5 มกราคม 2550 12:35 น.
แก้วประเสริฐ
บทที่ ๔
“ หรือลูกงั้นก็ตามใจลูกนะ พ่อคิดอยากจะให้ลูกไปยังบริษัทสักหน่อยเพราะเคยดำริในที่ประชุมไว้ก่อนลูกจะกลับมา
หากลูกกลับมาเมื่อไหร่จะมอบอำนาจการดูแลทั้งหมดให้แก่ลูก เมื่อลูกขอพักผ่อนก่อนก็ตามใจนะ” คุณอัศวโรจน์กล่าวขึ้น
“หากสบายใจเมื่อไหร่ก็บอกพ่อก็แล้วกันนะ” บิดาเอ่ยย้ำอีก
“ผมว่าให้ผมเพียงแค่ฝึกงานไปก่อนมิดีหรือครับ เมื่อผมรู้งานมากแล้ว คุณพ่อค่อยปล่อยวางนะครับ” ชายหนุ่มกล่าว
“แต่พ่อเชื่อในความสามารถ แกนะ” บิดาเอ่ยขึ้น
“ภาคทฤษฎีกับปฏิบัติไม่เหมือนกันนะครับ แต่คล้ายคลึงกัน” ชายหนุ่มอ้าง
“นั่นแหละถูกแล้วแต่ก็มาจากรากเง้าเดียวกันนั่นแหละ งานด้านธุรกิจอยู่ที่ไหวพริบปฏิภาณการตัดสินใจที่รวดเร็วความ
ละเอียดรอบคอบเป็นสำคัญของแต่ละคน” บิดาชี้แจง
“ก็ถูกอย่างที่คุณพ่อว่าแหละครับ แต่ผมยังมีประสบการณ์น้อยถึงแม้ว่าจะเคยแอบดูผลงานคุณพ่อมาบ้างก็ตามที”
ลูกชายหาข้ออ้างกล่าวกับบิดา
“ข้อนี่พ่อทราบเพราะเคยเห็นแกเข้าไปขลุกอยู่ในห้องหนังสือพ่อ ใช้เวลาเป็นหลายๆชั่วโมง ดีแล้วล่ะลูกการเริ่มต้น
ที่ดีย่อมเกิดจากการศึกษาข้อมูลต่างๆก่อนที่จะลงมือปฏิบัติจริงนะลูก” บิดาชี้แนะ
“ครับๆ...ผมว่าคุณพ่อยังไม่แก่เลยนี่นา ดูหนุ่มขึ้นอีกกว่าเดิมเสียอีก” ชายหนุ่มกล่าวพลางหัวร่อ กล่าวตัดบทสนทนาขึ้น
“เมื่อวานผมยังเห็นคุณพ่อยังเต้นรำคนหนุ่มยังสู้ไม่ได้เลยล่ะ”
“นั่นซิแม่เองยังชักสงสัยเหมือนกันว่า คุณพ่อลูกไปหัดเต้นรำมาจากไหนเสียอีก” คุณหญิงหันมาเสริมคำพูดลูกชาย
“อ้าวๆ!!! ชักจะหึงพ่อแล้วหรือ” คุณอัศวโรจน์หันมาทางคุณหญิงพลางหัวเราะร่วนๆ เขินแล้วหยิบถ้วยกาแฟยกดื่ม
“ไม่ใช่หึงหรอกคุณ!! เพียงแค่สงสัยจ๊ะ” คุณหญิงอมยิ้ม
“ปัดโธ่!!! พ่อก็นึกสนุกๆเพราะดีใจแหละคุณหญิง ดูในหนังนะซิเวลามีงานรื่นเริงเขามักจะเต้นกันแบบนี้นะ”
“อ้อๆๆๆ.....งั้นก็แล้วไปจ๊ะ แล้วลูกวันนี้จะไปไหนหรือเปล่าล่ะ” คุณหญิงหันมาถามลูกชาย
“ ไม่หรอกครับ ว่าจะนอนพักผ่อนสักหน่อย บ่ายๆค่อยออกไปข้างนอก” ลูกชายหันมากล่าวกับมารดา
“เห็นคุณหญิงผกามาศกับคุณฉวีวรรณเขาจะมาหาตอนบ่ายๆ อยากจะให้ลูกพบกับเขาหน่อยจ๊ะ” คุณหญิงตอบ
“เรื่องอะไรหรือครับมาพบผม ผมว่าอย่าดีกว่าครับ ระยะนี้ขอเที่ยวเมืองไทยสักพักก่อนครับ” ชายหนุ่มชักสงสัย
“ถ้าอย่างนั้นตามใจลูกนะ แม่คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก” หญิงผู้เป็นมารดากล่าวตัดบท
คุณหญิงเองก็ชักสงสัยว่าการมาของหญิงทั้งสองนี้คงจะหมายปองลูกชายตนเองเสียเหมือนกัน เดิมทีก่อนลูกชาย
จะกลับมา บ้านอัศวราชินมิเคยมีใครจะพาลูกสาวมาเยี่ยมเลย แต่ครั้งนี้คุณหญิงทั้งสองเกริ่นจะนำลูกสาวมารู้จัก
“งั้นตามใจลูกจ๊ะ ฮืมม!!!แม่เองไม่สนใจอะไรหรอก ถึงจะเป็นเพื่อนแม่เพียงแค่แปลกใจเท่านั้นจ๊ะ” คุณหญิงกล่าว
“ขอบคุณมากครับคุณแม่ ผมว่าจะออกไปข้างนอกสักหน่อยครับจะกลับเมื่อไหร่ไม่รู้” ชายหนุ่มหันมายิ้มกลับมารดา
“จ๊ะ ตามสบายลูกเถอะ แต่ให้ระมัดระวังตัวบ้างนะเดี๋ยวนี้บ้านเมืองเราไม่เหมือนก่อนอันตรายทุกหย่อมหญ้า”
“จริงๆนะลูกการเที่ยวเตร่เดี๋ยวเราไม่ไปหาเรื่องเขา แต่เขามาหาเรื่องเรา พ่ออ่านและฟังข่าวอยู่บ่อยๆ” บิดาเสริมคุณหญิง
“ ครับคุณพ่อคุณแม่ลูกไม่คิดเที่ยวสถานดังกล่าวหรอก ว่าจะไปต่างจังหวัดแถวชายทะเลสักหน่อย นัดเพื่อนๆไว้แล้วครับ”
“เออจริงๆซินะคุณหญิง เราไม่ได้ไปทะเลมานานแล้วนะเพราะมัววุ่นกับงานแทบไม่มีเวลาเลย” คุณอัศวโรจน์หันไปพูด
กับคุณหญิง
“นั่นซิคุณ ลูกพูดมาทำให้นึกถึงความเก่า จริงๆไหมคุณ” คุณหญิงหันไปยิ้มกับคุณอัศวโรจน์ หวานจ๋อย
“จ๊ะๆๆๆ คุณหญิงนึกถึงตอนเราสองยังหนุ่มสาวนะ” เขาหันไปทำตาหวานกับคุณหญิง
“พูดถึงลูกเราว่าหาวันเวลาไปกันทั้งหมดก็ดีเหมือนกันนะ” คุณอัศวโรจน์หันไปรำพึงกับคุณหญิง
“ ก็ดีจ๊ะ เราก็มีบ้านแถวชายทะเลเหมือนกันนี่นาแถวๆบางละมุง หรือแถวระยองก็ยังมีอยู่นี่นา” คุณหญิงกล่าวบ้าง
“แล้วตากานต์ว่าอย่างไรล่ะ หากพ่อแม่จะไป ลูกไปหรือเปล่าล่ะ” คุณหญิงหันมาถามลูกชาย
“ไปซิครับ โถๆๆๆ!!!! ไม่ไปได้ยังไงล่ะครับ จะได้ดูความรักของคุณพ่อคุณแม่อีกสักหน่อยครับ” ลูกชายหันมาหัวร่อ
“พูดถึงความรัก เดี๋ยวนี้เด็กๆไม่รู้เป็นอย่างไร เห็นรักเผื่อเลือกกันเยอะแยะนะ คุณว่าไง” คุณหญิงตอบแล้วหันมาทางคุณพ่อ
“นั่นซิคุณหญิง ผมเองเห็นแล้วให้รู้สึกสมเพชรเสียจริงๆ ยังไม่ทันไรก็เลิกรากันไปแล้วหากเป็นสมัยเราเรียกว่าฉีกผ้า
อ้อมกันไม่ทันเลยนะคุณหญิง” ชายผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้นบ้าง
“เห็นเด็กในบริษัทเมื่ออาทิตย์ที่แล้วร้องห่มร้องไห้เสียยกใหญ่เพื่อนๆช่วยปลอบโยน ผมผ่านไปพบพอดีจึงเข้าไปถาม
ได้ความว่าถูกแฟนทิ้งไป พอวันพฤหัสบดีนี้ผมผ่านไปอีกเห็นนั่งหัวร่อต่อกระซิกจึงหันไปถามเลขาฯผม ได้ความว่ามีแฟน
ใหม่แล้วล่ะ เฮ่อๆๆๆเด็กสมัยนี้เปลี่ยนง่ายจริงๆนะคุณหญิง ไม่เหมือนรุ่นพวกเราต้องใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีกันทีเดียว”
“จ๊ะพ่อ หากเป็นรุ่นเราถ้าไม่ตายก็แทบไม่โตกันเลยทีเดียว” คุณหญิงกล่าวบ้าง
“ แล้วกานต์จะไปเที่ยวทะเลที่ไหนหรือลูก” คุณหญิงหันไปถามลูกชาย
“เห็นไอ้หนก มันบอกว่าจะไปสัปดาห์หน้านี่แหละครับ เขาเกริ่นว่าแถวๆระยองยังไงนี่แหละครับ ก่อนที่มันจะบินไปยุโรป”
ชายหนุ่มตอบมารดา
“นั่นซิแถวระยองหากเลยพัทยาไปน้ำทะเลสวยๆอากาศดีและสงบน่าเที่ยวจ๊ะ” คุณหญิงพูดขึ้นเสริม
“มันนัดไปเที่ยวในกลุ่มผม เห็นว่าจะเอาเพื่อนหญิงไปด้วยครับ” ชายหนุ่มกล่าว
“เห็นว่าเพื่อนๆแกมีแฟนกันเกือบทุกๆคน แล้วแกไม่เหงาหรือไงว๊ะกานต์” คุณอัศวโรจน์ถามลูกชาย
“ไม่หรอกครับคุณพ่อ ผมก็ไปมั่วนิ่มๆกับพวกมันซิครับ” ชายหนุ่มหัวร่อลั่น
“ดีเสียอีกตัวคนเดียวไปไหนสบายไม่ต้องคอยเป็นห่วงและต้องคอยเอาใจ อย่างไอ้โรจน์มันครับ” ชายหนุ่มหัวร่อกล่าว
“เออ!!!ก็ใช่อย่างแก่ว๊ะ สบายใจแต่ไม่สบายตัว” คุณอัศวโรจน์พูดพลางหัวร่อพลางหันไปมองคุณหญิงหลิ่วตา
“ผมยังไงก็ได้ครับ คิดว่าจะขออยู่ไปอีกสิบยี่สิบปีค่อยหาคนมากวนใจครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มกล่าวบ้าง
“ให้มันจริงอย่างพูดเถอะว๊ะ พ่อว่าคงปีสองปีนี้แหละคงไม่แคล้ว จริงไหมคุณหญิง” ชายมีอายุหันไปถามภรรยา
“ตามใจเขาเถอะพ่อ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่วาสนาแต่ละคน แม่คิดอย่างนี้นะ เลี้ยงตัวนะเลี้ยงได้แต่เลี้ยงหัวใจไม่ได้หรอก”
คุณหญิงกล่าวบ้าง
“จ๊ะแล้วแต่แม่เถอะเรื่องลูกสะใภ้นะเป็นหน้าที่ของแม่อยู่แล้วนี่นาพ่อไม่เกี่ยว ไปก่อนนะจะรีบไปทำงานเดี๋ยวสาย”
คุณอัศวโรจน์กล่าวแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะไปทำงาน
“ครับ!!!! ผมว่าจะไปนอนตบพุงสักหน่อยว่าบ่ายๆค่อยจะออกไป” ชายหนุ่มพูดขึ้นแล้วลุกตามบิดา
“ งั้นหรือก็ดีเหมือนกัน งั้นแม่ก็จะไปพักผ่อนเหมือนกัน” กล่าวแล้วคุณหญิงก็ลุกขึ้นบ้าง
ทั้งหมดต่างเดินออกจากห้องอาหารแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวกันและกัน คุณอัศวโรจน์ก็นั่งรถออกไปทำงาน คุณหญิง
ก็เข้าห้องพัก ส่วนชายหนุ่มก็ก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่ เดินลัดเลาะไปตามสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้กำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่น
หอมโชยพัด ชายหนุ่มเดินไปยังต้นกุหลาบขาวที่ออกดอกเป็นพุ่มประมาณสักสิบกว่าดอกได้ พลางก้มลงดมกลิ่นหอมที่มี
กลิ่นหอมเย็น หวนประหวัดไปถึงหญิงสาวที่สวนของแม่แย้มนึกถึงใบหน้าสดสวยแบบธรรมชาติ แปลกๆเขาคิดทำไมสมอง
เขานี้จึงเฝ้าวนเวียนคิดถึงได้ นึกถึงร่างที่เดินหันหลังก่อนออกจากประตูบ้านนั้น ช่างมีรูปทรงสวยตระการตายิ่งนัก เมื่อก่อน
เราก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้
หรือว่า!!!!!.........จะบ้าแล้วหรือเราเป็นไปไม่ได้หรอกพึงแค่เห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น พลางชายหนุ่มสะบัดศีรษะเบาๆ
แล้วเอื้อมมือเด็ดดอกกุหลาบขาวพวงนั้น เดินก้าวไปสู่บ้านหลังเล็กพร้อมยกขึ้นสูดดมความหอมของดอกกุหลาบนั้น ร่างพลัน
ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาแลเห็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่งไว้ผมยาวอายุอานามประมาณยี่สิบเห็นจะได้ ซึ่งยืนหันหลังกำลังหมกมุ่น
อยู่กับการรดน้ำต้นไม้แถวหน้าบ้านหลังเล็ก
“ใครหว่า ลูกเต้าเหล่าใคร” เขายืนหยุดนิ่งรำพึง สักครู่หนึ่งจึงเดินไปทางด้านหลังหญิงสาวซึ่งถือสายยางรดน้ำอยู่
พลางกระแอมเบาๆ ร่างของหญิงสาวสะดุ้งตกใจพลางหันหน้ามาทางชายหนุ่ม ทิ้งสายยางน้ำทันทียกมือขึ้นทาบทรวงอก
“ อุ๊ย!!!????...คุณชายนี่เอง พลางน้อมตัวก้มลงยกมือไหว้ชายหนุ่มทันที ด้วยเมื่อเข้ามาว่าบ้านหลังนี้เป็นของลูกชาย
เจ้าของบ้านหลังใหญ่ใช้พักอาศัยแยกตัวมาต่างๆหาก หล่อนจึงเดาว่าคงเป็นคุณชายลูกชายเจ้าของแน่นอน เพราะทราบว่า
บริเวณแถวนี้ใครจะเข้ามายุ่มย่ามไม่ได้ ยกเว้นหญิงชายชราทั้งสองเท่านั้น
ชายหนุ่มตะลึงใบหน้ากลม ดวงตาโต แก้มทั้งสองข้างมีลักยิ้มรับกับดวงตาที่สุกใส คลอรับกับผมยาวที่ผูกโบว์พาดมาข้างหน้า
ใบหน้าที่ตื่นตกใจทำให้เป็นภาพความงามตามธรรมชาติยากจะหาดูได้กำลังเงยหน้ามองมาทางเขาอยู่
“โทษเถอะ...เธอเป็นใครหรือมาทำอะไรแถวๆนี่นะ” ชายหนุ่มสอบถามทันที แต่ใบหน้ากับจ้องใบหน้ากลมๆนั้นอย่าง
สนอกในใจ
หญิงสาวรีบนั่งยองๆทันทีพลางหันไปปิดน้ำที่สายยางแล้วตอบขึ้นว่า
“ อิฉัน...มาช่วยคุณยายรดน้ำต้นไม้เจ้าคะ” หญิงสาวตอบ
“เหรอๆ...อ้าวแล้วเป็นหลานใครล่ะ ผมไม่เคยเห็นหน้าเลยนี่น๊ะ” ชายหนุ่มยิ้มตอบ
“ไม่ต้องยกมือพนมไหว้หรอก ยกมือลงได้แล้ว ตอบมาก่อนว่าเป็นหลานใคร” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
หญิงสาวยกมือลงแต่ยังคงนั่งยองๆเงยหน้าตอบชายหนุ่ม
“พึ่งมาเยี่ยมยายเมื่อวานนี้เองเจ้าค่ะ เข้ามาตอนมีงานอยู่จึงหลบเลี่ยงๆมาหายาย
“ผมถามว่า ยายน๊ะยายไหนกันล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยเพราะหญิงสาวตอบไม่ตรงประเด็น
“หลานยายผันเจ้าค่ะ พักกับลุงแจ้งที่บ้านหลังเล็กถัดจากบ้านนี้เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบ
“อ้อๆๆๆ....หลานยายผันนี่เอง” ชายหนุ่มพึ่งเข้าใจ ทันใดนั้นเสียงตะโกนดังขึ้นมาเรียกหญิงสาว
“หลักเอ๋ย!!!!....รดน้ำต้นไม้เสร็จมาหายายหน่อยนะ” เสียงตะโกนเรียกดังแว่วๆมา เป็นเสียงเรียกของยายผัน
ซึ่งมีหน้าที่ดูแลบ้านเขาอยู่
“ค่ะยาย...???” หญิงสาวร้องขานรับ
“ เอ็งเสร็จแล้ว เข้าไปดูบ้านคุณชายหน่อยนะ เพราะเมื่อคืนนี้คุณชายท่านเมามากอ๊วกรดบนที่นอน เอ็งเข้าไปเก็บกวาด
แล้วนำผ้ามาให้ยายด้วยเพื่อจะเอาไปซัก เออ!!!...แล้วเอ็งก็จัดการทำให้สะอาดเรียบร้อยด้วย ผ้าผ่อนอยู่ในตู้เล็กเอ็งไปปูที่นอน
แล้วฉีดน้ำหอมด้วยล่ะ “ เสียงร้องสั่งดังมาอีก
“จ๊ะยาย....หญิงสาวร้องขานตอบ” พลางเงยหน้ามองชายหนุ่ม ใช้สายตามองดั่งจะขออนุญาตชายหนุ่ม
“คุณชายเจ้าค่ะ...ขออนุญาตไปทำความสะอาดก่อนน๊ะเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากกับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มยืนตะลึงอีกครั้งเป็นใบหน้าที่แสนจะบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งนัก ไม่มีวี่แววเสแสร้งแต่ประการใดให้นึกย้อนไปถึงใบ
หน้าอีกใบหน้าหนึ่งซึ่งเขาพบมาก็มีความบริสุทธิ์ใกล้เคียงกัน เพียงแต่อายุอานามคงแตกต่างกันไม่มากนัก ทำให้ชายหนุ่ม
นึกเปรียบเทียบใบหน้าทั้งสองทันที อีกคนหนึ่งรวยอีกคนหนึ่งจน เอ๊ะแปลกเราเป็นอะไรไปหรือ ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง
“งั้นเราไปพร้อมๆกันนี่แหละ” ชายหนุ่มกล่าว
“งั้นๆ!!!!...หลักว่าให้เสร็จก่อนมิดีหรือเจ้าค่ะ” หญิงสาวบอกขณะที่ยังนั่งอยู่
“ อ้อๆๆๆ...ขอโทษจ๊ะที่ให้นั่งอยู่ ยืนขึ้นได้แล้วจะขอถามอะไรหน่อยนะ” ชายหนุ่มพึ่งนึกได้
“เจ้าค่ะ” หญิงสาวรับคำพลางลุกขึ้นยืนแต่เอามือประสานไว้ก้มตัวตอบ
“เธอ...ชื่อหลักอย่างเดียวหรือเห็นยายผันเรียกอย่างนั้น” ชายหนุ่มถาม
“ชื่อ สลักเสลา เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ
“ สลักเสลา ชื่อแปลกดีนะ ฟังดูหนักแน่นดีจัง แล้วแปลว่าอะไรล่ะ” ชายหนุ่มอมยิ้มถาม
“อ้าๆๆ...เขาบอกว่าแปลว่าลวดลายที่สลักไว้ให้สวยงามเจ้าค่ะ” หญิงสาวอ้ำอึ้งตอบ
“อืมม!!!! ช่างตั้งคำนี้ได้สมจริงๆนะ” ชายหนุ่มรำพึง เมื่อพิจารณาใบหน้าและรูปร่างของหญิงสาว
“แล้วไม่ได้เรียนหนังสือหรือ” ชายหนุ่มถามอีก
“เรียนจบแล้วเจ้าค่ะ แต่หางานทำไม่ได้ แม่ให้มาหายายเผื่อว่ายายจะช่วยฝากให้ทำงานเจ้าค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบ
“อ้าว!!!แล้วเรียนจบจากไหนล่ะ เรียนทางไหนนะ” ชายหนุ่มสอบถามอีก
“เรียนจบบัญชี เจ้าค่ะ จากมหา’ลัย......พึ่งได้รับใบปริญญามาเจ้าค่ะ”
“โอ้เก่งจริงๆนะ มหา’ลัยท่าพระจันทร์ เขาว่าเรียนจบยากน๊ะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
หญิงสาวยิ้มกับชายหนุ่มแต่ไม่กล่าวแต่ประการใด จนชายหนุ่มต้องเอ่ยปากถามต่อ
“ คงจะจบมาแบบเขาสงสารนะซิ” ชายหนุ่มแกล้งกระเซ้ากล่าว
“เจ้าค่ะคงสงสารกระมังเจ้าค่ะเลยให้จบๆ แค่กิตติมศักดิ์แค่นั้นเองเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ
“กิตติมศักดิ์???????......แค่นั้นเองหรือ” ชายหนุ่มอุทานพร้อมตาเบิกโพลง
“เจ้าค่ะ แค่นั้นเอง ได้รับปริญญาคนแรกด้วยเจ้าค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบ
“รับปริญญาคนแรกของคณะหรือ?????” คราวนี้ ชายหนุ่มยิ่งตกใจเมื่อได้รับฟังหญิงสาวตอบ