้เถ้า บดให้ละเอียด
ผสมกับ สุรา ใช้กรอกใส่ปากเด็กที่เป็นโรคซางชัก มีสรรพคุณแก้โรคซางชักได้ผลดี
อย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๕   ท่านให้เอา รากกระย่อม นำมาฝนกับฝาละมี ผสมกับ สุรา ใช้ป้ายที่ลินเด็ก
ที่เป็นโรคซางชัก มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๖  ท่านให้เอาต้นกระเพราะแดงทั้ง ๕ กับ ต้นชุมเห็ดทั้ง ๕ (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก)
นำมาล้างน้ำให้สะอาด สับเป็นชิ้นเล็กๆคั่วไฟให้สุกเหลือง ใส่หม้อดินต้มกับน้ำครึ่งหนึ่ง
 สุรา ครึ่งหนึ่ง ใช้น้ำยารับประทาน ครั้งแรกให้รับประทานแต่น้อยๆ และเพิ่มน้ำยามากขึ้น
ตามลำดับ มีสรรพคุณแก้โรคซางชักได้อย่างผลดีชะงัดนักแลฯ
(พระใบฎีกาสำเริง พลธมฺโม  วัดธารน้ำร้อน อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี)

ขนานที่ ๗  ท่านให้เอา รากต้นมะขาม นำมาฝนกับฝาละมี ผสมกับ น้ำปูนใส(น้ำปูนแดงกิน
กับหมากที่ไม่ใส่สีเสียด)  ผสมให้น้ำยาข้นพอสมควร ใช้นิ้วแตะน้ำยา กวาดในลำคอเด็กที่
เป็นโรคซางชัก  เพียงครั้งเดียว มีสรรพคุณแก้โรคซางชักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล
เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ
(พระครูสมุห์บุญขาน  อาจารขฺติโก วัดสนามเหนือ อ.ปากเกร็ด นนทบุรี)

ขนานที่ ๘  ท่านให้เอา หัวหอมสด ๓ หัว น้ำมาเคี้ยวให้แหลก อมสุราผสมกันในปาก
ใช้พ่นที่ศีรษะของเด็กที่เป็นโรคซางชักนั้น ๓ ครั้ง มีสรรพคุณแก้โรงซางชักได้ผลดี
อย่างชะงัดนักแลฯ
(พระบุญเลิศ  จนฺพลโร วัดบ้านลาด อ.หนองแค สระบุรี)


                                          ยาแก้เป็นตะคริว

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอาเกลือทะเล (เกลือใส่แกง) นำมารับประทานชั่วเวลาครู่หนึ่งเท่านั้น
อาการเป็นตะคริวจะพลันหายไปทันที
มีสรรพคุณอย่างชะงัดอย่างน่าอัศจรรย์แลฯ
(จารุรัตน์ เลาฟไพฑูรย์  หนองแขม กรุงเทพมหานครฯ  หมอชาวบ้าน))

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา ขี้เถ้ากลางเตาไฟ น้ำมาผสมกับ น้ำมันก๊าด ใช้ทาบริเวณอวัยวะ
ที่เป็นตะคริว ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระทองพูน ชยาลงฺกาโร  วัดบ้านกลาง อ.เสาไห้ สระบุรี)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา น้ำมันก๊าด นำมาทายังบริเวณอวัยวะ  ที่เป็นตะคริวแล้วบีบนวดคลึง
ประมาณ ๕ นาที อาการเป็นตะคริวที่ขาและที่ท้องจะพลันหายไปเคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้ว
มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแล
(วิทยาทานสงวนนาม)

                                 ยาแก้เมาเห็ด

ท่านให้เอาใบชุมเห็ด  นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร  ใช้น้ำยา
รับประทาน  มีสรรพคุณแก้อาการเมาเห็ดให้หายไปได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(เพิ่มพร ลักษณะสูต บางละมุง ชลบุรี หมอชาวบ้าน)

                               ยาแก้โรคสะอึกชักตาเหลือกไม่รู้ตัว

ท่านให้เอา เมนธ่อล พอสมควร นำมาละลายกับน้ำร้อน  รอให้น้ำยาพออุ่นๆใช้กรอกปาก
คนป่วย  เพียงชั่วครูเดียวเท่านั้น  โรคสะอึกมีอาการชักตาเหลือกไม่รู้ตัว จะพลันหายไป
เป็นปลิดทิ้ง  มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

                                วิธีแก้คนถูกไฟฟ้าชอร์ต

ท่านให้นำเอาตัวผู้ป่วย (ที่หมดสติแล้ว หรือแม้จะไม่หายใจแล้วก็ตาม) นั้นให้นอนหงาย
บนแผ่นสังกะสี (ที่ยาวตลอดตัวผู้ป่วย)  แล้วช่วยกันเอาน้ำเย็นเทรด ร่างกายของผู้ป่วยนั้น
ให้ทั่วตัว  โดยเทน้ำซ้ำๆให้มากๆ  ระวังอย่าให้น้ำเข้าปากจมูกของผู้ป่วย กระแสไฟฟ้าจะ
ไหลออกจากร่างกายของผู้ป่วยนั้นลงสู่แผ่นสังกะสีที่เป็นสื่อ   ชั่วเวลาไม่เกิน ๓๐ นาที
คนป่วยนั้นจะฟื้นขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์  ได้เคยช่วยแก้คนไฟฟ้าชอร์ตมาแล้ว ได้ผลดี
อย่างชะงัดนักแลฯ    แต่ต้องรีบแก้ไขทันที อย่างช้าต้องไม่เกิน ๑ ชั่วโมงนับตั้งแต่ถูกไฟ
ฟ้าชอร์ต  และเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว ให้รีบนำตัวผู้ป่วยนั้นส่งโรงพยาบาลรักษาต่อไปฯ
(นายสละ  แสงวิภาต  อ.บ้านแพ้ว สมุทรสาคร)
(ข้าพเจ้าก็เคยทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้จากคนทำงานไฟฟ้ามาเหมือนกัน.....แก้วประเสริฐ.)

            เอาล่ะครับวันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะครับ ต่อไปจะเป็นหมวดยาบำบัดโรคภายท้อง
ตาลายหมดแล้วครับ  เพื่อผลานิสงฆ์อาจจะมีแก่ข้าพเจ้า อิอิ แก่ๆแล้วก็ถือว่าสร้างบุญไว้
ต่อไป ชาติหน้าคงจะไม่เป็นโรคภัยเบียดเบียฬอีก  วันนี้เอวังก็มีด้วยประการฉนี้แลฯ

                   * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
20 ธันวาคม 2553 15:57 น.

อทิสมานกาย ๕๔

แก้วประเสริฐ

76.gif
                               อทิสมานกาย ๕๔

     ข่าวการจับกุมพ่อค้าไม้รายใหญ่ได้ของกลางเป็นจำนวนมาก  พร้อมด้วย
อาวุธร้ายแรงที่ไม่มีการใช้ในประเทศอีกจำนวนมากมาย  ครั้นได้ถูกเผยแพร่
พร้อมภาพในระหว่างการจับกุม ตลอดการสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้น
ผู้ใหญ่และรองผู้กำกับที่รักษาการณ์แทนนั้น  ทำให้เกิดการไหวตัวของบรรดา
พ่อค้าทั้งหลาย  ที่ดำเนินการได้มีการขนย้ายสิ่งของดังกล่าว   แต่หาได้พ้นจาก
สายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปไม่
     จึงมีการจับกุมขึ้นอีกครั้งหนึ่งในกรุงเทพฯ  และบรรดาโรงเลื่อยต่างรอบเขต
กรุงเทพฯทันที   ทำให้บรรดาโรงเลื่อยต่างที่ร่วมมือกับพวกการค้าทุจริตนี้ต่าง
ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของโรงเลื่อยมาดำเนินคดีในการรับของโจรด้วยความ
รู้เห็นเป็นใจให้ความร่วมมืออีกด้วย  ตลอดจนทำลายความมั่นคงแห่งชาติและ
เศรษฐกิจควบคู่กันไป
      ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่แพร่สะพัดไปทั่วๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทำให้
โรงเลื่อยต่างๆทั้งในกรุงเทพและโรงเลื่อยในต่างจังหวัดต่างรีบจัดการด่วนเกี่ยว
กับบรรดาไม้ที่ผิดกฏหมายเหล่านี้   และยิ่งมีข่าวใหญ่เกิดขึ้นอีกระลอกวงการ
ค้าไม้สั่นสะเทือนไปทั่ว

      เมื่อเสี่ยเล้งเจ้าพ่อแห่งวงการค้าไม้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวมาสอบปากคำ
และถูกตั้งข้อหา รู้เห็นเป็นใจในการค้าลักลอบตัดไม้ทำลายป่าตลอดจนนำไม้
จากต่างประเทศเข้ามา   ตอนแรกเสี่ยเล้งให้การปฏิเสธแต่ก็จำนนด้วยหลักฐาน
ที่ตำรวจนำมามอบให้ดู ตลอดจนการสืบสวนสอบสวนจากผู้ที่จับกุมได้เป็นคน
นอกประเทศให้การซัดทอดว่า  ผู้บงการใหญ่คือเสี่ยเล้งที่สั่งซื้อสินค้าเหล่านี้
     ด้วยหลักฐานดังกล่าวนี่เองทำให้เสี่ยเล้งถูกจับกุมตัวและยื่นขอประกันตัว
ชั่วคราว จากทนายความประจำตัว  แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ  
แต่มันฉลาดให้ลูกน้องคนสนิทที่มาเยี่ยมไปติดต่อกับผู้ใหญ่ในเบื้องสูงในและ
นอกวงการตำรวจนี้  ทราบในการที่เสี่ยเล้งถูกจับกุมในครั้งนี้
ให้หาทางช่วยเหลือตลอดจนพรรคการเมืองใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุน
ในเรื่องการเงินจากมันจำนวนมากอีกด้วย  

     เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงนักเกี่ยวกับการทำลายเศรษฐกิจ ตลอดจน
ความมั่นคงของชาติ ทำให้วงการตำรวจไม่สามารถจะอนุมัติให้ประกันตัวไปได้
    เมื่อมันถูกส่งนำไปฝากขังยังศาลตามระเบียบนั้น ทางตำรวจก็ขอความกรุณาต่อ
ศาลว่าบุคคลนี้เป็นตัวการที่สำคัญ หากได้รับการประกันตัวไปก็จะทำให้เกิดการ
หนีออกนอกประเทศไปหรือไม่จะใช้อิทธิพลทางการค้าบั่นทอนพลิกรูปคดีไปได้
เมื่อศาลพิจารณาคำขอร้องของตำรวจดังกล่าวจึงไม่ยอมอนุมัติให้ประกันตัว
   ดังนั้นตัวเสี่ยเล้งจึงถูกนำตัวไปฝากขังยังเรือนจำกลาง  เพื่อรอคำพิพากษาต่อไป
ด้วยหากกักตัวไว้ที่ศาลอาจจะเกิดการชิงตัวขึ้นได้ด้วย  เนื่องจากผู้ควบคุมดูแลกำลังพล
ไม่มากพอที่จะขัดขวาง พิจารณาแล้ว  หากหนีไปได้ก็จะเกิดความวุ่นวานอีกด้วย
เสี่ยเล้งเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางนัก อาจก่อเกิดการพลิกรูปคดีตามคำให้พิจารณา
ขอร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ   บรรดาพรรคพวกที่กำลังวิ่งเต้นเรื่องเกี่ยวกับมัน
ไปยังผู้หลักผู้ใหญ่และตลอดจนนักการเมืองแล้วก็ได้รับคำยืนยันว่าจะช่วยเหลือ
แต่ก็ไม่สามารถจะทำการช่วยเหลือได้ เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงยิ่งนัก  

    ด้วยขอหาเป็นพิษภัยต่อความมั่นคงของชาติตลอดจนทำลายเศรษฐกิจภายในอีก
และทรงไว้ซึ่งอิทธิพลครอบงำไปทั่วประเทศ เกี่ยวกับงานทุจริตนี้ไม่ใช่แค่เรื่องไม้
เท่านั้น  ยังมีแนวโน้มเกี่ยวกับการค้ายาเสพย์ติดตลอดจนวงการพนันพ่วงเข้าไปอีก
คดีหนึ่ง
     ซึ่งทางตำรวจสืบทราบมาจากการจับกุมการค้ายาเสพย์ติดตลอดจนผู้ร่วมวงการ
ทั้งหมด  ที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่นั้นอีกต่างหาก ต่างให้การซัดทอดนี้ถูกบันทึกไว้
เรียบร้อยแล้วถึงบุคคลสำคัญต่างๆ  ที่ยังไม่ได้เข้าทำการจับกุมด้วยหลักฐานยังไม่
เพียงพอต่อการควบคุมตัวไว้ได้
    ทางตำรวจได้ส่งหลักฐานต่างๆให้หัวหน้าผู้พิพากษาทราบในทางลับไว้ก่อนแล้ว
ทำให้หัวหน้าผู้พิพากษาที่ได้รับการร้องขอจากหัวหน้ารัฐบาลช่วยกรุณาดูแลเป็น
พิเศษอีกทางหนึ่งนั้น  ให้อยู่ในดุลยพินิจของศาลจึงเป็นเหตุที่หัวหน้าผู้พิพากษาต้อง
ลงมายุ่งเกี่ยวดัวยทันที พร้อมสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกๆนายให้ปฏิบัติให้ความยุติธรรม
ทั้งผู้เป็นโจทย์และจำเลย  อย่าได้เอนเอียงไปข้างหนึ่งข้างใดโดยเด็ดขาด

    มิฉะนั้นจะต้องถูกพิจารณาโทษทางวินัยต่อไป เรื่องเหล่านี้ให้ส่งรายงานเสนอให้
ทราบทุกๆขั้นตอนอีก  เพื่อท่านหัวหน้าผู้พิพากษาจะได้พิจารณารูปคดีนี้ด้วย
ตนเองถึงการพิพากษาว่าเหมาะสมอย่างใดหรือไม่ หากทราบว่ามีการเอนเอียงในรูป
คดีเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเหมือนกันพร้อมรับโทษวินัยสูงสุด
    ทั้งหน้าฝ่ายอัยการก็เร่งรัดเกี่ยวกับคดีนี้เป็นพิเศษ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรูปคดีโดย
ด่วนเป็นพิเศษในการเรียบเรียงคดีให้เป็นขั้นตอน อย่าได้เอนเอียงไม่ว่ากรณีย์ใดๆ
ก็ตาม หากตรวจพบจะต้องถูกดำเนินคดีและต้องโทษทางวินัยอย่างขั้นสูงสุดทันที
เนื่องจากทางหัวหน้าอัยการสูงสุดได้รับหนังสือขอร้องมาจากหัวหน้าฝ่ายรัฐบาล
ก่อนแล้ว  พร้อมด้วยหลักฐานอื่นๆก่อนจะส่งสำนวนที่แท้จริงมามอบให้อีกชั้นหนึ่ง

    เหตุดังกล่าวนี้ทำให้ผู้ที่มีแนวโน้มจะช่วยเหลือต้องพากันหยุดชะงักไปตามๆกัน
มิอาจจะเข้าไปก้าวก่ายในรูปคดีนี้ได้อีก ถึงแม้ว่าจะมีอำนาจอยู่ในมือก็ตาม
แต่กฏหมายนั้นหากนำมาใช้อย่างเคร่งครัดแล้ว ย่อมยากจะหนีพ้นในข้อหา
ให้ความร่วมมือช่วยเหลืออีก    แต่เหตุการณ์คำสั่งเหล่านี้  ก็ยังเล็ดรอดไป
ถึงผู้ทำการทุจริตได้อีกต่างงุนงงสงสัยด้วยทำไมถึงมีเหตุการณ์อย่างนี้ซึ่ง
ไม่เหมือนเดิม  ที่พวกมันทำการค้าแบบนี้มาเลย ทุกอย่างสะดวกทั้งสิ้น
    ตัวใหญ่หน่อยก็รีบหาหนทางออกนอกประเทศทันที ด้วยการสั่งการ
ผ่านมาภายหลัง  การทำทุจริตก็หยุดชะงักไปกันแทบหมดสิ้น เกิดโกลาหลทั่วๆไป
รอจนกว่าเหตุการณ์นี้จะเข้ารูปรอยเดิม คอยจังหวะในการเปลี่ยนแปลง
อีกในโอกาสหน้าที่อำนวยความสะดวกได้เหมือนเก่า
   เหตุการณ์ดังกล่าวสั่นสะเทือนไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด
 ตลอดจนนายอำเภอทุกแห่งไปทั่ว ต่างหนาวๆร้อนๆกันไปตามๆกัน
 ยิ่งอำเภอใดที่ปล่อยปละละเลยแล้ว  เมื่อมีกำนัน ผู้ช่วยกำนันผู้ใหญ่บ้าน
ต่างล้มตายกันไปหลายๆตำบลหมู่บ้าน เข้าร่วมมือในครั้งนี้อีก  ซึ่งทำให้
ต้องมีการคัดเลือกแต่งตั้งกำนันใหม่อีก ทำให้เสียรายได้ของแผ่นดินไปมากมาย
ต่างวิ่งเต้นสอบถามกันไปๆมาๆ สิ่งที่ได้รับคือการสั่นหน้าไปตามๆกัน

     ด้านเสี่ยเม้งครั้นทราบจากหนังสือพิมพ์ทุกๆฉบับเกี่ยวกับการถูกจับกุม
ของเสี่ยเล้งนายใหญ่ทางกรุงเทพฯและทราบว่าเสี่ยหว่างได้สิ้นชีวิตไป
กับงานนี้ตลอดจนบรรดากำนันและผู้ช่วยกำนันด้วย  แล้วถึงกับเต้นผาง 
 มันจึงเรียกประชุมลูกน้องระดับใหญ่ๆของพวกมันทันที
     “เฮ้ยๆๆๆ....ไอ้เซี้ยะ  ไอ้มุ้ย  ไอ้เช้ง   และไอ้สุย  มึงรีบนำกำลังไป
ทำการขนย้ายสิ่งของ  ไปเก็บซ่อนไว้หากจวนก็ให้ทำลายทิ้งเสียให้หมด
อย่าให้มีหลักฐานโยงมาถึงกู  มึงรีบไปให้ลูกน้องมึงจัดการโดยเร็ว
 พร้อมกำชับพวกมันด้วยอย่าให้มีการซัดทอดจนมาถึงกูได้โดยเด็ดขาด  
บอกมันด้วยว่าหากมีการซัดทอดมาถึงกู  บรรดาครอบครัวมันจะต้องได้รับ
ความเดือดร้อนจากกูแน่นอนว๊ะ   แล้วส่งข่าวมาบอกกับกูนะ”
    “เฮีย???....แล้วจะขนย้ายได้อย่างไรตอนนี้ตำรวจมันแพร่ไปทั่วจังหวัด
อยู่แล้วนา ข้าว่าให้ทำลายของเสียให้หมดก็แล้วกันมิดีหรือเฮีย???....” 
ไอ้เช้งเอ่ยขึ้น ด้วยมันเห็นว่าระยะนี้หากมีการขนย้ายถูกจับกุมได้อีกจะยุ่งใหญ่

     “จริงเฮีย??...ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวานด้วย หากกระโตกกระตากขึ้น
พวกมันย่อมรู้ได้ข้าเองก็คิดเหมือนกับไอ้เช้ง”  ไอ้สุยกล่าว
     “แต่ข้าว่าให้แยกกันไปคนละเล็กละน้อย ทะยอยกันไป อาจจะเล็ดรอด
หูตาตำรวจก็ได้นา  ด้วยวิธีกองทัพมด หรือเฮียจะว่าอย่างไรล่ะ???.....” 
 ไอ้เซี้ยะแนะนำ
     “ แต่ข้าว่าก็เห็นชอบกับไอ้เซี้ยะเหมือนกัน ด้วยของที่เราควบคุมไว้
ได้มาก็ยากราคาหรือตอนนี้กำลังสูงขึ้นอีกมาก แล้วบรรดาพวกติดยาล่ะเฮีย
เมื่อมันไม่มียาก็จะยุ่งยากบางทีมันจะซัดทอดกันเป็นต่อๆถึงเราก็ได้นะเฮีย??.....
ไอ้มุ้ย แสดงความคิดเห็นบ้าง
       คราวนี้เล่นเอาเสี่ยเม้งกุมขมับหันไปยกเหล้าเพรียวๆขึ้นดื่มจนหมดแก้วทันที 
 มันยังปลงไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก ด้วยเสียดายของก็เสียดาย ด้วยตอนนี้
ของที่ชั้นหนึ่งนั้นมันอยู่ในครอบครองไว้ก็มาก ซ้ำยังควบคุมอยู่ในจังหวัดนี้
และข้างเคียงจังหวัดอื่นๆอีกหลายทางควบคลุมพื้นที่ไว้ก็มาก 
ส่วนทางด้านอื่นๆนั้นสายมันแจ้งว่าส่วนใหญ่ถูกจับกุมไว้เกือบทั้งสิ้น
     “กูคิดไม่ตกโว้ย???!!!!.....ไอ้ห่าเสียดายก็เสียดาย แล้วระยะนี้
มันถูกทำลายกันไปเสียส่วนมากแล้วตามสายกูรายงานมา เฮ้ยๆๆ???....
กูจะทำอย่างใดดี???...  พวกมึงพูดก็ถูกของมึงทั้งหมด จนกูงงตัดสินใจ
ไม่ถูกเหมือนกันโว้ย!!!!.....” เสี่ยเม้งรำพึงรำพัน

     ทั้งสี่อันเป็นหัวหน้าใหญ่ที่จำหน่ายและเก็บของไว้มาก  ต่างก็หันไป
ถกเถียงกันในเรื่องนี้    การประชุมนี้อยู่ในร้านอาหารชั้นดี แต่เป็นห้อง
ส่วนตัวที่เสี่ยเม้งสร้างขึ้นไว้เป็นสถานที่เก็บเสียงได้อีกด้วย  
มันสร้างเป็นห้องลับเพื่อใช้ในการปรึกษาด้านธุระกิจด้านนี้เท่านั้นเอง
   “ก่อนไอ้หว่างจะตาย กูเองก็บอกมันแล้วเหมือนกันว่า  เหตุการณ์มัน
ไม่น่าไว้วางใจนักแต่มันไม่เชื่อกู ด้วยกูได้รับจากสายวงในมาว่าให้
ระวังตัวไว้   ไอ้จ่าเจียมหรือมันก็ถูกย้ายไปด้วยมันกว้างขวางทั้งจังหวัด
และด้านทางกรุงเทพฯ มีพรรคพวกมากมายเสียดายว๊ะ
หากมันอยู่ก็ยังช่วยพวกเราได้บ้าง???....  นี่ดีนะกูแค่ให้ความร่วมมือ
กับมันแค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองมิได้ให้พวกมึงออกหน้าไป ใช้แต่ลิ่วล้อแทน
  ด้วยรู้นิสัยพวกมึงว่าเป็นคนอย่างไรใจก็ร้อนเวลาเจ็บแล้วลืมตัวไปหมด”
 เสี่ยเม้งกล่าวกับพวกมันทั้งหมด
 
     พร้อมลุกขึ้นเดินไปเดินมา  เหล่าหัวหน้าลิ่วล้อมันต่างไม่กล้ากล่าวอะไร
ด้วยมันเองก็รู้นิสัยใจคอเช่นเดียวกัน  ว่าเสี่ยเม้งนั้นมันไม่ค่อยจะเชื่อใครๆ
มันระแวงไปหมด มันเชื่อแต่ตัวมันเท่านั้น  ที่ทนรับใช้มันก็ด้วยว่าเงินมันดี
จะหาที่อื่นอีกไม่ได้แล้วและมันก็ดำเนินงานด้านนี้เพียงด้านเดียวเท่านั้น
   “เฮียรีบๆคิดๆเถอะเวลาไม่คอยเราแล้วนะเฮีย???...”  ไอ้เซี้ยะ กล่าวเร่งมัน
พร้อมทั้งหันไปมองคนทั้งสามเพื่อขอความคิดเห็นเพิ่มเติมทันที
   “เฮียสั่งมาคำเดียวเท่านั้น  ข้าจะให้คนของข้าจัดการทันที”  ไอ้สุยเอ่ยขึ้น
   “พวกข้าก็เหมือนกัน เพียงรอคำสั่งจากเฮียเท่านั้น???...”  
ไอ้เช้งกับไอ้มุ้ยกล่าว  พลางหันไปมองหน้าเสี่ยเม้ง

     “มึงทำตามไอ้เซี้ยะ ก็ดีเหมือนกัน กองทัพมด ที่ทางภาคใต้มัน
ขนของเถื่อนมันก็ใช้กองทัพมดและได้ผลดีเสียด้วย ผิดพลาดก็น้อย
 แต่ต้องใช้กำลังคนมากเท่านั้น กูคิดว่าไม่เป็นปัญหาพวกมีงทำได้
  ให้มึงไปหาคนมาให้พร้อมแล้วต่างทะยอยกันดำเนินการได้ 
 แต่สิ่งสำคัญหากคนใดปากมากก็เก็บมันเสีย อย่าปล่อยไว้มิฉะนั้นพวกมึง
กับกูก็พลอยฉิบหายไปด้วยกัน” เสี่ยเม้งเอ่ยขึ้น 
    พร้อมวางแผนการให้ทำ  แล้วนำกระดาษมาขีดเขียนแผนทางการ
ขนย้ายสิ่งของเหล่านี้ให้พวกมันดูและเก็บเอาไว้ด้วย ซึ่งแผนการณ์นี้มีไม่
มากนัก เพียงแค่แผนที่ไม่ยุ่งยาก  มันคิดด้วยเชื่อมือลูกน้องทั้งสี่คนด้วย
      เสี่ยเม้งก็สั่งการทันที ด้วยมันคิดว่าหากหนีพ้นก็ยิ่งดี หากหนีไม่พ้น
ก็ยังมีของเหลือกลับมาบ้าง ดีกว่าจะทำลายไปมันวางแผนในใจแล้ว
ตลอดจนทางหนีทีไล่ไว้อีกแล้วกล่าวขึ้นอีกว่า
      “พวกมึงทั้งสี่รีบไปจัดการได้แล้วโว้ย???..ให้เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ให้
กระจายกำลังกันไป ส่วนกำลังพลคัดเลือกเอาที่ไว้ใจได้  เปย์มันให้งามๆ
หน่อยแต่ว่าทุกๆคนที่นำไปให้นำไปเพียงส่วนน้อยแค่กิโลเดียวก็พอทั้งขู่
พวกมันด้วยว่า  หากของไม่ได้รับครบมันและครอบครัวมันตายรูปเดียวโว้ย”

    “ ถ้าแบบนี้ก็ดีเฮีย???...เสียหายหน่อยก็ยังมีของเหลือบ้างดีกว่าทำลาย
ไปทั้งหมด จะไม่ได้อะไรมาอีกเลยล่ะ”   มันทั้งสี่เอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน
     “ แล้วพวกมึงให้จัดคนคอยติดตามการทำงานพวกมันด้วย อย่าให้พวกมัน
คลาดสายตาไปได้ เรียกว่าประกบกันตัวต่อตัวกันเลยหรือแล้วแต่มึงจะเห็น
สมควรในการลงมือก็แล้วกัน  หากพวกขนคิดตุกติกหรืออาจจะยักยอกสิ่งของ
ก็ให้คนที่คอยดูแลอยู่เก็บมันไปเลย แล้วฝังหลบซ่อนไว้ด้วย หนึ่งกิโลนะโว้ย
คิดเป็นมูลค่าก็เหยียบๆแสนหรือกว่าเชียวล่ะ!!!.....
    เรื่องนี้สำคัญมากๆมึงควรจะลงไปตรวจสอบด้วยตัวเองด้วยนามึงนา
 ไม่ใช่ว่ามึงแค่สั่งงานเท่านั้น แล้วคอยฟังผลงานจากลูกน้องของมึง
มึงต้องคอยติดตามตรวจสอบพวกมันอีกด้วย   เงินเสียเท่าไหร่บอกกูมา
 กูจ่ายให้ไม่อั้นสำหรับเรื่องนี้”เสี่ยเม้งกล่าวแก่พวกมันทันที
   พลางลุกขึ้นจากที่ประชุม  แล้วหันไปทางพวกมันกล่าวขึ้นอีกว่า

   “กูคิดว่างานนี้แม้ตำรวจมันจะรู้แต่กำลังพลมันไม่เพียงพอหรอกในการจัดการ
กับกองทัพมดได้หมดหรอกว๊ะ  เอาล่ะๆๆๆ...พวกมึงกินกันตามสบายในนี้
ก็แล้วกัน   กูจะออกไปข้างนอกเพื่อประสานงานกับสายของกูอีกด้วยว่ามันเป็น
อย่างไรในขณะนี้”  มันหันมาสั่งกำชับแล้วเดินออกไปพร้อมบอดี้การ์ดสี่นาย
     หลังจากที่เสี่ยเม้งเดินออกไปแล้ว ทั้งสี่ก็ยังนั่งดื่มกินอยู่ข้างๆมันตอนนี้มี
บรรดาสาวๆเข้ามาประกบกันคนละนาง ต่างก็ช่วยรินเหล้าบ้าง ป้อนอาหารบ้าง
ทำให้บรรดาสี่คนนี้กระหยิ่มยิ้มย่อง  ไอ้เซียะก็เอ่ยขึ้น
     “พวกมึงไม่ต้องกล่าวเรื่องงานในนี้นะโว้ย...หน้าต่างมีรูประตูมีตาว๊ะ”
     “ไม่หรอกไอ้เซี้ยะ กูก็กลัวเหมือนกันแหละให้เงียบๆไว้แล้วค่อยดำเนินการ
เรื่องหาคนนั้นไม่ยากหรอก  ไอ้พวกติดยามันบางคนก็มีฝีมืออยู่บ้างสำคัญก็ระวัง
ไว้ตอนที่มันนำขนจะยักยอกเอาไว้สูบกันเท่านั้น”  ไอ้มุ้ยแสดงความคิดเห็น

    “เรื่องนี้กูรู้อยู่แล้วล่ะ เดี๋ยวหลังจากแดกเหล้ากันแล้วก็ไปเบิกเงินจากเสี่ยมา
เพื่อไปใช้จ่ายในการโยกย้ายและหาคนมาเพิ่มเติม”  ไอ้เช้งกล่าว
    “เออ???....กูก็เห็นชอบกับมึงด้วยว๊ะ ไอ้เช้ง แยกทางกันนะโว้ยแล้วหากใคร
เป็นอะไรไป อย่าเสือกกระตู้ฮู้ให้ตำรวจมันเสียล่ะ เพื่อนก็เพื่อนแหละว๊ะกูจะไม่
ปล่อยเอาไว้หรอกทั้งครอบครัวพวกมึงกันด้วย”  ทั้งสามกล่าวพร้อมๆกันเหมือน
พวกมันจะเดาใจกันได้
    “ งานนี้ไม่เสี่ยงอะไรมากนักหรอก  กูคิดว่าเงินมันมากกว่าคงจะเปรมๆกันไป
ตามๆกันแหละว๊ะ จริงไหมไอ้เซี้ยะ????”  ไอ้สุยเอ่ยขึ้น
    “เรื่องนี้ก็จริงแหละโว้ยมึงคิดว่าง่าย ไอ้ห่าราก!!!???... ไม่รู้เป็นอย่างไรกูชัก
สังหรณ์ใจตะหงิดๆชอบกลอยู่นา ” ไอ้เซี้ยะรำพึงรำพันให้พวกมันฟัง
   “ถุ้ยๆๆๆ...ไอ้เหี้ยแค่นี้มึงก็ปอดแหกแดกเสียแล้ว  ทุกๆงานที่ผ่านมามึงมัก
จะนำพรรคพวกออกหน้าอยู่เสมอนี้หว่า จริงไหม ไอ้สุย ไอ้เช้ง ???...”
 ไอ้มุ้ยกล่าวแล้วหัวร่อลั่น

   “มึงอย่าพึ่งหัวร่อที่มึงพูดก็จริงของมึงแหละว๊ะ  แต่ไอ้เซียะมันพูดก็ถูกของมัน 
รับฟังมันไว้บ้างก็ดี       พวกเราก็ผ่านงานกันมาด้วยกันมากแล้ว  ไอ้เซียะเป็นคน
อย่างไรพวกเราก็รู้กันอยู่   ฟังมันสักหน่อยไม่เสียหายอะไรนี่นา”  ไอ้เช้งเอ่ย
  “เอาล่ะพอๆๆหยุดพูดได้แล้วนี่มีอีนางพวกนี้อยู่ด้วยเดี๋ยวมันจะสงสัยกันว๊ะ 
เลิกๆๆๆพูดกัน  มานั่งหาความสุขกันเถอะว๊ะ ” ไอ้มุ้ยเอ่ยเตือน
     ดังนั้นพวกมันจึงพากันหยุดพูด ต่างก็ล้วงกอดบรรดาสาวๆทั้งหลายของใคร
ของมัน พร้อมทั้งดื่มกิน ด้วยต่างกระหยิ่มยิ้มย่องต่องานนี้     ซึ่งจะต้องหาวิธีการ
ดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้...............

                 *  แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
19 ธันวาคม 2553 17:09 น.

* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๔ *

แก้วประเสริฐ

76.gif
                          *  ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๔  *

                                    ยาห้ามเลือดออก

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา ใบแห้วหมู (มากน้อยตามต้องการ) นำมาตำให้ละเอียด
 ผสมกับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) หรือผสมกับ ปูนแดงกินกับหมาก
(พอสมควร) ก็ได้  ใช้พอกที่บาดแผลให้ทั่ว เลือดจะหยุดไหลทันที
มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการไพโรจน์ ปวฑฺฒโน  วัดโพธิ์เกรียบ อ.โพธิ์ทอง อ่างทอง)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา น้ำตาลทรายขาว ๑  หัวกระเทียม ๑ ปูนแดง
(ปูนแดงกินกับหมาก) ๑ ใบพลูสด ๑ ผักบุ้งไทย ๑ ตัวยาทั้ง ๕ ชนิดนี้เอาอย่าง
ละพอสมควร นำมาตำผสมกันให้ละเอียด ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใช้พอกที่
บาดแผลเลือดจะหยุดไหลทันที  มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระมหาศรีเวียง  โชติปาโล สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา กะเม็งสดทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างน้ำ
ให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้ทาที่บาดแผล เลือดจะหยุดไหลทันทีและใช้เป็นยารักษา
บาดแผลได้ดีอีกด้วย มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูสงวน จิตปุณโญ  วัดไลย์ อ.ท่าวุ้ง ลพบุรี)

ขนานที่ ๔  ท่านให้เอา ไม้รวก นำมาเผาไฟให้ไหม้แล้ว นำไปแช่ในน้ำข้าว
(ที่รินออกมาจากหม้อหุงข้าว) แล้วยกขึ้น เอาถ่านไม้รวกนั้นลดให้ละเอียด
ผสมกับ พิมเสน พอสมควร ละลายกับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
หรือละลายกับ สุรา ใช้ทาบริเวณที่เป็นบาดแผล เลือดจะหยุดไหลทันที
มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๕  ท่านให้เอา ใบหมาหลง นำมาล้างน้ำให้สะอาด 
ขยี้ผสมกับปูนแดง(ปูนแดงกินกับหมาก)  ใช้พอกที่บาแผล 
เลือดจะหยุดไหลทันที    มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(เพิ่มพร ลักษณะสูด บางละมุง ชลบุรี (หมอชาวบ้าน))

ขนานที่ ๖  ท่านให้เอาหัวหอมแดง (หัวหอมใส่แกง) 
 จำนวนมากน้อยตามต้องการ
นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับ เหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล 
มีสรรพคุณ ทำให้เลือดจะหยุดไหลทันที เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วฯ
(พระครูวิธานปริยัติธรรม วัดโบสถ์ราษฎร์ศรัทธา  อ.โพธิ์ทอง อ่างทอง)

                             ยาแก้โรคอาเจียน

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา เปลือกส้มโอ ๑ หัวจุกหอม ๑ หัวจุกกระเทียม ๑
หัวตระไคร้ ๑ รากแพงพวย ๑ มะคำไก่ ๑  ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้เอา
อย่างละเท่าๆกัน นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยารับประทาน
มีสรรพคุณ แก้โรคอาเจียนได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระอธิการวรกิจ ธมฺมธโช  วัดราษฎร์บำรุง อ.หันคา ชัยนาท)

ขนานที่ ๒   ท่านให้เอา น้ำผึ้งแท้ กับ ดีงูเหลือม ผสมกัน ประมาณน้ำยา
๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียนให้หยุดทันที
เคยใช้รักษาได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูเกษมโสภณ วัดปิยาราม อ.ยะหริ่ง ปัตตานี)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา  ลูกยอดิบ ๑ ผล นำมาเผาไฟไหม้เกรียมแล้วนำลงแช่
ในน้ำที่ต้มสุกแล้ว ชั่วเวลาครู่หนึ่ง แล้วรินน้ำยาให้ผู้ป่วยรับประทาน
บ่อยๆ อาการอาเจียนจะหายไปแลฯ
(เพิ่มพร ลักษณะสูด บางละมุง ชลบุรี (หมอชาวบ้าน))

ขนานที่ ๔  ท่านให้เอา ดีปลี ๑ พริกไทยดำ ๑ ว่านน้ำ ๑ จิงแห้ง ๑ หัวแห้วหมู ๑
เปราะหอม ๑ แฝกหอม ๑  ตัวยาทั้ง ๗ อย่างนี้เอาหนักอย่างละเท่าๆกัน น้ำมาใส่
หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร  ใช้น้ำยารับประทาน ครั้งละ ๑ ถ้วยชา
มีสรรพคุณ แก้โรคอาเจียนที่เกิดจากโรคลมกล้าให้หายไปได้อย่างชะงัดนักแล
เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ
(พระครูวรวุฒิชัย วัดไชยภูมิ อ.ไชโย อ่างทอง)

ขนานที่ ๕  ท่านให้เอา ต้นบรเพ็ด นำมาเผาไฟให้ไหม้  แล้วนำไปแช่น้ำต้มสุกแล้ว
ใช้น้ำยาให้ผุ้ป่วยรับประทาน ครั้งละ ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ แก้โรคอาเจียนได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๖  ท่านให้เอา รากผักหวาน ๑ หัวตะไคร้ ๑ หัวว่านน้ำ ๑
 แก่นไม้จันทร์ขาว ๑ แก่นไม้จันทร์แดง ๑  ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้ 
นำมาฝนกับหินลับมีด ผสมกับน้ำสะอาด
ให้มีน้ำยาประมาณ ๑ ถ้วยแกง แล้วใส่ข้าวสารเจ้า  ๑ หยิบมือ
 ผสม น้ำยารับประทานและ ใช้น้ำยาลูบหน้าและชโลมศีรษะ 
มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียน ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูสุวรรณคณาภิรักษ์  วัดบุญเกิด  อ.ดอกคำใต้ พะเยา)

                            ยาโรคอาเจียนเป็นเลือด

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา เทียนดำ ๑ หยิบมือ พริกไทยร่อน ๗ เม็ด 
พญาลิ้นงูเห่า ๑ กำมือ
ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ นำมาตำผสมกันแล้ว ผสมกับน้ำต้มสุก
 คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว โรคอาเจียน
จะพลันหายไป  มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา ฝางเสน หนัก ๕ ตำลึง เลือดแรด หนัก ๑ บาท
หัวหอมแดง (หัวหอมใส่แกง) ๕ หัว ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้
นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ๓ ส่วน เคี่ยวให้เหลือน้ำ ๑ ส่วน ใช้น้ำยา
รับประทาน เมื่อยังไม่หยุดอาเจียน ห้ามรับประทานน้ำเย็นเด็ดขาด
เมื่อหยุดอาเจียนแล้ว จึงจะรับประทานน้ำเย็นได้
ตามปกติ  มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียนเป็นเลือดได้ผลดีอย่างชะวัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา เถาบรเพ็ด น้ำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก 
คั้นเอาน้ำ ๑ ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ๑ ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากันดีแล้ว
ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียนเป็นเลือดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๔  ท่านให้เอาต้นมะเกลือสด ๑ กำมือ  นำมาตำให้แหลก ผสมกับ 
น้ำซาวข้าว  คั้นเอาน้ำยาประมาณ ๑ แก้วกาแฟ  ใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว
 มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียนเป็นเลือดสดๆ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูวิบูลย์กิตติวัฒน์    วัดวิมลโภคาราม อ.สามชุก สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๕  ท่านให้เอา รากต้นกำจาย ๑ รากต้นมะเฟือง ๑อ้อยดำ ๑ รากต้น
เขื่องโทน (มีลักษณะเป็นเถาคล้ายต้นมันเสา มีหนามอ่อนๆใบคล้ายต้นหนอน
ตายอยาก)  ๑  หัวยาข้าวเย็นเหนือ ๑ หัวยาข้าวเย็นใต้ ๑ เอาตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้
เอาหนักอย่างละเท่าๆกัน นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร
ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา เวลาเช้า-กลางวัน-เย็น วันละ ๓ เวลา
มีสรรพคุณแก้อาเจียนเป็นเลือดสดๆ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูนิพัทธบุญญากร  วัดท่าเดื่อ ลพบุรี)

        เอาละครับเอาเท่านี้ก่อนนะครับ ยังมีอีกแยะในการรักษาโรคต่างๆ
แต่สังเกตุคนไม่ค่อยจะสนใจเท่าใดนัก คงเห็นว่าโบราณ เนื่องจากสมัยใหม่นี้
มีแพทย์ปัจจุบันมากมาย อีกประการหนึ่งนั้นชื่อของตัวยานั้นคนสมัยนี้จะ
ไม่รู้จักเป็นส่วนมาก  แม้ผมเองบางอย่างก็ไม่รู้จักครับ ยาเหล่านี้ดีเหมาะสำหรับ
บุคคลที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร  ห่างไกลจากหมอปัจจุบัน ใช้ประทังไปก่อน
ก็ดีครับ ปะเหมาะหายขาด แต่บอกก่อนว่ายาสมุนไพรเรานั้นต้องใช้เวลาเสีย
เป็นส่วนมากในการใช้รักษาภายใน แต่เวลาหายนั้นจะหายขาดทันที ไม่หวน
กลับคืนมาอีก  ซึ่งไม่เหมือนหมอปัจจุบันยังฟื้นคืนชีพแบบแดร๊กคูล่า อิอิ
แล้วเจอกันใหม่อีก  หากผมไม่ตายไปเสียก่อน  หากตายไปคงจะไม่ได้อ่าน
ตอนต่อไปแน่นอน   สวัสดี คะร๊าบ  อุ๊ยๆ...ใครเขกหัว เจ็บนาๆ?????.....อ๊อยๆ
บ๊ายบาย  แล้วเจอกันใหม่ขอรับ.

                    *  แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
19 ธันวาคม 2553 14:12 น.

อทิสมานกาย ๕๓

แก้วประเสริฐ

76.gif
                               อทิสมานกาย ๕๓

     ภายในห้องของชายหนุ่ม  ครั้นแสงสีสินชัยนำกำลังพลกลับมาแล้วก็ให้
ทั้งหมดกลับคืนสู่ร่างเดิมๆ พลางเดินตามเข้ามาใน้ห้อง 
 แต่ไม่พบชายหนุ่มก็ให้สงสัยอยู่ จึงหันไปสั่งให้เจ้าเริ่มและเจ้าพ่วงนำ
กำลังพลไปพักผ่อนได้
   ครั้นหุ่นทั้งหลายแยกแถวกันแล้วก็ ไปสู่ยังพานที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา 
ขึ้นไปพักผ่อนร่างกายบัดนี้พวกมันแปลกใจเนื่องจากภายในพานนั้น
วางโรยไปด้วยกลีบดอกไม้หอมต่างๆ ส่งกลิ่นโชยหอมหวนนัก 
ทำให้พวกมันปลาบปลื้มใจที่การกลับมานั้นได้รับการต้อนรับแสนอบอุ่น
 จึงขึ้นไปนอนบนกลีบกุหลาบเหล่านั้น

    ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล ทำให้พวกมันหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  
พวกมันต่างคิดว่ามาเป็นลูกน้องของนายคนนี้มัน ทุกอย่างก็ดีขึ้นผิดคาด
ซ้ำยังได้เรียนวิชาความรู้ต่างๆจากนายตลอด ที่สำคัญคือการฝึกสมาธิ 
ซึ่งมันไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย นอกจากเพียงแค่ได้รับฟังเท่านั้น
เมื่อมาสัมผัสกับคำว่าสมาธิแล้ว  ถึงได้รู้คุณค่าของอำนาจสมาธินั้น 
     สร้างบุญกุศลอย่างยิ่งใหญ่นักนายมันยังบอกว่าการทำบุญ
ทั้งหลายนั้นจะหาบุญใดเท่ากับการทำสมาธิไม่ได้อีกแล้ว เพียงทำจิต
ให้บริสุทธิ์แค่ชั่วช้างกระดิกหูเท่านั้น 
ผลานิสงฆ์จากการทำสมาธินั้นใหญ่หลวงนัก 
    เมื่อนึกขึ้นได้ต่างก็ยิ้มให้แก่กันและกัน ด้วยทุกๆคนล้วนเคยชิน
กับคำสั่งของนายมันแล้วจึงพากันทำจิตใจให้ปลอดโปร่งแล้ว
พากันเข้าสมาธิทันที   หากออกจากสมาธิแล้วจะได้พักผ่อนต่อไป

  ด้วยมันรู้แล้วว่าอำนาจของฌานสมาธินอกจากทำให้จิต
ปลอดโปร่งแจ่มใสแล้ว   ยังได้เพิ่มพลังงานแก่ตัวมันอีกด้วย 
ล้วนแล้วแต่อำนาจของฌานสมาบัติที่มันฝึกฝนทั้งสิ้นที่ทำให้มัน
รู้สึกตัวในตัวมันอุดมไปด้วยพละกำลังอันมหาศาลเพิ่มขึ้นเองอีก
     ส่วนเจ้าแสงสีและสินชัยนั้นต่างก็แลเห็น แม่นางอาจารย์อับสร
ซึ่งกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการสอนหญิงสาวชบาอยู่ ถึงวิธีการเข้าสมาธิ
และเห็นหญิงสาวกำลังนั่งสมาธิอยู่ แต่แม่นางทั้งสองก็กำลังชี้แจงว่า 
นี่คือฌานระดับใดก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว จนกระทั่งแม่นางทั้งสอง
หันหน้ามายิ้มกันเมื่อทราบว่า

    บัดนี้หญิงสาวนี้ได้ย่างก้าวเข้าสู่ขั้นเอกัตตะอารมณ์ไปแล้ว
     ย่อมปราศจากได้รับยินรับฟังอะไรทั้งสิ้น นอกเสียจากจะเข้าสมาธิ
ไปยังขั้นของหญิงสาวเท่านั้น แต่ก็ปล่อยให้หญิงสาวค้นคว้าเอง 
ในจุดที่จิตรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญามากมาย
   ด้วยฌานสมาธิขั้นนี้นั้นจะทำให้จิตอารมณ์ขาดการรับรู้เหตุการณ์ใดๆ
ของอารมณ์ภายนอกทั้งหมดสิ้น
     ด้วยเป็นหนทางก้าวแรกที่จะเข้าสู่วิปัสสนาลุล่วงก้าวขึ้นสู่ระดับแรก
ในขั้นสูงๆต่อไป ซึ่งต้องใช้ความพากเพียรอุสสาหะอีกหลายขั้นนัก

     แม่นางอัปสรทราบดังนั้นก็หันหน้ามาคุยกับเจ้าแสงสีสินชัยทันที
ว่าเหตุการณ์นั้นคงจะเรียบร้อยแล้วกระมัง  เจ้าแสงสีและสินชัย
ซึ่งนั่งพับเพียบรอคอยอยู่แล้วนั้นก็รายงานสิ่งต่างๆให้แม่นางอาจารย์
มันทราบเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด
      ครั้นแม่นางอัปสรทราบก็พลางยิ้ม กล่าวว่า
  “ เจ้าเหนื่อยมามากแล้วให้พักผ่อนได้ สิ่งที่จะเสริมสร้างพลังงาน
และเป็นการพักผ่อนที่ดีนั้นคือ
 การเข้าสมาธิไปอยู่ในภวังค์จิตพักผ่อน    ด้วยดินแดนนี้มีแต่ความสงบ
เปรียบประหนึ่งในดินแดนแห่งพระนิพานก็อาจจะว่าได้นะเจ้าเปรียบไป
ก็จะคล้ายๆกับนิโรธสมาบัติได้เชียวล่ะ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องกำหนดจิตไว้
ว่าจะอยู่นานสักเพียงใด ส่วนทางภวังค์จิตนั้นจะอยู่ได้เพียงระยะสั้นๆแต่

    นิโรธสมาบัติอยู่ได้เป็นวันเดือนปีเชียวล่ะ แต่ก็ต้องอธิษฐานจิต
เหมือนกัน   แต่หากแตกต่างกันมากมายนักมิอาจจะอยู่ได้นานๆ
ที่นั้นเมื่อออกจากภวังค์จิตแล้วอารมณ์และพลังงานจะเพิ่มขึ้นไปอีก
   ตอนนี้เจ้านั้นก้าวล่วงเข้าสู่ อนาคามีแล้วกำลังย่างล่วงสู่โลกุตระแล้วล่ะ
  แต่ฌานทั้งหมดนี้ตลอดจนถึงขั้นโลกุตระธรรมซึ่งมีสองอย่างคือ
ทางแห่งโลกุตระธรรมและโลกุตระธรรมแห่งผลสำเร็จฌานนั้น  
      ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในโลกียะธรรมทั้งสิ้น จึงตกอยู่ในอวิชชาทั้งหมด
  แต่มาถึงขั้นนี้ก็ถือว่ามากแล้วสำหรับเจ้า  ที่เจ้าทั้งสองจะได้รับคือ
หนทางเข้าสู่ทางโลกุตระธรรมเบื้องต้น แต่เจ้ายังวนเวียนหาทางที่
จะก้าวลุล่วงไปในขั้นสูงต่อไป  ฉะนั้นตอนนี้เจ้าจึงอยู่

    แค่โลกุตระธรรมเท่านั้นเองนี่ก็ก้าวล่วงผ่านอนาคามีไปแล้ว ฉะนั้น
ขอให้เจ้าจงพึงอย่าประมาทหากขาดจากการฝึกฝนแล้วจะต้องไปเริ่ม
ต้นใหม่อีกนะ ควรพึงสังวรณ์ไว้ด้วยในร่างเจ้านี้ได้แค่นี้ก็ถือว่าสูงสุด
      ด้วยเจ้ายังไม่ได้เป็นคนหรือเทพแต่ได้มาแล้วกึ่งหนึ่งเข้าไปมาก
  จึงควรหมั่นฝึกฝนกรรมเก่าของเจ้าก็ทุเลามากแล้วเจ้าเวรนายกรรม
ยอมรับในผลบุญกุศลของเจ้าที่แผ่ไปให้เขา  ต่างปลาบปลื้มยินดีนัก
ด้วยพวกเจ้าเวรนายกรรมทราบแล้วว่าไม่ใช่การกระทำของเจ้าทั้งสอง
แต่เป็นการใช้อำนาจบังคับเจ้าที่ตกอยู่ในอำนาจของอวิชาทั้งสิ้น ดังนั้น
มันถึงได้อภัยอโหสิกรรมแก่เจ้า แต่ก็ควรแผ่กุศลหลังจากออกจากสมาธิ
ให้แก่เขาด้วย เพื่อเขาจะได้ไปสู่ภพใหม่ด้วยสภาพจิตใจปราศจากอาฆาต”

      เมื่อแสงสีและสินชัยทราบจากปากคำนายหญิงมันก็แสนจะดีอกดีใจ
ทั้งสองต่างคิดว่ามันมาในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว มิฉะนั้นป่านนี้มันคงตก
อยู่ในวงเวียนแห่งกรรมนั้นยากจะหาทางหลีกหลุดพ้นออกมาได้  
      นับได้ว่าผลแห่งกรรมเก่าคงจะมีบุญที่มันเคยสะสมไว้มาเกื้อหนุนมัน
ให้หลุดพ้นออกมาพบคนที่ดีอย่างนายมันเช่นนี้ได้เล่า
ต่างก็พากันก้มลงกราบแก่แม่นางอับสรทั้งสองที่เป็นทั้งนายและอาจารย์
ของมันต่อจากนายมันคือชายหนุ่ม  ซึ่งมันมอบจิตวิญญาณให้แก่เขาไป
ตั้งนานแล้วล่ะ หรืออาจจะเป็นบุญเคยร่วมสร้างกันมาก็อาจจะเป็นไปได้
     พลางหันไปถามแม่นางอัปสรทั้งสองว่า
   “ข้าแต่นายหญิง บัดนี้เล่าอาจารย์คนแรกของพวกเราไปอยู่ที่ใดหรือ
ด้วยเข้ามาไม่เห็นเลย” มันทั้งสองจึงเอ่ยปากถาม

      แม่นางอัปสรพลางเอื้อนเอ่ยว่า 
  “ ตอนนี้นายเจ้าไปยังไร่และกำลังฝึกสอนแก่เจ้าชัยน้องชายเขาอยู่ 
ถึงวิธีการต่อสู้ด้วยกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อเป็นตัวแทนเขาทั้ง
ตลอดจนถึงวิชาอาคมและเจริญสมาธิให้ โดยมีพ่อแม่และเขาช่วยกันฝึกสอน
     นับได้ว่าเจ้าชัยต่อไปเห็นจะเป็นตัวแทนนายเจ้าได้แล้วล่ะ ด้วยปัญญามัน
นั้นฉลาดไหวพริบดีความจำเยี่ยม จึงจดจำได้อย่างรวดเร็วนัก  
แล้วเจ้าไม่พักผ่อนหรือ???.... ”แม่นางอัปสรรัตนาวดีกล่าวถาม
      “ยังครับนายหญิง ผมเองได้เจริญสมาธิยามว่างสู่ภวังค์จิตตามคำสอน
ของนายไว้เสมอๆยามว่างๆครับ”  ทั้งสองตอบ
      “ ดีแล้วล่ะการพักผ่อนที่ดีที่สุดของมวลวิญญาณและมนุษย์นี้ไม่มีที่ใด
สู้ในสถานที่นี้ไปได้หรอก  เจ้าไม่สังเกตุหรืออาจจะสังเกตุก็ได้ว่ายามใดที่
เจ้าออกจากภวังค์จิตแล้วจะรู้สึกชื่นบานพละกำลังเพิ่มขึ้นไม่เกิดอาการ
เหนื่อยเมื่อยล้าใดๆเกิดแก่เจ้าหรือ”
      “ครับนายหญิง ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าจะถามหลายๆต่อหลายๆ
ครั้งแล้วเป็นเพราะเหตุใด เมื่อมารับฟังคำอธิบายจากนายหญิงทั้งสองก็
ถึงได้รู้มูลสาเหตุครับนายหญิง ขอบพระคุณมากครับนาย”

     “นี่ก็บ่ายมากแล้วอีกไม่เท่าไหร่หลังจากสาวชบาออกจากสมาธิเรียบร้อย
ก็ต้องไปจัดเตรียมทำอาหารเตรียมไว้อีกด้วย  เห็นว่าเขาคงจะออกเดินทาง
กลับกันแล้วล่ะ???.....”  แม่นางอัปสรเอ่ยขึ้น
       แล้วพลางหันไปมองร่างของหญิงสาวชบา ทั้งสองต่างก็๋แปลกใจกัน
ด้วยเห็นรังษีแผ่กระจายออกมาจากร่างของหญิงสาว จนทั้งสองอุทาน
      “เอ๊ะๆๆ???....แปลกจริงๆเราก็ทราบว่านางล่วงเข้าสู่งเอกัตตอารมณ์
เท่านั้นเองหรือว่านางจะก้าวล่วงเข้าสู่อนาคาไปแล้วจึงเกิดรังษีขึ้นฉะนี้”
      นางทั้งสองไม่รอช้าพลันหลับตาลงทั้งสองข้างทั้งคู่ แล้วก็ลืมตาขึ้น
พลางหันหน้ามองตากันแล้วยิ้มแย้มกัน    แม่นางรัตนาวดีเอื่อนเอ่ยว่า
     “งานนี้เห็นทีเราทั้งสองคงจะไม่ต้องเหนื่อยมากแล้วนะจ๊ะน้องรัก”
     “นั่นซิเสด็จพี่ น้องเองก็แปลกใจเหมือนกันหรือว่าชาติก่อนแม่นางนี้
คงจะสะสมบารมีด้านนี้มามากๆด้วยกระมังถึงไปได้รวดเร็วยิ่งนัก”
แม่นางอ้อยวิลาวัลย์กล่าวตอบ

   “ แผนการณ์ที่เราสองวางไว้คงจะบรรลุได้อีกไม่ช้าไม่นานแล้วล่ะน้อง
หรือน้องจะเป็นเป็นประการใดหรือไม่ล่ะ”
   แม่นางอ้อยวิลาวัลย์พลางปิดปากแล้วหัวร่อเบาๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า
    “น้องเองก็คิดเหมือนเสด็จพี่แหละจ้า เมื่อถึงตอนนั้นคงจะสนุกมากๆ
นะเสด็จพี่  เราจะได้ไม่ต้องห่วงอะไรกันอีกแล้วล่ะ”
     “ตอนแรกพี่เองคิดว่าจะมีความยุ่งยากด้วยตัวน้องพี่เองแหละเมื่อได้รับ
ฟังเช่นนี้ก็ยิ่งสบายใจ เอาเป็นอันตกลงกันไว้นะน้องรักพี่”
    “เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาหรอกจ้าเสด็จพี่ น้องเองเห็นท่าทีของหญิงสาวก็
รู้แล้วอะไรคืออะไรจ้า  เห็นที่จะต้องแบ่งกาลเวลากันให้ลงตัวไว้ก็
แล้วกันนะเสด็จพี่”
ว่าแล้วนางพลันส่งเสียงหัวร่อ คิคิ  เบาๆ  แม่นางรัตนาวดีพลางหันไปหยิก
แก้มน้องสาวเล่นแล้วก็หัวร่อเช่นเดียวกัน

     ด้านเจ้าแสงสีสินชัยต่างก็แลเห็นอาจารย์หญิงมันคุยกัน  มันได้ยินเสียง
คุยทุกๆคำ  แต่มันต่างมึนงงไปตามๆกัน ครั้นจะถามก็ไม่สมควรอยู่จึงได้
แต่คิดสงสัย  เมื่อสบตากันจึงทราบเพียงว่ามันทั้งสองต่างก็สงสัยเช่นเดียวกัน
เมื่อไม่มีอะรไรทำต่างก็ชวนกันเข้าสมาธิลุล่วงเข้าสู่ภวังค์จิตพักผ่อนต่อไป
   อากาศตอนนี้มืดเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยย่างเข้าสู่ฤดูกาลหนาวล่วงเข้ามาแล้ว
แถบถิ่นที่อยู่ก็ล้วนแล้วอุดมไปด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งสองชวนกัน
ออกไปเดินเล่นกันยังบริเวณลานบ้าน  ความเยือกเย็นแผ่กระจายไปทั่ว
   ลมก็ค่อนข้างจะรุนแรงกว่าธรรมดาด้วย บริเวณดังกล่าวอยู่ในแหล่งหุบ
ของขุนเขาที่เรียงรายล้อมรอบอยู่ แม้นว่าจะยังไม่ตกค่ำแต่อากาศก็ขมุกขมัว
   ได้ยินเสียงนกต่างๆร้องเรียกหากัน เพื่อจะเข้าสู่รวงรัง บนท้องฟ้าก็มีฝูงนก
พากันบินจากไปเป็นหมู่ๆ บางพวกเดินทางกลับสู่รวงรังมัน บางพวกก็เริ่ม
ทะยอยออกสับเปลี่ยนเวลาหากินกันตามวิสัยทัศน์ของธรรมชาติของพวกมัน

       นางอัปสรทั้งสองต่างเดินกรีดกรายชมนกชมไม้ ที่ใกล้กำลังจะหุบกลีบ
ที่บาน ของมวลเหล่าไม้ต่างๆ ทั้งไม้มีดอกและไม่มีดอก ส่วนต้นกล้วยไม้ป่า
ที่ต่างสร้างที่อยู่อาศัยตามบรรดาคาคบของต้นไม้ใหญ่อยู่นั้นเบ่งบานส่งกลิ่น
โชยหอมตลบมากมาย ขจายฟุ้งไปทั่ว ยิ่งตอนสายลมพัดเอากลิ่นนั้นมาและก็
ยังไม่ยอมหุบกลีบ  ด้วยธรรมชาติสร้างมาให้บานอยู่ตลอดไปจนกว่าจะถึง
เวลาล่วงโรยไปตามวัฏฏะจักร  หล่อนทั้งสองมองแล้วมาคิดว่าทุกๆสิ่งทุกๆ
อย่างล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดาของโลกไม่ว่าแดนใดๆ
นั้นก็ย่อมเกิดการหมุนเวียนผลัดกันไปตามวัฏฏะจักรทั้งสิ้น มีเกิดก็ย่อมมีแก่
มีแก่ก็ย่อมมีเจ็บและตาย  ถึงแม้บนสรวงสวรรค์หรือนรกภูมิก็ตามทีย่อมเปลี่ยน
ไปตามเวลาอันเหมาะสม แต่ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงไปได้ เว้นมีดินแดนเดียว
เท่านั้นที่เหนือกาลเวลาคือดินแดนแห่งนิพพานที่จะสว่างไส มีแต่ความสงบสุข
ไม่รู้จักกลางคืนหรือกลางวันและไม่รู้จักการเกิด แก่ เจ็บและตาย คงสภาพไว้
ในดินแดนอันเยือกเย็นชื่นฉ่ำหอมหวนอบอวลนาๆกลิ่นหอมทั้งสิ้นอีกยัง
ตลอดไปยังอบอวลอุดมด้วยกลิ่นหอมของเหล่าฌานวิปัสสนาทั้งหลายพึงมี
ดินแดนแห่งความสงบสุขชั่วกาลนานโดยไม่รู้การเกิดดับอีกต่อไป

                       *  แก้วประเสริฐ.  *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ