11 มิถุนายน 2549 17:14 น.
แก้วประเสริฐ
*วิมานเคียงฝัน ฉันเคียงเธอ *
จันทร์คืนเดือนเพ็ญท้องฟ้าสว่างกระจ่างแสงนวลใยสาดส่อง
ลูบไล้เทือกเขา ที่เรียงรายถูกล้อมด้วยกระแสน้ำที่นิ่งเงียบสงบ
ปราศจากคลื่นไหวลูกแล้วลูกเล่ายามในช่วงกลางวัน
กระแสน้ำยามต้องลมพัดผ่านเกิดแสงระยิบระยับประดับเงาจันทร์
ที่ส่องบนผิวน้ำเป็นทิวละลิ่วน้อยๆทำให้เงาจันทร์ที่ทาบยังผืนน้ำไหว
ประหนึ่งราวแพรไหมพรมสั่นพลิ้วดุจดั่งมีชีวิตรายล้อมด้วยเพชรงาม
เน้นทัศนียภาพในยามค่ำคืนส่องสะท้อนอารมณ์ของผู้ที่นั่งเฝ้ามอง
สรรค์หาภาพความงามยามค่ำคืน ย้อนลึกเข้าสู่ห้วงภวังค์แห่งความหลัง
บรรยากาศที่เงียบสงัดบนก้อนหินริมโขดหินใหญ่ เป็นมุมมองที่แลเห็น
เงาภาพคลื่นสะท้านไหวสั่นระริกกระเพื่อมเลื่อมพรรณราย...งามยิ่งนัก
เสียงรำพึงเบาๆ จากผู้ที่กำลังลูบไล้เส้นผมที่สยายด้วยลมพัดโชย
เบื้องใต้โขดหินที่ราบต่ำลงไปใกล้ริมฝั่งนั้นผูกไว้ด้วยเรือนแพน้อย
ซึ่งภายในแพกำลังสนุกสนานด้วยดนตรี เสียงเพลงบรรเลงแว่วๆ
ลักษณะเพลงร๊อคซ์วัยรุ่นที่กำลังโด่งดัง เสียงหวีดว้าย ระคนเสียงหัวเราะ
ลอยแว่วผ่านเข้ามาพอได้ยินในบางขณะ สลับเพลงหวานระคนเศร้า
เวลาผ่านล่วงเลยไปดวงจันทร์หลบเบื้องหลังยอดสันหลังเขา
ยังเขาคงทอแสงเรืองรองแผ่กระจายรอบขุนเขาเกิดเงามืดเข้าปกคลุมไปชั่วขณะ
ทำให้บริเวณที่นั้นดูมืดครื้มจางๆพอจะมองเห็นสิ่งต่างๆได้เลือนลาง
เปรี้ยง ๆ ๆ เสียงดังสะท้อนแว่วก้องลำน้ำได้ยินไปทั่วบริเวณท้องน้ำ
เสียงเพลงยุติลง....พร้อมกับเสียงหวีดว้ายดังกึกก้องแทรกซ้อนลอยเข้ามา
ใครหนอ...จุดประทัด...เล่นบ้าๆ...?????
หล่อนหันไปมองยังแพน้อยที่ดับมืดลง สักครู่หนึ่งจึงสว่างไสวดุจดังเดิม
ถึงสงสัยแต่ไม่คิดอะไรมาก พลันละสายตาชมทัศนียภาพต่อ...
พร้อมรำลึกนึกถึงใครคนหนึ่ง ซึ่งเคยสัญญาไว้ในใจ
แต่ยังไม่เคยพบหน้าพบตาเขา จะสอบถามโดยตรงหรือก็เกรงเพื่อนๆ
จะล้อเลียน เพียงแต่ทราบจากการบอกเล่าว่าเขายังดำรงตำแหน่งอยู่เช่นเดิม.....
ช่างเถอะพบหรือไม่พบเราก็มาแล้ว คงจะมีสักวันหนึ่งหรอกนะวีย์ หล่อนรำพึง
แล้วปล่อยอารมณ์ถ่ายทอดผ่านความงามล้ำในยามค่ำคืนท่ามกลางความเงียบ
จะได้ยินก็เพียง เสียงจักจั่นเรไรร้อง และเงียบหายในบางขณะเป็นเพื่อน
อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ลูบไล้ใบไม้เล็กๆที่ขึ้นข้างโขดหินปะทะกับหยาดน้ำ
น้อยๆที่ลูบไล้ตามใบไม้ของน้ำค้างที่ประปรายไปทั่วโขดหินในบริเวณนั้น
เสียงจ๊อกแจะจอแจดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้งเป็นเสียงตะโกนร้องเรียก
ดังแว่วใกล้เข้ามา หล่อนหันไปมองพร้อมลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งบิดตัว
สาวเท้าก้าวเข้าหากลุ่มที่แลมองเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ พร้อมทั้งส่งเสียงตอบ
เฮ้ย...วีย์...เว้ย...วีย์.....อยู่ไหนว๊ะ?????"
เออ...อยู่นี่.....หล่อนตอบพร้อมก้าวไปตามเสียง....หล่อนจำได้ว่าเป็นเสียงของนายวัฒน์
ไปทำอะไรมาหรือ...ไม่ได้ยินเสียงปืนหรือว๊ะ?.... ชายหนุ่มก้าวเข้ามาถึงตัวพร้อมกับพี่สาว
เกิดอะไรหรือ.?....นึกว่าจุดประทัดเล่นกัน......หญิงสาวตอบเพื่อนหนุ่ม
เกือบมีเรื่องกันว๊ะ....พวกเราไปแซวเรือที่ผ่านมา...ไอ๊ห่า...มันแซวตอบด้วยลูกปืนจนหลอดไฟแตก
ดุฉิบ.......คนแถวนี้นะ.....
มาคนเดียวไม่กลัวหรือยายวีย์?....พี่สาวถามบ้าง
อ้าว...เรื่องอะไรล่ะ?....หญิงสาวย้อนถาม
ไม่หรอกพี่....ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวนี่นา อากาศเย็นสบายดีและสวยเสียด้วย...หล่อนหันไปตอบพี่สาว
พวกเราไปแซวคนที่ขับเรือผ่าน ได้ยินว่าไปแซวผู้หญิงของเขา เอะอะโวยวายใส่เขา
เลยเกิดเรื่อง.......จนได้เกือบเดือดร้อนไปทั่วแล้วล่ะ...
ตอนนี้เด็กกำนันที่คุมแพเรากำลังจะไปเคลียร์...เห็นเขาเอาเรือออกตาม...ชายหนุ่มตอบ
และเรา...คุณ กาญจน์เลยเดินตามหาแกนี่แหละ...นึกแล้วเชียวว่าต้องมานั่งกินลมแถวๆนี้...
ทั้งหมดเดินหันหลังกลับ ไปยังแพน้อยซึ่งบัดนี้ปราศจากเสียงดนตรีใดๆทั้งสิ้น
ถามจริงๆเอ็งไม่กลัวหรือว๊ะ...นั่งอยู่คนเดียว....????...ชายหนุ่มสงสัย
กลัวอะไรหรือวัฒน์....เราอยู่บนเกาะไม่มีใครนอกจากพวกเรานี่นา...หญิงสาวกล่าว
แต่ก็ไม่แน่นา...งูเงี้ยวเขี้ยวขอน..สัตว์อื่นคงแยะ แกไม่สังเกตหรือเบื้องหลังที่นั่งนะเป็นป่า
มันอาจจะออกมาทำร้ายก็ได้ ใครจะรู้....เรานึกเป็นห่วงหันไปมองไม่ยักกะเห็น...
เลยรีบชวนกาญจน์ออกตามหา ถามคนที่เห็นบอกว่า ออกเดินขึ้นไปทางโขดหินใกล้ป่าละเมาะ....
ไม่เห็นมีนี่แต่ก็เจอแล้วนี่นา..ช่างเถอะ...เฮ้???...ขอบใจน๊ะ...
เออๆ...เก่งว๊ะ!...แล้วต่างชวนกันคุยกันมาจนถึงแพน้อยที่จอดลอยกระเพื่อมอยู่....
แลเห็นต่างคนต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน....บ้างเตรียมตัวกันเข้านอน
บ้างยังคงนั่งกินเหล้ากันต่อไป...เพียงแต่ขาดการเต้นครึกครื้นเท่านั้นเอง
เห็นไอ้สิน...ซึ่งเป็นหัวหน้าในการนำท่องเที่ยวครั้งนี้ได้เที่ยวปลอบใจเพื่อนๆกัน
เมื่อหล่อนก้าวเข้าสู่แพ...ทุกๆสายตามองมายังหล่อน แล้วก็หันกลับไปทำธุระอื่นๆต่อไป
มาแล้วหรือว๊ะวีย์?.....ให้ไอ้วัฒน์....ไปตามแกน๊ะ
อืมม!...ใครเป็นอะไรไปหรือเปล่าล่ะ...สิน
ไม่มีใครเป็นไรหรอก...เพียงแต่ตกใจกันเท่านั้นเองแหละ
ไม่น่าเล๊ย...จะกลับกันพรุ่งนี้แล้วล่ะ...เกิดเรื่องจนได้...ชายหนุ่มตอบ
ช่างมันเถอะ...ไม่มีใครเป็นไรก็ดีแล้ว...แล้วไม่สนุกกันต่อหรือ?????
เท่านี้ก็ขนหัวลุกกันไปตามๆแล้วเว๊ย....สนุกออกอะไรล่ะ?
นั่นซิ...ถ้าไม่มีก็ขอตัวก่อนนะจะอาบน้ำและนอนแล้วล่ะ...นี่ก็ดีกมากแล้ว... หญิงสาวขอตัว
แล้วไม่คอยกำนันก่อนหรือไงว๊ะ...เห็นมันโทรมาว่าจะมา...ชายหนุ่มหลิ่วตา..ย้อนถาม
ช่างเถอะ..ทำไมต้องคอยล่ะ...ปากกับใจไม่ตรงกัน...เพราะความรู้สึกบอกว่าใจเต้นๆๆเร็วขึ้น
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงกำนัน เพราะทราบว่าเป็นคนที่ตนต้องการพบ
แล้วมีอะไรให้ช่วยเหลือไหมล่ะ?...หล่อนย้อนถามหยั่งเชิง
ทั้งๆที่พอทราบว่าเขาจะมา...ให้รู้สึกตื่นเต้นอยากรับรู้บางสิ่งบางอย่างจากเขาตลอดจน
รูปร่างหน้าตาเขาจะเปลี่ยนหรือไม่...หล่อนคำนึงคิด
ไม่เป็นไรหรอก.... สินตอบ
งั้นขอตัวก่อนนะสิน....ไว้พบวันหลังก็ได้นี่ดึกมากแล้วชักง่วงนอน....
หากมาปลุกด้วยนะ...ไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามานานเหมือนกัน.....หล่อนตอบ
เออ.....แล้วจะปลุกให้นะ.....ชายหัวหน้ากลุ่มบอก
ขณะที่จะก้าวเดินขึ้นชั้นบนของแพ ก็ต้องชะงัก...
แว่วได้ยินเสียงเรือกำลังแล่นเข้ามา ทุกๆคนหันไปมอง เรือที่ฝ่าความมืดมองเห็นสลัวๆ...
จนกระทั่งเรือลำนั้นได้แล่นเข้ามาจอดตรงท้ายแพ...เป็นชายสามสี่คน...กำลังก้าวขึ้นแพ
คนเดินนำหน้า เป็นชายที่ควบคุมแพอยู่ ส่วนคนตามหลังสองคนไม่มีใครรู้จัก...อีกคนกำลัง
จะก้าวขึ้นเรือตามมา
เรียบร้อยแล้วครับคุณ.....ชายควบคุมแพหันมากล่าวกับสิน
เขาขอโทษรุนแรงไปหน่อย... และบอกว่าพวกคุณรุนแรงกว่า เอาขวดขว้างใส่เรือเขา...
เขากลับเรือมาจะถาม แต่พวกคุณกลับหัวเราะเยาะเย้ยและแซวเพื่อนหญิงเขาอีก..
เขาเห็นอีกคนทำท่ากุมแถวชายพก...เลยยิงปืนขู่แล้วรีบไป....และนำเพื่อนไปรักษาก่อน...
ขวดแตก ไปโดนเพื่อนๆของเขาบาดเจ็บด้วย และยังนำคนเจ็บมาให้ผมดูเลยครับ กำนันก็ไปด้วย...
ใช่แล้วล่ะ..สิน...อย่างต้อยมันพูดจริงๆ...เสียงชายที่มาทีหลังกล่าวขึ้น
ดีนะที่เราไปเคลียร์ทันเสียก่อน....เพราะพวกเขาเป็นเด็กของผู้ใหญ่บ้านกำลังจะนำพวกมา
พอดีไปทัน...เราเลยห้ามและบอกว่าเป็นเพื่อนของเราทางกรุงเทพฯ...เรื่องจึงจบลง...
หรือ...กำนัน...เออๆๆช่างมันเถอะเรื่องจบลงได้ก็ดี...ฝ่ายเราก็ผิดเสียด้วยไปหาเรื่องเขาก่อน
เฮ้ยๆๆๆ...พลางบุ้ยใบ้ไปทางหญิงสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นชั้นบนแพ หยุดชะงักหันมามอง
ใครหรือสิน....กำนันหนุ่มถาม
ดูเอาเองโว้ย....เฮ้ย...วีย์...กำนันต้องการคุยด้วยล่ะ?....
คุณ...ๆ...คุณวีย์......ชายหนุ่มตลึง...เมื่อแลเห็นหญิงสาวเต็มนัยน์ตา
คุณ..วรรษ.....??????......
ชายหนุ่มรีบสาวเท้าก้าวเดินเข้าหาหญิงสาว.....ต่างประสานสายตาซึ่งกันและกัน...
นัยน์ตาหนึ่ง....ตัดพ้อ
นัยน์ตาหนึ่ง.....รันทด
แต่ทั้งคู่ก็ยังจ้องมองกันและกันไม่ละซึ่งสายตาจากกัน.......จนเพื่อนๆที่สนิทต่างอมยิ้ม หัวร่อเบาๆ
มิวายที่จะแอบมองหนุ่มสาวทั้งสอง.......
สบายดีหรือครับ....คุณวีย์?????.......ชายหนุ่มเป็นผู้กล่าวถามขึ้นก่อน
ค่ะ!!....แล้ว...ๆ....วรรษ...ล่ะ ?.........หญิงสาวตอบ...และถามขึ้นบ้าง
ไม่หรอกครับ....งานแยะ...แต่ๆๆ!!!!!...ผมคิดถึงเพื่อนทุกๆคนโดยเฉพาะคุณ...เป็นพิเศษครับ...
คิดถึงๆ...แต่..ทำไมไม่ส่งข่าวให้ทราบบ้างล่ะ....หญิงสาวพ้อ..
ผมเกรงใจคู่หมั้นคุณครับ...เกรงว่าจะทำให้คุณเสื่อมเสียครับ....
อะไรๆ...?????....อะไร??น๊ะ...พูดใหม่ซิ...วรรษ?...หญิงสาวต๊กใจในคำพูดของชายหนุ่ม
อ้าว...ก็คุณหมั้นหมายแล้วนี่ครับ...เห็นนายสนส่งข่าวให้ผมทราบก่อนที่เราจะจากกัน....
...พอดีพ่อผมเรียกตัวผมกลับบ้านด่วน....ว่าจะไปงานคุณกระทันหันเลยไม่ได้ไป....ชายหนุ่มกล่าว
จะบ้าหรือ!!...โถๆโธ่ๆๆๆ.....แล้วคุณเชื่อหรือ?....หญิงสาวงุนงง..ระล่ำระลัก..ถาม
ผมคิดจะไปถามคุณเหมือนกัน...แต่พอดีพ่อให้รีบกลับด่วนแม่ไม่สบายมากครับ...ตอนหลัง...
ผมขึ้นไปอีกทีแต่ไม่กล้า เกรงจะเกิดไม่ดีไม่งามเข้าใจผิดกับคู่หมั้นคุณ...ผมเลยกลับมาสมัครกำนันครับ.
"หมั้นแม่นอะไรล่ะวรรษ...เราไปทำป.โทต่อจ๊ะ...โธ่ๆ..สนนะสนไม่น่าเลย...เข้าใจผิดแท้ๆ...หญิงสาวตอบ
แล้ววรรษล่ะ..แต่งงานมีลูกกี่คนแล้วล่ะ?...หญิงสาวย้อนถามบ้าง
ผมยังไม่ได้แต่งงานครับ....หาสาวถูกใจไม่ได้สักคน...เพราะใจผมมอบให้เขาไปแล้ว....
ชายหนุ่มตอบ... พร้อมมองหน้าหญิงสาว ที่จ้องมองพร้อมหลบสายตามเขา
ใครหรือวรรษ...ที่คุณมอบใจให้เขานะ?...
โชคดีจริงๆน๊ะ!....หญิงสาวแกล้งถาม ทั้งที่รู้ความหมายนั้น...
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับกุมมือหล่อน...สายตาประสานกัน....ก็...ก็...ก็....
คนรักเก่าผมนะซิผมรักเดียวใจเดียวเสมอ
คนที่อยู่ใกล้ผมคนนี้นี่แหละครับ....ชายหนุ่มตอบ
จริงๆนะครับ...ผมมั่นคงต่อรักเสมอ...ไม่เคยคิดเป็นอื่นเลยครับ...
มาบัดนี้ผมได้รู้... ผมยิ่งดีใจที่สุดเมื่อทราบว่าคุณยังไม่มีเจ้าของผูกพัน....
คุณวีย์ครับ.....
ขา...อะไรหรือวรรษ
หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจผมนะครับ หากผมจะรีบจัดผู้ใหญ่ไปหมั้นหมายคุณก่อน
หากคุณพร้อมเมื่อไหร่เราค่อยแต่งงานกัน....... ชายหนุ่มรีบรุก
หญิงสาวไม่ตอบ....เพียงแต่ส่งยิ้มแทนคำพูด.....แน่ล่ะหัวใจทั้งสองผูกพันมั่นต่อกันเสมอ
หล่อนคิด......หากทว่าในครั้งนี้หล่อนไม่มา...ปัญหาต่างๆย่อมคาใจเธอเสมอ
มาบัดนี้เมื่อพบเขา แม้แต่จะเป็นช่วงเวลาเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
ที่เขาและหล่อนมีต่อกันมานานย่อมสมานประสานกันได้ง่ายโดยเร็ว
โดยเฉพาะต่างคนต่างรักษาหัวใจไว้ให้แก่กันอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีพันธะอื่นได้เข้าแทรกขวางกั้น
ในอดีตเป็นเพียงเพราะความเข้าใจผิดของกันและกัน ระหว่างผู้ที่ใฝ่ปองเธอและเขาใช้ในการต่อสู้
เพื่อการแข่งขันประชันซึ่งความรัก หากแต่หัวใจที่มั่นคงซื่อสัตย์ต่อความรักสละเพื่อความสุขของคนที่รัก
แต่บัดนี้เหตุการณ์ต่างผ่านพ้นไป หล่อนทราบเป็นอย่างดีว่า วรรษ ของหล่อนยังบริสุทธิ์ต่อรัก มั่นคง
อยู่อย่างเดียวดาย เหตุไฉนใดเล่าหล่อนจะไม่เข้าใจเจตนาอันบริสุทธิ์ของหนุ่มผู้ซึ่งหล่อนเอง
ก็พร้อมจะมอบทุกๆสิ่งทุกอย่างให้แก่เขาเพียงผู้เดียว
กลับมาแล้ว....กลับมาแล้วกระแสความรักที่โหยหา...ความรักที่เรียกร้อง...ความรักที่เสนอสนองต่อ
ความมั่นคงระหว่างเขาทั้งสองที่จะเกิดขึ้นอีกภายในอนาคตกาลข้างหน้า.....อย่างไม่มีวันถอยหลัง
มั่นคงพร้อมฝ่าฟันเสมอ....ที่จะก้าวเดินไปยังวิมานสีชมพูแม้บัดนี้จะเป็นแค่เพียงวิมานเคียงฝันก็ตาม
ดวงจันทร์พ้นเหลี่ยมยอดแนวเขาส่งแสงทอกระจ่างนวลใย สายลมที่โชยแผ่วเบาๆกระทบ
ผมที่สยายไล้บ่าปะทะใบหน้าเขาอบอวลด้วยละอองแห่งสายน้ำเกิดความฉ่ำชื่น
เปี่ยมทะลักเข้าสู่หัวใจทั้งสอง ซึ่งยืนประคองสนทนาพลอดพร่ำรำพันถึงสิ่งที่เขาทั้งสองจากกันและ
ใฝ่ปองปรารถนาผ่านพ้นสิ่งปมเศร้าทั้งหลาย แผ่กระจายเหือดหายไปในสายลมแห่งเทือกเขาลุ่ม
น้ำทะเลสาบแห่งอำเภอศรีสวัสดิ์กาญจนบุรีเมืองทอง ดุจนกคู่สู่วิมานสีชมพูตราบชั่วนิจนิรันดร์กาล.
*จบบริบูรณ์*
*** แก้วประเสริฐ. ****