4 ธันวาคม 2553 23:28 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๘
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งสนทนาหยอกเย้ากับแม่นางอัปสรอยู่นั้น
พลันก็ปรากฏร่างของเจ้าแสงสีและสินชัย เข้ามาทางหน้าต่างพลาง
ปรากฏกายนั่งลงรายงานสิ่งต่างๆที่เขาใช้ไปดำเนินกิจการมาทันที
นายๆคืนนี้ให้ระวังตัวไว้ด้วยนะ ด้วยเจ้าอาจารย์ทั้งสองนั้นจะส่ง
ของมาทางบ้านเราด้วยล่ะ....เจ้าแสงสีเอ่ยขึ้น
ด้วยมันสงสัยว่าเด็กของมันไม่สามารถจะเข้ามาในบริเวณบ้านของ
ชาวบ้านทั้งหลายได้ ด้วยอำนาจพระเครื่องที่นายปลุกเสกเอาไว้
และเข้ามาในบ้านเราก่อนจะปลุกเสกพระนั้น
ก็ปรากฏร่างควายธนูเข้าทำร้ายพวกมันล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
และบาดเจ็บกลับไป ได้ไปรายงานให้นายมันฟังหมดแล้ว
ผมแอบเข้าไปได้ยินมันสนทนากันในบ้านกำนันบ้านโคกยายหอย
ซึ่งกำนันมั่นพาเจ้าเสี่ยหว่างไปพบ กำลังประชุมกันล้วนกำนันบ้านบางโค
และอาจารย์ทั้งสองที่พำนักอยู่ด้วยทั้งสองหมู่บ้านด้วย รวมตัวกันปรึกษาอยู่
ข้าอาศัยวิชาสมาธิที่ร่ำเรียนมาจากนาย จึงสามารถแฝงกายผ่านผีบ้านแอบ
เข้าไปได้ มันไม่รู้ตัวหรอกว่า พวกข้าได้ยินมันคุยกันตลอดจนหมดสิ้นแล้ว
พวกมันก็แยกย้ายกันกลับไป จะนัดกันอีกนั้นเมื่อไหร่ไม่รู้ครับนาย
เมื่อรู้ความเกรงว่าทางนายจะไม่ระมัดระวังตัว รวมทั้งคนในบ้านด้วย
จึงรีบกลับมารายงานก่อน แล้วต้องรีบไปอีกเพื่อจะประสานงานกับบรรดา
พวกผีทั้งหลายทั้งทางเจ้าอาจารย์และทางป่าเขาด้วย เหตุมีพวกที่มันถูก
บังคับขู่เข็ญไว้มากๆ บังคับพวกมันต่างๆนาๆ ใช้งานมันทำมากมายนัก
เกิดการเปลี่ยนใจ แต่ด้วยเกรงกลัวอาคมมันจึงจำต้องทำตามเขาสั่ง
ส่วนไม่ยอมก็มีอีกมากมาย ผมปฏิบัติตามนายสั่งที่ให้เมตตาอาศัยแนะนำทาง
ที่ถูกที่ควรว่า หากพวกมันจะสร้างบุญกุศลแล้วเวลาจุติจะได้ไปเกิดในภพดีๆ
ต่อไป หากมารับใช้พวกทุศีลเช่นนี้ มีแต่วันเสียหายแก่ตัวเองเท่านั้น
ครั้นไปเกิดใหม่ก็ต้องลงไปยังนรกอีกรับเวรกรรมร่วมกับนายมันด้วย
ฉะนั้นจึงมีพวกที่เห็นชอบต่อคำกล่าวของผมบ้าง นอกจากพวกหัวดื้อๆเท่านั้น
ผมยกตัวอย่างตัวผมเองให้มันดูว่าถึงแม้จะเป็นผีเช่นเดียวกับเขาเล่าความหลัง
ให้พวกมันฟังครั้งอยู่กับอาจารย์ดำนั้นเป็นอย่างไรรูปร่างอย่างไร แต่พอมาอยู่กับ
นายมีแต่ได้รับการอบรมสั่งสอนแนะแนวทางที่ถูกต้องให้ ให้พวกมันดูรูปร่าง
ข้าซิว่ารูปร่างข้าเป็นอย่างไรกัน ผิดแผกกับการเป็นคนถูกบังคับ อาหารการกินก็ดี
แถมยังได้รับสิทธิพิเศษ ยังเรียนรู้ธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้อีกมากมาย
เมื่อพวกมันดูก็รู้จึงทำให้พวกมันเกิดใจอ่อนขึ้นจ้านาย แต่ผมเองนั้นก็ยังไม่ไว้
วางใจนัก จะไปคราวนี้จะได้สอบถามหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก เพราะยังไม่ทราบแท้จริง
ว่ามันจะลงมือกันเมื่อไหร่ เพียงทราบว่ามันจะใช้พวกผีของมันช่วยบังตาพวกทำงาน
เจ้าหน้าที่มิให้มองเห็นการทำงานของพวกผิดกฏหมายจ้านาย
ผมถึงต้องไปคอยติดตามดูด้วยอีกสองสามวันนี้อาจจะได้รับข่าวแน่นอน
เมื่อเสี่ยหว่างมันให้ลูกน้องมันแจ้ง พวกที่เอนเอียงมาทางเราผมขอให้มัน
ช่วยสืบดูด้วยว่า เป็นสถานที่ใด วันเวลาใดแล้ว และต้องคอยรับฟังข่าวจาก
พวกนี้ด้วย ฉะนั้นไปคราวนี้อาจจะนานหน่อยนะนาย กว่าพวกผมจะกลับมา
อีกอย่างหนึ่งต้องคอยติดต่อเกลี้ยกล่อมพวกผีที่อยู่ในป่าเขาอีกด้วย
ส่วนทางด้านเจ้าป่าเจ้าเขาท่านทั้งสองก็กล่าวว่าจะให้ความช่วยเหลือดีแก่
พวกเราด้วย เจ้าสินชัยรายงาน อีกทั้งยังได้ไปทำความเข้าใจพวกผีทั้ง
หลายที่อาศัยในบริเวณป่าเขานั้นไว้แล้ว แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ไม่ยอม
รับข้อเสนอของเรา จ้านาย
พลางนางอัปสรทั้งสองก็หัวร่อขึ้น พลางกล่าวว่าสงสัยมันจะถึงฆาต
กระมังไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร และทางเรามีใครกันบ้างนะแม่อ้อย
สุดาวัลย์ แม่นางรัตนาวดีเอ่ยขึ้น
ใช่แล้วพี่นาง เพราะพวกนี้ฌานมันยังไม่ถึงพวกเราหรอก ถึงจะรู้มากมาย
แต่ตอนนี้อาคมมันเป็นสายดำไปหมดแล้ว ฌานสูงๆนั้นก็เสื่อมสลายไปเกือบ
จะหมดสิ้นแล้วมันยังไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่ามันก่อนนั้นตอนบวชเรียนมาจะได้ฌาน
ขั้นสูงๆก็จริงอยู่ แต่พอมาเล่นทางสายดำทำให้ทางสายขาวเสื่อมลงหมดแล้ว
แล้วทั้งสองนางก็หัวร่อลั่น พลางเอ่ยขึ้นอีกว่า.......
เฉพาะพี่โชติคนเดียวก็เหลือที่จะปราบมันทั้งสองได้อยู่แล้ว หากมันปล่อย
ของมาก็หมายความว่ามันชะตาถึงฆาตเสียแล้วล่ะ เห็นทีคงจะเหมือนอาจารย์ดำ
ศิษย์ผู้น้องของมันเองแหละ ส่วนเจ้าส่วยนั้นก็เหมือนกันแม้มันเชื้อสายขมุร่ำเรียน
วิชามาทั้งสามฝั่งก็ตาม เห็นทีคงจะจบสิ้นชาวบ้านก็คงจะไม่ต้องเดือดร้อนอีก
ชายหนุ่มพลันกล่าวว่า หากแม่นางทั้งสองช่วยเหลือด้วยเห็นทีงานนี้จะง่าย
ขึ้นจ๊ะ พลางหันไปยิ้มกับแม่นางอัปสรทั้งสองประจบเอาใจพวกนาง
แค่พี่เองคนเดียวก็เหลือเฟือแล้วล่ะ??? นอกเสียจากอาจารย์ของพวกมันมาเอง
นั่นแหละ ด้วยพวกนี้มันเล่นสายดำมาตลอดชีวิตมัน มีสมาธิทางผิดอาคมมัน
จึงจะรุนแรงแข็งแกร่งมากกว่าธรรมดาเท่านั้นเอง แต่ว่าอาจารย์พวกมันต่างไปอยู่
ในเบื้องล่างกันหมดแล้ว ยิ่งทางเบื้องล่างนั้นมีพวกที่บวชพระนั้นมากมายเสียเหลือเกิน
เพราะไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย มักจะหลอกลวงชาวบ้านหากินต่างๆนาๆเลี้ยงชีพ
การบวชพระนี้จริงอยู่ได้ผลบุญกุศลมากมายนักกว่าคนธรรมดาสามัญทั่วๆไปก็จริง
ถ้าหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ การเข้ามาบวชนั้นเพื่อจะให้พ้นทุกข์ สร้างกุศลผลบุญมากๆ
กุศลนั้นก็จะมากขึ้นเป็นลำดับไป ยิ่งได้ฌานสมาบัติขั้นสูงๆเข้าสู่วิมุตติฌานด้วยแล้ว
ก็อาจจะบรรลุพระอรหันต์ได้ แต่มาบัดนี้หายากจริงๆไม่ใช่ไม่มี แต่มีส่วนน้อยหายาก
มักจะหนีไปอยู่ตามป่าตามเขา ไม่ออกมายุ่งเกี่ยวกับใครด้วยนะ แม่นางเอ่ยต่อขึ้นว่า
ฉนั้นการบวชจึงเปรียบได้เสมือนดาบสองคม ขาหนึ่งยืนบนทางสู่สรวงสวรรค์
ส่วนอีกขาหนึ่งลงไปยังนรกเบื้องล่างแหละพี่ หากเกิดทุศีลวันใดขึ้นมาที่มากมายนัก
มิอาจจะแก้ไขได้ เช่นต้องปาราชิกไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์เพียงล้ำแค่เมล็ดถั่วเขียว
เท่านั้นก็ต้องล่วงสู่เบื้องล่างทันที และไม่อาจจะแก้ตัวได้อีกแล้ว ธรรมสมาธิก็เสื่อมไป
นางอัปสรรัตนาวดีกล่าวขึ้น
แต่หากมันปล่อยของมาให้พี่ไปบอกพ่อแม่ด้วยว่า ให้มันปล่อยผ่านเข้ามาได้เลย
ไม่ต้องใช้ควายธนูหรือวิชาอาคมไปป้องกันไว้หรอก แสดงถึงชะตามันถึงฆาตแล้ว
ให้ของๆมันเข้ามาได้ ให้ทำตัวเป็นปกติระมัดระวังตัวไว้ พวกน้องเองจะระมัดระวัง
ไปคอยดูแลพ่อแม่พี่ให้เองจ้า นางอัปสรทั้งสองเอ่ยขึ้น
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอขอบใจน้องพี่มากนะ ที่ช่วยเหลือพี่ในครั้งนี้ นี่เวลาก็ไม่มากนัก
เดี๋ยวพี่จะไปบอกให้พ่อแม่ทราบก่อนจ้า
ไปเถอะพี่มันส่งของมาแน่ๆคืนนี้นะ ให้พี่เข้าสมาธิไว้ถอดจิตออกจากร่างแล้ว
คอยดูมันจะมาในลักษณะใดๆ ด้วยของมันจะมาในลักษณะต่างๆกันแต่จะเข้า
ใกล้ร่างพี่ไม่ได้แค่วนเวียนรอบๆตัวเท่านั้นเอง ส่วนห้องพ่อแม่พี่นั้นน้องรับรองว่า
มันจะเข้าไปไม่ได้เด็ดขาดจ้า
แล้วพี่ก็เข้าร่างจัดการสิ่งนั้นเสียแก่มัน แล้วกำกับอาคมลงยันต์ที่ร่ำเรียนมาแล้ว
ส่งคืนให้มันกลับคืนไปหาเจ้าของมันเท่านั้นมันก็จะแก้ไขของๆมันไม่ได้แล้วจ้า
นางอัปสรทั้งสองกล่าว
ส่วนพระเครื่องที่ได้รับมาจากหลวงพ่อนั้น ให้เก็บไว้ส่วนหนึ่ง แบ่งให้พวก
ตำรวจที่ไว้ใจได้ไปเพื่อใช้ในการป้องกันตัวเองจากพวกกระทำทั้งปวงด้วย
เขามาคอยพี่แล้วล่ะ ให้พี่รีบๆหน่อยนะ เดี๋ยวเขาจะคิดว่าฟังรหัสพี่ผิดไปจะกลับเสีย
นางอัปสรทั้งสองกล่าวให้ชายหนุ่มฟัง
ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปเรียนให้พ่อแม่ทราบก่อนและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบส่วนสาวชบา
กับเจ้าชัยนั้นอยู่กับพ่อแม่คงจะไม่เป็นอะไรน่าห่วงหรอก มีพวกน้องคอยดูแลด้วยอยู่แล้ว
ถ้าอย่างนั้นพี่จะต้องรีบไปแล้วและรีบไปพบคนของพี่ด้วยจ้า
ขอบใจน้องพี่มากนะ แล้วหันไปทางเจ้าแสงสีและสินชัย
กล่าวว่าเจ้าก็สมควรไปได้แล้วแยกทางกัน ไปทำงานทั้งสองด้าน
หากได้รับข่าวที่แน่นอนก็ให้รีบมารายงานด้วยนะ
ข้าต้องไปพบคนของข้าเสียแล้ว ครั้นเมื่อชายหนุ่มเข้าไปบอกพ่อแม่
ท่านหัวร่อว่าท่านรู้หมดแล้วล่ะไม่ต้องบอกหรอกข้ารู้หมดแล้วล่ะ
เจ้ารีบไปพบคนของเจ้าได้แล้วล่ะเขาจะคอยนาน จะทำให้คิดว่า
เขาฟังคำพูดเจ้าผิดไป บางทีอาจจะลังเลแล้วกลับไปก็ได้นา
อย่างไรพ่อแม่ก็ควรระมัดระวังด้วยนะครับ งานครั้งนี้ไม่ธรรมดาเสียด้วย
เออๆๆๆ....เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงหรอกในเรื่องแบบนี้ข้าผ่านมามากแล้วล่ะเอ็ง
ก็ด้วยเหมือนกัน
มิฉนั้นข้ากับแม่เอ็งคงอยู่ไม่ได้ถึงอายุปูนนี้หรอกว๊ะ!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ.....
กล่าวเสร็จก็หัวร่อทันที ส่วนน้องแกทั้งสองก็ไม่ต้องกังวลด้วยเจ้ารีบไปเถอะ
เขาคอยนานแล้วล่ะ....
ดังนั้นชายหนุ่มก็แบกกล่องออกจากบ้านไปยังที่นัดพบทันที ซึ่งสถานที่นั้นเป็นที่เดิม
ครั้นไปถึงก็เห็นสารวัตรและผู้กองทั้งสองนั่งรอคอยอยู่ก่อนแล้ว
อีกสองนายคิดว่าคงเป็นตำรวจมาใหม่ๆกำลังคอยเฝ้าดูแลต้นทางให้แก่สารวัตรและผู้กอง
หากมีสิ่งผิดปกติอะไรจะได้ส่งสัญญาณแจ้งให้รู้
เมื่อเขาเดินทางไปถึงก็เห็นสารวัตรและผู้กองพร้อมตำรวจอีกสองนาย
ต่างพากันแสดงความเคารพทั้งหมด เมื่อตำรวจสองนายรู้แล้วว่าเขาเป็นใครกัน
ชายหนุ่มก็พลันกล่าวว่า
วันนี้นำพระที่ได้สร้างไว้เมื่อวันงานสงกรานต์ที่ผมได้แบ่งไว้ไปให้พวกเขาไปใช้
พกติดตัวเวลาออกปฏิบัติงาน ซึ่งอาจจะตามมาอีกมากนัก แต่ว่าควรจะนำไปเลี่ยม
กันน้ำไว้เสียก่อน ก่อนเลี่ยมควรหาผ้าหรือสิ่งของที่มองไม่เห็นองค์พระนั้นไว้
แล้วค่อยเลี่ยม ให้นั่งเฝ้าเวลาเขาเลี่ยมไว้ด้วยนะเพื่อความไม่ประมาท อาจจะถูกสัปเปลี่ยนได้
ใช้แขวนคอหรือว่าจะกลัดติดเสื้อไว้ก็ ด้วยสิ่งที่นำมานี้กำลังเป็นที่ต้องการของพวก
ทางกรุงเทพฯหรือพวกมิจฉาชีพอยู่มากด้วย ด้วยการทดลองเมื่อคราวก่อนนั้นนั่นเอง
สารวัตรรีบให้ผู้กองเข้าไปช่วยรับมาแล้วเปิดฝากล่องออกทันที อันที่จริงแล้วสารวัตร
และผู้กองนั้นเคยเห็นและได้รับไว้แล้วคนละองค์ ส่วนตำรวจที่มาอีกสองนายนั้นไม่เคยเห็น
ครั้นแลเห็นก็ถึงกับตลึงงันไป ด้วยเกิดรังษีของพระแผ่กระจายออกแพรวพราวหลากสียิ่งนัก
พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ต่างให้สารวัตรฟัง ว่าสายของผมรายงานมาแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนนัก
เพียงรอคอยสักพักหนึ่งก่อน เมื่อแน่นอนก็จะเริ่มการทำงานกัน
พลางกล่าวเตือนและกำชับไว้อีกว่าการเลี่ยมพระคงจะทันหรอกนะ มอบให้คนที่นับถือจริงๆ
และเข้าร่วมปฏิบัติงานเท่านั้น ด้วยมีเพียงจำกัด ส่วนลูกอมนั้นมีอานุภาพเหมือนๆกัน
กับองค์พระ เวลาแจกควรหาที่ลับตาคนถึงจะแจกให้มิใช่ว่าให้มาเรียงแถวค่อยแจก
ให้ไว้สำหรับคนออกปฏิบัติงานเท่านั้น
ส่วนแผนงานผมได้วางไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงรอความแน่นอนเท่านั้นเอง
ผมคิดว่าอีกสองสามวันให้มาพบเพื่อรับแผนงาน หรือบางทีผมจะใช้คนไป
ส่งให้เองก็แล้วกัน
เพื่อจะได้ไม่เป็นที่สงสัยของพวกนั้นอีกด้วย สารวัตรคงจะจำเจ้าสองคนนั้นได้แล้วนะ
อ้อๆๆ.... เวลากลับให้หาทางลัดไปนะและอย่าให้ผู้ใดสงสัยแต่อย่างใดด้วย
ครับนาย แล้วนายจะมีอะไรสั่งผมอีกไหมครับ สารวัตรถาม
ยังก่อนหรอกรีบๆกลับก่อนจะมืดค่ำเสียก่อนนะ ด้วยตอนนี้เหตุการณ์ไม่เหมาะ
เสียด้วยซิให้ไปโรงพักและที่พักก่อนมืดนะ อย่าลืมเสียล่ะ ชายหนุ่มกล่าวด้วยความเป็นห่วง
ด้วยเขารู้ดีแล้วว่า คืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกในบริเวณนี้ ดังนั้นจึงรีบให้ลูกน้องรีบกลับเสียก่อน
เมื่อมอบของเรียบร้อยแล้ว ก็รีบแยกทางออกไปอีกทางหนึ่งเดินหายลับตาไปในพุ่มไม้
บรรดาสารวัตรและพวกก็ต่างไปยังอีกทางหนึ่งหายไปทันทีเช่นเดียวกัน
คืนนี้เป็นคืนข้างขึ้นแก่ๆ พระจันทร์กำลังลอยเป็นดวงเสี้ยวค่อนข้างมากอยู่ อากาศกำลัง
เย็นสบายๆ ลมพัดโชยจากภูเขามาตลอด ใบไม้ล้วนไหวโอนเอนไปๆมาๆ ไม่เยือกเย็นนัก
แสงสีนวลอ่อนๆ ทอแสงไปทั่วแต่ไม่สว่างมากนัก ดวงดาวยังระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้า
ครั้นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ ขณะที่ชายหนุ่มเข้าสมาธิอยู่ในขั่นอุปาจารสมาธินั้น
บัดดลเสียงหมาสามตัวที่เขาเลี้ยงไว้ ก็ส่งเสียงเห่ากระโชกแล้วพลันหอนขึ้นทันที
เสียงร้องดั่งหึ่งๆๆแว่วๆใกล้ๆเข้ามา จนเสียงนั้นดังขึ้นอย่างชัดเจน ล่วงเข้ามาในบริเวณบ้าน
จึงรีบเข้าสมาธิอีกพลางถอดกายทิพย์ออกจากร่างทันที ก็แลเห็นสิ่งต่างๆเขาแลเห็นเป็น
คล้ายแมลภู่สองตัวบินวนอยู่รอบๆบ้านเขา ร่างกายมันใหญ่ผิดปกติจากพวกแมลงภู่ทั้งหลาย
ทั่วๆไป เมื่อเข้ามาแล้วแต่ยังไม่สามารถจะล่วงล้ำเข้ามาได้ มันคงวนเวียนอยู่ไปๆมาๆ
สักพักใหญ่แล้ว ร่างมันทั้งสองก็พุ่งเข้ามาทางหน้าต่างเขาทันที มันบินตรงมายังร่างชายหนุ่ม
ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ เพียรวนเวียนไปๆมาๆ ห่างๆประมาณหนึ่งวาเห็นจะได้
ส่วนด้านนอกบ้านนั้นก็รายล้อมด้วยฝูงผีปีศาจนานาชนิด แต่มันเพียงแค่อยู่ภายนอกบริเวณ
บ้านไม่กล้าเข้ามาในบริเวณบ้านได้ ต่างแสดงอิทธิฤทธิ์กันนานาประการ พยายามที่แหวกฝ่าสิ่ง
ขวางกั้นจะเข้ามาในบริเวณบ้านให้ได้ เสมือนมันพบเจอสิ่งซึ่งเขาทราบแล้วว่าเกินจากสิ่งอะไร
เป็นรังษีจากองค์พระที่เขาเก็บบูชาไว้ ส่งแสงประกายรังษีพวยพุ่งออกมาครอบคลุมยังบริเวณ
นั้น พร้อมด้วยรังษีหลากสีต่างๆจากห้องพ่อและห้องแม่เขาด้วย ผสมผสานกันเข้า
แผ่ออกไปครอบคลุมบริเวณบ้านไว้อีกด้วย ซึ่งรังษีนั้นๆต่างรายล้อมเป็นอาณาเขตป้องกัน
มิให้เหล่าภูตผีปีศาจเข้ามาได้ แต่พวกมันก็มีความพยายาม ดื้อรั้น บ้างทำตัวสูงชะลูดยกขามัน
หวังจะก้าวข้ามผ่านรังษีนั้น แต่ก็ต้องชะงัก พร้อมถอยหลังกรูดๆหนีห่างไป บางตนเผลอตัว
ยามใดที่มากระทบกับแสงรังษีนั้นต่างร้องคร่ำครวญดิ้นรนหงายร่างดิ้นพลาดๆไปทันที
เมื่อชายหนุ่มหันไปมองทางห้องพ่อและแม่เขาก็เห็นร่างนางอัปสรทั้งสองต่างแยก
ย้ายกันเฝ้าหน้าประตู นางทั้งสองหลับตาพนมมือ เขาคิดว่าคงจะกำลังร่ายเวทย์มนต์เบื้องสูง
ป้องกันไว้มิให้สิ่งใดเข้าเข้าไปทางห้องพ่อแม่เขานั่นเอง
ภายในห้องก็แลเห็นพ่อและแม่ต่างกำลังเข้าสมาธิกันอยู่ ส่วนร่างสาวชบากับเจ้าชัยนั้นล้วน
บัดนี้นอนหลับไปแล้ว ต่างไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น คงจะด้วยพ่อแม่เขาสะกดเอาไว้ก็ได้
ดังนั้นชายหนุ่มจึงกลับเข้าคืนสู่งร่างทันที พร้อมเอาน้ำมนต์ที่ตระเตรียมไว้แล้วมามาเสกแล้ว
พรมสาดไปยังร่างของแมลงภู่ทั้งสองทันที ร่างแมลงภู่สีสันมันต่างกัน ตัวหนึ่งเป็นสีทองวับวาว
สว่างไสว อีกตัวหนึ่งสีเขียวแวววับคล้ายปีกของแมลงทับส่งประกายสดใสสวยงามยิ่งนัก
ครั้นเมื่อแมลงสองตัวโดนน้ำพระพุทธมนต์ต่างตกลงมากับพื้น แปรเปลี่ยนสภาพไปในทันที
ตัวสีทองกลายเป็นตะขาบสีแดงสดดิ้นพลาดๆแต่ก็พยายามลุกขึ้นตะกายมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
อีกตัวหนึ่งสีคล้ายปีกแมลงทับแปรเปลี่ยนเป็นหนังควายผืนกว้างใหญ่มากๆ แต่ผืนหนังของมัน
ดิ้นไปดิ้นๆมาตลอดเวลาค่อยๆเขยิบๆพยายามจะเข้ามาให้ได้
พลันชายหนุ่มก็ล่วงมือไปในย่ามที่วางไว้ใกล้ก่อนจะเข้าสมาธินั้น ควัก กรีชที่ทำด้วยไม้
ตะเคียนทองที่ได้ขอจากนางอัปสรรัตนาวดีไว้แล้วแกะเป็นด้ามกรีชมาลงอักขระเลขยันต์
ปลุกเสกไว้ทั้งสองด้ามออกมาจากย่ามทันที
พลางขว้างไปยังร่างของร่างตะขาบและหนังควายผืนใหญ่ ปลายมีดของกริชอันแหลมคม
ก็ปักลงไปตรงกลางตัวตะขาบและกลางผืนแผ่นหนังควายทันที
ร่างมันทั้งสองต่างดิ้นกันยกใหญ่แล้วค่อยๆช้าลงๆจนสงบนิ่งไป เมื่อชายหนุ่มเห็นอาการ
ดังนี้ก็ยกมือขึ้นจบเหนือศีรษะพลางร่ายพระเวทย์เป่าลงไปยังร่างของตะขาบยักษ์และร่างของ
แผ่นหนังความอันมหึมานั้นสามครั้ง ทุกอย่างก็สงบลง
จนแน่แก่ใจเขาแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปยังร่างของตะขาบยักษ์สีแดงสดถอนกรีชออกจากตัวมัน
ก็เห็นบนหัวตะขาบยักษ์มีเลขยันต์อาคมอยู่ทั้งร่างมัน ขาทั้งหลายยังดิ้นกระแด่วๆอยู่แล้วสงบลง
จึงทำการถอนอาคมเหล่านั้นออกทันที ครั้นถอนอาคมแล้วก็เป่ามนต์ลงไปอีกสามคาบ
เขาจึงพลางนำกรีชเล่มนั้นเขียนยันต์คาถาอาคมเป่าลงกำกับไปอีกครั้งหนึ่งพร้อมด้วยเลขยันต์
อักขระต่างๆไว้ลงแทนจนเห็นว่าพอสมควรเหมาะสมดีแล้ว
จึงเดินไปที่แผ่นหนังควายยักษ์ผืนมหึมานั้นถอนกริชออกมาแล้ว ภายในแผ่นหนังมหึมานั้น
มีคาถาอาคมเป็นอักขระขอมเลขยันต์ต่างเหมือนคล้ายๆกันกับตัวตะขาบยักษ์นั้นเขียนลงไว้เพียง
ซึ่งบนหนังควายนั้นมีอักขระเลขยันต์ต่างๆกำกับอยู่แล้วแต่ภาษาที่เขียนแตกต่างกัน แต่ยันต์ต่างๆ
นั้นคนละแบบกันอีกด้วย ทั้งภาษาอักขระทั้งหมดซึ่งเขาอ่านไม่ออกสักตัวเดียว
ดังนั้นชายหนุ่ม จึงทำพิธีถอนมนตราอาคมต่างๆออกเสียสิ้น พลางเป่ามนต์ลงไปเช่นเดียวกับ
ตัวตะขาบแล้ว ก็นำกริชที่ปักแผ่นหนังยักษ์นั้นมาเขียนยันต์เลขอักขระทับลงไปอีกตามแบบ
วิธีของเขา แล้วพลางเป่าคาถาอาคมลงไปอีกสามคาม ก็เสร็จจากการลงอาคมของเขา
แล้วก็มานั่งเข้าสมาธิเจริญจนถึงขั้นสูงสุดพร้อมด้วยเจริญทางกสิณด้วยแล้วถอยหลังกลับลง
มายังอุปจารสมาธิ ลืมตาขึ้นเพ่งมองไปยัง ร่างของตะขาบยักษ์พร้อมกับแผ่นหนังควายมหึมาทันที
ทันใดนั้นนั่นเองทั้งตะขาบและแผ่นหนังควายยักษ์ก็ค่อยๆหดตัวเล็กลงๆไปเรื่อยๆแล้วพร้อมร่าง
มันค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเหมือนเดิมไปในทันที เขาเรียกแมลงภู่สีทองและแมลงภู่สีปีกแมลงทับเหล่านั้น
เข้ามายังฝ่ามือเขาพร้อมกุมของทั้งสองสิ่ง พลางร่ายพระเวทย์อาคมต่างๆกำกับลงไปในตัวสัตว์ทั้งสอง
ฉับพลันก็แบมืองทั้งสองออกเป่าคาถาลงไปทันที บัดดลแมลงภู่ทั้งสองตัวก็บินออกจากฝ่ามือของเขา
แล้วบินออกไปทางหน้าต่างหายลับไปทันที.......
* แก้วประเสริฐ. *
4 ธันวาคม 2553 16:33 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๗
ระหว่างเดินเข้าพบกำนันหวนอยู่นั่น ก็แลเห็นร่างชายมีอายุ
นั่งสนทนากันอยู่สี่คน ทั้งหมดต่างชะงักหันมามองดู ครั้นแลเห็น
กำนันมั่นนำหน้าคนทั้งหลายเข้ามาก็ ร้องทักไปทันที
วันนี้เป็นวันอะไรนะ????... กำนันมั่นถึงได้เดินทางมาด้วยตนเอง
มาหาข้าล่ะ กำนันหวนทักขึ้นพร้อมยกมือขึ้นไหว้ กำนันมั่นก็ยกมือ
ขึ้นไหว้ตอบรับ ชายอีกคนก็หันมามองแล้วร้องทักขึ้น พลางกล่าวว่า
จริงซินะหวน...ลมอะไรหอบเอากำนันแห่งหมู่บ้านบางกระดี่มาได้
ซึ่งแปลกจริงๆ พร้อมยกมือไหว้กำนันมั่นทันที กำนันมั่นก็ยกมือ
ไหว้รับตอบผู้ร้องทัก คือกำนันใช้แห่งหมู่บ้านบางโคพลางกล่าวว่า
สบายดีหรือ??.... กำนันบ้านบางโคตอบว่าสบายดีอยู่หรอก มีอะไรจะ
ให้ช่วยอีกหรือ กำนันมั่นถึงได้มาเอง....อ้าวๆแล้วนั่นนำใครมาล่ะ??...
กำนันมั่นไม่ตอบ เพียงหันไปมองผู้อยู่ร่วมวงสนทนา มีชายแปลกหน้า
คนอีกสองคนซึ่งกำนันมั่นมองไปแต่งตัวเหมือนพวกมีวิชาอาคม
เมื่อทั้งหมดกำนันหวนเชิญให้นั่ง ต่างก็แยกย้ายกันนั่งบนเก้าอี้นวม
กำนันหวนและกำนันใช้ก็แนะนำกำนันมั่นว่า แล้วพลางชี้มือไปยัง
คนทั้งสอง ที่ขวามือคืออาจารย์เจี้ยะเปิ้ง และซ้ายมือนั่นคืออาจารย์
เสิ่งปาง กำนันและพวกต่างยกมือไหว้อาจารย์ทั้งสอง
อาจารย์ทั้งสองต่างยกมือไหว้ตอบ กำนันมั่นก็ถามขึ้นว่า???....
ดีเหมือนกันว่าจะไปหากำนันใช้อยู่ทีเดียว เมื่อมาครบกันนี้ก็จะ
แนะนำให้รู้จัก เสี่ยหว่างเสียเลย ซึ่งเขามีเรื่องจะพูดคุยกันกับกำนัน
ทั้งสองด้วยนะ ได้โอกาสเหมาะพอดีเลย.....
แล้วกำนันหวนก็หันไปสั่งเด็กสาวๆให้ไปยกน้ำท่ามาต้อนรับแขก
เด็กสาวทั้งสอง รับคำแล้วก็หายไปทางหลังบ้าน
พลางหันหน้าไปทางเสี่ยหว่าง กล่าวว่านี่คือกำนันหวน
แห่งบ้านโคกยายหอย โน่นกำนันใช้แห่งหมู่บ้านบางโค
ส่วนอีกสามหมู่บ้านนั้นไม่ได้มาแต่ก็รับชอบพอกันทั้งหมดแหละ
โน่นอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งได้รับข่าวว่ามาจากทางเขมร
ทางกำนันหวนเชิญมาช่วยงานของเขา แล้วหันไปทางอาจารย์
เสิ่งปางว่านี่เป็นอาจารย์ทางกำนันใช้เชิญมาช่วยงานเช่นเดียวกัน
เสี่ยหว่างได้รับการแนะนำเช่นนี้ก็ยกมือไหว้
อาจารย์ทั้งสองก็กล่าวว่าก็พึ่งจะรู้จักก็วันนี้แหละ
เพียงได้ยินแต่ชื่อเสียงของกำนันและเสี่ยเท่านั้น
ทางกำนันมั่นก็กล่าว่าถ้าอย่างนี้ดีแล้ว
เสี่ยมีอะไรจะขอร้องไหว้วานก็พูดออกมาได้เลยเราคนกันเองทั้งนั้น
พลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหลังจากที่เด็กๆเอามาเสริร์ฟให้แล้วเดินออกไป.....
เสี่ยหว่างบอกว่าก็เกี่ยวกับงานไม้นั่นแหละ อยากจะขอร้องกำนันทั้งสอง
ให้ช่วยนำทางหรือหากมีกำลังคนช่วยก็ยิ่งดี ส่วนเรื่องค่าตอบแทนนั้นไม่ต้อง
เป็นห่วงเราเองไม่อั้นหรอก รับรองว่าต้องได้รับกันอย่างพอใจทีเดียวแหละ
กำนันหวนและกำนันใช้ก็พลันกล่าวว่า เรื่องให้คนนำทางนั้นไม่เป็นปัญหา
ต้องห่วงหรอก ตลอดทางหนีทีไล่นั้นนะ แต่เรื่องกำลังคนซิทางเราแทบจะหมด
เสียเลย ด้วยเสียคนมือดีไปมากในงานคราวที่แล้วของกำนันมั่นเขา
จะเหลือเพียงก็พวกที่เป็นรองแต่ฝีมือมันก็ใช้ได้อยู่นะ กำนันทั้งสองตอบ
เสี่ยหว่างก็ตอบว่าหากงานนี้สำเร็จเรียบร้อยค่าตอบแทนนับเป็นล้านเลยล่ะ
ทางเราไม่ปฏิเสธจะเอาเป็นเงินสดหรือเช็คเงินสดก็ได้ทั้งสิ้น เพียงขอความ
สะดวกแก่กำนันทั้งสองก็แล้วกัน ส่วนกำลังคนนั้นข้าได้นำมาเองด้วย
ตลอดจนรถในการทำงานนี้ก็มีหลายๆคันเสียด้วยซิ ติดแค่หนทางเท่านั้นเอง
อีกอย่างหนึ่งด้วยทางเราต้องนำมาแปรรูปเสียบ้างก่อน ด้วยมีทั้งไม้แปรรูป
และยังเป็นท่อนๆมากอยู่ ครั้นจะนำไปทางกรุงเทพระยะนี้เหตุการณ์ทางโน้น
ก็ไม่ค่อยจะไม่น่าไว้วางใจนัก ตั้งแต่เปลี่ยนรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมารู้สึกว่าอะไรๆ
เปลี่ยนแปลงหมด การงานที่เคยทำคล่องก็แลดูติดขัดไปเสียหมดทุกๆอย่าง
การติดต่อที่เคยได้รับความสะดวกก็ลำบากยากขึ้น อำนาจการจับกุม
ก็เหมือนเปลี่ยนแปลงไปเสียหมดด้วยล่ะ พวกที่เคยทำก็ต่างปฏิเสธกลัวว่าจะถึงตัว
ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆอีกด้วย เสี่ยหว่างกล่าวขึ้นให้พวกกำนันฟัง.......
จึงอยากจะให้กำนันช่วยจัดหาสถานที่สำหรับใช้ในการทำการแปรรูปท่อนซุง
เป็นไม้แปรรูปจากท่อนไม้อีกด้วย เรื่องสถานที่นั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก บรรดา
พวกกำนันกล่าว หากจะดูสถานที่จะใช้สำหรับแปรรูปก็ได้ เพื่อจะได้สะดวกยิ่งขึ้น
ส่วนทางด้านป่าไม้นั้นทางเราสามารถติดต่อประสานงานกับพื้นที่ได้
เรื่องนี้เสี่ยไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เพียงขอให้เสี่ยจัดหากำลังคนให้เพียงพอมาทางเรา
มีน้อยก็จะช่วยประสานงานให้ สถานที่นั้นหากเร็วยิ่งดีอย่างที่เสี่ยพูดถูกด้วยทางนี้
ก็เหมือนกัน ทางตำรวจเองและตลอดจนนายอำเภอก็ถูกย้ายกันระนาว
ดังนั้นควรจะให้เด็กเสี่ยไปดูสถานที่ไว้ก่อนว่าจะพอใจหรือไม่ หากวันนี้นั้น
พวกข้าคิดว่าคงไม่ทันหรอก กำนันใช้กล่าวขึ้น........
อ้อๆๆ....อีกอย่างหนึ่งเรามีอาจารย์มาช่วยด้วย ซึ่งเด็กของอาจารย์คงจะช่วยเหลือ
หากทางอาจารย์ยินดีช่วยเหลือเด็กของท่านล้วนเป็นพวกผีทั้งหลายมีฤทธิ์เดชมากด้วยนะ
จะได้มาคอยบังตาการทำงานให้แก่พวกเสี่ยได้ด้วยอีกทางหนึ่งเรารู้มาจากอาจารย์
ที่ใช้เด็กท่านไปสืบมาด้วยล่ะ จึงได้มาพบรอเสี่ยเสียที่นี่พร้อมๆกันเลยล่ะ
ครั้นเสี่ยได้ยินเช่นนั้นก็หันไปทางอาจารย์ทั้งสองพลางยกมือไหว้
ขอให้ช่วยเหลืองานนี้ด้วย พร้อมจะแยกสินน้ำใจให้อีกแต่ละอาจารย์ไว้ด้วย
ส่วนของกำนันก็ต่างหาก เมื่ออาจารย์ทั้งสองรับฟังเช่นนั้นก็หัวร่อ
พลางกล่าวว่า หากเป็นเช่นนี้ก็ดีซิจะได้ช่วยเหลือกันและกันอย่างเต็มที่
ทางข้าเองนั้นก็ใช้เด็กๆไปติดต่อกับพวกนั้นไว้ก่อนแล้วล่ะ ด้วยรู้ว่ายังไงๆ
เสี่ยก็ต้องมาแน่นอน
แล้วหันไปทางกำนันมั่นถามว่า ทางหมู่บ้านโคกอีแร้งนั้น
นอกจากหลวงพ่อทองแล้วมีใครบ้างที่เก่งวิชาอาคมบ้างล่ะกำนัน????.......
กำนันมั่นตอบว่าข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนอกจากหลวงพ่อทอง
แล้วก็ไม่เห็นมีใครตั้งตัวเป็นอาจารย์สักคน ล้วนแล้วพวกเขาทำมาหากิน
กันทั้งสิ้น ข้าไปขายของหลายต่อหลายครั้งจนเบื่อๆเลยไม่อยากไปยุ่งด้วย
กำนันแจ่มผู้ใหญ่อาจข้าพยายามเกลี่ยกล่อมแต่ทางโน้นไม่เล่นด้วย
และกำนันโคกอีแร้งเขาก็ไม่ค่อยชอบทางเรื่องนี้ด้วย เคยมีคนมาขออาศัย
สร้างสำนักอาจารย์ ทางกำนันแจ่มก็ไล่ตะเพิดไปหมด ข้าจึงไม่เห็นมีใครนี่นา??...
กำนันมั่นตอบอาจารย์ทั้งสอง
เอ๊ะๆ!!!???....แปลกเด็กข้าก็ทำงานรายงานไม่เคยผิดพลาดเลยนี่นา
มันบอกว่าไอ้พวกที่อาจารย์ดำเขาใช้ไปทำงานนั้นล้วนแล้วเก่งกาจทั้งนั้น
อาจารย์ดำเองนั้นก็เก่งวิชาอาคมมากร่ำเรียนมาจากเขมรที่เขากิเลนนั้นเหมือนข้า
ก็ยังมาตายเสียที่นี่ เด็กๆมันแตกกระเจิงหนีไปหมด
ส่วนใหญ่ไปหาข้าและอาจารย์เสิ่งปางกันและอีกส่วนผีที่ถูกอาจารย์ดำมาจากการ
ที่ชักชวนจากป่าช้าโคกอีแร้งหรือมันก็กลับไปถิ่นเดิมในป่าช้านั้น คงได้เพียง
แต่ก็เร่ร่อนเข้าไปในป่าช้าไม่ได้ ด้วยนายป่าช้าไม่อนุญาตให้เข้าในเขตป่าช้า
มันจึงเที่ยวอาละวาดชาวบ้านแต่ตอนนี้ถูกจับไปหมดสิ้น ต่างสูญหายไปหมด
ไม่รู้ว่าพวกมันถูกเอาไปทำอะไรไม่มีวี่แววเสียเลย??...... อาจารย์ทั้งสองบ่นพึมพรำ
ข้าถามเด็กของข้าว่าเป็นหลวงพ่อทองวัดโคกอีแร้งหรือเปล่า???......
มันบอกว่าไม่ใช่เป็นชาวบ้านธรรมดานี่แหละ
แต่ไม่ได้แสดงตัวเป็นอาจารย์ หากมันสามารถปราบอาจารย์ดำ
ซึ่งเป็นศิษย์ผู้น้องสำนักเดียวกับข้าได้ก็ถือว่ามันเก่งไม่ใช่เล่น
ข้อนี้ข้าถึงได้ปรึกษาหารือกับอาจารย์เสิ่งปาง เขาก็พยายามให้เด็กของเขา
ไปสืบเสาะหาแต่ก็ไม่ได้ความอะไรเลย???... จึงทำให้พวกข้าแปลกใจ
มาก ถ้าหากมันไปร่วมมือกับทางการด้วยทางเราก็เห็นจะไม่ค่อยดีนักนะ
คราวนี้เล่นเอากำนันมั่นและเสี่ยหว่างยิ่งงุนงงกันใหญ่
พลางนึกในใจว่าแล้วอาจารย์ที่ทางนี้กล่าวมันเป็นใครกันหว่า???.....
แม้แต่อาจารย์ทั้งสองยังเอ่ยปากถาม จึงกล่าวว่า....
ข้าว่าอาจารย์ทั้งสองลองใช้ไปอีกทีซิว่าบ้านใครในหมู่บ้านโคกอีแร้ง
ที่พวกมันเข้าไปไม่ได้ หากเป็นบ้านที่เข้าไปไม่ได้
อาจจะเป็นบ้านนั้นกระมัง ทั้งสองออกความเห็นพร้อมๆกัน
ข้าเองก็เคยใช้ไปเหมือนกัน แต่มันกลับมารายงานว่า
ตอนนี้ยากกว่าเดิมเสียแล้ว ด้วยไม่สามารถจะเข้าไปในบ้านโคกอีแร้ง
กันได้เหมือนเดิมอีกแล้วล่ะด้วยต่างมีพระที่มีรัศมีแรงกล้าแผ่
ออกมาปกป้องคุ้มครอง เพียงได้แต่อยู่ห่างๆไว้ด้วยเท่านั้น ได้แต่ยืนมองดู
ข้าก็เลยถามว่าก่อนที่พวกเอ็งไปคราวก่อนนั้น มีบ้านใดบ้าง
ที่มีของป้องกันก่อนจะมีพระนั้น มันถึงมาบอกข้าขึ้นว่า
มีอยู่หลังหนึ่ง อยู่แถวใกล้ๆวัดแต่ก็เข้าไปไม่ได้ด้วยมีจำพวกควายธนู
มาไล่ขวิดจนมันต้องแตกกระเจิงกลับมา บาดเจ็บไปก็อีกหลายๆตน
บางตนถึงแก่หายไปก็มีไม่กลับมาอีก จึงอยากให้ทางกำนันลองไปดู
ซิอีกทีว่ามีบ้านใครๆบ้างที่อยู่ใกล้ๆวัดไม่ห่างกันมากนักนะ
อาจารย์ทั้งสองกล่าวขึ้น พลางหันหน้าไปทางกำนันมั่น
กำนันพลันนั่งนึกทบทวนดูก็เลยพูดว่า เห็นจะมีแค่สองบ้าน
เท่านั่นแหละที่ไม่ห่างไกลวัดเท่าไหร่นัก มีบ้านหนึ่งอยู่ใกล้ๆกว่าวัด
คือบ้านตาเชียร กับบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ่มเท่านั้น
นอกนั้นอยู่ห่างไปอีกมากๆหน่อย กำนันมั่นตอบ...
เออๆๆ???.....เท่านี้ก็พอเดี๋ยวคืนนี้ข้าจะทดลองดูจะปล่อยของ
ไปทดสอบดูว่าบ้านใครปราบของๆข้าได้ ก็บ้านนั้นแหละว๊ะ???.....
เอๆๆๆ....แต่แปลกนะอาจารย์หมู่บ้านแถวนั้นมักจะถือศีล
ในวันพระถือศีลแปดกันแทบทุกหลังคาเรือนด้วยล่ะ แปลกจริงๆ...
จะมาร่ำเรียนวิชาอาคมกันไปทำไมกัน???.....
ก็ไม่แน่นากำนัน บางทีอาจจะร่ำเรียนมาก่อนแล้วก็ได้
แต่มาเลิกเสียเหลือเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
ที่มีไว้ป้องกันตัว แล้วบ้านไหนล่ะที่อยู่ใกล้ๆวัดที่สุดกำนัน
อาจารย์ทั้งสองเอ่ยถามขึ้น???....
หากไม่ผิดก็บ้านตาโชตินี่แหละที่ใกล้ที่สุดล่ะไม่ห่างจากวัดมากนัก
ส่วนบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่นั่นก็ยังเลยไปอีกมากนักแต่ไม่ไกล
นับว่าเป็นบ้านที่ใกล้วัดมากที่สุด กำนันมั่นตอบ
งั้นดีล่ะเดี๋ยวข้าจะลองของมันหน่อย ใช้ของข้าไปทดสอบดูบ้านนี้ก่อน
ว่าจะใช่หรือไม่ หากมันแก้ไขได้ ก็แสดงว่าใช่บ้านนี้ เอามันคืนนี้เลยล่ะ???...
อาจารย์ทั้งสองกล่าวแก่กำนันทั้งหลายและเสี่ยหว่างให้ทราบ
ส่วนเรื่องของเสี่ยไม่ต้องต้องห่วงหรอก
ข้าจะใช้เด็กๆไปเกลี้ยกล่อมหากสำเร็จก็จะบังตาให้พวกเสี่ยด้วยนะ
แต่อย่าลืมที่กล่าวไว้เสียล่ะ???...อาจารย์ทั้งสองรีบทวงสัญญาทันที
เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกเสี่ยหว่างกล่าวขึ้น ขอให้งานข้าสำเร็จ
เดินทางถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ นายข้าทางโน้นพอใจก็ใช้ได้ข้าก็จะให้
คนนำเช็คมามอบให้แก่กำนันมั่นแล้ววานกำนันมั่นส่งต่อๆไปให้แต่ละคน
แล้วทั้งหมดก็ปรึกษาวางแผนกันว่าจะดำเนินกันอย่างไรบ้าง
กำหนดวันเวลาเพื่อจะเริ่มทำงาน ส่วนสถานที่แปรรูไปไม้นั้นพรุ่งนี้
จะให้คนมาพบกำนันหวนและกำนันใช้เพื่อไปดูสถานที่ที่เหมาะสมใน
การแปรรูปไม้ ขอให้กำนันทั้งสองติดต่อกับทางป่าไม้ให้เรียบร้อยด้วย
เดี๋ยวเกิดทางโน้นเปลี่ยนใจกระทันหันเรื่องมันก็จะใหญ่โตขึ้น อีกอย่าง
หากเกิดการผิดพลาดอย่างไร อย่าได้เอ่ยชื่อข้าเป็นอันขาดด้วยนะ บอก
เด็กๆของพวกกำนันไว้ด้วย จะอ้างหรือปฏิเสธอย่างไรก็ตามใจแต่ให้
มันสอดคล้องกันด้วย ทางที่ดีกำนันควรนัดแนะกันไว้ก่อนก็จะดี
เสี่ยหว่างกล่างขึ้น.....
เรื่องนี้ทางเสี่ยไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าจะนัดแนะกำนันและพวกไว้
ก่อนงานจะเริ่มทำนะ อีกอย่างหนึ่งตามธรรมเนียมข้อนี้เสี่ยก็รู้ดีว่าควร
จะทำอย่างไร???....กำนันมั่นเตือน
ครั้นเสี่ยได้ยินเช่นนั้นก็หัวร่อ พร้อมทั้งเปิดกระเป๋านับเงินออกมายื่น
ให้กำนันทั้งสามไว้พร้อมกับอาจารย์ทั้งสองด้วย พลางกล่าวว่านี่เป็นแค่
น้ำจิ้มเท่านั้น หากสำเร็จเมื่อใดอาหารจริงก็จะส่งตามหลังมาอีกมาก
เมื่อกำนันและอาจารย์ทั้งหลายรับเงินมาแล้วไม่นับ เมื่อมองเห็นว่าเป็น
ฟ่อนใหญ่มากล้วนแล้วแต่แบงค์พันทั้งสิ้นก็เก็บไว้เรียบร้อย หันไปบอกเสี่ย
อย่างงั้นเสี่ยเริ่มได้แล้วล่ะ จะเป็นเมื่อไหร่บอกคนของเสี่ยพร้อมก็แล้ว
กันนะ พวกข้าจะได้เตรียมคนเอาไว้ให้ก็แล้วกัน จะได้เสร็จกันเร็วๆ
ดีๆๆๆเมื่อพวกเราตกลงกันได้เช่นนี้แล้ว ก็เป็นอันว่าคงจะไม่มีอะไรเกิด
ขึ้นอีกนะ งั้นพวกข้าลาก่อนพลางหันไปทางกำนันมั่นกล่าวว่า
พวกเรากลับกันได้แล้วเมื่อตกลงกันได้เช่นนี้
ส่วนทางกำนันนั้นเพียงแค่ส่งคนนำทางมาให้แก่กำนันทั้งสอง
และร่วมมือด้วยนะ มิฉะนั้นอาหารก็จะน้อยลง
ตามสภาพของงานซึ่งกำนันก็รู้อยู่แล้วนี่นาด้วยทำงานกับไอ้เม้งมานานแล้ว
ครั้นแล้วทั้งหมดก็ลาพวกกำนันและอาจารย์ทั้งหมด ออกจากบ้านไปเมื่อ
ถึงบ้านกำนันมั่น เสี่ยหว่างก็เอ่ยขึ้นว่า
อย่างนั้นผมไม่เข้าไปบ้านกำนันก็แล้วกันนะ จะได้รีบกลับเข้าเมืองไปรายงาน
เจ้านายข้าเสียก่อน เพื่อให้เขานัดแนะทางโน้นไว้ กำนันมั่นพยักหน้า
แล้วเสี่ยกับพวกก็รีบออกเดินทางกลับทันที.........................
* แก้วประเสริฐ. *
3 ธันวาคม 2553 19:10 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๖
เมื่อได้นั่งสนทนากับพ่อแม่น้องสาวน้องชาย ภายในห้องโถง
สักพักเกี่ยวกับสิ่งของที่เขาซื้อมาให้ ต่างคนต่างใส่เสื้อผ้าทั้งสิ้นยกเว้น
มีเพียงสาวชบาเท่านั้น ทั้งไม่กล้าเอ่ยคำถามใดๆเลย นอกจากนั่งฟังเฉยๆ
สิ่งที่ยังค้างคาใจหล่อน ก็เกี่ยวกับเรื่องลับที่ชายหนุ่มซื้อมาให้นั่นเองว่าเหตุใด
ถึงรู้ขนาดของหล่อนไปหมด นอกจากฟังเขาคุยกันเท่านั้น ด้วยการก้มหน้าฟัง
จนชายหนุ่มเอ่ยถามหล่อนขึ้นว่า...
อ้าวน้องชบาไม่เห็นคุยอะไรเลย ผิดกับเจ้าชัยคุยจ้อเลยล่ะ???
หญิงสาวเงยหน้ายิ้มแต่กระนั้นสีหน้าแก้มยังแดงระเรื่อๆอยู่
หล่อนตอบแก่เขาว่า...
น้องไม่รู้จะคุยอะไรนี่นาพี่ เจ้าชัยมันคุยเสียหมดแล้ว????.....
ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆแล้วหันไปคุยเรื่องอื่นๆต่อไป
เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว
สักครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ขอตัวเข้าห้องว่าต้องจะวางแผนทำงาน
สักอย่างหนึ่งก่อน ด้วยไปในเมืองมาครับ ชายหนุ่มกล่าว
พ่อแม่เขารู้แล้วว่าเขาจะทำอย่างไร แต่มิได้กล่าวถามเพียงคิดว่า
คงเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของลูกจึงเฉยๆเสียไม่กล่าวอะไร
ถ้าอย่างนั้นไปทำธุระของลูกก่อนก็แล้วกัน ฝ่ายผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้น
เดี๋ยวพ่อแม่เจ้าชัยจะได้ออกไปดูงานเหมือนกันนะ แต่ยังนั่งคุยกันอยู่ต่อไป....
แต่ก็ยังเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่มว่า....
คิดจะทำอะไรๆก็ควรไตร่ตรองให้รอบคอบระมัดระวังตัวด้วยนะลูก
ถึงอย่างไรก็อย่าได้ประมาทคนเก่งกว่าเราอาจจะมีแยะ อีกอย่างพ่อเองก็ได้ข่าวว่า
ทางบ้านหมู่บ้านโคกยายหอยนั้นมีอาจารย์เขมร รู้สึกจะชื่อเจี๊ยะเปิ้ง กระมังนะ
มาพักพิงอยู่แล้ว และทางหมู่บ้าน
บางโคอาจารย์ส่วยเชื้อสายชาวขมุ ก็มาอีก เหมือนชื่อ เสิ่งปาง
พ่อเองได้ยินเขาพูดๆกันจะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ซิ ลูกลองให้ลูกน้องตรวจสอบดู
ก็แล้วกันนะ พวกมันล้วนแล้วแต่เก่งกล้าวิชาอาคมด้วยกันทั้งสองคนนั่นแหละ
การทำงานก็ควรระมัดระวังหน่อยนะ คราวนี้ไม่ธรรมดาเสียด้วย???....
พ่อกล่าวด้วยความเป็นห่วง
ครับพ่อ...ผมเองก็พอจะรู้เหมือนกันว่าทางกำนันทางโน้นเขาไปเชิญมันมาด้วย
คนของเขาได้เสียชีวิตไปมาก จำเป็นต้องใช้พวกนี้ทำงานร่วมด้วย เนื่องจากทุกๆ
ครั้งงานก็เรียบร้อย พอคราวที่แล้วผีที่อาจารย์ดำส่งไปมันล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้หมด
ซึ่งก่อนนั้นมันใช้พวกผีไปทำงานคอยดูลาดเลาให้ครับ งานถึงได้สำเร็จไป
นั่นแหละดีแล้ว จะใช้คนของเราก็ควรให้มันระวังตัวไว้ด้วย
ได้ข่าวว่าทั้งสองมันเก่งกล้าอาคมมามากกว่าอาจารย์ดำเสียอีก ผู้เป็นพ่อกล่าว
หากพ่อจะช่วยได้ก็บอกมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกลูก???......
ครั้นชายหนุ่มเดินเข้าห้องพักไปแล้ว ก็เห็นบรรดาหนุ่มๆและนางอัปสร
กำลังสนทนากันจึงเข้าไปนั่งร่วมด้วย
โดยปิดประตูไว้เพื่อจะไม่ให้พ่อแม่รู้เรื่องราวของเขาและได้ยินเสียง
ในการสนทนาของพวกเขาเกรงจะเป็นห่วงเป็นใยมากขึ้น
จะทำให้เกิดความไม่สบายอกสบายใจเรื่องงานของเขาที่จะทำขึ้น
พอชายหนุ่มก้าวเข้ามา แม่นางรัตนาวดีกับแม่นางอ้อยสุดาวัลย์
ครั้นแลเห็นชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อชายหนุ่มนั่งเรียบร้อยแล้ว
พลันกล่าวขอบใจมากจ้าที่ซื้อของมาฝาก และพลางกล่าวขึ้นว่า
ต่อไปพี่ไม่ต้องซื้ออะไรมาก็ได้นะ ด้วยพวกน้องๆใช้แต่ของทิพย์ทั้งนั้น
ของพวกนี้สู้ทางเบื้องบนไม่ได้หรอกจ้าแต่ดีใจขอบใจมากด้วย
ที่มีน้ำใจแก่พวกเรา ที่ไม่ลืมทำให้ปลาบปลื้มใจยิ่งนัก
ส่วนเจ้าแสงสีสินชัยกับกล่าวแตกต่างกับแม่นางอัปสารทั้งสอง
พลางยิ้มระรื่นหัวร่อร่า พร้อมกันกล่าวว่า
ขอขอบใจนายมากครับ.......พร้อมทั้งโชว์เสื้อผ้าใหม่ที่ใส่อยู่จับมาให้ดู
ชายหนุ่มจ้องมองดูแล้วก็หัวเราะบอกแก่หุ่นทั้งสองว่าไม่เป็นไรหรอก
เจ้าแสงสีสินชัยแค่สินน้ำใจเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
หากไปในเมืองอีกจะหาของแปลกๆสวยๆกว่านี้มอบให้
แล้วหันหน้าไปทางนางอัปสรทั้งสองพลางมองดู
ยิ่งพิศยิ่งช่างงดงามอะไรเช่นนี้รัศมีผ่องพรรณงดงามยิ่งนัก
เขาเพ่งมองจนนางอัปสรทั้งสองบังเกิดความเอียงอาย กล่าวว่า
พี่โชติไม่เคยเห็นหรือถึงจ้องเอาๆเช่นนี้??....พลางก้มหน้าลงมองพื้น
ชายหนุ่มก็ตอบว่า เคยเห็นนะเห็นหรอกแต่วันนี้ทำไม
วันนี้ช่างสวยงามยิ่งนักเป็นพิเศษด้วยจ๊ะ พลางยิ้มหน้าระรื่น
ยิ่งมองยิ่งสวยมากขึ้นทุกๆที จนนางทั้งสองหันมามองหน้ากันด้วย
ความเขิน เมื่อได้ยินชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้อีก.....
ชายหนุ่มพลันตัดบทว่าแต่อย่าพึ่งคุยกันเรื่องนี้ก่อนนะ
เดี๋ยวขอพี่คุยกับเจ้าแสงสีสินชัยก่อนนะ แล้วค่อยมาคุยกันเพราะ
ด้วยมีงานต้องใช้เขาทั้งสองด้วยล่ะขอโทษด้วยนะ??...
ชายหนุ่มกล่าวแก่แม่นางอัปสรทั้งสอง ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ
กล่าวเสร็จร่างของนางทั้งสองก็ค่อยๆอันตรธานหายไป.......
หล่อนทั้งสองรู้เรื่องดีว่าจะคุยเรื่องอะไรกัน อยากจะช่วยแต่ด้วย
เป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายเขา จึงกลับไปยังร่างเดิม
ครั้นนางอัปสรทั้งสองหายลับไปแล้ว.....
ชายหนุ่มจึงเรียก เจ้าแสงสีสินชัยเข้ามาแจ้งว่าให้ไปดูทางหมู่บ้านบางโค
และหมู่บ้านโคกยายหอยสักหน่อย ข้าเองมีเรื่องให้ช่วยเหลือ
ได้ข่าวว่ามีอาจารย์ที่ทางกำนันทางโน้นเชิญมา แต่ไม่ต้องไปรบกวนอะไร
มากนะว่าจะมีวิชาอาคมเก่งกล้าขนาดไหน หากเกลี้ยกล่อมผีของมัน
ได้ก็ยิ่งจะดีมากว่ามันเลี้ยงผีจำพวกอะไรบ้างเท่านั้นว่า
ฤทธิ์เดชผีของมันเป็นอย่างไรบ้าง???..... เพื่อจะหาทางแก้ไขเหตุการณ์ได้
เพียงแค่ทดลองบริวารมันก็พอรู้แล้วมันเก่งทางด้านไหนๆ รีบกลับมาแล้ว
แล้วย้อนไปสืบทางบริเวณด้านติดริมโขงที่มีน้ำมากที่จะมาสิ้นสุดต่อจากนั้น
จะเป็นโขดหินพอจะเดินข้ามฝั่งได้แต่ต้องอาศัยความชำนาญเท่านั้น ส่วนมาก
จะเป็นทรายลึกๆและจะมีร่องน้ำแห้งๆ จะมีการติดต่อค้าขายกัน ใจข้าคิดว่า
พวกมันคงจะมาติดต่อกันไว้ก่อนแล้ว มีแต่พวกเจ้าป่าเจ้าเขาผีต่างๆที่อยู่ที่นั่นรู้
ซึ่งทางติดด้านเขาทางทิศเหนือตรวจสถานที่ไว้ด้วย ตลอดหนทางหนีทีไล่ไว้ด้วย
ด้วยเสี่ยหว่างมันจะนัดทางพวกขนไม้เถื่อนมาจะมาส่งกันที่ไหนวันเวลาใด
ซึ่งเจ้าตอนนี้ก็สามารถจะเอาตัวรอดได้แล้วนี่นะด้วยร่ำเรียนจากข้ามามากทั้ง
วิชาอาคมที่ข้าสอนให้เจ้าไว้ก็มากพอจะเอาตัวรอดได้ มีฤทธิ์เดชมากมายมากนัก
คิดว่าพวกอาจารย์นั้นคงจะทำอะไรเจ้าไม่ได้อีกแล้วล่ะ
ทั้งยังสามารถปั้นดินมาสร้างเป็นบริวารของเจ้าได้อีกด้วย หากพวกผีเหล่านั้น
ไม่เต็มใจ เจ้าก็เอาดินมาเสกทำเป็นหุ่นต่างๆใช้มันสืบเสาะหาแทนก็แล้วกัน
หรือให้มันเข้าไปติดต่อกับบริวารมันด้วย อีกทั้งเจ้าป่าเจ้าเขาก็ควรให้ความคาราวะ
และขอความช่วยเหลือแก่ท่านด้วยล่ะ ไปก็ไปหาท่านเสียก่อนขออนุญาต
แล้วจึงไปใช้พวกผีป่าผีโป่งผีกองกอยทั้งหลายขอความร่วมมือจากพวกมันด้วย
ห้ามใช้อำนาจฤทธิ์เดชเจ้าข่มขู่เสียล่ะ ต้องให้มันช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
บริสุทธิ์จึงจะได้ผลดี มิฉะนั้นหากเจ้าใช้ฤทธิ์เดชแก่พวกมันงานก็จะเสียหายไป
จึงอย่าใช้เป็นอันขาด นอกเสียจากมันจะต่อต้านไม่ยินยอม จึงจะใช้บังคับมัน
แต่ว่าข้าคิดว่าคงจะต้องกำหราบมันเสียก่อนด้วยมันคงจะไม่ยอมง่ายๆหรอก
แต่ให้ใช้ความเมตตาเป็นที่ตั้งเสียล่ะ ชายหนุ่มย้ำตักเตือนแก่เจ้าแสงสีสินชัยไว้
จ้านาย....เจ้าแสงสีแสงสินชัยรับคำ .........
งั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาจะได้เดินทางไปทั้งสองแห่งและควรที่พวกเจ้าควรอย่า
ได้ประมาทให้ระมัดระวังตัวไว้ด้วย หากจนปัญญาให้รีบกลับมาเสีย หากไม่มี
ปัญหาใดๆ ถึงควรจะบอกพวกเจ้าผีทั้งหลายไว้ด้วย ช่วยเป็นหูเป็นตาแทน
ให้คอยช่วยสอดสองดูแลการติดต่อของพวกมันไว้แล้ว
จะไปฟังข่าวพวกมันอีกครั้งหนึ่งครับ ได้ความอย่างไร
ให้รีบมารายงานแก่ข้าด้วย
เพื่อจะได้วางแผนการจับกุม ได้ข่าวว่ามันจะแบ่งการขนย้าย
เป็นหลายๆสายด้วยล่ะ ข้าได้ข่าวว่ามันจะให้อาจารย์ต่างๆมาช่วยงานนี้ด้วย
ฉะนั้นให้ดูลู่ทางหนทางที่ใช้ในการเดินทางไว้ให้ละเเอียด
อย่าให้ผิดพลาดได้เป็นอันขาด จะได้วางกำลังให้เหมาะสม ด้วยตอนนี้กำลัง
ของพวกเรามีน้อย พวกอาสานั้นก็ยังไม่ชำนาญเพียงพอในอาวุธใหม่ๆด้วย
ส่วนข้าเมื่อทราบแล้วก็จะรีบสั่งการให้เรียบร้อย
ยังมีงานที่ต้องทำอีกหลายๆอย่างด้วย
อ้อๆๆ.....อีกอย่างหนึ่งให้ไปที่บ้านกำนันทั้งสามหมู่บ้านด้วยนะว่า
มันต่างหารือกันคอยดูว่าเสี่ยหว่างกับเสี่ยเม้งมันจะกล่าวอะไรกันบ้าง
รู้แล้วเรื่องที่ข้าเรียกมาให้ไปนี้
ได้ความอย่างไรก็รีบกลับมาโดยเร็วด้วยนะ จะได้รีบสั่งการให้ทันเหตุการณ์
ส่วนเรื่องอาจารย์ที่มานั้นแม้มันจะเก่งกาจอย่างไร
ข้าคิดว่าคงจะไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกสำหรับด้านอาจารย์ทุศีลเช่นนี้
ให้งานบ้านเมืองเรียบร้อยก็เพียงพอ เพียงประชาชนอยู่อย่างสุขสบายข้าก็ดีใจแล้วล่ะ.....
ชายหนุ่มกล่าวแก่เจ้าแสงสีและสินชัย...
นายคอยฟังข่าวข้าทั้งสองก็แล้วกัน จะได้รีบออกเดินทางเดี๋ยวเลย
แล้วร่างมันก็พุ่งหายไปทางหน้าต่างหายลับไปทันที....
ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มสั่งงานอยู่นั้น ที่บ้านกำนันมั่น เสี่ยเม้งและเสี่ยหว่าง
กำลังนั่งคุยกันเกี่ยวกับงานด้านนี้ในการขนถ่ายสินค้า
แต่ทางเสี่ยเม้งบอกว่าให้เสี่ยหว่างคุยกับกำนันมั่นไปก่อนก็แล้วกัน
ด้วยทางกำนันนั้นรู้จักกับพวกกำนันทางด้านนี้สนิทกันด้วย
ด้วยตอนนี้ทางมันได้รับคำสั่งจากทางนายในกรุงเทพฯว่า
อย่าพึ่งทำการใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะได้รับคำสั่งมา ส่วนทางนี้ข้า
กำลังติดต่อผู้ใหญ่อยู่ก่อนว่าจะมีคำสั่งให้ลงมือเมื่อไร???....
เมื่อเสี่ยหว่างได้ยินเช่นนั้น ก็หันหน้ามาทางกำนันมั่นกล่าวว่า
คิดว่าต้องขอพึ่งทางกำนันหน่อยนะ หากงานสำเร็จแล้ว
ข้าก็จะมิให้กำนันไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอกจะให้อย่างงามทีเดียว
ข้าเองได้ฟังจากเสี่ยเม้งก็ร้อนใจยิ่ง ด้วยทางผู้ใหญ่ข้าเองก็เร่งรัดมาด้วย
จะผลัดผ่อนว่าเหตุการณ์ระยะนี้ไม่ปกติ
เขาก็บอกไม่ได้ ให้หาทางนำมามิฉะนั้นจะเสียหายหลายอย่างหมด
ข้าเองก็ไปหาท่านรองผู้กำกับมา แต่มันไล่ตะเพิดข้าออกมา
จึงต้องมาขอแรงทางกำนันช่วยนำพาข้าไปบ้านกำนันต่างๆให้หน่อย
กำนันจะว่างหรือไม่ล่ะ???... เสี่ยหว่างถาม
ทางข้าเองก็ไม่เป็นปัญหาหรอก หากลูกชายข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ
และพวกพ้องก็ต่างมากันล้มตายเสียมากด้วยและถูกจับกุมไป
ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรเลย???......กำนันมั่นตอบ
แต่เรื่องติดต่อกำนันต่างๆนั้น ข้าจะนำไปเอง
ด้วยลูกข้ายังเดินไม่ค่อยได้อยู่ แล้วเสี่ยหว่างจะพร้อมเมื่อไหร่ล่ะ???...
กำนันมั่นถาม
นี่ก็ยังไม่เที่ยง ข้าว่ารีบไปก็จะดีนะ ส่วนไอ้เม้งมันคงจะกลับเองแหละ
กำนันไปกับพวกข้าก็ได้ แนะนำและมาช่วยกันวางแผนกันเท่านั้นก็พอแล้ว
ส่วนแผนการนั้นทางผู้ใหญ่ข้าได้กำหนดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ขอเพียงอาศัยกำลังคนนำทาง และหนทางต่างๆเท่านั้นเองแหละ..เสี่ยหว่างกล่าว
ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกเสี่ย????.....
งั้นเดี๋ยวเรารีบออกเดินทางไปดีกว่าจะได้ไม่มืดค่ำเสียก่อน
ด้วยทางไปลำบากมากด้วยนะ
ข้าจะเอาคนสองสามคนไปเท่านั้น แต่การเจรจาให้เสี่ยเจรจากันเอาเองก็แล้วกัน....
กำนันมั่นเอ่ยขึ้น
ตกลงหากกำนันว่างเราก็ออกเดินทางกันได้แล้วล่ะ???.......เสี่ยหว่างกล่าวขึ้น
พลางหันไปทางเสี่ยเม้งกล่าวว่า เฮ้ยไอ้เม้งมึงกลับเมืองก่อนก็ได้นะโว้ย!!!!....
ข้าจะรีบไปกับกำนันเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน
เออๆ!!!.....งั้นมึงรีบไปเถอะว๊ะ พลางหันไปทางลูกน้องสามสี่คนบอกว่า
พวกมึงกลับเมืองได้แล้วว๊ะ....แล้วเสี่ยเม้งก็ลากำนันมั่น........
พร้อมเดินลงบันไดไปเพื่อจะออกเดินทางเข้าเมืองไป
พลางเห็นลูกชายกำนันกับสาวๆและหนุ่มสองสามคนกำลังกินเหล้ากันอยู่
ไอ้แม้นและพวกพร้อมหญิงสาวทั้งหลาย พลางพลันกล่าวขึ้นว่า....
เสี่ยไม่ร่วมกินกับพวกข้าหรือสักแก้วก็ยังดี พลางจะรินเหล้าส่งให้ เสี่ยเม้ง
เสี่ยเม้งก็บอกว่าข้ามีธุระว๊ะไว้วันหน้าก็แล้วกันตัองรีบกลับก่อนล่ะเดี๋ยวจะมืดค่ำ
ไปพวกเราไปเสี่ยเม้งกล่าว แล้วเดินนำหน้าพาพวกขึ้นรถเก๋งออกเดินทางไปทันที
สักพักก็เห็นพ่อนำหน้าเสี่ยหว่างและพรรคพวกเดินลงจากบ้านมา
ไอ้แม้นก็ถามทันทีว่า....
อ้าวๆๆ!!!!.......พ่อจะไปไหนหรือ????.... ลูกชายถาม
กูจะพาเสี่ยหว่างไปพบกำนันบ้านโคกยายหอยและ บ้านบางโคหน่อยว๊ะ
เสร็จแล้วก็จะรีบกลับ พวกมึงก็คอยเฝ้าบ้านก็แล้วกัน อย่าแดกให้เมามายมากนะ
พลางกวักมือเรียกชายหนุ่มสองสามคนที่กำลังเช็ดรถอยู่ใต้ถุนบ้าน
ส่วนอีกคนนั่งเล่นมองการทำงานของพวกมันอยู่อย่างสบายอารมณ์ร้องเพลงเบาๆ
เฮ้ยๆ!!!!...มึงทั้งสามนั่นแหละไปกับกูเดี๋ยวนี้โว้ยเอาอาวุธติดตัวไปด้วยนะ
หนุ่มสามคนครั้นเห็นกำนันกวักมือเรียกเช่นนั้น ก็รีบวางมือจากงานที่ทำไว้
โดยชายทั้งสามรีบผลุนผลัน มันหายเข้าไปในห้องใต้ถุนบ้านพลางก้าวออกมา
พ่อกำนันจะไปไหนหรือคนหนึ่งถาม???....
พร้อมแล้วหรือ???.....เออพวกมึงไม่ต้องรู้หรอกตามกูไปก็แล้วกันว๊ะ.....
ครับพ่อกำนัน....แล้วมันก็ไม่พูดอะไรอีกด้วยรู้นิสัยกำนันมั่นดี
จึงเดินตามหลังไปขึ้นรถเสี่ยหว่างและพรรคพวกขับรถเก๋งออกจากบ้าน
มุ่งหน้าไปบ้านโคกยายหอยก่อน โดยทางลัดซึ่งใกล้ที่สุด
ครั้นตกราวบ่ายแก่ๆก็มาถึงบ้านกำนันหวน รถแล่นมาเสียงแตรรถปีบแปร้นๆ
ประตูรั้วก็เปิดออกเห็นร่างชายหนุ่มกำยำคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู
ครั้นพอเห็นเป็นกำนันมั่นก็ยกมือไหว้ พลางถามว่า???...
กำนันมีธุระอะไรหรือครับ พ่อกำนันหวนกำลังอยู่ข้างบนพอดีครับ
แล้วมันก็พาพวกกำนันมั่นเดินขึ้นบนบันไดบ้านไปหากำนันหวนทันที
พร้อมพรรคพวกที่ติดตามกำนันมั่นมา...............
* แก้วประเสริฐ. *
1 ธันวาคม 2553 21:48 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๕
ภายหลังกลับจากในเมืองแล้ว ชายหนุ่มก็แวะไปกราบหลวงพ่อทอง
เมื่อหลวงพ่อทองเห็นชายหนุ่ม ก็พลางหัวร่อ
เออ!!!!.....เมื่อคืนนั้นอาตมากำลังจำวัดอยู่ เห็นพวกเหล่าผีปีศาจมัน
ร้องครวญคร่ำ คล้ายๆจะอาละวาดกันในป่าช้า ก็มานั่งสวดมนต์ตั้งนาน
ชักเอ๊ะใจ ว่าเหตุใดๆ พวกมันจึงยังไม่ยอมสงบเสียทีจึงได้เข้าสมาธิตรวจดู
จึงรู้ว่าเป็นเจ้านั่นเอง ช่วยอนุเคราะห์คน เรื่องนี้อาตมาจะไม่พูดแต่นึกว่า
เจ้าทำบุญให้แก่พวกชาวบ้านได้ดีแล้วล่ะ...
ชายหนุ่มกราบหลวงพ่อว่า พวกนั้นมันกำเริบเสิบสานจนชาวบ้านไม่เป็น
อันจะทำมาหากินกันครับหลวงพ่อ จึงจำเป็นต้องกำจัดมันแต่ได้ไปตกลง
ขอพรจากท่านพระยายมไว้เรียบร้อยแล้วครับ
นั่นซิ....ต่อไปนี้จะได้สงบสุขเสียทีหากไม่มีคนปลุกที่อื่นๆมาก็ไม่เป็นไร
หรอก แต่ข้าเห็นการกระทำของเจ้าแล้วยากนักที่ใครๆจะทำได้ไม่มีใครปลุกนำ
มันขึ้นมาได้อีกแล้วล่ะ หลวงพ่อกล่าวขึ้น
แล้วนี่ไปในเมืองมาเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์หรือ???...หลวงพ่อถาม
ครับหลวงพ่อ ตั้งแต่มารับราชการยังไม่เคยเข้าไปตรวจดูเลย จึงอยากจะไป
ดูว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
อืมม!!!!....งานของเอ็งนั้นมันมีทั้งบุญและบาปนะ ทำอะไรๆก็ควรคิดให้
รอบคอบด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวนี้เอ็งเก่งกว่าข้าไปตั้งมากมายแล้วซินะ
ถึงอย่างไรผมก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่ออยู่ครับ จะไปเก่งกว่าอาจารย์ได้อย่างไร
หากไม่ได้หลวงพ่อแนะนำสั่งสอน ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่
นี่ผมแวะมากราบหลวงพ่อแล้วจะรีบกลับไป
ด้วยเย็นจะมืดอยู่แล้วครับ หลวงพ่อจะใช้อะไรผมก็บอกมาได้เลยนะครับ
พลางชายหนุ่มก็นำพวงมาลัยใส่พานถวายหลวงพ่อสามพวง
เพื่อสักการะบูชาครู
หลวงพ่อทองยื่นมือมารับพานดอกไม้ แล้วนำไปวางที่โต๊ะหมู่บูชา
พลางตอบว่า
เอ็งเป็นคนกตัญญูรู้คุณคน พระย่อมคุ้มครองเอ็งแหละ
ไม่ต้องห่วงอะไรกับหลวงพ่อหรอก หลวงพ่ออยู่ทางนี้สบายดีแล้ว
ข้า......คิดว่าจะตายก็ขอตายในผ้าเหลืองนี้ล่ะ เมื่อถึงวาระหมดอายุขัย
ไม่อยากไปยุ่งกับทางโลกนักหรอก ขอให้จำเริญๆนะนี่ก็มืดแล้ว
กลับไปเถอะ หากว่างๆก็มาเยี่ยมพ่อบ้างนะลูก หลวงพ่อทองกล่าว
ครับชาตินี้ผมจะไม่มีวันลืมหลวงพ่อได้หรอกครับ เป็นครูบาอาจารย์
คนแรกของผม ที่ได้ร่ำเรียนวิชาการต่างๆทางด้านนี้มาครับหลวงพ่อ
ชายหนุ่มกล่าวตอบ
ไปเถอะลูกป่านนี้พ่อแม่น้องสาวน้องชายเจ้าคงจะเป็นห่วงมาก
เขาจะได้สบายใจนะ ตอนนี้คงจะกังวลใจก่อนอยู่แล้วนา หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
แล้วชายหนุ่มก็ก้มลงกราบลาหลวงพ่อทอง พลางหันหลังเดินลงกุฎีไป
ชายหนุ่มคิดหากไม่ได้หลวงพ่อองค์นี้เห็นทีการงานเขาคงจะยากมาก
เกินกว่าจะทำได้เสียด้วย นี่ดีนะได้ร่ำเรียนวิชาอาคมตลอดจนอักขระต่างๆ
จากท่านและพ่อแม่อีกทั้งยังได้รับการเรียนรู้จากเทพยดาไว้อีกด้วย
จึงมีวันนี้สำหรับเขา ก็รีบออกเดินทางกลับบ้านทันทีอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางกลับนั้นก็คิดวางแผนการต่างๆไว้ล่วงหน้าแล้ว
ว่าจะทำอย่างไรกันดี จึงรีบขี่รถกลับบ้านโดยไม่แวะที่ใดๆอีกเลย
สักพักก็ถึงหน้าบ้าน เจ้าชัยก็ออกมาเปิดประตูรั้วให้ชายหนุ่มยิ้มร่า
เขายิ้มพลางถามว่า น้องชัยไปช่วยพ่อแม่เรียนรู้อะไรได้บ้างล่ะ
เจ้าแกละหรือวีระชัย ที่ชายหนุ่มเรียกว่า ชัย เฉยๆ ก็ตอบว่า
ผมพยายามไม่ให้พ่อแม่ทำอะไรครับพี่ ทำทุกอย่างที่ท่านสอนผมไว้
เพียงให้ท่านสั่งว่าจะทำอะไรบ้างเท่านั้นเอง งานก็ไม่มีอะไรมากครับพี่
นอกนั้นผมทำคนเดียวครับ คิดว่าต่อไปจะไม่ต้องให้พ่อแม่เหนื่อยอีกแล้ว
ส่วนงานบ้านพี่ชบาก็จัดการเรียบร้อยแล้วครับพี่ แม่ได้แต่นั่งมองยังชมเลย
อ้อๆๆรถนั้นจอดไว้ที่นี่ก็ได้ครับ ผมจะนำไปเก็บเอง พร้อมจูง
รถมอเตอร์ไซค์ หลังจากที่ชายหนุ่มลงมาแล้ว จูงไปเก็บไว้ใต้ถุนบ้าน
ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ต่อไปนี้เขาไม่มีห่วงอะไรอีกแล้วล่ะ
พลันกล่าวว่า หากเก็บเรียบร้อยแล้วขึ้นไปหาพี่ด้วยนะ พี่ซื้อของมาฝากด้วย
ครับพี่ เดี๋ยวผมขอเวลาไปให้อาหารหมูและรดน้ำต้นไม้สักหน่อยจะขึ้นไป
ชายหนุ่มล้างเท้าแล้วเดินขึ้นบันไดบ้าน ก็แลเห็นพ่อแม่และเจ้าชบานั่งคุย
สนทนากันอยู่ ก็เข้าไปกราบไหว้พ่อแม่ พลางกล่าวขึ้นว่า.......
ผมไปในเมืองมาครับและซื้อของมาฝากทุกๆคนด้วยล่ะ...
ชายหนุ่มกล่าวแล้วก็เดินเข้าไปนั่งร่วมวงด้วย
เออๆๆๆ....นางชบามันบอกข้าแล้วล่ะ แต่แม่เขาเป็นห่วงเจ้าพึ่งจะมา
หายบ่นนี่เองแหละที่เห็นกลับมาอย่างปลอดภัย
ก็ลูกเราไม่เคยเข้าเมืองตั้งแต่กลับมาเมื่อไหร่ล่ะแล้วใครๆก็ไม่รู้จัก ลูกเรา
อีกอย่างภายในเมืองก็เปลี่ยนไปมากนะพี่เชียร แม่เข็มตอบ
ชายหนุ่มพลันล้วงเอาของจากย่ามมา หยิบกางเกงขาสั้นและเสื้อสีน้ำเงินแก่ๆ
ที่พ่อชอบใส่ทำงานกับผ้าขาวม้าอย่างล่ะสอง ส่งให้พ่อของเขา พ่อเชียรก็ยิ้มใหญ่
กล่าวว่าผมเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไรที่พ่อชอบ นึกได้ว่าเห็นพ่อชอบกางเกงแบบนี้ครับ
แล้วล้วงหยิบผ้าถุงสองถุงพร้อมเสื้อด้วยยื่นส่งให้แม่ ผมเห็นแม่ชอบเสื้อผ้าแบบนี้
หันไปทางน้องสาวพลางยื่นกล่องใส่ของให้แก่ชบา กล่าวว่าไม่รู้ว่าจะถูกใจ
หรือเปล่านะเรื่องของผู้หญิงสาวยุ่งยากจริงๆ เล่นเอาพี่ปวดหัวนึกๆตั้งนานแน๊ะ
ตอนเข้าไปซื้อเลือกของสาวๆพากันหัวร่อพี่ใหญ่เลยล่ะ ทำเอาพี่เขินไปจ๊ะ
ตอนแรกผมเดินเข้าไปในห้าง พวกยามจะไม่ให้เข้าไปในห้างฯ
ผมจึงต้องควักเงินออกมาฟ่อนใหญ่มันถึงยอมให้ผมเข้าไปครับ
แต่มันก็พยายามเดินตามผมตลอดเวลาครับ เหมือนว่าจะไม่ไว้ใจ
ด้วยผมแต่งกายแบบนี้ ทั้งมอซอสกปรกมากแล้วยัง แถมมีกลิ่นอีกด้วย
มันคงกลัวว่าผมจะมาขโมยของในห้างกระมัง แล้วชายหนุ่มก็หัวร่อเบาๆ
เขากล่าวกับพ่อแม่และทั้งหมดฟัง หญิงสาวรับมาแล้วก็ยกมือไหว้
พลางกล่าวคำขอบคุณพร้อมหยิบกล่องเข้าแนบทรวงอกหล่อนทันที
สักครู่หนึ่งเจ้าชัยก็เดินขึ้นมาบนบ้าน ชายหนุ่มก็กวักมือเรียกมัน
ให้มานั่งใกล้ๆกัน เมื่อมันเดินมานั่งเคียงข้างชายหนุ่มผู้พี่แล้ว
ชายหนุ่มก็ล้วงหยิบเสื้อเชิร์ตและกางเกงมาส่งให้ พลางกล่าวว่า
ไปลองใส่ดูซิพี่คำนวนไม่ค่อยถูกว่าจะเล็กไปหรือใหญ่ไปนะเจ้าชัย
เจ้าชัยก็นำเสื้อผ้ากางเกงทั้งหมดเข้าไปในห้อง แล้วเดินสวมกางเกง
ออกมาพร้อมใส่เสื้อด้วย พลางกล่าวว่า
พี่โชติเก่งจริงๆนะคำนวนขนาดได้ไม่พลาดเลย เจ้าชัยตอบ
ทำให้ชบาหันไปมองกล่องใส่ของหล่อน ก็อยากจะรู้พี่เขาซื้ออะไร
มาให้มั่งแต่ยังไม่กล้าเข้าไปเปลี่ยนเหมือนเจ้าชัยหรอก
เพียงได้แต่คลำไปๆคลำมาๆเท่านั้น เอง
จวบจนกระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องของเขา
แล้วก็นำเอาเครื่องน้ำหอมต่างๆและของบางอย่างออกมาจากย่าม
ไปวางยังหน้ารูปบั้นแม่นางอัปสรและแม่นางอ้อยวิลาวัลย์
ส่วนของเจ้าแสงสีและสินชัยนั้นชายหนุ่มก็นำเสื้อผ้ามาฝาก
ให้ด้วย ยังไม่รู้เลยว่าจะถูกใจพวกเราหรือเปล่าเพราะไม่เคยซื้อ
พร้อมกล่าวว่า แม่นางทั้งสองและเจ้าแสงสีสินชัย
ของที่นำมาฝากแก่แม่นางและเจ้านะ ทดลองดูด้วยล่ะ???....
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ไปผลัดเสื้อผ้าใหม่ ส่วนของเก่า
ก็เก็บไว้ในถุงใบหนึ่งซ่อนไว้ คิดว่าอาจจะต้องใช้มันอีก
นำไปวางไว้ซอกตู้เสื้อผ้าทั้งหมด แล้วก้าวลงไปอาบน้ำ
ชำระกายที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง เหงื่อไคล เปอะเปื้อนฝากเขามา
ครั้นพ่อแม่มองเห็นก็ถามว่า เอ็งกินข้าวมาแล้วหรือยังลูก
ชายหนุ่มหันไปกล่าวว่าเรียบร้อยแล้วครับ ก่อนจะไปหาหลวงพ่อมา
ผมกินมาเรียบร้อยแล้วครับ ด้วยรู้ว่าทางบ้านคงกินกันเรียบร้อยแล้ว
ครั้นได้โอกาสเช่นนี้ สาวชบาก็ขอตัวไปห้องแม่ก่อนเพื่อจะทดลอง
สิ่งของที่พี่โชติซื้อออกมาให้ เมื่อเปิดกล่องออกก็ต๊กใจ ยกมือขึ้นกุมอก
ด้วยภายในนั้นมีเสื้อผ้าสวยๆงามๆทั้งกระโปรงและกางเกง แต่ที่สำคัญ
จนทำให้สาวชบาหน้าแดงกล่ำก็คือ เสื้อยกทรงขนาดไซค์เดียวกับหล่อน
และยังมีกางเกงในสีชมพูอย่างละสองตัวอีกด้วย ทำเอาหญิงสาวอายใหญ่
ทดลองนำมาสวมใส่ดูมันช่างเหมาะสมอะไรเช่นนี้ เข้ารูปเข้ารอยพอดีไม่
เล็กไม่ใหญ่ใส่แบบสบายๆเสียด้วย เนื้อผ้าหรือก็เนียนไม่เหมือนกับที่หล่อน
ตั้งแต่คืนชีพมาใส่เสียเลย ยิ่งคิดยิ่งอายใหญ่ ครั้นเมื่อทดลองหมดสิ้นแล้ว
พลางหมุนตัวไปรอบๆกระจกที่อยู่ภายในตู้เสื้อผ้า หล่อนเปลี่ยนไปคนละ
คนทีเดียว มันเป็นเสื้อผ้าของคนกรุงเทพฯแต่งนี่นา หาใช่แบบลูกทุ่งไม่ แต่
ทำไมพี่เขาถึงรู้ขนาดยกทรงและกางเกงในสิ่งนี่แหละทำให้ สาวชบางุนงงยิ่งนัก
หรือว่าพี่โชติจะเห็นส่วนสัดขนาดของหล่อนแล้วหรือ????......ยิ่งคิดยิ่งหน้าแดง
มากขึ้น หล่อนไม่กล้าแต่งตัวออกมาโชว์เช่นเจ้าชัยเลย เมื่อเก็บของซ่อนไว้แล้ว
ก็เดินออกมานั่งร่วมวงสนทนาฟังดู แต่ไม่กล้าสบสายตากับชายหนุ่มอีกเลย
ครั้นชายหนุ่มเมื่อหันมามองคิดจะถามว่าเป็นอย่างไรบ้างกับเสื้อผ้า แต่พอเห็น
ใบหน้าของน้องสาวที่ยังแดงระเรื่อๆอยู่ก็ทราบเหตุจึงไม่กล้าเอ่ยปากถามหล่อน
เพียงแต่หันไปร่วมคุยกับพ่อแม่ ต่างคนต่างสนทนากันในเรื่องราวต่างๆนาๆ
เกี่ยวกับชบาและเจ้าชัย นึกได้กล่าวว่าผมจะเรียกแค่ชบา ส่วนเจ้าแกละนั้น
ผมจะเรียกแค่ ชัย นะครับตามใจแกเถอะ ดีเหมือนกันเรียกง่ายๆดี
พ่อเชียรแม่เข็มเอ่ยขึ้น
บัดนี้พ่อแม่ได้ไปโอนชื่อเป็นน้องเจ้าไปหมดแล้ว เจ้าชบานั้นให้ชื่อว่า
ชบาไพร ส่วนเจ้าแกละนั้นให้ชื่อว่าวีระชัย ส่วนนามสกุลใช้ของพ่อเดิมไป
หากจะเปลี่ยน ข้ามาคิดทางอำเภอก็จะรู้ว่าครอบครัวเราเป็นใคร แต่เรื่อง
ทรัพสินสมบัตินั้นไม่ต้องห่วงหรอก เพราะใบเปลี่ยนนามสกุลเดิมของเจ้า
คิดว่าเจ้าก็คงจะเก็บไว้ใช่ไหมล่ะ???....พ่อเชียรถาม
ครับพ่อคิดได้ถูกต้องแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนแก่ครอบครัวเรา
ด้วยนามสกุลที่ผมตั้งใหม่นี้พวกวงการทำผิดกฏหมายมันรู้กันหมดแล้ว
ยิ่งผมได้เป็นผู้กำกับในจังหวัดนี้อีกด้วยมันก็จะรู้เลยว่าใครเป็นใครครับ
นั่นซิพ่อมาคิด ตอนแรกก็จะเปลี่ยนนามสกุลและแม่เจ้าเป็นเหมือนนาม
สกุลของเจ้า แต่มานึกได้ว่าต่อไปมันจะไม่ดีจะเป็นภัยแก่ลูกทำให้เกิด
ความห่วงหน้าพะวงหลังไป ผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้น
พ่อนี่ฉลาดไม่ใช่เล่นนะพ่อ ชายหนุ่มพลางหัวร่อเสียงดัง
อ้าวๆๆๆไหงพูดแบบนี้ล่ะ???... หากข้าไม่ฉลาดแล้วจะเป็นพ่อเอ็งได้หรือ
ว๊ะ ส่วนแม่เข็มพลันขัดจังหวะขึ้นทันที มันฉลาดเหมือนแม่มันต่างหากล่ะ
หรือว่าไม่จริงพี่เชียร ไม่งั้นล่ะคงจะไม่มีวันนี้หรอก ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
ไปหมดแล้ว คราวนี้เล่นเอาพ่อเชียรอ้าปากค้างทันทีพูดไม่ออกอีกเลย
ชายหนุ่มได้ฟังก็ยิ่งหัวร่อใหญ่ รวมทั้งสาวชบาและเจ้าชัยด้วย แต่มันไม่กล้า
ออกความเห็นใดๆทั้งสิ้น
ผมว่าผมฉลาดขึ้นก็ด้วยพ่อแม่นั่นแหละครับ ต่างเอาความฉลาดมาให้ผมหมด
จริงไหมครับคุณพ่อคุณแม่ ชายหนุ่มไกล่เกลี่ยบุพการีทั้งสอง
คราวนี้ทำให้ทั้งพ่อเชียรแม่เข็มพอได้รับฟัง ต่างก็ยิ้มกัน จริงๆของมันว๊ะหาก
พ่อแม่ไม่ฉลาด ไหนเลยลูกมันจะฉลาดได้ เอาเป็นว่าเสมอๆกันก็แล้วกันนะแม่เข็ม
พ่อเชียรได้ทีกล่าวขึ้นบ้าง
แม่เข็มยิ้มเออๆมาคิดๆดูมันก็จริงอย่างลูกพูดแหละนะพี่ หากพ่อแม่ไม่ฉลาดไหน
เลยลูกเรามันจะฉลาดด้วยถึงได้เป็น อุ๊บๆๆๆ!!!!!.....พลางยกมือขึ้นปิดปาก
นี่แหละน๊าโบราณถึงกล่าวไว้ว่าหากความลับสำคัญไม่ควรให้ผู้หญิงรู้เรื่องด้วย
เอาละซิๆ....คราวนี้แม่เข็มหยุดยิ้มทันที หันไปถามพ่อเชียรว่า
ทำไมๆผู้หญิงเป็นอย่างไรหรือ???.... แล้วที่เป็นมาข้าเที่ยวไปพูดบอกใคร
หรือเปล่าล่ะพูดให้ดีๆนะ เดี๋ยวหัวจะแตกไม่รู้เชียว
เล่นเอาพ่อเชียรตาค้าง พลางถอยหลังไปเสียแทบไกลๆ ด้วยรู้ฤทธิ์ของแม่เข็มดี
ผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหมือนกันแหละครับ มันอยู่ที่คนนั่นแหละสำคัญมักชอบ
อวดตัวเองเสมอๆแหละ ผมเห็นมามากแล้วเรื่องความลับนี้ บอกว่าไม่ต้องห่วงแต่
ไปบอกอีกคนว่า เฮ้ยๆๆมึงอย่าพูดไปเชียวนะให้รู้กันแค่เราสองคน ไอ้คนรู้มันก็
พูดเหมือนๆกัน เรื่องความลับมันเลยแตกจ๊ะ ได้แก่ลูกน้องผมนี่แหละพวกผู้ชาย
ทั้งนั้น ดีนะผมปลอมตัวไปถึงได้รู้พอเลี้ยงเหล้าพวกมัน พอเมามากๆเข้ามันก็เล่า
ให้ฟังหมดซ้ำก็ย้ำเหมือนเดิมอีก ฉะนั้นเวลาเป็นความลับผมต้องบอกไม่หมดครับ
จะบอกก็แต่เรื่องไม่ค่อยสำคัญนัก ส่วนความลับแท้จริงผมจะไม่ยอมบอกใครเลย
เมื่อพ่อเชียรแม่เข็มได้ฟังเหตุผลลูกก็พากันหยุดทันที ที่ลูกพูดมานั้นล้วนแต่
จริงๆหรือลูก ก็ผมฉลาดเหมือนพ่อแม่นะซิผมถึงไม่ไว้ใจใครๆเขานี่ครับ
ชายหนุ่มตอบ
ให้มันได้อย่างนี้ซิว๊ะถึงเป็นลูกพ่อได้ ฮ่าๆๆๆ จะมีเรื่องอีกหรือพี่เชียร???....
แม่เข็มถาม มันก็ฉลาดเหมือนแม่มันด้วยนา ใช่ไหมลูก แม่เข็มหันไปถามลูก
ก็นั่นนะซิครับความฉลาดของพ่อแม่นี่แหละทำให้ผมฉลาดขึ้น ดูอย่างแม่ซิ
การบ้านการเรือนหรือก็เก่ง แกะสลักหรือก็เยี่ยม พ่อหรือทางไร่นาสวนหรือก็
ฉลาดรู้จักหาทางสร้างขึ้นตามข่าวทันเหตุการณ์ ผลผลิตทั้งผลไม้ และอื่นๆนั้น
ก็เก็บได้ทั้งปี เก็บขายได้ จนมีเงินมีทองมากมายก่ายกอง คนจะมาปล้นหรือก็ไม่
กล้าด้วยพ่อและแม่เก่งกล้าวิชาอาคมสามารถใช้ผีทำงานได้ จนเขารู้กันทั้งหมู่บ้าน
คนเข้ามาจะปล้นหรือขโมยของในไร่หรือนาสวน มันก็เกรงกลัวไม่กล้า ย่างกราย
พ่อเลี้ยงควายธนูเฝ้าบ้านไร่นาสวนไว้มันเฝ้าทั้งกลางวันกลางคืนใครมาขโมยไม่
ได้ทั้งสิ้น ซ้ำยังผูกหุ่นพยนต์ไว้ในไร่นาสวนอีกแต่ละมุมที่ของเราด้วยล่ะ ใครจะกล้า
ส่วนแม่เองก็เก่งวิชาอาคมเลี้ยงน้องชบาและเจ้าชัยไว้คอยเฝ้าบ้าน ตลอดเวทมนต์ต่างๆ
ล้วนแล้วแต่เก่งทั้งคู่ ผมร่ำเรียนมาก็ได้ทีดีๆ จนสอบชิงทุนไปเรียนในกรุงเทพฯได้
ส่วนวิชาอาคมสมาธิหรือก็สำเร็จได้อย่างรวดเร็วได้สำเร็จทุกๆอย่าง ก็ด้วยความ
ฉลาดของพ่อแม่นั่นแหละ หากไม่เหมือนพ่อแม่มีแต่ความโง่ แล้วไหนเลยจะ
สร้างชบาและเจ้าชัยขึ้นมาช่วยพ่อแม่ได้เล่า ชายหนุ่มสาธยายให้พ่อแม่เขาฟัง
พอถึงตอนนี้เล่นเอาพ่อเชียรแม่เข็มต่างอ้าปากค้างฟังลูกๆไป ต่างก็หันมา
หัวร่อให้แก่กัน เออๆๆๆจริงๆนะพี่เชียรลูกมันพูดถูกต้องทุกอย่าง งานบ้านการ
ฝีมือข้าเก่ง ส่วนวิชาอาคมพ่อสอนมาให้ พี่เองก็เก่งทางไร่นาสวนเลี้ยงสัตว์วิชา
หรือก็ฝึกฝนมาจากหลายๆอาจารย์ด้วย หากพ่อโง่จะจำได้มากมายเช่นนี้หรือ
มันพูดถูก ที่มันฉลาดก็ด้วยพ่อแม่มันหรือว่าไม่จริงพี่เชียร
คราวนี้พ่อเชียรพูดว่าจริงจ้ะแม่เข็ม เหมือนดั่งมันพูดถูกทุกๆประการเหตุผลหรือ
ก็ถูกต้อง งั้นพวกเราฉลาด เฮ้ยๆลูกชบาและไอ้ชัยมึงจงจำไว้นะโว้ยอยู่กับกูมาก็
หลายๆปีแล้วจงฉลาดเหมือนพี่มึงนะโว้ย!!!!!.......
* แก้วประเสริฐ. *
1 ธันวาคม 2553 12:36 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๔
หลังจากที่ชายหนุ่มตื่นนอนชำระล้างร่างกายแล้ว ครั้นขึ้นมายังบนบ้านก็
เห็นหญิงสาวชบานั่งคอยอยู่ที่ถาดอาหาร ซึ่งเตรียมจัดอาหารนั่งคอยอยู่แล้ว
เขาทักทันทีว่า.....
น้องพี่เป็นอย่างไรบ้างรู้สึกอึดอัดหรือเปล่าล่ะน้อง????......
ตอนนี้น้องไม่เหมือนเก่าแล้วน๊ะ....
หญิงสาวหัวร่อ พลางตอบว่า
ก็อึดอัดบ้างจ๊ะพี่...แต่ต่อไปคงจะชินเองแหละจ๊ะ
รีบทานอาหารเสียก่อนเถอะ.......
แกงเลียงข้าวกำลังร้อนๆอยู่
หากเย็นลงแล้วจะไม่อร่อยจ้าหรือว่าอาหารที่ทำนั้น
จะอร่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะพี่ด้วยไม่เคยทำมาเลยทั้งหมดนี้
เป็นฝีมือของน้องทำเองจ้า จำมาจากแม่จ้าพี่???...
หญิงสาวตอบชายหนุ่ม
พลางมองใบหน้าชายหนุ่มที่แต่งตัวอยู่กับบ้าน
แบบลูกทุ่งธรรมดาทั่วๆไป
ชายหนุ่มนั่งลงและกำลังนั่งใช้มือเปิบกินข้าวไป
ซดน้ำแกงและผักจิ้มน้ำพริกไปด้วย หญิงสาวมอง
แอบนึกในใจว่าช่างเป็นชายงามรูปหล่อ
นักอายุล่วงเข้าไปสี่สิบกว่าๆเท่านั้น
แต่ทำไมดูเหมือนราวๆอายุพึ่งจะสามสิบอ่อนๆเอง
ซ้ำรูปร่างก็หุ่นงามอีกด้วย เปรียบไปคล้ายๆดารา
หล่อนรำพึงกับตนเอง แล้วก้มหน้าเงยหน้ามองสลับกัน
ชายหนุ่มก็บอกว่าให้จัดอาหารจากที่นี่
แบ่งไปให้เจ้าแสงสีสินชัยไว้ด้วยนะชบา
จ๊ะพี่หนูเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
และได้นำไปวางบอกพี่แสงสีพี่สินชัย
ให้ทานอาหารแล้วจ้า....เห็นพี่ทำก็ทำตาม
ดีแล้วจ้าต้องทุกๆวันด้วยนะจ๊ะน้อง ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
ครั้นแล้วชายหนุ่มก็ลงมือกินอาหาร
กินไปก็พูดไปว่า ฝีมืออาหารไม่เลวนี่
ชบาอร่อยมากเสียด้วย ไม่เลวนะต่อไปคงจะเก่งขึ้น
กว่านี้อีกและคงทำได้หลายๆอย่าง
ทำเอาใบหน้าชบาซึ่งมัวแต่จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่ม
ครั้นได้ยินชายหนุ่มชมเท่านั้นถึงกับแดงระเรือๆขึ้นมาทันที
พี่ล้อชบาเล่นหรือเปล่าล่ะ!!!!???.....
นี่เป็นครั้งแรกที่ชบาทำอาหารนะพี่
หญิงสาวตอบ
จริงๆนะน้อง อร่อยจริงๆเสียด้วยซิ
แล้วก็รีบลงมือกินอาหารโดยเร็ว พลางพูดว่า
พี่จะเข้าไปในจังหวัดเสียหน่อยนะ
หากพ่อแม่ถามก็บอกท่านว่าพี่ไปธุระ
ขากลับจะซื้อของมาฝากชบาด้วย
แต่ต้องแวะไปกราบหลวงพ่อทองก่อนจะเข้าบ้านจ้า
จ๊ะพี่แล้วพี่จะเอาพี่แสงสีและพี่สินชัย
ไปด้วยหรือเปล่าล่ะ???... หญิงสาวถาม
คงไม่หรอกจ้า...พี่จะไปคนเดียว
เดี๋ยวเสร็จแล้วจะไปแต่งตัวแล้วเอารถมอเตอร์ไซค์
คันเก่าๆของพ่อไปด้วย บอกพ่อแม่ด้วยท่าน
คงจะรู้หรอกว่าพี่ไปทำไม ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
อ้าวๆๆแล้วพี่ตั้งแต่มาอยู่นี่ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย
ไม่อันตรายหรือ???... หญิงสาวเป็นห่วง
คงไม่เป็นไรหรอกจ้าชบา พี่รักษาตัวองได้จ้า
พี่อิ่มแล้วขอบใจมากนะ
เดี๋ยวจะรีบไปสักหน่อย นี่ก็สายแล้วล่ะ
พอชายหนุ่มล้างบ้วนปาก เช็ดผ้าเช็ดมือ
ที่สาวชบาเตรียมไว้ให้แล้ว ก็เดินเข้าห้องไป
ครั้นชายหนุ่มออกห้องมาเล่นเอาสาวชบา
ถึงกับตลึงตกใจมาก พลางทำตาโตแล้วถามว่า
ทำไมพี่ถึงแต่งตัวอย่างนี้ล่ะไหนๆไปในเมืองทั้งๆที
ควรจะแต่งตัวดีกว่านี้นะ สาวๆในเมืองเขาสวยๆกันนะพี่
กลับนุ่งกางเกงขาสั้นเก่าๆขาดๆที่ปะไว้
ซ้ำเสื้อก็มอซออีกด้วย ปล่อยชายดูคล้ายๆๆๆแล้วหยุดเอ่ยขึ้น
ผ้าคาดพุงหรือก็เก่าๆมากเสียด้วย
ชุดที่ดีๆก็มีอีกถมเถไปทำไมไม่แต่งเสียล่ะพี่
หญิงสาวฉงนใจ
ชายหนุ่มหัวร่อพลางพูดว่า ไปอย่างนี้แหละดี
จะได้ไม่มีคนสงสัยจ๊ะ
แล้วชายหนุ่มตัดบทว่าชุดอะไรๆก็เหมือนๆกันแหละ
พลางเดินไปเพื่อลงจากบ้าน
พี่ไปก่อนนะชบาพูดเสร็จก็ก้าวลงบันไดบ้าน
เสียงรถมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทเครื่องแล้วแล่นรถออกไป
จากบริเวณบ้านทันที เสียงก็เงียบหายไป
หญิงสาวก็รีบเก็บข้าวของไปล้างแล้วรีบเช็ดถูบ้าน
ให้สะอาด เก็บจัดข้าวของเสียใหม่ให้แลดูสวยงาม
ภายในจังหวัด ชายหนุ่มขับมอเตอร์ไซค์คันเก่า
วนเวียนไปรอบๆตัวเมือง เขาตรวจดูทุกๆทางแยก
ทุกๆซอกทุกๆมุม ตลอดจนที่ทำการราชการทั้งหมด
ตั้งแต่เขามาถึงยังไม่เคยที่จะมาเที่ยวในเมืองเลย
เห็นว่าช่างเจริญมากนักกว่าสมัยเขายังเป็นนักเรียนเสียอีก
ครั้นตรวจเรียบร้อยบนถนนก็กว้างใหญ่มีไฟและตำรวจจราจร
เฝ้าทางแยกอยู่เกือบทุกทางแยก เขาพลางขับรถไปยัง
ตำรวจจราจรคนหนึ่งพลางถามหนทางไปยังโรงพักตำรวจ
ตำรวจคนนั้นมองใบหน้าและร่างกายซึ่งตอนนี้เผ้าผม
เขากระเซิงไปหมด เนื้อตัวสกปรกด้วยฝุ่นที่เขาเดินทางมา
ตำรวจคนนั้นเห็นเช่นนั้นแล้วถามว่า???...
เอ็งจะไปโรงพักทำไหมหรือว๊ะ...เห็นวนไปๆมาๆน่าสงสัย
ชายหนุ่มตอบว่าจะไปหาเพื่อนคนหนึ่งนัดไว้หน้าโรงพักครับ
บ้านผมอยู่แถบภูเขาไม่เคยเข้าเมืองเลย ฝุ่นแยะเลยดูมอมแมมไป
แล้วเอ็งมีใบขับขี่รถหรือเปล่าว๊ะ???......
ตำรวจชักสงสัยด้วยเห็นรถเก่ามากๆ ขอดูหน่อยได้ไหม
ผมทำผิดกฏจราจรหรือครับ มีครับพลางล้วงส่งใบขับขี่รถ
ที่เขาทำไว้ในในกรุงเทพฯให้ตำรวจดู เมื่ออ่านใบขับขี่แล้วพูดว่า
เอ็งมาจากกรุงเทพฯหรือนี่ การพูดเจรจาของมึงนั้น...
ไอ้ห่า!!!!ทำเป็นหัวหมอรู้กฏจราจรด้วย
หรือเรียนกฏหมายมาด้วยหรือเปล่าล่ะ???.....
ทำไมแต่งตัวเหมือนพวกขอทานว๊ะ
จะแต่งตัวให้ดีๆกว่านี้ไม่ได้หรือว๊ะ
แต่งตัวเหมือนพวกหัวขโมยนักล้วงกระเป๋า
มึงอย่าคิดว่าในจังหวัดนี้ทำกันง่ายๆนะโว้ย????......
ไหนขอดูย่ามเอ็งหน่อยนะ พลางคว้าย่ามมาตรวจค้น
แต่ไม่พบอะไรเลย ที่ผิดกฏหมายสักอย่างเดียว
เพียงแค่สมุดดินสองเท่านั้นเอง จึงส่งคืนให้
ครับท่านผมมาเยี่ยมพ่อแม่แล้วก็จะกลับไปกรุงเทพฯ
ชายหนุ่มตอบพลางมองยศบนบ่า
เป็นแค่นายสิบเท่านั้นเอง เขานึกทำไมพูดจาช่างโฮกฮากนัก
เหมือนจะข่มขู่ประชาชนทั่วๆไป คงเป็นนิสัยมันกระมัง เขาคิด
โน่นๆๆมึงขับเลี้ยวซ้ายมือไปอีกนิดเดียวก็ถึงโรงพักแล้ว
พลางยื่นใบขับขี่ส่งคืนแต่ไม่วายมองตลอดหัวเขาตลอดเท้า
ชายหนุ่มหัวร่อในใจฮีๆๆๆ.....พลางเร่งรถไปทันที
ครั้นถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายมือทันที ก็เห็นโรงพัก
สร้างด้วยตึกแต่มีเนื้อที่บริเวณกว้างขวางนัก
มีตึกเล็กๆสร้างอยู่ข้างๆโรงพัก
ในบริเวณมีรถยนต์ต่างๆจอดเรียงรายเต็มไปหมด
เขาหาทางจอดรถได้ข้างๆร้านอาหารที่เปิด
ไว้บริการเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่มาใช้บริการ
ชายหนุ่มมองเข้าไปในร้านนั้นจัดโต๊ะอาหารเป็นรูปโต๊ะยาวๆ
แต่มีประมาณสามสี่โต๊ะยาววางเรียงรายด้วยเก้าอี้เก่าๆ
ไว้ให้คนมานั่งกินอาหาร อีกด้านหนึ่งมีโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมไม่กี่โต๊ะ
แยกไว้ต่างหากจากโต๊ะยาวๆ ล้วนแล้วเป็นของใหม่ๆเกือบทั้งหมด
ส่วนที่จำหน่ายอาหารอยู่ริมอีกแถบหนึ่ง มีจำนวนหลายๆร้าน
คนทานต้องไปสั่งแล้วนำมากินกันเอง ตอนนี้มีคนทะยอยนั่งกิน
อาหารกันอยู่บ้างแล้ว และกำลังคุยกันไปบ้าง แต่ยังไม่มากนัก
ยกเว้นโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆนั้นยังไม่มีคนไปนั่งสักคนเดียวเลย
ชายหนุ่มหลังจากจอดรถไว้เรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปรอบๆโรงพัก
ดูสภาพภายในจนรอบๆพอใจ
แล้วก็เดินกลับมาร้านอาหาร ไปที่ร้านผัดไทยสั่งผัดไทยจานหนึ่ง
เขายืนรอคนทำสักพักใหญ่ๆก็จ่ายเงิน แล้วไปยังร้านขายเครื่องดื่ม
ซื้อน้ำกระเจี๊ยบมาแก้วหนึ่ง เดินไปนั่งยังมุมโต๊ะห่างๆกับโต๊ะ
พิเศษที่จัดไว้ แต่สภาพที่เขานั่งสามารถมองเห็น
สิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ด้วยเหมือนมุมที่เหมาะสมในการนั่งมอง
ด้วยเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว สักพักหนึ่งก็มีคนทะยอยลงมา
สั่งอาหารกินกันบนโต๊ะยาวๆซึ่งไม่มี
คนมาคอยบริการต้องช่วยเหลือตัวเอง ส่วนโต๊ะพิเศษนั้น
มีคนคอยบริการอยู่ สักครู่ใหญ่ๆก็เห็น
สารวัตรชัชวาลย์ ผู้กองจรัสและผู้กองจำลอง
กำลังเดินสนทนากันเข้ามาตำรวจอื่นๆก็ทำความเคารพ
พลางไปนั่งยังโต๊ะที่จัดไว้ให้เป็นพิเศษ คนบริการก็เข้ามา
ถามรายการอาหารจากนายตำรวจทั้งสามทันที
เมื่อได้รับการสั่งเรียบร้อยแล้ว ก็เดินจากไปเพื่อไปยัง
ร้านอาหารให้จัดการเพื่อจะได้นำมาเสริฟ
สักพักหนึ่งท่านรองกำกับก็เดินตามเข้ามาอีก
ตำรวจทั้งหลายที่กำลังกินอาหารกันอยู่ต่างก็ยืน
ก็พากันทำความเคารพ เห็นท่านรองกำกับเดินตรงไปยัง
โต๊ะสารวัตรและผู้กองทันที พลางดึงเก้าอึ้มาแล้วนั่งลง
เพื่อนั่งร่วมเพื่อกินอาหารร่วมกัน แล้วพลันหันไปสั่งอาหาร
จากผู้มาบริการที่มาคอยต้อนรับ เสร็จแล้วก็รีบเดินออกไป
ทั้งสี่นายก็นั่งสนทนาไปพลางๆกันเพื่อรออาหารมากิน
ในระหว่างนั้นผู้กองจำลองหันไปตรวจดูพวกที่กำลังกิน
อาหารกันอยู่ มีทั้งประชาชนมาใช้บริการและเหล่าตำรวจทั้งหลาย
เสียงดังแสดไปหมด ครั้นแลเห็นชายหนุ่มก็ตกตลึงพลางสะกิด
สารวัตรและผู้กองจรัสทันที ทั้งสองก็รีบหันไปมองชายหนุ่มทันที
อาหารที่กำลังกินอยู่ในปากถึงกลับปากอ้าตาค้างไปตามๆกัน
อาหารก็หล่นใส่บนจาน จนท่านรองสงสัย
เพียงถามว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือสารวัตร???......
สารวัตรชัชวาลย์รีบปฏิเสธทันทีเปล่าครับท่าน
พอดีผมสะอึกเท่านั้นเอง แล้วแสร้งยกน้ำขึ้นดื่ม
ท่านรองก็ไม่ได้กล่าวว่าอะไร แล้วก็ก้มหน้าก้มตา
กินข้าวกันต่อไป....
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็พอดีเด็กเก็บจานอาหารผ่านมา
จึงตะโกนเสียค่อนข้างดังถามเด็กเก็บจานว่า เอ๊ะร้อนอย่างนี้
เห็นฝนตกทุกๆวันแต่วันนี้ทำไมไม่มี พิรุณโปรยเลยหรือไง?????...
เด็กเสริฟที่กำลังเก็บจานว่างเปล่าเพื่อเอาไปล้างมองเห็น
ชายหนุ่มผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเสิง แต่งตัวสกปรก กางเกงก็ขาดขาสั้น
ย่ามวางไว้ก็ช่างสกปรกสิ้นดี ก็ส่งเสียงห้วนๆว่า มึงไม่เห็นหรือว่า
ท้องฟ้าแดดออกจ้าแรงอย่างนี้
พิรุณห่าอะไรจะโปรยให้ มึงได้ไอ้เวร???....ไม่แหกตาดูเสียบ้าง
มึงจะบ้าหรือไงว๊ะ???......รู้จักอาบน้ำอาบท่าซักเสื้อผ้าบ้าง
ซิเหม็นฉิบหายไอ้ห่านี่???.... แล้วคนเก็บจานก็รีบๆเดินหนีไป
เมื่อสารวัตรและผู้กองทั้งสองได้ยินเช่นนั้น
ก็ทราบทันทีว่านายส่งรหัสมา จึงแสร้งเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่ก็สะกิดสารวัตร
กินอาหารไป พลางคุยกันไปพลางๆ ครั้นได้ยินท่านรองผู้กำกับเปรยๆขึ้นว่า
ผมเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะต้องปลดเกษียณแล้ว
ป่านนี้ทำไมท่านผู้กำกับยังไม่เห็นมารับงานสักที
คิดว่าคงจะอยู่กับนายกรุงเทพฯ หรือทำเรื่องบางอย่างไม่เสร็จกระมัง??...
ผมเองก็เตรียมงานส่งมอบไว้พร้อมนั้งนานแล้วล่ะ
จะได้พักผ่อนเสียทีต้องคอยพะวงวันนี้พันตำรวจโท
วิเชียรก็มาลาป่วยเสียอีกหมอบอกเป็นไข้ป่าอาการหนักมากเสียด้วย
ส่วนพันตำรวจตรีอำนวยฝ่ายสอบสวน ก็มาขออนุญาต
ไปเยี่ยมเมียที่กำลังคลอดลูกที่กรุงเทพฯยังไม่กลับมาเลย
ตอนนี้เหลือเพียงสารวัตรเท่านั้นกับผู้กองที่ผมไว้ใจมากที่สุด
ช่วยๆกันหน่อยนะ ได้ข่าวว่าทางสำนักงานตำรวจจะส่งตำรวจมือดี
มาช่วยอีกหลายนายมาเสริมกำลังช่วยทางเรา แต่จะมาถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
นี่กำลังทดแทนคนถูกย้ายก็มารายงานตัวกันหมดแล้ว จัดวางกำลังเรียบร้อย
โรงพักเราได้เลื่อนชั้นขึ้น ก็ด้วยผู้กำกับคนนี้ทางกรุงเทพฯแจ้งผลงานฝ่ายเรา
จำเป็นต้องมีตำรวจเพิ่มมากขึ้นเพื่อจะได้ช่วยดูแลบริเวณมากขึ้น
ด้วยทางด้านเราก็มีภูเขาเยอะแยะทางหรือก็กันดาร
ล้วนแล้วแต่เป็นทางผ่านพวกทำงานด้านผิดกฏหมายมากขึ้น
จะอาศัยตำรวจตระเวณชายแดนหรือเขาก็ประสานงานดีอยู่หรอก
แต่พวกป่าไม้นะซิผมเองชักจะไม่ค่อยไว้ใจนัก ด้วยมีกลิ่นทะแหม่งๆอยู่
ตอนนี้ก็อาศัยนายอำเภอกับพวกปลัดไปพลางๆก่อนเท่านั้น
ท่านรองผู้กำกับกล่าวขึ้น........
ไม่เป็นไรหรอกครับท่านรองฯ ถึงแม้ว่าพวกผมจะพึ่งย้ายมาใหม่
แต่ก็พอจะรู้อะไรเป็นอะไรกันบ้างแล้วล่ะ ใช้เวลาวันหยุดไปดูสถานที่
ด้วยตัวเองเสมอๆ ทำให้รู้หนทางต่างๆได้ดีบ้างครับท่าน สารวัตรเอ่ยขึ้น
อ้อๆๆๆจะละลาบละล้วงไหมครับ ด้วยเห็นเสี่ยหว่างกับพวกมันต่าง
เข้าไปหาท่านรองเมื่อสายๆนี้เอง
มันพยายามจะให้ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น จะมอบเงินให้จำนวนมหาศาล
ผมเลยไล่ตะเพิดมันออกไป พวกมันหัวเสียใหญ่เลย
ชักจะสงสัยเหมือนกันและมันยังไปหาเมียผมอีกแต่ผมห้ามปรามไว้
ว่าหากรับอะไรจากมันไม่ว่ามันจะให้อะไรๆทั้งสิ้นแล้วล่ะเห็นที
เราก็ต้องเลิกกันนะผมไม่ชอบแบบนี้ ผมขู่เมียผมไว้ก่อนมันจึงไม่ได้ผล
ท่านรองกล่าวกับสารวัตรชัชวาลย์เล่าเรื่องให้ฟัง
เมื่อเป็นอย่างนี้ท่านสารวัตรให้จับตาดูพวกเสี่ยพวกนี้ไว้ด้วยก็แล้วกัน
ผมคาดว่าคงจะมีเรื่องผิดกฏหมายอยู่ในเร็วๆนี้แหละให้พยายามส่งสายสืบ
เราไปค้นหาความจริงให้ด้วย
ผมเองชักสงสัยมันมากด้วยก่อนนั้นมันไม่เคยมาเข้าพบผมเลย
อีกอย่างผมสั่งกำชับเจ้าหน้าที่หน้าห้องว่า หากเป็นพวกเสี่ยเม้งหรือเสี่ยหว่าง
ไม่ให้เข้าพบแม้แต่คนของมัน นอกจากประชาชนธรรมดาที่เดือดร้อน
ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับตำรวจเราเท่านั้นเอง
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเข้าพบผมได้อย่างไร ทำให้ผมชักสงสัยจึงเรียกมาตักเตือน
นี่ผมก็สั่งย้ายคนหน้าห้องไปทำหน้าที่อื่นแล้ว ส่งไปอยู่หน่วยสารบรรณไม่เกี่ยว
กับความลับใดๆทั้งสิ้น เหมือนลอยแพมันไปเองให้มันคอยดูการส่งหนังสือเท่านั้น
และผมหาคนไว้ใจได้ซึ่งมาใหม่ได้แล้วด้วย เป็นตำรวจมาใหม่จากกรุงเทพฯ
ที่สืบประวัติการทำงานตรวจสอบดูแล้วถึงผลงานต่างที่เขารายงานมาให้
หากสารวัตรและผู้กองไม่กำลังฟังท่านรองอย่างตั้งใจ ก็จะทราบทันทีว่า
บัดนี้ชายหนุ่มได้ย้ายที่นั่งใหม่แล้ว ด้วยไปซื้ออาหารมาเพิ่มและมานั่งใกล้ๆ
กับโต๊ะของสารวัตรเอง ดังนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดชายหนุ่มจึงได้ยินทั้งหมด
แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ค่อยๆกินอาหารไปตามลำพังผู้เดียว ครั้นเสร็จก็นั่งสูบบุหรี่ราคาถูก
ครั้นผู้กองจรัสเหลือบตามาเห็นก็สะดุ้งในใจ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
หันไปฟังท่านรองกล่าวขึ้นอีก
ด้วยไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก เนื่องจากการแต่งกายของชายหนุ่มนั้น
บ่งบอกถึงฐานะด้วย ทั้งร่างกายยังเต็มไปด้วยฝุ่นสีแดงแต่งตัวมอมแมมสกปรกอีก
ผู้กองจรัสจึงสะกิดสารวัตรและผู้กองจำลองใต้โต๊ะบนขาให้ทราบ
ทั้งสองก็หันมามองพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ทำเป็นไม่สนใจ
จึงถามท่านรองว่าแล้วทางเราคิดว่าหากได้รับรายงานจากสายสืบ
แล้วจะทำอย่างไรดีหรือครับท่านรอง
ท่านรองกล่าวว่าผมรู้จากคนของผมว่าเสี่ยหว่างมันค้าไม้เถื่อนอยู่
จะใช้วิธีสับเปลี่ยนรถกัน ฉะนั้นเรื่องการตั้งด่านจะคิดแค่ป้ายรถไม่ได้เสียแล้ว
มันจะค่อยทะยอยมาใช้รถหลายๆคันแยกทางกันมานะ
แต่สายของผมบอกเท่านี้แล้วต้องรีบไป........
ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือเข้าจับกุมในระหว่างส่งของกันเหมือนคราวที่แล้ว
นั่นแหละเห็นจะดี ผมคิดเช่นนี้ทางสารวัตรจะคิดอย่างไรหรือเหมือนผมหรือเปล่า
ถ้าให้มันทะยอยๆมาก็คงจะลำบากด้วยคนของเราก็น้อย กำลังเสริมก็ยังไม่มา
ทางผมจะลองให้สายสืบหลายๆสาย รีบออกเดินทางหาสถานที่แลกเปลี่ยนครับ
ได้ผลประการใดจะรีบรายงานให้ท่านรองทราบครับท่าน
เมื่อได้เวลาแน่นอนแล้วค่อยดำเนินการทีเดียว การขนย้ายคราวนี้คงจะลำบาก
ด้วยของมันไม่เหมือนพวกยาและกัญชาที่ง่ายแก่การขนย้าย
นี่เป็นไม้แปรรูปเสียด้วยที่สายผมบอกมาครับ
นั่นซิ....งานนี้ให้ท่านสารวัตรดำเนินการก็แล้วกัน
ส่วนกำลังคนอาวุธต่างๆนั้นแจ้งมาได้เลยว่าจะเอาเท่าไหร่ผมจะเซ็นต์มอบให้
ขอให้ทำงานให้สำเร็จก็เพียงพอ หรือได้สักครึ่งหนึ่งก็ยังดี
ส่วนรายละเอียดค่อยไปหารือผมที่ในห้องอีกทีก็แล้วกันะ ตอนนี้ผมไปก่อนล่ะ
แล้วท่านรองก็เรียกพนักงานเก็บเงินให้มาเก็บ บอกว่า
ให้รวมกันเป็นบิลของผมเองหมดด้วย
ทางสารวัตรและผู้กองต่างยืนคาราวะส่งแล้วก็ขอปรึกษาหารือนั่งคุยกันก่อน
ท่านรองกล่าวว่าตามสบายเถอะเกินเวลาก็ไม่เป็นไร ช่วยกันรีบแสดง
ความคิดเห็นปรึกษาหารือ ผมเองก็เห็นคล้อยตามสารวัตรว่าเหมือนกันนะ
แล้วพอชำระเงินเสร็จท่านก็รีบเดินเข้าไปในโรงพักทำงานทันที.......
ครั้นท่านรองขึ้นไปทำงานแล้ว ทางสารวัตรและผู้กองก็ปรึกษากัน
เรื่องงานในครั้งนี้ พลางชำเลืองหางตามายังชายหนุ่มทันที
พลางคิดว่านี่ถ้าหากท่านรองรู้ว่าผู้กำกับตัวจริงไม่ได้ไปไหน
นั่งอยู่ใกล้ๆนี่เอง แล้วท่านจะตกใจมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้
แม้ตำรวจอื่นๆตลอดจนร้านค้าก็ยังดูถูก ท่านกำกับการตำรวจเลยนึกว่า
เป็นพวกกระจอกงอกง่อยกันทั้งสิ้น แม้แต่เด็กเก็บจานไปล้างยังขู่ตะคอก
หากมันรู้มันคงจะตกใจขี้เยี่ยวแตกเป็นแน่ๆ ทั้งสามหัวร่อในใจ
ชายหนุ่มแสร้งนั่งสูบบุหรี่ฟังการพูดคุยกัน นั่งหลับตาบ้างแสร้งไอบ้าง
ครั้นแลเห็นว่าเหลือเพียงแค่สามคนแล้วก็พลันเอ่ยขึ้นเบาว่า
นกฮูกนกเค้าแมวทำงานอยู่คงจะจับหนูได้แน่ๆนะ
คนนั่งห่างจากชายหนุ่มไปเพราะได้กลิ่นเหม็นจากเสื้อผ้าของเขา
พากันหันมามองคิดว่าไอ้นี่คงจะบ้าเสียแล้ว อยู่ดีๆก็พูดว่านกฮูกนกเค้าแมว
อะไรของมันว๊ะ??...แล้วรีบกินอาหารให้เสร็จเร็วๆแล้ว เดินออกไป
แต่ทางสารวัตรและผู้กองทั้งสองรู้ทันทีว่านายสั่งอะไรมา
หากเราคิดว่าฟ้าแจ้งหรือมืดดีล่ะสารวัตร ก็ได้ยินเสียงมาอีกว่า
เย็นๆอากาศกำลังสบายเห็นว่าจะไปนอนเล่นที่เดิมดีกว่า โอ้ย!!!!!.....
เดี๋ยวต้องรีบกลับแล้วจะได้หาซื้อของสักหน่อย จะมืดคำเสียก่อนซินะ
พรุ่งนี้จะได้ออกไปช่วยเขาทำงานหน่อย
ว่าแล้วชายหนุ่มมอซอ ก็เดินออกจากร้านไปขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าๆ
ออกจากโรงพัก หายไปทันที
สารวัตรกล่าวเบาๆว่านายเราเจ๋งว๊ะว่าไงผู้กอง ???....
จริงๆครับผู้กองทั้งสองตอบ
แหมมายังกับเงาหายไปก็เหมือนเงาเลยนะ สารวัตรกล่าว
ตกลงที่เดิมนะพรุ่งนี้เวลาเดิมสารวัตรกล่าว ไปๆๆไปทำงานกัน.......
* แก้วประเสริฐ. *