26 มกราคม 2552 23:09 น.
แก้วประเสริฐ
** เวิ้งว้างอารมณ์ **
ช่างประหลาดเสียเหลือเกิน ทำไมวันนี้ฉันเองรู้สึกหงอยเหงาวังเวงหัวใจยิ่งนัก
จะด้วยบรรยากาศที่ฉันนั่งคนเดียว มองสายน้ำที่กระฉอกแตกซ่านเป็นฟองฝอย
บางครั้งกระทบกับตัวเป็นละอองเล็กๆ ปกติฉันเองจะเป็นคนมีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส
สนุกสนานกับสิ่งแวดล้อมเสมอมาหรือว่าอากาศในค่ำคืนนี้และความเวิ้งว้างของท้อง
น้ำถึงมาดแม้นจะมีแสงจันทร์สาดส่องเป็นนวลใย ดวงหนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้า แต่อีก
ดวงหนึ่งกับอยู่บนผิวน้ำสั่นไหวไปตามกระแสน้ำที่สาดเข้าหาฝั่ง เพื่อนๆสนุกสนาน
เฮฮากันเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ล่องลอยมา ฉันถือขวดเหล้าไวท์และแก้วใบหนึ่งเดินทอด
น่องหนีห่างไร้ซึ้งความสนุกสนานอย่างที่เคยมีมา ห้วงหัวใจในส่วนลึกๆช่างว้าเหว่
ความสนุกสนานห่างหายจางไปเสียสิ้นจะว่าฉันพลาดพลั้งต่อความรักหรือก็หาไม่แต่
ไม่รู้ซิ วันนี้มันเกิดขึ้นจากภายในจนฉันอดสนเท่ห์ตัวเองเสียมิได้จึงต้องเดินหนีห่าง ใจ
ที่เบื่อหน่ายเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฉันเดินทอดน่องไปตามชายหาดห่างไปๆจนลับสาย
ตาจากเพื่อนๆถึงแม้เสียงดนตรีจะดังแว่วๆมาก็ตาม ฉันพยายามจะหนีให้ห่างไปไกล
อยากจะอยู่คนเดียว หามุมสงบอันเป็นเหลือบหินนั่งลงมองคลื่นปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยๆ
บางครั้งก็จ้องมองดวงจันทร์หากระต่ายน้อย ตามคำเล่าขาน บางครั้งมองเป็นรูปกระต่าย
บางครั้งมองเป็นหญิงชรากำลังตำข้าว แต่ที่แน่ๆจันทร์อีกดวงหนึ่งที่สะท้อนบนผิวน้ำนั้น
ซิมันหวั่นไหวเสมือนดังหัวใจของฉัน สายลมทะเลเย็นๆกระทบร่างกายทำให้จิตใจสงบ
ลงได้บ้าง หยิบขวดไวท์รินลงใส่แก้วยาวธรรมดา ค่อยๆอมไว้แล้วค่อยๆกลืนลงยังลำคอ
ทำให้รู้สึกชุ่มชื่นขึ้น เอนกายลงพิงก้อนหินยืดเท้าปล่อยอารมณ์ตามสบาย เปรียบดังโลก
นี้เป็นของฉันเพียงคนเดียว หลายสิ่งหลายอย่างพุ่งขึ้นมายามบรรยากาศอันเงียบสงบมี
หลากหลายนานัปการทำให้ความคิดอ่านนำมาทดสอบบทเรียนชีวิตที่ผ่านพ้นมาใช่มีทั้ง
ดีและเลวผสมผสานกัน เป็นละครชีวิตบทหนึ่งที่ฉันได้แสดงและผ่านมาแล้วทั้งดีเลว
สถานที่ท่องเที่ยวฉันผ่านมาจนจะเรียกได้ว่าเกือบทุกๆที่ นอกจากชีวิตของธรรมชาติ
แล้วที่ฉันเองรู้สึกว่าล้วนแล้วแต่สิ่งที่ดีงดงามเสมอ ส่วนชีวิตสังคมเมืองนั้นมันช่างวุ่นวาย
ดุจดังใส่หน้ากากเข้าหากัน อะไรล่ะเป็นต้นเหตุ ฉันยกไวท์ที่เหลือในแก้วขึ้นจิบอีกเสมือน
ระบายสิ่งภายในออกมา จะมีอะไรเล่า นอกจาก ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินตราเท่านั้นที่ทุกๆคน
พยายามขวนขวายใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อกันและกัน หรือว่า ????....สิ่งเท่านี้ทำให้ฉันเกิด
ความเบื่อหน่ายยามอายุล่วงวัยมากขึ้นๆ แน่ล่ะทุกๆสิ่งล้วนแล้วแต่ความสามารถของคน
ที่จะค้นคว้าหาพบ ดิ้นรน ต่อสู้กับเกมส์ชีวิต ใครที่ฉลาดกว่ามากกว่าย่อมเป็นผู้ชนะแต่ใน
ที่สุดทุกๆอย่างก็สร้างจิตใจผู้นั้นจะมากน้อยล้วนแล้วแต่การกระทำของตนเองทั้งสิ้นยามใด
ที่แสดงออกมาจะเกิดความเศร้าสร้อยเสียใจต่อการกระทำนั้นๆ
โอ้ว???....ภาพต่างๆล้วนทยอยออกมามิได้จางหายไปไหนทั้งๆที่บางครั้งฉันลืมไปนาน
แสนนานแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้ท่ามกลางธรรมชาติที่สงบเยือกเย็น ทำให้เกิดการย้อนกลับ
สภาพเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ที่ละขั้นตอนตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดความสะท้อน
ต่อการกระทำนั้นๆทั้งๆที่ไม่อยากจะกระทำแต่เหตุการณ์บังคับมิฉะนั้นแล้วจะเกิดภัยทันที
นี่หรือชีวิตของคนเราภายใต้โลกใบนี้ที่จะต้องแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันและกัน ไม่เหมือน
สภาพของธรรมชาติล้วนแล้วไร้ซึ้งมารยาถึงแม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ก็คงสภาพ
ไว้เหมือนเดิม บางครั้งกลับดีเสียอีกหากนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตของคนเราที่ต้องไขว่คว้า
หาได้หยุดนิ่งบางครั้งก็สิ้นสูญสลายไปโดยไร้ประโยชน์เสียเลย ยิ่งคิดยิ่งมากจนต้องสะบัด
หัวตนเองเพื่อลบเลือนไป แต่ทว่ามันกลับเพิ่มมากขึ้นอีกหรือว่านี่แหละคือชีวิตคนที่ต้องคน
ไปเรื่อยๆตราบจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ฉันทอดถอนหายใจพยายามหลีกเลี่ยงโดยการมองไป
ยังท้องน้ำที่คลื่นทยอยเข้ากระทบฝั่งคล้ายดั่งชีวิตคนเรามิปาน ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นบนท้องฟ้า
จะค่อยๆเคลื่อนไป แต่จันทร์ที่ลอยบนท้องน้ำเล่าก็พลิ้วสั่นหวั่นไหวไปตลอดเวลาคล้ายๆกับ
ชีวิตคนเรามิปาน ฉันรินไวท์ใส่แก้วอีกครั้งแล้วยกขึ้นดื่มๆคราวนี้ดื่มมากกว่าเก่าหลับตาลง
แต่ในห้วงแห่งใจกลับวุ่นวายสั่นไหวมิได้สงบดั่งที่ตั้งใจไว้เลย กลับทยอยฟุ้งซ่านต่างๆนาๆ
ช่างเถอะฉันคิดระบายออกเสียมั่งก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเก็บไว้อีกต่อไป ปล่อยให้เวิ้งว้าง
ตามแต่อารมณ์นั้นๆจะแสดงออกมา ทุกๆอย่างเงียบสงบนอกจากเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง
เป็นเสียงดังต่างๆนาๆคล้ายเสียงดนตรีขับกล่อมแต่เป็นเสียงที่แสนจะไพเราะตามธรรมชาติ
มอบไว้ให้ ฉันคิดดีกว่าเสียงดนตรีทั่วๆไปที่คนแสดงไว้มากกว่ากันมากนัก ทำให้นึกถึงคำ
พูดของชาวต่างชาติที่เคยเขียนว่าดนตรีนั้นย่อมเกิดจากธรรมชาติทั้งสิ้นตามสถานการณ์
ที่เกิดขึ้นนั้นๆด้วยการเลียนเสียงเลียนแบบใส่ภาษาลงไปแล้วมาแสดงกันให้คนทั้งหลายฟัง
กัน เลยเกิดการมองย้อนมุมกลับลงไปอีกหากคนเราทำตัวให้เสมือนธรรมชาติย่อมเกิดความ
สุขดิ้นรนต่อสู้ไขว่คว้าพอเพียงในสิ่งที่เรามีอยู่ก็จะเกิดความสุขสบายไม่จำเป็นต้องเก็บไว้
ให้มากนัก หากทุกๆคนรู้จักแค่พอกินพอใช้ไม่แสดงตนเองให้เก่งไปกว่าคนอื่นๆก็จะมีสิ่ง
เหล่านี้ที่ธรรมชาติให้แก่เรามา แม้แต่เราเกิดมาก็มาตัวเปลือยเปล่าหาได้นำสิ่งอื่นๆมาก็หาไม่
แน่ล่ะความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็ล้วนแล้วแต่ความไม่รู้จักพอเพียงเกิดความต้องการมากขึ้น ใคร
มีมากก็ได้รับความนับถือของคนแต่เวลาตายไปซิทุกๆคนย่อมตายจะเอาอะไรไปก็หาได้ไม่
ฉันหยิบขวดไวท์หมายจะรินอีก...อ้าวๆๆหมดไปเมื่อไหร่ หมดโดยมิรู้ตัวจึงลุกขึ้นเดิน
ย้อนกลับไปยังที่พัก ที่นั่นยังคงสนุกสนานต่างเต้นกันตามแบบเพลงสมัยใหม่ โยกไปโยกมา
หัวเราะกัน บ้างกระเซ้าเหย้าแหย่กัน บางก็กอดกัน ฉันเดินเลี่ยงๆหมายกลับไปพักผ่อนแต่
เสียงดังทำให้เกิดความคิดใหม่ จึงรวบรวมเสื่อผ้าห่มหมอนที่นอนห่อแล้วเดินหมายจากไปยังที่เดิม
แต่ก็ไม่ลืมหยิบไวท์ที่แช่เย็นไว้ไปด้วย
“เฮ้ยๆๆๆ...ไอ้โรจน์มึงจะไปไหนหรือ เสียงร้องทักจากเพื่อนดัง อ้าวแล้วเอาผ้าจะไปไหน
ล่ะหรือว่าได้ทีเด็ดโว้ย” เสียงทักจากเพื่อน ทุกๆคนหันมามองฉัน หญิงสาวสวยคนหนึ่งเดิน
เข้ามาเกาะแขนไปด้วยคนซิ “พี่โรจน์”
“อย่าเลยดา วันนี้พี่อยากอยู่คนเดียว สนุกๆกับเพื่อนๆเถอะ ไม่ไกลหรอกแถวๆนี้แหละครับ”
“อ้าว....เป็นอะไรหรือทุกครั้งเห็นสนุกๆกับพวกเรา ทุกๆคนยังถามถึงอยู่เลย”
“ ไม่รู้ซิ ดา พี่เองก็ยังไม่รู้เหมือนกันแต่ใจอยากอยู่คนเดียวนะ” ฉันตอบหล่อนพลางแกะมือ
เธอออก
“แปลกโว้ย!!!.....วันนี้ไอ้โรจน์มันแปลกปล่อยมันเถอะเรามาสนุกกันดีกว่า” เพื่อนอีกคน
กล่าว แล้วหันไปเต้นต่อ ส่วนหญิงสาวสวยดามองหน้าฉันเหมือนจะค้นหาอะไรอยู่
“ถามจริงๆเถอะพี่โรจน์ โกรธใครหรือ เดี๋ยวดาจัดการให้” หล่อนกล่าว
“ไม่มีจริงๆนะดา พี่รู้สึกเวิ้งว้างว่าเหว่ใจชอบกล อยากจะอยู่คนเดียว เท่านั้นเอง ดาไปสนุก
กับเพื่อนเถอะ”
“ไม่งั้นดาจะไปเป็นเพื่อนกับพี่โรจน์นะ พี่ไปไหนดาไปด้วยก็แล้วกัน”
“พี่ขอร้องเถอะพี่อยากอยู่คนเดียวจริงๆนะ ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันแต่วันนี้ พี่ขอร้องเถอะ อยากหา
ความสุขตามธรรมชาติมาก จริงๆน๊ะดา”
“แล้วพี่กลับมาสนุกด้วยกันนะ ดาขอร้องล่ะ”
“ดูก่อนดา อาจบางทีพี่อาจจะนอนแถวชายหาดแหละ เช้าค่อยเจอกันก็แล้วกัน ฉันตัดบท
แล้วรีบเดินจากไป ทุกๆคนหันมามอง เฮ้ยวันนี้ไอ้โรจน์มันจะบ้ามั้ง ไม่เหมือนเก่าเลยหรือ
ว่ามันจะอกหัก เสียงลอยมาตามหลัง ฉันรีบเดินหนีกลับไปที่เดิมแต่ไม่วายนำปลาหมึกสำเร็จ
รูปติดไปด้วย
ณ ที่เดิมฉันจัดการปูเสื่อที่นอน แล้วนอนมองจันทร์ที่เคลื่อนคล้อยไปเกือบปลายฟ้า ฟัง
เสียงน้ำ ความมืดเข้ามาครอบงำกว่าเก่า ฉันปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปเรื่อยๆตามความฝัง
ไว้ในห้วงจิตใต้สำนึกค่อยผ่อนคลาย พร้อมจิบไวท์และปลาหมึกสำเร็จรูป ไม่คิดอะไรอีกแล้ว
นอกจากฟังเสียงดนตรีธรรมชาติที่แสนจะไพเราะ โอ้ว...ช่างเป็นความสุขสงบเสียจริงๆ
ฉันคิด ได้ยินเสียงน้ำและเสียงกิ่งสนริมหาดเสียดสีส่งทำนองประสานกัน ช่างเสนาะจริงๆ
อีกด้านหนึ่งของจันทร์แสงระยิบระยับของดวงดาวส่องประกายสุดขอบฟ้า นานแล้วซินะ
ที่ฉันจะสบายใจดังเช่นนี้และก็นานอีกเหมือนกันที่เห็นดาวตก หรือชาวบ้านเรียกว่าผีพุ่งใต้
ฉันนำเอาสถานที่ของเพื่อนๆที่บ้านพักมาเปรียบเทียบกับที่ฉันพักในตอนนี้ช่างแตกต่างกัน
ยังกับโลกคนละใบกันทีเดียว ด้านหนึ่งครึกครื้นปราศจากความเงียบ อีกด้านหนึ่งกลับสงบ
เยือกเย็นอากาศแสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดุจดังชีวิตของคนเราระหว่างคนรวยและคนจนก็มิปาน
แต่ความสงบในความสงบกับให้ปรัชญาชีวิตแก่เรามากกว่าชีวิตที่คนเขาไขว่คว้าหากัน หาก
ทุกๆคนมองสภาวการณ์และคิดได้นำมาเปรียบเทียบสรรค์หาความสุขอันแท้จริงก็จะไม่
เกิดการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันและกัน โลกใบนี้ก็จะสวยสดงดงามยิ่งขึ้น ฉันทานไปมองไป
คิดไปทำให้เกิดความรู้ ความจริง แก่นแท้ของชีวิตได้ ในความเวิ้งว้างแห่งอารมณ์ของฉัน
ฉันคิดต่อจากนี้ไปจะปรับปรุงชีวิตที่เป็นอยู่เสียใหม่ จะเริ่มต้นชีวิตอีกครั้งเพื่อตัวของตัวเรา
เอง หาความสุขอันแท้จริงเสียที จะมอบชีวิตให้แก่ธรรมชาติ ให้ธรรมชาติเป็นครูอบรมจิตใจ
ฉันพอกันทีสำหรับชีวิตที่ผ่านๆมา นานเท่าไหร่ฉันไม่รู้ปล่อยอารมณ์ให้ลอยละล่องไปกับ
ธรรมชาติและหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกครั้งยามได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเพื่อนๆ
ที่ออกตามหาของตะวันยามรุ่งอรุณวันใหม่ ผมยืนขึ้นยกมือผายปอดเพื่อรับอากาศอันแสน
สดชื่นของวันใหม่ และสัญญากับตัวเองว่าจะเลิกสิ่งต่างๆจะมอบไว้ให้แก่เธอผู้เดียวคือ
เธออันเป็นที่ปรารถนาของฉัน “โอ้วๆๆๆๆ ธรรมชาติที่รัก”
*** แก้วประเสริฐ. ***