28 กุมภาพันธ์ 2552 15:18 น.
แก้วประเสริฐ
** คำที่เคยกล่าว **
ใช่นะซิ ?....สิ่งที่กล่าวไว้ให้ฟังมาดแม้นว่าจะเป็นคำกล่าวที่ล้อเล่นหรือจริงเพียงใดฉันเองก็ไม่รู้ แต่สำหรับ
คนอัปลักษณ์เช่นฉันนั้นย่อมหมายถึงความเป็นจริงที่ฝังแน่นในใจเสมอ พ่อแม่เคยสอนไว้ว่าคนเราถึงแม้ว่า
จะยากดีมีจนเพียงใดก็ให้มี “สัจจะ” อย่าเป็นคนกล่าวพล่อยๆเพียงแค่ลมปากเท่านั้น คำๆนี้ฉันยึดมั่นเสมอมา
และยิ่งงานที่ทำมาหากินถึงแม้ว่าจะไม่ร่ำรวยนัก แต่ก็ไม่ถึงกับยากจนเพราะการต่อสู้กับชีวิตที่ได้รับการ
ถ่ายทอดมาทำให้เกิดพลังการต่อสู้ดิ้นรนไขว่คว้าทำให้ไม่ถึงกับยากจนนัก แต่กับคำๆนี้ทำไมมันฝังลึกลงใน
ห้วงแห่งความจำเสมอมา ถึงแม้ว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่เหมาะสมทั้งร่างกายและฐานะความเป็นอยู่ก็ตามที สำหรับ
คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรแต่กับฉันนั้นมันช่างจริงจังเสมอ
วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสอากาศร้อนอบอ้าวแม้นว่าจะบ้านจะอยู่ในดงต้นไม้ที่สูงและเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์
ก็ตามหรือว่ามันจะออกมาจากข้างในเสียมากกว่าทำให้รำลึกถึงคำๆนี้ขึ้นมา
“ฉันจะรักเธอเสมอ” นี่คือถ้อยคำที่ก้องหูตลอดเวลาแม้แต่การทำงานก็ตามที เราเคยพบกันคุยกันอย่างสนุกสนาน
เพลิดเพลิน บางครั้งเป็นกลางวัน บางครั้งเป็นกลางคืนเดือนแจ่มฟ้าภายใต้ต้นไม้แม้แต่คืนเดือนมืดจ้องมองดาว
ต่างๆ และชี้ชวนดูดาวตก ฉันเคยกล่าวว่าเธอและฉันคงจะไม่เหมือนอย่างดาวตกนะ เสียงหัวเราะเบาๆว่า
“เมธาเห็นคนอย่างรัตน์เป็นคนอย่างไรหรือ ฉันไม่เคยกล่าวคำๆนี้แก่ใครนอกจากเธอคนเดียวจ๊ะ” ฉันหัวร่อ
“แหมหยอกล้อเล่นเท่านั้นแหละ เมธรักใครรักจริงนะจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเด็ดขาดจึงหยอกเย้าเท่านั้น”
“เราเชื่อใจรัตน์เสมอ เคยเห็นบ้างไหมที่เมธเคยไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวอื่นบ้าง” เธอหัวร่อพลางหยิกที่ต้นแขน
“ก็เพราะอย่างนี้ซิ รัตน์ถึงมอบความรักให้เมธ ถึงจะมีคนอื่นรูปร่างหล่อกว่าเมธรัตน์ก็ไม่สนใจเพราะเชื่อมั่นว่า
คงจะไม่เหมือนคนบางคนที่มีรูปร่างงดงามแต่ใจนั้นปากอย่างใจอย่าง บอกรักคนนี้แต่ไปจีบคนโน้น แต่สำหรับ
เมธฉันมองถึงแม้ว่าจะไม่หล่อเหลาแต่ขยันทำมาหากินและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครๆเลย ในงานวัดหรือก็เดินเที่ยว
คนเดียว ฉันขายของอยู่ยังชื่นชมเมธว่าสมเป็นชายที่ดีจริงๆจ๊ะ” เธอกล่าว
“ ก็เมธเจียมเนื้อเจียมตัวนี่นาด้วยรูปร่างที่ไม่งาม อัปลักษณ์ด้วยใครเล่าจะมาใสใจ นี่ สาธุๆๆ...ถือเป็นบุญหนึ่ง
ที่เมธได้รับคือรับความไว้วางใจจากรัตน์ เมธเองก็รักรัตน์ตั้งแต่มองเห็นครั้งแรกช่างถูกใจเพียงแต่ไม่กล้าเข้าไป
ยุ่งเกี่ยวเท่านั้นเอง แต่คงเป็นวาสนานะที่ได้รับความสนใจจากเธอ” พลางหัวร่อเบาๆ ดูๆซินั่นดาวตกอีกดวงแล้ว
เราสองต่างชี้ชวนกันดูประกายดาวบนท้องฟ้า ยามเดือนมืดความงดงามบนท้องฟ้าช่างแตกต่างกับยามมีจันทร์
โดยสิ้นเชิง บางดวงกระพริบ บางดวงเพียงแค่ส่งประกายเฉยๆ บางดวงเรียงรายเป็นรูปสัตว์ต่างๆ บางกลุ่มเรียง
เหมือนคันไถ ดวงไหนที่ใหญ่จะกระพริบส่งประกายสดใสระยิบระยับ เราสองต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ
นาๆและนานทีจะเพียงแค่กอดคอบ้าง เอวบ้างแต่ก็เพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น หาได้ล่วงเกินไปกว่านี้ไม่เพราะฉัน
คิดว่าหากเราสองได้แต่งงานกันทุกๆสิ่งย่อมพร้อมเสมอ ฉันให้เกียรติแก่เธอเสมอฝันถึงอนาคตว่าหากมีลูกเต้า
ช่วยแบ่งเบาภาระบ้างก็จะดี ฉันคิดไปไกลเพราะความเชื่อมั่นด้วยได้รับการสั่งสอนมาอย่างนี้จึงได้มอบทุกๆสิ่ง
ทุกๆอย่างแก่เธอจนหมดสิ้น พอได้เวลาอันสมควรฉันจะไปส่งเธอที่บ้านพ่อแม่เธอก็ไม่ว่าอะไรเพราะเราต่างมี
ฐานะใกล้เคียงกันอีกอย่างหนึ่งฉันเป็นคนสู้งานไม่ย่อท้อและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครๆ จึงได้รับความไว้วางใจจาก
พ่อแม่เธอ บางครั้งฉันก็ไปช่วยงานบ้านเธอโดยไม่หวังสิ่งใด คงจะเป็นด้วยความซื่อสัตย์สุจริตใจของฉันนั่นเอง
จึงได้รับการต้อนรับโดยไม่รังเกียจเดียดฉันท์จากพ่อแม่เธอตลอดมา แม้ว่าบางครั้งเราจะกลับค่ำๆดึกๆก็ตามที
ใช่อีกนะซิ?.....วันเวลาย่อมเปลี่ยนแปลงไปไม่คอยใครมันจะเดินไปอย่างสม่ำเสมอแม้จะหมุนเวียนบ้างแต่
ก็เที่ยงตรงเสมอมา จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีผ่านไปๆ เหมือนความหวังของฉันที่ตั้งความหวังไว้สูงมาก
แต่ก็ต้องพังทลายลงมาอย่างไม่คาดคิด ความสวยของรัตน์หรือรัตนานั้นเป็นที่เลืองลือเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน
ย่อมไม่พ้นจากหนุ่มๆทั้งหลายที่เฝ้าหมายปองเธอไม่เว้นแม้แต่ลูกกำนัน จะด้วยอำนาจบารมีของพ่อกำนันนั่นเอง
จึงทำให้ฉันต้องพบแต่ความผิดหวังอย่างคิดไม่ถึง พ่อแม่หล่อนถูกกำนันบังคับขู่เข็ญเกี่ยวกับลูกสาวทำให้เราต้อง
แยกทางจากกัน อำนาจในชนบทย่อมแตกต่างกับในเมืองโดยสิ้นเชิงทุกๆอย่างตกอยู่ภายใต้การปกครองของ
กำนันหมดสิ้น หากใครทานอำนาจนั้นส่วนมากไม่พบแต่สิ่งที่ดีๆจุดจบนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เว้นเสียจากหนี
ออกจากหมู่บ้านนั้นแหละ แต่นี่การอยู่ของคนในพื้นที่ที่ปักหลักมั่นคงลงรากฐานไว้นมนานกาเลแล้วย่อมต้อง
ไม่คิดจะจากไปเช่นเดียวกับพ่อแม่ของรัตน์เช่นเดียวกัน กำนันส่งคนมาสู่ขอรัตน์ให้ลูกชายตอนแรกพ่อแม่หล่อน
ปฏิเสธว่าตามใจเด็กมัน แต่ทว่ากำนันไม่ยอมใช้อำนาจข่มขู่พ่อแม่รัตน์ตลอดเวลา ไม่นานนักพ่อของรัตน์ก็ต้องพบ
จุดจบอย่างไม่ทราบสาเหตุในไร่นา ทางการไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ด้วยเกรงใจกำนันว่าเป็นอุบัติเหตุเกิดขึ้น
เรื่องก็จบลง ต่อมาไม่นานนักแม่ของรัตน์ก็ต้องยินยอมจำใจต้องมอบเมื่อได้รับการทาบทามสู่ขออีกครั้งหนึ่งเพราะ
กลัวภัยภยันตรายเกิดขึ้นอีก ทั้งๆที่รู้ว่าลูกชายของกำนันก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากพ่อเท่าไหร่ แม้แต่ตัวฉันเองก็ยัง
ถูกข่มขู่แต่ฉันไม่สนเพราะกิติศัพท์ว่าฉันเป็นคนไม่กลัวคนแม้เคยเกิดการต่อสู้หลายๆคนรุมแต่ก็ไม่อาจต้านทาน
เอาฉันลงได้ แม้แต่กำนันเองก็รู้แก่ใจฉันจึงรอดปลอดภัยตลอดมา แต่นี่เป็นเรื่องของฉันก็จริงแต่เรื่องแบบนี้เป็น
เรื่องภายในครอบครัวของรัตน์ที่จะตกลงกันเอง ฉันเคยคิดเหมือนกันว่าจะพารัตน์หนีไปเสียให้ไกลๆแต่ความเป็น
ห่วงพ่อแม่เบื้องหลังจะได้รับการคุกคามจากกำนัน ฉันถึงได้แต่รับฟังเท่านั้นแม้ใจฉันจะแตกสลายก็ตามทีหากแต่
ความกตัญญูมีมากกว่าจึงต้องเงียบถึงแม้ว่าฉันจะมีพวกพ้องบ้างที่เข้าใจเห็นใจฉัน หากฉันเอาแต่ใจตัวเองฉันก็ต้อง
เป็นโจรไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้มิได้อยู่ในความคิดฉันยังเคารพกฎหมายบ้านเมืองอยู่ เพื่อนๆบางคนบอกฉันว่าทำลายงาน
มันเสียเลยฉุดท่ามกลางงานเลยฉีกหน้ากำนันแล้วไปที่อื่นเอาไหม ฉันเองได้แต่ขอบใจในความหวังดีของเพื่อนที่
รักฉันจริงเขาพร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือฉัน หากปราศจากพ่อแม่ที่แก่เฒ่าที่ต้องรับการช่วยเหลือจากฉัน ป่านฉะนี้
ฉันคงทำตามใจพร้อมพวกพ้องแล้ว วาสนาฉันและเธอคงจบเพียงเท่านี้ฉันคิดคนเดียวยามที่อยู่ใต้ต้นไม้ซึ่งมีเรา
ทั้งสองเคยนั่งคุยหาความสุขกัน ฉันนั่งเหม่อมองจันทร์บ้างดาวบ้างท้องทุ่งที่กำลังเขียวขจีไหวพลิ้วแต่ใจฉันซิมัน
เปล่าเปลี่ยวหงอยเหงาเสียสิ้นดี ฉันหมกตัวอยู่แต่ในบ้านจนกระทั่งงานแต่งงานของรัตน์ผ่านไป ทั้งๆที่รู้ว่ารัตน์นั้น
มิได้รักลูกชายกำนันแม้แต่เพียงนิดเดียวแต่หากเป็นเพราะความจำเป็นและภัยจะตกถึงแม่จึงทำให้หล่อนต้องเสีย
สละทดแทนพระคุณ ก่อนจะถึงวันแต่งงานฉันได้พบกับเธอที่เก่าเวลาเดิม เธอกล่าวกับฉันว่าฝากแม่ให้แก่ฉัน
ด้วยนะรัตน์จะจากไปแล้ว คำพูดคำนี้ยังก้องอยู่ในหูฉันตลอดมา
“พี่เมธ รัตน์ฝากแม่รัตน์ด้วยนะ” หล่อนกล่าวด้วยน้ำตา ฉันรู้ทันทีว่ารัตน์จะคิดอย่างไรรีบห้ามปรามทันทีว่า
“พี่ขอร้องเถอะรัตน์ ยังไงๆก็คิดถึงแม่บ้างนะ พี่เองรู้ดีว่ารัตน์รักพี่และไม่เปลี่ยนใจแต่การที่คิดกระทำพี่รู้ว่า
รัตน์จะทำอะไร แต่ช่างเถอะถือว่าเป็นเวรกรรมก็แล้วกันนะ แต่ขอบอกว่าถึงอย่างไรพี่ก็ยังรักรัตน์มั่นคงเสมอ
หากรัตน์แต่งงานไปพี่เองก็จะขอให้สัญญาว่าจะไม่ขอเกี่ยวข้องกับหญิงใดๆทั้งสิ้น จงจำคำพี่ไว้นะ”
หล่อนยิ้มให้หรือว่าบางทีหล่อนอาจจะคิดได้ และพลางกล่าวกับฉันว่า
“พี่ๆๆคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วนะที่เราจะเจอกัน รัตน์จะมอบทุกๆสิ่งทุกๆอย่างให้พี่จนหมดสำหรับพี่คนเดียว”
หล่อนกล่าวพลางก้มหน้าอย่างขวยเขิน ฉันทราบความหมายว่าหล่อนหมายถึงอะไร พลางดึงหล่อนเข้ามากอดซึ่ง
หล่อนก็ยอมพร้อมทั้งบรรจงหอมแก้มทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา พลางเอ๋ยว่า
“รัตน์จงจำคำพี่ไว้นะว่า พี่รักรัตน์คนเดียวพี่จะคอยถึงจะแก่เฒ่าอย่างไรพี่ก็จะคอยรัตน์เสมอ แต่นี่คงเป็นกรรม
เก่าของเราทั้งสองจึงต้องมีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้น “ ฉันกล่าวพร้อมกระชับกอดหล่อนแน่นทั้งๆที่ไม่เคยมาก่อนเลยตั้งแต่
คบกันมานับนานปี อย่างไรรัตน์ก็คิดถึงแม่ให้มากๆนะจ๊ะพี่จะไปช่วยดูแลแม่รัตน์ให้ไม่ต้องห่วงหรอกจ้า
หล่อนเงยหน้ายิ้ม พลางกล่าวขอบใจหล่อนเชื่อคำพูดของฉันเพราะตั้งแต่คบกันมาฉันไม่เคยจะมดเท็จเลยสักคำ
“พี่เองรู้ว่ารัตน์จะทำอย่างไรกับตัวเอง แต่พี่ขอร้องเถอะอย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด หากยังรักพี่ พี่จะคอย”
“รัตน์รู้ว่าพี่ต้องเข้าใจ ใจของรัตน์ดี”
“เอาเถอะพี่รัตน์เชื่อคำพูดของพี่เสมอ เพราะพี่เป็นคนมี “สัจจะวาจา” พูดคำไหน
เป็นคำนั้นเสมอมาหลายปีแล้ว ถือว่าเป็นเวรกรรมของรัตน์เอง”
“พี่ขอบใจรัตน์มากที่เข้าใจเชื่อฟังพี่ สิ่งที่รัตน์จะมอบให้แก่พี่นั้นยิ่งใหญ่มากนัก พี่เองเป็นลูกผู้ชายพอถึงคราว
เสียก็ควรจะเสีย ถึงคราวได้ก็ควรจะได้ แต่พี่มั่นในสังหรณ์ใจของพี่ว่าสักวันหนึ่งเราคงจะได้อยู่ร่วมกัน เพื่อเชื่อใจ
รัตน์และยึดมั่นในศีลธรรมเสมอมาจ้า พี่รับได้เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“ความรักมิใช่เกิดจากความใคร่” รัตน์จงจำไว้ “
“ความรักเกิดจากความจริงใจ เข้าใจ ซึ้งใจ เห็นใจซึ่งใจกันและกัน”
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ให้มันเกิด หากใจเรายึดมั่นถือมั่นต่อความรัก จะได้หรือไม่ได้หาใช่เหตุสำคัญยิ่ง การได้มา
ซึ่งปราศจากความรักอันแท้จริงก็ไร้ประโยชน์จ๊ะ ความรักต้องพร้อมเสมอที่จะให้อภัยกันและกันเข้าใจซึ่งกันและ
กัน พี่เองถึงจะไม่ได้รัตน์ทางกายแต่พี่ดีใจยิ่งนักที่ได้รัตน์มาทางใจ มันยิ่งใหญ่เหลือเกินมันยิ่งใหญ่มากกว่าทาง
กายจ๊ะรัตน์ หล่อนซบหน้าบนบ่าฉันร้องไห้กระซิกๆ
“ไม่ต้องร้องไห้หรอกจ๊ะกายคือสิ่งภายนอกย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ส่วนใจนั้นคือสิ่งภายในเป็น
อมตะ หากมั่นคงย่อมยากนักจะมาเปลี่ยนแปลงไปได้จ้า พี่เองได้ใจของรัตน์มามันใหญ่หลวงนักยิ่งกว่าทางกาย
เสียอีกจ้า พี่รักรัตน์เสมอต้นเสมอปลายเสมอๆ”
หล่อนเงยหน้ายิ้มเหมือนจะทำใจได้เมื่อได้ฟังคำพูดของฉัน พร้อมทั้งกอดฉันไว้แน่น
“รัตน์เชื่อพี่และให้คำมั่นสัญญาว่า รัตน์จะรักพี่ด้วยใจไม่มีวันเปลี่ยนแปลงพี่ก็รอรัตน์ด้วยนะ” หล่อนกล่าว
“จ๊ะพี่จะรอรัตน์เสมอ และก็สัญญาด้วยว่าไม่ต้องห่วงว่าพี่จะมอบใจรักนี้ให้แก่ใครอีก ถึงแม้ว่าจะต้องอยู่
อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายก็ตามที”
งานแต่งงานผ่านไปไม่นานนักก็เกิดการเปลี่ยนแปลงย่อมผันแปรเสมอไม่เที่ยงแท้แน่นอนทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง
ถูกทางการเปลี่ยนแปลงไปหมดอำนาจของกำนันถูกลบหายไป เกิดเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทุกๆอย่างอยู่ภายใต้
อำนาจของผู้บริหารส่วนตำบลไปหมดลดทอนอำนาจเก่าโดยสิ้นเชิงสิ่งที่เคยยิ่งใหญ่ก็สูญสิ้นไป พ่อกำนันทนต่อ
อำนาจที่เคยครองไว้ไม่ได้ก็ตรอมใจตายเมื่อลูกชายของกำนันถูกลอบยิงตายไปไม่นานนัก ส่วนรัตน์นั้นเล่าก็ไม่มี
ทายาทสืบสกุลให้ทางกำนันไม่นานนักแม่ผัวก็ตายไปอีกคนทุกๆอย่างจึงอยู่ในครอบครองของรัตน์คนเดียวเพราะ
กำนันมีลูกเพียงคนเดียว หล่อนจึงเป็นที่หมายปองของหนุ่มแก่ทั้งหลายหล่อนจึงกลายเป็นแม่หม้ายเนื้อหอมของ
หนุ่มแก่ทั้งหลายที่หมายปองด้วยมีสมบัติพัสถานมากมาย ฉันเองก็ยังไปช่วยเหลือแม่ของรัตน์ตามคำสัญญาเสมอ
ตลอดจนไปช่วยเหลืองานศพของครอบครัวกำนันไม่เคยนึกรังเกียจเดียดฉันท์แต่ประการใด รัตน์เองเล่าก็เปลี่ยน
แปลงอ้วนท้วมขึ้นแต่เราทั้งสองก็ยังยิ้มให้แก่กันและกัน ทุกๆครั้งที่ฉันไปเที่ยวเยี่ยมเยียนเป็นเพื่อนหล่อนจะรีบ
กุลีกุจอมารับโดยทิ้งงานบ้านจนเป็นที่อิจฉาของหนุ่มแก่ทั้งหลาย หล่อนเอ่ยขึ้นว่า
“พี่ๆๆ....ตอนนี้รัตน์เป็นตัวของตัวเองแล้ว พี่ยังจำคำสัญญาที่ให้ไว้แก่รัตน์ได้หรือเปล่า”
“จำได้ซิรัตน์ พี่เองเป็นคนมีสัจจะเสมอมา รัตน์เห็นไหมพี่ทำตามคำพูดเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง
สักครั้งเดียวแม่รัตน์ก็สบายพี่ไปนอนเป็นเพื่อนเกือบเป็นประจำจ๊ะ”
“จ๊ะพี่...รัตน์คอยฟังข่าวตลอดเวลาเรื่องพี่ตลอด จริงอย่างที่พี่ว่าไว้มิฉะนั้นรัตน์คงจะต้องตายไปแล้วหากไม่ได้
รับการตักเตือนของพี่ ตอนนี้รัตน์อยู่คนเดียวเหงาๆมาก เมื่อไหร่ล่ะพี่จะมาขอรัตน์ รัตน์รอพี่เสมอจ้าและยังมั่นคง
ต่อใจของรัตน์เสมอ” หล่อนก้มหน้ากล่าวอย่างเอียงอาย
“จ๊ะ คงอีกไม่นานหรอกขอเวลาเพียงตัวของรัตน์เองคงไม่เกินปีนี้แหละจ้า เพราะหากเป็นตอนนี้คนเขาจะ
นินทารัตน์ได้ ไม่ใช่เพราะพี่จะเห็นแก่ตัวแต่พี่เห็นถึงเกียรติของคนที่พี่รักจ๊ะ” ฉันกล่าว
“จ๊ะพี่รัตน์จะคอย ต่อนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งรัตน์ได้อีกแล้วรัตน์จะกลับบ้านส่วนบ้าน
นี้จะปล่อยร้างหรือไม่ก็รื้อทิ้งสวนไร่นาก็จะให้เขาเช่าไปอยู่ปรนนิบัติแม่ พี่ว่าดีไหม”
“ตามใจรัตน์เถอะจ้า อันที่จริงก็ควรเป็นอย่างนี้เพราะว่าบ้านนี้มันเป็นสิ่งสะเทือนใจรัตน์อีกอย่างหนึ่งแม่ก็แก่
แล้วขาดคนดูแล พี่เองก็จะมาเยี่ยมง่ายขึ้นอีก” หล่อนยิ้มและขอตัวไปทำงานต่อ
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนความไม่แน่นอนคือความแน่นอน วันเดือนปีผ่านไป บัดนี้ฉันและหล่อนได้
แต่งงานกันอีกครั้งแต่ห้วงแห่งความรักที่มีต่อกันยึดมั่นต่อกันและกันความสุขก็เกิดขึ้นแก่ฉันอีกครั้งหนึ่งมันเป็น
ความสุขอันแท้จริง บัดนี้เราทั้งสองสิ้นพ่อแม่หมดแล้วเหลือไว้แต่เพียงเด็กๆสองสามคนที่วิ่งเล่นอยู่บริเวณลาน
บ้าน นี่คือลูกของเราทั้งสองอันเป็นเปรียบเสมือนดั่งดวงใจที่หลอมหล่อกันและกัน แต่ ณ ที่เก่าเวลาเดิมใต้ต้นไม้
เดิมบัดนี้มันเติบใหญ่มากขึ้นแต่เปลือกแม้จะเหี่ยวแห้งตกกระก็ตามแต่ก็ยังมีกิ่งงอกเงยมาเสริมใหม่เสมอๆดุจเช่น
เราทั้งสองก็ยังมานั่งคุยกันทานข้าวกันพร้อมด้วยลูกๆด้วยหยอกล้อกันเล่น ซึ่งเป็นความสุขอันแท้จริงก็ด้วยเพราะ
หัวใจที่มั่นคงซื่อสัตย์ในความรัก ประดุจดั่งโคนไม้ที่ถูกตัดขาดแล้วก็ยังงอกเป็นต้นขึ้นมาได้ฉันท์ใดฉันท์นั้น
ทำให้ฉันอวดหวนคิดถึงคำที่เคยกล่าวไว้ ว่าเราจะรักมั่นต่อกันและกันตราบชั่วนิจนิรันดร์ บัดนี้ทุกๆอย่างจบลง
อย่างสมบูรณ์ มาดแม้นว่าเราทั้งสองบัดนี้ต่างมีผมเป็นสีขาวร่างกายเหี่ยวย่นแต่ภายในส่วนลึกๆนั้นยังเป็นหนุ่ม
สาวต่างยังคงเสมอต้นเสมอปลายมิเปลี่ยนแปลงไปต่างยึดมั่นในคำสัจจะสัญญาต่อกันเสมอ อดีต ปัจจุบัน อนาคต
เป็นสิ่งที่ไม่จีรังยังยืนหากไม่ติดยึดมั่นถือมั่นต่อสิ่งภายนอกหล่อหลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียว
“พี่เมธ...พี่ยังจำคำพูดที่เคยกล่าวไว้ได้ไหมพี่” รัตน์ในร่างที่ชราภาพมากล่าว
“รัตน์จ้า พี่ยังจำได้เสมอ ว่าพี่จะรักรัตน์คนเดียวตราบจนแก่เฒ่าถึงจะไม่มีรัตน์ก็ตามพี่ก็ยังรักมั่นเสมอจ้า”
ฉันกล่าวด้วยความสุขอันแท้จริง ทั้งสองยิ้มให้แก่กันและกัน ฉันเข้าไปสวมกอดพร้อมทั้งเชยหน้าที่เหี่ยวย่น
จูบอย่างมีความสุข
“โถๆ...พี่อายเด็กๆมันนะเราแก่แล้วนะ” หล่อนกล่าว
“ข้อนี้พี่รู้แต่ไม่มีใครนี่นา มีแต่เราทั้งสอง จูบเก่าหรือใหม่มันก็เหมือนเดิมแหละจ้า” ฉันหัวร่อร่าด้วยความสุข
ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงเสมอตามกาลเวลา มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่มิอาจจะเปลี่ยนแปลงได้คือสิ่งภายใน
นั่นคือความรักอันแท้จริงไม่มีวันจางย่อมบังเกิดขึ้นได้เสมอตราบชั่วนิจนิรันดร.
*** แก้วประเสริฐ. ***