24 พฤศจิกายน 2553 14:29 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๓
หลังจากข่าวแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านโคกอีแร้งที่รู้ข่าวจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
และบรรดากรรมการว่าหลวงพ่อทองสร้างวัตถุมงคลเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ทำบุญในวันสงกรานต์นี้
เพื่อนำเอาเงินมาซ่อมแซมโบสถ์ ศาลาและสิ่งทรุดโทรมไปของวัด
ทำให้ชาวบ้านโคกอีแร้งต่างพากันดีใจและตื่นเต้นกันยกใหญ่
ด้วยพวกเขาเคยไปขอร้องหลวงพ่อท่านหลายต่อหลายครั้งแล้วถูกท่านจะปฏิเสธทุกๆครั้งไป
ว่ายังไม่ถึงเวลาจะทำวัตถุมงคลต้องให้รอไปก่อน
ข่าวนี้เหมือนฟ้าฟาดลงมากลางวันแสกๆอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย บรรดาทุกครัวเรือนต่างรีบเดินทาง
มาพบกำนันและพวกกรรมการสอบถามว่าจริงหรือที่หลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลขึ้น
บรรดากำนันผู้ใหญ่บ้านและกรรมยังบอกว่า
พระและลูกอมนั้นสวยงามยิ่งนักพวกกูเห็นมาแล้ว เปล่งประกายรัศมีแพรวพราวหลายหลากสี
ไม่เหมือนพระทั่วๆไป
ที่กูเคยเห็นมาก่อน หากใครได้ของสิ่งนี้ไปถือได้ว่าได้ของศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
หลวงพ่อทองยังกล่าวว่าท่านจะทำเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว
ดังนั้นข่าวนี้ทำให้ชาวบ้านพากันตื่นเต้นกันยกใหญ่ ด้วยทุกๆคนมีศรัทธา
ต่อหลวงพ่อมากอยู่แล้วและยังทราบด้วยว่าหลวงพ่อทองนั้น
เก่งกล้าอาคมเชี่ยวชาญเวทย์มนต์นัก แต่หลวงพ่อท่านเป็นคนเก็บตัว
เคยมีคนในกรุงเทพฯเดินทางมาหาด้วยทราบจากเกจิอาจารย์ต่างๆที่เก่งๆหลายรูปบอกว่า
หลวงพ่อทององค์นี้ท่านเก่งมาก เก่งกว่าพวกกูเสียอีก แต่ก็ถูกหลวงพ่อปฏิเสธไปทุกๆครั้ง
แม้จะมอบเงินให้เป็นจำนวนมากก็ตาม และยังจะขอสร้างโบสถ์ให้ แต่ท่านยังไม่ยอมรับบอกว่า
เกจิอาจารย์ทั้งหลายยกย่องท่านไปเอง ด้วยไปธุดงค์แล้วเจอกันเคยร่ำเรียนวิชาแลกเปลี่ยนกันก็เท่านั้น
แต่ข้าไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้ว ขอให้โยมกลับไปเถอะนะ
พวกทางกรุงเทพฯเลยหงายเก๋งไปตามๆกันซึ่งก็มีหลายคณะแต่ก็เหมือนกันทุกคณะ
จนข่าวเงียบหายไป
โดยท่านออกตัวว่าท่านไม่ได้เก่งกาจอะไรเลยเพียงแค่พระธรรมดารูปหนึ่งเท่านั้น
และวิชาที่เคยรู้ก็ไม่ได้ใช้อีกท่านตอบพวกชาวกรุงเทพฯไป
แต่ชาวบ้านนั้นรู้ว่าท่านเก่งกล้าสามารถมาก ด้วยเคยมีคนโดนของไปหาอาจารย์อื่นมาแก้ไข
ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ครั้นจนปัญญาจริงๆจึงได้ไปเชิญหลวงพ่อมาช่วย
ตอนแรกท่านก็ไม่มาอ้างว่าความรู้ท่านไม่มีอะไรนอกจากธรรมะเท่านั้น
แต่ทนรบเร้าไม่ได้บอกว่าหากท่านไม่ช่วยคนถูกกระทำเห็นจะต้องเสียชีวิตแน่นอน
เพียงแค่นอนหายใจโรยรินเท่านั้นเอง
แล้วตอนนี้คนถูกกระทำนั้นอาเจียรและถ่ายออกมาเป็นเลือดร่างกายไม่ไหวติง
นอกจากเหลือเพียงลมหายใจเท่านั้น ชาวบ้านเห็นท่านหลับตาสักพักหนึ่งก็ไม่ว่าอะไร
คว้าย่ามเดินตามชาวบ้านที่ไปตามมา พอท่านย่างเข้าเขตบ้านเท่านั้น
เสียงคนเจ็บร้องโหยหวนจากที่นอนแขม่วๆอยู่ ลุกขึ้นมานั่งตาแดงๆเหลียวซ้ายแลขวา
ทำตาหลอกแหล่กๆไปๆมาๆ แล้วพลางร้องคร่ำครวญโหยหวน พลางร้องว่า.......
ข้ากลัวแล้วๆๆๆจะไปเดี๋ยวนี้แหละอย่าทำข้าเลย มันร้องอย่างนี้เสียงไม่ใช่คนในหมู่บ้าน
จนกระทั่งคนนำหลวงพ่อมาต่างงุนงงไปหมด
เมื่อหลวงพ่อก้าวขึ้นบันไดบ้าน ร่างคนเจ็บก็หงายผึ่งทันที หลวงพ่อท่านไม่ว่าอะไร
พลางหยิบเทียนออกมาเล่มหนึ่งเป็นเทียนธรรมดา พลางเดินไปที่หัวคนเจ็บแล้วเขียนอะไรไม่รู้
แต่ชาวบ้านคิดว่าคงจะลงอักขระไว้แล้วเป่าหัวคนเจ็บไปสามครั้งเท่านั้นเอง
คนเจ็บที่นอนแน่นิ่งก็ลุกขึ้นพลางอ๊วกออกมาเป็นหนังควายแผ่นเบ้อเริ่มและยังมีตะปูตามออก
มาอีกหลายตัวนับเป็นกองได้ แต่หนังควายและตะปูมันดิ้นไปดิ้นมาได้
เห็นหลวงพ่อเอาเทียนนั้นขีดวงกลมล้อมมันไว้ แล้วเป่าลงไป
ทั้งหนังควายและตะปูหยุดดิ้นทันที ท่านก็หยิบของเหล่านี้เอามาใส่ย่าม
แล้วท่านก็ทำน้ำมนต์ให้คนเจ็บดื่ม สักพักเดียวคนเจ็บก็เป็นปกติ
พลางหันมากราบหลวงพ่อเมื่อแลเห็น แล้วหันไปถามลูกเมียมันว่ามันเป็นอะไร
ตอนแรกรู้สึกปวดท้องเฉย กินยาอย่างไรก็ไม่หายพอตกกลางคืน
มันปวดจนลืมตัวไปไม่รู้สึกตัวเลย พึ่งจะมารู้สึกตัวนี่เองแต่ยังปวดท้องนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง
หลวงพ่อท่านไม่กล่าวอะไรแล้วทำน้ำมนต์ให้อีก หันไปสั่งญาติมันให้ดื่มน้ำนี้จนหมด
แล้วมันก็จะหายเอง พอท่านรักษาเสร็จก็กล่าวลา ออกเดินทางกลับวัดทันที
ทางบ้านคนเจ็บจะเอารถไปส่งท่านบอกว่าไม่ต้องหรอก เดี๋ยวจะเอาของของมันไปฝังเสียก่อน
แล้วท่านก็ล้วงผ้ายันต์สีแดงๆในผ้าเขียนยันต์ต่างๆไว้แล้วนำเอาหนังควายกับตะปู
มาใส่ลงในผ้านั้นแล้วผูกด้วยด้ายสายสินธ์ แล้วเก็บเข้าย่ามออกเดินทางกลับทันที
ก่อนจะออกจากบ้านท่านนำถุงทรายจากย่ามมาส่งให้เจ้าของบ้านนั้นถุงหนึ่ง
พลางบอกว่าให้เอาไปโปรยรอบบ้านไว้แล้วบนหลังคาด้วยนะ อย่าลืมล่ะแล้วท่านก็จากไป
ตั้งแต่นั้นมาหากใครเป็นอะไรก็มักจะมาหาท่านให้ท่านไปช่วยแต่ท่านนั่งหลับตาสักพักหนึ่ง
ท่านบอกว่าไม่ต้องไปหรอกเอ็งเองของข้าไปสวมหัวมันเท่านั้นก็พอ
แล้วท่านก็เอาสายสินธ์มาควั้นผูกเป็นบ่วงให้ใช้สำหรับคล้องคอได้
บอกว่าภายในเจ็ดวันสิบห้าวันห้ามถอดออกแล้วห้ามร่วมประเวณีด้วย
เมื่อสวมแล้วมันก็จะหายเองแหละท่านกล่าวเพียงเท่านี้ พลางให้คนไปหากลับบ้านได้
ให้รีบนำไปคล้องคอมันเสียเร็วๆนะ
เมื่อคนที่มาหาหลวงพ่อทำตามหลวงพ่อท่านกล่าวไว้ ภายหลังมารายงานว่า
คนเจ็บหายป่วยแล้วล่ะ ชื่อเสียงของท่านจึงดั่งกระฉ่อนไปทั่วหมู่บ้านโคกอีแร้ง
หากคนใดผิดปกติทั่วๆไปมักจะมาหาหลวงพ่อท่านก็เพียงหลับตาแล้ว
ก็ทำเหมือนเดิมบ้าง เสกไม้ให้ไปคล้องคอบ้าง ทุกๆคนก็หายจากที่เป็นทุกๆคน
ทำให้ชาวบ้าน อยากได้วัตถุมงคลติดตัวบูชาแต่ท่านก็ไม่ยอมทำมาจนบัดนี้
มาบัดนี้ทราบว่าหลวงพ่อท่านจะทำของมงคลมอบแจกจ่ายเพียงแก่ผู้ร่วมทำบุญ
ตามแต่ศรัทธาเท่านั้น ตามที่กำนันและกรรมการบอก พวกกำนันและพวกกรรมการ
ยังอธิบายวิธีการใช้ของหลวงพ่อ ให้บรรดาชาวบ้านที่มาประชุมฟัง
ว่าหากใครทำไม่ดีของจะหนีไปเองด้วยให้ระมัดระวังไว้รักษาไว้ให้ดีๆ
จะไปขอท่านอีกท่านบอกว่าจะไม่ให้ใครอีก
ครั้นกำนันผู้ใหญ่บ้านและกรรมการมาแจ้งข่าวแก่ชาวบ้าน ชาวบ้านก็แสนจะดีใจ
ไม่คิดว่าหลวงพ่อจะสร้างเคยอ้อนวอนหลายต่อหลายครั้งไม่เคยสำเร็จสักครั้งเดียว
ดังนั้นชาวหมู่บ้านโคกอีแร้งจึงตื่นเต้นกันใหญ่ กำนันและพวกกรรมการบอกว่า
จะทำพิธีในวันเสาร์ อาทิตย์นี้ หลวงพ่อมาขอแรงไปช่วยเหลืองาน
ชาวหมู่บ้านก็ดีใจต่างรีบมาลงชื่อจนกำนันและพวกกรรมการปวดหัวไปตามๆกัน
จึงได้แบ่งหน้าที่ให้บรรดาแม่บ้านและลูกบ้านฝ่ายชายช่วยงานกัน
ทุกๆคนรีบตอบรับทันที ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายกำนันและกรรมการจะออกให้
แต่ถูกชาวบ้านปฏิเสธแทบทุกๆคนว่าไม่ต้องสิ่งของอีกหลายๆอย่างนั้นมีอะไรบ้างขอดู
ชาวบ้านต่างรับอาสาและบอกว่าของในการทำนี้ไม่ต้องให้กำนันจ่าย
พวกข้าจะจัดการเองทั้งสิ้นแล้วขอดูรายการสิ่งของทั้งหมด
ทั้งพ่อบ้านแม่บ้านต่างแบ่งหน้าที่กันทันที
กำนันและกรรมการบอกว่าของต้องทำให้แล้วเสร็จเรียบร้อยในวันเสาร์นี้
ต้องพร้อมทุกอย่างอย่าได้ขาดเป็นอันขาด
ทุกๆคนรับทราบบอกว่าเสร็จแน่นอน ด้วยยังมีเวลาอีกสามสี่วันคงทันแน่ๆ
กำนันบอกว่าการทำพิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลขึ้นภายในอุโบสถ์เท่านั้น
และยังบอกว่าหลวงพ่อยังเปรยๆว่าจะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นขออย่าให้
พวกเราตกอกตกใจเสียนะ ทำใจให้สบายๆยึดมั่นในพุทธคุณไว้
ชาวบ้านต่างรับทราบแล้วก็รีบกุลีกุจอเดินทางไปซื้อสิ่งของบ้านใครบ้านมัน
เพื่อมาสร้างสิ่งที่หลวงพ่อต้องการอย่างรวดเร็ว บรรดาแม่บ้านต่างพากันหยุดงานไร่
หันมาแบ่งหน้าที่กันทำจากกำนัน และกรรมการวัดได้กล่าวไว้
หากผู้ใดไปช่วยงานก็จะได้วัตถุมงคลฟรีๆด้วย ต่างพากันมุ่งมั่นทำงาน
ให้แก่วัดเป็นการใหญ่พร้อมกับตั้งใจมาช่วยงานกัน พากันมาลงชื่อที่บ้านกำนัน
และคณะกรรมการกันเป็นจำนวนมาก จนบรรดากรรมการทั้งหลายต้องคัดเลือก
คนคัดออกบ้าง และบอกว่าวันสงกรานต์คงจะไปพร้อมๆกันหมดนะ
คงเหลือพวกที่ถูกคัดไว้เพื่อจะช่วยเหลืองานในวันเสาร์ แม่บ้านโคกอีแร้งถึงกับจัดกลุ่ม
คิดจะทำโรงทานเพื่อเลี้ยงอาหารแก่บรรดาที่จะมาร่วมงานด้วยทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์
ต่างพากันกินฟรีอีกด้วย ต่างร่วมใจกันออกค่าใช้จ่ายเองแล้วแบ่งหน้าที่
ไปซื้อของมาตระเตรียมไว้สิ่งที่มีอยู่ในไร่ก็ถูกเก็บมาช่วยในงานนี้
จึงนับได้ว่าจากงานที่หลวงพ่อคิดไม่ถึง เพียงคิดว่าจะเป็นงานเล็กๆเท่านั้น
หากท่านทราบคงจะตกใจยิ่งนักว่าพวกชาวบ้านจะจัดงานครั้งนี้เป็นงานใหญ่
พ่อบ้านบางคนถึงกับไปติดต่อให้มีหนังมาฉาย พร้อมลิเกอีกด้วยเป็นการฉลอง
แต่ไม่บอกให้หลวงพ่อทราบ ด้วยหากท่านทราบคงจะห้ามปรามแน่นอน
จึงพากันเก็บเป็นความลับโดยเฉพาะกลุ่มๆที่ต่างแยกย้ายกันไปติดต่อเรื่องมหรสพกันเอง
ดังนั้นข่าวนี้ปากต่อปากจึงแพร่สะพัดไปยังหมู่บ้านอื่นๆอีกด้วย ตลอดจนคนในเมือง
ซึ่งบางคนมีศรัทธาต่อหลวงพ่ออยู่มากมาย ต่างก็จะมาร่วมช่วยเหลือ
แม้แต่ร้านขายวัสดุก่อสร้างต่างๆก็ยังจะมาช่วยเหลืองานในครั้งนี้อีกด้วย เนื่องจากรู้
จากพวกกรุงเทพฯที่เคยมาหาหลวงพ่อแล้วมาแวะทานอาหารได้ฟังมันคุยกัน
พวกเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างบางร้านก็มาหาหลวงพ่อให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับการค้าขาย
ด้วยค้าขายขาดทุนเป็นจำนวนมากหากไม่ช่วยก็ต้องเจ็งแน่นอนไม่อาจดำเนินการต่อไปได้
ก็จะพากันเดือนร้อนทั้งครอบครัว ด้วยมีหนี้สิ้นรุงรัง ร้านอาจจะถูกยึดทำอะไรไม่ได้แล้ว
หลวงพ่อท่านพิจารณาดูก็อนุโลมเป็นบางรายจนทำให้กิจการค้าเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยทันตาเห็น
จึงสำนึกในบุญคุณ บางร้านจะขอสร้างให้โดยทางวัดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
หลวงพ่อท่านสมถะเกรงใจบอกว่ายังไม่ถึงเวลาเสมอๆ และมักปฏิเสธเจ้าของร้านบอกว่าให้ไป
เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเถอะ ถึงเวลาวัดก็จะได้ศาสนาะต่างๆก็จะได้รับการสร้างใหม่ได้ด้วยยังไม่ถึงเวลา
มาครั้งนี้ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ว อีกอย่างวัดโคกอีแร้งนั้นก็ไม่เคยจะออกวัตถุมงคลเลย
จึงอยากได้ไว้บูชาบ้างต่างก็ช่วยกัน แม้แต่ร้านค้าขายเองบางร้านพอแม่บ้านไปซื้อมากๆเข้า
พอรู้ก็ไม่เอาเงินก็มี บอกว่าจะต้องไปแน่ๆในวันสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้
จะได้นำวัตถุมงคลมาบูชาบ้าง ข่าวนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งในกรุงเทพฯ
ก็ยังรู้ทำให้บรรดาพวกค้าขายพระเครื่องต่างเตรียมตัวจะมาหาเพื่อนำไปจำหน่าย
แต่หารู้ไม่ว่าหลวงพ่อท่านรู้และได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งพวกพุทธพานิชย์อาจจะต้องผิดหวังไปตามๆกัน ถึงกระนั้นมันบางคนก็ยังวางแผนการ
เอาไว้ด้วยการเกณฑ์คนมาทำบุญให้มากๆเพื่อจะได้รับพระของหลวงพ่อไปจำหน่ายได้กำไรมากๆ
พวกมันทราบดีว่าอาจารย์ทององค์นี้แม้แต่เกจิอาจารย์ที่ไปหาท่านยังเอ่ยชื่อหลวงพ่อทอง
วัดโคกอีแร้งเสมอๆว่าเอ็งควรจะไปหาท่าน ต่างพากันยกนิ้วให้กันแทบทุกๆอาจารย์
แม้ทางวัดอื่นๆจะเชิญท่านไปร่วมพิธีปลุกเสกท่านก็ยังไม่ไป
จนทางวัดต่างๆนั้นเบื่อหน่ายไปตามๆกัน ถึงแม้จะเป็นทางการก็เถอะหลวงพ่อท่านมักจะปฏิเสธ
อ้างเหตุนาๆประการทุกๆครั้งไป จำใจมิได้ก็ให้พระที่ท่านสอนร่ำเรียนไปแทนก็มี
ครั้นเวลาใกล้เข้ามาแล้ว ฝ่ายกำนันและกรรมการก็มารายงานให้หลวงพ่อทองทราบ
ถึงการดำเนินงานครั้งนี้แต่มิได้พูดว่าจะมีมหรสพฉลองด้วยเท่านั้น
หลวงพ่อท่านได้แต่หัวร่อ ฮึๆๆๆ พลางกล่าวว่า
ในเมื่อเขามีศรัทธาด้วยความบริสุทธิ์ใจเช่นนี้อาตมาก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอกโยมกำนัน
เล่นเอาบรรดากรรมการวัดงุนงงไปตามๆกัน เสมือนหลวงพ่อจะรู้เหตุการณ์ไปเสียหมดแล้ว
ได้แต่อ้ำอึ้งไปตามๆกัน พลางเฉไฉไปทางอื่นว่า หลวงพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ
วันเสาร์นี้เรียบร้อยแน่นอนครับ หลวงพ่อ ลูกบ้านต้องช่วยเหลือกันเต็มทีกันเลยล่ะครับ
แต่ว่าข่าวนี้มันดังมากจริงๆนะโยม เห็นทีพวกโยมจะต้องเหนื่อยกันมากๆเสียด้วยซิ
หลวงพ่อกล่าวลอยๆ กำนันและพวกกรรมการทั้งต่างมองหน้ากันคิดเหมือนกันว่า
หลวงพ่อท่านคงจะทราบอะไรต่อมิอะไรอยู่แล้วแน่นอน
แต่ท่านมิได้เอ่ยปากห้าม ก็เลยพากันทำเป็นเฉยๆเสีย หาทางเลี่ยงไปทางอื่นก่อน
โดยทำเป็นจะไปดูของที่เขาให้พวกหนุ่มๆนำมาเก็บไว้ในศาลาข้างๆรั้วกำแพงวัด
แล้วกล่าวว่าของได้ช่วยกันขนมาวางไว้ในศาลาหมดแล้วครับหลวงพ่อ
รอวันเสาร์จะได้ดำเนินการให้เรียบร้อย
เออๆๆๆข้ารู้หมดแล้วล่ะโยม ของอยู่ครบหมด เด็กๆมันเฝ้ากันทั้งวันทั้งคืนเลยล่ะ
โยมลองไปชมดูก็ได้นา ถ้าอย่างนั้นผมกับพวกจะลงไปดูสักหน่อยแล้วก็จะลากลับบ้านเสียเลย
พลางทั้งหมดก็ก้มลงกราบหลวงพ่อทอง
ขอบใจมากนะโยมงานนี้กุศลผลบุญแก่พวกโยมคงจะได้รับมากเป็นพิเศษ
ด้วยใจอันบริสุทธิ์ ทั้งกาย วาจา และใจของพวกโยมนะบริสุทธิ์จริงๆ หลวงพ่อกล่าวขึ้น
แต่อาตมาจะไม่ไปกับโยมนะต้องทำเรื่องให้มากกว่านี้อีก โยมไปเถอะ
เจ้าจุกมันคอยต้อนรับพร้อมพวกมันแล้วล่ะ สอบถามมันได้นะตอนนี้พวกมันกำลังนั่งเฝ้ากันอยู่
หลายๆคนเสียด้วยซิ เหมือนจะรู้ว่าโยมจะมาตรวจสิ่งของจ๊ะ หลวงพ่อทองเอ่ยขึ้น.....
กำนันและพวกต่างพากันมึนงงไปตามๆกัน แล้วก็พากันก้มลงกราบหลวงพ่อ
แล้วเดินลงบันไดไปเดินตรงไปยังศาลาฟังธรรมที่ให้บรรดาชายหนุ่มขนมาวางเรียงรายไว้
ครั้นทั้งหมดไปถึงก็เห็นเหล่าเด็กๆหลายๆคน มีเด็กคนหนึ่งไว้ผมจุกรู้สึกว่าจะเป็นหันหน้ามามองกำนันและ
ทางพวกเขา ดังนั้นเด็กไว้ผมจุกพลางร้องทักกำนันทันที......
พ่อกำนันมาตรวจดูของหรือจ๊ะ แล้วหันไปทางพรรคพวกกล่าวว่า....
เฮ้ยๆๆๆพวกมึงหลีกทางให้พ่อกำนันและพวกดูของหน่อยนะ แล้วมันก็เดินเลี่ยงไปยืนข้างๆ
กำนันชะงักทันทีมันเด็กๆทั้งนั้นนี่นา พลางทดลองหันไปจับแขนเจ้าจุกดูเพิ่อพิสูจน์
กลับปรากฏว่าเป็นเนื้อหนังเหมือนคน ตอนแรกนึกว่าเป็นพวกผีๆเสียอีก
พลางนึกในใจว่าหลวงพ่อทำไมยังมอบให้พวกเด็กพวกนี้เฝ้าของได้อย่างไรกัน....
หากมีใครมาขโมยของจะทำอย่างไร เด็กพวกนี้จะไปสู้ผู้ใหญ่ได้หรือ????......
แต่ไม่ได้กล่าวอะไรชวนพรรคพวกไปตรวจดูสิ่งของเห็นครบถ้วนมิขาดหรือเสียหายอะไรเลย
สักอย่างทุกๆอย่างวางไว้เหมือนเดิม ด้วยกำนันคุมคนส่งของมาเองจึงรู้ว่าของใดวางที่ใดบ้าง
พลางหันมาถามเจ้าจุกทันที.....
แล้วมีใครย่างกรายมาแถวๆนี้บ้างหรือเปล่าจ๊ะหนู???.... กำนันถาม
ไม่มีหรอกจ้าพ่อกำนัน.....ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอกพ่อกำนันเชื่อใจพวกหนูได้เลย
อีกอย่างหนึ่งพี่ๆที่โน่นพลางชี้ไปยังกลุ่มไม้เล็กใหญ่นอกกำแพงที่รู้สึกมึดครึ้มวังเวงชอบกล
เขาก็มาช่วยเฝ้าเหมือนกันจ๊ะพ่อกำนัน
กำนันและพวกแลไปตามที่เจ้าจุกชี้ต่างสะดุ้งในใจทันที
นั่นมันที่ฝังศพป่าช้าทั้งนั้นนี่นาหรือว่า?????....
เหมือนเด็กผมจุกจะรู้ในใจ พลางกล่าวว่าไม่เห็นมีอะไรนี่นาพ่อกำนัน
พวกพี่ๆป้าๆลุงๆน้าๆเขามาช่วยเฝ้าของทางนี้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้เขาไปพักผ่อนกันจ๊ะ
ตกดึกถึงจะมาเปลี่ยนเวรกับพวกผมครับ เจ้าจุกรายงาน
คราวนี้กำนันและพวกรู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร ก็รีบกล่าวว่างั้นพ่อกำนันไปก่อนน๊ะ
มีงานต้องไปเสียแล้วล่ะ....ใจหนึ่งคิดอยากจะรีบไปๆให้พ้นจากที่นี่เสียที
จ๊ะพ่อกำนัน เห็นว่าจะมีมหรสพด้วยไม่ใช่หรือ????....พ่อกำนัน เจ้าผมจุกถามทันที
กำนันนึกในใจทันทีมันรู้ได้อย่างไรกันว๊ะหรือว่ามันเป็น???....
ความกลัวก็ขึ้นมาทันทีพลางรีบตอบด้วยเสียงสั่นๆว่า คงเป็นอย่างงั้นนะเจ้าหนู....
ดีซิจ๊ะพ่อกำนัน พวกข้าจะได้ดูหนัง ดูลิเกไม่ได้ดูมานานแล้วนา
ขอบใจพ่อกำนันมากนะที่บอกให้รู้จ๊ะ......
เอาล่ะซิกำนันนึกแน่นอนเสียแล้ว ที่ลองจับแขนมันดูก็เห็นมันเป็นคนนี่นา
แต่ไหง๋มันรู้ว่าจะมี หนัง มีลิเก ยังไงเสียแล้ว หันหน้าไปทางพรรคพวก
เฮ้ย!!!!!.....ไปละว๊ะใครจะดูของอีกก็เชิญนะ ข้าไปก่อนล่ะ.....
พูดเสร็จกำนันก็รีบออกเดินทางไปอย่างรวดเร็วเสมือนเดินไปวิ่งไป
บรรดาพรรคพวกต่างรู้แน่แก่ใจแล้วว่าอะไรคืออะไร อ้าวๆๆๆ.....
พวกข้าไปด้วยก็แล้วกันพลางวิ่งตามหลังกำนันไปทันที พอถึงรถต่างแย่งกันขึ้นรถ
แล้วเร่งเครื่องยนต์รีบเร่งขับออกจากวัดไปทันที..........
* แก้วประเสริฐ. *
23 พฤศจิกายน 2553 18:56 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๒
ครั้นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตลอดจนกรรมการทั้งหลายที่กำนันไปแจ้งให้ทราบเข้าประชุม
ก็พากันเข้ามากราบหลวงพ่อทอง ต่างปรึกษากันเรื่องงานในวันสงกรานต์ที่จะมาถึงประมาณปลายเดือนนี้นั้น
ด้วยทางกำนันจ้อยนั้นในฐานะเป็นมัคทายกของวัด ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยเป็นรองมัคทายก
ตลอดจนชาวบ้านบางคนซึ่งต่างเป็นกรรมการวัดโคกอีแร้ง กำนันพลันกล่าวขึ้นว่า.............
ผมคิดว่าไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกครับหลวงพ่อ.....กำนันและพวกกรรมการต่างช่วยกันเอ่ยขึ้น
หากท่านกำนันและกรรมการดำเนินงานครั้งนี้ ก็ให้พยายามประหยัดไว้หน่อยนะด้วยตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก
อีกประการหนึ่ง ฉันอยากจะขอร้องให้กำนันช่วยเหลือในบางสิ่งบางอย่างด้วยนอกจากงานนี้แล้ว .......หลวงพ่อกล่าวในที่ประชุมให้แก่บรรดากำนันและกรรมการทั้งหลายประมาณสิบกว่าคนล้วนเป็นคนมีฐานะดีๆทั้งนั้น
ซึ่งทางกำนันได้แจ้งไว้ให้ทราบขอให้เข้ามาประชุมด้วย เมื่อได้ฟังหลวงพ่อกล่าวเช่นนี้ก็ต่างพากันสงสัย กำนัน
ก็ถามหลวงพ่อทองว่า....ไม่ใช่เรื่องงานสงกรานต์แล้วมีอะไรหรือครับหลวงพ่อ????.......
หรือจะมีเรื่องอื่นๆอีก หลวงพ่อจะให้พวกเราทำอะไรหรือครับบอกมาได้เลยครับหลวงพ่อ กำนันกล่าวขึ้น
อ้อๆๆๆ.....ปีนี้หลวงพ่อคิดว่าจะเป็นปีพิเศษสักหน่อย ด้วยฉันนั้นได้สร้างพระเครื่องรางของขลังบางอย่างไว้
สำหรับเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ที่จะเข้ามาร่วมทำบุญร่วมงานนี้ด้วยนะกำนัน.... รายได้ก็จะซ่อมแซมโบสถ์และศาลาหน่อย
จึงขอให้พวกเราช่วยเป็นหูเป็นตาตรวจสอบในการมอบพระให้แก่ผู้ทำบุญสักหน่อย หลวงพ่อกล่าวขึ้น
กำนันและพวกเราจะว่าอย่างไรล่ะ???.... หลวงพ่อถาม
ฮ้าๆๆจริงๆหรือครับหลวงพ่อ......ทุกๆคนต่างตกตะลึงไปตามๆกันด้วยทราบดีว่าหลวงพ่อไม่เคยคิดจะสร้างพระไว้
เลยตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสมาก็หลายสิบปี แม้จะมีพวกเขาและชาวบ้านต่างพากันขอร้องให้ช่วยสร้างพระเครื่องไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชาไว้ ด้วยทุกๆคนทราบว่าหลวงพ่อทองท่านเก่งกาจในเรื่องวิชาอาคมมากมายนัก หลวงพ่อทองก็ปฏิเสธทุกๆครั้งไป เพียงกล่าวว่าพวกโยมคอยก่อนก็แล้วกันนะ แล้วเอ่ยว่าคงจะมีและคงไม่นานหรอก
สักวันหนึ่งครั้นถึงเวลาฉันจะบอกพวกเธอเอง...... หลวงพ่อมักจะกล่าวเช่นนี้เสมอๆ
บรรดากรรมการทั้งหลายรู้สึกแสดงความดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด ต่างร้องส่งเสียงเซ็งแซ่ไปตามๆกันต่างมองหน้ากันไปๆมาๆเหมือนไม่เชื่อหูตนเอง กำนันพลันหันไปถามย้ำหลวงพ่ออีกทีว่า
หูผมไม่ฝาดนะครับว่าหลวงพ่อจะสร้างวัตถุมงคลเพื่อแจกจ่ายแก่ชาวบ้านครับหลวงพ่อ???.....
ไม่หูฝาดหรอกโยม บัดนี้อาตมาสร้างเสร็จครบเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอเข้าพิธีเท่านั้นเองแหละ จึงใคร่ขอรบกวนพวกเราสักหน่อย......หลวงพ่อกล่าว
อ้าวๆๆแล้วทำไมไม่บอกพวกผมล่ะครับ จะได้เกณฑ์พวกเรามาช่วยกันทำพระให้แก่หลวงพ่อ กำนันเอ่ยขึ้น
ฉันเกรงใจพวกเธอแหละ อีกอย่างหนึ่งทุกๆคนก็ต้องทำงานกัน เดี๋ยวงานที่ทำจะเสียหายไปจ๊ะ หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
ว่ามาเลยครับหลวงพ่อจะให้ผมทำอะไรบ้าง พวกผมและชาวบ้านเราคงจะดีใจมากที่ทราบข่าวนี้แล้วผมจะไป
ประกาศให้ชาวบ้านโคกอีแร้งทราบทุกครัวเรือน หมู่บ้านเราก็มีคนประมาณร้อยกว่าหลังคาเรือน จำนวนคนก็นับได้
เป็นหมื่นหรือกว่าอยู่แล้วครับ ทุกๆคนจะมีความหวังด้วยอยากได้วัตถุมงคลจากหลวงพ่อจริงๆครับ.....กำนันตอบด้วยความดีใจที่เขาได้ยินหลวงพ่อกล่าวเช่นนี้
อีกอย่างหนึ่งเมื่อชาวบ้านทราบข่าวนี้เห็นทีงานสงกรานต์ปีนี้คงจะมีคนมามากมายแทบหมดหมู่บ้านเลยก็ได้ครับ
แล้วเรื่องมหรสพล่ะ หลวงพ่อจะให้เหมือนเดิมหรือเปล่าล่ะครับ???...ด้วยทุกๆปีไม่เคยมีมาครั้งนี้เป็นงานพิเศษด้วย
ฉันว่าไม่ต้องมีหรอก ไม่ใช่งานเที่ยวนี่นา นี่เป็นงานทำบุญกันโดยเฉพาะเท่านั้นต้องการให้มาทำบุญด้วยศรัทธา
มิใช่มาเพราะต้องการดูมหรสพกันจ๊ะ หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
แต่ฉันยังขาดอุปกรณ์ในการใช้ทำในพิธีปลุกเสกไม่รู้ว่าจะหาได้อย่างไรจึงอยากจะให้กำนันและพวกเราช่วยๆกันหน่อยแหละ ......หลวงพ่อกล่าว
เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกครับหลวงพ่อ หลวงพ่อต้องการอะไรบ้างล่ะ พลางหันไปบอกทางผู้ใหญ่บ้านให้เตรียมจดรายการเอาไว้ด้วย บรรดากรรมการต่างก็รีบขะหมีขะหมันเตรียมจดรายการทันทีด้วยความเต็มอกเต็มใจ
ด้วยจะได้รับการแจกพระจากหลวงพ่อที่เป็นความหวังของพวกเขาและชาวบ้านโคกอีแร้งมานมนานแล้ว
คือว่าฉันอยากจะให้ช่วยหากล่องใหญ่ๆสักหน่อยจำนวนมากและแข็งแรงด้วย มาใส่พระซึ่งตอนนี้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเพียงใส่ในตุ่มไว้มากมายจะเสียหายหมดเสียก่อน และก็ของที่จะใช้บรวงสรวงเทพยดากับ ประรำพิธีอันมีฉัตรเก้าชั้นสักเก้าฉัตรตลอดจนเครื่องบวงสรวงสังเวยต่างๆ ส่วนฉัตรนั้นฉันอยากได้ของสดที่ทำด้วยใบตองคล้ายๆกับใบศรีที่ใช้ในงานบวชนาคนั่นแหละ ปลายเป็นธงกระดาษหลากสีหน่อย ตลอดจนเขือกที่ร้อยธงเล็กๆเรียงรายเป็นสายยาวๆ
คงจะหลายๆสายหน่อยนะกะพอประมาณในการใช้ในพิธี ภายในโบสถ์
และนอกโบสถ์เพื่อประดับหน่อย
แล้วหลวงพ่อก็จรรนัยสิ่งที่ต้องการให้แก่กำนันและพวกกรรมการทั้งหลายทราบ
กำนันและกรรมการทั้งหลายรีบจดรายการไว้จนครบทั้งหมด พลางเอ่ยพร้อมกันว่า.......
ไม่เป็นปัญหาหรอกครับหลวงพ่อ เข้าของต่างๆไม่ต้องเอาเงินวัดมาใช้จ่ายหรอกพวกกระผมจะช่วยกันออกเอง
ครับหลวงพ่อ........ พวกกรรมการกล่าวพร้อมๆกัน
เมื่อหลวงพ่อได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวอนุโมทนาแก่ทุกๆคน พลางลุกขึ้นเดินไปยังหน้าโต๊ะพระบูชา
พลางหยิบพระและลูกอมที่ปั้นไว้ ออกมาให้พวกกรรมการดูกัน พลางกล่าวว่า
นี่คือวัตถุที่ฉันสร้างขึ้นไว้พวกเราดูซิว่าใช้ได้หรือเปล่า กล่าวเสร็จก็ยื่นพระและลูกอมส่งให้กำนันก่อน กำนัน
เมื่อรับพระแล้วพวกกรรมการทั้งหมดต่างรีบเข้ามามุงดูและรับไปพิจารณากัน
ครั้นเห็นองค์พระและลูกอมแล้วต่างอุทานกันไปตามๆกัน พลางยิ้มด้วยใบหน้าระรื่นสดชื่นต่างพากันอุทาน
สวยงามมากนะนักครับหลวงพ่อ แปลกจริงๆทำไมองค์แม้จะใหญ่ไม่มากนัก คิดว่ากำลังเหมาะพอควรใช้ได้ทั้ง
หญิงและชาย หากใครเห็นต้องรักหลงใหลมากเชียวครับด้วยเหตุที่ พระที่หลวงพ่อทำนั้น ไม่ว่าพระและลูกอมเหล่านี้
แต่ทำไมจึงมีประกายแวววาวหลากสีสวยงามยิ่งนัก แปลกจริงๆครับหลวงพ่อทุกๆคนเอ่ยขึ้น.....
ดูแล้วเหมือนไม่ใช่เนื้อผงพระธรรมดาอื่นๆที่พวกผมใช้อยู่เลยล่ะครับ แล้วหลวงพ่อสร้างไว้เท่าไหร่ล่ะครับ
พวกผมไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย แต่พลันนึกได้ว่าหลวงพ่อมักจะไม่ค่อยพูดและเปิดเผยอะไรมากนัก ด้วยความดีใจครั้นจะเงียบไม่ถามด้วยความขัดข้องสงสัย จึงได้ถามเพื่อให้คลายความสงสัยกังวลเท่านั้น
ดังนั้นจึงถามหลวงพ่อพร้อมด้วยกำนันและพวกต่างสอบถามกันเซ็งแซ่ไปหมด
หลวงพ่อทองตอบว่า......ฉันก็ทำพระนั้นเท่าพระธรรมขันธ์เท่านั้นแหละโยม ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ใต้พระประธานใน
โบสถ์เสียส่วนหนึ่ง นอกนั้นจะแจกจ่ายแก่พวกโยมและผู้มีศรัทธาทำบุญแก่วัดเราจ๊ะ
อะไรครับหลวงพ่อ????......พระตั้งแปดหมื่นสี่พันองค์เชียวนะครับ ไม่ใช่น้อยเลยนะครับต้องใช้เวลานานเสียด้วย
แล้วได้แรงงานทำมาจากไหนล่ะครับหลวงพ่อถึงได้ทำเสร็จเร็วอย่างนี้ ???.... หรือว่าทางร้านที่สั่งทำจะทำมาให้ครับ
กำนันและพวกกรรมการถามด้วยความสงสัยยิ่งนัก????....
ไม่มีอะไรหรอกโยมอาตมาก็ใช้พวกผีๆนั่นแหละมาช่วยทำกันนะ หลวงพ่อตอบ
พวกผีๆในวัดนี้หรือครับหลวงพ่อ???.... กำนันและกรรมการถามพลันอึ้งและพลางตาเหลือกโพลงไปตามๆกัน
ใช่แล้วโยมพระในวัดเราก็มีไม่กี่รูป จะไปขอกำลังจากพวกเราหรือก็ทำงานกันจะเสียงาน อาตมาก็เลยไม่อยาก
รบกวนเลยให้พวกผีๆที่อาสานี่แหละมาช่วย ทำกันทั้งวันทั้งคืน โดยอาตมาได้ปลุกเสกร่างของพวกเขาก่อนหากผีตัวใดท่องมนต์สมาธิได้สำเร็จก็แปลงกายในกลางวันได้ หากไม่สำเร็จก็จะมาช่วยกันในเวลากลางคืน ก็เท่านั้นเองแหละ
ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยนี่โยม แล้วงานก็ละเอียดดีเสียด้วยซิ .......หลวงพ่อกล่าวเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เล่นเอากำนันและพวกตาเหลือกลานกันไปหมด โอ้ย!!!!!?????......พากันร้องลั่นไประงมแทบทุกๆคน
ก็ดีไปอย่างนะโยม....หากใครคล้องพระนี้ไว้รับรองว่าผีในป่าช้าเราไม่ทำอะไรหรอก เพราะเขาเป็นคนช่วยทำเอง
แล้วหลวงพ่อก็หัวเราะ ฮึๆๆๆ.....
แต่กำนันและกรรมการไม่คิดจะหัวร่อนอกจากมองหลวงพ่อ ต่างคนต่างนึกไปคนละแบบกัน ได้แต่มองหน้ากัน
แล้วกำนันและพวกเราอย่าไปบอกชาวบ้านเชียวนาว่าพระนี้พวกผีๆทั้งหลายมันช่วยทำ ประเดี๋ยวเขาจะกลัว แต่
อาตมารับรองได้ว่า ของที่อาตมาทำไว้นั้นไม่เหมือนใครและก็ไม่มีใครเหมือนอาจารย์อื่นๆทั่วไปหรอก...
หลวงพ่อกล่าวและกำชับพวกกรรมการเสียก่อน
ครับหลวงพ่อ....พลางหันไปบอกพวกกรรมการทั้งหลายว่า
พวกมึงก็อย่าปากเสียปากพล่อยไปล่ะแม้แต่ลูกเมียญาติมึงก็อย่าเผยเอ่ยด้วยนะ
จ๊ะกำนันรับรองได้ว่าให้เรารู้กันแค่พวกเรานี้เท่านั้นเองแหละ พลางกำนันก็หันไปทางหลวงพ่อแล้วถามขึ้น.....
แล้วพระนี้จะจำหน่ายองค์ละเท่าไหร่ล่ะ ลูกอมด้วยครับหลวงพ่อ.....
หลวงพ่อทองกล่าวว่า...
ไม่คิดราคาหรอกโยมกำนัน หากใครทำบุญมากหรือน้อยก็แจกให้ทุกๆคนแหละ เพียงแต่หากเป็นพวกเด็กๆ
ขอร้องให้พ่อแม่เขาช่วยทำบุญให้เด็กด้วยก็แล้วกันแล้วนำเด็กไปไหว้พระก่อนด้วยนะ...
ส่วนด้านกำนันให้จัดคนคอยแจกแล้วบอกให้เขาทำบุญกันด้วย แต่ไม่ให้เกินกว่าคนละหนึ่งองค์นะลูกอมก็เหมือนกัน
จะอ้างว่าคนที่บ้านไม่มาขอเช่าไปฝากก็ไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งคนของโยมที่ให้แจกพระและลูกอมนั้นบอกเขาด้วย
หากนำไปซ่อนไว้เพื่อจะได้ของมากๆนั้น ของเหล่านั้นก็จะกลับหายไปคืนมายังอาตมาด้วย จะมาเอาคืนไม่ได้
อาตมาจะนำไปเก็บไว้ยังฐานพระประธานหมด อาตมาไม่ให้ด้วย
ใครทำนั้นอาตมาจะรู้เพราะได้เตรียมพานไว้หากผู้ใดจิตใจไม่บริสุทธิ์หรือใช้ในทางที่ไม่ควร พระและลูกอมจะหนีคืนกลับมาที่พานอาตมา บอกทุกๆคนด้วยนะโยม ด้วยของนี้มีอิทธิ์ฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์มากหากผู้ใดไม่ต้องการเขาจะ
หนีกลับมาหมด อย่าลืมสั่งไว้เป็นพิเศษแก่คนที่รับของทุกๆคนด้วย
หรือเขียนป้ายบอกไว้ก็ดี เพื่อให้ชาวบ้านได้รับรู้ไว้ คาถาไม่ต้องหรอกเพียงบูชาพระรัตนตรัยเท่านั้นพอ หากผู้ใดทำไม่ดีก็จะหนีกลับมาหมด แล้วจะมาขออาตมาอีก อาตมาจะไม่แจกให้อีกแล้ว
ถือว่าวันนั้นเป็นวันสำคัญฤกษ์ดีมีชัยด้วย จะหาฤกษ์ทำได้ยากหลายๆปีจะมีสักครั้งเดียว อย่าลืมคำอาตมาเสียล่ะ
อาตมาต้องการคนมีศรัทธาเท่านั้นต้องให้มาทำบุญไหว้พระด้วยใจบริสุทธิ์ สิ่งของจะได้ช่วยเหลือคุ้มครองแก่ผู้มีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะความมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเช่นนี้จิตใจย่อมบริสุทธิ์ ของที่มอบให้
ก็จะแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ได้เต็มที่ ช่วยเหลือปกปักรักษาให้มีแต่ความสุขความเจริญพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง ปราศจากสิ่ง
ชั่วร้าย บอกโยมก็ได้ว่าของๆนี้ทวยเทพยดาท่านลงมาช่วยทำให้ด้วยนะ ล้วนแต่เป็นเทพชั้นผู้ใหญ่เกือบทั้งสิ้น
ฉะนั้นจึงไม่เหมือนเครื่องรางของขลังทั่วๆไป หลวงพ่อทองกำชับไว้ ส่วนคนที่มาช่วยเหลืองานในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ด้วยแรงกายนั้นให้แจกแค่ลูกอมเท่านั้นคนละหนึ่งลูกพอถึงจะไม่ทำบุญก็ตาม
หากเขาจะทำบุญเพิ่มก็ให้ไปไหว้พระก่อนแล้วค่อยมารับพระไป ส่วนคนที่มาช่วยงานสองวันนี้ให้จดรายชื่อคนมาช่วยงานด้วยแรงกายไว้ทุกๆคนเวลามารับให้ขีดฆ่าชื่อออกลงชื่อไว้ด้วยเพื่อมอบของให้ ด้วยของเหล่านี้ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆนัก โยมก็เห็น
แล้วว่าเป็นพระหรือลูกอมล้วนไม่เหมือนใครๆเขาที่ทำกันทั้งหลายนะโยม
ส่วนชาวบ้านที่มาทำบุญให้เขาทำบุญไหว้พระก่อนถึงจะได้รับพระคนละองค์ ปฏิบัติเหมือนกันหมด ให้ตอนที่เขาทำบุญไหว้พระเสร็จเสียก่อน โยมช่วยประกาศให้พวกเขาทราบด้วยนะ ถึงจะแจกแต่ต้องบอกเขาให้ไปไหว้พระเสียก่อนด้วย ไม่ใช่ว่าพอเช่าพระแล้วก็ไม่เข้าไปกราบพระประธานเสียล่ะ และคอยบอกคนแจกให้สังเกตุด้วยว่าอย่าให้
มีการเวียนเทียนกันซ้ำหน้ากันด้วย อาตมาต้องการให้คนในหมู่บ้านโคกอีแร้งเท่านั้น ส่วนคนนอกหมู่บ้านนั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าหากเขามีศรัทธาจริงๆและจิตใจบริสุทธิ์ แต่พวกของกำนันมั่นนั้นไม่ต้องไปแจกแม้จะทำบุญด้วยก็ตามด้วยเขาพวกนี้ทำงานผิดกฏหมายกันซ้ำคนในหมู่บ้านรอบๆก็ติดยากันเกือบแทบทุกๆคน
เสมือนให้ของไปเพื่อใช้ในทางที่ผิดๆ หลวงพ่อย้ำแล้วย้ำอีก กำนันและพวกก็รับคำหลวงพ่อ พลางนึกว่านั่นซิพระและลูกอมถึงไม่ธรรมดาด้วยอิทธิ์ฤทธิ์บารมีของทวยเทพยดาชั้นสูงๆนี่เอง ความศรัทธาจึงเปี่ยมล้นในจิตใจเขาอีกประการหนึ่งพวกเขารักและเคารพหลวงพ่อมากอยู่ พวกเขาพยายามอ้อนวอนหลายต่อหลายครั้งให้ท่านสร้างวัตถุมงคลท่านถึงไม่ยอมสร้างด้วยเหตุนี้นี่เอง
แล้วหลวงพ่อก็เอ่ยขึ้นอีกว่า หากได้เงินมาเท่าไหร่ก็ตามฉันว่าจะนำมาสร้างโบสถ์บ้าง กุฎีบ้างและศาลาฟังธรรมด้วยเพราะชำรุดทรุดโทรมมากเกรงจะเป็นอันตรายไปนะหากพังลงมาในขณะมาทำบุญกันจ๊ะ....
ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ......กำนันหันไปทางกรรมการทันทีว่าเห็นทีพวกเราเมื่อหลวงพ่อจะสร้างสิ่งดังกล่าวไว้ พวกเราก็ช่วยๆกันหน่อยก็แล้วกัน แล้วต่างให้ช่วยพากันไปบอกว่าหลวงพ่อจะซ่อมแซมหรือสร้างใหม่
กับสิ่งที่หลวงพ่อบอกมา ชาวบ้านพวกเราก็มีฐานะไม่ต่ำต้อยเท่าไหร่คงจะได้โขนะ....กำนันเอ่ยขึ้น
ส่วนข้านั้นจะช่วยเงินสร้างครั้งนี้ห้าหมื่นบาทนำทางก่อน แต่ส่วนพวกกรรมการจะช่วยเท่าไหร่ก็ตามใจว๊ะ....
พวกผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยและกรรมการคนอื่นก็บอกว่า หากกำนันช่วยห้าหมื่นบาท พวกข้าต่างปรึกษากันแล้วก็ทำ
บุญคนละห้าหมื่นเหมือนกำนันนั่นแหละแต่ว่าจะช่วยมากกว่ากำนันก็เกรงใจ ผู้ใหญ่อาจเอ่ยขึ้นบ้าง
กำนันบอกว่าไม่เป็นไรจะช่วยมากกว่าก็ได้ว๊ะ ยิ่งมากยิ่งดีจะได้บุญถ้วนหน้าด้วยหลวงพ่อไม่เคยสร้างวัตถุมงคล
ไว้เลย นี่เป็นครั้งแรกของท่านด้วย
เมื่อกำนันพูดดังนี้ อย่าหาว่าข้าล่วงเกินกำนันนะ ผู้ใหญ่บ้านอาจถาม....
แล้วแต่ผู้ใหญ่เถอะเท่าไหร่ก็ได้พ่ออาจ.........กำนันตอบ
ถ้าอย่างนั้นข้าขอช่วย สักหนึ่งแสนบาทจ๊ะ พ่อกำนันจะว่าอย่างไร....ครั้นทางกำนันได้ฟังดังนั้นก็หัวร่อลั่นเออๆๆๆ....ดีว๊ะพวกเราก็มีฐานะร่ำรวยด้วยผลผลิตเงินหรือก็ไม่ได้ใช้เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์ด้วย งั้นข้าเองก็ช่วย
เท่าผู้ใหญ่บ้านอาจก็แล้วกัน....กำนันกล่าว
เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกข้าก็จะช่วยคนละแสนเท่าๆกันด้วย พวกเรามีทั้งหมดสิบกว่าคนคงจะได้ล้านกว่าบาท
คงสามารถซ่อมแซมหรือบางทีอาจจะได้ของใหม่ๆเสียเลย แล้วพากันหัวร่อด้วยความปลาบปลื้มยินดี แล้ว
กล่าวต่อว่า กำนันพูดถูกพวกเราไม่ได้ใช้เงินเลยรายได้พวกเราเกิดจากโครงการณ์พระราชดำริห์ของพระองค์ท่าน
จึงมีรายได้ทั้งปี อาหารการกินหรือก็ทำเองกินเองทั้งสิ้น รายจ่ายแทบจะไม่มีจึงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก
เมื่อต่างคนลงมติกันเช่นนี้ก็หันไปทางหลวงพ่อแจ้งความประสงค์ทันที ทุกๆคนเอ่ยกับหลวงพ่อทุกคน
ในเรื่องนี้ พร้อมหันไปทางกำนันว่า .......ในเรื่องเงินนั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปเบิกธนาคารมามอบให้กำนันในฐานะ
ประธานกรรมการก็แล้วกันนะ กรรมการคนอื่นๆกล่าวขึ้น
ตามใจพวกเราว๊ะ....เออดีๆเป็นครั้งแรกที่มีงานเช่นนี้ต่อไปคงจะไม่มีอีกแล้วนะพวกเรา...อายุต่างคนก็มากๆ
กันแล้วล่ะจะเสียดงเสียดายกันไปทำไม ลูกหลานหรือก็มีที่ทำมาหากินที่พวเราสร้างไว้ให้มันทุกๆคนแล้วนี่นา...
ใช่แล้วล่ะพ่อกำนัน....ซ้ำยังได้สิ่งมงคลที่งดงามหาแบบนี้อีกไม่ได้เสียด้วยติดตัวไปบูชากันอีกด้วยนะ
พวกเราก็ได้ยินหลวงพ่อกล่าวแล้ว ปกติท่านจะไม่เคยกล่าวอะไรกับใครง่ายๆ ท่านกลัวผิดศีล ถือว่าเป็นบุญของพวก
เราที่ได้เห็นสิ่งที่เป็นมหามงคลเช่นนี้ เงินทองหาง่ายนะแต่ว่าของแบบนี้ซิจะไปหาได้ที่ไหนอีก
จริงๆว๊ะกรรมการคนหนึ่งเอ่ยสนับสนุนทันที...
เออ...นี่เฉพาะพวกเราเท่านั้นนะ ส่วนลูกเมียและครอบครัวต่างหากนะโว้ยไม่เกี่ยวกัน
รู้แล้วล่ะพ่อกำนัน ให้ปิดเป็นความลับหากเมียมันถามว่าเป็นเงินของเรามาทำบุญสร้างโบสถ์บูรณะวัดเท่านั้น
บางทีอาจจะได้มากอีกก็ได้ว๊ะ จริงไหมว๊ะผู้ใหญ่.... พลางหันไปถามเพื่อป้องกันไว้ก่อนด้วยผู้ใหญ่กลัวเมียมาก
เหมือนจะรู้ทันมึงไม่ต้องพูดมากหรอกว่าไอ้กำนัน....แล้วก็หัวร่อช่างกูเถอะเพราะกลัวเมียนี่แหละกูถึงได้ดีว๊ะ??... ด้วยกำนันและผู้ใหญ่บ้านเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆรักใครกลมเกลียวกันจนเป็นที่รู้ไปทั่วๆ
กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่หว่า มันก็จริงของมึงยายแช่มเองมันดีแสนดีเอาใจมึง เป็นกูกลัวเกรงใจว๊ะ??....
กำนันพลางหันไปตอบ...
ดังนั้นผู้ใหญ่อาจซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันก็หัวร่อลั่นห้องกุฎี มันก็เหมือนกันล่ะว้าไอ้พ่อกำนัน ฮิๆๆๆๆ
เล่นเอาพวกกรรมการทั้งหลายซึ่งเป็นเพื่อนกัน แต่ความสนิทสนมไม่เท่ากับผู้ใหญ่อาจ ต่างพากันยิ้มๆไปตามๆกัน
นี่โยมออกความเห็นกันเองนะ ฉันไม่ได้กะเกณฑ์อะไรขอร่วมอนุโมทนากันทุกๆคนด้วย....หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
คราวนี้พวกกรรมการหันมาทางหลวงพ่อ ทุกๆคนเอ่ยขึ้นว่า เป็นความพอใจของผมครับ พวกผมก็เคยปรึกษากัน
เหมือนกันว่าวัดเราทรุดโทรมมาก จะเสนอหลวงพ่อก็เกรงใจด้วยไม่รู้ว่าหลวงพ่อจะอนุญาตหรือเปล่าเท่านั้นครับ....
เอาล่ะหลวงพ่อเรียกมาปรึกษาเท่านี้แหละ งานนี้ต้องทำให้เสร็จในวันเสาร์นี้ วันอาทิตย์จะเป็นวันมหาฤกษ์
มหามงคล แล้วโยมจะได้เห็นสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นอย่าตกใจก็แล้วกัน
คราวนี้กำนันและพวกต่างมองหน้ากัน พลางถามหลวงพ่อว่าเกิดอะไรหรือครับหลวงพ่อ???.....
เออๆๆข้าไม่บอกไว้วันอาทิตย์พวกเอ็งก็จะรู้หลังตอนเที่ยงไปนะ โยมอย่าลืมของที่ข้าบอกไว้ก็แล้วกันขาดไม่ได้
ด้วยนา อ้อ เรื่องธูปเทียนด้วยนะทางวัดมีไม่มากหรอกจัดเตรียมไว้ด้วยก็จะดีจ๊ะ .......หลวงพ่อตอบ
ครับหลวงพ่อ....เรื่องเหล่านี้พวกข้าจะนำมาให้อาจจะเกินแล้วก็จะถวายหลวงพ่อด้วยเลยหากเหลือครับหลวงพ่อ...
ขอบใจพวกกำนันและกรรมการทุกๆคนด้วยนะ แล้วเจอกันในวันเสาร์อาทิตย์ อ้อ...ให้กำนันจัดหาคนมาช่วยดูแล
งานด้วยนะ หลวงพ่อสั่งขึ้น
ครับผมจะกะเกณฑ์พวกหนุ่มๆที่ฝึกไว้มาช่วยครับหลวงพ่อ ........กำนันผู้ใหญ่บ้านตอบ
งั้นก็ดีแล้วจะได้หมดห่วงเสียที ตามสบายนะโยมจะอยู่หรือจะไปก็ได้นะ???......หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
เมื่อไม่มีอะไรแล้วงั้นหลวงพ่อพักผ่อนได้แล้ว ของจะส่งมาก่อนวันเสาร์จะให้เด็กๆนำมาวางไว้ในกุฎีหลวงพ่อและใน
ศาลาไว้พลางๆก่อนครับแล้วจะให้คนมาคอยเฝ้าไว้ด้วย.....กำนันเอ่ยขึ้น
ไม่ต้องหรอกให้เขาทำงานไปเถอะ ของที่นำมานั้นมีเด็กคอยเฝ้าให้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว....หลวงพ่อตอบ
พวกกำนันและกรรมการทั้งหมดมองหน้า ด้วยทราบว่าใครจะมาเฝ้า ก็คงจะเป็นพวกผีๆทั้งหลายนั่นเองแหละ
แล้วพากันก้มลงกราบหลวงพ่อ พวกผมกลับก่อนนะครับหลวงพ่อกำนันเอ่ยนำพรรคพวก
เจริญพรเถอะโยม....หากโยมนำมาแล้วไปวางไว้ที่ศาลาฟังเทสก์ก็แล้วกัน แล้วให้มันกลับบ้านได้ไม่ต้องเฝ้า
พวกเด็กๆมันจะคอยช่วยดูแลให้เองแหละ หลวงพ่อกล่าว.....
ครับหลวงพ่อ...ครั้นแล้วพวกกรรมการทั้งหลายก็ทะยอยลงจากุฎีหลวงพ่อ เสียงรถดังขึ้นแล้วก็หายไป
หลังจากพวกกรรมการไปแล้ว หลวงพ่อก็นั่งสมาธิบริกรรมคาถาอาคมโดยมีสายสินธ์พันรอบๆพระบูชาและสิ่งของที่
อยู่ในตุ่มวางเรียบรายไว้รอบๆ โยงสายสินธ์เข้ามาในห้องม้วนสายสินธ์วางบนพานหน้าพระพุทธรูป
ภายหลังจากกราบพระบูชาพระรัตนตรัยเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสมาธิปลุกเสกเครื่องรางของขลังต่อไปทั้งกลางวันกลางคืน แล้วก็พักผ่อนร่างกายบ้างเพื่อมิให้ร่างกายทำงานหนักและช่วยผ่อนคลายเส้นสายต่างๆด้วย......
* แก้วประเสริฐ. *
23 พฤศจิกายน 2553 01:28 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๑
ภายหลังจากใส่บาตรพระเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็หันมากล่าวกับพ่อแม่ว่า เห็นทีจะต้องไปวัดกันได้แล้ว บ่ายๆนี้ของจะมาส่งแล้วครับ หากรับของแล้วจะให้หลวงพ่อตรวจสอบทดลองกดพระดูจ๊ะ ว่าจะถูกใจหรือไม่แต่เมื่อกด
พระแล้วก็จะนำมารวมเป็นก้อนดินดั่งเดิม คอยวันอาทิตย์เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีตามที่หลวงพ่อกล่าวก็จะเริ่มทำพิธีกัน
เนื่องด้วยจะได้มีเวลาคอยพระแห้งแล้วเข้าพิธีพุทธาภิเษกเสีย นี่ก็ใกล้วันสงกรานต์เข้ามาเดี๋ยวจะไม่ทันจ๊ะพ่อ
เออๆๆๆจริงๆว๊ะ....พลางหันไปทางแม่เข็มงั้นเสร็จงานก็รีบไปวัดกันเลยนะแม่
จ๊ะพี่จะได้เรียบร้อยกันเสียที....แล้วหันไปทางลูกชาย แม่ว่าลูกไปคอยรอรับก่อนมิดีหรือ
ครับผมจะไปคอยรอรับของก่อนครับ ทางลูกน้องผมจะได้ไม่เก้ๆกังๆครับ ชายหนุ่มตอบ
ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่ไปทำงานก่อนนะ คงไม่นานหรอกก็จะไปพบกันที่วัด กล่าวแล้วก็ชวนกันเดินออกจากบ้านไปไร่ทันที.......
ชายหนุ่มหลังพ่อแม่ออกไปแล้วก็เตรียมตัวรีบไปหาหลวงพ่อ และรอรับของด้วย เมื่อรับเสร็จก็จะให้ลูกน้องเดินทางกลับทันที ไม่อยากให้ใครๆสงสัยในการกระทำครั้งนี้
ครั้นมาถึงวัดแล้วก็เข้าไปกราบหลวงพ่อบนกุฎีทันที หลวงพ่อซึ่งกำลังนั่งมองสิ่งของที่ได้ทำขึ้นไว้หน้าโต๊ะหมู่บูชา เมื่อเห็นเขาคลานเข้ามากราบท่าน ก็หันไปทักทันที
เออๆๆๆไอ้โชติมาก็ดีแล้วล่ะ.....มาคอยรับของหรือ?????.....หลวงพ่อถาม
ครับหลวงพ่อจะได้ให้เขารีบกลับไปก่อนคนจะรู้ครับ และจะได้ให้หลวงพ่อปลุกเสกเครื่องทำพระอีกด้วยเพื่อจะ
ได้เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นครับ ชายหนุ่มกล่าว
พลางเหลียวซ้ายแลขวา หลวงพ่อเห็นก็ถามว่าหาใครหรือลูก???....
เจ้าจุกกับพวกมันหายไปไหนล่ะ ทุกทีจะเห็นมันวิ่งเล่นแถวๆนี้ ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย???....
มันคงจะไปพักผ่อนกระมัง มันมักจะออกมาตอนกลางคืนมาเล่นและเฝ้าวัดไปด้วย ช่างมันเถอะหลวงพ่อกล่าว
แล้วงานเอ็งนั้นระยะนี้ไปถึงไหนแล้วล่ะ???....
ตอนนี้ได้ข่าวว่ายังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ครับ ต้องรออีกระยะหนึ่งก่อน เมื่อครบแล้วค่อยดำเนินให้เรียบร้อยครับ....
ชายหนุ่มตอบหลวงพ่อทอง
เมื่อคืนนี้ข้านั่งสมาธิดูและมาคำนวณทางโหราศาสตร์ว่าทางหมู่บ้านแถวบริเวณนี้มันจะยุ่งนะ หากเอ็งพอจะ
ไปช่วยเหลือได้ก็ไปทำเถอะนะ ด้วยบรรดาพวกผีเร่ร่อนทั้งหลายมันมาที่นี่ไม่ได้ กำลังจะอาละวาดอยู่ มันเที่ยวไป
หลอกหลอนและเข้าสิงคนในหมู่บ้านเราด้วยนา.....หลวงพ่อกล่าว
ให้คนอื่นไปมิดีหรือครับหลวงพ่อ ด้วยผมระยะนี้ไม่อยากจะแสดงตัวให้ใครๆเขารู้เท่านั้นครับ ชายหนุ่มกล่าว
หากเช่นนั้นก็เห็นมีแต่โยมเชียรและโยมเข็มเท่านั้นที่พอจะกำหราบมันได้ แต่ว่าข้ารู้ว่าเอ็งมีแม่นางอัปสรและ
เจ้าหุ่นพยนต์สองตัว มันคงจะพอช่วยเหลือได้ หากโยมเชียรและโยมเข็มไม่ว่างนะ ...... หลวงพ่อกล่าว
อืมมๆๆๆๆแต่ว่าทางแถวหมู่บ้านที่ติดชายแดนนะรู้สึกว่าจะมีพวกมีวิชาอาคมที่ต้องปาราชิกทำตัวเป็นผู้มีอาคมกำลังจะมาอาศัยอยู่ด้วยนะ มันเชี่ยวชาญด้านสมาธิขั้นสูงๆเสียด้วย นี่น่าเป็นห่วงมาก เอ็งก็ระวังตัวไว้ด้วยนะ...
หลวงพ่อกล่าว เอๆๆ...แต่อย่างไรมันคงสู้เจ้าไม่ได้เห็นมีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้นเองที่จะไปปราบมันได้ นอกนั้นกู
ก็ไม่เห็นใคร แม้แต่โยมเชียรและโยมเข็มก็เถอะ มันมาจากประเทศเขมรโน่นนะ...หลวงพ่อกล่าวขึ้น
คราวนี้ชายหนุ่มอึ้งทันที.....เขาคิดไหนจะต้องงานทางราชการอีก แล้วยังต้องมาเจองานด้านนี้อีก แต่เขาเห็นว่า
หากเจ้าหมอวิชาอาคมไม่ทำงานผิดด้านกฏหมายก็จะปล่อยมันไปก่อน หากมันร่วมด้วยก็จะได้ปราบเสียทีเดียว
ชายหนุ่มรำพึงในใจ
กูรู้ว่ามึงคิดหนักไอ้โชติเอ๋ย????.....แต่ไม่เป็นไรมันยังอีกนานนัก ค่อยๆแก้ค่อยๆไปก็แล้วกัน
สักพักหลวงพ่อกับชายหนุ่มก็ต้องหยุดการสนทนากัน เมื่อเขาได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาภายในวัด เขาจึงกราบหลวงพ่อแล้ว แล้วแจ้งว่า
คงจะมาแล้วล่ะครับหลวงพ่อ เดี๋ยวผมจะให้เขาเอามาเก็บไว้ที่นี่ก็แล้วกัน จะให้เขารีบกลับไปก่อนคนอื่นจะรู้
อย่างนั้นก็ได้เจ้าโชติ รีบๆไปเถอะ......หลวงพ่อเตือนชายหนุ่ม
ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบออกไปนอกกุฎีไปยังลานกว้าง เห็นรถเก๋งเข้ามาจอด เขากวักมือเรียกให้มาจอดที่หน้ากุฎีหลวง
พ่อทันที รถเก๋งคันนั้นก็แล่นเข้ามาจอด ชายที่ก้าวลงมาก็ยกมือไหว้เขา เขายกมือไหว้ตอบพลางกล่าวว่า
ถ้าอย่างนั้นช่วยกันยกของไปไว้บนกุฎีหลวงพ่อก่อนก็แล้วกันแล้ว รีบกลับไปอย่าให้ใครเห็นล่ะ หากมีคนมาถามว่า
มาทำไม บอกว่ามาให้หลวงพ่อทองลงของไว้ป้องกันตัว ด้วยได้ยินเขาเลื่องลือกันว่าท่านเก่ง
ครับนาย ชายหนุ่มทั้งสี่คนตอบ แล้วรีบช่วยกันยกของซึ่งมีไม่มากนัก เป็นแค่เครื่องกดแบบพิมพ์อันเดียวเท่านั้นแต่
ว่ามันหนักมาก ต้องช่วยกันถึงจะยกของนั้นซึ่งวางด้านหลังเบาะของรถเก๋งคันนั้น ทั้งหมดค่อยๆพยุงเพื่อกันเสียหายขึ้นกุฎีหายไปพร้อมด้วยชายหนุ่ม ตรงไปยังห้องหลวงพ่อทันที
ประเดี๋ยวเดียวงานทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว แล้วชายหนุ่มก็เร่งให้กลับได้ ชายทั้งหมดก็รีบขับรถออกไปทันที
ชายหนุ่มกล่าวตามหลังชายทั้งหมด พอให้ได้ยินกับลูกน้องของเขา กับบรรดาชายหนุ่มกำลังรีบเดินเข้ารถ หากมีอะไรก็จะให้คนไปบอกนะหรือมีรายงานมา ผมก็จะให้คนที่ไปบอกนั้นไปแจ้งให้ทราบ
ชายหนุ่มคนหนึ่งคือผู้กองชัชวาลย์หันหน้ามาตอบ ครับนายผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละครับ
ทันใดเสียงรถเก๋งคันนั้นก็เร่งเครื่องแล่นออกจากวัดหายลับตาไป ชายหนุ่มก็ก้าวขึ้นมา พลางตรวจสอบดูสิ่งของว่าเป็นอย่างไร พลันกล่าวกับหลวงพ่อว่า......
หลวงพ่อครับ ทดลองกดพิมพ์ดูก่อนนะครับว่าจะใช้ได้ดีหรือไม่....ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
ครั้นหลวงพ่อได้ยินเช่นนี้ก็หัวร่อ ข้าพอจะดูออกว่าใช้ได้ว๊ะ แต่เอ็งอยากให้ข้าทดลองก็ได้นะ พลางนึกถึงชายหนุ่มขึ้นได้ว่าให้ทำการเสกเครื่องใช้ทำพระเสียก่อน จึงจัดแจงนุ่งห่มจีวรให้เรียบร้อย สังฆฏิพาดไหล่คาดด้วยสายประคตผูกไว้ที่สูงกว่าเอวแล้ว เอามือจับยังเครื่องมือนั้นพลางหลับตาเข้าสมาธิภาวนาทันที พลางเป่ามนต์ต่างๆลงไปหลายต่อหลายครั้ง หลวงพ่อก็ยังไม่ยอมออกจากสมาธิภาวนาคาถาอาคมเสกไปเป่าไปเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปนานมากพอสมควร ชายหนุ่มนั่งเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆเขาทราบว่า คราวนี้หลวงพ่อท่านคงจะตั้งใจอย่างมุ่งมั่นมากหากเป็นเช่นนั้น เมื่อเสร็จการทำพระแล้ว ท่านกล่าวว่าจะทุบของทั้งหมดทิ้งเสียก็นึกเสียดายจริงๆ แต่ทำไงได้นี่
เป็นเจตนาของท่านเอง จนกระทั่งหลวงพ่อลืมตาเอามือออกจากเครื่องทำพระแล้ว
ก็บอกว่าเห็นว่าเพียงเท่านี้ก็พอแล้วล่ะน๊ะ พลางหันไปยิ้มกับชายหนุ่ม
ครับหลวงพ่ออัดวิชาเสียมากมายอย่างนี้ ตอนนี้เครื่องนี้หากใครเอาปืนมายิงก็ยิงไม่ออกหรอก แล้วเขาก็ยิ้มให้
หลวงพ่อ คงจะเป็นอย่างนั้นมั๊งท่านกล่าวแค่นั้น หากหลววพ่อตั้งใจทำแล้วลูกเอ๋ยมันแน่ยิ่งกว่าแน่เสียอีกเสียง
พ่อเชียรเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มสะดุ้งหันไปมองข้างหลัง เห็นพ่อกับแม่มานั่งเมื่อไหร่ไม่ได้ยินเสียงเลย
พ่อแม่มาสักพักใหญ่แล้วล่ะแต่ไม่กล้าส่งเสียงดังด้วยหลวงพ่อกำลังทำสมาธิอยู่ พลางก้มลงกราบหลวงพ่อ
เออ...มาพร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว งั้นพวกเอ็งก็มาช่วยทำด้วยซิ
คงไม่ต้องหรอกครับหลวงพ่อ....พ่อเชียรเอ่ยขึ้นแค่นี้ก็ยอดเยี่ยมแล้วล่ะ ไว้วันจริงๆค่อยมาช่วยกันครับ
เออๆๆๆตามใจโยมนะ แล้วหันไปทางชายหนุ่มพลางกล่าวว่า....
อย่างนั้นเจ้าโชติไปหยิบผงที่ทำไว้มาทดลองก็แล้วกันนะ หลวงพ่อหันมากล่าวกับชายหนุ่ม
ดังนั้นเขาจึงไปกราบพระบูชาแล้วหยิบผงผสมดินซึ่งตอนนี้ออกสีขาวๆปนเทาค่อนข้างเขียวๆ
แต่ยังเปล่งประกายรุ่งโรจน์กว่าเดิมอีก
ด้วยความสงสัยจึงหันไปทางหลวงพ่อว่า.......หลวงพ่อครับของที่จะใช้ทำทำไมถึงมีประกายมากกว่าเดิมเสียล่ะ???....
หลวงพ่อพลางเอ่ยว่า....ทำไมจะไม่มีประกายเพิ่มด้วยล่ะรู้ไหมว่าข้านำพระธาตุพระสาริกธาตุ ตลอดจนพระธาตุอรหันต์ธาตุที่เก็บรักษาไว้ตั้งนานสมัยข้าไปธุดงค์ได้มานั้นมาบดรวมเข้ากับผงพุทธคุณไว้ด้วย ดังนั้นจึงมีสีสรรเปล่ง
ประกายมาขึ้นว๊ะ.....หลวงพ่อตอบ
อ้าวๆๆๆ...เสียงอุทานทั้งชายหนุ่มและพ่อแม่เขา มีพระธาตุอะไรหรือครับหลวงพ่อ ถามด้วยความสงสัย???....
อืมมๆๆๆ.....ข้าไปธุดงค์ทางใต้มาเห็นแสงปรากฏเป็นลูกไฟลอยขึ้นมาเหนือท้องฟ้า วิ่งไปๆมาๆก็สงสัยจึง
รีบเข้าสมาธิตรวจสอบดูจึงทราบว่าเป็นพระธาตุที่อยู่ใต้เขานั้น พอรุ่งขึ้นจึงถอนกลดออกเดินทางไปพลางอธิษฐาน
ไว้ว่าหากมีบุญวาสนาเมื่อใดจะนำไปสร้างพระเพื่อต่ออายุพระพุทธศาสนา ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยนำทางด้วยเถิด
ดังนั้นข้าถึงไปถึงแหล่งพระธาตุทั้งหลายได้ ได้ทำการบูชาขอขมากล่าวสัจจะอธิษฐานว่าจะสร้างพระครั้งเดียว
ดังนั้นข้าจึงขอทำแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มิอาจจะเสียสัจจะวาจาที่กล่าวไว้ได้น๊ะ.......หลวงพ่อกล่าวลอยๆ
แล้วมีพระธาตุอะไรบ้าวล่ะเห็นหลวงพ่อบอกว่าพระธาตุทั้งหลาย พ่อแม่ลูกสงสัยถามขึ้น????....
ที่ข้าทราบว่า มีพระบรมสารีกธาตุ พระธาตุอรหันต์ต่างๆ บอกไปก็ยาวมาก เอาแค่ที่สำคัญ คือ
มีพระบรมสาริกธาตุ ส่วนพระอรหันต์นั้น มีพระธาตุอรหันต์พระสารีบุตร พระธาตุพระโมคคัลลานะ
พระธาตุพระสีวลี พระธาตุพระควัมบดี พระธาตุพระสังขจายนะพระธาตุพระอนุรุธธะ พระธาตุพระมาลัย พระธาตุอุปคุตเถระเจ้าซึ่งเป็นพระธาตุที่สำคัญมากฤทธิ์เดชาบารมีสูง
พระธาตุพระอัญญาโกณฑัณยะ พระธาตุพระปัจจวัคคีและพระธาตุพระอรหันต์อื่นๆอีกมากมายนักเป็นต้น
ฉะนั้นพระที่ทำนี้จึงพิเศษกว่าพระเครื่องอื่นใดทั้งสิ้น พวกเอ็งเก็บไว้บูชาองค์หนึ่งเท่ากับได้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พร้อมสรรพเชียวนะตลอดจนอิทธิฤทธิ์ของทวยเทพยดาทั้งปวงด้วย เวทย์มนต์ ซึ่งเป็นวิทยาคมสายขาว
ของพวกเอ็งละข้าซึ่งล้วนแล้วแต่จิตใจบริสุทธิ์ต่อการกระทำครั้งนี้ จึงส่งเสริมให้เกิดพลังพลานุภาพมากเหลือเกิน
หลวงพ่อกล่าวขึ้น
พลางหยิบผงที่ทำขึ้นรวมตัวแน่นจากชายหนุ่มมาก้อนหนึ่ง พลางวางลงยังแท่นพิมพ์พระแล้วเสกคาถาพร้อม
กดแป้นแบบพิมพ์ข้างบนลงมายังแบบพิมพ์ด้านล่างที่เป็นเบื้องหลังพระทันที เครื่องใช้พิมพ์พระนี้ครั้นตั้งไว้พอ
ประมาณจะหนาหรือบางแล้วแต่จะตั้งไว้
แต่ เขาตั้งมาให้เรียบร้อยไม่หนาไม่บางไปพร้อมก็มีที่ตัดขอบนำส่วนที่เหลือล่วงลงมากับพื้นทันที หลวงพ่อ
รีบนำส่วนที่เหลือออกมาปั้นเป็นรูปกลมๆไว้ แล้วนำองค์พระที่ฐานล่างยกลอยขึ้นมาให้เก็บได้อีกครั้งหนึ่งนั้น
พลางนำไปพิจารณา ผงที่ทำเป็นองค์พระสวยงามมากเหมือนแบบที่เขียนไว้ทุกๆประการ เนื้อสีส่งประกาย
แวววาว ออกสีอมเขียวปนเทานิดๆหน่อยๆ จนหลวงพ่อถึงกับอุทานออกมาว่า.....
แปลกๆประหลาดจริงๆนะโยม สีสรรองค์พระนั้นช่างไม่เหมือนพระเครื่องที่เห็นทั่วๆไปสักนิดเลยล่ะ????....
ช่างงดงามและเปล่งประกายสดใสยิ่งนัก เนื้อองค์พระก็แน่นละเอียดมากเสียด้วย เอ็งเอาไปดูซิ.....
ดังนั้นชายหนุ่มและพ่อแม่ต่างรับมาดูพลางยกมือขึ้นพนมมือไหว้ก่อนส่ง ว่าแปลกอย่างหลวงพ่อจริงๆ
แล้วหันไปถามหลวงพ่อว่า พระที่ทำนี้จะทำอย่างไรกันหรือว่าจะปั้นเป็นรูปกลมๆไว้เหมือนเดิม???......
หลวงพ่อหัวร่อพลางกล่าว่า....ไม่ต้องหรอกโยมฉันจะเก็บไว้เองเวลาทำพิธีก็จะนำเข้าร่วมด้วย ถือว่านี้เป็นองค์
แรกเชียวนะโยม หลวงพ่อกล่าว.....
ชายหนุ่มหันมาถามหลวงพ่อว่า....หลวงพ่อครับผงที่ทำขึ้นนี้ผมว่าอยากจะให้ได้แปดหมื่นสี่พันองค์เท่าพระธรรมขันธ์ ไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่าครับหลวงพ่อ??????....
ข้าว่าพอนะเจ้าโชติ...ข้ากะแล้วยังจะเหลืออีก ด้วยองค์พระก็ไม่ใหญ่กำลังพอเหมาะพอควรเลยล่ะ...หลวงพ่อกล่าว
พระอีกส่วนหนึ่งข้าจะนำไปเก็บไว้ใต้ฐานพระประธานในโบสถ์ พวกเอ็งเห็นเป็นประการใดล่ะ ด้วยพระมากมายเช่นนี้?????...... หลวงพ่อถามขึ้น
ตามใจหลวงพ่อเถอะครับ หลวงพ่อจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ทุกๆคนเอ่ยขึ้น
ตามที่เจ้าโชติมันขอไว้เพื่อแจกจ่ายแก่ลูกน้องมันนะ บอกให้มันไปเลี่ยมอย่าให้น้ำเข้าเสียล่ะจะแตกหรือหักก็อย่าทิ้ง
อำนาจพุทธคุณยังอยู่ครบถ้วน ให้ห้อยคอไว้ตลอดเวลาไม่ต้องกล้วเสื่อมยกเว้นเวลาร่วมประเวณีเท่านั้นควรถอดออก
ถึงแม้จะบิ่นหรือหักก็มีค่าเท่ากับพระสมบูรณ์ทุกประการสั่งพวกมันไว้ด้วยนะ หลวงพ่อกล่าวขึ้น.....
ครับปัญหาว่าเราจะทำทันหรือครับ????....ชายหนุ่มกล่าว
เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกหลวงพ่อกล่าว ข้าจะระดมเด็กๆมันมาช่วยทำทั้งวันทั้งคืนคงทันงานหรอก อีกอย่างพระนี้
แปลก เอ็งดูซิขนาดพึ่งทำก็แห้งแข็งแกร่งเสียแล้ว.....
ว่าแล้วก็ยื่นให้คนทั้งหมดดู จริงอย่างหลวงพ่อกล่าวบัดนี้พระที่ทำไว้แห้งแข็งแกร่งดังกับทำมานาน ตอนแรกคิดว่าต้องเอาไปผึ่งลมให้แห้งเสียก่อน คงจะใช้เวลาหลายๆวันถึงพระจะแห้งสนิท ทำให้นึกฉงนสนเท่ห์ใจยิ่งนัก
ครั้นดูเสร็จแล้วก็ยื่นมอบให้แก่หลวงพ่อทองทันที ท่านก็รีบนำไปวางไว้บนพานหน้าพระบูชาทันทีพร้อมผงกลมๆ
แล้วผมจะมาช่วยหลวงพ่อทำด้วยนะครับ ชายหนุ่มกล่าว
ไม่ต้องหรอกเจ้าโชติ งานเอ็งมันก็มากอยู่แล้วข้าสามารถเรียกพวกเด็กและวิญญาณในป่าช้ามาช่วยรวมทั้งนายป่าช้า
อาจารเลื่อมด้วยงานจะได้เสร็จเร็วๆ ไม่ต้องห่วงหรอกว๊ะ......ทันฤกษ์ยามหรืออาจจะก่อนเสียด้วยซิ หลวงพ่อกล่าว
อ้าวๆๆแล้วกล่องจะเก็บพระล่ะจะใช้อะไรใส่เก็บล่ะหลวงพ่อ????.....ชายหนุ่มถาม
ไว้เป็นหน้าที่หลวงพ่อก็แล้วกันนะไม่ต้องห่วงหรอก พวกเอ็งก็เหนื่อยกันมามากแล้วแทบจะไม่ได้หลับได้นอนกันเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นข้ามีวิธีเก็บก็แล้วกัน หลวงพ่อกล่าวขึ้น....
อ้อๆๆ....โยมเชียรไปเรียกกำนันจ้อยและผู้ใหญ่บ้านอาจมาหาข้าด้วยนะ จะได้ปรึกษางานเกี่ยวกับงานสงกรานต์ด้วย
ครับหลวงพ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้หรืออาจจะไปเลยก็ได้นี่ยังบ่ายๆมากอยู่เลย ผมจะแวะไปหากำนันและผู้ใหญ่บ้านว่าหลวงพ่อเรียกครับ....
ขอบใจมากนะโยม เอาล่ะเสร็จเรียบร้อย อ้อๆๆๆนอกจากพระแล้วข้าจะทำลูกอมกลมๆไว้แจกจ่ายอีกด้วยนะสำหรับคนมาร่วมทำบุญในงานนี้เท่านั้นคนละองค์ที่ทำบุญไว้ ส่วนพวกที่จะมาช่วยในงานก่อนวันทำพิธีนั้นข้าก็จะ
มอบลูกอมไว้ให้ทุกๆคนด้วยเป็นสินน้ำใจแก่เขา ซึ่งจะมีงานพิธีในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้คงต้องอาศัยแรงงานในวันเสาร์ก่อนเพื่อจัดการให้พร้อมก่อน ด้วยต้องทำให้สำเร็จก่อนในวันอาทิตย์นี้
ด้วยต้องตั้งพิธีสังเวยทวยเทพยดานอกโบสถ์และในโบสถ์ต้องประกอบประรำพิธีโยงสายสินธ์ที่องค์พระประธาน
ตลอดคนนั่งปลุกเสกอีกด้วย
ครั้นฤกษ์ยามเที่ยงวันอาทิตย์ก็จะเริ่มพิธีสวดมนต์ปลุกเสกของ ของแต่ละคนว่าจะใช้กันอย่างไร ข้าคิดว่าเพียงพวกเราสี่คนนี้ก็เหลือเฟือแล้วไม่ต้องเชิญเกจิอาจารย์อื่นมาหรอก ด้วยไม่แน่ว่าจิตนั้นจะบริสุทธิ์หรือไม่ ข้อนี้ข้าไม่
ไว้ใจจริงๆส่วนพวกเราข้าเชื่อใจในความบริสุทธิ์ของพวกเจ้ามาก อีกประการหนึ่งข้าคิดว่าอาจจะมีทวยเทพยดามาร่วม
ปลุกเสกด้วยจึงให้โยงสายสินธ์พันรอบกล่องใส่พระแล้วต่อไปยังภายนอกโบสถ์ที่ในพิธีสังเวยเทพยดาอีกด้วย
เมื่อครบเวลาฤกษ์ผ่านไปก็จะให้พระในวัดสวดถวายพรพระแล้วสวดชยันโตก็คงจะพอเพียง ของนั้นดีอยู่
แล้วไม่จำเป็นต้องปลุกเสกหลายๆวันหรอก พอพระสวดชยันโตจบถืออันเป็นเสร็จพิธี ข้าก็จะดับเทียนชัยก็จบเรื่อง
ในระหว่างที่พระยังอยู่กับข้า ข้าก็จะปลุกเสกไปจนกว่าจะถึงวันสำคัญนั้นไปพลางๆก่อน โดยจะนำลงไปไว้ใน
โบสถ์เวลาพระท่านทำวัตรเช้าเย็นก็จะได้รับพลานุภาพเหมือนกัน ส่วนข้านั้นจะอยู่ภายในโบสถ์จนกว่าจะเข้าพิธี
ในวันฤกษ์งามยามดีวันอาทิตย์ถึงนี้ หลวงพ่ออธิบายให้ทั้งสามคนฟัง แล้วก็กล่าวว่า
ส่วนฝ่ายโยมทั้งสามก็ต้องมาช่วยกันบริกรรมคาถาอาคมด้วยนะ ข้าจะเป็นคนจุดและดับเทียนชัย
ของดีๆไม่จำเป็นต้องพิธีใหญ่โตของจะดีหรือไม่อยู่ที่คนทำที่จิตใจบริสุทธิ์เท่านั้น โยมทั้งสามต้องนุ่งผ้าขาวห่ม
ขาวมาด้วยนะ ถ้าหากมีโยมที่มาในงานจะร่วมทำบุญให้พระหนึ่งองค์ หากจะทำบุญให้แก่เด็กก็จะได้ลูกอมไปไว้ห้อยคอ หลวงพ่อกล่าวขึ้น แล้วโยมจะว่าอย่างไรล่ะหากเป็นพระก็จะให้ผู้ใหญ่ ส่วนเด็กก็จะได้ลูกอมไปเท่านั้น
ตามใจหลวงพ่อก็แล้วกันครับ.....แล้วหันไปทางชายหนุ่มว่าสำหรับเจ้าข้าจะให้ไว้มากๆเหลือก็เก็บไว้บูชาด้วยก็
แล้วกัน หากว่าวันข้างหน้านั้นอาจจะต้องใช้อีก เหมือนหลวงพ่อจะรู้อนาคตข้างหน้าของเขา
ครับแล้วแต่หลวงพ่อจะเมตตาครับ ชายหนุ่มตอบแล้วก้มลงกราบหลวงพ่อ
ถ้าอย่างนั้นพวกโยมกลับกันได้แล้วล่ะ เออเจ้าโชติอย่าลืมนะที่ข้าบอกเอ็งไว้ด้วย
ครับหลวงพ่อ......ทำเอาพ่อแม่เขาหันมามองหน้ากันแต่ไม่ได้ถามอะไรคิดว่าไปบ้านก็จะถามได้
ทั้งหมดจึงได้ก้มลงกราบพ่อกราบลา
ไปเถอะโยมแค่นี้ก็ช่วยเหลืออาตมามากพอแล้วล่ะ ขอบใจมากนะ พระคุ้มครองโยมทุกๆคนนะจงเจริญๆมีแต่ความสุข
ความเจริญปราศจากทุกข์โรคภัยอันตรายนะ
ทั้งหมดรับคำกราบหลวงพ่อแล้วก็เดินทางกลับบ้านทันที ระหว่างทางพ่อเชียรก็หันมากล่าวกับลูกชายว่า.....
ลูกกับแม่กับบ้านไปก่อนนะ พ่อจะไปหาท่านกำนันผู้ใหญ่บ้านก่อน พ่อจะนำรถเครื่องมอเตอร์ไซค์ไป ส่วนเจ้าก็เอารถจักยานพ่วงแม่กลับไปบ้านก่อน ด้วยระยะทางห่างไกลนัก และจะมืดค่ำเสียก่อนรีบไป แล้วทั้งหมดก็แยกทาง
กัน ส่วนพ่อเชียรก็ขี่มอเตอร์ไซค์แยกไปทางบ้านกำนันและผู้ใหญ่บ้านแจ้งข่าวว่าหลวงพ่อต้องการพบโดยด่วน
เมื่อแจ้งข่าวเรื่องหลวงพ่อกับกำนันแล้ว กำนันบอกว่า อ้าวแล้วไม่พักก่อนหรือเชียร???.....
พ่อเชียรตอบว่าไม่ล่ะขอบใจกำนันมากจะต้องไปหาผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านด้วย มันเรื่องด่วนของหลวงพ่อ
ถ้าอย่างนั้นรีบไปเถอะ สงสัยพรุ่งนี้จะไปตอนเช้าๆเลยล่ะ.....กำนันกล่าว
พ่อเชียรก็ออกเดินทางไปพบผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ้งความประสงค์ของหลวงพ่อ
แล้วขอตัวกลับ บอกว่านี่ก็จวนจะมืดค่ำแล้วทางลำบาก หลวงพ่อบอกให้ไปพบให้ได้ด้วยนะ
ผู้ใหญ่บ้านอาจรับคำกลับบอกว่าส่วนผู้ช่วยนั้น พ่อเชียรไม่ต้องไปหรอกเดี๋ยวข้าจะให้เด็กไปบอกเอง
อย่างนั้นขอบใจผู้ใหญ่นะ งั้นข้ากลับก่อนล่ะ พลางผู้ใหญ่บ้านอาจถามทันทีว่า
แล้วกำนันจะไปพบหลวงพ่อเมื่อไหร่ล่ะ???.....
เห็นบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจ๊ะผู้ใหญ่ เอองั้นข้าก็จะรีบไปหากำนันก่อนแล้วไปด้วยกัน ไปเถอะนี่ก็จะมืดอยู่แล้วสายตาก็ไม่ค่อยจะดีด้วย
เมื่อผู้ใหญ่บ้านรับคำเช่นนั้น พ่อเชียรก็รีบเดินทางกลับบ้านทันที พร้อมกล่าวว่างั้นเจอกันที่วัดก็แล้วกันนะผู้ใหญ่
เออๆๆๆไปเถอะ
พ่อเชียรก็รีบขี่รถกลับบ้านทันที พอถึงบ้านก็มืดคำพอดี ภายในบ้านจุดตะเกียงรออยู่แล้ว เพื่อคอยกินอาหารด้วยกัน ครั้นจอดรถเรียบร้อยแล้วก็เดินขึ้นบ้านเพื่อจะได้ไปกินอาหารร่วมกันระหว่างพ่อแม่ลูก............
* แก้วประเสริฐ. *
22 พฤศจิกายน 2553 15:22 น.
แก้วประเสริฐ
อทิศมานกาย ๒๐
ครั้นชายหนุ่มได้ฟังนางกล่าวเช่นนั้น ก็พลางตั้งจิตให้มั่นคงพลางยกมือขึ้นพนมมือไหว้ไปยังเบื้องบน นึกถึงทวย
เทพยดาทั้งหลายที่มาช่วยเหลือเขาครั้งนี้ พลางกล่าวคำขอบคุณแด่เทพยดาทั้งปวง ฉับพลันกระแสลมอ่อนๆก็พัดมาต้องกายเขาทำให้เกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นเสมือนดังว่าท่านรับรู้ในการแสดงคาราวะของเขา จึงก้มลงกราบบนพื้น แล้วหันหน้าไปทางนางทั้งสองทันที คิดจะถามเรื่องพานทองคำนี้ แต่ก็ชะงักนึกได้ว่าคงจะเป็นเทพยดาผู้ใหญ่ท่านเนรมิตมาให้มารองรับของเหล่านี้เป็นแน่แท้
ดังนั้นจึงมิได้เอ่ยปากถามแต่ประการใด เพียงหันไปมองพานทองคำที่เต็มไปด้วยผงที่นางและเหล่าเทพยดาทำขึ้นให้
แต่ยามเขาเพ่งไปยังผงเหล่านี้กลับแปลกประหลาดใจนักด้วยมีรังสีสะท้อนแสงตะเกียงออกประกายระยิบระยับหลาก
หลายสีนัก จิตใจก็ยิ่งบังเกิดความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งด้วยผงที่นางทั้งสองลบนั้น หากเป็นเขาทำพิธีผงเหล่านี้จะเป็นสี
ขาวมอๆทั้งสิ้น แต่ผงที่นางทำขึ้นนี้ช่างแตกต่างกันราวกับฟ้าดิน
มีประกายแพรวพราวตลอดเวลา ส่งแสงสีงามตายิ่งนัก
ยามเมื่อนางทั้งสองยกพานทองคำมาส่งมอบให้ชายหนุ่ม เขาก็ยกพานขึ้นจบเหนือศีรษะแสดงความเคารพนอบน้อมแล้วเดินไปยังโต๊ะหมู่บูชา วางพานที่บรรจุผงหลากหลายสีแพรวพราวระยิบลงต่ำกว่า พระพุทธรูปอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พลางจะหันมาทางนางทั้งสอง ปรากฏว่านางหายไปเสียแล้วพร้อมกระดานชนวนที่มีลายขอบลวดลายสวยงามยิ่งนักด้วย
เขาจึงลุกไปนำกระดานชนวนที่พ่อให้มาวางไว้ข้างๆตัวพร้อมกับพานที่ปูด้วยผ้าป่านสีขาวที่ลงเลขยันต์อักขระไว้
เตรียมพร้อมเพื่อจะทำการเขียนยันต์ต่างๆทำการลบผงที่จะกระทำขึ้น พลางลุกไปหน้าโต๊ะหมู่บูชาพระที่ตั้งไว้
พลางก้มลงกราบพระแล้วกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เข้านั่งสมาธิเช้าฌานสมาบัติรวมทั้งฌานกสิณ
ต่างๆหลายๆเที่ยวขึ้นๆลงๆแล้วมาจบลงที่ฌานอุปาจาระสมาธิทันที
พลางหยิบชนวนดินสอที่ทำไว้เขียนเลขยันต์อักขระกำกับทุกๆตัวพร้อมร่ายมนต์ที่ร่ำเรียนมา บทๆหนึ่งก็ลบผงใส่ลงใส่ผ้าที่รองพานไว้ แล้วเขียนยันต์ทุกๆบทก็ทำเหมือนเดิมจนครบหมดความรู้ที่ร่ำเรียนมาจาก หลวงพ่อทอง อาจารย์เลื่อม พ่อและแม่จนครบสูตร จนผงนั้นแทบจะล้นออกมาจากพาน
แต่พานนั้นเขาคัดสรรค์เป็นพิเศษให้ใหญ่ด้วยเจตนาต้องการให้ได้ผงมากๆนั่นเองเพียงพอกับการสร้างพระเครื่อง
เขาคิดว่าจะสร้างให้มากด้วยอย่างไรหลวงพ่อทองก็คงจะไม่สร้างขึ้นอีกแล้ว อีกอย่างหนึ่งชาวบ้านก็มากลูกน้องเขาก็มีจำนวนไม่น้อยเกรงจะไม่พอเพียง แก่ผู้ที่จะแจกจ่าย ใจเขาคิดอยากจะสร้างให้ครบ แปดหมื่นสี่พันองค์เท่ากับพระธรรมขันธ์ ไหนๆก็จะสร้างแล้วต่อไปอาจจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก แล้วยิ่งทวยเทพยดามาช่วยเหลือทำผงที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ด้วยสีสรรที่งดงามยิ่งนักด้วยแล้ว ต่อไปยากนักจะได้ผงเช่นนี้ก็ได้แสดงถึงพระที่จะสร้างนี้
จะต้องมีอิทธิฤทธิ์อานุภาพสูงส่งยิ่ง เขาก็ปลาบปลื้มปิติยินดียิ่งนัก
เขาเมื่อทำผงเสร็จเรียบร้อยก็ยกพานหุ้มห่อผ้าไว้แล้วนำไปวางใกล้พานทองคำ นำด้ายสายสินธ์มาวนที่
พระพุทธรูปแล้วมาวนพานทั้งสอง ตลอดจนยังมาวนที่พานหุ่นพยนต์และพานแม่นางทั้งสองอีกด้วย เมื่อเห็น
ว่าเรียบร้อยดีแล้ว ชายหนุ่มก็นำม้วนกลุ่มสายสินธ์ดังกล่าวมาวางไว้ในฝ่ามือเข้าสมาธิเจริญพระพุทธมนต์และ
เวทย์มนต์คาถาต่างๆอีกคาถาละร้อยแปดจบทุกบทคาถาไป กว่าจะเสร็จก็ตกฟ้าสางจนกระทั่งสายก็ยังไม่เสร็จ
เกินเวลาที่จะต้องทานอาหารเช้าแล้ว ครั้นพ่อแม่เขาเข้ามายังห้องเพื่อจะเรียกเห็นชายหนุ่มยังนั่งหลับตา
เข้าสมาธิอยู่ ครั้นพ่อเชียรและแม่เข็มมองไปยังพานทองคำที่มีผงรองรับด้วยผ้าอันสดสวยงามยิ่งนักผงนั้นที่มี
สีแสงแพรวพราวหลายหลากสีสะท้อนเข้าตา ก็ต่างตกใจยิ่งนักคาดมิถึงว่าลูกชายจะทำผงได้ถึงเพียงนี้ก็สงสัยนัก
พากันสบตากันแต่ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงรีบออกจากนอกห้องของชายหนุ่มที่กำลังเจริญสมาธิฌานอยู่ทันที
ครั้นออกมานอกห้องแล้ว ต่างพากันไปใส่บาตรพระ คราวนี้ก็แปลกใจอีกด้วยหลวงพ่อทองปกติจะต้องนำ
หน้าพระมาทุกๆครั้งแต่วันนี้กลับไม่มา มีเพียงแต่พระลูกวัดเท่านั้นครั้นจะถามก็ใช่ที่ เมื่อใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว
ก็รีบนำของไปล้างและเก็บ พลางขึ้นไปบนบ้านแล้วนั่งปรึกษากัน
ฉันว่าพระที่จะสร้างคราวนี้จะไม่ธรรมดานะพี่เชียรด้วยมีพานทองคำผ้ารองหรือก็ไม่ใช่ธรรมดาเป็นผ้าแพร
งามสวยสดยากจะหาคนทำได้เช่นนี้นะพี่.....แม่เข็มเอ่ยขึ้น
เห็นจะจริงดั่งแม่เข็มว่าแหละ รู้สึกมีอะไรแปลกๆไปหมด อย่างเช่นในห้องของลูกเรา ไม่รู้ว่าไปเอาพานทอง
เป็นทองคำและผ้าที่ใช้รองพานใส่ผงนั้นมาจากไหน ทำให้ข้าเองก็แปลกใจจริงตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเห็น
ความสวยงามเช่นนี้มาก่อนเลย แม่เข็มสังเกตุไหมว่าในห้องลูกเราช่างสว่างไสวแพรวพราวยิ่งนัก พ่อเชียรตอบ...
จริงจ๊ะพี่เชียร ฉันเห็นยังตกตะลึงไปเลยล่ะ ผงที่ในพานก็ไม่เหมือนผงที่พวกเราทำจะมีสีขาวออกมอๆเท่านั้นแต่
นี้ไม่เฉพาะสีขาวเท่านั้นยังมี่รัศมีแพรวพราวอีกด้วยนา หรือว่าเมื่อคืนนี้เหล่าเทพยดามาช่วยกระมัง???....
คงจะเป็นดั่งแม่เข็มบอกแหละ ข้าร่ำเรียนวิชาก็หลายอาจารย์มายังไม่เคยเห็นเช่นนี้เลยนี่นา นี่ลูกเราก็ยังไม่ยอม
เลิกออกจากสมาธิเลย เห็นว่าพระที่จะสร้างคราวนี้ต้องศักดิ์สิทธิ์แน่นอนไม่ธรรมดาหรอก ดูซิ!!!...แม้แต่หลวงพ่อ
ทองเองก็ยังไม่ยอมมารับบิณฑบาตร ปกตินั้นไม่เคยขาดสักครั้งเดียวนา.....
อ้าวแล้วภาพที่ให้หลวงพ่อดูล่ะ??.....ท่านว่าอะไรหรือ???... แม่เข็มถาม
พอหลวงพ่อเห็นเท่านั้นบอกว่า กูนึกแล้วเชียวว่ามันไม่ธรรมดา เอ๊าเอาตามนี่แหละว๊ะ....ท่านกล่าวแค่นี้ และยังบอกว่า กูจะทำแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เบ้าใช้ทำจะทุบทิ้งตลอดจนเครื่องไม้เครื่องมือทั้งหมดด้วย ข้าก็บอกว่าไม่เก็บ
ไว้ให้คนรุ่นหลังทำอีกหรือ?????.....
หลวงพ่อหัวร่อ กล่าวว่าไม่หรอกหากใครจะมาทำก็ให้มันสร้างขึ้นใหม่แต่คงจะไม่เหมือนคราวนี้แหละว๊ะ แล้ว
ท่านก็หัวร่อใหญ่เลยล่ะจนข้าสงสัย.... ด้วยหลวงพ่อปกติจะเงียบขรึมไม่ค่อยจะได้เห็นว่าท่านหัวร่อสักครั้งเดียว
เอ็งว่าจริงไหมล่ะแม่เข็ม พลางหันไปถามทางเมีย
จริงจ๊ะพี่ เราไปวัดไปรับศีลท่านก็หลายๆปีมาแล้วยังไม่เคยเห็นท่านหัวร่อสักครั้งเดียว อย่างมากก็แค่ยิ้มๆเท่านั้น
นั่นซิข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ ใบหน้าท่านหรือก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บางครั้งยังหัวร่อเบาๆเลย....พ่อเชียรกล่าว
แล้วเรื่องของเอ็งไปถึงไหนล่ะแม่เข็ม???.... ทางฝ่ายผัวถาม
ของข้ามีไม่มากแต่ก็เรียบร้อยเสร็จนานแล้วล่ะ ตั้งแต่เที่ยงคืนไปแล้วจนหมดความรู้แล้วล่ะพี่....แม่เข็มกล่าว
เออๆๆๆข้าเองก็เหมือนกันไม่ได้หลับได้นอนเลยล่ะทำทั้งคืน จะมางีบก็จวนสว่างนี่แหละ แล้วแม่เข็มก็ไปเรียก
แล้วพี่ลงหมดทุกวิชาหรือเปล่าล่ะ???....แม่เข็มชักสงสัยถามขึ้น
ก็ลงจนหมดความรู้แหละว๊ะ แต่ไม่เหมือนลูกเรานี่มันยังไงชอบกลนะ ข้าเคยลองวิชากับมันดูให้มันปลุกตุ๊กตาหินให้ลุกนั่งได้ก็เท่านั้นว่าดีแล้วนา แต่มันกลับสั่งให้ตุ๊กตาหินวิ่งไปๆมาๆได้อีกด้วยซิ จนต้องรีบให้มันหยุดกระทำ
จนข้าทึ่ง ข้าเองยังทำไม่ได้อย่างดีแค่ให้มันลุกนั่งนอนได้เท่านั้นเอง ไม่เหมือนมันสั่งให้วิ่งไปๆมาๆได้ว๊ะ.......
ทั้งๆที่มันก็พึ่งร่ำเรียนจากข้ามาไม่เท่าไหร่ หรือว่ามันจะร่ำเรียนจากหลวงพ่อและทดลองเหมือนข้าก็ไม่รู้นะ....
แต่ข้าว่ามันคงสะสมบารมีทางสมาธิแก่กล้ามาก่อน มิฉะนั้นวิชาทั้งของพี่และของข้าที่ถ่ายทอดมาจากตามันมัน
เอามาอ่านไม่เท่าไหร่มันก็ทำได้แล้วล่ะพี่ แม่เข็มเอ่ยขึ้น
นั่นซิ...ข้าเองก็ งง เหมือนกันแหละ สงสัยจะเป็นเหมือนที่ข้ามองเห็นในสมาธิเสียแล้วกระมัง???.....
ก็เหมือนกับข้าที่เห็นแหละแต่ไม่มากเหมือนพี่เท่านั้นเองแหละ??????...แม่เข็มตอบพลางหันไปมองทางห้องลูก
ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยไปตามดวงชะตาของมันเถอะนะแม่เข็ม เขาคงลิขิตทางเดินมันไว้แล้วล่ะ
เราก็ช่วยที่เราจะช่วยได้เท่านั้นเอง ฝ่ายผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้น.....
จ๊ะๆ..พี่ดวงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง แม้แต่หลวงพ่อก็เคยกล่าวไว้ใช่ไหมล่ะ???...แม่เข็มเอ่ยขึ้น
ใช่หลวงพ่อท่านเองก็บอกเช่นกันนะแม่เข็ม ทางฝ่ายผัวตอบ........
แล้วทั้งสองก็ยังมองไปยังห้องของลูกชาย จนเวลาใกล้ๆจะเที่ยงนั่นแหละ
จึงเห็นลูกชายเดินยิ้มกริ่มออกมาจากห้องนอน หันมายกมือไหว้พ่อแม่เขาแล้วถามขึ้นเรื่องภาพแบบตัวอย่างพระ
พ่อๆๆหลวงพ่อท่านว่าอะไรหรือเปล่าล่ะเรื่องภาพพระนั้นนะ....
อ้อๆ...ไม่ได้พูดว่าอะไรกลับชมว่าดีเสียอีกเอาตามที่ให้ท่านดูว๊ะ....พ่อเชียรตอบ
ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนนะพ่อชักหิวแล้วซิ ชายหนุ่มกล่าว
จะไม่หิวได้อย่างไรนี่ก็เที่ยงกว่าๆจวนจะบ่ายมากเข้าไปแล้วล่ะ???....พ่อเชียรตอบ
เดี๋ยวแม่จะหามาวางไว้ให้ ลูกไปชำระล้างร่างกายเถอะนะ แล้วแม่เข็มก็เข้าไปยังครัวเพื่อหาอาหารให้ลูกชาย
ส่วนชายหนุ่มก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก้าวลงไปห้องน้ำข้างล่างชำระล้างร่างกาย เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เข้ามานั่งกินข้าวคนเดียว ระหว่างนั้นพ่อแม่เขาก็นั่งเฝ้ามองดู ชายหนุ่มพลางกล่าวขึ้นว่า.......
พ่อครับ....ผมให้หุ่นมันไปหาลูกน้องผมแล้วเอาหนังสือไปให้มันพร้อมแบบพระด้วยแล้ว
ส่วนดินนั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็จะนำมันมาปลุกเสกอีกทีหนึ่งนะพ่อ
เออๆๆๆ....ตามใจลูกเธอว๊ะจะเอาอย่างไรก็เอากัน เดี๋ยวพ่อไปให้อาหารปลาอาหารหมูคนเดียว ลูกไม่ต้องไปหรอกเวลามันเร่งมากเสียด้วย แล้วเจ้าหุ่นมันจะไปเจอลูกน้องลูกหรือเปล่าล่ะ พ่อเชียรถามด้วยความสงสัย????....
พบซิพ่อ...ต้องพบแต่นอนด้วยมันไม่ใช่คนธรรมดานี่นา
เขารีบกินอาหารแล้วก็ลงไปยังกองดินที่ยังอยู่บนรถเข็ญพลางหลับตาเจริญมนต์ต่างๆแล้วก้าวขึ้นมาบนบ้าน
พ่อไปเถอะผมจะจัดการกับดินเหล่านี้เอง แล้วพ่อแม่เอาผงมาให้ผมด้วยนะพ่อจะได้คลุกเคล้ากับผง
ของผมและของเทพยาด้วยปั้นใส่เข่งนำไปให้หลวงพ่อท่านผสมปลุกเสกอีกทีจ๊ะ.....ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
ตามใจลูกเถอะจะทำอะไรก็ทำไป ว่าพลางเขาเห็นพ่อแม่ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องหยิบห่อผ้ามายื่นส่งให้
ส่วนของพ่อนั้นมีมากพร้อมด้วยของอีกหลายๆถุงยื่นส่งให้เขา เขาก็นำมาวางรวมไว้ข้างเสาบ้านทันที พ่อไม่งีบสักหน่อยเลยหรือ?????...... ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ไม่หรอกข้าเคยชินเสียแล้วเวลาใช้เจ้าควายบางครั้งไม่ได้หลับทั้งคืนก็มีว๊ะ.....พ่อตอบเขา
แต่พ่อแก่แล้วนา????.....ชายหนุ่มท้วงขึ้น
เออน่าข้ารู้ตัวข้าดี.....ไปล่ะเสร็จงานจะขึ้นมาช่วยเอ็งทำงานด้วยว๊ะ พลางเดินลงบันไดพร้อมด้วยเมีย
เมื่อพ่อแม่ไปแล้วเขาก็ไปเอาของพ่อ ไปเอาครกมาตำ ด้วยเป็นหินต่างๆ บ้างเป็นเหล็กสีเขียวๆ บ้างเป็นท่อนไม้ กิ่งไม้ และอื่นๆจิปาถะต่างๆ เขาค่อยๆรีบทำจนกระทั่งค่อนข้างละเอียด โดยมีสาวชบาและเจ้าแกละมาช่วย
ทันใดนั้นที่รั้วก็มีเสียงดังเจี้ยวจ๊าวดังขึ้น ครั้นมองไปดูพร้อมด้วยสาวชลาและเจ้าแกละก็แลเห็นบรรดาเด็กๆ
มีเจ้าจุกเดินนำหน้าเข้ามา หมามันไม่กล้าเห่าได้แต่หอนแล้วถอยหลังกรูดไป เจ้าจุกมันยกมือไหว้พร้อมด้วยเด็กต่างๆ
แล้วมันกล่าวกับชายหนุ่มว่า หลวงพ่อท่านส่งพวกข้าให้มาช่วยจ๊ะ...มันตอบ
เอาล่ะพวกเราเจ้าจุกหันไปสั่งบรรดาสมุนทั้งหลายมาๆช่วยกันทำงานโว้ย มาช่วยกันตำครกช่วยพี่เขาด้วยกัน
จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก แล้วพวกเด็กๆก็ทะยอยกันขึ้นบ้าน ชายหนุ่มก็แนะนำให้รู้จักกับสาวชบาและเจ้าแกละ
ทั้งสองหัวร่อให้แก่กัน ต่างคนต่างช่วยทำงานอย่างขะหมีขะหมันไม่พูดจากัน ด้วยเร่งทำงานให้เสร็จเร็วๆ
หน้าห้องก็มีแม่นางทั้งสองเดินออกมาช่วย ครั้นเจ้าจุกเห็นสาวอ้อยก็จำไม่ได้แต่มันคลับคล้ายคลับคลาจึงหัน
ไปถามชายหนุ่มทันที
พี่ๆๆๆนั่นอีอ้อยใช่หรือเปล่าล่ะ???... มันถาม
ใช่แล้วจุก...แต่ตอนนี้อย่าไปเรียกเขาว่าอีเชียวนะ เขาไปเกิดใหม่แล้วมาเป็นนางอัปสรไปแล้วล่ะ
หาๆๆๆจริงๆหรือพี่.....มันงุนงงพลางขยี้ตามัน เพ่งตาไปยังหญิงสาวอ้อยทันที
หญิงสาวอ้อยหันไปทักว่า เป็นไงจุกล่ะตอนนี้สบายดีหรือเปล่าล่ะ สมัยก่อนหล่อนมักจะเรียกพี่จุกบัดนี้เหตุการณ์เปลี่ยนไปเสียแล้ว หล่อนสูงชั้นกว่าเจ้าจุกมากนักจึงเรียกแค่จุกเฉยๆ.....
อ้าวๆๆๆตอนนี้เป็นเทวดาไปแล้วหรือแม่อ้อย คราวนี้มันไม่กล้าเรียกอีอ้อยเหมือนเดิมอีกแล้ว
อืมๆๆๆข้าจุติใหม่แล้วเกิดเป็นนางอัปสรไปแล้วล่ะจุก ก็ที่จุกว่าคือเป็นเทวดาไปแล้วล่ะ เทวดาเขาใช้เรียกเฉพาะ
ผู้ชาย ส่วนเทวดาหญิงเขาเรียกนางอัปสรนะเจ้าจุก...... หล่อนเอ่ยขึ้น
ข้ายังเป็นสัมภเวสีอยู่เลย แล้วจะทำอย่างไรจะได้เป็นเหมือน คุณอ้อยได้ล่ะมันถาม???...
เรื่องนี้ต้องแล้วแต่บุญวาสนานะ หากมาช่วยงานสร้างพระให้เสร็จบางทีอาจจะเปลี่ยนจากสัมภเวสีเป็นเทวดา
ก็ได้ใครจะรู้ขอให้ช่วยๆกันทำให้เรียบร้อยเถอะด้วยความตั้งใจศรัทธาจิตใจตั้งมั่นคิดว่าเรามาทำงานเพื่อประกอบแต่
ความดี บุญ กุศลจะเพิ่มให้พวกเจ้าทุกๆคนและอาจจะสมใจแต่ต้องหมั่นฝึกสมาธิประกอบด้วยนะ สาวอ้อยตอบ
ว่าแล้วสาวอ้อยก็หันไปให้จุกไปรู้จักแม่นางรัตนาวดีว่าเป็นใคร ความเป็นมาอย่างไร........
ครั้นเจ้าจุกและพวกพอทราบดังนั้นต่างก็หันมายกมือไหว้แม่นางรัตนาวดีทันที สาวทั้งสองก็ยิ้มบอกว่ามาๆๆทำงานกันได้แล้วเวลาไม่อำนวยด้วย ต้องให้เสร็จเรียบร้อยและต้องให้ละเอียดด้วยนะในวันนี้ด้วยจ๊ะ.....
ดังนั้นทุกๆคนไม่พูดจากันอีกแล้วต่างก็รีบกันช่วยกันทำงาน แบ่งหน้าที่กันทันที บ้างช่วยตำสิ่งของ บ้างปั้นดินให้เป็นลูกกลมใหญ่ๆตามที่ชายหนุ่มสั่งไว้เพื่อต้องไปผสมของกับหลวงพ่ออีก ซึ่งชายหนุ่มบอกขนาดให้แต่ละก้อน เพียงชั่วไม่นานก็เรียบร้อยสมบูรณ์รวมทั้งการคลุกเคล้าผง ก่อนจะนำผงมาชายหนุ่มยกพานขึ้นจบเหนือศีรษะก่อน
ครั้นพอนำผงในพานทองจากผ้าที่สวยงามนำผงลงผสมกับดินแล้ว ฉับพลันพานทองกับผ้าอันสวยงามก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งหมดทันที เล่นเอาพวกเด็กๆตกใจไปตามๆกัน แม้กระทั่งชายหนุ่มพ่อเชียรแม่เข็มที่มาช่วยด้วย ต่างแปลกใจแต่รู้กันเฉพาะห้าคนเท่านั้นเอง นอกนั้นไม่ทราบต่างพากันตกใจงวยงงไปทั้งหมด
เมื่อไปมองดินที่ปั้นเป็นลูกกลมผสมด้วยผงและสิ่งอื่นๆอีกก็เปล่งประกายหลายหลากสีทุกๆก้อนด้วย เมื่องานเสร็จแล้ว เขากับพ่อแม่และพวกเจ้าจุกก็ออกเดินทางนำของเหล่านี้ต่างช่วยกันเข็ญ ไปส่งให้หลวงพ่อทองทันที เพื่อจะได้นำสิ่งของจากหลวงพ่อมาผสมคลุกเคล้าอีกครั้งหนึ่ง
พอของทั้งหมดนำมาวางต่อหน้าหลวงพ่อทอง หลวงพ่อพอเห็นเท่านั้นก็ก้มลงกราบยังบรรดาดินที่ผลมผงทั้งหมด
ทันทีพลางภาวนาพึมพรำ พลางกล่าวว่าแค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ ชายหนุ่มพลางกล่าวว่า....
นำของหลวงพ่อและวัตถุมงคลมารวมด้วยจะดียิ่งขึ้นนะครับหลวงพ่อ ถ้าอย่างนั้นตามใจเจ้าก็แล้วกันแล้วหลวงพ่อ
ก็เดินเข้าไปในห้องนำผงที่ปลุกเสกและของอื่นๆพลางหันไปทางเจ้าจุกและพวก สั่งว่าพวกเอ็งไปเอาครกมาช่วยกันตำ
สิ่งของเหล่านี้ให้ละเอียดด้วยนะส่วนผงไม่ต้องหรอก......พลางหันไปกล่าวกับโยมเชียรโยมเข็มและชายหนุ่มว่า
อันที่จริงแล้วถึงแม้จะไม่มีของๆข้า สิ่งของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วหากไม่สร้างเป็นพระเพียงแค่เศษ
ดินที่ผสมของพวกโยมก็สามารถ คุ้มครองป้องกันภัยได้มากอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีสิ่งเมตตามหานิยม โชคลาภอื่นๆอีก
มากมายในตัว สามารถแก้ภัยอันตรายแม้แต่การป่วยไข้ต่างๆตลอดจนเอามาทำน้ำมนต์ก็ยังได้อยู่แล้วนะโยม...
บรรดาพ่อแม่ลูกต่างหันมามองหน้ากัน ด้วยรู้ว่าไม่ใช่แค่ผงที่เขาทำเท่านั้น คงจะเกิดจากเหล่าทวยเทพยดาท่านมา
สร้างไว้ให้นั่นแหละ แม้จะใช้เวทย์มนต์อย่างไรก็จะมีไม่มากดังหลวงพ่อทองกล่าว จึงได้แต่ยิ้มมิเอ่ยปากใดๆทั้งสิ้น
ดังนั้นเจ้าจุกและพวกก็รีบไปทำตามคำสั่งหลวงพ่อทันที เพียงเวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้วหลวงพ่อก็นำดินทั้งหมดมารวมตัวกันอีกครั้งแล้วคลุกเคล้าส่วนผสมใหม่อีกครั้งทันที ขณะคลุกเคล้าท่านเอาสายสินธ์มาพันรอบๆดินที่ผสมผงแล้วให้ ชายหนุ่มพ่อเชียรแม่เข็มช่วยกันภาวนามนต์ไปด้วยกัน ครั้นเมื่อดินรวมตัวกับผงจนเข้ากันเรียบร้อยละเอียดดีแล้ว แลเห็นหลวงพ่อก็นำน้ำมันกลิ่นหอมมากๆอะไรไม่รู้ผสมผสานคลุกเคล้าดินผงอีกครั้งหนึ่ง
จนเห็นว่าดีแล้วก็ให้จัดการปั้นดินให้พอเหมาะสำหรับสร้างพระแต่ละองค์ พร้อมนำน้ำมนต์ที่ท่านทำไว้มาพรมอีกครั้งหนึ่งก็เป็นอันเสร็จพิธีการ พลางหันหน้ามากล่าวว่าของที่จะกดทำพระจะได้เมื่อไหร่ล่ะโยม
ชายหนุ่มกล่าวว่าผมคิดว่าราวตกบ่ายๆนี้หรือพรุ่งนี้ของคงจะมาถึงกระมังครับหลวงพ่อ เออดี งั้นเอาของไปเก็บไว้ในกุฎีก่อนก็แล้วกันแล้วหันไปทางเจ้าจุกให้นำดินที่ห่อผ้าจีวรใส่ดินที่จัดการเรียบร้อยแล้งพร้อมพวกนำไปไว้ในกุฎี
ไปวางไว้หน้าโต๊ะหมู่บูชาทันที ขณะพวกเด็กๆทำงาน หลวงพ่อก็มานั่งสนทนากันทั้งหมดยกเว้นพวกเด็กๆเท่านั้นที่แยกย้ายกระจายออกไป ปล่อยให้ผู้ใหญ่สนทนากัน.....
ที่ร้านอาหารหน้าสถานีตำรวจในเมือง ผู้กองและพวกตำรวจที่มาใหม่กำลังนั่งกินเหล้า พวกเขาเพียงแค่จิบกัน
เท่านั้นเพื่อแสดงว่ากินเหล้าเมา ด้วยแอบเอาเหล้าทิ้งบ้าง แล้ว แกล้งทำหกบ้าง แก้วหล่นจากโต๊ะแตกกระจายบ้าง
จนเหล้าเหลือน้อยแล้วส่งเสียงดังทำเป็นมึนเมา แต่สายตานั้นมองไปรอบๆร้านอาหารและ นอกร้านอาหาร เสียงคนในร้านอาหารที่มีจำนวนไม่น้อยต่างส่งเสียงเฮฮาลั่น ผู้กองสั่งเกตุเห็นคนกลุ่มหนึ่งมักจะหันมามองทางพวกเขาเสมอๆ จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจ.......พลางกระซิบบอกพรรคพวกไว้อย่าหันไปมองทางคนกลุ่มนั้น
ซึ่งอาจจะเป็นพวกจ่าเจียมใช้มาสังเกตุการณ์พวกเขา ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นเสียงมึนเมามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
สักพักใหญ่ พวกมันก็พากันเดินออกจากนอกร้านไป ตอนนี้คนชักจะว่างมากแล้ว ส่วนผู้กองและพวกยังนั่งกินอยู่
ทันใดนั้นก็มีชายรูปร่างน่าตาดีสองคนเดินเข้ามาหา พลางยกมือไหว้ ผู้กองชัชวาลย์ยกมือไหว้ตอบพลางสงสัย
ด้วยไม่เคยเห็นใบหน้าค่าตาคนที่เข้ามาหาก่อนเลย จึงถามว่า.........
เป็นคนแถวนี้หรือแล้วมาหาผมด้วยเรื่องอะไรหรือครับ???....ครับผมเป็นคนอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักครับชายร่างเล็กตอบ แล้วทั้งสองก็ขออนุญาตนั่งด้วย ผู้กองพยักหน้า มันทั้งสองก็หันไปหยิบเก้าอี้มานั่งแล้วพลันกล่าวขึ้น...
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำหน่อยบอกว่า ผมชื่อแสงสีครับ นั่นสินชัยนายสั่งให้มาหาผู้กอง แล้วก็แจ้งรหัสทันทีพร้อม
กับส่งหนังสือให้ผู้กองด้วยเป็นปีกใหญ่ๆ ฝ่ายผู้กองครั้นได้ยินชื่อก็จำได้แต่ไม่แน่ใจเมื่อได้ยินรหัสเท่านั้นก็รู้ว่าชายหนุ่มสองคนนี้มาจากไหน จึงรีบอ่านหนังสือทันทีพร้อมกับให้พวกอีกสามคนอ่านด้วย ผู้กองก็ยกโทรศัพท์มือถือสั่งงานไปปลายทางทันที แล้วหันมาถามว่า.....นายเจ้าว่าต้องการช้าหรือเร็วล่ะ???.....
ชายที่ชื่อแสงสีตอบว่า เห็นนายบอกว่าให้เป็นวันพรุ่งนี้ครับ ครั้นผู้กองทราบก็รีบแจ้งไปปลายทางทันทีแล้วหันมาบอกกับแสงสีว่าไปบอกนายเจ้าว่า ของได้แน่นอนเดี๋ยวข้าจะให้คนเอาแบบที่แนบมานี้ไปให้เขาเร่งทำ คิดว่าจะให้
คนของเราไปนำมาเองเลยจะดีกว่า ไปบอกว่าพรุ่งนี้ได้ของแน่นอนไม่ต้องห่วง พร้อมโทรศัทพ์กำชับไปอีกที
งั้นผมขอลาไปก่อนแล้วกันนะครับ ว่าแล้วสองคนก็ยกมือไหว้ลา แล้วก้าวเดินออกจากร้านอาหารไปทันที
ผู้กองมองตามหลัง แต่เขาไม่เห็นร่างชายสองคนเสียแล้วไม่รู้ว่ามันช่างหายไปได้รวดเร็วอย่างไร พลางหันไปทาง
พวกว่าเฮ้ยๆๆ คืนนี้เองทั้งหมดไปกรุงเทพด่วนเลยนะแล้วเอาของมาด้วยนั่งคุมมันทำงานให้เสร็จด้วยเรื่องสำคัญมาก
ชายที่นั่งอยู่รับคำ รู้แล้วใช่ไหมว่าร้านไหนนะ รู้ครับทั้งสามตอบ.....
ผู้กองบอกไปได้แล้วทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวผมจะไปเรียนท่านรองฯให้เอง แต่ให้ระวังพรรคพวกจ่าด้วยนะ
ครับเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ด้วยรถที่ผมนำมาเป็นรถส่วนตัวของผม นายตำรวจอีกนายหนึ่งกล่าวขึ้น
ดีแล้วล่ะรีบไปเลย พลางควักเงินส่งให้บอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างทาง ขับรถให้ระวังไว้ด้วย ส่วนค่าของผม
ตกลงกับเขาเรียบร้อยแล้วไม่ต้องจ่ายอะไร รีบไปรีบมาระวังของด้วยอย่าให้แตกหักล่ะ ด้วยนายเร่งว๊ะ ผู้กองกล่าว......
ชายทั้งสามยกมือไหว้พร้อมรีบออกจากร้านอาหารออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯไปทางลัดทันที..........
* แก้วประเสริฐ. *
21 พฤศจิกายน 2553 21:06 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๑๙
ภายหลังที่ได้ปรึกษาหารือกับพ่อแม่ของชายหนุ่มแล้ว ทางพ่อและแม่กล่าวว่า.........
หากลูกจะสร้างสิ่งของนั้นมันไม่ยากหรอก จะยากก็ตอนเขียนยันต์เรียกสูตรและลบผงเท่านั้น แต่ข้าว่าต้องไป
ปรึกษากับหลวงพ่อทองด้วยก็จะดีนะ ด้วยท่านก็ยังไม่เคยสร้างวัตถุมงคลอะไรไว้เลย จะได้สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่าย
คนมาร่วมทำบุญ เพื่อสร้างกุฎีและสิ่งต่างๆภายในวัดที่ชำรุดทรุดโทรมไปในตัว เท่ากับสร้างบุญกุศลไปด้วย แต่
ปัญหาเรื่องแบบพิมพ์เครื่องไม้เครื่องมือที่จะใช้กดพระนั้น มันต้องใช้เงินจำนวนมากเสียด้วย???....พ่อกล่าวขึ้น
เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกครับพ่อ???......ชายหนุ่มกล่าว
เพียงแต่ว่าอยากจะให้พ่อไปปรึกษากับหลวงพ่อท่านว่าจะตกลงหรือไม่เท่านั้น ด้วยผมยังไม่สมควร อีกอย่าง
นี่ก็จวนสงกรานต์ ทางวัดก็จะได้จัดงานจะได้แจกจ่ายคนที่มาร่วมทำบุญกุศล ผมคิดว่าเป็นครั้งแรกของหลวงพ่อ
ด้วยที่จะสร้างวัตถุมงคลเพื่อต่ออายุพระศาสนา จะได้สร้างกุศลไปพร้อมๆกันด้วยนะครับพ่อ.....
อืมม???.... เรื่องนี้พ่อคิดว่าคงจะพูดจากับหลวงพ่อได้นะ เห็นท่านบ่นๆเหมือนกัน โบสถ์ ศาลาไว้ใช้ฟังเทศก์
ฟังธรรมหรือก็ล้วนแล้วแต่ชำรุดทรุดโทรมมากเสียด้วยซิ แล้วพระจะสร้างนั้นลูกคิดว่าจะทำแบบไหนดีล่ะ??....
ผมว่าทางที่ดีที่สุดไปปรึกษาท่านดีกว่า ให้ท่านเขียนมาพร้อมเลขอักขระยันต์ต่างๆ หากเป็นยันต์และอักขระ
ให้มากๆไว้ก็น่าจะดีนะพ่อ คนใช้จะได้ทึ่งและเกิดความศรัทธามาก ส่วนระยะเวลาสั้นๆนั้น ทางผมจะใช้ลูกน้อง
ผมไปทำคงจะใช้เวลาไม่นานคงไม่เกินสามวันกระมัง และจะคัดคนที่มีฝีมือตลอดจนความรวดเร็วได้นะพ่อ
เออๆๆ...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อจะไปหาหลวงพ่อเลยนะ เวลาทำพิธีแค่สี่คนนี้ก็พอแล้วส่วนพระสวดชยันโตก็พวก
พระในวัดเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ของจะดีหรือไม่ดีนั้นอยู่ที่คนปลุกเสก อีกอย่างหนึ่งพ่อรู้ว่าเจ้ามีแม่นางอัปสรอยู่ควร
จะไปแจ้งให้เขาทราบหลังพ่อกลับหากหลวงพ่อตกลงนะ ส่วนคืนนี้เจ้าก็เข้าสมาธิเขียนอักขระเลขยันต์ลบผงให้มาก
ไว้ก็แล้วกัน
พ่อคิดว่าแม่นางอัปสรคงจะไปเรียนผู้ใหญ่เบื้องบนให้ลงมาช่วยสร้างกุศลด้วยก็คงจะดี จะได้มีทวยเทพทั้งหลาย
มาร่วมช่วยกันด้วย พ่อเองคิดว่าสิ่งของนั้นศักดิ์สิทธิ์แน่นอนว๊ะ แล้วกระดานชะนวนนั้นไม่ต้องเป็นห่วงพ่อมีหลาย
อัน แม่เขาก็มีส่วนตัวที่ตามอบมาให้ไว้แล้ว พลางหันไปบอกแม่เข็มว่า
แม่ก็ช่วยเหลือทำบุญต่ออายุพระพุทธศาสนาด้วยก็แล้วกันนะแม่???....
จ๊ะพี่....ในเมื่อลูกให้ความคิดเห็นเช่นนี่ แม่จะทำอย่างสุดฝีมือเชียวล่ะ แม่เข็มกล่าวขึ้น
เออๆๆดีๆๆ งั้นพ่อไปก่อนนะวันนี้ไม่เข้าไร่หรอก ผ่านไปเอาอาหารให้ปลาก่อนแล้วจะเลยไปวัด ส่วนแม่เข็มก็
ดำเนินการได้แล้ว พยายามรวบรวมผงให้มากที่สุด ส่วนดินคิดว่าจะเข้าไปขอนายป่าช้าท่าน พ่อรู้ว่ายังมีอาจารย์เลื่อม
ก็ยังอยู่คิดว่าจะเชิญมาช่วยปลุกเสกอีกแรงหนึ่งด้วย พ่อเชียรกล่าวขึ้น
ครับคุณพ่อคุณแม่ หากงานนี้สำเร็จผมก็จะมอบให้ลูกน้องผมส่วนหนึ่งไว้ใช้ติดตัวป้องกัน ด้วยพวกนี้เสี่ยง
อันตรายมากด้วยครับ
ก็ดีเหมือนกันนะ???.... งั้นพ่อไปก่อนนะ แล้วอย่าลืมล่ะไปบอกให้แม่นางอัปสรรู้ด้วยจะได้กราบเรียนพ่อเขา
ครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะเริ่มงานส่วนวัตถุมงคลต่างๆที่พ่อรวบรวมไว้เห็นเป็นห่อๆวางไว้ใต้โต๊ะหมู่บูชาทั้งสองก็
ห่อไว้ตั้งหลายห่อไม่รู้มีอะไรบ้าง ส่วนทางผมเห็นจะต้องขอร้องแม่นางรัตนาวดีเขาขอสิ่งของบางอย่างด้วยก่อนนั้น
เขารักษาป่าทางด้านนี้ไว้ คงไม่ยากนักหรอกจ้าอาจจะได้รับของจากเจ้าป่าเจ้าเขามาบ้างก็ได้ ชายหนุ่มกล่าว
เออๆๆๆงั้นงานมันกระชั้นชิด ข้าไปล่ะ....เอ็งดูแลทางนี้ไว้ด้วยนะ แม่ก็อายุมากแล้ว
พี่เชียรนี่ ถึงข้าจะแก่ก็จริงแต่ยังแข็งแรงอยู่นะพี่...... แม่เข็มหันไปกล่าว
ได้ยินเสียงพ่อเชียรหัวร่อฮึๆๆๆแล้วก็เดินลงบันไดจากไป
ชายหนุ่มนึกถึงแม่นางอ้อยว่าที่กล่าวไว้คงจะสำเร็จแต่ เขาจะเริ่มทำพิธีคืนนี้แหละ จะได้ลองวิชาเสียงบ้างว่าจะดี
มากน้อยเท่าไหร่ ชายหนุ่มนั่งนึก
เสียงแว่วๆมาเข้าหูเขาว่า ดีจ๊ะพี่พวกเราจะได้สร้างบุญใหญ่ก็คราวนี้แหละ ด้วยการสร้างพระนั้นได้บุญมากเสียด้วยเพราะช่วยต่ออายุพระพุทธศาสนาไว้จ๊ะ เสียงแม่นางทั้งสองแว่วๆเข้าหูเขามา
ขอบใจจ๊ะ...อย่าลืมขึ้นไปแจ้งแก่เบื้องบนด้วยนะ ส่วนกำหนดวันพิธีนั้นคงจะไม่นานหรอกจ๊ะ
ขอให้ได้เวลาก่อนจ๊ะคิดว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่คงจะนำเหล่าเทพยดามาช่วยพี่ด้วยนะ ท่านทราบว่าพี่นั้นก่อนนี้
มาจากชั้นไหน ท่านบอกให้ทราบเรียบร้อยแล้วล่ะ แม่นางอัปสรรัตนาวดีกล่าวขึ้น
ครั้นตกเย็นๆจวนค่ำๆพ่อเชียรก็กลับมาบ้าน แล้วเรียกลูกชายพร้อมเมียมาพูดเกี่ยวกับเรื่องงานทันที
เมื่อทั้งหมดมานั่งหลังจากทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว พ่อก็กล่าวว่า.....
ไปถึงกุฎีหลวงพ่อท่าน ท่านบอกว่ารู้หมดแล้วล่ะเอาตกลงจะได้เตรียมตัวส่วนของต่างๆที่เป็นมงคลนั้นหลวงพ่อ
ท่านได้เก็บรวบรวมมามากพอแล้ว ด้วยตอนเดินธุดงค์ไปที่ต่างๆได้เก็บมาไว้ตั้งนานแล้วคิดเหมือนกันว่าจะสร้างวัตถุ
มงคลเหมือนกันแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น ท่านยังบอกว่าตอนนี้พร้อมสรรพครบองค์กรแล้วเสมือนท่านจะรู้ว๊ะว่าต้อง
คอยเอ็งถึงจะสำเร็จงานนี้ ท่านเอากระดานชนวนมาหาฤกษ์งามยามดีว่า อีกอาทิตย์หน้าก็จะได้ฤกษ์มงคลมากๆ
เสียด้วยซิ อย่างนั้นเองจัดการได้แล้วและท่านบอกว่าท่านได้เตรียมเขียนแบบไว้ตั้งนานแล้วล่ะ ว่าจะสร้างเป็นเนื้อผง
หรือเหรียญดี แล้วยังให้มาถามเอ็งด้วยล่ะไม่รู้ว่าทำไมท่านให้ความสำคัญเอ็งมากเช่นนี้เพราะเหตุใด ข้าเองก็ งง เหมือนกัน???.....
ขนาดพ่อไม่รู้???...แล้วผมจะไปรู้หรือว่าหลวงพ่อท่านทำไมถึงกล่าวเช่นนี้.....ชายหนุ่มตอบผู้เป็นพ่อ
นั่นซิข้าเองยังคิดไม่ออกเลยว่ามันจะง่ายเช่นนี้ ปกติมีคนมาชักชวนท่านก็มาก พวกชาวบ้านก็มาขอร้องให้ท่านทำ
ของไว้บูชาท่านยังไม่ยอมทำเลย ไฉนเพียงข้าไปบอกหลวงพ่อว่าเป็นความคิดของเอ็งเท่านั้น ท่านหัวร่อใหญ่เลยซ้ำยัง
หัวร่อลั่นบอกว่า เออๆๆๆ.....ได้เวลาแล้วล่ะโว้ย!!!!!....งานนี้สำเร็จแน่ๆและของก็จะครบสมบูรณ์เสียทีท่านกล่าว
ดังนี้ว๊ะ???.....แล้วยังบอกว่าให้เอ็งเพิ่มยันต์อักขระลงไปด้วยน๊ะ ให้ลงให้ได้อย่าลืมไปบอกมันล่ะ ท่านสั่งพ่อไว้....
นี่ๆๆๆ....แบบที่จะสร้างพระ...... แล้วพ่อเชียรก็ยื่นแผ่นกระดาษที่ค่อนข้างเก่ามากๆ ยื่นมาให้ชายหนุ่มดู
ครั้นชายหนุ่มรับมากางดูแล้ว พิจารณายันต์อักขระทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้วก็บอกว่า
ก็ดีแล้วนี่นาพ่อ จะให้ผมเพิ่มเติมอะไรอีกล่ะ??.....
ไม่รู้โว้ย.....หลวงพ่อบอกว่าให้เอ็งเติมให้ด้วยนะ.....พ่อเชียรกล่าวซ้ำบอกให้กูกับแม่เข็มเพิ่มเติมด้วยล่ะ???...
ภาพในแผ่นกระดาษด้านหน้าเป็นรูปพระประธานในโบสถ์ ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อทองท่าน อักขระยันต์นั้นเขียน
ไม่กี่ตัวล้วนแล้วแต่เป็นหัวใจมนต์ทั้งสิ้น
เอาล่ะงั้นเดี๋ยวผมจะปรึกษาแม่และเพิ่มเติมให้นะพ่อ แล้วให้พ่อเอาไปให้หลวงพ่อดูอีกครั้ง หากตกลงผมก็จะให้
ลูกน้องผมไปจัดการให้เรียบร้อยครับ
เออๆๆเร็วๆหน่อยนะ พ่อเชียรกล่าว หลวงพ่อท่านก็สั่งว่าให้เร็วๆหน่อยด้วยจะเกินฤกษ์ยามที่ดีจะเสียดาย
ดังนั้นชายหนุ่มจึงขอตัวเดินเข้าไปในห้อง พลางนำกระดาษมาดู อาศัยตอนเรียนหนังสือในกรุงเทพฯได้ฝึกวิชาวาด
เขียนมาบ้างและอาศัยวัดนอนเพื่อร่ำเรียนหนังสืออยู่ จึงได้นำเอาดินสอมาเขียน พระสารีบุตรอยู่ข้างขวาและพระ
โมคคัลลานะอยู่ข้างซ้าย พร้อมทั้งเขียนยันต์ต่ำกว่าเศียรพระพุทธรูปเป็นรูปดาวภายในวงที่เป็นรูปสามเหลี่ยมกลับ
หัวกันกลายเป็นรูปดาวแฉกภายในลงอักขระขอมไว้ ล้อมรอบกรอบพระที่เป็นรูปเหลี่ยมไม่ใหญ่โตนัก เขาเขียน
ยันต์ไว้ข้างใต้ฐานพระอัครสาวกทั้งสองด้านภายในกรอบด้านข้างเขียนอักขระขอมด้วยมนต์ต่างๆเรียงรายไว้สามชั้น
ส่วนภาพด้านหลังซึ่งเป็นรูปหลวงพ่อทองนั้น เขาพลันนึกถึงนางอัปสรทั้งสองได้คิดว่าจะนำไปให้แม่เขาเขียนด้วยแม่มีฝีมือทางด้านนี้อยู่แล้ว พลันคิดถึงเจ้าจุกกับเจ้าแกละได้ก็จะให้แม่เขียนภาพนางอัปสรอยู่ใต้ภาพหลวงพ่อทอง
ที่นั่งขัดทำสมาธิอยู่เบื้องล่างเป็นนางอัปสรสองนาง ด้านข้างแต่ละนางจะมีเด็กผมจุกกับเด็กผมแกละ รายล้อมไปด้วยมนต์อักขระต่างๆเช่นเดียวกับด้านหน้า เพียงแต่ยันต์และอักขระแตกต่างกัน ล้วนเป็นหัวใจของมนต์ทั้งหลายที่สำคัญๆ
เมื่อเขาคิดขึ้นได้เช่นนี้ก็เดินออกจากห้องตรงไปยังห้องแม่ เห็นแม่กำลังสวดมนต์หน้าโต๊ะหมู่บูชาอยู่ก็นั่งคอย
ครั้นแม่ไหว้พระสวดมนต์เรียบร้อยแล้วจึงนำ ภาพดังกล่าวมาให้แม่ดูพลางบอกให้แม่ช่วยเขียนภาพนางอัปสรทั้งสอง
และเด็กผมจุกกับผมแกละดังที่เขาคิดไว้ แม่นำมาพิจารณาแล้วหัวร่อ พลางกล่าวว่า.....
อืมม!!!!....ความคิดเอ็งช่างละเอียดดีนัก แล้วก็นำกระดาษอีกแผ่นซึ่งเป็นด้านหลังมาเขียนรูปภาพนางอัปสรกับ
เด็กผมจุกและผมแกละทันที ระหว่างเนื้อที่ว่างระหว่างนางอัปสรทั้งสอง แม่เขาก็เขียนยันต์พร้อมอักขระเสริมให้ทันที แม่ใช้เวลาไม่นานนักก็เรียบร้อยยื่นส่งมาให้เขา
ชายหนุ่มนำมาพิจารณา ภายในใจก็นึกชมเชยแม่เขายิ่งนัก ช่างเขียนภาพนางอัปสรสองนางได้เหมือนกับรูปปั้นที่
แม่เขาแกะและภาพอัปสรอ้อยก็ช่างประพิมประพายเหมือนเสียเหลือเกิน ส่วนภาพเด็กก็งดงามมากอีกด้วย
เขาจึงภาพแผ่นแรกให้แม่ดูว่าเขาเขียน พระอัครสาวกทั้งสายขวาเป็นอย่างไรบ้าง แม่เห็นก็นำมาแก้ไขนิดๆหน่อยๆก็
บอกว่า .....
เอาล่ะใช่ได้แล้วล่ะลูก เอาไปให้พ่อเขาเพิ่มเติมอะไรอีกหน่อยก็แล้วกันนะ
ดังนั้นชายหนุ่มจึงขอตัวก่อน แล้วเดินไปยังห้องพ่อเห็นนอนเอกเขนกอยู่ ครั้นพ่อเชียรเห็นลูกเข้ามาก็ลุกขึ้นนั่งถามว่า
อะไรหรือว๊ะ????....ถือกระดาษจะเอาให้เสร็จคืนนี้เลยหรือ???........
ครับพ่อ......ผมมาให้พ่อตรวจดูอีกทีพร้อมให้ลงอักขระตามหลวงพ่อกล่าวไว้ครับ ชายหนุ่มตอบ
หลังจากนั้นพ่อเชียร ก็นำภาพทั้งสองมาดู ก็กล่าวว่า...
เออๆๆๆ....สวยงามจริงๆว๊ะ แล้วกูจะไปลงอะไรเพิ่มอีกหรือว๊ะมันสมบูรณ์หมดทั้งยันต์มนต์หัวใจอักขระก็ล้วนแล้วแต่สำคัญๆทั้งสิ้น
ไม่รู้ล่ะพ่อ...หลวงพ่อท่านบอกไว้ไม่ใช่หรือ???....... ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
พลันมองเห็นพ่อหลับตาสักพักหนึ่ง ก็หันมาบอกว่าจะให้กูเอาอะไรเขียนล่ะดินสอก็ไม่มี ชายหนุ่มก็ยื่นดินสอดำส่งมาให้พ่อ เห็นพ่อเขียนอักขระไม่กี่ตัว แล้วเพิ่มรูปดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ที่ส่งประกายแสงไว้ด้านหน้าของภาพ
แรกไว้ภายในลงตัวนะไว้ แล้วกล่าวว่า
เออๆๆ....ครบแล้วล่ะชีวิตคนใช้มันจะได้รุ่งโรจน์ดั่งพระจันทร์พระอาทิตย์ว๊ะ....พ่อเชียรกล่าว เอาเท่านี้พอแล้ว
เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะนำไปให้ท่านดูหากตกลงก็จะเอามาให้เอ็งเอาไปให้ลูกน้องทำแม่แบบและที่กดพิมพ์มาด้วยนะ
ครับพ่อกลับมาเร็วๆหน่อยนะผมจะได้ให้เด็กมันเอาไปส่งให้ลูกน้องผมครับ จะได้รีบทำให้เสร็จเร็วๆจะได้มา
ปลุกเสกทำโรงพิธีอีกครั้งหนึ่ง
เออๆๆ...ข้าไปเจรจากับนายป่าช้าแล้วมันอนุโมทนาด้วยพร้อมมีอาจารย์เลื่อม ใช่ไหมพลางเกาหัวแกร๊กๆ คล้าย
จะนึกชื่อ เออๆๆใช่ว๊ะอาจารย์เลื่อม มันนำข้าไปเลือกเอาดินในใจกลางป่าช้าบอกว่าให้มาเอาตรงนี้มันจะทำเครื่องหมายไว้ให้รู้ว๊ะ พ่อเชียรกล่าวกับลูกชาย คราวนี้คืนนี้เอ็งก็ทำพิธีลบผงรวบรวมไว้ได้แล้วว๊ะ พ่อเอ่ยขึ้น
พ่อหลังจากเอ็งไปก็จะเริ่มทำเหมือนกัน งานนี้คิดว่าคงจะสร้างครั้งเดียวเท่านั้นเพราะพ่อรู้นิสัยอาจารย์ทองดีว๊ะ
ครับผมก็คิดเหมือนกับพ่อแหละ หลวงพ่อท่านไม่ชอบเรื่องเหล่านี้เท่าใดนักครับ
นั่นซิ....หากเป็นท่านอื่นป่านนี้วัดเจริญมากขึ้นแล้ว ดูวัดบางกระดี่ซิโบสถ์และอื่นๆต่างสวยงามใหญ่โตทั้งนั้น
พ่อเชียรกล่าวลอยๆ....
ช่างเถอะพ่อ นั่นเขามีกำนันรวยๆช่วยนี่นา ส่วนกำนันเราหรือก็พอมีพอกินเท่านั้นเองจะไปแข่งกับเขาได้อย่างไร
ข้อนี้ก็จริงว๊ะ แต่หลวงพ่อวัดโน้นออกของเยอะแยะ คนกรุงเทพฯมาหาเรื่อยๆนา???... ผู้เป็นพ่อเอ่ย
อย่างนี้เขาเรียกว่าพุทธพานิชย์จ๊ะพ่อ....ชายหนุ่มกล่าวอะไรว๊ะพุทธพานิชย์...ไหนๆๆเอ็งอธิบายให้พ่อฟังหน่อยว๊ะ?....
อ้อๆๆ...พวกหากินกับพระเครื่องเขาจะดูว่าเจ้าอาวาสอาจารย์องค์ใดอายุมากๆเข้า ก็ให้สร้างเพียงมอบเงินให้หน่อยบำรุงวัด และให้เปอร์เซ็นต์ในการจำหน่ายบ้าง แล้วพวกพ่อค้านั้นเขาก็ไปโปรโมท อ้อ??...คือโฆษณาชวน
เชื่อว่าอาจารย์นี้เก่ง ของล้วนแล้วแต่ดีเด่นทั้งนั้น คนก็เชื่อไปซื้อในราคาแพงๆจ๊ะ เช่นต้นทุนแค่สองสามบาท
ขายกันเป็นหลักร้อย หากคนนิยมก็เป็นหลักพันหลักหมื่น ล้วนแล้วแต่กำไรเข้ากระเป๋าพวกพ่อค้าทั้งนั้น หากมีคน
มาเช่าที่วัดก็ล้วนตั้งราคาไว้สูงพอสมควรแต่ก็มีหุ้นส่วนกับวัดด้วยจ๊ะพ่อ
เป็นอย่างนี้เองหรือว๊ะ....นั่นซิเห็นหลวงพ่อทองท่านตะเพริดไปตั้งๆหลายๆคน จนมันไม่กล้าเข้าหน้าติด ผู้พ่อกล่าวขึ้น เออๆๆๆพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปให้ท่านดูตรวจสอบฌานก่อน หากดีก็จะรีบเอามาให้เอ็งจัดการนะ
ครับพ่อ แล้วงานในไร่เรื่องอาหารปลาผมจะไปจัดการเองส่วนทางนี้ให้พ่อไปดำเนินการได้ หากตกลง พ่อก็ไป
ขุดดินที่อาจารย์เลื่อมกับนายป่าช้ามอบให้เอามาให้แยะๆหน่อยนะพ่อ ชายหนุ่มกล่าวกับพ่อ
เออๆๆข้าคิดว่าท่านตกลงแหละ จะได้เตรียมจอบเสียมและรถเข็ญไปด้วยแบกไม่ไหวว๊ะ??....ผู้พ่อตอบ
ครั้นวันรุ่งขึ้นชายหนุ่มก็เข้าไปไร่ของพ่อพร้อมด้วยแม่ เห็นปลูกของต่างๆไว้เรียงราย เขามองดูนึกชมเชยในใจ
ว่าช่างทำไร่ได้แบบอย่างพระเจ้าอยู่หัวเลยล่ะ หมายถึงปลูกสิ่งของสลับลดหลั่นตามฤดูกาลผลผลิต จัดเป็นระเบียบ
เรียบร้อย ตรงเนินล่างขุดสระเลี้ยงปลาไว้กั้นด้วยหินต่างๆฉาบปูน กันน้ำหนีปูพื้นด้วยปูนมีดินรองรับ
แล้วมีการถ่ายเทน้ำเสียอีกด้วย เขามองดูไปรอบๆ อากาศช่างสดชื่นจริงๆหลังจากให้อาหารปลาตามที่แม่เขาสั่งไว้ เขาเดินไปในสวนไร่นั้นเดินไปตรวจจนพอใจ จึงชวนแม่กลับด้วยกะเวลาว่าพ่อคงจะกลับมาแล้ว
จริงดังที่เขาคำนวนไว้ เห็นพ่อกำลังสวดมนต์กำกับดินที่นำมาอยู่บนรถเข็ญก่อนจะนำไปไว้ใต้ถุนบ้าน เป็นดิน
จำนวนมากๆเสียด้วย เขาเดินเข้าไปเพื่อช่วยเหลือพ่อแต่พ่อห้ามไว้ว่าไม่ต้องหรอกว๊ะไว้ที่นี่แหละ หากได้ผงครบถ้วน
เพียงพอก็จะได้นำดินที่พ่อปลุกเสกกำกับไว้แล้ว อ้อๆๆ....อาจารย์เลื่อมยังถามถึงเอ็งอยู่เลย รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ว๊ะ
รู้จักตั้งแต่โดนผีหลอกจ้า พอเรียนวิชาจากหลวงพ่อก็เข้าไปฝึกสมาธิในป่าช้า ครั้นกลับมาบ้านร่ำเรียนจากพ่อ
แม่เสร็จก็ไปอีกครั้งหนึ่ง จึงพบนายป่าช้าแล้วเจรจากัน เขายังให้ไปเอาของดีจากอาจารย์เลื่อมมาศึกษาอีกจ๊ะพ่อ...
ก็หมายความว่าเอ็งเรียนวิชาอาคมจากอาจารย์เลื่อมด้วยซิว๊ะ
จ๊ะๆ...สำเร็จเรียบร้อยแล้วล่ะเป็นใบลานเก่าๆ ด้วยต้องนำดินมาต่อเจ้าหุ่นพยนต์ของอาจารย์ดำที่ขาดด้วยควาย
ธนูของพ่อล่ะ แล้วก็สร้างรูปให้ใหม่จ๊ะ.... ชายหนุ่มตอบ
ข้อนั้นข้ารู้แล้วล่ะว๊ะ??.... ผู้พ่อกล่าวแต่ไม่รู้ว่าอาจารย์เลื่อมมอบวิชาให้เอ็ง นั่นซิหลวงพ่อท่านถึงบอกว่ามีแต่เอ็ง
เท่านั้น งานนี้จึงสำเร็จและได้ผลดีเสียด้วย กล่าวพลางก็หัวร่อฮึๆๆๆ.........
แล้วพ่อตอบอาจารย์เลื่อมว่าอย่างไรล่ะ???...
พ่อก็ตอบว่ามันสบายดี วันๆอยู่แต่ในห้อง พ่อบอกเขาอันที่จริงพ่อไม่รู้หรอกเพราะมัวไปดูไร่ว๊ะ เฮ่อะๆๆๆๆ
เขายังชมเอ็งเลยว่าเก่งมีบุญวาสนามาก เรียนของเขาสำเร็จและใช้ได้ดีกว่าเขาเสียอีก เขาชมเอ็งว๊ะ....
แปลกนะพ่อทำไมอาจารย์เลื่อมถึงไม่ไปเกิดเสียที ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน.....
อ้อ...เคยถามเขาเหมือนกันว่าหมดอายุแล้วทำไมไม่ไปเกิดเสียที เขาตอบว่าท่านพระยายมท่านให้มาช่วยดูแลวัด
และช่วยนายป่าช้าควบคุมความเรียบร้อย อันที่จริงเขาเป็นเทวดานะโว้ย!!!!....ชายผู้เป็นพ่อกล่าว
อ้าวๆๆๆแล้วทำไมถึงไปอยู่ในป่าช้าล่ะ และร่างผุๆยังนอนอยู่นึกว่าจะหวงของที่ซ่อนไว้ใต้โลงเสียอีก...
เขามีวิมานประจำอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เอ็งไม่สังเกตุหรือจะมีต้นไม้ใหญ่ๆต้นหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในป่าช้านั้น.....
ผมไม่ได้สังเกตุครับพ่อ หากเอ็งเข้าไปจะไปหาเขาก็ไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างๆหลุมศพเขานั่นแหละว๊ะ....
ครับพ่อผมจะไปบูชาสักวันหนึ่ง...
เออๆ...ดีแล้วเขานับเป็นอาจารย์เอ็งคนหนึ่งเหมือนกัน ด้วยเขาบอกว่ามาคอยแนะนำให้ด้วยนะ
ชายหนุ่มนั่งนึก จริงๆซิบางครั้งเขาอ่านหนังสือไม่ออกด้วยมันเก่าและเลือนรางมาก แต่แปลกเขาเห็นชัดเจนทั้งหมด
แล้วเขาก็เล่าให้พ่อฟัง พอพ่อเขาได้ยินเช่นนั่น ก็หัวร่อพลางกล่าวว่า....
นั่นแหละเขามาช่วยเอ็งแล้วแหละ แต่เพียงไม่ปรากฏกายเท่านั้นเพียงส่งกระแสจิตมาให้เอ็งรู้ เอ็งไม่สังเกตุบ้างหรือว่าทำไมเอ็งถึงอ่านได้คล่องแคล่วว่องไวนัก
จริงๆจ๊ะพ่อ ..... เอาล่ะนี่ก็มืดมากแล้วข้าจะไปทำพิธีหน่อยเวลาไม่คอยท่าอยู่ด้วย
ไปเถอะลูก พ่อเองก็จะไปทำเหมือนกัน ป่านนี้แม่มึงคงจะทำไปมากแล้วด้วยล่ะเห็นสวดมนต์เบาๆอยู่ทุกทีป่าน
นี้ต้องออกมานั่งคุย หายเงียบในห้องแม่เอ็งเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ดีนะที่เอ็งมาถึงพูดมากขึ้น ปกติคุยกันนิดหน่อย
ต่างคนต่างเข้าห้อง จะพบอีกทีก็ตอนไปปลุกข้าบ้าง แล้วให้ไปใส่บาตรด้วยกัน วันพระก็ไม่พูดกันเลยต่างไปถือศีล
แปดกันประจำว๊ะ ไปล่ะเดี๋ยวเสียเวลาว๊ะ กล่าวจบพ่อเชียรก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องแกไป ส่วนชายหนุ่มก็เดินเข้าห้อง
เขาเหมือนกัน หลังจากสวดมนต์ไหว้พระเสร็จก็กล่าวกับแม่นางอัปสรทั้งสองให้มาช่วยทำพิธีด้วย พลันก็ปรากฏกาย
ขึ้นมาพร้อมทั้งสอง ก็รีบผลัดกันเขียนภาษาอะไรก็ไม่รู้จะว่าเป็นอักขระขอมหรือเขาก็เรียนมาจนคล่องแคล่วแล้ว
แต่นี่แปลกๆมิใช่จะเป็นตัวหนังสือหรือก็ไม่เชิง เป็นเส้นหนักๆเบาไม่รู้ว่าเป็นอะไร รูปร่างตังหนังสือแปลกประหลาด
นางทำพลางพึมพรำพลางแล้วลบลงยังพานที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากที่ไหน แต่มันเป็นพานทองคำแท้ๆเสียด้วยซิ ชายหนุ่มงุนงงมาก ส่วนผงที่นางลบนั้นกองสูงในพานทองมากๆเพียงใช้เวลาไม่นานนัก แล้วนางทั้งสองต่างหันมา
ยิ้มกลับเขาว่าเสร็จแล้ว เสด็จพ่อเสด็จแม่เหล่าเทพยดามาช่วยจึงได้รวดเร็วนัก เขางงอ้าปากค้างทันที .............
* แก้วประเสริฐ. *