30 พฤศจิกายน 2553 19:13 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๓
หลังจากชายหนุ่ม เจ้าแสงสีและสินชัยได้กราบไหว้พระแล้ว ต่างเข้าพักผ่อน
ยังที่อยู่ของตนเอง ในระหว่างเดินทางกลับนั้น ชายหนุ่มกล่าวว่า
ระยะนี้ข้าจำเป็นต้องใช้งานเจ้าทั้งสองไปพลางๆก่อน
จึงยังไม่อาจจะคืนสภาพให้แก่เจ้าได้ต้องคอยดูฤกษ์งามยามดีและหาคนเหมาะสม
เจ้าทั้งสองพลางตอบว่า แล้วแต่นายเถอะ ใจข้าเองก็สับสนไปๆมาๆจนบอกไม่ถูก
อยากจะรับใช้นายในสภาพเช่นนี้ และเป็นการสร้างบุญกุศลเพื่อชดใช้กรรมเก่า
ลงได้บ้างนาย หากกลับคืนสภาพใหม่อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ หุ่นทั้งสองตอบ
ชายหนุ่มหัวร่อแต่ไม่ได้กล่าวอะไร ด้วยเวลานั้นก็จวนจะใกล้สว่างมากแล้ว
นี่ก็ครบกำหนดที่พ่อเชียรและแม่เข็มได้กล่าวไว้แก่
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ่มและแม่แหล่มตลอดจนลูกบ้านชื่อฉลองกับแม่ช่วยไว้ว่า
ให้มาดูลูกได้แล้ว ต่างก็พากันไปพักผ่อนทันที......
เสียงรถยนต์กระบะก็ดังอยู่หน้าบ้านด้วยประตูรั้วปิด หากสมัยก่อน
เจ้าแกละจะต้องไปเปิดประตูให้ด้วยอิทธิฤทธิ์มัน แต่ตอนนี้สภาพได้เปลี่ยนไป
เสียงแตรดังลั่นหน้าบ้านสามครั้ง........
แม่เข็มก็สั่งให้เจ้าแกละที่ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า เป็นชื่อ วีระชัย
ให้รีบไปเปิดประตูรั้วให้ เด็กหนุ่มหน้าตาดีค่อนข้างหล่อเหลา
ก็รีบวิ่งลงบันไดไปเปิดประตูรั้วให้กว้างๆเพื่อให้รถได้แล่นเข้ามาบ้าน
ครั้นรถกะบะจอดเป็นที่เรียบร้อยทั้งหมดก็ก้าวลงจากรถพร้อมๆกัน
ครั้นนายฉลองแม่ช้อยเห็นดังนั้นก็แสนจะดีอกดีใจตกใจไปพร้อมๆกัน
ด้วยจำได้ว่าคือลูกชายของตนเอง
พลางรีบลงจากรถเมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้ว
พร้อมตะโกนเรียกชื่อเจ้าแกละทันที
ไอ้ชาติืลูกเองหรือ???....ทั้งนายหลองหรือฉลองและแม่ช้อย
ต่างร้องเรียกพร้อมๆกัน เพียงแต่เห็นลูกชายตนไม่สนใจอะไรเลย
คงเดินไปข้างหน้าเสมือนหนึ่งไม่ได้ยินเสียงเรียก
ครั้นเจ้าแกละหันมามองแต่ไม่รู้จักพลางบอกว่า
ผมชื่อวีระครับ ไม่ได้ชื่ออย่างที่น้าทั้งหมดเรียกหรอก โน่นๆๆ
พ่อเชียรและแม่เข็มรออยู่บนบ้านแล้วขอเชิญทุกๆคน
ขึ้นไปบ้านได้แล้วล่ะครับ???.....
ด้วยความงุนงงสงสัยมันคิดในใจแปลกๆคนจริง ????.....เด็กหนุ่มรำพึง
ทำเอาพ่อฉลองและแม่ช้อยต่างงุนงงไปตามกันแต่ไม่กล่าวอะไร
ทั้งสองต่างมองหน้าตาเหลิกหลั๊กไปตามๆกัน พลางหันไปมองเจ้าแกละ
ทันทีทางด้านหลัง ที่กำลังเดินนำหน้าไปก่อนล่วงหน้าแล้ว
เมื่อผู้ช่วยแจ่มและแม่แหล่มเข้ามาสะกิดไว้
แต่ในใจชักสงสัยเหมือนกันพอนึกถึงคำพูดก่อนๆ
ก็เลยเดินตามเจ้าแกละซึ่งเดินนำหน้าขึ้นเรือนทันที
ครั้นทั้งหมดยกมือไหว้พ่อเชียรแม่เข็มแล้ว
พ่อเชียรและแม่เข็มก็เชิญให้นั่งลง เมื่อทั้งหมดนั่ง
ลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อเชียรแม่เข็มต่างก็แจ้งแก่คนทั้งหมดว่า
พวกแกจะได้ไม่ต้องพากันงุนงง
ลูกทั้งหมดนั้นข้าตั้งชื่อให้ใหม่แล้วนะ
พวกเอ็งจะได้ไม่ต้องสงสัยอะไรอีก???.....แล้วกล่าวว่า
หญิงสาวข้าตั้งชื่อว่าชบาไพร ส่วนเด็กหนุ่มนั้นข้าตั้งชื่อ
ใหม่ว่าเจ้าวีระชัยแต่พวกเราเรียกว่า ชบา หรือ วีระ ก็ได้
เดี๋ยวพวกแกมันจะงุนงง ทั้งหมดหันมามองหน้ากัน
แต่ไม่ได้กล่าวว่าอะไร เพราะทั้งหมดได้ยกให้แก่พ่อเชียรแม่เข็ม
ไปแล้วตอนเป็นศพอยู่
ดังนั้นเจ้าชบาหรือในนามใหม่ว่า ชบาไพร ครั้นเห็นผู้ใหญ่
ซึ่งเป็นแขกบ้านนั่งเรียบร้อยกันแล้ว ก็ยกแก้วน้ำคลานมาเสริฟให้ทันที
คราวนี้เล่นนเอาพ่อแจ่มและแม่แหล่มต่างอุทานออกมา
เฮ้ย???.....อีผกามึงจำพ่อแม่มึงไม่ได้แล้วหรือทั้งหมดถาม
อย่างลืมตัวไปชั่วขณะด้วยความดีใจ ที่แลเห็นลูกสาวตนเอง
สาวชบาพลางมองหน้าคนทั้งหมดทันที แต่ไม่ตอบอะไร
พร้อมกับหันไปมองทางพ่อเชียรแม่เข็มเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง........
ด้วยหล่อนไม่รู้ว่าเป็นใคร ทำไมมาทักว่าเป็นผกาไป
มองมาทางพ่อเชียรแม่เข็มคล้ายๆจะถามเห็นท่านพยักหน้าหงึกๆ....
สาวชบาพลันพลางกล่าวกับคนทั้งสี่ว่า......
โน่นพ่อข้าและแม่ข้านั่งอยู่นั่นแล้วน้าเป็นใครกันล่ะ??......
เมื่อโดนคำถามประโยคนี้เล่นเอาพ่อแจ่มแม่แหล่มคนทั้งหมด
ต่างงุนงงสงสัยไปตามๆกัน ไม่คิดว่าลูกของตนจะจำตนไม่ได้
ผู้ช่วยแจ่มในใจคิดว่าคงจะเหมือนไอ้หลองกับนางช้อยเสียแล้ว
ก็ไม่กล่าวว่ากระไร ด้วยนึกถึงคำพูดของพ่อเชียรแม่เข็มขึ้นได้
พ่อเชียรแม่เข็มรู้และเห็นเช่นนั้นก็พลัน หันมาทางหญิงสาวเด็กหนุ่ม
เรียกหญิงสาวชบาและเจ้าแกละทั้งสองมากระซิบเบาๆ เพียงแต่
ไม่ให้คนทั้งหมดรู้ ครั้นเห็นทั้งสองพยักหน้ารับ
ก็หันไปทางคนทั้งสี่แล้วชี้มือพูดแนะนำว่า........
นี่คือผู้ช่วยแจ่มและแม่แหล่มตลอดจนพ่อฉลองและแม่ช้อย
นั่นชื่อพ่อฉลองแม่ช้อย อยู่ในหมู่บ้านโคกอีแร้งเหมือนพวกเรานี่แหละ
หญิงสาวและเด็กหนุ่มก็ขอตัวไปยังในครัวทันที พ่อเชียรก็พยักหน้าขึ้น
ดังนั้นทั้งสองก็เดินลับหายเข้าไปในครัวทันที......
แล้วหันไปทางคนทั้งสี่กล่าวว่า ที่ข้าทำให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ตามที่เคยพูด
ที่ข้าเคยกล่าวกับพวกเอ็งไว้แล้วจำได้หรือเปล่านั้น อีกอย่างหนึ่งคือว่า
พวกเขาคงจะจำพวกเอ็งไม่ได้แล้วหรอกว๊ะ???....
ครั้นทั้งสี่ได้ยินเช่นนั้นต่างพลางดีอกดีใจกันใหญ่ แล้วทั้งสี่ต่างพยักหน้ากัน
พลางก้มลงกราบพ่อเชียรและแม่เข็มทันที จนพ่อเชียรแม่เข็มต้องยกมือห้าม
แล้วกล่าวว่าเพียงเห็นเท่านี้ข้าก็ชื่นใจแล้วล่ะ พวกข้าดีใจจริงๆนะพี่
ถึงแม้ว่ามันจะจำข้าไม่ได้ก็ตามเถอะ.....ว่าเห็นมันยังอยู่ก็ดีใจแล้วล่ะ
ข้านึกถึงคำพี่เชียรกล่าวไว้กับข้าได้แล้ว แต่ที่เรียกนั้นอดใจไม่ได้จริงๆพี่
ผู้ช่วยแจ่มเอ่ยขึ้น .........ส่วนแม่แหล่มก็เสริมสนันสนุนผัวด้วย
พร้อมทั้งหมดก็กล่าวเหมือนกันว่า ข้าเองก็เหมือนๆกันแหละพี่ทั้งสอง
แสนจะดีใจว่าลูกเราฟื้นได้ พี่นี่เก่งจริงๆนะทำให้มันฟื้นได้ทั้งๆที่
พวกข้าหมดหวังหมดปัญญากันไปแล้ว แม้แต่หมอยังช่วยมันไม่ได้
แต่พี่กับช่วยมันได้ เมื่อได้ลูกคืนมาก็แสนจะดีใจพวกข้าสบายใจกันแล้วล่ะ
และพวกเอ็งอย่าไปบอกแก่ชาวบ้านอื่นๆเสียล่ะ ข้าช่วยได้เป็นบางคนเท่านั้น
จะช่วยทุกๆคนไม่ได้ เดี๋ยวเมื่อเขารู้จะเกิดความวุ่นวายแก่พวกข้าน๊ะ จำไว้ด้วย
และเอ็งก็อย่าลืมสัญญาที่จะโอนชื่อลูกและนามสกุล
มาเปลี่ยนเป็นของข้าด้วยนะ พ่อเชียรแม่เข็มตอกย้ำขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ทุกๆคนรับปากกับพ่อเชียรและแม่เข็มว่าจะไม่บอกแก่ใครๆ
เอ็งก็อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้แก่ข้าเสียล่ะ ข้าคิดว่าไว้พรุ่งนี้ข้าว่าง
ก็แล้วกันพร้อมหรือเปล่าล่ะ???..... ตอนนี้นายอำเภอคนใหม่มา
ทุกๆสิ่งคงจะง่ายๆขึ้นว๊ะ ????....ไม่ต้องล่าช้าจนเสียเงินเหมือนก่อนอีก
ด้วยท่านนายอำเภอคนใหม่เปลี่ยนนโยบายการปกครองใหม่หมด
ข้าเองได้ฟังข่าวเขาพูดกันที่ไปอำเภอมานะ
ท่านเฮี้ยบกำชับพนักงานทุกๆคนไว้ด้วย และมักจะมาคอยออกมาคุม
การทำงานลูกน้องเสมอๆ พนักงานมันล้วนแล้วแต่เกรงกลัวกันทั้งสิ้น
ตกลงจ๊ะพรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ข้าจะได้เตรียมหลักฐานมาให้ครบ
คนทั้งสี่ตอบพลางหันหน้าไปๆมาๆ มองทางโน้นทางนี้พลันเอ่ยว่า....
ไหนๆล่ะว่าจะแนะนำมันให้พวกข้ารู้จักไว้ ผู้ช่วยแจ่มกล่าวขึ้น....
ครั้นแล้วพ่อเชียรและแม่เข็มได้ฟังเช่นนี้ ก็ตะโกนเรียกหญิงสาว
และเด็กหนุ่มทันที.......
ชบาเอ๋ยและเจ้าวีระด้วยออกมา รู้จักพ่อแม่เขาหน่อยนะลูก???...
ทันใดนั้น ร่างหญิงสาวและเด็กหนุ่มก็ค่อยๆเดินค้อมตัวเองพากัน
ออกมาจากในครัวหลังบ้านตามคำเรียกของพ่อแม่ แล้วเดินผ่านไป
ค้อมตัวให้แก่คนทั้งสี่ แล้วเข้ามานั่งขนาบข้างพ่อเชียรแม่เข็มทันที
พลางหันไปมองหน้าคนทั้งสี่ด้วยความสงสัย
หันไปมองลูกทั้งสองแล้วพลางกระซิบเบาๆ ทั้งสองพยักหน้ารับ
ทราบพ่อแม่กล่าวว่าอะไรบ้าง จึงหันไปมองคนทั้งสี่
พ่อเชียรก็แนะนำทั้งสองทันทีพร้อมชี้มีไปยังร่างทั้งสี่คน
หันไปทางชบาทันทีว่าพลางชี้ไปทางพ่อแจ่มและแม่แหล่ม
สองคนนั้นเป็นพ่อที่ให้กำเนิดเจ้ามาตั้งแต่เอ็งเกิดมานั่นแหละ
ผู้ชายคือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชื่อแจ่ม ส่วนแม่นั้นชื่อแหล่ม
เอ็งไปกราบไว้ท่านเสียด้วยเลี้ยงดูเอ็งมาตั้งแต่ออกเจ้ามา
และรักเอ็งมามากเสียด้วย
แล้วหันไปทางเจ้าแกละหรือวีระชัยพลางชี้ไปยัง
พ่อฉลองและแม่ช้อยพลางแนะนำตัวเหมือนๆกัน
ครั้นทั้งสองได้ฟังพ่อเชียรและแม่เข็มกล่าวเช่นนั้นก็
ต่างก็แยกกันไปหาคนทั้งสี่ทันที
พลางคลานเข้าไปกราบที่หน้าตักของคนทั้งสี่ทันที
เสียงร้องไห้โฮก็ดังออกมาจากหญิงทั้งสองฝ่ายอย่างดีอกดีใจ
พร้อมฝ่ายชายนั้นก็น้ำตาคลอเบ้า พลางนำหญิงสาวและเด็กหนุ่ม
เข้าไปสวดกอดหญิงสาวและเด็กหนุ่ม พลางจูบซ้ายจูบขวาแก้มทั้งสอง
ตลอดจนยกมือขึ้นลูบศีรษะแต่ละคน ไม่ยอมปล่อยตัวได้แต่สวมกอดไว้
และยิ่งแลเห็นกิริยามารยาทนั้นเรียบร้อยอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักสัมคาราวะ
ผิดเด็กในหมู่บ้านเป็นคนละคนอีกด้วย ก็ยิ่งให้แสนปลาบปลื้มยินดียิ่งนัก
เมื่อเห็นการกระทำของลูกตนก็รู้ว่าได้รับการสั่งสอนที่ดีผิดจากเดิมไปหมด
ซึ่งก่อนจะตายนั้นมักจะทำตัวเองเหมือนชาวบ้านทั่วๆไป พูดจาเอะอะโวยวาย
ไม่ค่อยจะรู้จักมารยาทอะไรเลย
แต่บัดนี้กับผิดแผกไป คงได้รับการอบรมอย่างมีมารยาทเช่นชาว
กรุงเทพไม่ผิดก็พลอยปลาบปลื้มใจยิ่งขึ้น หญิงสาวและเด็กหนุ่มพลาง
ร้องเรียกว่าพ่อแม่ด้วยยิ่งสร้างความปลาบปลื้มใจแก่คนทั้งสี่ยิ่งขึ้น
พลางสวมกอดไม่ยอมปล่อยร่างไป จูบร่างของลูกไม่ยอมหยุด
ครั้นเมื่อทั้งหมดเข้าใจกันดีแล้วแสดงความดีใจรู้จักกันแล้ว
หญิงสาวและเด็กหนุ่มก็ขอตัว แล้วคลานมานั่งลงยังใกล้ๆ
พ่อเชียรแม่เข็มทันที มิได้กล่าวอะไรเลยเพียงแค่จ้องมองดูคนทั้งสี่
บรรดาคนทั้งสี่เห็นว่าลูกของตนได้รับการอบรมสั่งสอนเช่นนี้
ก็สบายใจขึ้นไม่กังวลใดๆพร้อมตัดใจได้แล้วว่า หากอยู่กับพ่อเชียรแม่เข็ม
แล้วลูกเขาคงจะได้ดีแน่นอน อีกอย่างก็จะได้เห็นลูกเรายังอยู่หากคิดถึง
ก็สามารถเดินทางมาหาได้ ด้วยบัดนี้เด็กทั้งสองรู้จักว่าอะไรเป็นอะไรไปแล้ว
พ่อเชียรแม่เข็มก็พลันกล่าวขึ้นอีกว่า.....เรื่องชบาและเจ้าวีระพวกเอ็งไม่ต้อง
เป็นห่วงอะไรๆทั้งสิ้น ข้าก็รักเหมือนลูกของข้าเหมือนกันและยังคิดว่า
กูจะส่งเสียให้พวกมันเรียนสูงๆไว้ให้มากๆว๊ะ....และจะมอบสมบัติต่างๆที่มีอยู่
ให้แก่มันด้วยตามที่กูเคยกล่าว มึงไม่ต้องห่วงอะไรหรอกว๊ะ......
ว่างๆกูก็จะให้มันไปเยี่ยมทางบ้านมึงด้วย และพี่น้องมันบ้างเพื่อให้ได้
รู้จักกันไว้ จะได้สนิทสนมกัน หากพบกันจะได้ทักทายกันถูก
ข้าเห็นลูกข้าฟื้นก็แสนจะดีใจแล้ว ตามใจพ่อเชียรแม่เข็มจะทำอย่างไรก็ได้
ทั้งหมดเช็ดน้ำตาที่ปิติยินดีจนแห้งแล้วยิ้มแย้มแจ่มใส พลางกล่าวว่าพรุ่งนี้
ข้าจะไปโอนชื่อให้ก็แล้วกันเอาเป็นเวลาสักสิบโมงเช้าดีไหมพี่เชียรแม่เข็ม
ตามแต่เอ็งสะดวกเถอะ ส่วนข้าก็จะรีบทำงานแล้วมาคอยเอ็งที่นี่แหละว๊ะ???.....
พ่อเชียรกล่าวแก่ทั้งหมด แล้วทั้งหมดก็ต่างสนทนากันในเรื่องของหมู่บ้านกัน
เจ้าชบาและเจ้าวีระก็ขอตัวเดินลับหายไปในครัว ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน
เมื่อถึงในครัวต่างคนต่างซักถามว่าใครกันว๊ะมาตู่ๆว่าเราเป็นลูกเขา
หญิงสาวชบาถามเจ้าวีระทันที
ทางเจ้าวีระชัยหรือเจ้าแกละก็ตอบว่าไม่รู้เหมือนกันพี่หรือว่า????....
ลูกเขาจะเป็นร่างที่เราอยู่นี้กระมังพี่ชบา ไอ้แกละแสดงความคิดเห็น
เออ?????......ถ้าจะจริงว๊ะอย่าพึงออกไปเสียล่ะคอยฟังและดูเหตุการณ์ก่อนนะ
ถ้าแบบนั้นเราทั้งสองก็มีพ่อแม่สี่คนนะซิ ไอ้แกละเอ่ยขึ้น
ใจข้านั้นจริงๆแล้วมีแค่พ่อเชียรแม่เข็มและพี่โชติเท่านั้นว๊ะ แต่เมื่อมีเหตุการณ์
เช่นนี้เกิดขึ้นก็ต้องตกกระไดพลอยโจนกันล่ะไอ้แกละ หญิงสาวเอ่ย
ก็จริงดังที่พี่ชบาพูดไว้ ในใจข้าก็เหมือนพี่ชบาแหละแต่ช่างเถอะในเมื่อเราอาศัยอยู่
ก็ต้องเห็นแก่พ่อแม่เขาบ้างพี่ เราก็ทำตามเห็นควรแล้วกันนะพี่
ไอ้แกละตอบสาวชบา
เออๆๆๆ....งั้นปล่อยไปตามลิขิตที่เขากำหนดมาก็แล้วกัน ดีเสียอีกจะได้มีคนคอย
รักเอ็นดูพวกเรามากขึ้น ต่อไปเราต้องพยายามทำความรู้จักครอบครัวของ
เขาไว้ด้วยก็แล้วกัน
ข้าเองเชื่อพี่ชบามานานแล้วล่ะ พี่ว่าอย่างไรข้าว่าอย่างนั้นแหละ เจ้าแกละตอบ
แล้วทั้งสองก็นั่งคอยเห็นเวลานาน การคุยกันยังไม่เสร็จเสียที
ทั้งสองก็เลยเดินออกจากครัวเพื่อที่จะไปห้องของพวกตน เพื่อทำงานในห้องนอน
ก่อนจะไปยังห้องของตน พลางหันไปกราบยังพ่อแม่ตนทั้งหมดก่อน
พลางก้มตัวเดินผ่านพ่อแม่ทั้งหมด ต่างแยกย้ายกันไปยังห้องใครห้องมัน
สาวชบาก็เดินไปยังห้องของแม่ทันที ซึ่งพ่อเชียรแม่เข็มจัดไว้ให้แล้ว
ส่วนเจ้าวีระนั้นพักที่ห้องของพ่อเชียร ส่วนหญิงสาวชบาพักในห้องแม่เข็ม
แล้วร่างทั้งสองก็หายลับไปในห้องพ่อแม่ตนทันทีเพราะไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขา
ที่จะรู้เรื่องราวของผู้ใหญ่คุยกันจะมานั่งรับฟัง
ทั้งผู้ช่วยแจ่มแม่แหล่มพ่อฉลองและแม่ช้อยเห็นดังนั้นก็ปลาบปลื้มใจยิ่งนัก
ด้วยเห็นลูกตนมีมารยาทยิ่งนักการคุยกันถึงเรื่องงานต่างๆ พ่อเชียรก็เอ่ยว่า....
ต่อไปนี้พวกเอ็งไม่ต้องห่วงเรื่องผีปีศาจได้แล้วล่ะว๊ะมีคนเขาไป
จัดการกับพวกมันหมดแล้วล่ะ???..... หากมีอีกก็คงจะมีคนอื่นมาจัดการให้อีก
ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรตอนนี้หรอกนะ
ทั้งหมดก็มองหน้ากัน พลางถามด้วยความสงสัยว่า???....
แล้วพ่อเชียรรู้ได้อย่างไรล่ะ????....ด้วยมันอาละวาดเสียจนชาวบ้านเวลาค่ำไม่กล้า
จะออกไปไหนกัน แม้จะซื้อของตามร้านค้าในหมู่บ้านก็ตาม
เออๆๆพวกเอ็งไม่ต้องรู้หรอก ข้าบอกให้รู้ไว้ก็เท่านั้นเองและให้ช่วยไป
บอกชาวบ้านด้วยก็แล้วกันทำตัวให้สบายเหมือนเดิมๆได้แล้ว......
แต่หากมีมาอีกคงจะไม่ใช่พวกเก่าๆหรอกอาจจะเป็นที่อื่นๆ
แต่ก็ไม่ควรประมาทในระยะนี้ไม่ต้องห่วงว๊ะ...
กลางค่ำกลางคืนสบายใจได้แล้วว๊ะ แต่อย่าลืมห้อยพระที่พวกเราไปทำบุญ
ได้กันมานะโว้ย กูได้ข่าวมาว่าพวกพ่อค้ากรุงเทพมันย้อนกลับมาคว้านซื้ออีก
รวมทั้งพวกกำนันมั่นและพรรคพวกจะมาแย่งให้พวกมึงบอกทุกๆคนเวลาไปเลี่ยม
พระให้เอาผ้ายันต์อะไรที่มีได้ไว้กันจากหลวงพ่อทองหุ้มห่อไว้ก่อนแม้แต่คนเลี่ยมพระ
ก็อย่าให้มันรู้ว่าเป็นพระที่ได้จากหลวงพ่อมาอย่าลืมบอกแก่ทุกๆคนด้วย
ตอนนี้พระนี้กำลังดังมาก ข่าวลือไปในกรุงเทพฯด้วย ก็ด้วยการทดลองพวกมัน
นั่นแหละ จึงเป็นที่ต้องการของคนในกรุงเทพฯและหมู่บ้านที่ทำงานผิดกฏหมายด้วย
เนื่องจากมันทดลองยิงได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน แม้แต่คนในหมู่บ้านมันเองยังปฏิเสธ
เก็บซุกซ่อนไว้แม้แต่ลูกมันเองยังไม่ยอมบอก ด้วยกลัวพระท่านจะหนีไปนะซิ
ทั้งหมดรับคำพ่อเชียรแม่เข็ม ครั้นเห็นเวลาสมควรทั้งหมดก็กราบลาไป
ทุกๆคนต่างปลาบปลื้มยินดียิ่งได้ ยิ่งได้รับการยืนยันว่าจะส่งเสียลูก
ให้เรียนสูงๆตลอดจนจะมอบทรัพย์สินสมบัติให้อีกด้วย....
ก็หมดห่วงใย จวบจนกระทั่งเสียงรถวิ่งออกนอกบ้านเสียงหายไป......
ความเงียบก็กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง สองคนตายายก็รีบออกไปไร่ทันที
พลางเรียกเจ้าวีระให้ตามไปด้วยเพื่อจะได้ช่วยดูแลและฝึกไปในตัวด้วย
เจ้าวีระก็รีบออกมา ติดตามไปช่วยพ่อแม่ทำงาน ก่อนจะออกจากบ้าน
แม่เข็มก็หันมาเรียกสาวชบามาสั่งว่าหากพี่เขาตื่นก็ให้จัดหาอาหารให้เขาด้วยนะ
หญิงสาวรับคำ แล้วทั้งสามก็ออกเดินทางไปไร่ทันที ซึ่งเป็นงานปกติประจำ
ส่วนชบาเองก็ลงไปรดน้ำต้นไม้แล้วให้อาหารหมูแทนชายหนุ่มซึ่งยังไม่ตื่นนอน
ครั้นเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นมาจัดเตรียมอาหารไว้รอชายหนุ่มต่อไป......
* แก้วประเสริฐ. *
29 พฤศจิกายน 2553 16:26 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๒
ชายหนุ่มพร้อมด้วยเจ้าแสงสีสินชัย ครั้นพอตกเวลาเที่ยงคืนก็ออกเดินทางไปยังป่าช้า
โคกอีแร้งทันที พอย่างก้าวเข้าในเขตป่าช้าชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นพนมพลางหลับตา
พร้อมด้วยเจ้าหุ่นทั้งสองที่เพียงแค่ยืนพนมมือเท่านั้น เสียงสายลมพัดอู้ๆมาแต่ไม่รุนแรง
เท่าใดนัก ก็ปรากฏร่างของนายป่าช้าวัดโคกอีแร้งพร้อมด้วยอาจารย์เลื่อมทันที ยังเบื้องหน้า
ของชายหนุ่ม
เหมือนจะทราบนายป่าช้าและอาจารย์มาแล้ว ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น พร้อมนั่งก้มลงกราบไป
ยังอาจารย์เลื่อมทันที ทำเอาเจ้าหุ่นทั้งสองก็ต้องกระทำตามชายหนุ่มนายของมัน
อาจารย์ทองก็เอื้อมมือมาลูบศีรษะชายหนุ่มเบาๆ ชายหนุ่มทราบว่ารู้เพียงมีสายลมพัดบน
ศีรษะของเข้าเท่านั้น พลันหันไปทางนายป่าช้ายกมือไหว้
นายป่าช้าพลางถามขึ้นว่า มีอะไรหรือถึงได้มาในเวลานี้ล่ะ???.....พ่อหนุ่มพลางส่งยิ้มให้
ชายหนุ่มตอบว่า
ผมมาเพื่อจะขออนุญาตท่านนายป่าช้าในบริเวณนี้ เพื่อกำจัดเจ้าพวกผีร้ายทั้งหลาย
รวมทั้งเปรตทั้งสี่ตนฝังไว้ในบริเวณนี้ ด้วยมันตอนนี้หลังจากไปอยู่
กับอาจารย์ดำซึ่งตายไปแล้วต่างอาละวาดพวกชาวบ้านทั้งหลายกันจนกลัวรานไปหมดด้วย
พวกมันชักกล้าแข็งไม่เกรงกลัวใครๆดีที่ได้อาศัยพระเครื่องของหลวงพ่อทอง
แขวนคอบูชาไว้ถึงทำอะไรไม่ได้ แต่มันก็ได้วนเวียนหาทางคอยทำร้ายคนอยู่เนืองๆด้วยการ
หลอกหลอนนาๆ จนแทบจะไม่ได้ทำมาหากินในเวลาค่ำๆกันแล้ว อีกอย่างหนึ่งมันยังลาม
ไปยังชาวหมู่บ้านอื่นๆด้วย คอยทำร้ายคนดีหากเผลอเรอกัน ผมทราบว่าตอนนี้มันสุมหัวกัน
อยู่บริเวณโคกอีแร้งครับ ชายหนุ่มกล่าวกับนายป่าช้า
ดีซิมันไม่กล้าเข้ามาในเขตบริเวณนี้หรอกด้วยมีอาจารย์ท่านคอยกำกับดูแลอยู่ มันหวัง
จะมาชักชวนพวกที่ตายใหม่ๆให้ไปเป็นพวกมันด้วย หากเจ้ากำจัดมันได้ก็ถือเป็นบุญกุศล
ส่วนข้าคอยจะช่วยดูแลกำกับมันไว้ด้วยอีกทางหนึ่ง หากถึงเวลาหมดอายุขัยก็จะให้มันได้ไป
ผุดเกิดรับกรรมของมันที่แดนล่างต่อไป
อาจารย์เลื่อมซึ่งตอนนี้เป็นเทวดาแล้วพลางก็กล่าว ศิษย์เราไม่เป็นปัญหาหรอกอาจารย์
จะช่วยเหลือเจ้าอีกทางก็แล้วกัน
ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังเช่นนั้น ก็ก้มลงกราบอาจารย์เลื่อมและนายป่าช้าทันที
นายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมก็บอกให้ยืนขึ้นได้แล้ว นายป่าช้ากล่าวขึ้นอีกว่า
ข้าจะได้แจ้งแก่เหล่าๆผีทั้งหลายให้คอยช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วยนะ
ขอบคุณท่านนายป่าช้าว่าควรที่จะเริ่มพิธีที่ไหนดีล่ะครับ
นายป่าช้าตอบว่าที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่าข้าว่ากลางป่าช้านี่แหละดีนะ
จะได้มีพวกเราคอยดูแลพวกเจ้า แล้วหันหน้าไปมองหุ่นทั้งสองถามว่า
นี่เป็นคนของเจ้าหรือ???.....
ชายหนุ่มตอบว่า ใช่แล้วครับท่านแล้วเล่าเรื่องก่อนจะได้หุ่นทั้งสองมา
ให้นายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมฟังทั้งหมด ตลอดจนสอนสมาธิวิชาอาคมเพิ่มเติมให้ด้วย
อืมม!!!!????..... ข้ามองดูแล้วรู้ว่ามันเก่งกล้าสามารถกว่าข้าเสียอีกนะ
นายป่าช้ากล่าวขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามมันต้องให้ความเคารพนับถือท่านนายป่าช้าและ
อาจารย์เลื่อมไว้เสมอครับหากผิดพลาดอย่างไรแก่มัน ผมขออภัยด้วยนะครับ
กล่าวแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปทางเจ้าแสงสีและสินชัยให้กราบอาจารย์เลื่อม
บอกว่านี่แหละคืออาจารย์ของข้าแหละ และนี่นายป่าช้าควบคุมดูแลผีทั้งหลาย
ในป่าช้านี่
ถึงไม่บอกเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยก็รู้อยู่แล้ว ทั้งสองจึงก้มลงกราบลงทันที
อาจารย์เลื่อมพลันหัวร่อเบาๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า........
วิชาความรู้ของข้าก็เรียนจนสำเร็จหมดแล้ว ซ้ำเจ้ายังได้รับการเพิ่มเติม
จากเบื้องบนเสียอีก
เห็นทีว่า ใครยากจะทำอันตรายพวกเจ้าได้แล้วล่ะ แต่ก็ดีไปอย่างหนึ่ง
ที่เจ้าจะได้ช่วยพวกชาวบ้านทั้งหลายให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขเสียที
ด้วยพวกนี้มันชักกำเริบเสิบสานมากขึ้น
อาจารย์เองจะช่วยหรือไม่ช่วยก็มีค่าเท่ากัน จะคอยดูแลห่างๆไว้ก็แล้วกัน
อันที่จริงเพียงแค่เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยมันก็สามารถกำหราบได้แล้ว
แต่มันก็เกิดดับๆอยู่เสมอๆด้วยเป็นพวกสัมภเวสีชดใช้กรรมแต่มันยิ่งเพิ่มกรรม
ด้วยสันดานมันดิบเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว เก็บมันไว้ก็ดีจะได้ออกมาไม่ได้
ข้าเองก็จะคอยระมัดระวังรวมทั้งนายป่าช้าด้วย
แล้วจะเริ่มพิธีเมื่อไหร่ล่ะ???.......นายป่าช้าถาม
ผมว่าจะเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลยครับท่านนายป่าช้า
งั้นก็ดีแล้ว มาๆ ตามข้ามาจะหาทางจัดที่ทางให้เจ้าด้วย
พลางหันหลังไปกล่าวพึมพรำอะไร
บางอย่างทันที ปรากฏเสียลมพัดอู้ๆแล้วก็หายไปชายหนุ่มรู้ทันทีว่า
นายป่าช้าใช้ให้ลูกน้องหรือผีทั้งหลายไปจัดเตรียมที่ทางไว้
ที่มันไม่สามารถปรากฏตัวด้วยก็เหตุที่นายป่าช้าคงกำชับมันไว้เอง
ครั้นแล้วนายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมก็เดินนำหน้าชายหนุ่มไป
ครั้นถึงบริเวณที่เหมาะสมแล้ว นายป่าช้าและอาจารย์เลื่อม กล่าวว่า
เอาตรงนี้แหละนะ ข้าเองและอาจารย์เลื่อมจะคอยดูห่างๆ
และจะให้พวกผีทั้งหลายแหวกทางให้แก่มันเข้ามาด้วย
ขอบคุณมากครับ ชายหนุ่มกล่าวพลางยกมือขึ้นไหว้
แล้วหันไปทางเจ้าแสงสีสินชัยให้จัดเตรียมเครื่องพิธีทันที
ทั้งสองก็รีบทำตามไม่ช้าก็สำเร็จทุกประการ
เป็นหลักสี่เหลี่ยมขึงด้วยด้ายสายสินธ์ที่ปลุกเสกไว้แล้ว
ทั้งหมดล้อมกันเป็นสามชั้น มีธงตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมหลากสีร้อยหลากสี
ปักบนหลักทั้งหมดด้วย ส่วนด้ายสายสินธ์ที่แยกเป็นเส้นๆแปดเส้นวางไว้
นอกประรำพิธี ทอดยาวไปวางไว้ทั้งแปดทิศลงบนพื้นดินทั้งแปดเส้น
แล้วนำมาผูกรวมกันพันไปยังประรำพิธีที่รายล้อมไว้ทั้งสามชั้น
ส่วนหัวเชือกนั้นปลายหนึ่งมาลงในหม้อดินใบใหญ่ทั้งสามใบ
ปากหม้อผูกด้วยด้ายสายสินธ์ทั้งสามใบ
กลุ่มด้ายสายสินธ์วางไว้บนพานรองรับ มีโต๊ะเตี้ยๆตั้งวางไว้เบื้องหน้า
ชายหนุ่มที่กำลังขัดสมาธิอยู่ เทียนไขสีเหลืองถูกตั้งไปตามมุมทั้งสาม
รอบเขตที่กั้นล้อมรอบทั้งหมดซ้ำยังนำไปปักที่
ปลายด้ายสายสินธ์พันไว้ด้วยด้ายสายสินธ์กับเทียนตรงก้นสุดของเทียนไข
เชือกที่เหลือทดยาววางไว้บนพื้นดิน ยาวประมารสองสามคืบเห็นจะได้
ส่วนบนโต๊ะก็ตั้งล้อมรอบด้วยเทียนไขตลอดจนที่ปากหม้อใบใหญ่ทั้งสามใบ
ที่ตั้งไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ
บนโต๊ะมีเครื่องสังเวยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น มีกระถางธูปตั้งไว้ใบหนึ่ง
ใช้สำหรับปักธูปไว้
ครั้นนายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมเห็นชายหนุ่มและเจ้าหุ่นทั้งสองทำดังนั้น
พลันก็ตกใจไม่คิดว่าชายหนุ่มนี้จะทำพิธีได้ดังนี้ไม่เคยเห็นมาเลย
ผิดแผกกว่าบรรดาอาจารย์อื่นๆอีก ที่เคยเข้ามาทำพิธีในป่าช้านี้ก่อน
แม้แต่ตัวอาจารย์เลื่อมเองก็เถอะก็คิดไม่ถึงและ ไม่สามารถทำได้
เช่นนี้ได้ผิดแผกกับตำราที่ครูบาอาจารย์สอนวิธีเรียกผีลงหม้อเลย
เมื่อเจ้าแสงสีและสินชัยทำงานเสร็จก็มาบอกแก่ชายหนุ่ม
ชายหนุ่มมองไปรอบๆด้านเห็นถูกต้องแล้วก็เรียกเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัย
ให้มานั่งยังด้านข้างของตน พลางกล่าวให้เจ้าสินชัยไปจุดเทียนไข
ได้แล้วพร้อมด้วยธูปหนึ่งกำมือ ไปปักยังใกล้เทียนไขทุกๆต้นๆละหนึ่งดอก
ครั้นเจ้าสินชัยทำครบเรียบร้อยแล้วก็เข้ามานั่งยังข้างๆชายหนุ่มทันที
ชายหนุ่มพลางนำด้ายสายสินธ์ส่งให้เจ้าถือสายวนไปยังกระถางธูป
ส่วนหัวกลุ่มสายสินธ์ชายหนุ่มมาถือไว้เองส่งด้ายที่พันกระถางธูปไว้นั้น
ให้เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยถือไว้เช่นเดียวกัน
แล้วหันไปทางหุ่นทั้งสองว่าเอาล่ะได้ฤกษ์ดีแล้วเริ่มทำพิธีได้ให้เจ้าถือด้ายสายสินธ์
ที่พันกระถางธูปไว้ ส่วนข้าเองจะถือกลุ่มด้ายนี้ ให้ทุกๆคนเข้าสมาธิขั้นสูงไว้ อย่าได้มีจิตอ่อนไหว
ต่อเสียงขอร้องอย่างเด็ดขาด มันล้วนแต่เป็นมายาของเหล่าผีปีศาจทั้งสิ้น ทั้งสองกล่าวรับคำทันที
ทางด้านนายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมที่ยืนดูอยู่ห่างๆไกลๆนั้น พากันมองหน้ากันรวมทั้ง
บรรดาพวกผีทั้งหลายในป่าช้าด้วย พวกผีทั้งหลายต่างวิพากษ์วิจารย์กันไปๆมาๆ จนนายป่าช้า
หันไปตวาดว่าให้เงียบเสียงลงอย่าได้ปรากฏตัวต่อต้านพวกมัน นอกจากชายหนุ่มและพวกจะ
เพลี้ยงพล้ำนั่นแหละถึงจะเข้าไปช่วยเขา เข้าใจไหม???... นายป่าช้าถาม
บรรดาผีในป่าช้าทั้งหลายตอบรับคำนายป่าช้าทั้งสิ้น บ้างต่างยืนดูแตกต่างกัน
บ้างต่างแอบดูทั้งผีเด็กผีผู้หญิงผีผู้ชายทั้งหลาย บ้างตายโหง บ้างเป็นไข้ตาย คลอดลูกตาย
ฯลฯเป็นต้น ล้วนแล้วแต่ตายกันต่างๆนาๆ พากันจ้องมองดูการกระทำ
ของบรรดาชายหนุ่มนั้น
ครั้นพิธีเริ่มขึ้นแสงเทียนก็สว่างไสวควันธูปลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณป่าช้า สายลมพัดอ่อนๆ
แม้แต่ควันธูปก็เล่นเอาพวกผีทั้งหลายต่างถอยกันกรูดๆไปตามๆกัน
แม้แต่นายป่าช้าเองก็ยังต้องถอยหลังห่างออกไปอีก ยกเว้นแต่อาจารย์
เลื่อมเท่านั้นที่ยังยืนอยู่กับที่มองดูการกระทำของศิษย์ตน การภาวนาผ่านไป
สักครู่หนึ่ง เสียงพายุดังขึ้นเกิดขึ้นลมพัดสนั่นหวั่นไหวเป็นทางใบไม้แห้งต่างๆ
ล้วนปลิวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณนั้น เสียงร้องครวญครางโหยหวนล่องลอยลมมา
พร้อมเสียงร้องกร๊ดๆกร๊าดๆดังระงมไปทั่ว เสียงหมาภายในวัดส่งเสียงหอน
ไปทั่วบริเวณวัดทั้งหมด ด้วยร้องระงมโหยหวนผสมกับเสียงร้อยครวญคราง
โบ๊ว!!!!!ๆๆๆๆ.... ไม่ขาดสาย ทำเอาพระต่างๆรวมทั้งหลวงพ่อทองเอง
ต้องขึ้นมานั่งสวดมนต์
ครั้นหลวงพ่อทองเข้าสมาธิสักพัก ก็ลืมตาหัวร่อพลางสวดแผ่เมตตา
แก่บรรดาสรรพสัตว์ทั้งปวงทันที แล้วท่านก็เข้าจำวัดต่อไป
คงเหลือแต่พระรูปอื่นๆที่ยังสวดมนต์อยู่ด้วยสำเนียงที่โหยหวน
จนมิอาจจะจำวัดกันได้ เจ้าหมาในวัดหลายๆตัวต่างก็ร่ำร้องเห่าหอน
กันระงมไปทั่วบริเวณวัดไม่ยอมเลิกลากัน ด้วยมันคงจะเห็นพวกผีจำนวนมาก
ทันใดนั้นบรรดาผีทั้งหลายที่ใกล้เข้ามาในประรำพิธี
ต่างก็พากันทำอาการกิริยาแตกต่างกันหลอกหลอน นาๆประการแก่ชายหนุ่ม
บ้างมีหัว บ้างไม่มีหัว เป็นผีเด็กและผีผู้หญิง ที่เป็นโครงกระดูกเดินได้ก็มี
พากันเดินเรียงรายเข้ามาตามทางที่ นายป่าช้ากำหนดไว้
เข้ารายล้อมบริเวณประรำพิธีกันเป็นจำนวนมากนับแทบไม่ถ้วนกันเลย
ทำอากัปกิริยาหลอกหลอนต่างๆนาๆ แต่ก็มีบางพวกก็พยายามดื้อดึงดิ้นรน
ไม่ยอมเข้ามา ด้านหลังสุดเป็นร่างเปรตสูงชะลูดทั้งสี่ตนเดินควบคุมพวกมัน
มิให้บรรดาผีทั้งหลายนั้นหนีออกไปได้ ด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ของมัน
ซึ่งบรรดาผีทั้งหมดเกรงกลัว ด้านหน้านั้นผีที่ไม่เกรงกลัวซึ่งมีอิทธิฤทธิ์กว่าใครๆ
ต่างพากันหลอกหลอนชายหนุ่ม แหกอกล้วงไส้ออกมาส่งกลิ่นเหม็น
คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มล้วงไปในย่ามที่พกพามา
ล้วงเอาน้ำมันชนิดหนึ่งพลางภาวนาแล้วพรมไปทั่วบริเวณนั้นทันที
ทันใดน้ำมันก็ส่งกลิ่นหอมหวนยิ่งนักกลบกลิ่นเหม็นต่างๆหายไป
จนหมดสิ้น บรรดาผีทั้งหลายต่างแปลกใจที่เห็นคนนั่งข้างๆชายหนุ่ม
มือถือด้ายสายสินธ์นั้นเป็นผีเช่นเดียวกับพวกมัน แต่ทำไมจึงไปนั่งเคียงข้าง
ชายหนุ่มได้ซ้ำยังใช้เวทย์มนต์เรียกพวกมันมาทั้งหมดได้อีกและแล้ว
พวกมันไม่สงสัยอะไรอีกแล้วคิดว่าคงพวกเดียวกันกับชายหนุ่มที่เรียกพวกมัน
ด้วยกำลังเข้าพิธีหลับตานั่งสมาธิกันอยู่ทั้งสามภายในประรำพิธีนั้น
ครั้นกลิ่นเหม็นหายไปทันใดนั้นเสียงร้องคร่ำครวญ
ก็ดังขึ้นมาแทนทันที พากันวิ่งหนีเพื่อจะหายไปจากประรำพิธี
รวมทั้งเจ้าเปรตสี่ตัวด้วย มันคงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแก่มัน
และพวกมันพากันหันหลังกลับจะออกนอกป่าช้าทันทีแต่ไม่สามารถ
หลุดพ้นไปได้ ด้วยอำนาจแรงดึงดูดของพลังงานอันมากมายมหาศาล
และอีกด้วยอำนาจเวทย์มนต์ของชายหนุ่มและเจ้าแสงสีสินชัยกำลังนั่งสมาธิ
ซึ่งกำลังภาวนามนต์คาถาอาคมอยู่ ดังนั้นมันจึงมิอาจวิ่งหนีออกเพื่อรอดพ้น
อำนาจดึงดูดของด้ายสายสินธ์ที่วางเรียงรายไว้ทั้งแปดทิศไปได้สักตนเเดียว
พวกผีเหล่านั้นที่มีอำนาจฤทธิ์อ่อนก็ถูกสายสินธ์ดูดลงหม้อไปเกือบหมดสิ้น
คงเหลือที่มีฤทธิ์พยายามต่อต้านอำนาจสายสินธ์ไว้ ถึงจะพยายามเท่าใด ล้วนแล้ว
ถูกอำนาจสายสินธ์ดึงดูดเข้าหม้อดิน ที่ตั้งไว้ในประรำพิธี ผีตนใดมีฤทธิ์เดชมาก
ก็จะถูกนำไปยังหม้ออีกใบหนึ่งต่างหาก แตกต่างกับพวกที่มีฤทธิ์อ่อน
ส่วนหม้ออีกใบหนึ่งนั้น ไม่มีผีตนใด คงวางเปล่าอยู่ จนกระทั่งบรรดา
พวกผีทั้งหลายถูกสายสินธ์ดูดลงหม้อไป คงเหลือเพียงแต่พวกเปรตสี่ตนเท่านั้น
พอพวกมันเห็นบรรดาลูกน้องมันถูกดูดลงหม้อไปหมดสิ้น มันก็แสดงอิทธิฤทธิ์
ยกเท้าหมายกระทืบลงในประรำพิธีทันที
ทันใดนั้นนั่นเองก็ปรากฏแสงสีหลายหลากสีพวยพุ่งออกจากพิธีประรำเข้าไป
ยังฝ่าเท้ามัน มันส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน แต่ก็ยังเอามือยืนยาวเข้ามาอีกหมาย
ทำลายพิธีให้ได้แต่ก็โดนแสงนั้นเข้าทำลายมันจนร่างมันไหม้เกรียมไปครั้นมัน
จะรีบแฝงกายหายตัวไปก็ยังไม่อาจจะทำได้ พวกมันทั้งสี่ต่างแสดงฤทธิ์เดชกัน
ต่างๆนาๆก็ไม่อาจที่จะเข้ามาใกล้พิธีดังกล่าวได้เลย พากันร้องกรี๊ดๆๆๆโหยหวน
สยดสยองขวัญ เสียงร้องของมันดังไปไกลๆจนบรรดาผีต่างๆที่แอบดูต่างตื่น
ตระหนกกันไปตามๆกัน ด้วยคิดไม่ถึงว่าอำนาจของผีเปรนตสี่ตนนี้จะร้ายกาจนัก
ด้วยเมื่อก่อนนี้มันก็เคยช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่ร้ายกาจเท่านี้ด้วยมันถูกเรียกตัวไปหรือ
ว่าจะได้รับมอบวิชาอาคมมา ทำให้มันบัดนี้แปรสภาพไปอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น
พวกผีเด็กๆและหญิงทั้งหลายต่างหนีกระเจิงหาที่ซ่อนตนไว้ หรือกลับไปลงหลุมตน
ส่วนผีเปรตจะหนีก็หนีไม่ได้ด้วยถูกอำนาจพลังงานสายสินธ์
ดึงดูดร่างมันไว้เสมอๆ แรงอำนาจดึงดูดก็กลับเพิ่มขึ้นอีกมากมายมหาศาลยิ่งนัก
เมื่อมันสิ้นปัญญาในการแสดงอิทธิฤทธิ์จนหมดสิ้นแล้วและหลบหนีก็ไม่ได้ดังนั้น
มันทั้งสี่จึงคุกเข่าลงเมื่อรู้ว่าไม่อาจจะหนีรอดพ้นไปจากอาคมของชายหนุ่มได้จึง
ส่งเสียงร้อยกรี๊ดๆๆเสียงเล็ดรอดออกมาคล้ายเสียงของเด็กเล็กๆ อ้อนวอนเขาต่างๆ
นาๆเพื่อให้ยกเว้นแก่มันทั้งสี่ด้วย ว่าจะไม่ทำเหตุร้ายขึ้นอีกต่อไปแล้วกลัวแล้วๆๆๆ
แต่ชายหนุ่มไม่เชื่อด้วยล้วนรู้นิสัยใจคอมันดี หากไม่จวนตัวและพ่ายแพ้จริงๆ
ไหนเลยมันจะอ้อนวอนขอร้องแก่เขา ดังนั้นเขาไม่ได้ตอบแต่อย่างไร เข้าสมาธิขั้นสูง
สุดพร้อมทั้งเร่งวิชาอาคมเพิ่มพลังงานแก่ด้ายสายสินธ์เพิ่มขึ้นอีกทันที
ทำให้เจ้าเปรตซึ่งคงมีฤทธิ์อ่อนกว่า ร้องกรี๊ดๆๆๆพลันถูกสายสินธ์ดูดลงไปยังหม้อ
ที่ว่างเปล่าทันที แล้วก็ตามทะยอยกันลงไปยังหม้อทั้งสามตน ส่วนอีกตนเมื่อเห็นดังนี้
ก็แสดงอาการโกรธแค้นพลางร่างมันก็สูงทะมึนชะลูดเปลี่ยนร่างกายมันหลอกหลอน
ต่างๆนาๆ แต่ขามันกับถูดแรงดูดพลังงานของด้ายสายสินธ์ดูดเข้าไปทีละน้อยๆจน
กระทั่งเหลือแต่หัวมัน แต่ปากอันเล็กนิดเดียว พลันร้องกรี๊ดๆๆๆกล่าวคำอาฆาตแก่
ชายหนุ่มทันทีว่าจะ ขอจองล้างจองผลาญไม่ยอมสิ้นสุดหากหลุดพ้นออกมาได้ มัน
จะตามไปทุกๆชาติแล้ว ร่างมันก็หายลับไปกับสายสินธ์ลงไปยังหม้อที่บรรจุเปรต
ทั้งสี่ตัวไว้ แต่เสียงมันยังกังวานร้องอย่างโหยหวนอยู่ภายในหม้ออาคม เสียงร้องนี้เป็น
ไปกันทุกๆหม้อ ต่างครวญครางด้วยภายในหม้อเหล่านี้เกิดเปลงเพลิงขึ้นเผาผลาญร่างกาย
ของพวกมัน แม้จะเกิดๆดับๆเกิดใหม่ก็ตามล้วนแล้วถูกเปลวไฟในหม้อเผาผลาญมิสิ้น
พลันชายหนุ่มก็หยิบผ้าสีแดงและผ้าสีขาวออกมาสิบสองผืน ผืนเล็กไม่ใหญ่นัก
กับผืนใหญ่ๆสี่ผืน พลางยกขึ้นภาวนากำกับมนต์ลงไปอีกเขานั่งสมาธิทำประมาณชั่ว
อึดใจเดียว ก็นำผ้าแดงผูกปิดยังปากหม้อดินทันทีพันด้วยด้ายสายสินธ์ ในระหว่างพัน
นั้นก็ร่ายเวทย์มนต์กำกับไปอีกด้วย แล้วค่อยนำผ้าสีขาที่เขียนอักขระยันต์เวทย์มนต์
ผูกลงไปแล้วพันด้วยด้ายสายสินธ์เหมือนครั้งแรก ครั้งที่สามเป็นผ้ายันต์สีแดงก็กระทำ
เช่นเดียวกันทั้งสามผืน แล้วค่อยนำผ้าสีแดงผืนใหญ่ๆนำหม้อดินที่บรรจุด้วยเปรตทั้งสี่
มาหุ้มห่อไว้พันด้วยด้ายสายสินธ์อีกรอบ แล้วจึงหันไปทำเหมือนกันอีกสองหม้อที่วาง
ก่อนจะผูกผ้ายันต์นั้นเสียงร้องขอชีวิตมันดังอย่างยิ่งนัก ครั้นถูกผ้ายันต์พันปากหม้อ
แล้วเสียงนั้นค่อยหายไป ครั้นทำเสร็จทั้งสามหม้อเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังนำสายสินธ์
มานั่งสมาธิภาวนาอีกสักชั่วอึดใจใหญ่พร้อมล้วงปากกาเมจิคออกมาเขียนยันต์กำกับ
ไว้แต่ละหม้อขึ้นอีก ซึ่งยันต์แต่ละหม้อจะแตกต่างกันเขียนเลขไทยกำกับไว้เป็นใบที่หนึ่ง
สองและสาม ทั้งกระดาษปิดปากหม้อเป็นภาษาไทยไว้ว่า เป็นหม้อของพวกผีร้ายกาจ
อย่าได้ทำลายเสีย มิฉะนั้นจะเกิดเภทภัยตามมาภายหลังแก่คนที่ทำลายหม้อสามใบนี้
ข้อความเขียนเหมือนกันหมดทั้งสามหม้อดิน
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันไปทางแสงสีสินชัยกล่าวว่า
เรียบร้อยแล้วพวกเรา เจ้าแสงสีและสินชัยตลอดเวลาเห็นการกระทำของชายหนุ่ม
ก็ให้ตะลึงไม่คิดว่านายมันนี้ทำไมจึงเก่งกาจยิ่งนัก ว่าอาจารย์ดำนั้นเก่งแล้วก็ยังมาเทียบ
แม้แต่ปลายฝุ่นของนายมันไม่ได้ ต่างตลึงกันไปตามๆกัน ไม่ใช่เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัย
เท่านั้นแม้แต่อาจารย์เลื่อมนายป่าช้าเองก็ยังให้ความนับถือชายหนุ่มคนนี้ยิ่งนัก
พลางชายหนุ่มหันไปทางนายป่าช้าว่า ต่อไปนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของท่านนายป่าช้า
ได้แล้วล่ะครับ จะให้ไปฝังไว้ที่ใดหรือครับ????..... ชายหนุ่มถาม
อาจารย์เลื่อมพลันกล่าวว่าให้ไปฝังยังโคนต้นไม้ที่อาจารย์อยู่ก็แล้วกันจะได้คอยดูแล
ให้ด้วย หากเป็นท่านนายป่าช้าแล้วเห็นว่าจะไม่เหมาะนัก ด้วยบางครั้งต้องเดินทางไป
รายงานผลแก่ผู้ใหญ่เขา
ชายหนุ่มหันไปยกมือไหว้อาจารย์เลื่อมมันที พลางกล่าวว่า
ถ้าอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันต้องขอรบกวนท่านอาจารย์ด้วยนะครับ อย่าให้ใครปล่อยมัน
ออกมาได้นอกเสียจากมันจะถึงวาระท่านผู้ใหญ่ข้างล่างท่านจะให้ยมฑูตมานำไปเองครับ
ท่านอาจารย์
อ้อๆๆๆ.....เหตุดังนี้นี่เองเจ้าถึงได้ทำให้ข้าสงสัยยิ่งนักในการทำพิธีครั้งนี้ ชายหนุ่ม
หัวร่อ....ครับท่านอาจารย์ท่านแนะนำผมมาครับอาจารย์
คราวนี้อาจารย์เลื่อมและนายป่าช้าไม่สงสัยในการกระทำของชายหนุ่มอีกแล้ว แต่
พลางถามว่า ส่วนประรำพิธีล่ะจะเก็บไปหรือว่าจะปล่อยไว้ดังนี้ก่อน
ชายหนุ่มตอบว่า คงปล่อยไว้สักสามวันแล้ว ขอความกรุณานายป่าช้าช่วยดำเนินการให้
ปกติก็แล้วกันนะครับ
ไม่เป็นปัญหาหรอกพ่อหนุ่ม ฉันจะให้พวกเด็กดูแลเมื่อครบกำหนดก็จะให้มันช่วยเก็บ
ให้เองแหละ........
ถ้าเป็นอย่างนั้นขอบใจท่านนายป่าช้าด้วยนะครับ นี่ก็ดึกจวนใกล้ๆสว่างแล้วจะนำหม้อไป
ฝังเสียก่อน พลางหันไปทางเจ้าแสงสีสินชัยให้นำจอบเสียมที่เตรียมมาไว้ก่อนแล้ว ช่วยกันยก
หม้อดินเดินตามเขาไป ซึ่งอาจารย์เลื่อมก็เดินนำหน้าพาไปยังโคนไม้ใหญ่ ท่านบอกว่าข้างบน
คือวิมานของอาจารย์เองแหละมีเด็กๆคอยปรนบัติอยู่ไม่ต้องห่วง เอ๊าเอาๆตรงนี้แหละนะ
ชายหนุ่มก็ให้เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยขุดดิน พลางย้ำว่าให้ลึกๆมากๆหน่อยนะ ทั้งสองรับคำ
ในไม่ช้าก็เกิดเป็นหลุมลึกๆสามหลุมทันที เขาให้แสงสีและสินชัยนำหม้อดินทั้งสามใบไปวางไว้
ก้นหลุมพลางบอกให้ขึ้นมาได้แล้ว ครั้นแล้วชายหนุ่มก็เสกดินที่จะใช้กลบอีกครั้งหนึ่ง แล้ว
บอกให้แสงสีสินชัยค่อยๆเอาดินใส่ลงไปพอได้ที่ก็ให้นำก้อนหินที่เขาปลุกเสกไว้วางทับลงไปอีก
จนครบสามชั้นทั้งสามหลุม ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สั่งให้แสงสีและสินชัยยังไปหาก้อนหินก้อน
ใหญ่มาอีกสามก้อน
เมื่อได้ก้อนหินมาแล้วเขาก็เขียนลงยันต์คาถาอาคมปลุกเสกอีกทีหนึ่ง แล้วสั่งให้เจ้าสินชัยนำไป
วางทับทั้งสามหลุมทันที ในระหว่างการกระทำเช่นนี้ นายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมก็บังเกิดยินดีอย่าง
ยิ่งและตลอดจนนับถือชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น พลางกล่าวว่าหากเป็นแบบนี้ให้อาจารย์ใดๆที่เก่งกล้าวิชาอาคมก็ตามยากที่
จะนำพวกมันขึ้นมาแล้วนำไปได้หรอกทั้งสองกล่าวขึ้น
เสร็จงานแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอกราบลาอาจารย์และท่านนายป่าช้าเสียเลยนะครับแล้ว
ทั้งสามก็ก้มลงกราบไปยังอาจารย์เลื่อมและนายป่าช้าทันที เมื่อได้รับการอนุญาตก็เดินออกจากป่าช้าไป
อาจารย์เลื่อมก็กล่าวกับนายป่าช้าว่า....
ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจอะไรเช่นนี้ แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่สามารถทำได้ เห็นทีจะ
ทำให้บริเวณแถวนี้มีความสุขสงบเสียที
บรรดาพวกผีทั้งหลายเห็นการกระทำของชายหนุ่มก็บังเกิดความเกรงกลัวยิ่งนัก ด้วยบางตนเคย
ระรานชายหนุ่มแต่กลับใจได้ ก็ยิ่งพากันกลัวจับจิตวิญญาณมันทันที........
* แก้วประเสริฐ. *
29 พฤศจิกายน 2553 02:28 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๑
หลังจากที่พ่อแม่ขับรถกะบะเดินทางออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในห้องนอนด้วย
เกิดลางสังหรณ์ใจชอบกลด้วย เขาเขม่นตาขวาซึ่งไม่เคยเป็นเช่นนี้ก่อนเลยพลางคิดว่าอาจจะ
มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสักอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้ จึงได้รีบกลับไปยังห้องซึ่งตอนนี้ปราศจากสิ่งใด
คงเนื่องจาก ทั้งหมดคงจะเพลียด้วยเขากว่าจะเข้ามานอนก็ดึกมากเสียด้วย
ดังนั้นเขาเข้าไปกราบพระบูชาพระรัตนตรัยแล้วก็รีบเข้าฌานสมบัติทันที ก็ทราบว่าจะเกิด
อะไรแก่พ่อแม่เขา ในระหว่างทางนำศพทั้งสองมายังบ้าน ครั้นเจริญสมาธิพอรู้เหตุอันแท้จริง
แล้ว ก็แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงออกจากสมาธิทันที
พลางเรียกเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยให้มาหา เมื่อร่างทั้งสองปรากฏกายขึ้นเขาก็สั่งว่าให้รีบไป
ช่วยพ่อแม่เขาด้วย ในระหว่างทางกลับบ้านจะมีเหตุเกิดขึ้น ด้วยจะมีพวกผีที่ถูกนายป่าช้าขับไล่
เที่ยวเร่ร่อนไปๆมาอยู่ในหมู่บ้านเรานี้จะเข้าสิงร่างศพนั้นเสียก่อนที่จะเดินทางมาถึง ถึงแม้ว่าพ่อ
แม่เขาจะมีวิชาอาคมมากอย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทจะได้ไปช่วยพ่อแม่ได้ทันการณ์ก่อน
ที่บางสิ่งบางอย่างจะสายไป ด้วยพ่อแม่เขามิได้นำสิ่งของติดตัวไปเลย แล้วบอกให้ทั้งสองนั่ง
คอยอยู่ก่อน ก็เห็นนายเดินออกจากห้องไป
ชายหนุ่มเดินไปในห้องพ่อตรงไปยังโต๊ะหมู่บูชาพระ และโต๊ะหมู่รูปปั้นองค์ฤๅษีพลางกราบพระ
และองค์พระฤๅษีกล่าวคำบูชาเสร็จแล้ว ก็เดินไปหยิบควายธนูทั้งห้าตัวออกมาที่วางไว้บนพานหน้า
โต๊ะหมู่พระฤๅษีภาวนาปลุกควายธนูทั้งหมดแล้วกราบลาพระและพระฤๅษีแล้วเดินออกจากห้องพ่อ
เมื่อมาถึงห้องเขาก็มอบควายธนูทั้งห้าตัวให้แก่เจ้าแสงสีและสินชัยบอกว่าให้รีบไปส่งมอบ
ให้แก่พ่อแม่เขาก่อนที่จะนำศพออกมาหรือให้ดักคอยพบก่อนออกจากบ้านศพนั้นก็ได้
แล้วเล่าเรื่องว่าจะมีพวกสัมภเวสีต่างๆจะมารบกวน พ่อแม่เขาจะได้ระวังตัวโดยให้แปลงกาย
ไปหาท่านแล้วบอกว่าข้าให้นำมาให้ ท่านก็จะรู้เองว่าอะไรเป็นอะไร
ด้วยควายธนูเป็นของพ่อข้าเอง ให้เจ้าทั้งสองรีบไปโดยด่วนด้วยหากไปก่อนเข้าบ้านผู้ช่วย
ผู้ใหญ่บ้านและอีกบ้านส่งมอบของให้ก็จะดี ข้าคิดว่าคงจะทันด้วยพึ่งจะขับรถออกไปไม่นานหรอก
หากพ่อแม่เขาเห็นเจ้าก็คงจะจำได้หรอก ด้วยรู้เรื่องราวทั้งหมดดีอยู่แล้วไม่ต้องห่วง
เมื่อเจ้าแสงสีและสินชัยได้รับควายธนูมาก็รีบหายตัวไปทันที ขณะที่เขาสั่งการอยู่นั้นแม่นางอัปสร
และหญิงสาวชบาและเจ้าแกละก็มานั่งเคียงข้างเขาอยู่ เมื่อเห็นเขาสั่งงานแก่หุ่นทั้งสองแต่ไม่ได้กล่าว
อะไรกับพวกหล่อนและเจ้าแกละก็ชักสงสัย ในการกระทำของชายหนุ่ม
แม่นางรัตนาวดีอัปสรและแม่นางอ้อยวิลาวัลย์อัปสรก็สงสัย???... จึงถามไปว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีกแล้ว
หรือ ชายหนุ่มก็แจ้งเหตุการณ์ทั้งหมดให้พวกหล่อนทราบ แต่บอกว่าไม่จำเป็นต้องไปหรอกแค่นี้
ก็เพียงพอแล้ว ส่วนน้องชบาและน้องแกละก็ให้รีบเตรียมตัวไว้ โดยเข้าสมาธิทันทีไม่ต้องคำนึงสิ่งที่
จะเกิดทั้งสิ้น ส่วนแม่นางอัปสรทั้งสองให้คอยตรวจสอบความเรียบร้อยไว้ด้วย หากได้นำศพมาแล้ว
ก็จะดำเนินพิธีการต่อไป
เขาเองจะไปขอรับพรจากเบื้องบนและเบื้องล่างตามที่ท่านจะประทานเอาไว้ แม่นางอัปสรรู้ทันทีว่า
อะไรจะเกิดด้วยอิทธิฤทธิ์ของแม่นางทั้งสอง และรู้ว่าสมควรจะต้องทำอย่างไรบ้าง
พลางหันไปสั่งแก่สาวชบาและเจ้าแกละให้จัดการเตรียมตัวเตรียมใจชำระจิตใจให้สะอาดผุดผ่องแล้ว
พลางเนรมิตผ้าขาวส่งมอบให้แก่ทั้งสองไปแต่งตัวแล้วกลับมาเข้าสมาธิคอยไว้ หากชายหนุ่มเรียกก็ให้
ปฏิบัติตามพี่เจ้าสั่งอย่าลืมเป็นอันขาดเชียวนะ แม่นางอัปสรกำชับไว้อย่างเคร่งครัด
หากพี่เจ้าเขาได้ของกลับมาแล้วจะได้เริ่มทำพิธีต่อให้แก่พวกเจ้า เพื่อกลับกลายร่างเสียที
ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอดจิตออกจากร่างนั้น......
พลันเรียกสาวชบาและเจ้าแกละมาพลางนำนิ้วมือชี้ของเขามาเขียนอักขระเลขยันต์ลงไว้บนกระหม่อม
ของทั้งสองแล้วหลับตาเป่ามนต์ลงไปยังร่างทั้งสองคนละสามคาบก็สั่งว่า ให้รีบไปเข้าสมาธิเตรียมไว้
หากเขาเรียกเมื่อใด แล้วให้รีบออกมาเข้านอนทับไปยังร่างของศพนั้นทันทีแต่อย่าผิดตัวเสียล่ะ
ค่อยทับลงไปบนร่างศพตามลักษณะของศพนั้น คอยจนกว่าเขาจะทำพิธีเสร็จ ทั้งสองพยักหน้ารับทราบ
สาวชบาและเจ้าแกละก็พลางก้มลงกราบชายหนุ่มพร้อมแต่งตัวด้วยผ้าสีขาวทั้งหมด ต่างเข้านั่งสมาธิ
ทั้งสองตนทันที
พ่อเชียรและแม่เข็มขับรถมาเกือบจะถึงบ้านงานอยู่แล้ว ก็แลเห็นร่างชายสองคนยืนขวางถนนอยู่จึงได้
ชะลอรถ พลางเพ่งไปก็จำได้ว่าเป็นหุ่นของลูกชายตนพร้อมจอดรถลงถามว่ามีอะไรหรือเจ้าทั้งสอง
เจ้าแสงสีและสินชัยก็เล่าเรื่องต่างที่ชายหนุ่มกล่าวไว้ให้พ่อแม่นายฟังทันที พร้อมยื่นควายธนูที่ห่อผ้าไว้
ส่งมอบให้แก่พ่อแม่นายเขา
ครั้นพ่อเชียรเปิดดูก็ทราบว่าเป็นของๆตน จึงหลับตาภาวนาปลุกควายธนูทั้งหมดทันที เวลาผ่านไป
ชั่วอึดใจเดียว ก็บอกว่าเจ้าทั้งสองกลับไปได้แล้ว แต่เจ้าแสงสีสินชัยบอกว่านายสั่งว่าให้คอยติดตามไป
ด้วยเพื่อคอยช่วยเหลือพ่อแม่จ้า แสงสีสินชัยตอบพ่อเชียรแม่เข็มทันที
ถ้าอย่างนั้นเอ็งทั้งสองก็มานั่งข้างหลังข้าก็แล้วกันแต่อย่าให้ใครเห็นเสียล่ะ ทั้งสองรับคำพลางหายวับ
ไปนั่งยังเบาะข้างหลังทันที พ่อเชียรพลางลงจากรถหันไปหยิบทรายที่แลเห็นในระหว่างขับรถอยู่กองไว้
กองหนึ่ง ใช้ผ้าขาวม้าใส่ไว้พร้อมทั้งหลับตาเสกมนต์คาถาสักพักก็ก้าวขึ้นรถออกเดินทางไปบ้านงานทันที
ครั้นมาถึงบ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เห็นกำลังร้องไห้กันทั้งบ้านอยู่รำพันอาลัยต่างๆนานาเกี่ยวกับ
ศพของลูกสาวของตน ทั้งสองพลางกอดศพร่ำไห้ตลอดเวลา
ทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านครั้นเห็นแลพ่อเชียรเข้ามาเขย่าตัวก็หันหน้าไปมองดู ดังนั้นพลางกล่าวว่า
เออๆๆๆขอบใจพ่อเชียรมากนะรู้ได้ไงว่าลูกสาวข้าเสียชีวิตเมื่อคืนนี้.......
แล้วมันเป็นอะไรไปล่ะถึงเสียชีวิตตั้งแต่วัยยังสาวๆ...พ่อเชียรถามทั้งๆที่รู้แก่ใจอยู่แล้ว
ทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ่มก็ตอบว่า ไม่รู้ว่ามันเป็นไข้นึกว่าไข้ธรรมดาหมอบอกว่าเป็นโรคไข้ป่าจับ
ก็จัดยาให้กินเป็นมาได้สามวันแล้วเอาแต่เพ้อ ทุรนทุราย ข้าก็ไปตามหมอมารักษาอีกเขาฉีดยาและ
ให้กินยา นี่ก็ล่วงเข้ามาสามวันแล้ว รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย คงพึ่งจะมาหมดลมตอนรุ่งสว่างนี้แหละ
ดีนะที่แม่แหล่มแม่มันนอนเฝ้าทั้งคืน พอรุ่งสางจะเข้าไปปลุกถึงได้รู้ว่าลูกตายเสียแล้ว
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางน้ำตาคลอไหลอาบแก้มทั้งสองแก้ม ส่วนแม่แหล่มก็ร้องไห้ไปหันมายกมือ
ไหว้พ่อเชียรทันที พ่อเชียรพลันกล่าวว่าเออไม่ต้องห่วงหรอกว๊ะเจ้าแจ่มแม่แหล่มข้าจะทำให้มันฟื้นเป็นคน
อีกครั้ง ครั้นพอผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรับฟังดังนั้นก็อ้าปากตาค้างไปตามๆกัน พลางหันเข้ามาสวมกอดพ่อเชียร
ทันที พลางร้องว่าจริงๆหรือพ่อเชียรทำได้หรือ?????.....
เอ็งเคยเห็นข้าเคยโกหกกับใครหรือเปล่าล่ะ???... ตั้งแต่คบกันมาพี่เชียรข้ารู้ว่าพี่เป็นคนอย่างไรไม่เคย
ผิดศีลอะไรเลยนี่นา
พ่อเชียรเลยกล่าวขึ้นว่า แจ่มเอ๋ยมันคงหมดบุญที่ทำไว้แล้วล่ะ อย่าเสียอกเสียใจไปให้มากเลยเป็นธรรมดาเกิด
แก่เจ็บตาย ทุกๆคนย่อมเกิดขึ้นทั้งสิ้นหมดไม่ยกเว้นใครๆหรอก
แต่ลูกข้าอายุมันยังน้อยพึ่งจะมาเป็นสาวๆไม่กี่ปีนี้แหละ ไมน่าหมดบุญเร็วขนาดนี้เลยนะพี่เชียร
บอกตรงๆว่าข้าทำใจไม่ได้พี่ ด้วยข้าก็มีลูกไม่กี่คนนางนี้เป็นคนสุดท้องเสียด้วยนะ
ที่ข้ามานี้ ด้วยข้ารู้แล้วว่าลูกเอ็งจะมาเป็นลูกของข้าต่อไป และจะมอบสมบัติต่างๆให้มันด้วยล่ะ???...
จึงได้มาช่วยเอ็งว๊ะ.... ข้ารู้ว่าชาติก่อนมันเคยเป็นลูกข้ามาก่อนด้วย พ่อเชียรกล่าวแต่ว่ามีข้อแม้ว่า???....
หากพี่เชียรทำให้มันฟื้นรูปร่างเหมือนเดิมจะเอาอย่างไรเสียเงินเสียทองเท่าไหร่ข้ายอมทั้งสิ้น....
เรื่องเงินเรื่องทองไม่ต้องห่วงหรอก ลำพังของข้าและแม่เข็มชาตินี้ก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วล่ะที่ดินหรือ
ก็มีมากมายนัก ข้ามีเพียงลูกชายคนเดียวหรือมันก็ไม่ค่อยจะอยู่กับข้าเสียด้วยซิ....พ่อเชียรกล่าว
ตกลงหากพี่เชียรทำให้ลูกข้าฟื้นได้ข้ายอมทุกๆอย่าง....ผู้ช่วยแจ่มพร้อมแม่แหล่มเอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน
คือข้าจะเอาศพมันไปแต่ห้ามคนติดตามไปสักคนเดียวนะ เอ็งคอยฟังข่าวทางนี้ก็แล้วกันแต่ว่ามันจะ
จำมึงได้หรือเปล่าข้อนี้ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ไม่เป็นไรข้าจะบอกมันเองว๊ะ ชื่อก็อาจจะต้องเปลี่ยนชื่อกันด้วย
ชื่อเก่ามันนั้นไม่ดีทำให้ต้องเสียชีวิตก่อนวัย....พ่อเชียรหาทางออกกับผู้ช่วยแจ่ม
เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ทันใดนั้นก็มีเสียเอะอะโวยวายลั่นหน้าบ้านผู้ช่วยแจ่มทันที
เมื่อเข้ามาแล้วทราบเรื่องราวที่ลูกบ้านมันมารายงาน ผู้ช่วยและเมียต่างก็งวยงง
ทำไมเหตุการณ์มันถึงเหมือนๆกัน มันมาเพื่อรายงานว่าลูกมันก็เสียชีวิตเมื่อคืนนี้เหมือนกัน
ลูกบ้านชื่อฉลองมารายงานกับผู้ช่วยด้วยน้ำตาคลอเบ้าทั้งสองข้าง เอ๊ะ!!!!...มึงทำไมเหมือนกูว๊ะ
ลูกสาวกูก็พึ่งตายเมื่อรุ่งเช้านี้เอง อ้าวๆๆๆ....แล้วมันก็อุทานตะลึงงันชะงักไปจนไม่รู้จะกล่าวอะไรอีก
เกิดเรื่องอะไรหรือว๊ะไอ้ฉลอง ผู้ช่วยถาม บัดนี้น้ำตามันเหือดแห้งหายไปแล้ว เมื่อพี่เชียรรับปากว่า
จะทำให้ลูกมันฟื้นคืนมาได้อีก.......
ก็ไอ้ชาติซิผู้ช่วยคงจำได้กระมังมันตายเสียแล้วล่ะเป็นไข้ป่า
ข้าไม่รู้ก็เอายากลางบ้านให้มันกิน จะพาไปหาหมอก็ไม่มีเงินทองเสียด้วย จึงให้ทานยาประจำบ้านเท่านั้น
พอครบห้าวันมันก็ตาย พึ่งมาตายเมื่อเช้านี้เองแหละ มันพูดไปร้องไห้ไป
พ่อเชียรกับแม่เข็มหันมามองหน้ากัน ด้วยทั้งสองรู้ จึงหันไปพูดกับลูกบ้านมันว่า....พอครั้น
ลูกบ้านฉลองหันมาพบพ่อเชียรแม่เข็มก็ยกมือไหว้ด้วยน้ำตา ด้วยเวลามันตกทุกข์ได้ยากก็ไปขอยืม
เงินจากพ่อเชียรแม่เข็มเสมอๆ และก็ไม่เอาดอกเอาดวงเสียด้วยมีก็คืนไม่มีก็ไม่เป็นไรหลายต่อหลายครั้ง
แล้วพ่อเชียรแม่เข็มก็ช่วยมันเสมอๆมา มิเคยบ่นเอ่ยปากถามเรื่องเก่าสักครั้งเดียว มันจึงเคารพพ่อเชียร
และแม่เข็มมากๆ
เออๆๆๆช่างเหมือนกันเลยนะทั้งสองคนเลยว๊ะ ลูกมาตายด้วยพร้อมๆกัน ถ้าอย่างงั้นข้าจะขออะไร
ฉลองหน่อยได้ไหมน๊ะ???.... พ่อเชียรถามขึ้นทันที ด้วยไม่ต้องเสียเวลาไปทั้งสองบ้านเวลาอาจจะไม่ทัน
พ่อเชียรจะขออะไรข้าให้ทั้งสิ้น ทั้งสองคนมีบุญคุณล้นเหนือหัวข้าทั้งครอบครัวแล้วล่ะ บอกได้เลย
ดีแล้วงั้นข้าขอศพลูกชายเอ็ง นี่ก็มาขอศพกับผู้ช่วยไว้แล้วด้วยว่าจะเอาไปเลี้ยงเป็นลูกข้าทำให้มันฟื้น
เป็นคนเหมือนเดิมว๊ะ....พ่อเชียรกล่าว
ฮ้าๆๆๆ....พ่อเชียรอย่าล้อข้าเล่นนะแล้วจะเอาทำอย่างไรล่ะมันตายแล้ว ไม่ฟื้นอีกแล้วล่ะพลางร้องไห้ไป
เออๆๆไอ้ฉลองจะยกให้กูหรือเปล่าล่ะ หากยกให้ก็ให้รีบนำศพมาไว้บ้านผู้ช่วยโดยเร็วข้าไม่มีเวลามาก
นักหรอก มิฉนั้นมันไม่อาจจะไม่ฟื้นได้อีกแล้วเวลาไม่คอยท่าเสียด้วยซิ.....พ่อเชียรกล่าว
ได้เลยไอ้ข้าหรือก็ไม่มีเงินจะทำศพมันด้วย หากพ่อเชียรขอเสียอย่างมีหรือข้าจะไม่ให้และจะทำให้มันฟื้น
ได้อีกด้วย ข้าจะได้รีบไปบอกยายช่วยให้ทราบ แล้วจะรีบนำศพมาไว้รวมกันที่นี่เลยนะ ข้าจะได้รีบไปเอามา
แต่ว่าข้าทั้งสองจะเอาแค่ศพ พวกเอ็งทั้งหมดจะตามข้าไปไม่ได้แม้สักคนเดียวนะ คอยฟังข่าวเอาไว้วันมะรืน
นี้ค่อยไปหาข้าที่บ้านเพื่อดูว่าจริงหรือไม่ รีบๆหน่อยนะโว้ยเดี๋ยวพระอาทิตย์ตกดินเสียก่อนข้าก็ทำอะไรไม่ได้
พ่อเชียรตอบทันที....
แล้วพ่อเชียรแม่เข็มก็หันหน้าไปทางผู้ช่วยแจ่มและแม่แหล่มย้ำอีกครั้งตกลงนะผู้ช่วยแม่แหล่ม????....
ตกลงจ้าหากทำให้ลูกข้าฟื้นได้จริงๆ ตอนนี้ข้าขอกราบพ่อเชียรแม่เข็มก่อนก็แล้วกันที่ช่วย ทั้งสาม
พากันก้มลงกราบพ่อเชียรแม่เข็มทันที
พ่อเชียรแม่เข็มพลันย้ำขึ้นอีกทีว่า ลูกเอ็งทั้งสองต่อไปนี้เป็นลูกของข้านะแล้วไปทำการโอนที่อำเภอด้วย
ว่ายกให้เป็นลูกของข้าไว้ด้วย พร้อมเปลี่ยนชื่อเสียใหม่นามสกุลของข้านะโว้ย อย่าลืมคำสัญญาเสียล่ะ
ไม่ลืมหรอกพ่อเชียรแม่เข็มหากลูกข้าฟื้นขึ้นได้จริงๆนะข้ายอมทุกๆอย่าง ทั้งสามคนตอบพร้อมๆกัน
เอาล่ะดีแล้วล่ะ เวลาไม่คอยท่าด้วย ไอ้ฉลองมึงรีบไปนำศพลูกชายมึงมาให้เร็วๆมาไว้บ้านผู้ช่วยนี่แหละ
ไม่ต้องให้ใครสะกดรอยไปเสียล่ะ เดี๋ยวเสียพิธีไปข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ งั้นมึงรีบๆไปเอามาให้เร็วที่สุดด้วย
พ่อเชียรกล่าวเร่งทันที
เพียงไม่นานนัก ลูกบ้านฉลองก็แบกร่างศพลูกชายนำมาวางยังบ้านผู้ช่วยแจ่ม และผู้ช่วยแจ่มก็นำร่างลูกสาว
มาวางไว้ใกล้ๆกันด้วย ถ้าอย่างงั้นขอแรงหน่อยนะว๊ะให้รีบนำไปใน่หลังรถกะบะแล้วเอาผ้าคลุมไว้ด้วยนา อ้อๆ
เอาหมอนรองหัวไว้ด้วยเสียล่ะ พ่อเชียรเอ่ยขึ้น.......
ดังนั้นเมื่อเสร็จแล้วก่อนออกจากบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พ่อเชียรก็หันว่าอีกสองสามวันเอ็งไปพบลูกสาวเอ็ง
ที่บ้านข้าได้แล้ว หากไม่เกิดปัญหาขึ้นก่อน ครั้นเมื่อเรียบร้อยแล้วพ่อเชียรและแม่เข็มก็ขับรถออกไปด้วยความ
รวดเร็ว โดยให้เจ้าแสงสีและสินชัยคอยระวังศพไว้ด้วย ก่อนออกจากรถพ่อเชียรหันไปสั่งทางเจ้าแสงสีสินชัยว่า
หากเกิดอะไรขึ้น พวกเอ็งไม่ต้องออกไปให้ค่อยระวังศพทั้งสองไว้ก็พออย่าลืมเสียล่ะ
เจ้าแสงสีและสินชัยรับคำ รถก็ออกเดินทางด้วยความรวดเร็วทันที มุ่งหน้ากลับบ้านด้วยตกเวลาบ่ายแล้วจะ
ไม่ทันตามลูกชายสั่งอย่างรวดเร็ว
พอรถวิ่งผ่านมาได้ครึ่งทางกว่าๆ ทันใดนั้นเสียงพายุลมพัดโอนเอนไปๆมาๆ อย่างรุนแรงทันที พร้อมเสียง
ร้อยอย่างโหยหวนตามหลังรถมาติดๆ แต่ไม่ปรากฏร่างแต่อย่างไรทำให้ฝุ่นคลุ้งมองทางไม่เห็น เสียงสายลม
ครวญครางโหยหวน กรี๊ดๆๆๆดังไปรอบๆตัวรถทันที อากาศแลดูครึ้มๆไปหมดทั้งๆที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย
นอกจากกระแสลมแล้ว ทางด้านอื่นล้วนแล้วแต่ปกติ
พ่อเชียรก็เปลี่ยนให้แม่เข็มขับรถแทนทันที พลางแกะชายผ้าขาวม้าออกหยิบทรายที่ได้เสกไว้พลางท่อง
มนต์กำกับไว้อีกทีแล้วสาดไปตามเสียงร้องและสายลม เสียงพลันเงียบสักพักหนึ่ง เงาร่างทะมึนสี่ร่างก็ปรากฏ
ท่ามกลางฝุ่นคลุ้งและอากาศแลดูมืดครึ้มสูงชะลูดยืนขวางทางหน้ารถอยู่
เจ้าแสงสีและสินชัยรู้ว่าอะรคืออะไรมันทั้งสองรีบไปนั่งยังข้างศพทั้งสองคนละข้างทันที หากพ่อเชียรไม่
ห้ามไว้ไอ้พวกเหล่านี้หรือจะครณามือมันไม่ เพียงจับมือหญิงสาวและมือเด็กไว้หลับตาเข้าสมาธิทันทีร่ายมนต์
เพื่อป้องกันการสอดแทรกของเหล่าฝูงผีทั้งหลายที่เป็นลูกน้องของไอ้ผีเปรตสูงๆนั้นจะเข้ามาสิงร่างศพไว้
ส่วนพ่อเชียรก็ร่ายเวทย์มนต์ปล่อยควายธนูที่ทำด้วยเทียน หวาย ทองแดงและเงินออกไปทันที
พลันร่างควายธนูก็ปรากฏร่างใหญ่โตทะมึนพุ่งร่างเข้าใส่ยังเปรตทั้งสี่ตนที่ยืนขวางหน้ารถไว้ พร้อมพุ่งเข้าชนใส่
ร่างนั้นทันที การต่อสู้ระหว่างควายธนูกับเปรตทั้งสี่เกิดขึ้น แต่เพียงชั่วพริบตาร่างของเปรตทั้งสี่ก็แหลกสลายไป
หายวับไปทันที ส่วนเสียงร้องต่างๆนั้นก็ถูกบรรดาควายธนูพุ่งเข้าใส่ร่างที่มองไม่เห็น แต่ควายธนูซึ่งเป็นควาย
ที่ทำด้วยเวทย์มนต์คาถามันรู้ว่า เหล่าผีร้ายทั้งหลายอยู่ที่ใดบ้าง ต่างพากันแตกกระเจิงหายไปหมดสิ้นเสียงต่างๆเงียบลง ลมและฝุ่นก็สงบกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นพ่อเชียรจึงได้เปลี่ยนมาขับเอง ส่วนแม่เข็มก็ร่ายเวทย์มนต์คาถา
เป่าไปยังในอากาสอีกครั้งหนึ่ง ควายธนูทั้งสี่ตัวก็ยังไม่กลับคืนมา วนเวียนรอบๆตัวรถที่พ่อเชียรวิ่งมาด้วยความ
เร็วสูงด้วยเวลาเกรงจะไม่ทัน
ครั้นแล้วรถก็มาถึงบ้านเจ้าควายธนูทั้งสี่ก็ยังวนเวียนวิ่งไปๆมาๆอยู่รอบๆบ้านไม่ไปไหน เจ้าแสงสีและสินชัย
รีบแบกศพเข้าไปในห้องชายหนุ่มทันที พลางวางร่างทั้งสองไว้เคียงคู่กัน ครั้นชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นด้วยรู้แล้ว
ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง ก็รีบสวดมนต์เข้าสมาธิทันทีพร้อมด้วยแม่นางอัปสร และสาวชบาและเจ้าแกละ
เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็หันมาทางสาวขบาและเจ้าแกละให้รีบเข้าร่างศพนั้นได้แล้ว ทันใดนั้นเอง
ร่างสาวชบาและร่างเจ้าแกละก็ล้มตัวลงนอนทับไปยังศพทั้งสองทันที ชายหนุ่มก็ทำพิธีต่อพลางร่ายเวทย์มนต์
ที่อาจจะได้รับมาจากเบื้องบนหรือพรที่ไปขอไว้มาใช้ในการทำงานครั้งนี้ จนเวลาผ่านไปสักครู่หนึ่งก็ลืมตาแล้ว
ชายหนุ่มก็นำน้ำพระพุทธมนต์ที่เขาทำขึ้นเตรียมรอไว้อยู่แล้วพรมไปยังร่างทั้งสองทันทีพร้อมท่องเวทย์มนต์
ที่ไปร่ำเรียนมาจากเบื้องบนและเบื้องล่างไว้ ชั่วเวลาอึดใจใหญ่ๆร่างทั้งสองก็เริ่มกระดุกกระดิกได้ แล้วพลันลุก
ขึ้นนั่ง พร้อมทั้งก้มลงกราบไปยังชายหนุ่มและแม่นางอัปสรทั้งสองทันที แล้วหันมาขอบใจแสงสีและแสงชัย
ส่วนพ่อเชียรแม่เข็มนั่งรออยู่นอกห้อง ทั้งสองก้าวออกมาจากห้องของชายหนุ่ม พลางเข้าไปกราบที่ตัก
ของพ่อเชียรแม่เข็มทันที พอพ่อเชียรแม่เข็มเห็นเช่นนั้นก็หัวร่อลั่นว่า เจริญสุขเถิดลูกพ่อทั้งสองบัดนี้เจ้าทั้งสอง
กลับเป็นคนได้สำเร็จก็ด้วยเจ้าโชติมันหาใช่พ่อและแม่ไม่หรอก คนมีบุญคุณแก่เจ้ามากคือเจ้าโชติและแม่นางอัปสร
ตลอดจนเจ้าแสงสีและสินชัยนั่นแหละนะ
เฮ้อๆๆๆแม่เข็มต่อไปนี้เราก็มีลูกเพิ่มอีกแล้วล่ะนะ ??....เป็นคนก็มีเพิ่มขึ้นอีกเสียด้วยซิ???....
พลางหัวร่อลั่นบ้านพ่อโชติกล่าวด้วยความดีใจ....พอเราแก่ก็จะมีคนคอยช่วยดูแลดีไหมแม่เข็ม
จริงๆจ๊ะพี่เชียร เฮ่อๆๆๆค่อยโล่งอกไปหน่อยรับปากเขาไว้ด้วยซิ เห็นว่ามะรืนนี้คงจะแห่กันมา จะเลืองลือไปทั้ง
หมู่บ้านจะทำให้พี่และข้าต้องวุ่นวายกันอีกไม่รู้จบนะซิ??.....
เราก็บอกว่าไม่ใช่เราทำหรอก เป็นคนอื่นทำก็สิ้นเรื่องแต่อย่าบอกว่าลูกเราทำล่ะ เรื่องมันจะบานปลาย ผู้ผัวกล่าว
นั่นซิพี่ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่าแก่ปานนี้จะได้มีลูกเพิ่มอีกนะ.....ฮ่าๆๆๆข้าสบายใจเหลือเกินล่ะ
พลันก็แลเห็น ร่างทั้งห้ากำลังก้าวออกมากจากในห้อง ชายหนุ่มบอกว่าดีที่ผมรู้เหตุการณ์เสียก่อนนะมิฉะนั้นคงไม่
ทันการณ์แน่นอนเลย เห็นทีไอ้พวกนี้จะเก็บไว้ไม่ได้เสียแล้วล่ะพ่อ พ่อเห็นเป็นอย่างไรมันยังอยู่นะพ่อเพียงแค่
จุติแล้วเกิดขึ้นอีกแต่สันดานมันเหมือนเดิม ผมว่าให้พ่อหรือผมจัดการเก็บไว้ให้หมด มิฉะนั้นมันจะยิ่งอาละวาด
ใหญ่ นี่ดีนะที่ชาวบ้านเรามีพระห้อยคอกันไว้ทุกๆคนมันเลยเข้าไปไม่ได้ วนเวียนแค่รอบๆเท่านั้น
แต่ข้าว่าเอ็งนั่นแหละควรจะจัดการ พ่อกับแม่เองก็แก่มากแล้วและก็ถือศีลแปดทุกวันพระด้วยมันจะไม่งาม
นะลูก ลูกจะจัดการอย่างไรก็ตามใจลูกเถอะนะ ฝ่ายพ่อกล่าวแล้วแม่เข็มก็เสริมขึ้นเหมือนกัน
เมื่อพ่อพูดแบบนี้คืนนี้ผมจะจัดการให้สิ้นซากไปเลย คอยเที่ยงคืนผ่านไปก่อนนะครับพ่อ
ตามใจเจ้าเถอะ พ่อแม่จะไม่ห้ามและไม่ยุ่งอะไรหรอก????....พ่อแม่ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
ถ้าอย่างงั้นดีแล้วล่ะ ผมจะเข้าไปยังป่าช้าบ้านเราแล้วทำพิธีจะบอกแก่นายป่าช้าและอาจารย์ด้วย เที่ยงคืนนี้
คงจะเรียบร้อยหมดจ๊ะด้วยพวกมันยังไม่ถึงเวลาจะสิ้นชีวิตล้วนแล้วแต่ประสบอุบัติเหตุมาบ้างฆ่าตัวตายบ้าง
เป็นนักเลงถูกยิงตายบ้างอายุมันยังไม่ถึงฆาต ล้วนแล้วแต่พวกผีตายโหงและผีอาคมก็ตามมาอีกมากด้วยจ้า
พลางหันไปทางเจ้าแสงสีและสินชัย เดี๋ยวอาศัยเจ้าหน่อยนะไปซื้อหม้อดินใหญ่มาสักสองสามใบจากตลาดมาให้
แก่ข้าด้วยนะ แล้วชายหนุ่มก็ควักเงินใสกระเป๋าส่งมอบให้ไป.....
เจ้าแสงสีและสินชัยรับคำ พลางรับเงินจากชายหนุ่มมาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ แล้วบอกว่าจะไปหาซื้อของก่อน
ทั้งธูปเทียนพร้อมของใช้ทำในพิธีเรื่องนี้ผมรู้ดีจ้านาย มาให้ครบเสร็จจ๊ะ แล้วร่างมันก็อันตรธานหายไป.........
* แก้วประเสริฐ. *
28 พฤศจิกายน 2553 19:58 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๐
ภายหลังจากที่กำนันมั่น เดินทางเข้าไปในเมืองแล้วได้ข่าวก็ต้องตกใจ ได้รับข่าว
ว่าตัวเสี่ยเม้งได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปโรงพัก การตรวจค้นพบของกลาง
เป็นยาบ้าเป็นจำนวนมากที่เป็นเนื้อที่ของเสี่ยเม้งเอง
แม้ว่าของไม่ได้อยู่ในบ้านเสี่ยก็ตาม สิ่งที่ค้นพบนั้นปลูกในบ้านเนื้อที่ซึ่งเป็นของเสี่ย
ยังที่อื่นห่างไกล แต่ในฐานะสิ่งของดังกล่าวนั้นถูกเก็บไว้และเสี่ยเป็นเจ้าของบ้าน
และเนื้อที่ของเสี่ยเองด้วย ดังนั้นจึงต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยต่อเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้น
ทางเสี่ยบอกว่าให้เขาเช่าเนื้อที่ไป และเมื่อให้เช่าไปแล้วก็ไม่ได้ไปบ้านนั้นอีกเลย
แต่ตำรวจก็นำตัวเสี่ยและเข้าไปค้นยังบ้านพักของเสียอีกด้วย แต่ไม่พบของกลางใดๆ
ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังควบคุมตัวเสี่ยไปโรงพักด้วย
แต่ด้วยความชาญฉลาดของเสี่ย ซึ่งลูกน้องคนสนิทของเสี่ยรับหน้าเสื่อแทนเสี่ยเสีย
เองว่าเป็นของๆเขาที่แอบซุกซ่อนไว้ไม่ให้เสี่ยรู้หรอก ทางตำรวจไม่เชื่อคำกล่าวของผู้เช่า
จึงได้ควบคุมตัวมาเสี่ยมาเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้ทำหลักฐานไว้ด้วย
แต่ให้ประกันตัวออกมาเพราะไม่มีหลักฐานในบ้านของเสี่ย ด้วยเสี่ยปฏิเสธว่า
เขาไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้นด้วยประกอบธุระกิจสุจริตเสมอๆมา
เมื่อได้รับฟังข่าวจากปากเสี่ยเม้งอีกครั้งทั้งๆที่รู้ข่าวจากลูกน้องของเสี่ยแล้วก็ตาม
ก็ทำให้กำนันมั่นตกใจมากด้วยของที่เขานำมานั้นยังซุกซ่อนไว้หลังบ้านอยู่อีกเป็น
จำนวนมากด้วยเสี่ยเม้งมอบให้มาจัดการเป็นเอเย่นต์จำหน่ายไปยังหมู่บ้านอื่นๆ
ในละแวกใกล้เคียงกัน เพื่อจำหน่ายให้แก่เสี่ยเม้ง ทั้งยังถูกตำรวจเค้นถามเรื่องการ
จับกุมยาและกัญจาพร้อมเงินจำนวนมากในป่าติดชายแดนนั้นอีกด้วย
แต่เสี่ยได้ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องว่า เขานั้นดำเนินกิจการทางด้านจำหน่าย
รถยนต์และมีอู่ซ่อมรถเท่านั้นเอง ไม่คิดจะทำงานด้านผิดกฏหมายอะไรๆเลย
ครั้นรู้ความเรียบร้อยจากเสี่ยที่กำลังนอนเล่นอยู่ภายในบ้าน เมื่อได้นั่งสนทนากัน
กำนันมั่นก็ขอร้องให้เสี่ยเม้งช่วยแจ้งข่าวนี้ให้แก่เสี่ยหว่าง ทราบด้วยว่าทางหมู่บ้านอื่นตอน
นี้กำลังไม่พร้อมแต่จะส่งคนนำทางให้ ขอให้เสี่ยหว่างนำกำลังคนไปขนของเอาเองด้วย
ถ้าหากทางที่ดีก็ควรจะระงับการขนย้ายไว้ก่อน
เสี่ยเม้งได้แต่หัวเราะบอกว่า.... กูก็บอกไอ้หว่างไว้เหมือนกันว่าระยะนี้มันน่าสิ่วหน้าขวาน
ให้มันยกเลิกงานนี้ก่อน แต่ทางไอ้หว่างมันบอกว่าได้วางมัดจำและของที่แปรสภาพมาถึงแล้ว
ครั้นจะยกเลิกก็ไม่ได้ กูเองก็ไม่รู้ทำอย่างใดเพียงแค่เตือนๆมันไว้เท่านั้น ซ้ำยังขอกำลังจากกู
แต่กูปฏิเสธว่ากำลังคนไม่มี เรื่องนั้นให้มันคิดหาทางกันเอาเองก็แล้วกัน เสี่ยเม้งกล่าวลอยๆ....
มันหัวเสียใหญ่เลย แต่กูทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนถูกตำรวจมาจับกุมตัวกูไปแหละว๊ะ...
กำนันมั่นซึ่งไม่ค่อยจะสนิทกับเสี่ยหว่างมากนักและไม่สันทัดในเรื่องเหล่านี้ก็นิ่งเฉยเสีย
ที่รู้จักกับเสี่ยหว่างก็ด้วย เสี่ยเม้งแนะนำให้รู้จักเพื่อทางสะดวกที่กำนันมั่นรู้จักกับพวกกำนันแถบ
นั้นดีสนิทสนมกันด้วย ก็พลันกล่าวกับเสี่ยเม้งขึ้นว่า.........
ถ้าหากเป็นไปได้งานทางเราเสี่ยก็ควรจะแจ้งไปยังต้นทางด้วยนะว่า ควรระงับไว้ก่อน
ของๆเราก็ยังพอจะมีจำหน่ายอยู่อีกมาก พอจะทันให้ทางเสี่ยและทางผมติดต่อกับพวก
นายอำเภอเก่าที่สนิทคุ้นเคยกันไว้ก่อน
ส่วนด้านตำรวจนั้นเห็นว่าระยะนี้เห็นทีคงจะยากแก่การเข้าถึงแล้วเหมือนเดิมเสียแล้วจ่าเจียมและ
พวกที่เราอาศัยเป็นหูเห็นตาคอยมาบอกแก่เรานั้น ได้ถูกย้ายกันไปจนหมดสิ้นแล้วล่ะ???....
เสี่ยเม้งหันมากล่าวกับกำนันมั่นว่า???..... เอ็งไม่รู้หรือว่าตอนนี้ทางด้านนายอำเภอต่างๆ
ได้ถูกย้ายกันอีกระลอกแล้วล่ะ......แถวๆด้านแถบของพวกเอ็งเสียด้วยซิ.....เสี่ยเม้งกล่าวขึ้น
หาๆๆๆ....เสี่ยไปได้ข่าวมาจากไหนล่ะ???.... ก็คนของกูมันพึ่งนำมาบอกเมื่อวานเองว๊ะ....
กำนันมั่นถามอีกว่า???........ เมื่อวันก่อนผมยังไปคุยกับนายอำเภออยู่เลยนี่นา
ไม่เห็นทางเขาบอกอะไรนี่ ลูกน้องเสี่ยคงจะรายงานผิดกระมัง???....กำนันมั่นย้ำขึ้น
เมื่อเช้านี้ว๊ะนายอำเภอเก่าเดินทางมาหากู ปรึกษากับกูว่าจะช่วยเหลือมันได้อย่างไร
ด้วยทางกรุงเทพฯนั้น กระทรวงทหาดไทยท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งย้าย
พึ่งส่งข่าวด่วนมาแจ้งให้เขาทราบและในคำสั่งนั้นก็ให้ย้ายภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงเสียด้วย
พร้อมส่งนายอำเภอใหม่มารับงานแล้วด้วยว๊ะ เออๆๆแล้วทางตำรวจล่ะ????...
เอ็งได้รับข่าวอะไรอีกหรือไม่ว๊ะ???....เสียเม้งถาม
ก็พวกตำรวจมาใหม่ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว ส่วนผู้กองชัชวาลย์และผู้หมวดบางคน
ได้เลื่อนยศกันทั้งหมดไปแล้วล่ะ.....กำนันแจ้งให้เสี่ยเม้งทราบ
เรื่องนี้กูรู้หมดแล้วก่อนมึงเสียอีกว๊ะ....ไอ้ผู้กองได้เลื่อนเป็นสารวัตรและหมวดบางคน
เสี่ยเม้งกล่าวขึ้น...
หากเป็นเช่นนั้นเห็นทีจะต้องเป็นหน้าที่ของเสี่ยเสียแล้วกระมัง ในการเข้าพบและหาพวก
พ้องตำรวจ ด้วยเด็กของเสี่ยมีบางคนสนิทกับตำรวจที่ไม่ได้ย้ายไว้ด้วยนา......
กูก็พยายามแล้วล่ะ ให้คนที่สนิทกับตำรวจคนเก่าหาพวกมาใหม่ไว้ด้วย แต่จะได้ผลอย่างไร
กูก็กำลังคอยฟังข่าวอยู่เหมือนกัน......เสี่ยเม้งกล่าวขึ้น
ข้ามาแจ้งให้เสี่ยและเรื่องเสี่ยหว่างเท่านั้นเองแหละ งั้นข้ากลับก่อนละด้วยสิ่งของเสี่ยข้า
ยังเก็บไว้ภายในเขตบ้าน ต้องรีบขนย้ายไปเก็บที่อื่นยังที่ปลอดภัยไว้ก่อน.... กำนันกล่าวขึ้น
เออๆดีแล้วล่ะอย่าได้ประมาทนะโว้ย!!!!..... รีบๆไปเถอะว๊ะ
งั้นข้าไปก่อนล่ะนะ ไว้วันหน้าจะมาและฟังข่าวอีกครั้งหนึ่ง....กำนันตอบ
หลังจากนั้นกำนันก็รีบเดินทางกลับหมู่บ้านบางกระดี่ทันที ครั้นพอมาถึงก็รีบบอกกับไอ้แม้น
ลูกชายว่า ของที่เก็บไว้นั้นระยะนี้ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว ให้มึงสั่งไอ้สนหรือไอ้เบี้ยวที่ตอนนี้ทุเลา
มากแล้ว นำคนไปรีบจัดการย้ายไปเก็บยังที่อื่นก่อนแต่ไม่ใช่ในเนื้อที่เรานะ ไปเก็บซ่อนไว้ยังถ้ำ
ภูเขาก็ได้ แต่ให้หาคนคอยเฝ้ารักษาไว้ด้วย
เรื่องมันใหญ่โตถึงขนาดนั้นเชียวหรือพ่อ????.....ไอ้แม้นถามด้วยความสงสัย
ใช่ว๊ะ...แม้แต่เสี่ยเองยังโดนเลยล่ะ หากมาถึงเราเห็นทีจะยุ่งกันใหญ่นะ แล้วด้วยตอนนี้
นายอำเภอแถบหมู่บ้านเราก็ถูกสับเปลี่ยนย้ายกันไปภายในยี่สิบสี่โมงแล้ว คนใหม่มันมาแทน
เรียบร้อยแล้วด้วย เสี่ยเม้งมันบอกว๊ะ???......กำนันกล่าวกับลูกชาย
เห็นทีจะช้าไม่ได้เดี๋ยวข้าจะไปสั่งไอ้สนกับไอ้เบี้ยวคืนนี้ช่วยกันลำเลียงไปเก็บไว้ในถ่ำภูเขา
ก็แล้วกันนะพ่อ....ไอ้แม้นกล่าวเสร็จก็โขยกขาลงไปข้างล่าง ไม่รอคำตอบของผู้เป็นพ่อ
พลาง สั่งคนไปตามไอ้สนกับกับเบี้ยวมาหาทันที.....
ไม่นานนัก ไอ้สนกับไอ้เบี้ยวก็มาหาไอ้แม้นทันที่นั่งคอยอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะขามใหญ่ ครั้นเมื่อ
ทราบข่าวดังนั้นก็ตกใจ พลางกล่าวว่า...
ไม่ต้องห่วงหรอกข้ากับไอ้เบี้ยวจะจัดคนไปนำของไปเก็บไว้ ด้วยภูเขาใกล้ๆบ้านเรานั้นมีถ่ำๆ
หนึ่งที่มุมมันดี มีพุ่มไม้บังเสียด้วยล่ะและเป็นป่าเปลี่ยวๆคนไม่ค่อยจะเข้าไปหรอก มันกล่าวขึ้น
เออๆๆดีแล้วล่ะว๊ะไอ้สน....แต่เอ็งต้องให้คนไปสืบก่อนจะนำของไปนะว่าไม่ให้ชาวบ้านรู้เห็น
นะโว้ย ข้าเองรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกลเหมือนกันว๊ะ....มันอาจจะมาถึงตาเรานะ ไอ้แม้นกล่าว
เรื่องนี้สบายมากว๊ะไอ้แม้น มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกรับรองว่าเรียบร้อยแน่นอน
ถ้าอย่างนั้นกูไปก่อนล่ะว๊ะ เวลาไม่อำนวยเสียด้วยเกิดพ่อมึงเข้ามาตรวจค้นก็จะลำบากว๊ะ
เออๆๆดีแล้วไปเถอะว๊ะไอ้สนไอ้เบี้ยว งานเสร็จแล้วค่อยมาแดกเหล้ากันที่นี่ก็แล้วกัน
ส่วนอีสาวๆก็อย่าให้มันรู้เรื่องด้วยนะโว้ย???...... ไอ้แม้นสั่งเป็นงานเป็นการทันที
ผู้หญิงมักเก็บความลับไม่ค่อยจะได้กูไม่ไว้ใจ
เออ..คืนนี้รับรองว่าสำเร็จแน่นอนว๊ะ มึงไม่ต้องห่วงหรอกว๊ะ....
แล้วมันทั้งสองก็รีบออกจากบ้านไป เพื่อไปตามคนมาช่วยนำของไปเก็บซ่อนอำพลางไว้ทันที....
ชายหนุ่มครั้นได้สอนวิชาอาคมเพิ่มเติมให้แก่สาวชบาและเจ้าแกละตลอดจนแม่นางอัปสร
ทั้งสอง จนสาวชบาและเจ้าแกละสามารถเรียนรู้ได้มากพอแล้ว เขาก็ออกมานั่งเล่นยังชานเรือน
คงปล่อยให้บรรดาทั้งหมดพร่ำสอนกันต่อไป
สักครู่ใหญ่ ร่างของเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยก็ปรากฏขึ้นแล้วมารายเรื่องราวทั้งหมดให้ชายหนุ่ม
ทราบว่าได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว เห็นท่านยิ้มพลางยังตบไหล่ข้าอีก เจ้าแสงสีรายงาน
พร้อมแจ้งว่าให้คอยฟังข่าวก็แล้วกัน สั่งข้าว่าให้คอยระมัดระวังตัวไว้อย่าพึ่งแสดงอะไรออกมากนะ
ทำหน้าที่เป็นสายสืบต่อไปก่อน สวนเรื่องงานนั้นรองผู้กำกับคนนี่ หัวหน้านายยังสั่งไว้ด้วยเมื่อได้
อ่านรายงานของนาย
โอ้โฮ...ในชีวิตข้าไม่เคยพบคนใหญ่คนโตที่สูงสุดเลยพึ่งจะเห็นก็คราวนี้ล่ะ หากไม่เป็นลูกน้อง
นายก็คงจะไม่มีโอกาสเช่นนี้เลยถือเป็นบุญข้าและเจ้าสินชัยจริงๆ พลางหันไปถามเจ้าสินชัยทันที
จริงๆอย่างที่พี่แสงสีบอกแหละนาย.....เจ้าสินชัยสนันสนุนทันที
ครั้นชายหนุ่มทราบดังนั้นก็ขอบใจหุ่นทั้งสอง พลางบอกว่าไปพักผ่อนได้แล้วข้านั่งมองท้องฟ้า
และตรวจดูตามตำราที่เรียนมากับอาจารย์หลวงพ่อทองแล้ว ว่าจะมีอะไรๆอยู่เหมือนกันก็ยังนึกสงสัย
หากพวกเจ้าพักผ่อนแล้วจะให้ไปสืบดูอีกทีหนึ่งนะ ......... ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
ข้าเองไปตอนนี้ก็ได้นายเพราะไม่ได้เหนื่อยอะไรมาเลยมีเรื่องอะไรก็บอกมาได้เลย
เจ้าหุ่นทั้งสองตอบ.....
ข้าได้ข่าวในเมืองแล้วล่ะ และทางอำเภอด้วย เพราะสายสืบข้ามารายงานเรียบร้อยแล้ว
พลางกำลังนั่งนึกในใจคิดว่าหากแม้แต่เสี่ยมันยังถูกเช่นนี้
ในแถบนี้คงจะมีการสับเปลี่ยนขนย้ายของกันเป็นการใหญ่ หากพวกเอ็งหายเหนื่อยแล้ว
ข้าคิดจะให้ลองไปติดตามข่าวทางกำนันมั่นหรือกำนันอื่นๆสักหน่อย....ชายหนุ่มกล่าว
เจ้าแสงสีและสินชัยหันมามองหน้ากันแล้วพลันกล่าวแก่ชายหนุ่มว่า....
เดี๋ยวคืนนี้ฉันทั้งสองจะไปตรวจสอบเองนายไม่ต้องห่วงหรอก....
ว่าจะต่างแยกย้ายกันไปตรวจว่าจะมีการขนย้ายอีกหรือเปล่าครับนาย
หากเป็นเช่นนั้นก็ดีซิ ทางเราจะได้รู้เขารู้เรากัน....ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
ถ้านายกล่าวเช่นนี้ ค่ำนี้ข้าจะแยกย้ายกันไปทำงานก็แล้วกัน
ตอนนี้ข้าไปพักผ่อนก่อนนะนาย ให้มืดค่ำเสียก่อนการขนย้าย
ฉันคิดว่าน่าจะเป็นกลางคืนมากกว่ากลางวันมากกว่า... เจ้าแสงสีและสินชัยตอบ
ได้ผลอย่างไรก็จะมารายงานให้นายทราบอีกที ทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมๆกัน
ก็ดีเหมือนกันข้าจะได้สั่งการได้ทันท่วงที นั้นพวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ....
ครั้นหุ่นทั้งสองซึ่งบัดนี้จะนับว่าเป็นหุ่นก็ได้เป็นคนก็ได้
ด้วยวิชาที่เขาถ่ายเทให้นั้นมากมาย จนสามารถแปลงกายเป็นเขา แม้แต่นายเขาเอง
ยังไม่รู้ว่าคือหุ่นของเขา หมายถึงว่ามันร่ำเรียนวิชาได้คล่องแคล่วยิ่งนัก ชายหนุ่มนึก
ส่วนพวกมันคิดว่าต่อไปอาจจะได้เป็นคนบ้างอย่างเจ้าชบาและเจ้าแกละก็ดีเหมือนกัน
แต่มาคิดอีกทีก็เสียดายเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยคิดจนสับสนกัน
แต่ก็ยังเสียดายหากเป็นคนจะปฏิบัติได้ไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว
ยิ่งคิดไปคิดมา ก็คิดไม่ตกอย่างใดมันเสียดายทั้งสองทาง แล้วร่างมันก็หายลับไป....
เมื่อร่างทั้งสองหายไปแล้วชายหนุ่มก็มานั่งคิดวางแผนอนาคตต่อไป
พลางล้วงบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วอย่างใช้ความคิดต่างๆ พลางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ซึ่งบัดนี้มีแต่ดาวสว่างไสวระยิบระยับแพรวพราวไปทั่วด้วยเป็นข้างแรมแก่ๆ
ภาพจึงมองได้งดงามนักบางครั้งก็เห็นดาวตกอีกหลายๆดวง พลางนึกถึงตอนเป็นเด็กๆ
เขาและพ่อมักจะออกมามองท้องฟ้ายามเดือนมืดเสมอๆ
ในช่วงระยะเวลานี้ มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้น พลางใช้ความคิดไปต่างๆนาๆพลางๆ....
ทันใดนั้นเขาเห็นดาวที่สว่างไสวใหญ่สองดวงพลันล่วงตกเป็นทางยาวๆหล่นมา
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ พลันนึกได้ว่าที่เขากล่าวกับพ่อและแม่ว่าจะมีคนถึงฆาต
คงจะเป็นในคืนนี้กระมัง???....ก็นึกฉงนใจยิ่งนักจึงนึกถึงตำราสอนของหลวงพ่อได้
แต่มาคิดว่านี่ก็ดึกมากแล้วไม่อยากไปรบกวนพ่อและแม่ให้ท่านพักผ่อนสบายๆดีกว่า
ไว้พรุ่งนี้จะค่อยบอกท่าน แล้วก็เอามือมานั่งนับคำนวนตามตำราที่หลวงพ่อท่านสอน
ดูเห็นว่าคงจะไม่ผิดพลาดแน่แล้ว หันไปมองห้องเขาที่ยังมีแสงตะเกียงสาดส่องอยู่ซึ่งคิดว่า
พวกยังคงร่ำเรียนวิชากันอีก เขายกบุหรี่ขึ้นสูบไปพลางคิดเรื่องต่างๆอีกมากมายหลายๆอย่าง
ที่ต้องกระทำอีกมากนัก และนึกถึงเบื้องบนเคยกล่าวกับเขาพลางทอดถอนใจเฮือกใหญ่ๆ
นี่ก็คงจะใกล้ๆเวลาเสียแล้วซินะ ทั้งเขาจะได้น้องสาวน้องชายก็คราวนี้แหละ แต่ทว่าเขาอึ้งไป
พักหนึ่ง พลางคิดว่าช่างเถอะหากมีอะไรเกิดขึ้นก็ให้มันเกิดไปล้วนแล้วแต่บุญและกรรมเท่านั้น
ซึ่งมีน้องทั้งสองจะได้ช่วยพ่อแม่ได้เต็มที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงกังวลใจมากนักเรื่องพ่อและแม่
เขาเอง จะได้ไปทำงานเสียทีพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าดูความงดงามสดสวยในยามค่ำคืนที่ยัง
มีสายลมพัดเอื่อยๆต้องกายเขา อากาศหรือก็แสนจะชื่นใจด้วยใกล้กับภูเขาที่ค่อนข้างเย็นต่อไป....
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาเขาก็บริหารร่างกายตามปกติ ภายหลังกินอาหารเรียบร้อยแล้วก็พลัน
กล่าวกับพ่อแม่ว่า
พ่อครับแม่ครับ???....พ่อเดินทางไปหาเพื่อนพ่อได้แล้วทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ได้แล้วนะครับเอารถกะบะไปด้วย ที่ผมเคยกล่าวไว้บัดนี้ถึงเวลาแล้วล่ะครับ ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
อ้าวๆๆแล้วจะให้พ่อแม่ไปบ้านไหนล่ะลูก ????....พ่อแม่ถามด้วยความสงสัย
ก็บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่แจ่มที่มีลูกสาวและบ้านลูกบ้านติดๆกันชื่อฉลองที่มีลูกชายนั่นแหละครับ
ตอนนี้คงจะกำลังเสียใจอยู่ เพียงพ่อแย้มๆให้เขาฟังว่าไม่เป็นไรให้รีบนำมาแต่อย่าให้ใครๆ
ติดตามมา จะช่วยให้เด็กมันฟื้นขึ้นมาเท่านั้นนะพ่อ.... ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
ชายผู้เป็นพ่อและแม่ฟังก็สงสัยยิ่งนัก ทำไมลูกเรามันรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาแล้ว จึงถาม
ด้วยความสงสัยว่า???..... แล้วลูกรู้ได้อย่างไรกัน ก็ไหนบอกว่าสองอาทิตย์นี่มันเหลือเวลา
อีกตั้งสองวันพ่อแม่ยังไม่ได้ไปหาเขาเลยล่ะ....และพ่อเขาทั้งสองก็รู้ชื่อด้วย
ชายหนุ่มหัวร่อ ฮึๆๆๆๆแต่ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม นั่งเฉยๆพักหนึ่ง....
ลูกชายพลันเอ่ยขึ้นว่า.....เมื่อคืนนี้ผมนั่งดูดาวบนท้องฟ้าแล้วมาดูตามตำราหลวงพ่อท่านจึง
ทราบว่าถึงเวลาแล้วก่อนล่วงหน้าที่ผมคาดคะเนไว้ครับพ่อ...... ชายหนุ่มตอบ
แต่ว่าพ่อกับแม่ต้องไปเดี๋ยวนี้นะครับเดี๋ยวจะไม่ทันการเสียก่อนก็จะต้องคอยไปอีกนาน
ทีเดียวจ๊ะพ่อ ชายหนุ่มตอบ
พ่อเชียรแม่เข็มหันมามองหน้ากัน ต่างคิดว่านับวันลูกเรามันยิ่งเก่งกล้าแข็งไปเสียหมดแม้
แต่ดวงดาวในท้องฟ้ายังนำมาเทียบกับตำราของหลวงพ่อได้ คงจะไม่ผิดพลาดแน่ๆ จึงกล่าวว่า
ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ บ้านผู้ช่วยกับบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ห่างไกลมาก
สักเท่าไหร่ แต่อีกบ้านหนึ่งนะซิเขาจะยอมหรือ????....พ่อถามด้วยความสงสัย
พ่อกับแม่ก็ไปบอกตามผมว่าเถอะครับ เขาเกรงใจพ่อแม่อยู่แล้วและยิ่งบอกว่าจะทำให้ฟื้น
แล้วขอเขาว่าจะเอามาเลี้ยงเป็นลูกจะมอบสมบัติให้แก่เขาเท่านั้น ปัญหาอื่นๆก็หมดไปครับ...
อ้าวๆๆ....แล้วของเอ็งไม่ห่วงสมบัติของพ่อแม่หรือไงว๊ะ???.....ชายเป็นพ่อถาม
เรื่องสมบัติไม่ตายก็หาได้นี่ครับ พ่อก็รู้ว่าผมทำงานในตำแหน่งอะไรๆอยู่นี่นา จะมีเวลามาดู
ที่ดูทางได้อย่างไร อีกอย่างหากพ่อแม่แก่แล้วผมจะไม่มีเวลามาดูแลเสียด้วย งานผมไม่เหมือนงาน
คนอื่นๆนี่นา หากได้ชบาและเจ้าแกละก็เป็นลูกพ่อแม่เหมือนกันจะไปห่วงอะไรเพียงแค่เป็นคนดี
เสียอีกนะ มันจะได้ช่วยดูแลไม่ต้องไปให้คนอื่นเขามาดูแลแทน ไม่ดีหรือครับ .....ชายหนุ่มกล่าว
พอพ่อแม่พูดเท่านี้เพียงแค่เขาได้ยินพ่อกับแม่กล่าวเช่นนี้ เขาเองซ้ำจะดีใจมากไปเสียอีก....
แต่อย่าลืมนะห้ามนำใครๆมาร่วมเด็ดขาดนะนอกจากพ่อแม่และศพทั้งสองเท่านั้น ชายหนุ่มกล่าว
ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเวลาจะไม่ทันแล้วลูกต้องการอะไรอีกล่ะ???....พ่อแม่จะได้จัดการให้ ผู้พ่อเอ่ยขึ้น
ไม่หรอกจ้า เพียงจุดธูปบอกกล่าวกับร่างเขาว่าให้ไปเกิดได้แล้ว เพียงขอแค่ร่างกายไว้เท่านั้นเองวิญญาณ
เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงร่างเขา อีกอย่างเด็กทั้งสองก็นับถือพ่อแม่อยู่แล้วล่ะ
แต่ให้กล่าวในใจนะพ่อ อย่าส่งเสียงดังให้ใครได้ยิน ตอนนี้เขาคงจะถูกนำตัวไปพิจารณาแล้วล่ะ
ว่าจะให้ไปอยู่ที่ไหน คงเหลือแต่ร่างทิ้งไว้เท่านั้นเอง
หากชบาและเจ้าแกละคืนชีพก็คงจะจำไม่ได้ว่าร่างที่เขาได้อยู่เป็นคน พ่อแม่เดิมเขาเป็นใครกันก็เท่านั้น
หากพ่อแม่จะบอกก็ได้ แต่ผมคิดว่าชบาและเจ้าแกละมันคงจะไม่ไปหรอก พ่อรีบๆไปเถอะครับ
ด้วยความเชื่อถือความสามารถของลูกชาย พ่อเชียรและแม่เข็มก็รีบนำรถกะบะออกจากบ้าน
เดินทางไปตามที่ลูกชายบอกทันที.........
* แก้วประเสริฐ. *
27 พฤศจิกายน 2553 15:32 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๙
พอตอนหัวค่ำ สาวชบาและเจ้าจุกก็เข้ามาหาชายหนุ่มทันที
เมื่อเดินเข้ามาเพื่อทำตามคำสั่งนั้นพวกหล่อนแปลกใจที่เห็น ภายในห้อง
มีหญิงสาวที่สดสวยงดงามมากสองนางและยังมีชายหนุ่มรูปงามอีกสองคน
กำลังนั่งสนทนากันอยู่ ดังนั้นทั้งสองก็ชะงักร่างทันที
ชายหนุ่มแลเห็นเข้าก็กวักมือเรียกให้มานั่งลงข้างๆแล้วก็แนะนำว่า
นี่แม่นางอัปสรรัตนาวดี ที่นั่งเคียงข้างแม่นางนั้น คือนางอัปสรอ้อยสุดาวัลย์
หรือสาวอ้อยนั้นเอง พอเป็นนางอัปสรชื่อได้
ถูกเปลี่ยนไปเป็นสุดาวัลย์แต่แม่นางขอร้องผู้เป็นใหญ่ว่าขอเพิ่มคำว่าอ้อย
จะได้หรือไม่ ทางผู้ใหญ่เบื้องบนหัวร่อก็อนุโลม
ดังนั้นหล่อนจึงมีชื่อว่า อ้อยสุดาวัลย์ ส่วนนั่งตรงกันข้ามนางอัปสรทั้งสอง
คือด้านขวามือชื่อแสงสี ส่วนทางซ้ายมือชื่อสินชัย
ซึ่งทั้งหมดรู้จักกันหมดแล้วเพียงแต่ชื่อเท่านั้น เพียงแต่ไม่เคยได้สนทนากันเลย
พลันแม่นางอัปสรรัตนาวดีก็กล่าวขึ้นว่า นี่หรือที่จะทำให้คืนชีพ???.....
ชายหนุ่มก็บอกว่า ทั้งสองนี่แหละอีกสองอาทิตย์หน้านี้ ที่จะถึงแล้วล่ะ
ตอนนี้พี่จะให้มาฝึกสมาธิเพิ่มพลังงานไว้ขอให้ทั้งหมดช่วยเหลือพี่ด้วยนะ
แม่นางอ้อยสุดาวัลย์ เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยต่างกล่าวว่าไม่เป็นปัญหาหรอก
ดูลักษณะแล้วเห็นว่าเหมาะสมยิ่งจ้า แล้วพลางหันไปทางชายหนุ่มพลางหัวร่อขึ้นเบาๆ
อ้าวจะมาหัวร่อพี่อะไรเล่าๆ พวกเธอก็รู้ว่าพี่ต่อไปจะเป็นอย่างไรนี่นา???....
ชายหนุ่มเอ่ยกล่าว.......
ไม่มีอะไรหรอกพี่ ที่หัวร่อนั้นด้วยหญิงคนนี้งามนักเห็นว่า
เห็นทีจะเกิดการแก่งแย่งกันนะซินะ???...
เรื่องข้อนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกพี่จัดการได้จ้า ชายหนุ่มตอบ แก่แม่นางทันที
แต่เรื่องของน้องทั้งสองตกลงกันได้แล้วหรือยังล่ะจ๊ะ???.... พลางย้อนถาม
แม่นางทั้งสองก็พลันขวยเขินกล่าวเสียงเบาๆว่า พวกเราตกลงกันได้แล้วจ้าพี่....
แล้วบอกพี่ได้ไหมล่ะจ๊ะ???......ชายหนุ่มถามขึ้น
ไว้พี่จะรู้เองแหละจ้า.....พวกนางอัปสรตอบขึ้นพร้อมๆกัน
ชายหนุ่มก็รู้ทันใด พลางหัวร่อเบาๆว่า มาเถอะเรามาเริ่มการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ
ให้แก่ ชบาและเจ้าแกละกันดีกว่า เรื่องภายหน้าค่อยว่ากันนะน้อง
จ๊ะพี่.....หญิงสาวทั้งสองตอบแก่ชายหนุ่ม ส่วนเจ้าแสงสีเจ้าสินชัยต่างจ้องสาวชบา
ดังนั้นชายหนุ่มก็เรียก สาวชบาและเจ้าแกละมาอธิบายวิธีการฝึกสมาธิกำหนดลมหายใจ
คือลมหายใจเข้าออกว่าจะทำอย่างไรบ้างและจะไปวางลมไว้ที่แห่งใด
จนสาวชบาและเจ้าแกละเข้าใจ แม่นางอัปสรทั้งสองก็กล่าวว่าคงไม่นานหรอกจ๊ะพี่...
ชายหนุ่มกล่าวว่าให้ทำสมาธิก่อนแล้วจะสอนวิชาอาคมให้ด้วยการเรียนอาคมต้องใช้
สมาธิมากๆเสียด้วยซิ หากไม่ได้สมาธิจิตใจไม่เข้มแข็งพอแล้วถึงมีวิชาอาคมก็ทำอะไรไม่ได้
ตอนนี้จะให้แม่นางทั้งสองและเจ้าแสงสีและสินชัยคอยควบคุมการทำสมาธิให้ก็แล้วกันนะ
ส่วนฉันเองก็จะคอยควบคุมห่างๆไว้และจะคอยแนะนำให้ด้วย เรียนกับแม่นางอัปสรก่อน
แหละดีด้วยเป็นเทพ ส่วนเจ้าแสงสีและสินชัยนั้นฉันเองก็คิดจะทำให้คืนชีพเหมือนกัน แต่
ตอนนี้ต้องอาศัยใช้งานไปก่อนจนกว่าจะทำสำเร็จงานที่ตั้งใจไว้จ๊ะ ชายหนุ่มตอบ
ครั้นสาวชบาและเจ้าแกละก็ทำตามที่ชายหนุ่มแนะนำวิธีการทำสมาธิรายละเอียดต่างๆ
ส่วนแม่นางอัปสรทั้งสองและเจ้าหุ่นพยนต์นั้นก็คอยเฝ้ามอง และเตือนอยู่เสมอๆ
มิให้เอาจิตส่งไปออกจากนอกร่างตน จวบจนสาวชบาและเจ้าแกละนั่งฝึกอย่างสงบ
ไม่กระสับกระส่ายดั่งตอนแรก ก็ค่อยเบาใจ
ส่วนชายหนุ่มก็นั่งเฝ้ามองการกระทำของครูผู้ฝึกทั้งสี่อยู่ แล้วเขาก็เข้าสมาธิไปด้วย
เพื่อติดตามจิตของชบาและเจ้าแกละ ก็ทราบด้วยกระแสจิตคอยติดตามกระแสจิต
ของสาวชบาและเจ้าแกละอยู่เสมอคอยเตือนมิให้ออกนอกลู่นอกทางเสียตามนิมิตเกิด
ผู้ที่ฝึกสมาธินั้นเมื่อจิตรวมตัวกันแล้วก็มักจะเกิดนิมิตต่างๆขึ้นหลายๆรูปแบบ
ด้วยเป็นเพียงแค่อุปาทานจะคอยมารบกวน แต่บางคนก็เกิดบางคนก็ไม่เกิดด้วย
การฝึกฝนสะสมมาจากปางก่อนไว้ จิตมันจะย่อมรับรู้เองว่าอะไรคืออะไรกัน
อันที่จริงหาใช่ของที่แท้จริงใดๆไม่ ก็เข้าไปในจิตแจ้งเหตุให้สาวชบาและเจ้าแกละ
รู้อย่าไปสนใจว่านั่นเป็นสิ่งไม่ใช่เรื่องจริงเกิดจากจิตใต้สำนึกของตนเอง
ที่สร้างสะสมไว้เท่านั้น หรือมีสิ่งที่คอยจะรบกวนมิให้เกิดสมาธิได้ แม้จะได้ยินเสียงอะไร
ที่ดังมาจากข้างนอกก็ตาม อย่าไปสนใจทั้งสิ้น
ให้ปล่อยวางเสียอย่าไปสนใจให้กำหนดใจเพียงแค่ลมหายใจเราเท่านั้นวางไว้ที่อยู่ของมัน
หากมันเกิดขึ้นให้ถือว่าเป็นแค่อุปาทานอย่าไปยึดติดกับมันจะทำให้สมาธิเสียไป
เขาบอกสาวชบากับเจ้าแกละทางจิต จนทั้งสองต่างรู้แล้วทำตามจิต
ที่เขาสั่งต่างก็วางเฉยต่ออุปาทาน ไม่ช้าอุปาทานเหล่านี้ก็หายไปหมดสิ้นแม้แต่เสียงต่างๆ
แม้มันจะสับเปลี่ยนวนเวียนกันอย่างไร บ้างเห็นสวรรค์ บ้างเห็นผี บ้างก็
เห็นเป็นญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วทนทุกข์ทรมานล้วนแล้วต่างๆนาๆประการทั้งสิ้น
พวกหล่อนก็ไม่สนใจจนจิตเริ่มเข้าสู่ขั้นสมาธิรวมตัวกันขึ้นได้แล้ว
ชายหนุ่มก็แนะนำว่านี่จิตนั้นอยู่ขั้นไหนแล้ว เหตุที่นางสาวชบา
และเจ้าแกละเป็นผี ซึ่งต่างก็มีอิทธิฤทธิ์ในตัวอยู่แล้วแต่พลังงานยังไม่มากพอ
เท่านั้น เมื่อได้รับการแนะนำพลังของจิตก็เริ่มกล้าแข็งขึ้นตามลำดับๆ
และแล้วชายหนุ่มหันไปมองรอบตัวก็เห็นจิตของทั้งสี่ก็คอยควบคุมดูแลอยู่ด้วย
จึงถอนตัวออกจากสมาธิ แล้วเขาก็ปล่อยให้ทั้งสี่ช่วยดำเนินการต่อไป
แล้วก้าวออกจากห้องไปพักผ่อนนั่งยังชานเรือนใกล้ๆกับบันไดบ้านพลาง
ใช้ความคิดในเรื่องการทำงานของเขาเกี่ยวกับประชาชนทางด้านแถบนี้
ที่ยังมีการทำผิดกฏหมายอยู่อีกมากนักจึงคิดว่าจะวางแผนดำเนินการ
ต่อไปอย่างไรดีที่จะปราบปรามให้สิ้นซากต่อไป......
ด้วยเขารู้จากสายสืบและเจ้าแสงสีสินชัยที่ให้ไปคอยติดตามอยู่เห็นว่า
จะต้องดำเนินการไปพร้อมๆกัน มิฉะนั้นงานก็จะติดขัดกันเอง
จึงจำเป็นต้องกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเสียแล้ว ปล่อยช้าไม่ได้ผู้ใหญ่จะว่าเอา
เมื่อเขาคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็เดินเข้าไปในห้องยังเห็นสาวชบากับเจ้าแกละ
กำลังเพลิดเพลินกับการนั่งสมาธิอยู่
จึงเดินไปยังเป๋ล้วงหยิบกระดาษและปากกาเดินออกจากนอกห้องมายังตะเกียง
อาศัยแสงสว่าง เขียนร่างหนังสือขึ้นคิดว่าจะให้เจ้าทั้งสอง
เดินทางเข้ากรุงเทพอีกครั้งเพื่อยื่นให้แก่ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงสุดทันที
เมื่อเขาร่างหนังสือเสร็จก็นำเข้าซองปิดผนึกพร้อมทั้งลงลายเซ็นต์รหัสโค๊ต
คาบเกี่ยวกับรอยต่อของซองไว้ทันทีเพื่อคอยรอโอกาสต่อไป......
พลางส่งกระแสจิตเรียกเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยให้ออกมาพบ เขา
เพื่อจะใช้งาน ก็เห็นร่างของเจ้าสินชัยและเจ้าแสงสีเดินออกมานอกห้อง
เขากวักมือเรียกแล้วยื่นหนังสือให้พลางกล่าวว่า.......
เอ็งรีบเดินทางไปเดี๋ยวนี้เลยนะเดินทางเข้ากรุงเทพ ด้วยฌานของเอ็ง
ก็จะรู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว และก็ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเอ็งได้อีกด้วย
ดูตามจ่าหน้าก็แล้วกันว่าให้แก่ใครๆ ให้ไปส่งให้ถึงมือเขาแต่อย่าให้ใครเห็นนะ
โดยแฝงกายไปอย่าให้ใครเห็น แล้วเอ็งจงไปในรูปร่างของข้า ที่เอ็งเคยทำมานั้น
แต่ไม่ต้องกล่าวอะไรมากนัก หากท่านสอบถามมา ถึงจะตอบ
ก็รายงานซึ่งเอ็งก็รู้อยู่แล้วว่าควรจะทำอย่างไรบ้าง.....
ครั้นแล้วเจ้าแสงสีและสินชัยต่างเพ่งไปยังซองจดหมายก็รู้เหตุทั้งหมด
ดังนั้นจึงกล่าวว่า.....นายไม่ต้องห่วงอะไรหรอกพวกข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยล่ะ
ว่าแล้วร่างของมันก็ค่อยๆจางๆหายลับไป
เมื่อชายหนุ่มให้หุ่นทั้งสองไปทำงานให้แก่เขาเรียบร้อยแล้ว จึงหยิบบุหรี่
ออกมานั่งสูบเพื่อรอเวลา ที่แม่นางอัปสรทั้งสองคอยดูแลสาวชบาและ
เจ้าแกละอยู่ เขามองเข้าไปข้างในห้องก็ทราบด้วยอำนาจจิตทันทีว่า บัดนี้
สาวชบาและเจ้าแกละนั้นเข้าถึงฌานขั้นเอกัตตคัตตะแล้ว จิตยังรวมตัว
กันที่นั่น ด้วยจิตนิ่งสงบมากกำลังเกิดปัญญาด้วยอำนาจของจิตทั้งสองอยู่
ต่างสอบถามความรู้ซึ่งกันและกัน อันนี้เนื่องมาจากจิตถามเจตสิก แล้วทาง
เจตสิกก็ตอบจิตอยู่ ต่างทบทวนกันและกัน เพื่อย่างก้าวขึ้นไปสู่ฌานขั้นสูง
ต่อไป ก็ทราบว่านางเทพอัปสรทั้งสองก็เรียกให้สาวชบาและเจ้าแกละกลับ
คืนมาสู่ปกติทันที และกำลังสอนวิชาต่างๆให้แก่สาวชบาและเจ้าแกละพร้อม
กับอบรมศีลธรรมจรรยาบรรณต่างๆอยู่ จึงไม่เข้าไปรบกวนนางอัปสรทั้งสอง
ครั้นได้เวลาสมควรอันเหมาะสมแล้ว เขาก็เดินเข้าห้องไปพร้อมกับยิ้มไปด้วย
พลางกล่าวว่าคืนนี้พอแค่นี้ก่อนนะ สาวชบาและเจ้าแกละจะพักในห้องนี้ก็ได้
หรือว่าจะกลับไปห้องแม่ก็ได้นะ
สาวชบาและเจ้าแกละตอบว่า ขออยู่ในห้องนี้เถอะแม่เข็มนั้นกำลังพักผ่อน
อยู่และ ก็กำลังสนใจเรื่องวิชาอาคมที่พี่อัปสรทั้งสองสอนอยู่ จึงอยากจะใคร่
สนทนากันอีกต่อไป ส่วนพี่จะไปพักผ่อนก็ได้นะ แล้วหันไปยกมือไหว้นาง
อัปสรทั้งสองทันที พลางกล่าวขอบคุณและขอความกรุณาแนะนำให้อีกด้วย
เวลากลางคืนนั้นหนูไม่ค่อยได้พักผ่อนกันหรอกจ้าพี่......ทั้งสองตอบ
ถ้าอย่างนั้นตามสบายเลยนะ พี่จะขอพักผ่อนหน่อยด้วยเป็นมนุษย์ย่อมจะ
ต้องพักผ่อนหลับนอน ทั้งสี่คุยกันต่อไปเถอะนะพี่ไปพักก่อนก่อนล่ะ...
พลางมองไปยังมุ้งที่นางอัปสรจัดไว้ให้เรียบร้อย เขาเข้าไปกราบพระพุทธ
กล่าวบูชาพระรัตนตรัยเสร็จ ก็เปิดมุ้งเข้าไปนอนทันที ปล่อยให้ทั้งสี่สนทนากัน
คงจะเป็นการสอนวิชาอาคมต่างๆให้แก่สาวชบาและเจ้าแกละก่อนจะคืนชีพ....
ในระหว่างที่การฝึกสมาธิและสอนวิชากับสาวชบาและเจ้าแกละอยู่นั้นและ
ชายหนุ่มเข้าไปหลับนอนแล้ว
สาวแม่อัปสรทั้งสองก็เริ่มสาธยายแก่สาวชบาและเจ้าแกละซึ่งกำลังได้รับ
การอบรมสั่งสอนในเรื่องการบ้านการเรือนตลอดจนวิชาการต่างๆ
ทั้งทางด้านอาคมในการใช้ป้องกันตัวเองยามมีภัยจะได้ช่วยเหลือตนเอง
ทั้งยังสามารถสร้างหุ่นพยนต์มาใช้งานให้อีกด้วย ตลอดจนแฝงร่างเพื่อคืนชีพต่อไป
ส่วนทางหมู่บ้านบางกระดี่ นั้น เหล่าพวกกำนันแถบนั้นกำลังนั่งประชุมกันอยู่
มีกำนันมั่นแห่งบ้านบางกระดี่ กำนันหวนหมู่บ้านบางโค กำนันใช้หมู่บ้านโคกยายหอย
กำนันแช่มหมู่บ้านเนินสูง และกำนันก้วนหมู่บ้านบึงห้วย ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันถึง
เรื่องโรงพักต่างๆที่เคยรับเงินของพวกเขาและจ่าตลอดจนนายตำรวจบางนายนั้น
ได้ถูกย้ายไปอย่างกระทันหัน สงสัยว่าจะต้องมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกแน่นอน
ด้านกำนันมั่นกล่าวว่า ให้กำนันบ้านบึงห้วยระวังตัวไว้ด้วย เสี่ยหว่างจะขนไม้มา
จากพม่าลาว คราวก่อนขึ้นทางเหนือนั้น แต่ถูกจับกุมเข้มงวดขึ้นเลยแอบล่องมาขึ้น
ทางบ้านบึงห้วยเพราะอยู่ใกล้ริมแม่น้ำโขง แล้วกำนันก้วนจะทำอย่างไรหรือ ด้วย
ตอนนี้อยู่ในระหว่างอันตรายเสียด้วย
ทางกำนันก้วนกล่าวตอบสงสัยว่าจะขอให้ทางเสี่ยหว่างระงับการขนย้ายด้วยคน
ทางบ้านผมก็ไม่ค่อยจะมีคนด้วยหมู่บ้านมีแค่ร้อยกว่าหลังคาเรือนส่วนใหญ่เป็นคนแก่ๆ
เกือบทั้งนั้น ส่วนคนหนุ่มบ้างก็ร่วมบ้างก็ไม่ร่วมจึงมีคนไม่มากนัก อาศัยได้คนของกำนัน
มั่นและกำนันพวกเราเท่านั้นเองแหละ และระยะนี้ก็อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงอยู่
หากดำเนินการเห็นว่าจะเสียที ได้ข่าวว่าพวกตำรวจที่จะมานั้นถูกคัดเลือกมาโดยเฉพาะ
และเป็นคนมีฝีมือทั้งสิ้น และเข้ารายงานตัวกันแล้วตามโรงพักต่างๆทั้งหน้าโรงพักและ
บรรดาตำรวจที่ถูกย้ายไป ส่วนโรงพักในเมืองก็เพิ่มขึ้นอีกมากกว่าเก่าเสียอีก
ส่วนด้านกำนันแช่มก็แจ้งว่าทางบ้านข้าก็เหมือนกันแหละคนยังน้อยกว่ากำนันก้วนเสียอีก
เสี่ยเม้งก็มาติดต่อผ่านกำนันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะให้รับของอีกงวดหนึ่งแต่ข้าว่าอย่าพึ่งดีกว่านะ
ใช่แล้วแต่ข้าเองก็บอกว่าอย่าพึ่งทำเลยระยะนี้ ก่อนนี้ก็เสียคนไปตั้งเยอะแยะถูกจับกุมไป
ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ทางตำรวจทางโน้นแจ้งว่าไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหนหมดไม่ได้
ร่องรอยอะไรเลยล่ะ กำนันมั่นตอบ
นั่นซิคนของข้างานที่แล้วก็ตายหมดจะเหลือถูกจับกุมไว้หรือไม่ก็ไม่รู้นะกำนันบางโคตอบ
ของข้าก็เหมือนกันกำนันหมู่บ้านโคกยายหอยก็ตอบคนข้าก็เหลือมาแค่สองคนเท่านั้น ไอ้ช้วน
มันบอกว่าพวกที่เข้าจับกุมล้วนแต่ปืนทันสมัยทั้งนั้นแหละยิงแต่ละครั้งเป็นร้อยๆนัดเลยล่ะ
งั้นพวกเราควรจะหยุดการทำงานสักระยะหนึ่งก่อนมิดีหรือ กำนันมั่นคอยเพียงให้ทุเลากว่านี้
ข้าก็คิดเหมือนเอ็งแหละว๊ะ....แต่ไม่รู้ว่าเสี่ยเม้งกับเสี่ยหว่างมันจะว่าอย่างไร???... ส่วนเสี่ยเม้ง
นั้นพอจะพูดรู้เรื่อง แต่รายเสี่ยหว่างซิของมันมาแล้ว แล้วจะหาคนไปช่วยกันอย่างไร ไอ้พวกยา
นั้นก็พอทำเนาขนง่าย ส่วนไม้ซิมันใหญ่ไม่ใช่เล่นนี่นา กำนันมั่นรำพึงให้พวกๆฟัง
ถ้างั้นกำนันมั่นก็ไปบอกเสี่ยหว่างซิว่า หากจะทำงานก็ให้พวกเสี่ยหว่างส่งคนมาทำเองก็แล้วกัน
ส่วนพวกของข้าจะคอยนำทางให้ คนก็ไม่ค่อยจะมีอีกด้วย กำนันก้วนกล่าวขึ้น
เออๆๆๆข้าเองก็ไม่ค่อยไว้ใจเหมือนกันคนของข้าก็ตาย ไอ้แม้นลูกข้าและพวกมันก็เหลือรอดไม่
กี่คนเองแหละ ตอนนี้ก็กำลังเจ็บยังไม่หายเลยว๊ะ ล้วนแล้วแต่ถูกกันมากๆเสียด้วย
ส่วนขาลูกชายข้าเองก็ยังเข้าเฝือกอยู่เลย ไว้วันพรุ่งนี้เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเสียแล้ว
ต้องไปเจรจากับเสี่ยเม้งกับเสี่ยหว่างเสียแล้วล่ะว๊ะ.....กำนันมั่นตอบ
ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี ขอให้กำนันรีบๆหน่อยนะแล้วให้คนมาแจ้งให้พวกข้าด้วยก็แล้วกัน เหล่า
พวกกำนันทั้งหลายกล่าว......................
* แก้วประเสริฐ. *