20 พฤศจิกายน 2553 22:03 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๑๘
หลังจากพ่อแม่ไปทำงานที่ไร่แล้ว เขาก็เข้าไปยังห้องเรียกนางทั้งสองออกมาคุย พลางถามนางขึ้นว่า
พวกเธอมาอยู่ที่บ้านรู้สึกอึดอัดใจหรือเปล่าล่ะครับ???....
แม่นางอัปสรตะเคียนกล่าวว่า เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงหรอกจ้า ด้วยพวกเราทั้งสองตอนนี้สาว
อ้อยก็เปลี่ยนร่างจุติจากสัมภเวสีบังเกิดเป็นอทิสมานกายไปแล้ว ต่างก็ล้วนทานอาหารทิพย์ที่พวกเราปราถนา
ต้องการอยู่แล้วจ้า จะได้ไม่ต้องยุ่งยากแก่เธอหรอก เพียงแค่ให้อาหารแก่หุ่นรูปงามทั้งสองก็เพียงพอแล้ว
ล่ะจ้า......หญิงสาวรูปงามกล่าวขึ้น
อีกประการหนึ่งเราก็มิวิมานที่บนพานที่เธอให้ไว้แก่พวกเราทั้งสองด้วยแล้ว สวยงามมากเสด็จพ่อท่านเนรมิต
ขึ้นให้ใหม่แล้วจ้า ส่วนอัปสรอ้อยนั้นเสด็จพ่อเมตตาสงสารเห็นความมุนานะพากเพียรสมาธิจนแก่กล้าท่านก็ยัง
ประสาทพรให้อีก ทำให้เธอมีฤทธิ์เดชเดชาขึ้นอีกมากด้วยแล้วและยังเนรมิตวิมานน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะไม่สวยเท่าเรา
ก็ตามแต่ใกล้ๆเคียงกันแหละ เรื่องนี้เธอไม่ต้องห่วงอะไรหรอก....
จริงจ๊ะพี่....อัปสรอ้อยตอบแก่ชายหนุ่ม อาศัยพี่แม่นางท่านช่วยอำนวยสิ่งต่างๆให้อีกด้วยพร้อมยังนำไปพบเสด็จ
พ่อของพี่นางฝากอ้อยแก่ท่านด้วยล่ะ???..... นางอัปสรอ้อยกล่าวขึ้น
ชายหนุ่มพอฟังก็ถึงกับอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวอ้อยที่เขาอบรมสั่งสอนเรื่องสมาธิจะก้าวหน้าไปได้
อย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้ เขารู้สึกภาคภูมิใจมาก ภายในใจคิดจะกล่าวถึงเรื่องงานที่เขาต้องทำในข้างหน้าและจะขอ
ความช่วยเหลือบางประการ
ทันใดนั้นนางเทพอัปสรรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นว่า.... จนเขาต้องสะดุ้งในใจแล้วรีบหันไปมองเนื่องจากเขาก้มหน้า
คิดหาทางอยู่
นางเทพอัปสรพลางเอ่ยขึ้นว่า.....เรื่องของเธอนั้นฉันรู้หมดแล้วเพียงแต่คอยระวังแต่เธอเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องงาน
นั้นเห็นว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรหรอก
แต่ก็จะคอยติดตามไปด้วยทุกๆครั้งที่เธอไปเพื่อช่วยเหลือยามมีปัญหาในเรื่อง อัปมงคลที่อาจจะถูกอาจารย์บางคนส่ง
วิญญาณต่างๆจ้า พร้อมกับหันมายิ้มกับเขา ทำให้ชายหนุ่มตะลึง ทำไมจะไม่ตะลึงในเมื่อเธอนั้นช่างงดงามเสียยิ่งนัก
เขาเองก็เห็นสาวๆในกรุงมาก็มามากและหนีก็มากก็มากอีกด้วย ยังจะหาความสวยแค่ครึ่งหนึ่งของเธอก็ไม่ได้
ทำให้เกิดความประหม่าขึ้นอย่างแปลกประหลาดผิดกับคืนที่เขานั่งใกล้ๆกันสนทนากันในคืนเดือนเสี้ยวเสียอีก
แต่นี่เป็นกลางวัน ฉะนั้นจึงมองเห็นสัดส่วนทรวดทรงใบหน้าได้อย่างชัดเจนทำให้จนต้องตะลึงแล
ได้แต่กล่าวอ้ำอึ้งๆๆตะกุกตะกักๆว่า หากเพียงแค่นี้ผมเองก็แสนจะดีใจแล้วล่ะจ้าหากมีเธอไปทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ
อย่างบอกไม่ถูก......พลันได้ยินเสียงหัวร่อเสียงสดใสยิ่งนักดังขึ้นบ้างๆว่า
แหมๆๆพี่ก็ เพียงแค่นี้ยังอ้ำๆอึ้งๆ เชี่ยวนะ แล้วอ้อยล่ะไม่สวยหรืออย่างไรล่ะจ๊ะ
ชายหนุ่มหันไปมองสาวอ้อยซึ่งตอนนี้กลายเป็นนางอัปสรไปแล้ว พลางกล่าวว่า...
น้องเราก็หาใช่จะเป็นรองก็หาไม่จ้า....บุญพี่เหลือเกินที่มีสาวงามที่เป็นนางอัปสรมาช่วยเหลือเคียงข้างคอยช่วย
เหลือเช่นนี้ จะไม่ให้พี่ประหม่าดีอกดีใจเชียวหรือ???.... ชายหนุ่มกล่าว
จริงๆหรือจ๊ะเสียงแม่นางสองสาวตอบ พร้อมทั้งหันไปยิ้มให้แก่กันและกัน แล้วยกมือปิดปากหัวร่อทั้งสองนาง
แต่ทันใดนั้นนาง ทั้งสองพลางพยักหน้ากัน แล้วกล่าวว่า
ฉันทั้งสองเห็นทีจะคุยได้เท่านี้นะ ด้วยเสด็จพ่อเสด็จแม่ให้คนมาตามตัวไปพบ ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรหรือเห็นที
จะต้องรีบไปก่อนแล้วนะ
จ๊ะ???.....ผมเห็นว่าคงจะไม่มีอะไรหรอก คงแค่คิดถึงเป็นธรรมดาของพ่อแม่กระมัง???....ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
ก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ???....ปกติแล้วท่านไม่เคยให้ใครมาบอกกล่าวนี่ คงจะเป็นเรื่องสำคัญมาก เห็นทีจะต้องไปก่อนนะ อ้อๆๆในระหว่างที่เราทั้งสองไม่อยู่เธอไม่ต้องห่วงหรอกจ้า ฉันได้เพิ่มอำนาจให้เจ้าหุ่นทั้งสองไว้มากแล้ว
ตลอดจนสาวชบากับเจ้าแกละไว้ด้วย เพื่อจะได้รับมือในสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้.....หญิงสาวกล่าว
ถ้าอย่างนั้นอ้อยก็จะไปล่ะนะพี่ ระวังตัวไว้ด้วยนะ ด้วยพอจะทราบว่าหลังจากอาจารย์ดำเสียไปแล้วพวกผีทั้งหลายมันจะย้อนกลับมาที่เดิม
ตอนนี้กำลังขอร้องต่อนายป่าช้าเห็นจะไม่สำเร็จหรอกจ้า ฤทธิ์เดชมันสู้นายป่าช้าไม่ได้อีกอย่างหนึ่ง
นายป่าช้าก็มีอาจารย์คนหนึ่งคอยช่วยเหลืออยู่ด้วย อ้อยเห็นว่าเมื่อมันอาศัยที่อยู่ป่าช้าไม่ได้คงจะไปเที่ยว
รังครวญชาวบ้านรวมทั้งเจ้าเปรตสี่ตัวนี่ด้วยแหละ
ฉะนั้นทางที่ดีพี่ก็ทำของมอบให้แก่พวกพี่ๆไว้พกติดตัวประจำไว้ด้วยก็แล้วกันนะจะได้ช่วยได้จ๊ะ อ้อยไปก่อนนะ
พอกล่าวจบ ร่างนางอัปสรทั้งสองก็เลือนลางหายวับไป
ชายหนุ่มเมื่อได้รับฟังอัปสรอ้อยกล่าวเช่นนั้นจึงคิดว่าจะหาทางสร้างวัตถุมงคลสักอย่างหนึ่งมอบให้แก่พรรคพวก
ไว้แต่ต้องคอยปรึกษาพ่อแม่ก่อนจะดีกว่า แล้วพลันรู้ว่าบัดนี้มีคนมาแอบคอยแจ้งข่าวแก่เขาแล้วยังที่เดิม ด้วยรู้ว่าคง
จะไม่กล้ามาเรียกเขา จะมาก็เพียงแสร้งเดินผ่านไปๆมาๆเท่านั้น
เมื่อทราบดังนี้เขาจึงออกจากห้อง พลางหันไปทางหุ่นทั้งสองให้ฝากดูแลบ้านด้วย พอเดินพ้นหน้าห้องก็เรียกสาว
ชบากับเจ้าแกละทันที
พลันสาวชบาและเจ้าแกละก็ปรากฏร่างยังเบื้องหน้าเขา พลางถามว่าพี่มีอะไรจะใช้ชบาและน้องแกละหรือจ๊ะ?....
ชายหนุ่มกล่าวว่าแล้วอย่าไปบอกพ่อแม่อีกล่ะ???....เขาเย้าแหย่หล่อนเล่น
ทำเอาสาวชบาหน้าแดงแกมซีดทันที ต่างร้องพร้อมกันว่า
ไม่หรอกจ้าพี่....พี่เองก็บอกพ่อแม่หมดแล้ว ฉันจะไปพูดอีกทำไมล่ะจ๊ะ......ทั้งสองกล่าวขึ้น
พี่รู้ล่ะ???....พลางหัวร่อ.....เพียงสั่งไว้ว่าได้ข่าวมาว่า เจ้าพวกผีที่อาจารย์ดำเรียกไปใช้ บัดนี้มันได้ตายไปแล้ว ถูกพวกผีในป่าช้าที่มันขออาศัยอยู่ ได้พากันขับไล่มันให้ไปอยู่ที่อื่น มันจะหวนย้อนกลับมาถิ่นเดิมซิและมันคงจะรู้ด้วยจิตมันว่าคนที่ทำร้ายอาจารย์มันนั้นเป็นใคร จะมาแก้แค้นรุกรานบ้านเราจ๊ะ........
หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะได้เห็นดีกันเสียทีว่าบ้านนี้ไม่ใช่บ้านธรรมดานะพี่ อ้อๆ...อีกอย่างพี่หุ่นที่พี่สร้างไว้นั้น ชบา
รู้ว่าไม่เหมือนเดิม มีฤทธิ์เดชมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ก่อนนั้นเขายังกำหราบพวกมันได้เลยนะพี่??...สาวอ้อยเอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มพลันคิดได้เมื่อสาวชบากล่าว ด้วยเขาได้สอนวิชาอาคมพร้อมให้ฝึกสมาธิไว้ด้วย ตลอดจนได้นางอัปสร
ทั้งสองเพิ่มพลังงานหรืออาจจะสอนอะไรบางอย่างให้แก่หุ่นเจ้าแสงสีและสินชัยไปแล้ว จึงรู้สึกสบายใจ
เฝ้าบ้านไว้นะคนของพี่มาแล้วล่ะ จะได้ไปถามและสั่งงานสักหน่อย พี่ไปล่ะชบาเจ้าแกละ.......
จ๊ะพี่ทางนี้ไม่ต้องห่วงอะไรหรอกจ้า......สาวชบาและเจ้าแกละตอบพร้อมๆกัน ควายธนูของพ่อก็ยังอยู่อีกด้วยจ๊ะ
หากมีปัญหารับไม่อยู่ก็จะไปเรียกพี่หุ่นทั้งสองมา แต่เอ๊ะเขาชื่ออะไรบ้างหรือจ๊ะพี่....สาวชบาถาม
อ้อๆๆ....หุ่นที่ใหญ่หน่อยเขาชื่อว่า แสงสี จ๊ะ ส่วนเล็กหน่อยเขาชื่อ สินชัย จ๊ะ เพียงไปบอกเขาเท่านั้นเขาก็จะรีบ
มาจัดการให้เสร็จ แต่คงจะไม่เป็นไรมั๊งด้วยนี่ยังเป็นกลางวัน พวกนี้มันฤทธิ์ยังไม่พอที่จะแปลงกายได้จ๊ะ
เวลาค่ำไปแล้วให้ช่วยกันระวังก็แล้วกันนะ หากยามพี่หลับนอนหรือพ่อแม่หลับนอน ก็ให้เจ้าแกละไปบอกก็ได้จ้า
จ้าๆๆๆพี่.....ชบาไม่ลืมหรอกจ้า พี่ไปเถอะโน่นเขาเดินวนเวียนไปๆมาๆหลายๆครั้งแล้วล่ะ
จ๊ะๆพี่ไปก่อนนะ ........
กล่าวแล้วเขาก็เดินลงบันไดไป รีบเดินออกไปจากรั้วบ้านทันที ทันใดนั้นชายที่เดินวนเวียนมาก็ชะยัก แต่แสร้งเดินช้าๆลงทำเป็นไม่รู้จักเขา ชายหนุ่มเดินลัดเลาะไปยังที่เดิมเห็นผู้กองและพวกนั่งรอคอยอยู่แล้ว
ส่วนชายที่มาตามเห็นร่างเขาหายลับไปในพุ่มไม้ซึ่งระยะทางห่างจากถนน
เบื้องหน้าก็มีรถยนต์กะบะกำลังวิ่งตรงเข้ามาตามเส้นทางที่ขรุขระผ่านมาทางที่เขากำลังเดินอย่างช้าๆอยู่
ดังนั้นชายคนนั้นก็รีบหลบเข้าไปในป่าข้างทางทันที รถคันดังกล่าววิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วนักแม้ว่าถนนจะไม่ดีนัก
คงจะรีบร้อน จึงขับด้วยความเร็วสูงมากไม่คำนึงถึงถนนที่ขรุขระ จวบจนหายลับโค้งพ้นสายตาไปจนเสียงเงียบ
ขณะชายคนนั้นจะก้าวออกมาก็ต้องรีบหลบเข้าไปอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงรถอีก ได้แอบมองดูอยู่
ยังมีรถยนต์กะบะอีกคันวิ่งตามมาอีก ด้านหลังยังมีรถมอเตอร์ไซค์แล่นตามหลังมาอีกหลายๆคัน เมื่อคอยจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรบนถนนอีกแล้ว จึงออกมา เดินไปตามทางที่ชายหนุ่มหายลับไปในพุ่มไม้.......จึงหลบเข้าข้างทาง
หาหนทางลัดเลาะ เพื่อเข้าไปสบทบซึ่งคนทั้งหมดนั้นก็ได้แยกกระจายกันหลบตามต้นไม้ต่างๆเหมือนกัน
ครั้นเสียงสงบจนแน่ใจแล้ว ก็ออกมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งคอยพวกอีกคน ก็แลเห็นชายคนนั้นรีบเดินมาร่วมกลุ่มทันที ผู้กองก็รายงานผลงานต่างๆให้เขาฟัง ที่จริงเขาทราบอยู่ก่อนแล้วจึงนิ่งเฉยฟังคำรายงานต่างๆจนจบ เพียง
แต่ถามว่า....
แล้วผู้ต้องหาทั้งหมดถูกส่งเข้ากรุงเทพฯนั้นไปไว้ที่ไหนหรือ???.... ชายหนุ่มถาม
ได้ข่าวจากสายว่าถูกนำไปไว้ยังฝ่ายปราบปรามยาเสพย์ติดครับ
ผมเองนึกว่าไปไว้ที่กองปราบเสียอีก หากนำไปไว้ที่นั่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ด้วยเส้นสายทางเสี่ยเม้งและ
เสี่ยหว่างนั้นมันมีมาก ตลอดจนพวกนักการเมืองมันก็พวกของมันคงได้รับการประกันตัวไป แล้วเมื่อนำ
ไปไว้มีใครรู้บ้างล่ะ?....ชายหนุ่มถาม
ข่าวแจ้งว่าหัวหน้าฝ่ายได้นำตัวไปแยกขังเดียวทั้งหมดกำลังสอบปากคำอยู่ แล้วปิดบังมิให้ใครๆทราบ
ด้วยนำไปพอถึงรอจนเกือบเที่ยงคืนถึงจะนำตัวเข้าห้องขังครับ ชายตำรวจอีกคนรายงานแทนผู้กอง
ถ้าอย่างนั้นก็คงพอไว้ใจได้คงไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก ด้วยทางผู้ใหญ่ท่านกำชับและแต่งตั้ง
หน่วยงานนี้ขึ้นมาพร้อมให้มีที่คุมขังสอบปากคำได้เอง มิต้องให้ฝ่ายกองปราบทำเหมือนเดิมแล้ว
ด้วยผมได้เข้าประชุมลับๆกันแล้วเสนอให้สร้างสถานที่นี้ไว้สำหรับสอบสวนเป็นพิเศษไว้ ทางผู้ใหญ่เบื้องบน
ก็เห็นชอบด้วยเพราะเป็นงานโดยตรงจะได้เป็นความลับจับกุมหัวหน้าใหญ่มันได้ หากสอบสวนได้ผลประการใด
ก็ให้ส่งตรงไปยังกรมอัยการให้ท่านรองคนหนึ่งซึ่งได้รับมอบหมายไว้ใจได้เป็นผู้สั่งฟ้องนำไปให้หัวหน้าอัยการโดยตรงทันทีไม่ต้องผ่านขั้นตอน ด้วยทางท่านรองจะมีฝ่ายตรวจสอบพิเศษขึ้นตรงรองอัยการคนนี้เท่านั้น
หากหัวหน้าอัยการปฏิเสธ แต่ ท่านรองคนนี้มีหนังสือลับพิเศษในมืออยู่แล้วจะได้ไม่ต้องข้ามขั้นตอน
ให้เสนอหนังสือต่อหัวหน้าอัยการโดยตรงทันทีเพื่อเซ็นต์สั่งฟ้อง หากไม่ทำถือว่าขัดขืนนโยบายรัฐบาล
ชายหนุ่มกล่าวขึ้น ตลอดจนทางฝ่ายผู้พิพากษาก็เหมือนกัน เบื้องบนกล่าวว่าท่านจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียว หลังจาก
เสร็จจากประชุมคราวนี้ ทางผมก็จะรีบรายงานลับไปยังหัวหน้าใหญ่ท่านเอง และพอจะทราบว่าระหว่างนี้
เสี่ยหว่างนั้นมันทำงานเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าและยังนำไม้จากต่างประเทศเข้ามาด้วย ขอให้ส่งหน่วยงานคอยระวังไว้ด้วย ให้คุณทำรายงานลับไปรายงานอีกทางหนึ่งนะ...ชายหนุ่มเอ่ย
ครับผมจะเร่งให้ฝ่ายข่าวกรองรีบไปรายงานครับ
อ้อๆ!!!!!!.....บอกว่าให้แยกกันรายงานนะ หากถูกจับได้ข่าวจะได้ไม่รั่วไหลไป ให้ส่งเป็นรหัสไปซึ่งทางผู้กอง
และฝ่ายข่าวกรองก็รู้รหัส อย่าส่งเป็นตัวหนังสือ ให้ส่งเป็นรหัสไปนะจำไว้อย่าลืมเสียล่ะ...ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
อ้อๆๆแล้วมีอะไรจะเพิ่มเติมอีกหรือไม่ล่ะครับ???...ชายหนุ่มถาม
ได้ข่าวว่าทางกำนันมั่นมันให้คนไปเอาหมอมาจากกรุงเทพฯที่เสี่ยเม้งมันส่งมาเป็นพิเศษรักษาลูกและพวกมันครับ
อีกอย่างหนึ่งได้ข่าวว่า อาทิตย์หน้าจะมีการขนถ่ายสินค้าเกี่ยวกับอาวุธเถื่อนอีกระลอกทางทิศติดกับเขมร ส่วนทางด้านเหนือนั้น จะมีการขนถ่ายลากไม้กันด้วย แต่ทางเรากำลังพลน้อยจะทำอย่างไรล่ะครับ
ด้วยทางกรุงเทพฯกำลังคัดสรรคนที่ไว้วางใจอยู่เกรงจะไม่ทันการณ์ ผู้กองรายงาน
เรื่องทางติดทางเหนือปล่อยให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ทางโน้นไปก่อน ส่วนการขนถ่ายอาวุธสงครามเถื่อนนั้นอยู่
ใกล้กับเรา ให้ผู้กองระดมพรรคพวกทำเหมือนการจับกุมยาเสพย์ติดไว้ก็แล้วกัน รับข่าวกรองที่แน่นอนมาถึง ต่อนี้
ไปผู้กองและพวกไม่ต้องมาหาผมก็ได้แล้ว ผมจะใช้คนของผมไปหาผู้กองเอง เขาชื่อแสงสี กับแสงชัย ผู้กองจำชื่อนี้
ไว้พร้อมจะบอกให้รหัสไว้ด้วย ชายหนึ่งเอ่ยขึ้น
ครับผ๊ม...ผมจะปฏิบัติการทุกประการครับผ๊ม....ผู้กองกล่าวขึ้น
ผู้กองลืมคำสั่งผมแล้วหรือว่าห้ามใช้คำว่า ครับผ๊มอีก อย่าให้ได้ยินเช่นนี้ หากผมเข้าไปในเมืองให้เพียงทำเป็นไม่
รู้จัก หรือหากจำเป็นเรียกว่า ไอ้โชติก็แล้วกันนะ แล้วหันไปสั่งทุกๆคนให้ช่วยบอกต่อๆไปด้วย ทางนี้ผมจะเป็นแค่
ชาวบ้านธรรมดา หากมีสิ่งที่ต้องการให้ทำ ผมจะให้คนผมสองคนไปติดต่อหาเอง
ครับขอโทษด้วย ผมจะไม่ลืมอีกแล้วครับ อ้อๆๆๆ....แล้วเมื่อไหร่ล่ะจะได้ปรากฏตัวเสียที เห็นรองผู้กำกับชอบ
ถามเสมอๆๆ
ก็บอกท่านว่าผมไม่รู้อะไรเขาสั่งให้มาก็มา ท่านไม่รู้แหละดีแล้ว เพียงบอกว่าก็ผมจะรู้ได้อย่างไรเพราะท่านเข้า
ประชุมเสมอๆ บอกแค่นี้แหละนะ ต่อไปนี้ผมจะไม่เรียกผู้กองอีกแล้วเรียกชื่อคุณดีกว่า คุณชัชวาลย์ หรือชัชเฉยๆ
ร้อยตำรวจเอกหรือเรียกว่าผู้กองรับคำทันที.....
ให้คุณและพวกเราแสร้งทำตนเป็นขี้เมาชอบเที่ยวตามร้านอาหารบ้าง ร้านค้าอาหารตามริมถนนบ้าง
แยกย้ายกันสืบหา แต่อย่าเป็นคนขี้เมาจริงๆเสียล่ะ ตามสถานเริงรมย์ทั้งหลาย ผมจะเน้นแค่ร้านคาราโอเกะ
ด้วยร้านคาราโอเกะนั้นควรจะไปมากๆและสืบเสาะเป็นพิเศษ ด้วยเป็นที่รวมพลของพวกนอกกฏหมายมักจะจัดเป็นห้องพิเศษไว้ ให้คุณและพวกเราแอบเอาวิทยุที่เขาสร้างให้เป็นพิเศษไปคอยติดไวซ่อนไว้อย่าให้ใครเห็น แม้แต่พวกลูกร้านก็ตามหรือแม้แต่เจ้าของมันทราบ เพราะไม่แน่ว่าพวกนี้จะเป็นพวกผิดกฏหมายหรืออาจจะใช่ด้วยทำการผิดเวลาเสมอๆและไม่ได้รับการตรวจให้ถูกต้องอีกด้วย เครื่องรับส่งที่พวกเราได้เป็นพิเศษนั้นเล็กนิดเดียวเล็กกว่า
เหรียญบาทเสียอีก แต่กำลังแรงส่งได้ในระยะไกลๆและพวกเราทุกคนระดับหัวหน้าจะมีนาฬิกาที่ซ่อนเครื่องรับส่งไว้แล้วนี่นา อย่าถอดแม้แต่อยู่ในห้องน้ำก็ตามหากจำเป็นต้องถอดให้ถอดเก็บไว้ในห้องน้ำใกล้ๆตัวด้วย
อีกอย่างหนึ่งอย่าบอกให้คนในบ้านแม้แต่ลูกเมียรู้ล่ะ สั่งให้ทุกๆคนทราบไว้ด้วย ถ้าผมจะใช้จะให้คนของผมไปติดต่อเอง คงอีกไม่นานหรอกคุณก็จะได้รับข่าวทางสถานีบ้างแต่ให้ทำเป็นแสดงความเสียใจแก่เขาด้วยนะ ให้สืบ
ว่าจ่าเจียมมีพวกใครๆบ้างจดมาให้หมดให้หมดทุกๆคนด้วยนะ และพวกที่ไม่ค่อยจะเอาถ่าน อย่าลืมละคุณชัชวาลย์
ครับผมจะได้รีบดำเนินการทันทีหลังจากกลับไปแล้ว เพียงเท่านี้ผู้กองก็ทราบเหตุผลของหัวหน้าเขาแล้วว่าคือใครที่จะต้องถูกดำเนินการย้ายไป และจะได้พวกเขาเข้ามาแทนที่ เขาเชื่อมั่นในตัวหัวหน้าเขามาก
ถึงแม้อายุจะน้อยแต่มีสมองกว้างไกลมากไม่เท่าไหร่ก็ข้ามรุ่นเสียหลายๆรุ่น ทั้งยังได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้ใหญ่มากนัก เขาเลือกนายได้ไม่ผิดหรอกจึงภาคภูมิใจในตัวเองเสียมิได้ แต่นายมักจะสั่งไว้เสมอๆว่าให้อย่าทนงตนเองไว้
แม้แต่ท่าน หัวหน้ารัฐบาลยังเรียกให้เข้าพบได้อีกเป็นการส่วนตัวในกรณีย์พิเศษอีกด้วย
ตลอดจนหัวหน้าสำนักงานตำรวจก็เช่นเดียวกัน แม้แต่หัวหน้าใหญ่เองก็ยังเกรงใจหัวหน้าเขาเช่นเดียวกัน ดังนั้นหาก
สิ่งใดที่หัวหน้าเขาต้องการมักจะไม่เคยผิดหวังเลย มักจะได้เสมอๆทุกๆครั้งที่เขารายงานไปถึงการขอหรือการทำงาน อีกอย่างผลงานของเขาปรากฏมากมาย แต่แปลกจริงๆพวกหนังสือพิมพ์กลับไม่รู้เรื่องเขาและผลงานเขามักจะเป็นของคนอื่นๆไปเสียหมด เหมือนเขาปิดทองหลังพระจะมีเพียงผู้ใหญ่บางคนเท่านั้นที่รู้ เขาจึงไม่ได้ถูกพวกหนังสือพิมพ์ทั้งทางกรุงและนอกเมืองรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่การเลื่อนยศของเขาที่ถูกสัมภาสษ์เท่านั้นแต่เขาออกตัวได้อย่างสวยงาม ว่าคงจะเป็นบุญเก่าของเขากระมัง
คุณก็เห็นว่าผมเองไม่มีผลงานอะไรเลย หรือว่าท่านจะเมตตาผมเสียกระมังครับ หรือผมจะรูปหล่อกว่าทุกๆคนกระมัง แล้วเขาก็หัวร่อพลางขอร้องยกมือไหว้พวกหนังสือพิมพ์ทุกๆคน แล้วเขาก็ขอตัวเดินจากไปหายลับไปบนตึกข้างบน
เขาก็ไม่ได้รับความสนใจอะไรจากพวกหนังสือพิมพ์อีกเลย พวกนั้นพยายามไปสืบเสาะทางบ้านเขาก็ไม่พบอะไรนัก
แม้แต่การย้ายมาดำรงตำแหน่งของเขานี้เพียงแค่พาดหัวตัวเล็กๆเท่านั้น ด้วยเขาไม่ได้ทำตัวให้เป็นที่โด่งดังเช่นนาย
ตำรวจคนอื่นๆเขา จึงขาดความสนใจไปอีกประการหนึงที่พักอาศัยของเขาผิดกับนายตำรวจชั้นนี้อันพึงจะมี คือเขา
อาศัยเช่าอาพาร์ตเมนท์อยู่เท่านั้น หาได้มีบ้านมีช่องหรูหราใหญ่โตอะไรเลย สมบัติเงินในธนาคารก็มีแค่ไม่กี่หมื่นบาท หาใช่คนร่ำรวยที่พวกหนังสือพิมพ์จะต้องการได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้การเหลียวแลและรับความสนใจเท่าที่ควร
หลังจากสั่งงานแก่คนของเขาแล้วชายหนุ่มก็ขอตัวกลับ แต่ผู้กองชัชวาลย์สงสัยแล้วถามว่า....
อ้าวๆๆๆแล้วจะรู้หรือว่าผมพักที่ไหน คนของท่านจะรู้ได้อย่างไรหรือครับ???......
ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆ พลางกล่าวว่า
เอาเถอะน่าคุณชัชวาลย์ ถึงเวลานั้นคุณก็จะรู้เองแหละเขาเอ่ยเท่านั้นแล้วขอตัวกลับบ้านไป.....
ผู้กองรอจนร่างเขาออกเดินหายลับไป สักพักก็ให้บรรดาลูกน้องที่สนิทๆต่างแยกย้ายกันคนละทิศละทางทันที
เมื่อเขาพ้นแนวไม้ก็แกล้งถือมีดใช้สำหรับเดินป่าเที่ยวหาของกินต่างๆจากต้นไม้ข้างทางหอบหิ้วกลับมา ครั้นคน
เดินผ่านที่เดินสวนมา พวกนั้นหันมามองเขาพลางถามว่า
ไอ้หนุ่มหยุดก่อนโว้ย??....นั่นลูกเจ้าเชียรใช่ไหมว๊ะ???....ได้ยินข่าวว่ามาเยี่ยมพ่อแม่ว๊ะ???....
เห็นมึงเดินอยู่แถวๆนี้ ไม่ห่างบ้านไอ้เชียรมันมากนัก ชายค่อนข้างชรามากกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย???...
เขาตอบว่า....ครับผมลูกพ่อเชียรแม่เข็ม ว่างๆก็เลยหาของมาเก็บกินครับ มันเหงาๆจะไปช่วยพ่อแม่เขาบอกว่า
ไม่ให้ไปไม่มีอะไรจะทำ ให้พักผ่อนก่อนแล้วค่อยช่วยพ่อแม่ครับ ผมเหงาๆอดนึกถึงสมัยเด็กๆไม่ได้ก็เลยเอามีดมา
เข้าป่าหาของไว้เก็บกินครับ ชายหนุ่มตอบ
เออๆๆๆ...ข้าได้ข่าวว่าเอ็งกลับมาเหมือนกันพึงเจอนี่แหละว๊ะ เสียงชายชราเอ่ยขึ้น แต่ไม่คิดว่ามึงจะสูงใหญ่ขนาดนี้และยังรูปหล่อกว่าพ่อมึงเสียอีก กูเห็นมึงตั้งแต่เด็กๆวิ่งเล่นอยู่เลย ตัวผอมนิดเดียว
พลางหัวร่อหาฟันไม่เจอมีแต่เหงือกแดงแจ๋ ดังเอิ้กๆอั๊กๆๆ.....
มึงไปอยู่กรุงเทพเสียนาน กลับมาพูดจาไพเราะโว้ย ไม่เหมือนไอ้พวกนี้มันพูดจาไม่มีสัมมาคาราวะ
แม้แต่หัวผู้ใหญ่มันหรือก็ไม่เกรงใจกันเลยนึกอยากทำอะไรมันก็ทำ แม้แต่พ่อแม่มันก็ไม่กลัว เห็นขึ้นมึงๆกูๆว๊ะ
แต่ว่าเถอะว๊ะมันไม่ได้เรียนหนังสือมามากเหมือนมึงที่เรียนในกรุงเทพฯ
แล้วมึงทำงานอะไรในกรุงเทพฯล่ะโว้ย ชายชราที่กำลังจะกลับแบกฟืนอยู่ถาม??....
อ้อๆๆๆ...ผมทำงานเป็นยามบริษัทครับ ขอเขามาเที่ยวบ้านเกิดเขาก็อนุญาต เห็นว่าคราวนี้คงแย่ต้องหางานทำ
ในเมืองเสียแล้วล่ะครับ เพราะไปเขาคงจะไล่ผมออกแน่ ขอเขามาไม่กี่วันแต่มาเสียเป็นเดือนๆ ชายหนุ่มกล่าว
ช่างเถอะว๊ะมึงก็เด็กที่นี่นี่หว่าจะไปกลัวห่าอะไร ไร่พ่อมึงก็ออกจะเยอะแยะซ้ำมีลูกคนเดียวเสียด้วย เพาะปลูกก็พอจะ
เลี้ยงตัวได้หรอก มีเมียหรือยังล่ะโว๊ย???... ชายชราถาม???....
ยังครับผมยังไม่คิดมีลูกเมียครับ ใครๆเขาจะมารักผม ผมมันคนจนเป็นได้แค่ยามเท่านั้นในเมืองมันหรูหราเสียด้วย เขาชอบคนมีสตางค์เยอะแยะครับตา ......ชายหนุ่มกล่าว
ไอ้ห่าเอ๋ย!!!!....มึงมันก็ไม่ใช่ว่าจะขี้เหร่สักหน่อย หากมึงต้องการสาวคนไหนบอกกู กูชื่อวาดโว้ย โน่นมันไอ้เวียน น้องกูเองแหละ ไอ้ห่ามันหน้าตาดีกว่าพ่อมึงเสียอีก ขนาดไม่หล่อกูดันมีเมียตั้งสองคน มันบอกว่าปวดหัวฉิบ
หายเลยลูกหรือเป็นโขยงสมแล้วที่อยากเจ้าชู้แล้วมีงอย่าเอาอย่างไอ้เวียนมันล่ะ เสียงชายชรากล่าว....
โถ่ๆๆๆพี่วาด เอามาบอกเด็กมันได้ไม่อายเสียบ้างเลยตอนเป็นหนุ่มด้วยกันส่วนใหญ่พี่ก็ยกให้กูทุกๆทีนี่นาจะ
แล้วจะมาว่ากูได้อย่างไร ก็พี่วาดเสือกดันพูดเก่งหล่อกว่ากูเสียอีก แล้วหันไปถามชายหนุ่ม จริงไหมว๊ะไอ้หนุ่ม...
เขาหัวร่อในใจ เพียงได้แต่ยิ้มๆเท่านั้น แล้วถามว่าแล้วตาจะไปไหนล่ะเห็นแบกฟืนและของอื่นๆลากล้อเข็ญมานะ
ก็กลับบ้านซิว๊ะ ป่านนี้อีหลอดมันจะด่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ว๊ะ เฮ้ยๆๆๆไปล่ะพ่อหลานชาย....วันหลังเจอกันโว้ย
เชิญเถอะครับ...ผมเองก็จะกลับบ้านเหมือนกันเดินนิดเดียวก็ถึง ชายหนุ่มกล่าวกับชาวบ้านสองคนที่ชรามากแล้ว
เขามองเห็นสองพี่น้องเดินลากเข็ญคนหนึ่ง แบกฟืนไปอีกคนหนึ่งมุ่งหน้าเดินลงเนินหายลับไป
เขาถอนหายใจ พลางนึกนี่หนอชีวิตชาวไร่ชาวนาก็แบบนี้แหละ ต้อนดิ้นรนหาเลี้ยงชีวิต ตีนถีบปากกัดไปตามมี
ตามเกิด แต่รู้สึกว่าแกก็มีความสุขดีตามประสาคนชนบทดีนะ หากพวกเห็นแก่เงินนำสิ่งผิดกฏหมายมาหลอกลวง
ชีวิตก็คงจะสุขสบายกว่านี้ แต่หมู่บ้านนี้พ่อกำนันและผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมให้ลูกบ้านมันติดยา หากรู้ไล่ตะเพิดหมด
หากเขาไม่เป็นอะไรไปก็จะใช้ชีวิตแบบนี้นี่แหละ ไม่คิดเข้ากรุงเทพฯอีกแล้วล่ะ ชายหนุ่งรำพึง........
* แก้วประเสริฐ. *
20 พฤศจิกายน 2553 13:38 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๑๗
อากาศตอนเช้าสดชื่นยิ่งนัก ชายหนุ่มออกมาทำการบริหารร่างกายพร้อมวิ่งไปยังถนนบริเวณรอบๆนอกบ้านที่
รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย อากาศก็แสนจะบริสุทธิ์ยิ่งนัก เขาวิ่งไปๆมาๆหลายรอบ จนเห็นว่าพอเพียงแก่การออกกำลังกาย แล้วก็เดินเข้ามาในบ้านบริหารร่างกายอีกหน่อยหนึ่ง พอร่างกายกล้ามเนื้อคลายลง จึงไปนั่งเพื่อให้บรรดาเหงื่อที่ไหลย้อยแห้งเสียก่อน
เขาก็เตรียมตัวเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ไหว้พระสวดมนต์
เสร็จคิดว่าจะเรียกหุ่นมาสอบถามการทำงาน และเรียกหญิงสาวทั้งสองมานั่งคุยกัน ก็ต้องพลันชะงักเมื่อได้ยินเสียง
ทันใดได้ยินเสียงพ่อแม่เรียกเขาให้มากินอาหารเช้าร่วมกัน เขาเดินยกเอาถาดเล็กๆออกมาไปล้างแล้วมานั่งร่วม
กับพ่อแม่ กล่าวถามพ่อแม่ว่า พ่อครับแม่ครับตื่นนานแล้วหรือ พร้อมทั้งตักข้าวอาหารต่างๆพร้อมยกน้ำใส่แก้ว
สามใบไปพลาง ได้ยินเสียงแม่กล่าวว่า
แม่ตื่นก่อนลูกตั้งนานแล้วแต่อยู่ในครัวกำลังทำอาหารอยู่ สงสัยจึงถามลูกดูว่าไปเอาหน่อไม้และเห็ดมาจากไหนล่ะ
ตอนเย็นแม่ไม่ทันสังเกตุจึงได้เอาอาหารเก่ามากินกับพ่อเขานะ ต้องรีบจัดอาหารเพื่อจะนำไปใส่บาตรพระด้วย
ชายหนุ่มหันหน้าไปยิ้มกับแม่อย่างประจบ กล่าวขึ้นว่า แม่ขอตัวก่อนนะ แล้วเดินเข้าห้องไปนำอาหารน้ำไปให้แก่
หุ่นและแม่นางทั้งสองเสร็จแล้วจึงเดินออกมานั่งที่วงอาหาร ส่วนพ่อแม่เขากำลังคุยกันเรื่องอะไรไม่รู้ได้ แล้วหันมาถาม ลูกยังไม่ได้ตอบว่าไปเอาหน่อไม้เห็ดมาจากไหน พ่อแม่กลับมาเห็นลูกอยู่ในห้องคิดว่าทานข้าวเสร็จแล้วจึงไม่ได้
เรียกและไม่รบกวนคงจะนั่งสมาธิฝึกฝนวิชาอยู่
เดี๋ยวไปใส่บาตรพระก่อนแล้วค่อยมาเล่าให้ฟังก่อนก็ได้ เมื่อกล่าวจบแม่เข็มก็ไปเตรียมตัวจัดอาหารเพื่อใส่บาตรพระพร้อมเขาและพ่อทันที ครั้นทั้งสามใส่บาตรพระเรียบรัอยแล้วจึงเข้าบ้าน ตรงไปยังวงอาหารที่จัดเตรียมไว้เพื่อใช้กินในตอนเช้าก่อนจะออกไปทำงานที่ไร่ต่อไป จึงเรียกลูกชายมาร่วมด้วยวงสนทนาเพื่อกินอาหารร่วมกัน
ที่ได้จัดเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว พลางกินอาหารไปคุยกันไป ชายหนุ่มตักข้าวใส่ปากเมื่อเคี้ยวละเอียด
ก็นึกถึงคำของแม่ว่า แม่ครับพูดผมไปเดินเล่นอยู่คนเดียวเหงาเลยเห็นกอหน่อไม้กำลังงามคิดว่าคงจะมีหนอขึ้นบ้างเลยเข้าไปเพื่อค้นหา และพบเห็ดซึ่งตอนเด็กๆไปเก็บกับพ่อเสมอๆจำได้จึงเก็บมาจ๊ะและจัดการต้มพร้อมหุ้งข้าวไว้แล้ว
คงไม่ใช่อย่างนั้นกระมังมั๊ง นางชบามันบอกแม่ว่ามีคนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาเรียกลูกอยู่นี่นาแล้วก็เดินหายไปทั้งหมดในพุ่มไม้มันจะตามไปดูแต่ถูกแม่นางทั้งสองห้ามมันไว้นี่ลูก คราวนี้ชายหนุ่มสะอึกกำลังจะเปิดข้าวชะงักทันที
พลางชำเลืองไปที่ห้องแม่เขา นึกในใจว่าหญิงสาวคนนี้มันปากมากฟ้องแม่ได้ แต่ไม่ได้กล่าวกระไร เพียงทำเฉไฉยก
ข้าวขึ้นเปิบกินก่อน ครั้นกินแล้วก็กล่าวว่า เดี๋ยวพ่อแม่กินข้าวให้เสร็จก่อนผมจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะครับ
พ่อก็พูดขึ้นว่า คอยลูกมันกันข้าวกินปลาให้เรียบร้อยก่อนก็ได้นี่นาแม่เข็ม ทำเป็นคนใจร้อนไปได้ ไม่เคยเห็นเป็น
แบบนี้มานานแล้วนี่นา พ่อเข้าข้างลูกชายทันที
ก็เพราะอยากรู้ซิจึงรีบถามจะได้สบายใจจ๊ะพี่เชียร แม่เข็มเอ่ยขึ้น
น่าๆเดี๋ยวกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน ลูกมันบอกว่าจะเล่าให้ฟัง คอยแป๊บเดียวก็ได้ ไม่เห็นจะเสียเวลามากตรงไหนเลย
คราวนี้แม่เข็มไม่กล่าวอะไรรีบๆกินข้าวแล้วก็ล้างมือทั้งสองข้าง พลางหันไปมองทางลูกชาย
อ้าวทำไมอิ่มเร็วนักซิ พ่อเขียรเย้าเล่น
ก็มันอิ่มแล้วนี่จ๊ะพี่เชียร แม่เข็มตอบ และก็อยากรู้ว่านางชบามันบอก ลูกเราไปทำอะไรกับคนต่างถิ่นแปลกหน้า
ครั้นชายหนุ่มเห็นแม่อิ่ม เขารู้ว่าแม่เป็นคนใจร้อนอยากรู้เรื่องเพราะรักเขานั่นเอง จึงได้อิ่มตาม พ่อเชียรเมื่อเห็นแม่ลูกอิ่ม ก็เลยพลอยอิ่มตามไปด้วย ครั้นแม่เข็มยกสำรับกับข้าวไปเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว
ก็รีบมานั่งคุยกับลูก ส่วนพ่อเชียรนั่งสูบบุหรี่พิงเสาตรงกลางห้องฟังดู เหมือนๆว่าพ่อเชียรจะรู้เรื่องแล้ว เขามองพร้อม
คิด แล้วเขาก็เริ่มต้นเล่าให้แม่เขาฟังทันทีว่าเขาไปพบคนแปลกหน้านั้นเพื่อทำอะไรบ้าง
ผมบอกพ่อแม่แล้วแต่ขอสัญญาก่อนว่าจะไม่บอกใครๆหรือเผลอตัวบอกคนอื่นถึงจะไว้ใจได้ก็อย่าแย้มพรายนะครับ ชายหนุ่มขอสัญญาทันที
แม่กับพ่อไม่บอกใครหรอกจ๊ะ ใช่ไหมพี่เชียร???.....
อืมๆๆๆ....ข้าพอจะรู้มานานเหมือนกันแล้ว ให้ลูกมันเล่าเอาเองเถอะนะ ข้าจะคอยฟัง พ่อเชียรตอบแล้วก็สูบบุหรี่ต่อไปทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งสิ้น คอยฟังลูกและแม่คุยกันเท่านั้น....
หากเป็นเรื่องสำคัญมาก แม่จะกล้าไปเล่าให้ใครฟังได้ล่ะ ด้วยเจ้าเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่นะใครล่ะจะทำให้
ลูกต้องเดือดร้อน ยิ่งมาขอสัญญาด้วยแล้วเรื่องมันต้องสำคัญมากจริงไหมพี่เชียร พลางแม่เข็มหันไปถาม
แต่พ่อเชียรไม่ตอบได้แต่หัวร่อ ฮึๆๆๆแล้วก็ม้วนบุหรี่ม้วนใหม่ซึ่งทำด้วยใบจากและยาตั้งขึ้นมาจุดสูบอีกม้วนหนึ่ง
ถ้าหากพ่อแม่ให้สัญญาเช่นนั้น ผมก็เล่าให้ฟังว่าที่ไปคุยกับคนแปลกหน้านั้นเพราะเหตุใดครับ อันที่จริงนั้นงานที่ผมทำนั้น ไม่ใช่เป็นหัวหน้ายามอะไรหรอก เป็นแค่หน้าฉากบังหน้าหลอกพวกอื่นๆที่ทำงานผิดกฏหมายจ๊ะ ที่แท้จริงแล้วผมทำงานเป็นตำรวจจ๊ะแม่ ชายหนุ่ยเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยเกรงหากใครผ่านมาจะได้ยินเสียงชายหนุ่มเอ่ยพูด....
หาๆๆๆเอ็งเป็นตำรวจหรือไม่เห็นส่งข่าวให้แม่รู้เรื่องเลยล่ะ งานมันเสี่ยงมากนะลูกอันตรายมากเสียด้วย
แม่เข็มชักเป็นห่วงลูก หน้าตาตื่นตระหนกตกใจ ส่วนพ่อเชียรนั่งฟังพลางหัวร่อให้มันเล่าให้จบก่อนซิแม่เข็มนี่....
แล้วเป็นมานานเท่าไหร่ล่ะ นานหรือยังหรือพึ่งจะเข้าเป็นนะ แม่เข็มกล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใยลูกรัก
ผมไปทดลองสอบนักเรียนนายร้อยตำรวจจ๊ะแม่ สอบได้ก็ไปเรียนที่นั่นจนจบ ออกมาก็ทำงานด้านฝ่ายปราบปรามอาศัยเรียนได้ลำดับดีๆหน่อย และมาฝึกยิงปืนก็ได้ที่หนึ่งของห้องพอสำเร็จเขาก็บรรจุให้ทำงานทางด้านนี้
ระหว่างการทำงานได้ผลสำเร็จทุกๆงานจนผู้ใหญ่สนับสนุนเลื่อนขั้นชั้นให้อย่างรวดเร็วจ๊ะแม่.....ผมปราบปรามพวก
ผู้ร้ายเสียราบคามหมด จนกระทั่งข่าวกรองรายงานมาว่าทางด้านนี้เป็นด่านสำคัญ ท่านผู้ใหญ่จึงได้ส่งผมให้มาดูลาดเลา อาศัยผมเป็นคนในพื้นที่ด้วยย่อมชำนาญทางดีจ๊ะแม่......ชายหนุ่มเอ่ยให้แม่ฟัง
เออๆๆ...แล้วตอนนี้ยศเอ็งเป็นอะไรล่ะ????.....แม่เข็มถาม
นิดหน่อยจ๊ะแม่ แค่นายพลเล็กๆเท่านั้นเอง ชายหนุ่มตอบ พลางก้มตัวลงนอนหนุนตักแม่ของเขาด้วยความรัก
หาๆๆๆนายพลตำรวจหรือว่าพลตำรวจว๊ะ แม่ชักสงสัยแล้วล่ะ???....แม่เข็มกล่าวพร้อมหัวร่อ.....
มันจะเป็นพลตำรวจได้อย่างไรจ๊ะแม่เข็ม ในเมื่อมันเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจนี่นา พ่อเชียรเอ่ยขัดขึ้น
แกก็เคยฟังข่าวอยู่บ่อยๆไม่ใช่หรือ พ่อชักรำคาญ???.... ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เล่นเอาแม่เข็มหันมาค้อน....
พี่เชียรก็ฉันฟังสับสนจะไปรู้ได้อย่างไรเห็นข่าวมันบอกนายพล แล้วตำรวจมันก็พลเหมือนกันนี่นา แม่เข็มเอ่ยขึ้น
ฉันไม่พูดกับพี่ล่ะ ถามลูกดีกว่าถ้าอย่างนั้นลูกก็เป็นนายพลตำรวจที่สูงนี่หว่า ไหงบอกว่าเล็กๆไงล่ะ แม่เข็มสงสัย.
ก็แค่นายพลเล็กๆเท่านั้นครับแม่ ไม่ใช่นายพลใหญ่ๆตำแหน่งใหญ่โตนี่นา ชายหนุ่มกล่าว
แล้วนายพลอะไรว๊ะ นายพลเล็กๆนะ แม่เข็มถาม
ผมก็แค่ นายพลตำรวจตรีเท่านั้นเองจ๊ะ พึ่งได้รับการแต่งตั้งมาก่อนจะเดินทางกลับบ้านนี่แหละ ชายหนุ่มตอบ
โอ้โฮๆๆ...ก็ใหญ่กว่าผู้กำกับคนเดิมอีกซิว๊ะ ใช่ไหมลูก???..... แม่เข็มถาม
ที่จริงสถานีตำรวจนี้ปกติยศต่ำกว่านายพลจ๋า แต่คนมันมากขึ้นปกครองลำบาก เขาจึงยกฐานะสถานีให้ใหญ่กว่าเดิม
พร้อมด้วยกำลังพลก็มากอีกด้วย อีกอย่างหนึ่งแถวๆนี้พวกทำผิดกฏหมายมันมีมากจ้าแม่ ตำแหน่งจึงต้องสูงขึ้นตาม
เขาพึ่งเลื่อนสถานีตำรวจนี้เพราะมีการปกครองมากขึ้นด้วยประชาชนมากกว่าเดิมอีกแล้วต้องยังต้องมีการปราบปรม
สิ่งผิดกฏหมายเพิ่มขึ้นเป็นทางผ่านของสิ่งผิดกฏหมายจ้า แล้วพวกมันล้วนแต่มีผู้ใหญ่พรรคการเมืองสนับสนุนอีกด้วยชายหนุ่มตอบ เขาอธิบายให้แม่หายสงสัยทำไมยศจึงใหญ่กว่าผู้กำกับคนเดิมฟัง....
ถ้าอย่างนั้นผู้กำกับสถานีตำรวจคนใหม่ก็คือเอ็งใช่ไหมลูก คราวนี้พ่อเชียรถามบ้าง???...ด้วยความสงสัยตะหงิดๆ
ใช่จ้าพ่อ เด็กที่ชบามันบอกถูกแล้วเขามารายงานการแต่งตั้งและขอความเห็นจากผม แต่ผู้ใหญ่ท่านยังไม่ยอมให้มา
ปรากกฏตัวเองเสียก่อน ชายหนุ่มตอบ
อ้าวๆๆๆถ้าอย่างงั้นตำรวจในโรงพักนายอำเภอผู้ว่าการจังหวัดไม่รู้หรือว่า เมื่อคำสั่งแต่งตั้งมาพร้อมชื่อเอ็งนั้นนะ
เขารู้หมดจ๊ะแม่ ด้วยการประสานงานจากรัฐบาลคัดเลือกคนมาดำรงตำแหน่งแทนคนเก่าจ๊ะ
อ้าวๆๆแล้วนามสกุลมันฟ้องอยู่นะว่า เป็นลูกเต้าเหล่าใคร พ่อเชียรขมวดคิ้วทันที
เรื่องนี้ท่านผู้ใหญ่กว่านายผมเรียกผมไปพบแล้วจ๊ะพ่อ เขาขอให้ผมเปลี่ยนนามสกุลใหม่พร้อมทั้งชื่อด้วยจ๊ะ
เพื่อไม่ให้คนแถวนี้รู้จักผมครับ
แล้วเอ็งทำอย่างไรล่ะ ไม่ให้เสื่อมเสียปู่ย่าตาทวดหรือ???....
อย่างงั้นเอ็งใช้ชื่อนามสกุลอะไรล่ะ พ่อแม่อุทานพร้อมกัน????.....
ผมเองบอกท่านว่า ขอเปลี่ยนแค่นามสกุลเท่านั้นได้ไหม ด้วยชื่อนั้นพ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลดีแล้ว ผมถือมากด้วย
ส่วนนามสกุลไม่เป็นไร ท่านก็ถามว่าถ้าอย่างงั้นก็ได้แต่นามสกุลล่ะผมต้องการจะใช้นามสกุลอะไรล่ะ.....
ผมก็ตอบท่านไปว่า ก่อนผมนามสกุลโคกสกุล ขอเป็นวิเชียรเข็มสกุล จะได้ไหมครับ ท่านก็กล่าวว่าเออดีเหมือน
กันเอ็งนี้กตัญญูจริงๆนะ พลางหัวร่อแล้วตบไหล่ผม พลางหันไปหานายผมเจรจากันสักครู่หนึ่งจึงหันมาทางผม
งั้นรีบไปเปลี่ยนซะแต่ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องไปหรอกเดี๋ยวจะให้คนแจ้งไปผู้ว่าให้นายอำเภอคนใหม่จัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนไม่ต้องไปเอาใบทะเบียนบ้านมา ผ่านกำนันให้ทำวันหลังก็ได้
ตอนนี้ให้ทำเป็นการภายในก่อนท่านว่าดังนี้จ๊ะ แล้วสั่งให้คนไปเรียกผู้ว่าคนใหม่มาสั่งงงานพร้อมกับนายอำเภอ
และผู้ใหญ่ของผมพร้อมทั้งเซ็นต์คำสั่งแต่งตั้งมาให้จ๊ะ ชายหนุ่มตอบพ่อแม่เขาให้ทราบ
คราวนี้ทั้งพ่อเชียรแม่เข็มหน้าบานตะทัยไปเลย หัวร่อลั่น พลางชมว่าแสดงว่าผู้ใหญ่ที่ว่านั้นคงเชื่อใจเอ็งมาก
นักถึงได้ทำแบบนี้ นี่อายุก็ไม่เท่าไหร่เพียงย่างเข้าสี่สิบไม่เท่าไหร่เลยนี่นา แล้วพลางเข้าไปกอดชายหนุ่มกล่าวว่า
เออๆๆๆเอ็งเก่งช่างเป็นลูกกตัญญูจริงๆนะ เอาชื่อพ่อกับแม่และนามสกุลเดิมเป็นนามสกุลใหม่
สมกับเป็นลูกข้าจริงๆแม่เข็มกล่าว???....
เฮ้ย!!!!....มีชื่อข้าด้วยนะแม่เข็ม พูดแล้วหัวร่อ แถมยังมีชื่อปู่มันอีกด้วย ฮ่าๆๆๆ พ่อเชียรหัวร่อลั่น
แต่พ่อให้สัญญาผมแล้วนาว่าจะไม่บอกใครๆทั้งสิ้นแม้แต่กำนันนะพ่อ......ชายหนุ่มกล่าว
มิฉะนั้นผมกับพ่อแม่แย่แน่ๆ ชายหนุ่มเอ่ย
เออๆน่าข้ากับแม่เอ็งรู้ดีอยู่หรอกว่าอะไรเป็นอะไร อันที่จริงพ่อก็พอจะรู้แต่เรื่องยศฐานั้นมองไม่ออกว๊ะ....
ไม่คิดว่าเอ็งจะก้าวหน้าเร็วปานนี้ทั้งๆที่ยังเป็นหนุ่มเป็นแน่น ซึ่งข้ารู้ว่าการเป็นนายพลนั้นมักจะอายุเกินห้าสิบไป
แต่นี่เองย่างเข้าสี่สิบเท่านั้นเองเป็นถึงนายพลไปเสียแล้ว ตระกูลเราจะได้มีหน้ามีตากับเขาบ้าง
แต่ตอนนี้มันอันตรายมากนะแม่และพ่อ ต้องให้เรื่องมันเรียบร้อยเสียก่อนจ๊ะ
ผมถึงไม่กล้าบอกตั้งแต่แรกกลัวจะเดือดร้อนมาถึงพ่อกับแม่จ๊ะ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบา...
เอ็งไม่ต้องกลัวหรอก กลัวแต่เอ็งเท่านั้นเองยิ่งเป็นลูกชายคนเดียว พ่อแม่ก็มีเอ็งคนเดียวเท่านั้นแหละว๊ะ!!!!....
สบายใจแล้วล่ะซิแม่เข็ม รู้เรื่องหมดแล้ว มาๆๆไปไร่ทำงานกันดีกว่าทางนี้ปล่อยให้เจ้าโชติมันอยู่ศึกษาวิชา
จ้าสบายใจแล้วหน้ายังใหญ่อีกด้วยซีพี่เชียร แม่เข็มหัวร่อร่า เสียงดังเอิกๆอั้กๆ.........
ไปๆๆๆพี่เชียรไปไร่กันได้แล้วล่ะ แล้วอย่าปากพล่อยไปเสียล่ะลูกเราจะเสียหาย???...แม่เข็มกล่าว
เออๆน่าข้ารู้ ว่าแต่ข้าแกเองก็ระหวังเหมือนกันด้วยนะ ให้ทำตัวอย่างไรก็ให้ทำตัวอย่างนั้นอย่าวางกล้ามเสียล่ะ
ข้ารักลูกข้ามากจะให้ข้าทำให้มันเสียได้อย่างไร พี่เชียรนี่พูดแบบนี้จำความหลังไม่ได้หรือ พลางหัวร่อ ฮึๆๆ
น่าฉันกลัวแล้วจ้าแม่เข็ม ไม่เอาแล้วเข็ดแล้วจริงๆ แม่เข็มว่าไงข้าก็ว่าตามแหละ....
คราวนี้แม่เข็มหัวร่อลั่น หากพ่อข้าไม่มอบวิชาป่านนี้ไม่รู้ว่าลูกเต็มหมู่บ้านไปแล้วล่ะ ดีนะข้าแก้ได้ทุกๆข้อวิชา
ของพี่นะ พี่เองก็ไม่ใช่เล่น แหม๋ๆๆพอเผลอหน่อยใช้วิชาผูกจิตพวกมัน ตบคราวที่แล้วยังจำได้อยู่หรือเปล่าล่ะ
พอๆๆเถอะแม่เข็ม อายลูกมันนะ ไปล่ะไปกันเดี๋ยวจะสายนะ พ่อเชียรกล่าวขึ้น
ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง สงสัยตอนหนุ่มๆพ่อคงเจ้าชู้ไม่ใช่เล่นวิชาที่มอบให้เขาเรียน ก็มีวิชาดังกล่าวอยู่ด้วยแต่
เขาไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่นัก ลำพังแค่ตำแหน่งเขาแทบจะหลีกแทบไม่ทันต้องรีบขออนุญาตผู้ใหญ่ย้ายกลับบ้าน
อ้อนวอนแทบตาย ต้องขอร้องว่าอย่าบอกว่าย้ายไปไหนด้วยซิ มิฉะนั้นแม่ตามมาแน่ๆเลย ด้วยนิสัยเขาไม่ค่อย
จะเจ้าชู้นัก ชอบการเป็นโสดอยู่คนเดียวไม่อยากให้ใครมารบกวนใจเขา และอีกอย่างงานเขาก็ไม่อยากจะให้
พวกหล่อนมาจุ้นจ้านด้วย จะตายวันตายพรุ่งเขาก็ยังไม่รู้เลยด้วยหน้าที่เขาทั้งสายสืบและปราบปรามด้วยยิ่งแล้ว
ใหญ่อันตรายมาก ไม่อยากจะห่วงหน้าพะวงหลัง เขาคิดมาตั้งแต่สมัยเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจแล้ว ว่าจะขอ
ทำงานอย่างเดียว และเขาก็ปฏิบัติตามสัญญาในใจด้วย
หลังจากเขาไปส่งพ่อแม่หน้ารั้วบ้านแล้วก็รีบหันหลังกลับเข้าห้องทันที พร้อมเรียกเจ้าหุ่นมาสอบถามเรื่องราวซึ่งตอนแรก เขารอเจ้าหุ่นอยู่พอมันกลับมาจะรายงานเขา ได้ยินเสียงพ่อแม่คุยกันเรื่องของเขาจึงบอกให้หุ่นกลับไปที่พักผ่อนกันพรุ่งนี้จะค่อยมาถาม เห็นเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยข้าก็สบายใจแล้ว เนื้อตัวไม่มีอะไร
ข้าแสนจะดีใจ
ครั้นหุ่นปรากฏร่างพลางก้มลงกราบ เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยก็รายงานว่า ได้ไปต่อสู้กับพวกผีป่าที่กำลังจะนำ
พวกตำรวจให้เดินทางไปที่อื่น แต่พวกผมได้กำหราบมันจนยินยอมเป็นพวกและยังใช้มันให้ช่วยเหลืออีกทีหนึ่งจ๊ะ
ส่วนผมก็บอกพวกมันให้ไปยังที่อาจารย์แนะนำพวกของอาจารย์ พวกผมอดเป็นห่วงติดตามไปแต่ไม่ปรากฏตัว
จึงทราบแผนการต่างๆของอาจารย์จากพวกตำรวจที่มันพูดกันถึงจะได้รู้ว่าเป็นอาจารย์สั่งมาครับ หุ่นทั้งสองบอก
และมาปรึกษากันว่าเห็นที่เราจะมีอาจารย์ที่ถูกต้องเสียทีจะได้ช่วยชาติสร้างกุศลถ่ายทอดหนักให้เป็นเบาได้
ก็คราวนี้แหละครับอาจารย์ ครั้นนำทางพวกตำรวจไปและส่งข่าวให้ผู้กองทราบ ก็เกิดการต่อสู้กันใหญ่
พวกผมเองก็ใช้อาคมที่อาจารย์สอนกำบังร่างตำรวจ และสร้างภาพจำลองหลอกพวกมันให้ยิงต้นไม้จ้า
ทางตำรวจไม่มีใครบาดเจ็บเลยสักคน แต่ทางมันตายเสียเกือบหมด ถูกจับได้ไปเจ็ดแปดคนเห็นจะได้
ส่วนพวกไอ้ลูกกำนันมั่นนั้น มันหนีไปได้ด้วยผมจะไปจัดการก็เกรงบาปดังที่อาจารย์สอนไว้
อีกอย่างหนึ่งมันยังดวงมันยังไม่ถึงฆาตด้วยจึงหลบสายตาพวกตำรวจมาได้ ครั้นจะลงมือเองก็กลัวบาปกรรมด้วย
เลยปล่อยพวกมันไป เมื่อมันไปรายงานก็จะคงเกิดเรื่องทะเลาะกันเองแหละครับอาจารย์
เออดีแล้วล่ะเจ้าแสงสีสินชัยเอ๋ย ช่วยเหลือชาวบ้านที่หลงยาบ้าก็ได้กุศลผลบุญมากนักเขาจะได้เป็นคนดีเสียบ้าง
และยิ่งช่วยกำบังพวกตำรวจไว้ก็กุศลเช่นเดียวกัน แต่เจ้ามิได้ไปฆ่ามันนี่นา ฉะนั้นกุศลจะได้รับอย่างเดียวช่วยเหลือ
คนดีปราบคนชั่ว แล้วพวกเจ้าติดตามตำรวจนำผู้ที่ถูกจับได้ไปที่ใดบ้างหรือไม่ล่ะ???....ชายหนุ่มถาม
ไปครับอาจารย์ เห็นผู้กองเขานำพวกนี้ไปที่รถแต่ไม่ใช่รถตำรวจในที่นี้ แต่เป็นรถบรรทุกคลุมประทุน ข้าเข้าไป
ดูในประทุนเห็นมีตำรวจรู้เพียงกางเกงที่เหมือนตำรวจทั่วไปใส่เสื้อคอกลมเท่านั้น เขานำขึ้นรถไปพร้อมตีตรวนที่ขา
พวกมันอีกผูกติดกับขาเก้าอี้อีกชั้นหนึ่ง มือใส่กุญแจมือ พวกข้าสงสัยก็เลยติดตามนึกว่านำไปที่สถานีตำรวจในเมือง
แต่ไม่ใช่อาจารย์รถคันนั้นเดินทางมึ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯทันทีเลยล่ะ ไม่รู้พาไปไหนข้าก็เลยกลับเห็นว่านานมากแล้วกลัวอาจารย์จะเป็นห่วง หุ่นทั้งสองกล่าว ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าพวกที่ถูกจับได้ถูกส่งไปไหน
แต่ไม่กล่าวว่าอะไร แล้วทางผู้กองกับพวกในโรงพักล่ะเอ็งทราบไหม ทราบครับอาจารย์เห็นผู้กองแวะ
ไปร้านอาหารกับพวกแล้วทานเหล้าต่างแกล้งสักพักหนึ่ง คนในร้านยังทักว่าดึกๆอย่างนี้ยังไม่เลิกอีกหรือ เขาจึง
ทำเป็นเมา เดินเซซ้ายเซขวาขึ้นไปบนโรงพัก ซ้ำยังชวนพวกตำรวจให้มากินเหล้าด้วยกันรวมทั้งจ่าเจียมด้วยล่ะ
เขาหัวร่อลั่น จนหุ่นมันสงสัยถามว่า อะไรหรืออาจารย์???? อีกหน่อยเอ็งก็จะรู้ว๊ะ ว่าอาจารย์เอ็งเป็นใครกัน
ตอนนี้เอ็งกินข้าวเสร็จหรือยังล่ะ ชายหนุ่มถาม.....
เสร็จเรียบร้อยแล้วอาจารย์ที่เอามาให้ข้าและนายสาวทั้งสองด้วยล่ะ นายสาวทั้งสองยังถามว่าอาจารย์ใช้ให้ไปทำ
อะไรหรือ ข้าก็บอกไปหมดด้วยรู้ว่าบอกไม่บอกมีค่าเท่ากันจ๊ะอาจารย์ ชายหนุ่มหัวร่อเออช่างเถอะไปพักผ่อนนอน
ได้แล้วล่ะ หากจำเป็นอีกข้าจะเรียกพวกเจ้าเอง
พลางนึกว่าทำไมจะไม่รู้ด้วยนางทั้งสองเดี๋ยวนี้หญิงสาวอ้อยเป็นอทิสมานกายไปแล้วส่วนแม่นางคนสวยนั้นเป็น
ถึงลูกผู้เป็นใหญ่มีฤทธิ์เดชมากมาย ตามที่เขานั่งสมาธืด้วยการถอดจิตออกไปตามนางจึงทราบเหตุการณ์หมด
นี่หากเขาไม่ได้ร่ำเรียนวิชาจากหลวงพ่อทองและพ่อแม่และอาจารเลื่อมที่สอนวิชาถอดจิตวิญญาณแล้ว
งานนี้เห็นทีจะยากจะสำเร็จรู้ได้โดยง่าย พลางก้มลงกราบรำลึกถึงคุณพ่อแม่หลวงพ่อทองอาจารย์เลื่อมท่าน
ที่เมตตาอบรมสั่งสอนและมอบวิชาการต่างให้เขาฝึกฝนจนสำเร็จ เขาทำงานด้านนี้ควรจะรู้ไว้บ้างก็จะดีด้วยต้อง
ผ่านศึกสงครามนานาชนิด หากไม่มีวิชชาอาคมเป็นตำรวจธรรมดาคงจะยากในการจับกุม หากพวกนั้นมันมี
คนดีแก่กล้าอาคมอย่างเช่นอาจารย์ดำแล้ว ดีนะที่อาจารย์ดำมันเอาแต่มัวเราตัณหาการมรมณ์วิชามันถึงเสื่อมเร็ว
เขาเดินไปสวดมนต์ไหว้พระแล้วครั้นเสร็จเรียบร้อย หันไปยิ้มกับหญิงสาวทั้งสองทันที เห็นนางยิ้มให้ เมื่อ
เดินออกจากนอกห้อง ก็เห็นแม่ชบาตัวดีกับเจ้าแกละนั่งอยู่พลางหันมามองเขา แล้วยกมือไหว้ขอโทษที่หล่อน
ต้องรายงานให้แม่เข็มทราบ
ด้วยเป็นหน้าที่ของหล่อนและเจ้าแกละ อย่าโกรธเคืองเธอและเจ้าแกละเลย........
ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆ.... แล้วกล่าวว่าไม่เป็นไรหรอกเราพวกเดียวกันหน้าที่ใครหน้าที่มัน
ฉันเองไม่ถือสาอะไรหรอกจ้า ชายหนุ่มกล่าว นางชบาหันมายิ้มด้วยนัยน์ตาเชื่อมผิดปกติ
แต่เขาไม่สนใจนัก ก้าวเดินลงบันไดไป ด้วยทราบว่าสักครู่จะมีรายงานมาอีก
แล้วหันไปสั่งทางหญิงสาวและเจ้าแกละว่าไม่ต้องไปบอกแม่อีกแล้วนะ...... หญิงสาวชบาพร้อมเจ้าแกละรับคำ.....
* แก้วประเสริฐ. *
19 พฤศจิกายน 2553 20:00 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๑๖
หลังจากไอ้แม้นลงบันไดมา ก็รีบไปหาพวกมันพลางกล่าวขึ้นว่า....
เฮ้ยๆๆ....ไอ้สน ไอ้เบี้ยว คืนนี้มึงเตรียมตัวได้แล้วมีงานเข้าแล้วโว้ย???... ส่วนไอ้สนให้รีบไปตามพรรคพวกเก่าๆ
ที่เคยทำงานมา ให้เตรียมอาวุธให้พร้อม เที่ยงคืนนี้ก็จะต้องออกไปทำงานกันแล้วล่ะ???.... มันกล่าวพลางเดินมา
นั่งยังแคร่ใต้ต้นไม้ พลางหยิบแก้วเหล้าที่ไอ้เบี้ยวรีบรินส่งมาให้ทันที พร้อมถามว่างานเร่งด่วนหรือไอ้แม้น???....
เออ!!!!!......เออๆว๊ะ มึงก็เตรียมตัวไว้ให้พร้อมด้วยก็แล้วกัน
แล้วพวกฉันจะให้ช่วยอะไรได้บ้างล่ะ???....ด้านทางหญิงสาวเอ่ยขึ้น??...
ไม่ต้องหรอกมึงจะคอยหรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะต้องไปหลายๆวันหน่อยนะ ไว้คอยพวกกูกลับมาก่อนหรือมึง
จะกลับไปบ้านหรือมานั่งแดกเหล้าที่นี่ก็ได้ โน่นเหล้าอยู่ในห้องเก็บของข้างบนนะ ส่วนอาหารมึงก็ทำกันเองแหละ
ถึงมึงไปก็ช่วยอะไรไม่ได้โว้ย ไอ้แม้นกล่าวตอบ...
ไม่แน่นะพี่พวกฉันยิงปืนเป็นทุกๆคนแหละ บางทีอาจจะช่วยพวกพี่ได้บ้าง???.... พวกหล่อนกล่าว
เออๆๆ!!!!.....จริงซินะ แต่ว่ามึงอย่าไปดีกว่า อีกอย่างหนึ่งพวกฝั่งโน้นมันพวกกระหายเสียด้วยซิกูว่า
ทางก็ลำบากผ่านป่าเขาขึ้นๆลงต้องหาทางไปยังเขาพนมดงรักลงเขาไปอีกตั้งไกลผ่านป่าอีกไม่ใช่ถิ่นเราด้วย
อีกอย่างงานมันอันตรายมากว่าจะรีบไปกลับ และส่งมอบเงินและของกันต้องคอยตรวจสอบว่ามันเกรดอย่างไร
และต้อง คอยคุมเชิงกันและกันหากตกลงกันไม่ได้ อาจจะมีปัญหาและต้องใช้ความรวดเร็วด้วย???....... มันกล่าว
ตามใจพี่แล้วพี่คิดว่าใช้เวลาสักเท่าไหร่ล่ะ???.....พวกข้าจะได้เตรียมอาหารคอยไว้ต้อนรับฉลองกัน อีลัดดาเอ่ย
งั้นพวกมึงก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถอะว๊ะ ฮ่าๆๆๆช่วยผ่อนคลายอารมณ์บ้างก็ดี กล่าวพลางก็หัวร่อลั่น
เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกพี่แม้น ปกติก็ช่วยสนุกกันอยู่แล้วนี่นา อีพลอยเอ่ยขึ้นบ้าง
แล้วมันก็หันไปทางไอ้สนทันที
มีงรีบไปได้เลยไอ้สน ไปตามพวกเราสักประมาณ สามสี่สิบคนก็ได้ให้เตรียมอาวุธให้พร้อม เรื่องแบบนี้ไม่มี
ใครไว้ใจกันได้หรอก อย่างมากก็ยิงกันเท่านั้นเองแหละว๊ะ??...แต่พวกเราก็ผ่านศึกเหล่านี้มามากๆกันแล้ว
ไอ้แม้นกล่าว พลางหันไปดื่มเหล้าจนหมดแก้วทันที พร้อมทั้งหันไปมองทางไอ้สนที่กำลังแดกเหล้าอยู่ เหมือนจะ
เตือนมันคอยรอดูกิริยาไอ้สนเพื่อนมัน.....
เออๆๆๆ......กูจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละเพราะต้องไปตามมันหลายบ้านแต่ละบ้านก็ห่างไกลกันเสียด้วย....ไอ้สนเอ่ย
งั้นมึงแดกแก้วนี่เสร็จก็ไปได้แล้วล่ะ....แล้วให้มันไปรวมตัวกันที่นี่ก็แล้วกันนะบอกให้มันทะยอยกันมา ......
เออๆๆ....กูไปล่ะ กล่าวแล้วมันก็รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านทันที
เพียงเวลาผ่านไปไม่นานนัก เสียงเหล่ามอเตอร์ไซค์และรถยนต์กะบะกำลังแล่นมา เสียงที่ได้ยินก็ใกล้เข้ามา
แล่นผ่านรั้วมาถึง เป็นร่างชายฉกรรจ์ทั้งสิ้นตามตัวเต็มไปด้วยรอยสักยันต์ต่างๆ ใบหน้าทุกๆคนล้วนเหี้ยมเกรียม
ทั้งสิ้น ต่างพาจอดรถยังอีกแห่งหนึ่งข้างๆด้านในประตูรั้ว พวกมันพากันลงจากรถ ในระกะบะก็กระโดดลงมา
ไอ้สนเดินนำหน้าพาพวกมันมาหาไอ้แม้นทันที บรรดาพวกที่มาต่างยกมือขึ้นไหว้ไอ้แม้นกันทุกๆคน
ไอ้แม้นหัวร่อลั่น....สั่งให้บรรดาสาวๆไปนำเหล้าที่บนบ้านและหาอาหารแก้วโซดาน้ำแข็งมาพร้อมเสื่อมาให้
หลายๆผืน แล้วนำให้ไปปูยังใต้ถุนบ้าน เพื่อเลี้ยงดูพวกมาใหม่ทันที บรรดาสาวๆได้ยินต่างรีบกุลีกุจอทำหน้าที่
ทันที ไอ้สนก็รายงานว่า ได้คนไม่ครบว๊ะไอ้แม้นประมาณยี่สิบกว่าคน เห็นจะต้องไปเอาคนที่หมู่บ้านบางโคและ
หมู่บ้านโคกยายหอยเพิ่มเติมอีกแล้วว๊ะ เดี๋ยวกูจะให้อ้ายแช่มและให้อ้ายอ๊อดมันเดินทางไปบอกกำนันให้เตรียมคนไว้
ก่อนว๊ะ แต่ให้มันแดกเหล้าและข้าวก่อนนี้ก็เย็นเกือบจะมืดแล้วล่ะว๊ะ???....ไอ้สนกล่าวกับไอ้แม้น
เออๆๆ!!!!....ได้เท่านี้ก็ดีแล้วล่ะว๊ะ พวกที่เหลือสงสัยมันจะไปในเมืองกันว๊ะ บอกให้ไอ้แช่มกับไอ้อ๊อดมันรีบไปให้รีบแดกๆก็แล้วกันนะ
ไอ้แช่มกับไอ้อ๊อดก็กล่าวว่า ไม่เป็นไรพี่แม้น เดี๋ยวสักพักข้าจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วยมันจะได้เร็วๆไปถึงก็คง
คงไม่มืดเท่าไหร่หรอก กำนันทางโน้นก็คงจะหาได้ครบหรือกว่าจ๊ะ
พอบรรดาสาวๆทำหน้าที่เสร็จก็เดินมาหาไอ้แม้นทันที ไอ้แม้นพลางกล่าวว่า
เฮ้ยๆๆๆ....พวกเราไปกินกันได้แล้วโว้ย เที่ยงคืนนี้จะได้ออกเดินทางมึงเตรียมอาวุธมาครบหรือเปล่าล่ะ????.....
เรียบร้อยจ๊ะพี่ อาวุธอยู่ที่รถแหละไม่ได้นำลงมา
เออดีๆๆ งั้นรีบไปกินกันให้สบายอารมณ์ กูคิดว่ามันคงจะเหมือนเดิมแหละว้า!!!!...ไอ้แม้นกล่าว ส่วนไอ้
แช่มก้บไอ้อ๊อดมึงรีบๆกินแล้วก็ไป กลับมาสำเร็จกูก็จะฉลองทั้งคืนแหละโว้ยไม่ต้องห่วงหรอก....ไอ้แม้นตอบ
จ๊ะพี่แม้น กล่าวจบพวกมันก็ส่งเสียงเฮฮากันหลังจากดื่มเหล้าเข้าไปสักพักหนึ่ง เสียงนั้นดั่งลั่นไปทั่วบ้านจน
กำนันมั่นก็ออกยืนมองดูการทำงานของลูกชายมันแล้วก็เดินเข้าไปข้างใน ด้วยมันเชื่อมั่นในฝีมือของลูกมัน
เสมอ ด้วยไม่เคยพลาดทำงานมาก็หลายๆครั้งแล้วสำเร็จทุกครั้ง มันหัวร่อฮึๆๆแล้วก็หายไปในบ้านทันที.....
ส่วนบรรดาลูกน้องไอ้แม้นตลอดจนตัวมันและพวกที่มาก็ต่างกันส่งเสียงเย้าแหย่กันอย่างสนุกสนานร้องเพลงรื่นเริง
พอได้เวลาสมควรใกล้ๆจะเย็นมาก ไอ้แช่มกับไอ้อ๊อดก็เดินเข้ามาแล้วกล่าวกับไอ้แม้นว่า......
พี่แม้นข้าทั้งสองไปทำงานก่อนนะ แล้วจะคอยอยู่ที่นั่นแหละไม่กลับมาเพื่อรวบรวมพรรคพวกไว้....มันกล่าว
เออๆ....ดีแล้วล่ะ เมื่อได้เวลาทางนี้ข้าก็จะรีบไปบางทีอาจจะก่อนเที่ยงคืนอาจจะไปพบมึงทั้งสองที่บ้านกำนัน
แล้วก็จะออกเดินทางกันไปเลย ด้วยระยะทางกันดารมาก อีกอย่างให้เตรียมคบไฟไปด้วยก็แล้วกัน ไอ้แม้นเอ่ยขึ้น
เสียงรถมอเตอร์ไซค์สองเครื่องสตาร์ทแล้วก็แล่นออกไปจากบ้าน สักพักเสียงนั้นก็หายไปหมด เหลือแต่พวก
ที่เหลือยังนั่งกินเหล้าส่งเสียงเฮฮา เหมือนว่างานที่จะทำนี้ไม่มีอะไรเลย หรือว่ามันเชื่อมั่นว่าคงจะมีเหตุการณ์เหมือน
เดิม เมื่อได้เวลาพอสมควรก่อนเที่ยงคืน ไอ้แม้นก็กล่าวว่า
เฮ้ยๆๆๆพวกเราไปกันได้แล้วโว้ย!!!!!.....เอารถมอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้ที่นี่เอารถกะบะไปสักสี่ห้าคันไว้ใส่ของด้วย
พร้อมทั้งของแบกหามใส่ไปรถไปด้วย ด้วยต้องเดินเท้าเหมือนเดิมแหละว๊ะ.....ไอ้แม้นกล่าว แล้วหันไปทางสาวๆ
เอ็งอยู่ทางนี้ก็เก็บของให้ด้วยก็แล้วกัน พวกกูไปกันล่ะ....
ไปเถอะพี่ไม่ต้องห่วง บางทีใกล้ๆจะได้จัดเตรียมอาหารคอยไว้ด้วย เวลากลับมาจะได้มากินกัน พวกสาวๆตอบ
เออๆดีแล้วล่ะ....คงไปไม่เกินสามสี่วันแหละว๊ะ....ไอ้แม้นกล่าว
แล้วเสียงระยนต์กระบะก็บรรทุกบรรดาชายฉกรรจ์ทั้งหมดออกเดินทางหลังจากที่ไอ้แม้นมันขึ้นไปบอกพ่อมัน
พร้อมนำเงินลงมาถุงใหญ่ๆ แบกขึ้นไปยังรถคันหน้า มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านทั้งสองทันที ส่วนกำนันบ้านบางโคซึ่ง
รถยนต์ที่บรรทุกชายทั้งหมดมาถึง ไอ้แช่มก็ออกมาต้อนรับพร้อมกำนันบ้านพร้อมด้วยชายฉกรรจ์อีกสิบคนเห็นจะ
ได้ ไอ้แม้นก็ยกมือไหว้กำนัน พร้อมรับไหว้พวกๆของกำนัน บอกว่าจะต้องรีบไปไม่รอกินข้าวที่กำนันเชิญไว้
เพียงแต่กินเหล้าที่พวกกำนันนั่งกินรอคอยหมดแก้วเท่านั้น แล้วทั้งหมดก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านโคกยายหอย
ทันที กำนันหมู่บ้านบางโคก็ให้พวกเอารถกะบะไปอีกสามคันพร้อมเครื่องมือต่างๆและอาวุธไปด้วย
รถก็ออกเดินทางไปยังบ้านกำนันโคกยายหอย ครั้นถึง ไอ้อ๊อดกับกำนันก็ออกมาต้อนรับเช่นเคยเมื่อครบ
ถ้วนแล้วประมาณคนก็พอๆกับบ้านบางโค ทั้งหมดก็ออกเดินทางเข้าสู่ภูเขาพนมดงรัก รถทั้งหมดเกือบสิบคัน
คันเร่งเครื่องในค่ำคืนเสียงจึงดังลั่นสนั่นไปทั่วทำให้บรรดาสัตว์น้อยใหญ่แตกตื่น พวกดูแลป่าไม้ครั้นเห็นดังนั้นก็
ออกมา พอเห็นเป็นพวกไอ้แม้น ก็เลยโบกมือต้อนรับ ไอ้แม้นก็กล่าวว่าขอฝากรถทั้งหมดไว้ก่อนขากลับจะมาเอา
และให้พวกนำรถทั้งหมดไปจอดไว้ริมทางอันเป็นลานกว้างๆพอสมควร แล้วพวกมันทั้งหมดก็ออกเดินทางลัดเลาะ
ไปตามเขา พวกป่าไม้ก็บอกว่าไม่เป็นไรจะดูแลรถให้ไม่ต้องห่วงหรอก
เมื่อพวกมันเดินทางมาข้ามภูเขาลัดเลาะไปตามเส้นทางสู่ยังริมแม่น้ำโขงแล้ว ก็สั่งให้กระจายกำลังออกเพื่อคุมเชิง หาที่กำบังซ่อนตนไว้ เหลือแต่พวกมันไม่กี่คน มีไอ้แม้น ไอ้สน ไอ้เบี้ยว ไอ้แช่ม ไอ้อ๊อด อ้ายเชี่ยวบ้านบางโค
กับไอ้หลอดบ้านโคกยายหอยเท่านั้น ที่จับกลุ่มไว้
ไอ้แม้นกับไอ้สนออกเดินสำรวจหนทางต่างๆจนพอใจแล้วก็กับมานั่งรอพวกส่งของ ประมาณสักครู่ใหญ่ก็
เห็นสัญญาณไฟส่งมา ทางไอ้สนก็ให้สัญญาณไฟตอบรับ แล้วพวกทางโน้นก็ให้คนแบกของมาเพื่อส่ง ไอ้แม้นก็
เข้าไปเจรจาเรื่องของกัน พร้อมทั้งนำของมาตรวจสอบให้แน่ใจ นับจำนวนจนครบแล้วก็ส่งเงินให้ทางโน้นนับดู ซึ่ง
ทางโน้นในขณะนับเงินอยู่ ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นทันที...........
หุ่นที่ชายหนุ่มส่งมาก็ป้องกันพวกผีต่างๆซึ่งจะทำให้พวกของตำรวจเดินผิดทางนั้น และยังใช้ให้พวกผีป่า
ทั้งหลายออกมาช่วยนำตำรวจที่ต่างแยกย้ายกันให้เดินมาถูกทาง และทั้งตัวหุ่นทั้งสองก็แยกย้ายกันไปนำทางให้
พวกตำรวจทั้งหลายเดินทางมาด้วย สลับไปตรวจตราพวกผีทั้งหลายด้วย จนทั้งหมดมารวมตัวกันเป็นกลุ่มได้ครบสิ้น
ครั้นมาถึงหัวหน้าพวกตำรวจจึงได้ปรากฏกายเป็นชายหนุ่มหันไปทางผู้กองว่าเป็นคนของชายหนุ่ม
ที่อยู่บ้านพ่อเชียรหมู่บ้านโคกอีแร้งใช้ให้มา ทางผู้กองรู้ว่าเป็นใครแล้ว ผู้กองก็ถามว่าหนุ่มที่ให้มานั้นพลันย้อนถามว่า
ชายหนุ่มดังกล่าวนั้นได้บอกอะไรไว้หรือเปล่า หุ่นทั้งสองยิ้มพลางส่งกระแสจิตไปยังชายหนุ่มทันทีก็ทราบจึง
กล่าวโค๊ตซึ่งมันรู้จากอาจารย์มันทางจิตแล้วจึงบอกโค๊ตนั้นไป ผู้กองถามว่าทำไมไม่มีอาวุธอะไรหรือ มันทั้งสองยกมีดซึ่งดูคล้ายกริชว่ามีเพียงแค่นี้ก็พอแล้วล่ะนอกนั้นใช้ไม่เป็น
ผู้กองก็ให้มันทั้งสองไปอยู่ด้านหลังเพื่อความปลอดภัยด้วยนึกว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาที่หัวหน้าเขาไว้วางใจเท่านั้น
แต่มันบอกว่าไม่เป็นไรหรอกอาวุธอื่นทำอะไรมันไม่ได้ มันเป็นพวกพรานแถวๆนี้จะขอไปดูลาดเลาก่อน ผู้กอง
ก็อนุญาตให้มันล่วงหน้าไปก่อน เมื่อมันกลับมาแล้วแจ้งแก่ผู้กองว่า บัดนี้พวกนั้นได้กำลังเจรจากันอยู่ขอให้ผู้กอง
ดำเนินการได้แล้ว เมื่อผู้กองทราบจากหุ่นทั้งสองแล้วซึ่งเขาเองไม่รู้นึกว่าเป็นพรานป่า ดังนั้นจึงรีบนำทางให้ตำรวจ
พร้อมออกเดินทางนำหน้าเหล่าตำรวจที่แต่งกายเป็นชาวบ้านต่างผูกแขนด้วยผ้าสีเขียวทั้งสิ้น นับได้ประมาณ
เกือบร้อยคน ผู้กองแบ่งกำลังออกเป็นสี่หน่วย ให้แยกย้ายกระจายไป ด้วยผู้กองออกมาสำรวจเรียบร้อยแล้วตาม
แผนผังที่ชายหนุ่มให้ไว้ก่อนหมดสิ้นรู้หนทางพร้อมตำรวจที่ติดตามมา ไปแจ้งแก่ตำรวจอื่นๆให้ทราบด้วย
พร้อมทั้งมอบแผนที่หนทางต่างๆไว้ให้แก่ทุกๆคนติดตัว
เมื่อวางกำลังไว้ตามจุดต่างๆ สองกลุ่มแรกเข้าโจมตี ส่วนสองกลุ่มหลังวางกำลังไว้สนันสนุนและคอยจับกุม
พวกที่หนีไปทางลัดนั้นไว้ หากได้ยินสัญญาณจากเขา
ดังนั้นตำรวจในคราบชาวบ้านได้แยกย้ายต่างกระจายกำลังออกตามคำสั่งทันทีเมื่อผู้กองซึ่งแอบดูอยู่มองเห็น
ฝ่ายโน้นส่งของเรียบร้อยกำลังนับเงินอยู่ ก็ส่งสัญญาณให้สองกลุ่มแรกเข้าจับกุมทันที
พลางประกาศว่า นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้วางอาวุธและสิ่งของไว้หมดอย่าขัดขืนการจับกุมแต่โดยดียกมือขึ้นเหนือศีรษะ
ทางโน้นขณะนับเงินต่างหันไปมองทางเสียงเห็นเงาตะคุ่มๆได้ยินเสียงเป็นตำรวจจึงนำเงินทั้งหมดไม่นับลงใน
กระเป๋าพลางกล่าวว่า......
ไอ้แม้นมึงหักหลังพวกกูหรือ????...
ไอ้แม้นพลันกล่าวว่า กูทำงานกับพวกมึงมานานจะไปหักหลังพวกมึงได้อย่างไร พูดแล้วพลางบอกให้บรรดาพรรค
พวกยิงไปยังพวกตำรวจทันที คราวนี้พวกฝั่งโน่นเชื่อแล้วว่าไอ้แม้นไม่ได้หักหลังพวกมันจึง สั่งให้พวกมันช่วยยิงไป
ยังเงาตะคุ่มๆที่เห็นด้วย เสียงปืนดังระงมไปทั่วๆ บรรดาพวกไอ้แม้นที่กระจายกำลังออกก็ระดมยิ่งใส่พวกตำรวจ
ทันทีพร้อมด้วยพวกทางฝั่งโน้น ซึ่งมีพวกทหารฝั่งโน่นร่วมด้วย จริงดังผู้กองกล่าวไม่ผิด
ทันใดนั้นเสียงพลุดังลั่น พุ่งไปบนท้องฟ้า บริเวณพวกกลุ่มฝ่ายโน้นและฝ่ายไอ้แม้นสว่างจ้าราวกับกลางวัน
แสงสว่างส่องไปทั้งบริเวณที่ส่งของและพรรคพวกทั้งสองฝ่ายที่ซื้อขายของกัน แม้แต่พวกที่กระจายซ่อนหลังต้นไม้
ก็ยังพอมองแลเห็น เสียงร้องโหยหวนโอดครวญดังมาจากฝ่ายฝั่งโน่นและฝ่ายเจ้าแม้นต่างล้มตายกันเกือบหมด
เสียงระเบิดที่ผู้กองวางไว้รอบบริเวณการซื้อขายและริมฝั่งโขงอันเป็นที่จอดเรือตามแผนที่ให้ไว้
ด้วยระเบิดทีเอ็นเสียงระเบิดดังกึกก้องแรงระเบิดส่งร่างของพวกฝั่งโน้นที่นำเรือมาด้วยเรือต่างพลิกคว่ำแตกกระจาย
ตลอดพวกทหารที่ยืนบนเรือก็ตายกันเรียบ ฝ่ายขายของไม่มีใครรอดตายสักคน ต่างล้มตายด้วยอาวุธที่แตกต่างกัน
ฝ่ายไอ้แม้นซึ่งโดนยิ่งที่ขาลากขาและสะโพกรีบหนีหลบเข้าต้นไม้ใหญ่พร้อมไอ้สนไอ้เบี้ยวและไอ้แช่ม นอกนั้นตายเรียบ
บรรดาพวกที่แอบซุ่มยิงต่างล้มตาย และรีบหนีไปทางลัดทันที
พวกที่หนีไปทางลัดต่างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสองกลุ่มเข้าล้อมยิงบ้างตาย เหลือจับได้ไม่กี่คนที่ยกมือทิ้งอาวุธยอม
แพ้ จับได้ประมาณเกือบสิบคน ทั้งหมดถูกใส่กุญแจมือไขว่หลัง ที่ขาก็ต่างถูกมัดด้วยเชือกติดกันอย่างล่ะข้างทันที
ไอ้แม้นไอ้สนไอ้เบี้ยวไอ้แช่มต่างได้รับบาดแผลไปตามๆกัน เห็นเหตุการณ์นั้นตลอดจึงเลี่ยงหลบไปอีกทางกับพวกที่รอดเพียงสามคนรวมเจ็ดคนต่างลัดเลาะรีบลากขากพยุงกันหนีไปอีกทางหนึ่งจึงพ้นจากการจับกุม ไปซุกซ่อนตัวยังเหลือบหินไม่กล้าออกมา เมื่อเห็น
พวกตำรวจเต็มบริเวณไปหมด ซึ่งแต่งกายเป็นชาวบ้านธรรมดาเท่านั้นเอง
ไอ้แม้นด่าพึมพรำ ไอ้ห่า!!.....พวกมันรู้ได้อย่างไรว๊ะหรือว่าพวกเราเป็นสายให้มัน.......
แต่ตำรวจส่วนมากก็พวกเราทั้งนั้นนี่นาทำไมมันรู้ว๊ะ หากเป็นตำรวจพวกเรารู้ ก็ต้องส่งข่าวมาให้รู้แล้วนี่นา????...
แล้วมันรู้ได้อย่างไรกันว๊ะเวลาหรือสถานที่มันก็ยังรู้????......
มันบ่นไปถามพวกมัน แม้แต่ไอ้สนและไอ้เบี้ยว ก็ด่าเหมือนกันทุกๆคนต่างฉงนใจไปตามๆกัน ถึงจะถามอย่างไร
พูดอย่างไรทุกๆคนก็ตอบไม่ได้ทั้งสิ้น ที่เหลือรอดมามีเพียงหมู่บ้านบางกระดี่สี่คน หมู่บ้านบางโคหนึ่งคน หมู่บ้าน
โคกยายหอยสองคนเท่านั้น มากันห้าสิบกว่าคนตายหมดไม่มีใครเหลือรอดสักคนเดียว ส่วนฝ่ายทางโน้น
ไอ้แม้นคิดพลางบอกไอ้สนว่า กูสงสัยพวกโน้นจะไม่เหลือสักคน ไอ้เหี้ยเอ๋ย???.....เงินก็เสียของก็ไม่ได้ แล้วพ่อกู
จะไปพูดกับเสี่ยมันได้อย่างไรกันว๊ะ พวกมึงก็เจ็บกันทุกๆคนแบบนี้
ไอ้สนกับไอ้เบี้ยวก็กล่าว่า.....
ก็มึงไปเล่าให้พ่อมึงฟังซิ ใช่ว่าเราจะไม่ทำงานเสียเมื่อไหร่ว๊ะ มึงก็ขาลากจะหักหรือเปล่าก็ไม่รู้เห็นลากขาข้างเดียว
กูเองหัวไหล่แขนกูถูกยิงเลือดสาดใช้ผ้าคาดห้ามเลือดเหมือนๆกัน พวกเราฝ่ายหมู่บ้านอื่นหรือก็เจ็บกัน แล้วกำนันหมู่
บ้านบางโคกับหมู่บ้านโคกยายหอย ป่านนี้จะทำอย่างไรว๊ะ
เฮ้ยๆๆไอ้พวกที่ถูกจับได้ประมาณสิบคนนั้นนะมันมีพวกเราอยู่หรือเปล่าล่ะ ตามที่มึงเห็นนะ
กูคิดว่าคงมีบ้างละโว้ย!!!!.....ไอ้เบี้ยวตอบ
ฉิบหาย!!!!.... หากมีพวกหมู่บ้านเรายิ่งฉิบหายใหญ่เลย พ่อกูคงจะทำอย่างไร???....
ตอนนี้เงียบนี่ก็จวนสว่างแล้วหาทางกลับกันก่อน เรื่องอื่นค่อยคิดกันดีกว่านะ ไอ้สนกล่าวขึ้นบ้าง....
เออๆๆๆ....ดีเหมือนกัน เลาะไปตามไหล่เขานี่แหละพวกมันคงไม่รู้หรอก เสียงเงียบหายไปหมดมันคงเก็บเงิน
และของไปกันหมดแล้ว นี่เงียบมานานแล้วนี่นา???... ไอ้แม้นกล่าวขึ้น
กูว่าคอยให้มันสว่างกว่านี้มิดีหรือว๊ะ ด้วยมันอาจจะทิ้งคนไว้คอยดูว่ามีใครหลงเหลืออีก.....ไอ้เบี้ยวตอบ
เออ...จริงของมึงว๊ะไอ้เบี้ยว อย่างนั้นให้สว่างแล้วค่อยไป มึงดีหน่อยไปดูไอ้พวกหมู่บ้านที่มากับเราด้วยว่าเป็น
อย่างไรพร้อมกับไอ้เบี้ยวด้วย ส่วนกูเลือดไหลมากเพลียแม้จะรัดขาไว้แล้วสงสัยกระดูกจะหักว๊ะ!!!!....ไอ้แม้นตอบ
ดีเหมือนกันว๊ะ แล้วมันชวนไอ้เบี้ยวไปตรวจสอบพวกหมู่บ้านอื่น ซึงบางคนครางเบาๆ บ้างกัดฟัดกรอดดับปวด
ทุกๆคนโดนอาวุธปืนบ้างที่ไหล่สองข้าง บ้างที่สะโพก เอว ที่ท้องบ้าง ต่างโดนกันคนละหลายๆรู
แต่ไม่ตายถือว่ายังมีบุญอยู่แต่รู้สึกว่าบางคนจะไม่รอดแน่ๆด้วยเลือดมันออกมากๆ
แต่มันไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากบอกให้กำลังใจมันไว้ว่าจะไม่ทิ้งกันเท่านั้นเอง พวกมันถามว่ารู้ไหมว่าใคร
ไปแจ้งตำรวจ ไหนๆพ่อกำนันบอกว่าเรากับตำรวจรู้กันนี่หว่า????มันสงสัยถามขึ้น
กูเองก็ไม่รู้เหมือนพวกมึงนั่นแหละว๊ะ???.....กูยัง งง อยู่เหมือนกันว่ามันรู้สถานที่เวลาได้อย่างไรกันว๊ะ???...
ทนๆๆเอาหน่อยนะพวก....สายๆหน่อยค่อยออกเดินทาง ไปตอนนี้ไม่ไว้ใจว๊ะ พวกมันอาจจะซุ่มคอยอยู่ก็ได้ มึง
คิดดูซิว่ามันเห็นพวกเรากระจายกำลังออกไปคงจะ คิดว่าพวกเราหลบซ่อนตัวไว้ ไอ้สนกล่าวขึ้น
อืมมม???....จริงของมันว๊ะ พลางหันไปบอกพรรคพวกที่บาดเจ็บทันที บอกให้รอสายๆหน่อยพวกมึงทนเอาก็
แล้วกันดีกว่าไปถูกจับว๊ะ....มันหันไปกล่าวกับพวก ทางหมู่บ้านบางกระดี่ก็เจ็บๆกันเหลือแค่สามสี่คนเท่านั้นนอก
นั้นตายห่าหมดแล้วกระมังว๊ะ......
พลันอีกคนกล่าวขึ้น....
เออๆๆจริงของมึงว๊ะ....แต่ว่าไอ้วงสงสัยว่าจะไม่รอดเสียแล้วล่ะ เห็นมันตอนนี้ตาค้างตัวสั่นๆไปๆมาๆ อีกคนกล่าว
แล้วจะให้กูทำอย่างไรว๊ะ...เราก็ช่วยมันสุดความสามารถแล้วนี่หว่า...หยูกยาหรือก็ไม่มีใครจะคิดว่ามีเหตุการอย่างนี้เกิดขึ้น ทุกๆครั้งก็ปกติ และพวกเรากับพวกโน้นก็ตกลงกันได้เหมือนเดิม ดีนะที่มีพวกเรารอดพวกนั้นตายห่าหมด
หากมันเป็นอะไรไปก็เอาไปให้พ่อกำนันก็แล้วกันอย่าทิ้งมันไว้ช่วยแบกมันไปด้วยหากมันตายนะ...
เออๆๆๆ....กูไม่ทิ้งมันหรอกว๊ะมันคนบ้านเดียวกับเรา อย่างน้อยก็ให้ลูกเมียพ่อแม่มันทำศพบ้าง???...
คนหมู่บ้านโคกยายหอยกล่าวขึ้น หากมันตายลงพวกหมู่บ้านบางกระดี่จะมาช่วยงานศพหรือเปล่าว๊ะ...พูดจบหันไป
ถามทางไอ้แม้นทันที....
มาซิว๊ะพวกกูต้องไปช่วยกันอยู่แล้วพวกเราทั้งนั้นนี่นา กูจะให้พ่อกูเป็นเจ้าภาพให้ด้วย ไอ้แม้นตอบ
เออ...ให้ได้อย่างนี้ซิว๊ะจะได้คบกันได้นานๆ มีอะไรบอกมาทางกูก็ได้ กูชื่อช้วนว๊ะดูแลพวกบ้านกูอยู่นะ มีอะไร
มึงส่งคนมาบอกก็แล้วกัน แล้วกูจะคอยรับพวกมึงหากมึงไปได้มึงก็เจ็บไม่ใช่เล่นสงสัยขาจะหัก และอีกหลายๆแผล
เหมือนกัน มันกล่าว
เออๆๆๆ....ขอบใจมึงมากว่าไอ้ช้วน กูจะจำชื่อมึงไม่ลืมหรอกหากมึงไปหมู่บ้านบางกระดี่เมื่อไหร่ถามหาชื่อกู
ใครๆก็รู้จักทั้งนั้นแหละ จะให้กูช่วยอะไรบอกมาได้เลยเหมือนกันว๊ะ ไอ้แม้นกล่าวตอบ
ขอบใจมากว่าไอ้แม้น.... กูว่าสงสัยมันจะไม่รอดแน่นอนตอนนี้มันเงียบกูไปดูแล้วมันหยุดหายใจแล้วล่ะโว้ย...
เออๆๆ....กูจะไปหาพ่อกำนันด้วยแล้วจะรีบไปรักษา แต่สงสัยไปรพ.ไม่ได้หรอกต้องให้หมอมารักษาที่บ้านว๊ะ
มีงไปจัดการศพพวกมึงก่อนเอาท่อนไม้ห่อแล้วแล้วเถาวัลย์พันไว้จะได้ช่วยกันลากไปจะแบกคงจะไม่ไหวกระมัง???...
ด้วยเจ็บๆกันมากทุกๆคน ข้อนี้ไม่เป็นปัญหาหรอก ขอบใจที่ห่วงใยพวกกูว๊ะ ไอ้ช้วนกล่าว..............
* แก้วประเสริฐ. *
18 พฤศจิกายน 2553 22:44 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๑๕
ครั้นพ่อและแม่ได้ออกไปทำไร่ เขาขอติดตามไปเพื่อช่วยพ่อและแม่ ท่านก็ปฏิเสธว่า
ไม่ต้องหรอกลูก ไม่มีอะไรเพียงแค่ถอนต้นหญ้าและรดน้ำเท่านั้นเอง และให้อาหารปลาซึ่งไม่ห่างไกลกับกระต๊อบ
ที่พ่อทำไว้หรอก ลูกอยู่ที่นี่แหละดูแลและหมั่นร่ำเรียนวิชา สมาธิให้แกร่งกล้าก็แล้วกันนะ
ถ้าอย่างนั้นผมไม่กินแรงพ่อแม่หรือ???..... ชายหนุ่มตอบ
นี่ก็จวนจะเดือนหนึ่งเหลืออีกวันสองวัน ทางโน้นเขาจะว่าอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เห็นบอกว่าลามาเดือนหนึ่งเท่านั้นนี่
นา???.... แม่เข็มถามบ้าง
เรื่องนี้พ่อแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ด้วยเขาบอกว่าจะอยู่อีกเท่าไหร่ก็ได้ให้งานเรียบร้อยก่อน หรือไม่แน่นะพ่อบาง
ทีผมอาจจะมาอยู่ในเมืองนี้ก็ได้นา....ชายหนุ่มแย้มพรายออกมา
เออๆๆ???....ถ้ามาอยู่ใกล้ๆกันก็ดีซิลูก พ่อแม่ก็อายุมากแล้วด้วย ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น
ครับๆ...แนวโน้มสงสัยว่าคงจะไม่ได้กลับไปอีกแล้วล่ะครับ คงจะได้อยู่ใกล้ๆพ่อแม่นี่แหละ
ด้วยผมเคยเอ่ยเกริ่นๆไว้กับผู้ใหญ่ท่านไว้ว่า อยากจะทำงานแถวๆบ้าน พ่อแม่ก็อายุมากแล้ว ท่านหัวร่อแต่ไม่ได้บอก
อะไรกับผม แล้วยิ้มพร้อมพยักหน้าเท่านั้น ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
ถ้าเป็นจริงก็ดีนะลูก เราจะได้อยู่ด้วยกันไม่ต้องจากกันไปอีก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันอีก.....
ครับๆ ผมอาจจะได้ช่วยแรงพ่อแม่ด้วยอีกทางหนึ่ง
เอาล่ะๆๆ.....พ่อแม่ไปก่อนนะนี่ก็สายเดี๋ยวพวกปลามันจะหิว ไปล่ะอยู่บ้านก็ดูแลด้วยก็แล้วกัน
พ่อเชียรและแม่เข็มกล่าวจบก็เตรียมข้าวของแล้วก็เดินออกจากรั้วบ้านไป ..........
เขามองแลเห็นหายลับไปแล้ว ก็ก้าวขึ้นบันไดบ้านเดินเข้าห้องเขา ไปยังโต๊ะหมู่บูชา
ซึ่งทั้งสามพานได้จัดเรียงกันไว้ ด้านซ้ายมือเป็นร่างหุ่นชายหนุ่มสองตนนอนเรียงกัน พานตรงกลาง
เป็นแม่นางตะเคียนยืนอยู่ ส่วนอีกพานเป็นร่างของหญิงสาวอ้อยซึ่งก็ยืนอยู่เหมือนกัน
เขาเพ่งไปยังพานทั้งสามแล้วนึกชมเชยตัวเอง และแม่ตลอดจนหลวงพ่อท่าน ซึ่งแม่เขารู้สึกว่าจะมีฝีมือละเอียด
สวยงามมากกว่า เขาและหลวงพ่อเสียอีก เป็นใบหน้าที่สวยงามตลอดจนแพรพันต่างๆ การให้สีช่างกลมกลืนเสีย
จริงๆ เขารำพึงกับตนเอง นั่งเพ่งมองแลเห็นหรืออุปทานจะหลอนหรือก็ไม่รู้
เขาแลเห็นแม่นางทั้งสองต่างยิ้มให้เขา จึงยิ้มตอบหันไปทางที่นอนนั่งลง แล้วก็มานั่งนึกทบทวนวิชาอาคมที่ร่ำ
เรียนมาเพื่อความไม่ประมาทตามคำสั่งของพ่อ ทบทวนไปๆมาๆเห็นว่าไม่ผิดพลาดแน่แล้ว
จึงกล่าวลอยๆว่าให้ช่วยดูแลบ้านและสาวชบาเจ้าแกละด้วยนะ อบรมสั่งสอนบ้าง สายลมพัดมาต้องกายเสมือน
ดังจะรับรู้ ดังนั้นเขาเดินออกจากนอกห้องเพื่อลงบันไดไปพักผ่อนยังแคร่ใต้ถุนบ้าน เจ้าหมาสามตัวก็พากันกระดิก
หางแล้วเข้ามาคลอเคลียเขา ชายหนุ่มได้หยอกเย้ามันเล่นสักพัก สั่งให้มันไปนอนได้แล้ว เหมือนมันจะรู้คำสั่ง
ดังนั้นเขาก็เดินไปรอบๆบ้านเพื่อสำรวจว่าจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างใด ด้วยเขาจากบ้านมานานแสนนานแล้ว
สภาพเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แม่ยังได้ปลูกผักสวนครัวเรือนหลังบ้านอยู่เป็นแปลงเล็กๆ ไว้ใช้ยามขาดเหลือกระมัง
หน้าบ้านก็ปลูกต้นไม้ที่ออกดอก ซึ่งตอนนี้มันกำลังออกดอกบานสะพรั่งหลายหลากสี
ดอกแต่ละดอกล้วนแล้วแต่ใหญ่ๆทั้งสิ้น คงจะด้วยอากาศที่ใกล้ๆกับภูเขาและมีความชุ่มชื้นมาก
จึงทำให้ต้นไม้เติบโตชะอุ่มใบงามสีเขียว ปุ๋ยหรือก็ใช้ขี้หมูเป็นปุ๋ยแทนปุ๋ยวิทยาศาสตร์
ตลอดพ่อแม่เขายังหมักสิ่งของต่างๆไว้ในตุ่มใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ห่างจากบ้านไปเล็กน้อย คงจะทำปุ๋ยจุลินทรีย์ด้วย
ชายหนุ่มคิดพ่อแม่เขาช่างหัวทันสมัยเหมือนกันนะ ทั้งๆมาอยู่ที่แสนจะกันดารเช่นนี้ยังรู้จักหมักปุ๋ยจุลินทรีย์ไว้ใช้
เขาคิด ครั้นเดินสำรวจจนทั่วแล้ว เขาก็กลับไปยังเปลที่ผูกระหว่างต้นเสาไว้เพื่อพักผ่อน เขาจึงขึ้นไปนอนแกว่งเล่น
อากาศช่างบริสุทธิ์สายลมโบกพัดมาตลอดเวลา เขานำหมอนของพ่อมาวางไว้แล้วนอนเปลแกว่งไปแกว่งมาพลันก็รู้
สึกเคลิบเคลิ้มหลับไป........
ทางด้านบ้านกำนันมั่นหลังจากเจ้าแม้นลูกชายมารายงานผลแล้วและพึ่งจะกลับมาจากการประชุมเหล่ากำนัน
ทั้งหลายเพื่อรับแผนงานจากท่านนายอำเภอคนใหม่ รู้สึกว่าใบหน้าไม่ค่อยจะดีนัก หลังจากถอดชุดกำนันออก
แล้วก็ให้หญิงสาวคนหนึ่งมาสั่งให้ไปเรียกเจ้าแม้นมาพบด่วน
เมื่อเจ้าแม้นมาพบพ่อเห็นใบหน้าทมึงบึ้งตึงเช่นนั้นก็ให้นึกสงสัยนัก จึงได้เอ่ยปากถามไปว่า
มีอะไรหรือพ่อ????....เห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้จะดีนัก
มีซิว๊ะ....กำนันมั่นตอบด้วยอารมณ์เสีย ไอ้ห่า!!!!.....ไอ้นายอำเภอคนใหม่มันกำชับว่าหากหมู่บ้านใดติดยาก็ให้
จับกุมตัวมาส่งเพื่อนำไปให้ตำรวจ งานการกูก็จะเสียรายได้ อีกอย่างหนึ่งให้เสาะหาพวกตัดไม้ทำลายป่าด้วยซิ
พวกนั้นมันก็พวกเราเองนี่หว่า
มันยังบอกว่าเป็นคำสั่งจากผู้ว่าราชการคนใหม่ ให้นายอำเภอทุกอำเภอรายงานมันให้ทราบทุกๆอาทิตย์ด้วย
ส่วนไอ้รองผู้กำกับคนใหม่มันกับเราก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันด้วยิ่งแล้วกันใหญ่ กูพึ่งได้รับคำสั่งจากเสี่ยเม้งว่า
มะรืนนี้ให้พวกเราไปรับของล๊อตใหญ่จากพวกกระเหรี่ยงทางด้านชายแดนเสียด้วยซิ แล้วมึงคิดว่าจะทำอย่างไร
ดีว๊ะไอ้แม้น???......
อ้าวๆๆๆ!!!!!.....แล้วเสี่ยมันไม่รู้หรือว่าอะไรเป็นอะไรในระยะนี้ ไอ้แม้นตอบพ่อมัน
กูเองก็บอกเมื่อคราวไปประชุมเจอเสี่ยมันก็บอกมันแล้ว มันบอกว่าคราวนี้ไม่ได้ด้วย เพราะทางฝั่งโน้นมันส่งของ
มาให้แล้ว มะรืนนี้ให้รีบส่งคนไปรับของได้พร้อมด้วยเงิน ไอ้เรื่องเงินนั้นไม่มีปัญหาหรอก เสี่ยมันให้มาแล้วล่ะ...แต่
คนที่จะไปรับของซิ กูว่ามันจะยังไงๆชอบกลนะ เจอจ่าเจียมมันก็บอกมาว่าให้ระมัดระวังไว้ด้วย มีคนแปลกหน้าเข้า
มาเที่ยวงานสงกรานต์ผิดปกติ เป็นทางกรุงเทพฯถึงแม้ว่าจะมากับเพื่อนมันที่เป็นคนพื้นที่ก็ตาม แต่ดีอย่างที่มันแยก
ย้ายไปอยู่กันคนละหมู่บ้าน
มีสองสามคนบ้างคนเดียวบ้างที่จะมาเที่ยวงาน ส่วนหมู่บ้านอื่นๆจะมีหรือไม่มันก็ไม่แน่ใจว๊ะ จ่าเจียมและพวกเรา
ยังบอกว่าระยะนี้มีพวกตำรวจย้ายเข้ามาอยู่ที่สถานีอีกห้าหกนาย มันพยายามไปทำความรู้จักเลี้ยงต้อนรับพวกตำรวจ
มาใหม่ พยายามตีสนิทมันมันเพียงแค่ยิ้มๆและฝากเนื้อฝากตัวเท่านั้นเอง ส่วนในหมู่บ้านแถวพื้นที่เราก็มีไม่เท่าไหร่นี่หว่า แต่ใจข้ามันชักสังหรณ์ใจอย่างไรไม่รู้ ยิ่งอาจารย์ดำมาตายห่าก่อนเสียด้วย
หากอยู่ก็พึ่งพาอาศัยพวกผีๆมันไปสืบเสาะให้แก่เราได้ว๊ะ ระยะนี้มันรู้สึกว่าจะไม่ค่อยจะดีเท่าใดนักนะโว้ย
กูเองก็ไม่ค่อยจะสบายใจนัก ส่วนกำนันอื่นๆหรือบ้างสีหน้าปกติ บ้างสีหน้าเครียดๆคงจะทำงานเหมือนพวกเรานี่
แหละ กูก็เข้าไปคุยกับมันด้วยเป็นพวกเดียวกัน ต่างบอกว่าไม่ค่อยจะสบายใจนักเหมือนกูแหละ......กำนันเอ่ยขึ้น
อีกอย่างนายอำเภอคนใหม่บอกว่าให้พวกกำนันทุกครึ่งเดือนให้ทำรายงานลูกบ้านและผลงาน โดยจำเพราะพวก
ยาเสพย์ติดของผิดกฏหมายต่างๆให้ทราบด้วย มึงเอ๋ยไอ้แม้นแล้วจะให้กูทำอย่างไรดีว๊ะ.....
ก็จะไปโง่อะไรล่ะพ่อ....ก็รายงานส่งเดชไปว่าหมู่บ้านเราปกติไม่มีสิ่งผิดกฏหมายก็แล้วกัน ไม่เห็นจะยากนี่นา
อีกอย่างหนึ่ง พวกเราก็ช่วยสอดส่องดูแลลูกบ้านเสมอๆ ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างไร ก็รายงานไปแบบนี้แหละ
ส่วนลูกบ้านเราหรือก็ไม่มีใครกล้าหือหรอกพ่อมันอยู่ในกำมือของพ่อหมดแล้วนี่นา...ไอ้แม้นตอบพ่อมัน
ไอ้นายอำเภอมันทุกครั้งต้องมาหาพวกเราแต่คราวนี้มันไม่มาหาพวกกำนันทั้งหลายเลยล่ะว๊ะ กูถามกำนันทุกๆคน
แล้วด้วย ซ้ำมันยังบอกว่า ทำไมเขาบางลูกไม่มีต้นไม้ใหญ่เลยเหลือเพียงต้นไม้เล็กๆเท่านั้นเล่นเอากูและกำนันบางคน
ต่างอึ้งไปตามๆกัน ไอ้ห่า!!!!!....มันไปรู้มาได้อย่างไรกันว๊ะ ข้อนี้กูชักสงสัยก็มันพึ่งจะมาสองสามวันนี้นา???.....
มันอาจจะดูแผนที่จากการถ่ายทางอากาศก็ได้นี่พ่อ ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้.....ไอ้แม้นแสดงความคิดเห็น
ถึงข้อนี้ก็จริงของมึง พวกที่ถูกย้ายต่างก็มากันครบหมดแล้วยกเว้นผู้กำกับซึ่งสำคัญมากสำหรับพวกเรา ไม่รู้มัน
เสือกหายหัวไปไหนยยังไม่มาเลย เสี่ยเม้งหรือก็ติดต่อไปกับพวกพ้องผู้ใหญ่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า ไอ้ผู้กำกับคนใหม่เป็นใครสักคนเดียว ข้อนี้สำคัญมากนะโว้ย ส่วนผู้ว่าหรือรองผู้ว่านั้นมันก็เพียง
แค่ออกคำสั่งตรวจสอบดูแลเท่านั้นไม่ได้มาคลุกคลี ยกเว้นจะมีผู้ใหญ่ในกรุงมาเท่านั้นเอง การปราบปรามเป็นของ
ตำรวจและนายอำเภอ กูเองก่อนไปก็นำกระเช้าช่อดอกไม้ไปมอบให้ มันได้แต่ยิ้มๆ บอกขอบใจเท่านั้นเอง
แล้วให้คนเอาไปวางไว้ห่างๆเหมือนมันจะไม่สนใจใยดีอะไรเลย แต่กูไม่กล้าจะใส่ซองไว้ในกระเช้าด้วยไม่แน่ใจว๊ะ
แล้วนายอำเภอล่ะมันมีเมียหรือเปล่าล่ะพ่อ????.....ไอ้แม้นถาม
กูสอบถามคนภายในว่ามันเป็นคนโสดว๊ะยังไม่มีลูกมีเมีย กำนันตอบ
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ว๊ะ....ไอ้แม้นเกาหัวมัน หากมีลูกมีเมียก็จะง่ายเข้าไปหาเมียมันทางหลังบ้านก็คงจะไม่
เท่าไหร่หรอก คราวก่อนคนที่แล้วก็เหมือนๆกันแหละพ่อ แต่พอเราเข้ากับเมียมันได้เหตุการณ์จึงเปลี่ยนไป แต่นี่
โถ่ๆๆๆ ข้าเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันแหละพ่อ???.....ไอ้แม้นตอบ
ก็นั่นนะซิกูก็เคยปรึกษากับกำนันพวกเราเหมือนกันมันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าผู้ว่าราชการฯมันมีลูกมีเมีย ไอ้ห่าเสือกไม่
กลัวเมียมันเสียด้วยซิ ข่าวว่าก่อนจะมาเมียมันพูดอย่างไรไม่รู้ยังถูกตะเพิดออกจากงานร้องไห้กลับบ้านเลยล่ะ
น่าๆๆๆพ่อ...ข้าว่าเรื่องงานที่เสี่ยมันบอกข้าคิดว่าไม่เป็นปัญหาหรอก ด้วยไอ้ผู้กำกับมันยังไม่มา งานคงจะ
เรียบร้อยข้า ไอ้สน ไอ้เบี้ยว จะนำพวกไปสักยี่สิบกว่าคน ระยะนี้มันคงจะทำอะไรไม่ได้ แต่คราวต่อไปหากมัน
มาก็ต้องหาทางวางแผนกันใหม่นะพ่อ ใจเย็นๆได้ล่ะสำเร็จแน่นอน.....ไอ้แม้ตอบ
เออๆๆๆ....มึงพูดก็มีเหตุผล น้ำยังไม่เดือดก็รีบๆทำ คืนนี้มึงระดมพลออกเดินทางไปได้แล้วล่ะ เอารถไปสักสอง
สามคันนะโว้ย เกณฑ์คนที่มีฝีมือไปด้วย ทางโน้นเวลารับของส่งของไว้ใจกันไม่ได้ว๊ะ....กำนันกล่าวขึ้น
เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาหรอก เที่ยงคืนนี้ก็พร้อมและพวกที่ไปก็มีฝีมือทั้งสิ้น จะให้ไอ้สนมันไปบอกให้เตรียมอาวุธ
มาให้พร้อมด้วย พอเที่ยงคืนก็จะออกเดินทางจะได้ไปถึงก่อนพวกมัน สำรวจท้องที่ก่อนเหมือนเก่าหรอกน่า
พ่อใจเย็นๆได้ คอยรับฟังข่าวก็แล้วกัน อ้อๆ!!!!....ของที่รับมาแล้วจะไว้ที่เดิมหรือเปลี่ยนที่ล่ะพ่อ....ไอ้แม้นถาม
กูว่าแยกออกเป็นสามส่วนดีกว่าว๊ะ ฝากไว้ที่หมู่บ้านที่มันรับของเราไปแต่ละส่วน แต่มึงต้องดูที่ไว้ใจได้นา
ข้อนี้ไม่ต้องห่วงเพียงแค่ถามดูเท่านั้น แล้วเสี่ยจะมาเอาของเมื่อไหร่ล่ะ
เห็นจะเป็นเสาร์นี้กระมัง???..... ได้ยินมันเปรยๆ
ถ้าอย่างนั้นข้าลงไปก่อนนะจะได้ไปบอกไอ้สนและพวกให้รีบไปรวมกำลังไว้ ไอ้แม้นกล่าว
เออๆดีๆ....บอกทุกๆคนด้วยว่าอย่าประมาทนะโว้ย.....เสียงกำนันกำชับลูกชายมัน
พ่อนี่ยิ่งแก่ยิ่งกลัวไปใหญ่ ไม่เหมือนเก่านี่หว่า....ไอ้แม้นพูดลอยๆๆ
ไอ้เหี้ยแม้นมึงนะมึง ถึงกูจะแก่ลายเสือกูก็ยังไม่ลบนะโว้ย....
ข้าไม่เคยเห็นพ่อห่วงใยเหมือนคราวนี้นี่นา ไอ้แม้นย้อน
กูเพียงให้มึงระวังตัวไว้เท่านั้นเองแหละว๊ะ กูสังหรณ์ใจอย่างไงไม่รู้มันชอบกลๆว๊ะไม่เหมือนคราวก่อนๆ
กำนันตอบ ไปๆๆๆมึงรีบไปดำเนินการให้เร็วๆก่อนจะสายไปว๊ะ มันกำชับลูกชายมัน เมื่อเห็นไอ้แม้นเดินลง
บันไดไปแจ้งแก่พวกมันให้เตรียมตัวออกเดินทางไปรับของ ตามที่พ่อมันบอกว่าเป็นที่เดิมที่เคยทำมา ไม่ได้
เปลี่ยนแปลงสถานที่ ซึ่งพวกมันรู้และชำนาญทางอยู่แล้ว
สักพักหนึ่งหนุ่มโชติซึ่งกำลังนอนสบายๆอยู่พลันได้ยินเสียงกระซิบข้างหูว่า ....
พี่ๆๆๆๆ.....มีคนมาหายืนเรียกอยู่ริมรั้วไม่กล้าเข้ามาหมามันเห่าคุมเชิงอยู่
ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นเหลือบสายตาไปยังประตูรั้วหน้าบ้าน ครั้นเห็นก็รีบผลุนผลันรีบออกไปทันที พร้อมทั้งไล่
หมาของเขาให้ไปที่อื่น เหมือนจะรู้คำสั่งเจ้านายหมาทั้งสามตัวหยุดเห่า ชายหนุ่มนำหน้าคนที่มาเรียกประมาณ
สามคนได้ เดินออกจากบ้านไปทางต้นไม้ใหญ่ บดบังสายตาคนอื่น แล้วเดินลึกผ่านพุ่มไม้เข้าไปในดงไม้ทันที
ครั้นถึงที่เหมาะสมแล้วก็ถามขึ้นทันที.......
มีเรื่องอะไรหรือ???....
คำสั่งแต่งตั้งมาแล้วครับนาย แต่ท่านบอกว่าอย่าให้นายแสดงตัวให้เก็บตัวเงียบๆไปก่อน
รู้กันเฉพาะพวกเราส่วนตำรวจที่สถานีรู้เพียงแค่ชื่อยศของผู้กำกับการสถานี แต่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่
ข่าวสายสืบแจ้งมาว่ามะรืนนี้จะมีการขนย้ายของเป็นการใหญ่ครับ
แถวไหนล่ะ???....
ชายแดนลาวริมฝั่งโขงติดต่อกับเขาพนมดงรัก เวลาประมาณตีสอง เห็นสายบอก...อีกคนรายงาน
ดีแล้วเอาเฉพาะพวกเราที่สถานีอย่าให้กระโตกกระตากนะ ทำเป็นขอลาพักร้อนเหนื่อยจากเดินทางมาจาก
กรุงเทพฯ จะไปหาบ้านเช่าอยู่กันก่อน ป้องกันการระแวงของพวกไม่หวังดีต่อพวกเรานะที่ลากันหลายๆคน
ทางรองผู้กำกับคนนี้กับผมรู้ด้วยกันมานานแล้ว คงจะอนุญาตให้ไม่ยากหรอก ส่วนจ่าเจียมที่เป็น
หัวหน้าตำรวจหลายนาย ยกเว้นจ่าอื่นๆบางคนนั้น ให้ผู้กองพยายามติดตามสอดส่องดูตลอดเวลาอย่าได้คลาดสายตา
ด้วยผมเองทราบมานานแล้วว่าจ่าคนนี้และพวกที่ได้รับเงินจากจ่าคนนี้นั้นมันช่วยเหลือร่วมมือกัน
กับพวกผิดกฏหมายทั้งสิ้น คอยส่งข่าวให้พวกผิดกฏหมายรู้ตลอดเวลา อย่าพลั้งเผลอหรือแสดงอาการให้มันรู้
และหาทางส่งข่าวลับๆไปยังพวกเราที่แยกย้ายตามหมู่บ้านอื่นๆด้วยนะ ให้เตรียมตัวไว้ หากได้รับคำสั่งจากผมเมื่อใด ให้พร้อมแยกย้ายอย่าไปเป็นกลุ่ม จะเป็นที่สงสัยของพวกชาวบ้าน ให้ผู้กองเป็นหัวหน้างานนี้ ส่วนพวกนำไป
ให้ไปเพียงแค่คนเดียวสองคนพอ ให้ไปก่อนล่วงหน้าแล้วหาทางซุกซ่อนตัวไว้อย่าให้ชาวบ้านพบเห็น ส่วนที่อยู่
หมู่บ้านอื่นๆนั้นเขาเตรียมพร้อมทุกๆคนไว้เรียบร้อยแล้วเพียงรอคำสั่งอยู่ ไม่ต้องห่วงเพียงรับคำสั่งจากผมเท่านั้น
โดยใช้โค๊ตว่า สายฟ้าแลบฟ้าผ่า เท่านั้นพวกเขาก็จะรู้ว่าเป็นคำสั่งจากผม และกำนันบางคนที่ผมแจ้งแก่ผู้กองไว้แล้ว
เขาจะได้จัดการเตรียมกำลังพลไว้หาทางช่วยเหลือพวกเราอีกทางหนึ่งด้วย ชายหนุ่มสั่งอย่างเป็นการเป็นงาน
หากคนไม่พอติดต่อพ่อกำนันโคกอีแร้งกำชับเป็นความลับคนเดียว ผมเองก็ได้ติดต่อกับกำนันเป็นการส่วนตัว
มานานแล้ว ทางกำนันคนนี้ไว้ใจได้ อีกอย่างด้วยพวกเราได้ไปช่วยฝึกชายหนุ่มในหมู่บ้านเลือกเอาคนที่ไว้ใจได้
ด้วยพวกเราแกล้งทำเป็นทหารผ่านศึกมาช่วย ส่วนด้านอาวุธนั้นก็ทางการส่งมาให้มากมายทั้งอาวุธต่างๆนานา
ล้วนแล้วเป็นอาวุธสมัยใหม่ทั้งนั้นซึ่งพึ่งสั่งซื้อมาจากต่างประเทศทั้งหมด พร้อมด้วยเสื้อเกราะกันกระสุนต่างๆ
กระสุนอีกจำนวนมาก มีแต่พวกเราเท่านั้นที่สามารถใช้ได้และคนที่รับการฝึกฝนไว้มีจำนวนมากล้วนใช้การได้ดี
มานานนับปีๆแล้ว ไปร่วมสมทบด้วยก็แล้วกัน แต่ให้พวกชาวบ้านนั้นต่างไม่ต้องบอกลูกเมียด้วยนะ
บอกกำนันกำชับไว้ด้วยว่าผมสั่งมาโดยแจ้งโค๊ตให้กำนันทราบ ส่วนกำนันที่ผู้กองรู้แล้วก็เช่นเดียวกัน ให้เขาส่งคน
ให้ทะยอยกันไปทีละคนสองคน ทั้งหมดให้คาดผ้าสีเขียวไว้บนแขนทุกๆคนด้วยเมื่อเข้าทำการจับกุม ชายหนุ่มกล่าว
แล้วนายคิดว่าจะเอาไปสักเท่าไหร่ดีล่ะ.....อีกคนถาม
ฉันว่าเอาไปอย่างน้อยห้าสิบคนหรือมากกว่านี้ก็ดี ด้วยมันมีหลายๆหมู่บ้านและพวกฝั่งทางโน้นด้วย ซึ่งอาจจะ
มีทหารทางโน้นร่วมมาด้วยก็ได้ เพื่อความไม่ประมาทเราอาจจะเสียเปรียบกำลังพล
แต่อย่าลืมเอาระเบิดทีเอ็นที น้อยหน่า พลุ กระสุนปืนเต็มพิกัดเผื่อขาดเหลือไม่เป็นไรไปด้วยนะ ชายหนุ่มสั่ง
ครับนาย เดี๋ยวผมจะรีบไปจัดการ แต่ว่า...นายควรระวังตัวไว้ด้วยนะอย่าแสดงอาการอย่างหนึ่งอย่างใดให้ทำตัว
แบบเดิมเห็นจะดีที่สุด ผู้กองเอ่ยด้วยความห่วงใย
พวกกำนันมั่นและกำนันที่ซื้อขายของมันมีทั้งชาวบ้านอื่นๆอีกด้วย ตำรวจสถานีครึ่งกว่าเป็นพวกจ่าเจียมทั้งสิ้น
นี่ผมลอบแอบมาแจ้งต้องรีบกลับก่อนล่ะ......เดี๋ยวพวกมันจะสงสัย ผู้กองที่ควบคุมมาพลันกล่าวขึ้น
ดีแล้วอย่าใช้วิทยุเป็นอันขาดนะ ด้วยทางเสี่ยเม้งมันมีเครื่องรับฟังทางทหารอยู่ด้วย ที่ทราบมามันมีวิทยุเครือข่าย
ร่วมมือกัน ความถี่อาจจะซ้อนกันจนมันรู้ทาง ทางที่ดีจดหมายเป็นโค๊ตที่พวกเราเรียนรู้โดยเฉพาะกันแล้วเฉพาะ
พวกหัวหน้าข่าวกรอง การส่งข่าวดีที่สุดหรือการติดต่อให้ประสานทางคนจะดีกว่า อย่าลืมเสียล่ะ..... ชายหนุ่มกำชับ
ครับนายพวกผมไปล่ะ นายระวังตัวไว้ด้วยนะ อยู่เบื้องหลังแหละดี ข่าวนี้คงจะรู้ถึงกำนันมั่นมันแล้วมันเป็น
หัวหน้าใหญ่ในพื้นที่นี้ที่เสี่ยเม้งมันไว้ใจนัก และไอ้จ่าเจียมมันคงส่งคนมาบอกว่ามีการแต่งตั้งพร้อมชื่อแล้วล่ะ
อืมมๆๆๆๆ...ข้อนี้ฉันรู้มานานแล้ว ก่อนมาได้ศึกษามาหมดแล้ว และอีกอย่างหนึ่งฉันเกิดในพื้นที่นี้ด้วยทางหนี
ทีไล่ตลอดสองฟากฝั่ง ฉันไปตรวจสอบมาหมดแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงรีบกลับไปได้แล้ว ออกไปก่อนนะแล้วฉันจะ
ตามไปทีหลัง.......ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พลางร่างแผนผังที่จะต้องใช้ในการเข้าทำการนี้ ตลอดจนทางลัดเลาะและพื้นที่
ต่างๆที่สำคัญทางหนีทีไล่ให้แก่ผู้กองเก็บไว้เวลาเข้าปฏิบัติงานจะได้ไม่เพลี่ยงพล้ำแก่พวกผิดกฏหมาย
ครั้นชายฉกรรจ์ร่างกำยำทั้งสามนายออกเดินทางเลี่ยงทางเก่าที่เข้ามาออกหายลับตาไป ชายหนุ่มแกล้งเดินเข้าไป
ยังกอไผ่ ขุดเอาหน่อไม้รวกพร้อมต้นหญ้านาง หอบหิ้วใส่ในผ้าขาวม้าแบกลัดเลาะไปอีกทางหนึ่ง ที่คดเคี้ยวกลับ
บ้านพร้อมทั้งยังเก็บเห็ดบางชนิดนำมาอีกด้วยเพื่อให้พ่อแม่ใช้ทำอาหาร
เมื่อนำมาก็จัดการก่อไฟต้มหน่อไม้โดยใส่ต้นหญ้านางกันขื่น และลวกเห็ดรอพ่อแม่กลับมาพร้อมทั้งหุงข้าวไว้ด้วย
ครั้นไฟราแล้ว เขาก็เดินเข้าห้องพลางร่ายมนต์เรียกหุ่นทั้งสองทันที
บัดดลก็ปรากฏร่างชายหนุ่มรูปงามสองนายมานั่งยังเบื้องหน้าเขา พลางถามว่า???...
อาจารย์เรียกผมมาเพื่อจะใช้ไปทำอะไรหรือครับ???.... หุ่นทั้งสองถาม
ข้าอยากจะให้เอ็งออกไปสำรวจหน่อย ด้วยมีพวกมิจฉาชีพมันกำลังทำงานผิดกฏหมายเป็นอันตรายแก่ชาวไทยเรา
หากพวกเจ้าทำงานได้สำเร็จถือเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่งและช่วยเหลือประเทศอีกด้วย
นายสั่งมาเถอะผมทั้งสองทำอะไรก็ได้แม้จะลุยน้ำลุยไฟผมก็ยอม ด้วยอาจารย์มีคุณแก่พวกผมมากไม่เหมือนคนเก่า
แล้วชายหนุ่มก็เล่าเรื่องต่างๆให้ หุ่นทั้งสองฟังพร้อมบอกว่าให้ช่วยคุ้มครองพวกเขาด้วย ส่วนอาจารย์จะไม่ไปหรอก
ต้องเก็บตัวไว้พลางๆก่อน แต่จะให้เจ้าไปแทนด้วยระยะทางมีพวกผีโป่งผีป่ามากมายอาจจะทำให้พวกเราหลงทางได้
อีกอย่างหนึ่งไอ้แม้นมันก็มีวิชาอาคมเหมือนกันถึงจะไม่แก่กล้านักก็อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด หากเหลือเกินความ
สามารถก็รีบกลับมาหาข้านะ ไม่ต้องเสี่ยงภัยมากหรอกล่ะ จำคำข้าไว้ให้ดีๆ ชายหนุ่มกล่าว
หุ่นทั้งสองมองหน้ากัน เหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ไม่กล้าถาม
ชายหนุ่มรู้กระแสจิตมัน จึงกล่าวว่า พวกเรานั้นจะแต่งตัวเหมือนชาวบ้านธรรมดาให้สังเกตุลักษณะว่าเขาจะไม่รวมตัว
กันเป็นกลุ่มก้อน จะแยกทางกันแค่เพียงคนสองคนเท่านั้น เมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้วก็จะกระจายแยกย้ายกันคอย
จังหวะ นี่คือพวกเรา หากรวมตัวเป็นกลุ่มๆนั้นไม่ใช่พวกเรา เมื่อเกิดเหตุการณ์พวกเราจะคาดผ้าสีเขียวที่แขนกัน
ทุกๆคน ไอ้แม้นมันเป็นหัวหน้าข้าคิดว่าเจ้าก็คงจะจำไอ้แม้นได้หรือไอ้สน กับไอ้เบี้ยวก็เช่นเดียวกัน
อาจจะมีหมู่บ้านอื่นซึ่งข้าคิดว่าเอ็งพอจะรู้ด้วยอำนาจที่ข้าพร่ำสอนไว้ให้แล้วนี่นา
ครับอาจารย์ผมจำได้ ที่สงสัยด้วยพวกอาจารย์เท่านั้น อย่างนั้นผมไปก่อนนะครับอาจารย์
เออๆๆๆ.....ไปเถอะขอให้โชคดีมีชัยชนะกลับมานะ อย่าลืมหากสุดความสามารถให้รีบหนีกลับมาก่อนอย่าลืม
ชายหนุ่มอดเป็นห่วงเสียมิได้
เมื่อหุ่นทั้งสองได้รับฟังเช่นนั้น มันทั้งสองรู้สึกปลาบปลื้มใจที่อาจารย์มันช่างดีกับมันเหลือหลายแม้แต่คำพูดจา
ก็น่าฟัง ซ้ำยังมีความเป็นห่วงเป็นใยพวกมันอีกไม่เหมือนนายคนเก่าดีแต่เอาแต่ด่าว่ากล่าวมัน
ดังนั้นมันจึงยอมทุ่มเททั้งกายและจิตใจมันให้แก่ชายหนุ่มจนหมดหัวใจ หุ่นทั้งสองคิด
แล้วร่างมันก็ค่อยเลือนลางกลายเป็นลมพุ่งออกจากหน้าต่างหายไปทันที...........
* แก้วประเสริฐ. *
17 พฤศจิกายน 2553 23:17 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๑๔
เสียงลมดังหวีดๆหวิวๆแว่วมา พร้อมทั้งมีสายลมพุ่งเข้ามาทางหน้าต่างที่เขาเปิดทิ้งไว้.....
สายลมผ่านเข้ามายังห้องนอน ม่านบังหน้าต่างไหวพลิ้ว ชายหนุ่มซึ่งกำลังนั่งสมาธิพร้อมด้วยสาวอ้อย
ที่กำลังนั่งสมาธิฝึกฝนวิชาที่เขาสอนหล่อนไว้อย่างมุมานะ เขาหันไปมองทางด้านหญิงสาวก็ยิ้ม
ด้วยทราบทางจิตแล้วว่า เจ้าหุ่นทั้งสองคงจะประสบความสำเร็จในงานที่เขาใช้ไปทำเรียบร้อยแล้ว
จึงออกจากสมาธิลืมตาขึ้นภาวนาคาถาที่ร่ำเรียนมา เพื่อคอยการกลับมาของหุ่นทั้งสอง
เขาคิดว่าจะสร้างหุ่นทั้งสองนี้เสียใหม่ด้วยดินที่เขามาต่อร่างมันยังเหลืออีกมากนักพอที่จะพอกทำเป็นรูปปั้นที่
น่ารักกว่ารูปเดิมที่รู้สึกว่าช่างน่ากลัว แล้วเขาก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบกระดานชนวนพร้อมทั้งแป้งกะแจะที่เขาเอามา
ปั้นเป็นแท่งๆพร้อมปลุกเสกอาคมไว้เรียบร้อยแล้วรวมกับผ้าผืนขาวที่เขาได้เขียนยันต์กำกับไว้ด้วยออกมา
พลางชำเลืองตาไปยังร่างสาวอ้อย ซึ่งบัดนี้ร่างของสาวอ้อยได้เปลี่ยนไปมากมีประกายสดใสเปล่งปลั่งออกมา
เขารู้ด้วยอำนาจจิตว่า บัดนี้สาวอ้อยได้เปลี่ยนร่างจากสัมภเวสีเป็นอทิสมานกายไปแล้วด้วยอำนาจแห่งสมาธิที่ใช้
เขาตรวจสอบด้วยอำนาจกสิณจึงทราบเหตุว่า หล่อนคงจะได้ฌานสมาบัติสูงขึ้นมากทีเดียวร่างจึงมีรัศมีดังที่เห็นมา
เมื่อเขานำกระดานชะนวนของพ่อที่มอบให้เขาไว้พร้อมสิ่งของต่างๆมาวางใกล้ๆตัวแล้ว ว่าจะเขียนยันต์ด้วย
อักขระแล้วลบเสียเพื่อจะเอาผงมาผสมกับดินสร้างร่างใหม่ให้แก่หุ่นนั้น เสียงสายลมพัดมาทางด้านหน้าของเขา
ก็ปรากฏร่างดำทะมึนสองร่างยืนอยู่เบื้องหน้าเขา พลางทรุดตัวลงนั่งพลางก้มลงกราบเขา
ชายหนุ่มพลางแบฝ่ามือออกทั้งสองข้าง ทันใดนั้นร่างหุ่นพยนต์ก็พุ่งเข้ามายืนลงบนฝ่ามือทั้งสองข้างเขา เขาก็นำ
มาร่ายเวทย์มนต์กำกับอีกครั้งหนึ่ง พลันร่างหุ่นทั้งสองนั้นลงจากฝ่ามือเขาปรากฏร่างอีกครั้งหนึ่ง เจ้าแสงสีก็รายงาน
ผลงานที่เขาไปทำแล้วก้มลงกราบพร้อมเจ้าสินชัยนามที่เขาตั้งขึ้นใหม่ ก็รายงานผลงานที่เขาใช้ให้ไปทำ
ทั้งสองก็กล่าวว่า หากไม่ได้อาจารย์ช่วยเหลือเพิ่มพลังงานแก่เขา เขาคงจะทำอะไรอาจารย์ดำไม่ได้หรอก
ชายหนุ่มพลันกล่าวขึ้นว่า เจ้ามิได้สร้างความผิดหวังให้แก่ข้าขอขอบใจมากนะแต่ไม่เป็นเวรเป็นกรรมของเจ้า
หรอกด้วยข้าตรวจสอบแล้วว่ามันจะต้องถึงฆาต ตามที่หัวหน้าผีในป่าช้าวัดโคกอีแร้งกล่าวไว้ไม่ผิด ป่านฉะนี้คงจะ
ถูกนำตัวลงไปรับโทษทันฑ์ในดินแดนนรกเสียแล้วล่ะ อ้อๆ!!!!...นี่ข้าก็เตรียมจะสร้างรูปกายให้เจ้าใหม่อีก เจ้าไป
พักผ่อนที่ยังพานที่ข้าจัดไว้ให้เป็นที่อยู่ของเจ้าก่อน พลางชี้ไปยังพานที่วางเรียงไว้บนโต๊ะหมู่บูชาซึ่งต่ำกว่า
พระพุทธรูป
พวกเจ้าทำสิ่งที่ต้องการสำเร็จข้าคิดจะสร้างรูปลักษณ์ใหม่ให้แก่เจ้า
จงไปพักผ่อนที่ข้าจัดไว้ให้แก่พวกเจ้าเสียก่อน หากข้าทำธุระที่เกี่ยว
กับเจ้าเสร็จเมื่อไหร่ ก็จะไปนำเจ้ามาสร้างรูปกายขึ้นใหม่ไปพักผ่อน
เถอะนะ
พลางเขาชี้ไปยังพานที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะหมู่บูชาที่เขาทำขึ้นใหม่ด้วยไม้มาประกอบขึ้นเป็น โต๊ะหมู่เล็กๆและมีพระพุทธรูป
องค์หนึ่งวางอยู่บนสุดพร้อมด้วยแจกันดอกไม้ทั้งสองข้าง ส่วนด้านล่างก็มีพานสามพานตั้งเรียง โต๊ะหมู่นี้อยู่ภายในห้องที่เขากั้นฉากไว้ด้วยผ้าบังเป็นฉากกั้นโต๊ะหมู่ที่วางอยู่มุมห้องให้เป็นสัดส่วน ผ้านั้นสามารถรูดเปิดปิดได้
ซึ่งบัดนี้เขาเปิดผ้ารูดพันไว้ยังริมฝาผนังห้องและนั่งอยู่ ใกล้ๆมีร่างหญิงสาวกำลังเจริญสมาธิอยู่ พลางหันไปพูด
กับเจ้าหุ่นพยนต์ทั้งสองว่า หากข้าทำรูปร่างเจ้าใหม่แล้วก็จะสอนวิชาอาคมบางอย่างเพื่อให้เจ้าไว้ใช้ป้องกันตัวด้วย
พร้อมให้เจ้าหัดเจริญสมาธิเพื่อสร้างผลบุญกุศลลบล้างความผิดที่เคยทำให้หนักเป็นเบาได้บ้าง แต่ทั้งนี้ล้วนแล้วแต่
ตัวของเจ้าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนนะ
หุ่นทั้งสองก็ก้มลงกราบชายหนุ่มอีกครั้งหนึ่งพร้อมทั้งสองกล่าวว่า แล้วแต่อาจารย์จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ข้าจะ
พยายามสุดความสามารถจ๊ะ
ดีแล้วล่ะเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัย ข้าจะไม่ให้เจ้าสร้างบาปกรรมอะไรหรอก เพียงให้เจ้าช่วยดูแลคนดีๆและช่วย
เหลือพวกเขาเท่านี้ข้าก็พอใจแล้วล่ะ เจ้าไปพักผ่อนบนพานที่ข้าตั้งไว้ซ้ายมือแล้วกันนะ ข้าก็จะเริ่มทำงานเพื่อสร้าง
ร่างกายเจ้าให้ใหม่สวยงามกว่าเดิมอีก ชายหนุ่มกล่าว
เจ้าหุ่นทั้งสองพอได้รับฟังเช่นนั้นพลันก้มลงกราบอีกครั้ง ร่างมันก็พุ่งเข้าไปยังพานที่ชายหนุ่มบอกไว้ทันที
แล้วร่างมันก็นอนเรียงกันบนพานนั้น กายมันยังเป็นหุ่นรูปร่างเดิมที่อาจารย์ดำทำไว้เพื่อรอให้ชายหนุ่มจัดการ
เปลี่ยนร่างจากมันขึ้นใหม่
ชายหนุ่มเพียงแค่หันไปมองร่างสาวอ้อยที่ยังไม่ออกจากสมาธิ คงจะอยู่ในขั้นเอกะคัตตะซึ่งย่อมไม่รับรู้อะไร
ทั้งสิ้นต่อสิ่งภายนอก อันเอกะคัตตะสมาธินี้ ก็มีลักษณะคล้ายๆกับ อุเบกขานั่นเอง เพียงแตกต่างกันกับอุเบกขา
ด้วยอุเบกขาคือการวางเฉยเมยหากทำไม่ได้ เป็นหลักการทำงานของผู้ที่ใช้ปกครองคนมีอยู่ในพรหมวิหารสี่ ข้อ
สุดท้ายของพรหมวิหารสี่เป็นข้อปฏิบัติของผู้เป็นผู้ใหญ่ในการปกครองคนทั่วๆไป
คือรู้ตัวเองแต่ช่วยไม่ได้ก็วางเฉยๆเท่านั้น ส่วนเอกะคัตตะสมาธินั้นจิตจะต้องรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นสงบเงียบไม่
สนใจอะไรนอกจากจิตเท่านั้นปราศจากสิ่งใดๆมารบกวน ซึ่งแตกต่างกันมากมายนัก แต่คือมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
เมื่อเห็นดังนี้ เขาก็เริ่มสวดมนต์ภาวนา นำแป้งกระแจะที่ปั้นเป็นคล้ายๆกับชอร์ค พร้อมด้วยดินที่ปั้นเป็นกลมๆ
สองก้อนและกระดานชะนวนขึ้นจบภาวนามนต์ที่ร่ำเรียนมาก พร้อมก้มลงกราบพระพุทธรูปสวดมนต์บูชาพระ
รัตนตรัย แล้วก็เข้าฌานสมาธิฌานต่างๆจนครบ พร้อมกับเจริญฌานกสิณสิบด้วยแล้วเข้าฌานต่อประมาณสองสาม
เที่ยว จึงนำจิตลงมาในขั้นอุปจารสมาธิเพื่อดำเนินพิธีการต่อไป
จะขอกล่าวสักหน่อยขั้นอุปาจาระสมาธินั้นเป็นสมาธิที่อยู่สูงกว่าขนิกกะสมาธิก่อนจะเข้าปฐมฌานซึ่งเป็นฌานแรก
และมีความสำคัญมาก ย่อมรู้ตัวในการกระทำใดๆทั้งสิ้นซึ่งเป็นสมาธิที่บรรดาเกจิอาจารย์ ไม่ว่าอาจารย์ใดๆก็ตาม
ย่อมจะลงมาทำสิ่งของต่างๆในขั้นนี้ แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธะเจ้าก็ยังเสด็จปรินิพพานในขั้นนี้เอง
ตามที่พระอรหันต์อนุรุธธะเถระเจ้า ซึ่งเชี่ยวชาญฌานสมาบัติคอยติดตามทุกๆขณะจิตในการเสด็จเข้าสู่พระปรินิพพาน
นำมาบอกกล่าวแก่บรรดาเถระเจ้าทั้งหลายให้ฟังซึ่งจารึกไว้ในพระสูตรเป็นต้น
ยกเว้นพวกเรียนทางด้านคุณไสย์สายดำเท่านั้น แต่ก็ต้องมีสมาธิเหมือนกันแต่เพียงอยู่แค่อุปาจาระสมาธิ
ไม่ได้ไปยังฌานต่างๆหรือกสิณ หรือพวกที่ร่ำเรียนมีสมาธิจนช่ำชองแล้วเดินผิดทางไปทางด้านไสย์ดำได้ฌาน
สมาบัติ วิชาจึงจะแก่กล้ากว่าพวกไม่ได้ด้านสมาธิหรือเพียงแค่อุปจาระสมาธิ นั่นเอง
ฉะนั้นบรรดาทางครูบาอาจารย์จึงให้ความสำคัญมากกว่าสมาธิอื่นๆใดทั้งสิ้น ด้วยหากจะลงของไม่ว่าจะเป็นการ
เขียนอักขระหรือยันต์ใดๆก็ตามย่อมจะสมฤทธิ์ผลมากกว่าฌานอื่นๆ หากผู้ใดไม่มีฌานสมาบัติสมาธิอันแกร่งกล้าจะ
มาทำเวทย์มนต์ใดๆก็จะไม่สำเร็จ ของสิ่งเหล่านั้นก็หาประโยชน์อันใดๆมิได้ ฉะนั้นอาจารย์ที่เก่งหรือไม่เก่งนั้นก็อยู่
ด้วยใครจะมีสมาธิแก่กล้ากว่ากันเท่านั้น และต้องไม่มีความประมาทเป็นอันขาด มิฉะนั้นของนั้นๆจะเข้าตัวเอง
แต่คนที่สามารถทำได้ต้องเชี่ยวชาญในเรื่องสมาธินี้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว นึกเมื่อไหร่ก็สามารถทำได้
จะดีหรือชั่วก็แล้วแต่การกระทำของผู้นั้นเท่านั้นเองว่าจะใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดี ของนั้นหากปลุกเสกดีแต่คนใช้ไม่ดี
ของเหล่านี้ก็จะเสื่อมไม่สามารถคุ้มครองป้องกันได้ หากคนใช้เป็นคนดีใช้ในทางที่ดี จิตใจอยู่ในฝ่ายกุศลธรรมของ
นั้นย่อมไม่มีวันเสื่อมสลายไป อุปมาดังทองคำถึงแม้ว่าจะละลายไฟ หรือถูกทิ้งไว้ในโคลนตม หรืออาจมก็ตามย่อมเป็นทองคำวันยังค่ำมิได้กลายเป็นอื่นไป เฉกเช่นเดียวกัน
ดังนั้นวิชาอาคมที่ทางสายขาวร่ำเรียนมาเพื่อใช้ในการป้องกันตัวหรือไสย์เวทย์ดำก็ตาม หากนำมาช่วยเหลือ
ใช้ในทางที่ถูกที่ควรแก่คนดีๆ บำรุงพุทธศาสนาก็จะไม่เสื่อมสลายไป วิชาอาคมสายขาวจึงเหนือกว่าพวกที่ร่ำเรียน
ทางสายดำมากมายนักด้วยต้องใช้สมาธิจิตขั้นสูงๆ อาคมทางไสย์เวทย์ดำจึงมิอาจจะเทียบเทียมได้
ครั้นชายหนุ่มเข้าสมาธิจนถึงขั้นสูงสุดแล้วลงมาถึงขั้นอุปาจาระสมาธิก็หยิบดินสอที่ทำด้วยแป้งประแจะเขียน
ยันต์อักขระพร้อมท่องมนต์ต่างๆลงบนชะนวนดำ พอจบบทหนึ่งยันต์หนึ่ง ก็ลบให้ผงฝุ่นตกลงมายังผ้าสีขาว
ในกระดานชะนวนที่ลงเลขอักขระยันต์ต่างให้หล่นลงมายังที่ใช้รองรับไว้
เมื่อเขียนจนพอใจแล้ว ก็หยุดการเขียนวางชะนวนไว้หน้าหิ้งพระ พลางนำผงเช่นผงยันต์ตรีนิสิงเห ผงอิธิเจ
ผงยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ และผงยันต์เกราะเพชรต่างๆเป็นต้น จนพึงพอใจ เมื่อได้ผงพอประมาณเพียงพอแล้ว
เขาจึงนำมาคลุกเคล้ากับดินในป่าช้าจนรวมตัวกันในระหว่างการทำก็เสกมนต์กำกับไปด้วย ท่องบ่นมนต์ทุกๆครั้ง
เมื่อครบถ้วนแล้วก็นำเอาผ้าขาวที่หุ้มห่อดินที่ผสมผงไว้มาภาวนามนต์ต่างๆอีกครั้งหนึ่ง จึงไปนำร่างหุ่นทั้งสองที่นอนอยู่บนพานมา ปั้นพอกรูปหุ่นก่อนปั้นได้นำสายสินธ์ที่เสกมนต์ไว้แล้วนำมาพันยันต์ที่เขาทำไว้หุ้มห่อร่างอีชั้นหนึ่ง พร้อมใช้ดินคลุมผ้าดัดแปลงร่างหุ่นทั้งสองไว้ พันด้วยด้ายสายสินธ์ทับด้วยดินที่ผสมผงยันต์ต่างๆอีกชั้นหนึ่งปั้นเป็นรูปร่างชายทั้งสองหุ่นไว้ เขาบรรจงปั้นหุ่นให้เหมือนชายเท่าที่สามารถทำได้
อาศัยที่เคยเห็นแม่ชอบแกะสลักไม้อยู่เสมอๆ จึงจดจำนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ดัดแปลงร่างหุ่นขึ้นเสียใหม่
เหตุดังนี้จึงไม่นานนักหุ่นทั้งสองก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นร่างของชายทันทีทั้งสอง แล้วนำสีฝุ่นที่เขาตระเตรียม
ไว้มาเขียนแต่งหน้าแต่งตารูปร่างด้วยสีฝุ่นหลากหลายสี ตลอดจนใส่เสื้อผ้าให้ดูสดสวยงามขึ้นทำให้หุ่นแลดูงดงาม
พร้อมทั้งเขียนอักขระขอมกำกับไว้อีกชั้นหนึ่งด้วยก็สำเร็จในรูปหุ่นที่สร้างขึ้นใหม่ ดังนั้นหุ่นจึงเป็นเป็นรูปชายงาม
รูปร่างกำยำล่ำสันสวยงาม เขาจับหุ่นทั้งสองวางนอนไว้ข้างหน้าพลางเจริญฌานกสิณแล้วภาวนาเรียกอาการทั้ง
สามสิบสอง ธาตุต่างๆของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณพลางเป่าไปยังร่างหุ่น จนร่างหุ่นกระดุกกระดิกได้
ครั้นเสร็จแล้ว จึงนำร่างหุ่นชายกำยำล่ำสันใบหน้าสวยงาม มาวางยังเบื้องหน้าเขา เข้าสมาธิอีกครั้งแล้วจึง
มานั่งเพ่งกสิณกำกับจนหุ่นทั้งสองลุกขึ้นยืนได้ และสามารถวิ่งไปๆมาๆตามเขาสั่งได้ตามใจปรารถนา ในมือหุ่น
เขาก็เหลาไม้เสกมนต์ต่างๆสร้างเป็นอาวุธใส่ไว้ในมือของหุ่นแต่ละตัว อีกอันหนึ่งเสียบไว้ที่ผ้าสีที่เขาพันไว้ที่เอวของ
หุ่นทั้งสอง แล้วเรียกหุ่นเข้ามากำไว้ในฝ่ามือนั่งภาวนากำกับอีกชั้นหนึ่ง
ก็เป็นอันเสร็จพิธี พลางกล่าวกับหุ่นทั้งสองให้กลับไปนอนพักผ่อนยังที่จัดไว้ในพานได้
ทันใดร่างหุ่นทั้งสองก็เดินไปที่พานของตนแล้วกระโดดขึ้นไปนอนยังพานทันที ก่อนจะไปหุ่นทั้งสองก็มอง
ภาพของตัวเอง รู้สึกพอใจยิ่งนักหันมาก้มกราบชายหนุ่มอีกครั้งก่อนจะไปนอนบนพานของตัวทั้งสองตน
ครั้นพิธีการผ่านพ้นไปแล้ว เขายังเหลือบแลเห็นหญิงสาวยังเข้าสมาธิอยู่และไม่รบกวน เพียงแลเห็นสิ่งที่ออกมาเป็น รัศมีต่างๆได้แผ่ครอบคลุมร่างหญิงสาวไว้ เขาทราบว่าบัดนี้ร่างสัมภเวสีของหญิงอ้อยแปรเปลี่ยนไปแล้ว
จากเดิมมาก จนกลับกลายเป็นอทิสมานกาย ซึ่งเปรียบเสมือนกลับกลายเป็นเทพยดาอัปสร
ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้เข้ามุ้งไปนอนเพื่อพักผ่อนทันที คงปล่อยให้หญิงสาวอ้อยนั่งสมาธิคนเดียวต่อไป
อากาศตอนเช้าในบ้านเขาล้วนแล้วปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ ด้วยเต็มไปด้วยภูเขาที่รอบล้อมตลอดจนต้นไม้
จำนวนมาก พระอาทิตย์ถึงขึ้นมาแล้วแต่ก็ยังเพียงแค่ส่งแสงเท่านั้นแต่ถูกภูเขาบดบังเสียสิ้น จึงทำให้อากาศนั้นยัง
คลุมเครือ เพียงแค่รู้ว่าสว่างในวันใหม่เท่านั้นเอง
เขาออกมายืนสูดลมหายใจเข้าออก ทำการบริหารร่างกายที่เคยทำอยู่อย่างสม่ำเสมอทุกๆครั้ง ก่อนจึงจะไปจัดการ
ทำธุระในห้องน้ำ ครั้นออกมาก็เห็นพ่อแม่เขากำลังเตรียมตัวจะใส่บาตรพระ เขาเดินเข้าไป ได้ยินแม่กล่าวว่า
เดี๋ยวหลวงพ่อทองก็จะพาพระมาบินฑบาตรแล้ว
วันนี้แม่เตรียมของไว้ให้ลูกเรียบร้อย มาๆเรามาใส่บาตรร่วมกันนะ ดีเหมือนกันจ๊ะแม่ผมจะได้แผ่กุศลให้เขาด้วย
ครับชายหนุ่มตอบแต่อดย้อนถามแม่ไม่ได้ว่า เรื่องรูปแกะสลักแม่ได้ดำเนินไปถึงไหนแล้ว คราวนี้พ่อหันมาตอบ
เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก หลวงพ่อและพ่อแม่ได้ไปจัดการให้เรียบร้อยแล้ว อัญเชิญแม่นางมาสถิตย์อยู่แต่ตอนนี้อยู่
ในห้องของแม่แก เสริมทำพิธีอยู่นะเดี๋ยวก็คงจะนำมาให้ลูกหลังจากใส่บาตรพระกระมัง???.... ชายผู้พ่อกล่าวขึ้น
ชายหนุ่มหันไปยิ้มกับแม่ พร้อมกล่าวว่า ขอบพระคุณมากครับแม่และพ่อที่ช่วยเหลือผมไว้ พลางยกมือขึ้นไหว้
แม่ครับ.....แล้วนำมาให้ผมดูด้วยนะครับ
เออ!!!!....แม่ทำพิธีเสร็จแล้ว นางนี้สวยจริงๆนะนิสัยก็งดงามด้วยล่ะเจ้าโชติ ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น
จ๊ะๆแม่ผมเห็นมาแล้วล่ะ เคยนั่งคุยกันที่กุฎีหลวงพ่อเกือบทั้งคืนเลยล่ะ เขาพูดพลางหัวร่อพลาง
นั่นซิแม่ก็สงสัย พอเสร็จพิธีเขาก็ปรากฏร่างมาคุยกับแม่และยังถามถึงเจ้าอยู่เหมือนกัน รู้สึกว่าจะยังไงๆชอบกล
เหมือนกันนะ
แม่คิดมากไปหรือเปล่าล่ะ?.... ชายหนุ่มถาม
ไม่หรอกว๊ะเจ้าโชติ พ่อเองก็รู้เหมือนกันล่ะ และยังรู้อีกว่าไม่แค่นั้นนะ แล้วก็หยุดชะงักไม่กล่าวต่อ
อะไรอีกหรือพ่อ แม่ทำไมเล่าไม่จบเสียล่ะ????..... ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
ก็มันยังไม่ถึงเวลานี่นาและเบื้องบนก็ห้ามไว้ด้วยว่าไม่ตัองพูดมากให้ลูกฟังด้วยซิ.... พ่อเชียรกล่าว
อ้าวๆๆ...?????.... พ่อรู้ได้ยังไงล่ะ???....
เฮ่อๆๆ.....กูกับแม่มึงรู้ก็แล้วกัน แต่พอเอ็งเก่งขึ้นกว่านี้อีกหน่อยก็จะรู้เองแหละว๊ะ
ตอนนี้ไม่ต้องพูดมาก โน่นหลวงพ่อนำหน้าพระมาแล้ว.....
มาๆๆ ไปเตรียมตัวใส่บาตรกันเถอะ พลางหยิบโต๊ะตัวเล็กๆ นำไปวางไว้หน้าบ้าน ส่วนเขาและแม่ก็ช่วยยกของ
ใส่บาตรไปวางไว้บนโต๊ะเตรียมตัวคอยหลวงพ่อและพระรูปอื่นๆจะมาถึงบ้านของเขา...
สักพักหนึ่งหลวงพ่อนำหน้าพระรูปอื่นๆก็เดินเข้ามารับบาตรจากสามพ่อแม่ลูก หลวงพ่อเมื่อให้ศีลให้พรแล้ว
ก็หยุดยืนสักพักหนึ่ง พลางกล่าวขึ้นว่า โยมเชียรไม่ต้องห่วงอะไรแล้วน่ะลูกโยม เด็กคนนี้มันสะสมผลบุญ
มานานแล้วและมันก็เก่ง อาตมาคิดว่าอีกไม่นานอาจจะเก่งกว่าโยมเชียรเสียอีกนะ หลวงพ่อทองกล่าวขึ้น
กระผมคิดว่าด้วยเพราะหลวงพ่อสนับสนุนแนวทางที่ถูกต้องให้แก่มันหรอกขอรับหลวงพ่อ พ่อเชียรเอ่ยขึ้น
ไม่หรอกโยม....ด้วยวาสนามันแปลกๆดีเหมือนกัน เคยทำบุญด้วยกันมาและอธิษฐานด้วย ตลอดจนมันเคยสะสม
บารมีทางด้านนี้มามาก จึงทำให้มันได้เรียนรู้จนอาตมาหมดสิ้นความรู้ โยมไม่สังเกตุบ้างหรือมันใช้เวลาไม่นานเลย
ก็ร่ำเรียนวิชาความรู้จาก โยมเชียรและโยมเข็มจนหมดสิ้น ยังไม่ถึงเดือนเลยมันก็สำเร็จหมดแล้ว คิดว่าเทพยดาคงจะ
มาแนะแนวทางให้มันด้วย สิ่งที่มันคิดไว้จึงสมฤทธิ์ผลเร็วกว่าปกติผิดกว่าคนธรรมดาเสียอีก
อีกประการหนึ่งมันมาจากชั้นสูงๆเสียด้วยซิ เรื่องมันจะลืมตัวหรือหน้าที่มัน ก็ด้วยเป็นลิขิตที่เขาสร้างมันขึ้นมาไว้
เองแหละน๊ะ.... หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
หน้าที่อะไรที่มันทำหรือขอรับหลวงพ่อ???.... พ่อเชียรถามทั้งๆที่รู้เพื่อให้แน่ใจว่าจะตรงกับหลวงพ่อหรือไม่
เออนั่นแหละที่เขากำหนดวางมันไว้เอง โยมก็รู้อยู่แล้วนี่นา เอาล่ะเท่านี้ก่อนนะ อาตมาจะต้องไปที่อื่นอีก....
พอกล่าวเสร็จ หลวงพ่อก็เดินนำหน้าพระรูปอื่นๆเดินจากไปจนลับสายตา เพราะแต่ละบ้านล้วนห่างๆกันมากเสียด้วย
เมื่อหลวงพ่อและพระรูปอื่นจากไปแล้ว ก็หันมาทางลูกชาย พูดขึ้นว่า...
เอ็งได้ยินหลวงพ่อพูดแล้วใช่ไหม และอย่าทนงตนลืมตัวไปเสียล่ะถึงแม้จะมีวิชาก็จริงแต่ก็อย่าประมาทนะ...
ครับ พ่อผมจะไม่ใช้ในทางที่ผิดหรอก นอกจากจะช่วยเหลือคนเท่านั้นและอาจจะบางทีจะได้ช่วยศาสนาด้วย
ดีแล้วล่ะลูก ความประมาทคือหนทางแห่งความหายนะ เมื่อไม่ลืมก็ดีแล้ว ไปเถอะช่วยกันเก็บของไปได้แล้ว
เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็จะไปไร่เสียหน่อย แต่คงจะกลับมามืดๆค่ำๆแหละ ผู้เป็นพ่อกล่าว
เดี๋ยวเสร็จแล้วโชติลูกไปห้องแม่หน่อยนะ แม่เข็มกล่าว
ครับเดี๋ยวเสร็จแล้วผมจะตามไปครับ....ชายหนุ่มตอบ
ครั้นทั้งหมดเก็บของแล้ว ชายหนุ่มก็นำสิ่งของไปล้างและเก็บไว้เพื่อใช้ในวันรุ่งขึ้นต่อไป แล้วถือแก้วน้ำมาตรวจน้ำ
อธิษฐานขอขมาอาจารย์ดำ แผ่ส่วนกุศลไปให้กล่าวว่าอย่าได้ถือเป็นเวร จองเวรกันเลยนะแล้วแผ่ให้กับของที่เลี้ยงไว้
พร้อมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลาย แล้วนำน้ำไปรดยังโคนต้นไม้ทันที
ครั้นก้าวขึ้นบันไดบ้านก็นึกถึงคำพูดของแม่ได้จึง หันเดินไปยังห้องแม่ที่อยู่ติดๆกับห้องของเขา พอไปถึงเห็นแม่
กำลังถือของอยู่ เขามองดูเป็นไม้แกะสลักหญิงสาวตบแต่งร่างด้วยผ้าแพรสวยงามพร้อมด้วยสายสร้อยประดับและสิ่ง
บางอย่าง รูปแกะสลักนั้นเขียนคิ้วปากด้วยสีฝุ่นแลสวยงามยิ่งนัก ยืนอยู่บนฐานไม้ค่อนข้างกว้างพอสมควร
เขาทึ่งในฝีมือการสร้างของแม่เขา ช่างเก่งเสียจริงๆ รูปนั้นสวยงามยิ่งนัก สวยกว่ารูปแกะสาวอ้อยที่หลวงพ่อทำ
มากมาย แต่มีลักษณะเช่นเดียวกันคือยืนอยู่บนแท่น แต่ของแม่นางนี้สูงใหญ่กว่า คงเนื่องจากท่อนไม้ที่ใหญ่พอควร
แม่ยื่นสิ่งของดังกล่าวให้เขา พร้อมกับกล่าวว่า...
เอ็งระวังหน่อยนะ เทพอัปสรองค์นี้แม่แทบไม่ต้องปลุกเสกเลยแรงมากๆเสียด้วย แม่นั่งสมาธิตรวจสอบเห็น
ว่ามีเทพใหญ่ๆทั้งหลายต่างมาช่วยกันด้วยล่ะ แม่เข็มกล่าวกับลูกชาย
เรื่องนี้เขาพอจะรู้แต่ไม่ได้พูดอะไรกับแม่ พลางกล่าวขอบคุณ แล้วก้มลงกราบแม่ พร้อมรับเอามาถือไว้
โชติเอ๋ย...รักษาให้ดีๆนะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปไร่แล้วล่ะ ส่วนสาวชบากับเจ้าแกละแม้จะไม่เก่งเท่ากับหญิง
ทั้งสองนี้ ก็ช่วยบอกให้เขาตักเตือนด้วยนะ แม่เข็มกล่าวขึ้น พร้อมรีบเดินออกจากห้องเพื่อไปไร่กับพ่อเชียรทันที.....
* แก้วประเสริฐ. *