9 ธันวาคม 2553 14:50 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๓
เมื่อเจ้าแสงสีทำงานตามคำสั่งนายแล้ว ก็รีบเดินทางกลับเพื่อจะรายงานผล
ครั้นย่างก้าวเข้ามาห้องนายมัน ก็ต้องตกใจด้วยแลไปเห็นหุ่นต่างๆที่เขาทำขึ้น
นั้นบัดนี้มันต่างวิ่งเล่นกันไปๆมาๆในห้องกันอย่างสนุกสนาน ยิ่งปลาดใจมาก
ไปกว่านั้นอีก
บรรดาร่างของหุ่นนั้นเปลี่ยนแปลงไปทํ้งรูปร่างหน้าตาช่างสวยงามยิ่งนัก
ด้วยใบหน้าร่างกายนั้น บรรดาหุ่นทั้งหลายนั้น ถูกทาสีฝุ่นต่างกันหลากหลาย
ล้วนสีสรรต่างๆกัน มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กหนุ่มเด็กสาว จำนวนมากมายนัก
ประมาณมากกว่าสามสิบหรืออาจจะเกินกว่านั้นอาจจะร่วมร้อยตนเห็นจะได้
ซึ่งกำลังแอบเล่นซ่อนหาตัวกันอยู่ บ้างก็กำลังฝึกการต่อสู้กันอยู่มากหลายสิบคู่
ครั้นเมื่อแลเห็นเจ้าแสงสีต่างหยุดการละเล่นต่างๆพากันหันหน้ามามองเขา
และต่างพากันยกมือไหว้ ทั้งหมดทันที ที่เหลือต่างก็ออกจากที่หลบซ่อนออกมา
ด้วย แต่ทุกตัวนั้นหาได้ส่งเสียงดังรบกวนในห้องแต่ประการใดไม่
พวกมันต่างพากันมานั่งพับเพียบพนมมือขึ้นไหว้ อีกมุมหนึ่งของห้องเป็น
ระเบียบเรียบร้อยกันทุกๆตัว หุ่นนั้นตัวเล็กไม่ใหญ่มากจึงพอเพียงแก่พวกมัน
ส่วนเจ้าสินชัยนั้นกำลังนั่งสมาธิอยู่ทางด้านหลังนายมัน พร้อมๆด้วย
แม่นางอัปสรทั้งสอง มันพลันอ้าปากค้างด้วยสิ่งที่แลเห็นนั้นเปลี่ยนสภาพไป
จากที่มันและเจ้าสินชัยปั้นดินมากับมือนับเป็นร้อยๆตัว
แต่บัดนี้เหลือประมาณร่วมร้อยได้ ส่วนดินที่เหลือนั้นล้วนแล้วแต่ผสมสิ่งต่างๆ
ปั้นเป็นก้อนกลมๆใหญ่วางที่ถาดอยู่กับพื้นหน้าโต๊ะหมู่บูชา ร่างมันชะงักยืนอยู่
ปากประตูทันที พลางก้าวเข้าประตู่แล้วหันไปปิดประตูไว้ให้สนิทเรียบร้อย
มันนั่งลงพร้อมก้มลงกราบพระพุทธรูป พลางหันหน้าไปทางเหล่าหุ่นทั้งหลาย
แล้วส่งกระแสจิตถามบรรดาหุ่นทั้งหลายนั้น ก็ทราบว่าเป็นพวกที่เจ้าสินชัยนำ
มาจากพวกอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งเกือบทั้งหมด และยังมีพวกที่อยู่ในป่าช้าโคกอีแร้งอีก
มันยังจำได้ว่าที่เจ้าสินชัยนำมานั้นแค่ประมาณสามสิบกว่าตนเท่านั้น บัดนี้หุ่น
นั้นมีประมาณเกือบร้อยตน พวกหุ่นทั้งหลายก็แจ้งทางกระแสจิตให้มันทราบว่า
ชายหนุ่มซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นนายมันได้แปรสภาพพวกมันขึ้นใหม่พร้อมสร้างโครง
ร่างด้วยยันต์ต่างๆที่เขียนบนผ้ายันต์ประกอบเข้าส่วนที่แข็งๆนั้นใช้ไม้ต่างๆกัน
สร้างพวกมันจากต้นตะเคียนทองของแม่นางรัตนาวดีเทพอัปสร
แล้วนำมาสร้างขึ้นเป็นส่วนต่างมัน พร้อมจัดสร้างอาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ
มีดไม้ทั้งหลายพร้อมด้วยศัตราวุธ พร้อมเกราะไว้ให้พวกมันทุกๆตัว ไว้ใช้ป้องกัน
ตัวด้วยบรรดาอาวุธต่างๆได้ลงอักขระและยันต์ไว้ให้ร่างกายมันสามารถคงทนต่อ
วิชาอาคมทั้งหมดตลอดจนอยู่ยงคงกระพันชาตรีอีกด้วย สามารถกระทำการใดๆ
พร้อมปลุกเสกอาคมต่างๆไว้ให้พวกมันเรียบร้อยแล้ว
ยังสามารถปราบบรรดาพวกผีต่างที่ดื้อรั้นกับพวกที่นายสั่งให้ทำได้อีกต่างๆนานา
เวลาใช้งานแล้วร่างของพวกมันตลอดจนอาวุธต่างจะสามารถแสดงเป็นอะไรก็ได้
ด้วยแหละ และยังบอกว่าท่านคือหัวหน้าที่จะมาคอยควบคุมพวกมันอีกทีหนึ่ง
ส่วนการปั้นนั้นนายมันและแม่นางอัปสรทั้งสองได้ช่วยกันสร้างมันขึ้นมาใหม่
เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านใต้ต้นไม้และป่าช้ากันแล้ว ด้วยนายไปขออนุญาต
พวกอาสาสมัครจากท่านนายป่าช้ามา และให้พวกมันทั้งหมดได้มาพักอยู่ในห้องนี้
ของนายมันทั้งหมดนี่แหละ พร้อมยังแจ้งว่าหัวหน้ามันคือท่านและหัวหน้าสินชัย
ที่จะคอยสั่งให้มันทำงานทั้งสิ้น ตลอดจนอาหารการกินแม่นางชบาจัดให้แก่มันด้วย
ครั้นเจ้าแสงสีทราบจากหุ่นทางกระแสจิตดังนั้น พลางยิ้ม แล้วกล่าวแก่บรรดาหุ่นว่า
.....อย่าเล่นมากนักให้พยายามฝึกอาวุธต่างๆให้เชี่ยชาญชำนาญมือเสียด้วย
หุ่นบางตัวกล่าวว่าก่อนจะมาเป็นพวกนายนั้น มันก่อนตายล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญ
ด้านอาวุธต่างๆแม้กระทั่งปืนผาหน้าไม้ต่างๆ กันมาแล้วล่ะไม่ต้องห่วงหรอกหัวหน้า
ตอนนี้ผู้ใดชำนาญสิ่งใดก็มาอบรมแนะนำให้รู้กันไว้ทั้งหมด และใช้เวลาการฝึก
ฝนนี้ในป่า หน้าบ้านของนาย ตลอดจนอบรมธรรมต่างๆทั้งสมาธิและวิชาอาคมอื่นๆ
พร้อมยังแบ่งหน้าที่ไว้ให้ด้วย หุ่นที่เอ่ยขึ้นนั้นคือผู้ฝึกสอนบรรดาอาวุธต่างๆ
ให้แก่หุ่นอื่นๆทั้งหลาย นับได้มีจำนวนนับสิบๆตนเห็นจะได้ ก็ดีใจยิ่งนักที่จะได้
พวกไว้ทำงานร่วมกับมันทั้งสอง จึงส่งยิ้มให้แก่บรรดาหุ่นทั้งหลาย
พลันเจ้าแสงสีก็นึกขึ้นได้ว่านายมันคือใครกัน ทำไมจะคัดเลือกใช้ได้อย่างดีไม่ได้
งานจึงไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้งเดียว เมื่อบรรดาพวกนี้อยู่กับนายมันก็ต้องได้รับ
ความเมตตาปราณีเช่นเดียวกับมันและเจ้าสินชัยเหมือนกัน
แม้แต่ตัวมันและเจ้าสินชัยตลอดจนหุ่นทั้งหลาย จึงได้รับมอบวิชาการต่างๆทั้งสิ้น
บรรดาผู้ฝึกหุ่นทั้งหลาย พวกมันกล่าวว่าทั้งยังได้รับการอบรมสิ่งต่างๆจากนายเสียอีก
ซ้ำยังได้ร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆจากนาย ส่วนใหญ่นั้นก่อนตายเคยมีครูบาอาจารย์
ร่ำเรียนวิทยาคมาบ้าง ก็สามารถฝึกได้รวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกครูฝึกหุ่นนี้
พร้อมทั้งนายยังสอนวิธีนั่งสมาธิให้อีกด้วย ประกอบกับแนวทางธรรมะทำให้
พวกมันได้รับรู้ในสิ่งที่ดีๆทั้งทางธรรมและทางโลกโดยพวกมันไม่เคยคิดมาก่อนเลย
ครั้นตายลงก็สายไปเสียแล้วซ้ำยังถูกพวกอาคมเก่งกล้ามาควบคุมมันให้ทำงาน
ในสิ่งที่อาจารย์นั้นใช้ในทางที่ผิดๆมันขัดขืนไม่ได้ ด้วยเกรงกลัวในวิชาอาคมมาก
ทั้งๆที่ใจมันไม่ปราถนาที่จะกระทำเลย ถึงแม้ว่ามันจะเคยผิดมาตอนเป็นมนุษย์
พอมันมาเป็นผีก็ถึงรู้สำนึก และถูกอาคมควบคุมไว้ก็ไม่อาจจะกลับตัวได้
ดีที่หัวหน้าสินชัยเกลี้ยกล่อมแนะนำพวกมันมา ฉะนั้นหัวหน้าและนายทั้งสามนี้
จึงมีบุญคุณแก่พวกมันมากนักซ้ำนายมันยังเป็นคนดีมีศีลธรรม อมรมสั่งสอนมัน
ในทางที่ดีๆเพื่อต่อไปอาจจะได้ช่วยคนได้อีกด้วย ตลอดจนการสร้างผลบุญกุศลอีก
เจ้าแสงชัยได้รับฟังก็ตักเตือนพวกมันว่า ขอจงเอาใจใส่คอยช่วยเหลือสร้างในสิ่ง
ที่ดีๆทดแทนคุณนายก็แล้วกัน พวกมันพลันกล่าวต่อว่า
นี่ถือว่าพวกมันยังมีบุญบ้าง เมื่อได้นายใหม่ที่แสนดีและแนะแนวทางที่ดีไว้ให้
แก่พวกมัน มิฉะนั้นมันคงจะสร้างเวรกรรมขึ้นอีกมากมายนัก ได้มาสร้างผลบุญ
ช่วยเหลือคนอีกจำนวนมาก แล้วพร้อมกันยกมือขึ้นไหว้ไปทางพระและนายมัน
กล่าวคำ สาธุ พร้อมกันทั้งหมดทันที
ครั้นเจ้าแสงสีได้รับรายงานดังนั้นก็หายสงสัยอะไรอีกแล้วที่หุ่นเหล่านี้เก่งอย่างไร
ทำให้มันทั้งรักเคารพนายมันมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าพวกนี้คงจะได้รับการถ่ายทอดวิชา
แต่ทว่าข้อนี้มันยังสงสัยอยู่ว่าทำไมพวกหุ่นเหล่าสำเร็จรวดเร็วมากนัก ด้วยตัวมัน
ลืมไปว่าเมื่อก่อนนั้นก็เป็นเช่นพวกหุ่นทั้งหลายเหล่านี้
เมื่อมารับการอบรมทำไมถึงไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก ซึ่งตอนนี้มันสามารถ
จะกระทำการใดๆก็ได้เวลาหรือก็ไม่นานเสียเลย
มันไปทำงานให้นายมาก็ใช้เวลาไม่มากเพียงแค่วันหนึ่งเท่านั้น
การเเดินทางก็รวดเร็ว ตามใจปราถนาของมันไม่มีใครอาจขัดขวางมันได้
เมื่อทำงานเสร็จก็รีบกลับมาแต่ในระยะทางที่กลับมานั้นมันได้แอบไป
สังเกตุทางบ้านกำนันด้วยว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่
ดังนั้นจึงทำให้กลับมาล่าช้าจนมืดค่ำก็มาแลเห็นเจ้าพวกหุ่นเหล่านี้
หรือว่าอาจจะเป็นแม่นางอัปสรจะเนรมิตช่วยอีกแรงหนึ่งกระมัง
งานสร้างหุ่นเหล่านี้ถึงได้เสร็จเรียบร้อยและร่วมกันปลุกเสกหุ่นทั้งหมด
ไว้อีกด้วยพร้อมทั้งยังถ่ายทอดวิชาต่างเพิ่มเติมให้อีกเป็นแน่
เมื่อคิดได้ดังนี้มันจึงหันไปกราบเบื้องหลังนายมันและแม่อัปสรทันที
พร้อมๆก็เข้านั่งสมาธิฝึกฝนทบทวนวิชาอาคมต่างๆแล้วก็เจริญสมาธิที่ร่ำเรียนมา
จนมันเชี่ยวชาญร่วมทั้งกสิณทั้งหมดด้วยจิตมันก็เริ่มรวมตัวสงบนิ่งเป็นหนึ่งเดียว
ในที่จุดๆหนึ่งทันที ก็เกิดกระแสพลังงานเพิ่มขึ้นให้แก่มันอีกมากมายนัก
ครั้นเมื่อมันจะออกจากสมาธิมาอยู่ในขั้นอุปาจาระสมาธิก็ทราบทันทีว่า
นายมันและแม่นางอัปสรพร้อมด้วยเจ้าสินชัยออกจากสมาธิก่อนแล้ว
มันจึงได้แผ่กุศลที่ทำไว้นี้ให้แก่เจ้าเวรนายกรรมทั้งบรรดา
สรรพสัตว์น้อยใหญ่ก่อนทันทีตามคำสั่งสอนของนายไว้ พลันก็ลืมตาขึ้น
ก็แลเห็นชายหนุ่มและแม่นางอัปสรรวมทั้งเจ้าสินชัยต่างยิ้มรอคอยมันอยู่
ดังนั้นมันจึงรีบรายงานผลงานให้แก่นายมันทราบเหตุการณ์ทั้งหมดทันที
ตลอดจนแฝงกายดูการกระทำของท่านรองผู้กำกับและสารวัตรตรวจดูโรงพัก
และทั้งผู้กองทั้งสองให้นายมันฟังทั้งหมด เสริมด้วยไปดูทางบ้านกำนัน
ทั้งสามอีกด้วยว่าพวกมันต่างทำบุญเลี้ยงพระกันยกใหญ่ ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน
ด้วยพวกผีของอาจารย์เสิ่งปางนั้นและอาจารย์เจียะเปิ้งที่ต่างอาละวาดกันนั้น
ถึงแม้จะคลายอารมณ์ค่อยเบาบางลง แต่พวกมันยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็น
หลักแหล่งบางตัวได้แอบแฝงยังชายคาบ้าง ต้นไม้บ้าง ในที่ต่างๆภายในบริเวณ
บ้านทั้งสามอยู่ ถึงแม้จะได้กุศลที่ทางกำนันแผ่ไปให้ก็ตามที่
แต่จิตของกำนันทั้งสามนั้นไม่บริสุทธิ์นักที่บรรดาผีร้ายที่ดื้อรั้นดุร้ายเหล่านี้
เพียงพอที่จะทำให้มันทั้งหมดรับได้เต็มที่ไปเกิดใหม่ ด้วยสันดานพวกมันนั้น
ล้วนแล้วแต่อำมหิตเอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่ ต่างแตกแบ่งแยกกันเป็นฝ่ายๆกัน
ส่วนผลบุญกุศลที่ทำนั้นต่างได้รับผลบุญน้อยบ้าง มากบ้างเพราะนิสัยสันดาน
ที่ได้รับใช้อาจารย์ที่ไม่ดีของพวกมันเอง จึงยังไม่สามารถกลับใจได้และได้ไปเกิด
ใหม่ในภพภูมิที่ดีๆ หากพวกมันหิวโหยบ้างก็เข้าสิงสู่คนในบ้านทั้งหลายเหล่านั้น
แล้วแย่งหาอาหารกินกันเอง ตอนนี้ทางบ้านพวกของกำนันทั้งสามกำลังปวดหัว
กันอยู่ด้วยหาคนมาปราบพวกมันไม่ได้ในแถบบริเวณนี้สักอาจารย์เดียว
บรรดาอาจารย์ที่มาปราบพวกมันก็ต่างตกตายไปหมดสิ้น ที่ทราบด้วยมันบังคับ
ผีเหล่านี้ได้เค้นถามความจริงจากมัน และมันยังขอร้องให้นำพวกมันมาด้วย
แต่ผมเองไม่กล้านำมาด้วยทราบนิสัยสันดานมันดี
ดังนั้นพวกกำนันจึงใช้ให้ลูกน้องมันเที่ยวเสาะแสวงหาอาจารย์เก่งๆอยู่ครับนาย
ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังจากเจ้าแสงสีแล้ว ก็บอกว่าเรื่องหุ่นเหล่านี้
ข้าได้ให้พวกเจ้าทั้งสองเป็นหัวหน้าคอยควบคุมดูแล เป็นลูกน้องของพวกเจ้าทั้งสิ้น
โดยแยกออกเป็นสองฝ่ายให้เจ้าสินชัยฝ่ายหนึ่งและของเจ้าอีกฝ่ายหนึ่งคอยควบคุมไว้
ด้วยพลังงานที่ข้าสอนตลอดสมาธิวิชาอาคมต่างๆนั้นคงจะไม่เป็นปัญหาอะไร
ที่จะควบคุมได้ ดีนะที่ได้แม่นางอัปสรทั้งสองช่วยด้วย งานนี้จึงสำเร็จเร็วไวยิ่งนัก
และบางตนยังเรียนรู้วิชาต่างๆได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
แล้วชายหนุ่มเมื่อรับฟังรายงานจากเจ้าแสงสีแล้ว ก็หันหน้าไปทางหุ่นทั้งหลาย
พลางสั่งบรรดาหุ่นทั้งหมดว่า
..... เอาล่ะพวกเจ้าทั้งหมดเล่นกันมานานแล้ว ตอนนี้รีบไปกราบไหว้พระด้วยใจบริสุทธิ์
สวดมนต์สรรเสริญพระคุณพระรัตนตรัย ครั้นตนใดเสร็จก่อนก็ให้รีบเข้านั่งสมาธิได้เลย
ก่อนจะเข้าสู่สมาธินั้น ให้ทบทวนวิชาต่างที่ข้าและแม่นางอัปสรบอกแก่พวกเจ้าไว้นั้นด้วย
จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นถึงจะออกจากสมาธิให้แผ่ส่วนบุญกุศลในการทำสมาธินี้
แก่บรรดาเจ้าเวรนายกรรม ที่พวกเจ้าได้เคยกระทำไว้นั้นเสียก่อนด้วย อย่าลืมเสียล่ะ
แล้วค่อยไปพักผ่อนยังถาดที่ข้าจัดไว้ให้
เวลาพักผ่อนก็ให้เป็นไปยังที่ข้ากำหนดไว้ของตนเองก็ให้เป็นระเบียบวินัยด้วย
หากไม่เชื่อกันและไม่ทำตามที่ข้าสั่งไว้ข้าก็จะทำลายร่างเจ้าเสียให้หมดทั้งถอดถอนวิชา
ต่างๆให้หมดสิ้นพร้อมกับขับไล่เจ้ากลับออกไปจากหมู่คณะ บัดนี้หัวหน้าเจ้ามาครบ
กันแล้ว ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาอย่าได้ขัดขืนแต่อย่างไรให้กระทำแต่ความดีเป็นที่ตั้ง
อีกไม่ช้าไม่นาน พวกเจ้าครั้นถึงเวลาหมดอายุขัยก็จะได้ไปสู่ทางสุคติภพต่อไป
บรรดาหุ่นทั้งหมดยกเว้นเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัย ก็พากันก้มลงกราบนายมันซึ่งเป็น
ทั้งนายและอาจารย์ของมันด้วย พากันเดินมาอย่างเป็นระเบียบครั้นถึงร่างของชายหนุ่ม
แม่นางอัปสรและเจ้าแสงสีสินชัย พากันน้อมตัวก้มลง
เดินผ่านตรงไปยังโต๊ะหมู่บูชาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมกันทั้งหมด
พลางคุกเข่าลงนั่งกราบพระแล้ว ทุกๆตัวต่างพากันเจริญสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยทันที
อย่างพร้อมเพียงกัน พร้อมทั้งนั่งลงขัดสมาธิทำอย่างที่นายมันสั่งทันที
ทำความชื่นอกชื่นใจแก่เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยยิ่งนัก ที่เห็นบรรดาลูกน้องของมันนั้น
มีระเบียบวินัย พลางนึกในใจทั้งสองว่าสมแล้วที่เป็นทั้งหัวหน้าคนและพวกผีทั้งหลาย
รวมทั้งตัวของมันอีกด้วย ที่ได้ดีก็เพราะนายคนนี้นี่เองทั้งด้านช่วยเหลือคนและบุญกุศล
เมื่อบรรดาหุ่นทั้งหลายกำลังเจริญสมาธิกันนั้น ทั้งหมดก็ออกมาเดินไปยังนอกห้อง
แล้วพากันปรึกษาเรื่องงานที่ชายหนุ่มจะต้องกระทำ ชายหนุ่มพร้อมวางแผนการณ์ต่างๆ
แจ้งให้แก่เจ้าแสงสีสินชัย ว่าจะทำอย่างไรบ้าง ส่วนแม่นางอัปสรทั้งสองต่างมองหน้ากัน
ด้วยแม่นางรับรู้ว่า หนุ่มรูปงามนี้ถึงแม้จะมีอายุเลยสี่สิบไปแล้วแต่ยังมีรูปร่างคล้ายคนที่
มีอายุแค่เพียงสามสิบอ่อนๆเท่านั้นเอง
นี่ซิสาวชบาซึ่งพวกนางต่างชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ บัดนี้กลับมาลุ่มหลงชายหนุ่มขึ้นอีกแล้ว
ทั้งสองต่างซุบซิบกัน โดยแยกห่างออกจากกลุ่มชายหนุ่มพร้อมทั้งหัวร่อกัน หยอกเย้ากัน
และกัน หาได้มีกิริยาหึงหวงแต่อย่างใดไม่ ยิ่งแม่นางอ้อยสุดาวัลย์ก็เคยเป็นสัมภเวสี
มาก่อนย่อมรู้ดีด้วยอำนาจฌานสมาธิที่ชายหนุ่มสอนให้ก็ยังเคยหลงรักชายหนุ่มมาก่อน
ไหนเลยแม่นางชบาจะไม่หลงรักหนุ่มรูปงามคนนี้เช่นเดียวกับหล่อนที่พึ่งแตกเนื้อสาว
แต่ต่างก็พากันเป็นห่วงชายหนุ่มขึ้นว่าในอนาคตนั้นจะทำอย่างไร จะช่วยเหลือได้อย่างใด
ด้วยฟ้าดินกำหนดขีดเส้นชะตาของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนางทั้งสองพอจะทราบเพียง
เลาๆจากเทวะเบื้องบน เคยเอ่ยบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับชะตาชีวิตชายหนุ่มคนนี้ให้ฟัง
ดังนั้นจึงต่างพากันเหลือบสายตาไปมองเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย เมื่อทั้งสามปรึกษา
หารือกันเรียบร้อยแล้ว ก็จะถึงเวลาพักผ่อนกันซึ่งสาวชบาจัดการให้เป็นที่เรียบร้อยไว้แล้ว
แม่นางรัตนาวดีจึงเอ่ยขึ้นว่า....
..... เมื่อหมดเวลาเรื่องงานแล้วพี่และแสงสีสินชัยควรจะไปพักผ่อนได้แล้ว ส่วนน้องอัปสร
อ้อยวิลาวัลย์และน้องก็จะได้ไปพักผ่อนบ้าง อย่าหักโหมอะไรนัก ทำอะไรก็ควรห่วงสุขภาพ
ตนเองเสียบ้าง หากสุขภาพไม่พอเพียงแล้วสติปัญญาย่อมจะผ่อนคลายลงเสียนะ
ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังเช่นนั้น ก็เอ่ยกับแม่นางทั้งสองว่า...
...... พี่ยังไม่ได้คุยกับน้องแสนสวยทั้งสองเลย จะให้ไปพักผ่อนก่อนเสียแล้ว
พลางหันไปทางเจ้าแสงสีสินชัยกล่าวขึ้น
..... พวกเจ้าไปได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะคุยกับแม่นางทั้งสองก่อน
เจ้าแสงสีและสินชัยครั้นได้ยินต่างอมยิ้มกันแล้วพากัน ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปยังห้อง
ของชายหนุ่มทันที
เมื่อทั้งสองลับตาไปแล้ว ชายหนุ่มก็หันมาทางแม่นางอัปสรทั้งสองเอ่ยขึ้นว่า
...... พี่ยิ่งมองแม่น้องนางแล้วให้รู้สึกปั่นป่วนข้างในเสียจนแทบจะออกมานอกอกได้
ยิ่งมองก็ช่างงดงามยิ่งขึ้นทุกทีๆ ยิ่งมองก็ยิ่งทำความสั่นสะเทือนต่อความงามของแม่เจ้า
ไม่รู้ว่าจะเป็นบุญอันใดแกล้งยั่วเย้าหรือใยจึงทำให้หัวใจของพี่
ต่างพากันร่ำร้องเรียกหาคิดถึงแต่แม่เจ้านางทั้งสองเสียร่ำไปในยามว่างๆเช่นนี้
อยู่เสมอๆ ปานประหนึ่งหัวใจแทบจะขาด สร้างความหวั่นไหวจนใจสั่นไปหมด
แล้วล่ะน้องพี่ คิดว่าชาตินี้เกิดมาทั้งทีได้คบหาสมาคมกับแม่นางทั้งสองแล้ว
ใจยิ่งรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานมากขึ้นทุกๆที ยามใดมิได้พบแม่นางแล้วไซร้
แต่เหตุไฉนใจของข้าก็รู้สึกช่างโหยหวนหาแม่นางเจ้าทั้งสองมากมายเสียยิ่งนัก
ครั้นยิ่งพิศก็ยิ่งงดงามประหนึ่งดวงจันทร์ที่ส่องแสงประกายเจิดจ้าแสงสีหรือก็นวลใย
อย่างนี้แล้วไหนเลยเล่าจะมาให้พี่นี้ใยจะห่างเหินแม่นางทั้งสองไปได้เสียแล้วหรือ
หากมาดแม้นวันใดแม่นางหลบหนีไป หัวใจของพี่นี้เห็นทีคงจะต้องคร่ำครวญร่ำไห้
จนอกแตกตายกระมัง???...คงจะมิมีวันกินวันนอน เสียแล้วเป็นแน่แท้เชียวแล้วล่ะ
แม่นางสุดสวยทั้งสอง จริงๆนะหาใช่พี่เองจะล่วงเกินสิ่งใดก็หาไม่ล้วนแล้วแต่กล่าวออก
มาจากห้วงแห่งหัวใจของพี่อย่างแท้จริงเชียวล่ะ.......
เมื่อแม่นางอัปสรทั้งสองรับฟังชายหนุ่มกล่าวเช่นนั้น ต่างพากันปิดปากหัวร่อ เอ่ยขึ้นว่า
..... อันคารมคมคายที่บาดยิ่งกว่าโดนมีดคมกรีดของชายนี้เหตุใดช่างหวานยิ่งนัก
หากแม้นหญิงอื่นใดได้รับฟังก็ต้องต่างพากันสะเทิ้นเขินเอียงอายหลงใหลไปสิ้น
แม้แต่พวกน้องเองครั้นได้รับฟังแล้วอดรู้สึกใคร่สะเทินเอียงอาย เคาะเขินในวาจาที่กล่าวนี้
มิเสียได้แล้วล่ะ จริงไหมแม่น้องอ้อยวิลาวัลย์???.....
..... อันคำพี่นางกล่าวไว้ช่างสมเหตุผลนัก อย่างนี้นี่เองที่คำโบราณเขามักกล่าวกันเสมอๆว่า
อันคารมของชายอย่าพึงหมายเชื่อได้ง่ายนัก ปากหนึ่งใจหรืออาจะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไป
ได้อย่างรวดเร็วปานประหนึ่งสายลมที่พัดผ่านต้องกายแล้วก็เจือจางหายไปทำความชุ่มชื้นให้
ก็เพียงแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น แล้วต้องคร่ำครวญโหยหาคำนึงอยู่มิเว้นวาย ครั้นเมื่อ....
หากมาดแม้นได้พึงพานพบหญิงคนใดเล่าที่งดงามกว่าย่อมแปรเปลี่ยนเจือจางลงเป็นอื่น
อย่างเช่นพวกเราจริงไหมเจ้าพี่นางรัตนาวดี หรืออาจจะเสแสร้งให้พวกเราได้ใหลหลง
ในคำมธุรสวาจาก็อาจจะเป็นไปได้นะพี่นาง แม่นางอัปสรอ้อยวิลาวัลย์กล่าวเสร็จ
ก็หัวร่อเบาๆ เมื่อมองหน้าชายหนุ่มเห็นสีหน้าแย้มยิ้มกึ่งจะสะเทือนใจก็ให้รู้สึกสงสารยิ่ง
ครั้นพลางหันไปมองหน้าพี่นางรัตนาวดีก็รู้สึกว่าจะออกผิดปกติวิสัยไปมากยิ่งเชียว
อีกครั้นจะเอ่ยไปมากกว่านี้หรือ??.. ก็ให้รู้สึกสะเทิ้นใจอาจจะทำให้กระทบกระเทือนแก่ห้วง
จิตใจชายหนุ่ม แม้นกระทั่งตนเองหรือก็ยังลุ่มหลงในความงามและความดีของชายที่นางเอง
ยังใฝ่ปองรองรับแม้จะเป็นรองพระพี่นางรัตนาวดีก็ตามทีเถิด ยิ่งคิดก็ยิ่งสะเทิ่นเขินขวยในใจ
.....ใช่แล้วน้องนางอ้อยวิลาวัลย์ เอ่ยขึ้นเช่นนี้นับประสาพวกเราใยเล่า พวกเราหรือจะพอมี
น้ำหนักเชื่อถือใดได้ ต่อคำวาจาของชายที่ยามพบคนที่คิดว่างดงามนักมักจะปากกล่าวดังนี้
ฉะนั้นพวกเราได้ยินแล้วก็เสแสร้งคิดว่าแค่เพียงเสียงแห่งสายลมผ่านมาผ่านกระทบใบหูเรา
ไปข้างหนึ่งแล้วก็เลือนแลลับหายไปอีกข้างหนึ่งมิดีหรือแม่น้องนางอ้อยวิลาวัลย์...........
* แก้วประเสริฐ. *
8 ธันวาคม 2553 17:35 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๒
ร่างชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งกายเรียบร้อยแบบลูกทุ่ง ก้าวขึ้นบันไดบนสถานีตำรวจ
เขายืนลังเ พลางเดินเข้าไปถาม นายร้อยเวรที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน
ด้านติดต่อกับประชาชน พลางกล่าวขึ้นว่า
..... หมวดครับ ห้องสารวัตรชัชวาลย์ อยู่ห้องไหนครับ ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที
นายร้อยเวรหันมามองเห็นเป็นชายหนุ่มแม้จะเป็นลูกทุ่ง
แต่สภาพการแต่งตัวนั้นสุภาพเรียบร้อย
จึงกล่าวว่า
..... อยู่ทางด้านโน้น มีธุระอะไรจะพบท่านหรือ???....
...... ท่านสารวัตรท่านสั่งให้ผมมาพบท่านครับ
..... หรืองั้นเดี๋ยวจะให้นายสิบตำรวจพาไปก็แล้วกันนะ???... ร้อยเวรเอ่ย
พลางหันไปเรียกนายสิบตำรวจมา เมื่อนายสิบเดินมาถึงก็ถามทันทีว่า....
...... มีธุระอะไรหรือครับท่านร้อยเวร????.....
..... คุณช่วยนำชายคนนี้ไปพบท่านสารวัตรชัชวาลย์หน่อยเถอะ
หากจะให้เข้าไปก็คงจะหาห้องไม่เจอหรอก
..... ครับ คนไหนล่ะครับท่าน???....
..... คนนี้แหละที่บอกว่าท่านสารวัตรเรียกตัวให้ไปพบ
พลางชี้ตัวหนุ่มแต่งกายสุภาพเรียบร้อยให้นายสิบตำรวจดู
นายสิบตำรวจหันไปมองชายหนุ่มแต่งกายเรียบร้อยแบบลูกทุ่งชาวบ้านธรรมดา
ครั้นเห็นก็หันไปพลางกวักมือเรียกให้ตามเขาไป เมื่อเดินไปเลี้ยวขวาสักหน่อย
ก็เห็นห้องที่ปิดไว้แต่ป้ายหน้าห้องเขียนว่า พตต.ชัชวาลย์ มุกดาวัลย์
นายสิบตำรวจคนนั้นก็หันมาทางชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ กล่าวขึ้นว่า.....
..... คอยที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวจะเข้าไปรายงานตัวก่อน อ้อๆ แล้วชื่ออะไรล่ะ???...
จะได้แจ้งถูกว่าใครขอพบท่านสารวัตร
..... เรียนท่านว่า ผมชื่อแสงสี ฟ้าสว่าง ครับ มาจากหมู่บ้านโคกอีแร้งครับ
..... รอก่อนนะถ้าท่านให้พบก็จะค่อยเข้าไปก็แล้วกัน นายสิบตำรวจกล่าว
แล้วผลักประตูเดินหายเข้าไป.......
ไม่นานสักนายสิบตำรวจคนดังกล่าว ก็เปิดประตูแล้วเรียกชายหนุ่มให้เข้าไปพบได้
เมื่อปิดประตูเรียบร้อย แสงสีแลเห็นท่านสารวัตรที่รีบลุกขึ้นจากโต๊ะเดินมาหน้าประตู
พลางปิดประตูลงกลอนทันที แล้วพลางหันมาทางแสงสีทันที
เจ้าแสงสีก็รีบยกมือขึ้นไหว้สารวัตรทันที ท่านสารวัตรก็รับไหว้ตอบ พลางกล่าวว่า
..... แสงสี นายให้มาหามีเรื่องอะไรหรือ???... สารวัตรกล่าวถาม มาๆนั่งก่อนซิยังเก้าอี้
วางไว้เบื้องหน้าโต๊ะทำงานสารวัตร ที่มีป้ายชื่อบอกยศชื่อตำแหน่งไว้....
แล้วตัวสารวัตรเองก็เข้าไปนั่งบนโต๊ะทำงานซึ่งมีเอกสารบางชิ้น นอกจากที่วางปากกา
แฟ้มเอกสารไม่กี่แฟ้มเท่านั้น
ส่วนเจ้าแสงสีก็รีบไปนั่งเก้าอี้ที่วางไว้ข้างหน้าโต๊ะทันที พลางล้วงเอกสารในอกเสื้อพร้อม
ส่งให้สารวัตรชัชวาลย์ทันที เมื่อสารวัตรชัชวาลย์อ่านเอกสารซึ่งมีหลายๆแผ่นเสร็จก็รีบยัด
เข้าใส่ในกระเป๋ากางเกงทันที ปกติแล้วจะต้องนำไปใส่แฟ้ม เก็บไว้ยังตู้เอกสารด้านหลัง
แต่ท่านสารวัตรคงจะเกรงว่าจะมีใครแอบเข้ามาอ่านจึงเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเองไว้
พลางถามขึ้นอีกว่า....นายสั่งอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าล่ะแสงสี เจ้าแสงสีก็พลันตอบว่า...
..... ท่านมิได้กล่าวอะไรเพียงให้นำเอกสารนี้อย่าให้ใครเห็นหากไม่พบสารวัตรก็ให้มอบ
ให้ผู้กองจรัสหรือผู้กองจำลองคนใดคนหนึ่งเท่านั้น หากไม่พบใครก็ให้นำกลับมาด้วยครับ
สารวัตรพลางเอ่ยขึ้นว่านายเรานี่เป็นคนละเอียดรอบคอบจริงๆนะ???...เอ่ยขึ้นเปรยๆ
แล้วพลันหันไปมองแสงสีถามว่า......
..... กินอะไรแล้วหรือยังล่ะจะได้พาไปกินอาหารนี่ก็ใกล้จะเที่ยงอยู่แล้วล่ะ???...
..... ผมทานเรียบร้อยมาแล้วล่ะครับ ขอบคุณท่านสารวัตรมาก และจะต้องรีบกลับไปรายงาน
นายท่านเสียก่อน ด้วยกำลังทำงานบางสิ่งบางอย่างอยู่ครับ นายบอกว่าเมื่อมอบให้สารวัตร
แล้วให้รีบกลับทันที ต้องมีงานให้ทำอีกครับท่าน
..... ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะเดินไปส่งหน้าสถานีเอง เผื่อว่าพวกตำรวจที่มาใหม่นี้จะได้รู้จักว่า
เจ้าเป็นคนของผม เวลาจะพบจะได้ง่ายๆขึ้น ด้วยตอนนี้มีคนมาใหม่น้อยอยู่พวกเก่าๆยังมีอีก
หลายๆนายด้วย มันจะได้พลอยรู้จักอำนวยความสะดวกเวลามาติดต่ออีกนะ
...... ครับท่าน แสงสีเอ่ยขึ้น
แล้วสารวัตรก็เอาเสื้อที่แขวนไว้ยังหลังเก้าอี้นั่งที่เป็นเบาะนวมสูงๆนำมาแต่งตัวทันทีพร้อม
โอบไหล่เจ้าแสงสีเดินออกไปจากห้องไป พอผ่านพวกตำรวจที่ยืนหรือเดินไปมาต่างแสดง
ความเคารพท่านสารวัตรทันที พร้อมหันมามองเจ้าแสงสีที่สารวัตรเดินโอบไหล่อยู่ด้วย
ครั้นเดินผ่าน ร้อยเวรที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน ครั้นเงยหน้ามองเห็นสารวัตรชัชวาลย์
โอบไหล่หนุ่มที่มาขอติดต่อ ก็พลันยืนขึ้นทำความเคารพทันทีสารวัตรหันมายิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า
..... หากคนๆนี้มาพบผมให้เข้ามาได้เลยนะ เขาคงจะจำห้องผมได้แล้วล่ะ??...สารวัตรเอ่ยขึ้น
..... ครับผ๊ม???....นายร้อยเวรกล่าวซึ่งอยู่ในท่าตะเบ๊ะทำความเคารพอยู่
บรรดาตำรวจที่ยืนในเครื่องแบบและครึ่งท่อนก็มีหันมามองเจ้าแสงสี คิดว่าคงจะมีความ
สำคัญแก่สารวัตรสนิทสนมมาก จนถึงขนาดโอบไหล่พามาส่งที่หน้าสถานีด้วยตนเอง
ต่างพากันมองเจ้าแสงสีเป็นตาเดียว ครั้นถึงทางลงบันได สารวัตรถึงปล่อยมือออกจากการ
โอบไหล่เจ้าแสงสี พลางกล่าวว่า
...... กลับไปได้แล้วล่ะวันหน้ามาก็ตรงไปหาผมที่ห้องได้เลยนะ คงจำห้องได้แล้วซิหาไม่ยากนัก
..... ครับท่าน....แล้วยกมือขึ้นไหว้ลาก้าวลงบันไดไป
สารวัตรยืนมองตามหลังเจ้าแสงสี ครั้นแลเห็นออกพ้นบริเวณโรงพัก แล้วหายไปทันที ไม่รู้
ว่ามันช่างหายไปไหนได้รวดเร็วนัก เขามองทั้งด้านซ้ายและด้านขวาก็ไม่แลเห็นแม้แต่เงาของเจ้า
แสงสีอีกเลย ก็แปลกใจยิ่งนักเหมือนมันหายตัวได้ก็มิปาน แต่ครั้นนึกถึงคำสั่งนายได้ก็ หันไป
ทางร้อยเวรสั่งว่า...
..... ร้อยเวรให้ช่วยให้ตำรวจไปเรียนท่านผู้กองจรัสและจำลองทั้งสองด้วยว่า
ให้รีบมาพบผมด่วนนะ
...... ครับผ๊ม ร้อยเวรเอ่ยขึ้นลุกขึ้นยืนนอบน้อม
ท่านสารวัตรมีเรื่องสำคัญจะปรึกษากัน เสียงร้อยเวรทำความเคารพแล้วหันไปสั่ง
ทางตำรวจนายหนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆให้รีบไปแจ้งแก่ผู้กองจรัสและจำลองว่าท่านสารวัตร
ต้องการพบตัวด่วนด้วย
เสียงการออกคำสั่งล่องลอยแว่วเข้าหูสารวัตรชัชวาลย์
ซึ่งรีบเดินจากไปเพื่อเข้าห้องทำงานทันที
นี่จวนได้เวลาทานอาหารกลางวัน แต่ไม่มีวี่แววว่าสารวัตรจะออกจากห้องเลย
คงคอยผู้กองทั้งสองอยู่
เมื่อผู้กองจรัสและผู้กองจำลองได้รับแจ้งจากตำรวจแล้วก็ต่างทิ้งงานต่างๆบน
โต๊ะทำงานทั้งสองแล้วรีบเดินอย่างรวดเร็วออกจากห้องตรงไป ห้องสารวัตรทันที
เมื่อถึงก็เคาะสัญญาณรหัสซึ่งจะรู้กันเพียงไม่กี่นายเท่านั้นในโรงพักนี้
สารวัตรรู้ว่าเป็นใครทันที เสียงร้องออกมาว่า เชิญๆๆเข้ามาได้เลยล่ะแล้วล๊อคห้อง
เสียด้วยนะ มีเรื่องสำคัญมากนายสั่งมา เอ่ยแก่ผู้กองทั้งสอง เมื่อเรียบร้อยแล้ว.....
ทั้งสามก็นั่งปรึกษาหารือกัน ที่โต๊ะทำงานของสารวัตรชัชวาลย์ ซึ่งเบื้องหน้าเป็นแผนที่
หนทางต่างๆตลอดคำสั่งให้ลงมือปฏิบัติงานอย่างไรกันบ้าง ครั้นสนทนาเรียบร้อยแล้ว
ท่านสารวัตรก็เดินไปเครื่องปริ้นซ์เอกสารนำเอกสารที่ถูกปริ้นซ์แล้วส่งมอบ
ให้แก่ผู้กองทั้งสองไปพร้อมคำสั่งการปฏิบัติงาน การประสานงานและกันไว้ ส่วนแผนที่
นั้นให้แจกจ่ายเฉพาะเขตที่จะทำการจับกุมเท่านั้น
พลางกล่าวเพิ่มเติมขึ้นว่าคุณรีบไปเตรียมจัดกำลังพลทั้งแจ้งไปยังหน่วยที่ยังแฝงกายไว้
โดยรหัสลับที่พวกเรารู้กันเท่านั้นนะ ผู้กองทั้งสองพยักหน้ารับทราบแต่ไม่กล่าวอะไรเลย
เวลาการปรึกษาของทั้งสามเลยเวลาทานอาหารกันแล้วก็ยังไม่ออกมาทานอาหาร
ทำให้บรรดาตำรวจทั้งหลายแปลกใจแม้แต่ท่านรองผู้กำกับ กำลังทานอาหารอยู่คนเดียว
ปกติจะต้องนั่งปรึกษาที่โต๊ะอาหารกันเป็นประจำนี่ก็บ่ายแล้วยังไม่เห็นนายตำรวจทั้งสาม
ลงมาทานอาหารเลยตามปกติ ก็ให้สงสัย ไม่เฉพาะตำรวจทั้งหลายแม้แต่ท่านรองผู้กำกับเอง
ดังนั้นก็รีบทานอาหารโดยเร็วเมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตรงไปยังห้องสารวัตร
ชัชวาลย์เห็ประตูลงกลอนไว้ ก็เคาะประตูเรียกทันที
รหัสสัญญาณส่งออกมาจากในห้อง ท่านรองผู้กำกับก็เคาะสัญญาณตอบเข้าไป
เมื่อสัญญาณถูกส่งแล้ว
เสียงดังเปิดกลอนแล้วประตูก็เปิดออก ทั้งสารวัตรและผู้กองทั้งสองก็ต่าง
แสดงความเคารพทันที แล้วเชิญให้ท่านรองฯเข้าไปนั่งยังโต๊ะสารวัตรพลางลากเก้าอี้ออกมา
นั่งลงพร้อมรายงานบางสิ่งที่ไม่สำคัญเท่าไรให้แก่ท่านรองฯทราบทันที
ว่าเป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านผู้กำกับสั่งมา โดยตรงให้รีบปฏิบัติงานในวันศุกร์นี้ด่วนที่สุด
ครั้นท่านรองทราบดังนั้น ท่านเชื่อใจสารวัตรและผู้กองทั้งสองมากกว่าบรรดาตำรวจทั้งหมด
จึงกล่าวแก่สารวัตรและผู้กองทั้งสองว่า
..... ถ้าแบบนั้นก็รีบดำเนินการได้ทันที ต้องการอะไรบ้างผมจะรีบเซ็นต์หนังสือขออนุมัติครั้งนี้
ให้โดยเร็วที่สุด ขอให้รีบทำเรื่องขอกำลังพลและอาวุธไป
เบิกมาใช้ได้ในการทำงานอีกครั้งนี้ได้เลย จะได้ทันการเวลาเหลืออีกไม่มากนัก
ขอให้งานนี้จงสำเร็จด้วยนะ ขออวยพรแก่คุณทั้งสามด้วย แต่ก็ยังถามว่า...
..... แล้วคุณทั้งสามจะออกไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยหรือเปล่าล่ะ???....
...... ไปครับท่านงานนี้เป็นงานใหญ่ผมจะเข้าทำการจับกุมเอง ส่วนผู้กองทั้งสอง
ต่างก็แยกย้ายกันจับกุมผู้ที่ผ่านเส้นทางต่างๆ พลางชี้ไปยังตำแหน่งแผนที่
ที่จะทำปฏิบัติงานให้ดู ท่านรองผู้กำกับก็เอ่ยขึ้นบ้างว่า...
...... งานนี้งานใหญ่สำคัญมากผมจะขอไปร่วมด้วยคน ท่านสารวัตรเห็นว่าอย่างไรล่ะ???...
..... ผมว่าท่านคอยดูแลทางนี้ดีกว่า คอยสังเกตุสิ่งผิดปกติตำรวจบางคนเฉพาะชั้นต่ำไว้ด้วย
บอกตรงๆว่าผมเองยังไม่ไว้ใจพวกอยู่เก่าๆแม้จะไม่ได้ถูกย้ายก็ตาม แต่ว่าการกินอยู่ดีผิด
ปกติวิสัยของเงินเดือนที่ได้รับครับท่าน คนที่ท่านรองจะใช้นั้นอย่าหาว่ากระผมละลาบละล้วง
ควรใช้คนที่ไว้ใจได้เท่านั้นคอยสังเกตุและรายงานให้ทราบยิ่งเร็วยิ่งดี
ด้วยทางผมถือเป็นความลับสุดยอดด้วย เนื่องจากเป็นงานชิ้นใหญ่ๆมาก
หากทราบขอความกรุณาแจ้งให้พวกผมทราบโดยด่วนด้วย เพื่อจะได้ตัดทิ้งไปส่วนคนผมทั้งสาม
จะคัดเลือกเองครับท่าน
..... ปัญหานี้ไม่ต้องห่วงกลับไปห้องทำงานแล้วผมจะเรียกคนสนิทมาสั่งงานทันที
อ้อๆงานนี้จะเริ่มอีกไม่กี่วันเท่านั้นจะทำทันหรือ????... ท่านรองสงสัย
..... เรื่องนี้ท่านเองเชื่อใจท่านรองผู้กำกับครับท่าน ท่านตอนนี้ปฏิบัติหน้าที่สองอย่างคือ
เป็นทั้งผู้กำกับการตำรวจประจำจังหวัดและยังเป็นหัวหน้าสารสืบทำตัวเสมือนสายสืบอีกด้วย
สารวัตรกล่าวขึ้นให้ท่านรองกำกับฟัง.....
..... อ้าวๆๆงั้นท่านผู้กำกับที่จะมาดำรงตำแหน่งก็อยู่ในจังหวัดแล้วซิสารวัตร....
ท่านรองฯงุนงงมากๆ
.... ครับท่าน.... ท่านผู้กำกับท่านเชื่อใจท่านรองฯมากครับ ท่านกล่าวอีกว่า .....
เรื่องนี้อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด ยกเว้นท่านรองคนเดียวเท่านั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ
ก็ไม่ต้องกล่าวอะไร เว้นแต่ท่านรองฯถามขึ้นก่อนเท่านั้น
แต่ไม่ให้บอกว่าท่านตอนนี้อยู่ที่ไหนครับท่านรองฯ
อีกอย่างท่านยังเปรยๆให้ฟังว่าจะให้ท่านรองฯปฏิบัติหน้าที่นี้ไป
จนกว่าท่านรองฯจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อครบเกษียณอายุราชการเสียก่อน
เพื่อให้เป็นเกียรติยศว่าเคยดำรงตำแหน่งสูงสุดในโรงพักนี้ไว้ด้วยครับท่าน
ท่านถึงจะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน..... สารวัตรเอ่ยขึ้น
..... อย่างนี้นี่เองงานปราบปรามถึงสำเร็จเป็นเสียส่วนมาก อีกทั้งการเลื่อนขั้นยศ
ตำแหน่งก็ตามมาอย่างรวดเร็วผิดปกติก่อนการพิจารณาคัดเลือกนายตำรวจทั้งหมด
ทางด้านเราล้วนแล้วแต่ได้รับกันเกือบหมด และถูกย้ายกันระนาวเป็นประวัติการณ์
แม้แต่ผมเองก็ยังพลอยได้รับผลด้วยเป็นถึงพตอ.และยังแถมด้วยพิเศษไปกับเขา
ในเวลาไม่นานหลังจากการจับกุมยาเสพย์ติดรายใหญ่นั้นเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
นับได้ว่าท่านผู้กำกับคนนี้มีพระคุณแก่วงศ์ตระกูลผมมากยิ่งนัก เสียดายจริงๆ
ที่ไม่มีโอกาสเห็นหน้าท่านเลย แต่คงคิดว่าคงจะได้พบเห็นหลังจากพ้นตำแหน่งไป
แล้วนะ ผมจะหมั่นแวะมาดูหน้าผู้มีพระคุณให้ได้เสียก่อน ท่านรองเอ่ยแล้วเปรยขึ้น
ในชีวิตตำรวจนี้นึกว่าชีวิตราชการตำรวจคงจะจบสิ้นเพียงแค่รองฯนี้เอง
ก็แค่ พตท.คงหมดโอกาสแล้วได้เป็น พตอ. ด้วยผู้กำกับเดิมๆก็ยศแค่ พตอ.เท่านั้น
บอกตรงๆว่าในชีวิตราชการตำรวจของผม ก็พึ่งจะมาพบเห็นก็คราวนี้นี่แหละครับ
แต่เหตุการณ์คำสั่งมาเลื่อนตำแหน่งผมเป็นพตอ.ก็แสนจะดีใจอยู่แล้วว่า
ก่อนเกษียณอายุราชการก็ยังได้รับแถมเป็นยศพิเศษอีกด้วย ก็เพราะความเมตตา
จากท่านทั้งสิ้น หากไปพบบอกท่านด้วยว่าเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแม้จะตายในหน้าที่
ผมก็พร้อมใจพร้อมกายอยู่เสมอนะสารวัตร
แล้วคุณคิดว่าท่านมาทำงานกันเมื่อไหร่คุณพอจะรู้ไหมครับ???....
ท่านรองฯกำกับถามขึ้นอีก คล้ายดั่งเกรงใจสารวัตรและผู้กองทั้งสองมากๆ
ตลอดเวลากล่าวอาการแสดงด้วยความดีใจยิ่งนัก สีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา....
..... อ้าวก็ผมบอกท่านรองไว้แล้วนี่นาครับ ท่านรองลืมเสียแล้ว สารวัตรกล่าวขึ้น
พอท่านรองนึกขึ้นได้ ก็ขอโทษสารวัตรและผู้กองทั้งสอง ดีใจที่คนที่มานั้นให้เกียรติ
แก่เขามากมายยิ่งนัก
สารวัตรพลันเอ่ยขึ้นให้ท่านรองฯทราบว่า
..... ท่านมาก่อนได้รับการเลื่อนยศและแถมยังเปลี่ยนชั้นโรงพักขึ้นไปอีกมากมาย
ตลอดจนอาณาเขตควบคุมออกไปยังพื้นที่อื่นอีกทั้งหมดในด้านแถบนี้ครับ
แต่ท่านแจ้งให้ผมกับผู้กองทั้งสองทราบเท่านั้น.....
แล้วผู้กองก็เอ่ยว่า ท่านสั่งห้าม บอกว่าท่านเป็นใครอยู่ที่ไหนครับท่านรองฯ
ผู้กองจรัสเอ่ยขึ้นบ้าง
.....ผมเองก็แปลกใจก่อนที่จะได้เลื่อนเป็นรองผู้กำกับนั้นไม่เท่าไหร่ยังได้เลื่อนตำแหน่ง
ซ้ำยังไม่เคยเห็นหน้าท่านผู้กำกับฯตัวจริงอีกด้วย ไม่เหมือนสมัยก่อนหากใครเป็นผู้กำกับ
แล้วมักจะย้ายมาก่อนรับหน้าที่จะดำรงตำแหน่งทั้งสิ้น
ท่านรองฯเอ่ยให้นายตำรวจทั้งสามฟัง
ท่านบอกว่าไม่ใช่เฉพาะโรงพักเราโรงพักเดียวเท่านะครับ โรงพักอื่นๆที่อยู่ในความ
ควบคุมดูแลของเรา ต่างก็ล้วนถูกย้ายกันระนาวไปตามๆกันตั้งแต่ผู้กำกับรองผู้กำกับ
หรือคนที่รับส่วยจากพวกทุจริตทั้งหลาย ได้ถูกเปลี่ยนใหม่หมดตามคำสั่งของท่านที่เสนอ
ไปยังผู้บังคับบัญชาสูงสุดครับท่าน ไม่แต่ตำรวจเท่านั้นนายอำเภอต่างๆในบริเวณแถวๆนี้
ตลอดจนป่าไม้ที่ดินก็โดนกันไปด้วยครับ...... สารวัตรรายงานให้ฟัง
นั่นซิสร้างความแปลกใจแก่ผมเหมือนกันด้วยได้รับรายงานจากสายของผมเหมือนกัน
ว่าเหตุการณ์ไม่ปกติธรรมดาทั่วๆไปอีกด้วย ไม่ใช่เฉพาะตำรวจหน่วยงานอื่นๆก็โดน
ผมชักสงสัยว่าท่านผู้กำกับเราคนนี้คงจะไม่ธรรมดาเสียแล้วซิ???.....
ว่าจริงไหมท่านสารวัตรผู้กองฯ รองผู้กำกับถามทั้งหมดทันที
..... เรื่องนี้ท่านเองก็ไม่เปรยให้พวกผมฟังครับ ผมเองก็เลยไม่รู้
นอกจากได้ไปพบท่านรับคำสั่งเท่านั้นครับ ส่วนใหญ่ท่านจะสั่งจะมีก็เพียงเท่านี้แหละครับ
..... อ้าวๆๆๆงั้นก็หมายความว่าคุณทั้งสามไปพบท่านมาแล้วตั้งนานแล้วหรือนี่????....
..... ครับท่านรองฯผมทั้งสามคนและตำรวจบางนายเท่านั้นที่จะได้พบท่านผู้กำกับมาครับ
แต่ขอให้ท่านอย่าได้เอ่ยเรื่องนี้แก่ใครๆแม้แต่ทางครอบครัวท่านด้วยนะ ท่านกำชับนัก
กำชับหนา เรื่องเกี่ยวกับงานของพวกเราครับท่าน สารวัตรเอ่ยขึ้น
..... เรื่องนี้ไปเรียนท่านได้เลยว่าไม่ต้องเป็นห่วง อ้อๆๆมิฉะนั้นพวกคุณถึงไม่ยอมให้ผมไปร่วม
กิจกรรม ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ท่านรองฯเปรยๆเบาๆ
..... ครับท่าน....ท่านผู้กำกับยังบอกว่าในเมื่อท่านรองฯจะเกษียณอายุราชการ งานด้านเสี่ยงๆทั้งหมด
อย่าให้ท่านปฏิบัติเด็ดขาด ท่านไม่สังเกตุเลยหรือว่าเหตุใดผมถึงรีบรายงานขอกำลังพลและเบิกอาวุธ
มาปฏิบัติทุกๆครั้ง ท่านได้รับเพียงแต่รายงานขอเบิกเท่านั้นแต่ไม่ได้ไต่ถามผมสักครั้งเดียวเลย
ถึงท่านรองฯจะไป ท่านยังสั่งว่าให้หาทางแก้ตัวไว้ด้วยหากท่านรองถามครับ อย่าให้ท่านท่านรองฯ
ไปเด็ดขาด
เว้นแต่เมื่อทำการได้สำเร็จครบถ้วนเรียบร้อยแล้วนั่นแหละถึงให้ท่านไปตรวจสอบได้.........
* แก้วประเสริฐ. *
7 ธันวาคม 2553 18:11 น.
แก้วประเสริฐ
อมิสมานกาย ๔๑
บริเวณไร่นาสวนที่พ่อเชียรสร้างไว้นั้น มีอาณาเขตกว้างใหญ่มาก ล้วนแล้วแต่
ปลูกพืชผักผลไม้ต่างๆ สลับกันไปๆมาๆเป็นจำนวนมาก แลดูครึ้มๆ อากาศร่มเย็น
มีกระต๊อบเตี้ยๆปลูกไว้ริมๆทางเข้า บริเวณสวนที่อุดมไปด้วยต้นไม้ที่กำลังผลิดอก
ออกผลเล็กบ้างใหญ่บ้าง ถัดไปเป็นไร่ปลูกจำพวกกล้วยต่างๆ อ้อย มันสัมปะหรังฯลฯ
ส่วนนานั้นอยู่เลยไปติดริมเขามีไม่มากนัก เขาคิดว่าแค่ทำไว้กินปีๆหนึ่งเท่านั้นเอง
ส่วนขอบบริเวณเนื้อที่เป็นสระใหญ่และเครื่องสิ่งฟอกอากาศระบายน้ำให้ไหลสู่ลง
ไปเบื้องล่าง สระน้ำแยกเป็นสองสระน้ำ สระหนึ่งใช้สำหรับรองรับน้ำที่ไหลลงมา
มีธารเล็กๆที่เชื่อมต่อกับลำธารใหญ่ที่ไหลมาจากภูเขาไว้ แล้วส่งต่อไปยังอีกสระหนึ่ง
ใช้สำหรับเลี้ยงจำพวกปลาต่างๆ เพื่อส่งขายเมื่อคนมาขอซื้อทั้งผลไม้และปลาที่ทำไว้
ชายหนุ่มแลเห็นพ่อกำลังนั่งสูบบุหรี่ใบจากอยู่บนแคร่หน้ากระต๊อบดูการทำงาน
ของเจ้าชัย ซึ่งแต่งตัวด้วยกางเกงขาก๊วยเพียงตัวเดียว ร่างมันกำยำล่ำสันใหญ่โต
ขึ้นมากหลังจากมาช่วยงานพ่อแม่เขา กำลังทำงานฟันดินให้ร่วนๆอยู่บางครั้งก็นั่งพัก
แต่มันไม่นั่งเปล่าๆในมือมันยังมีมีดใช้สำหรับถางหญ้าเล็กๆไปด้วยในตัวเสร็จ
บางครั้งยกขวดน้ำพลาสติคยกขึ้นดื่มแก้กระหาย เมื่อมันเมื่อยจัดๆก็นอนไขว่ห้าง
นอนลงบนต้นหญ้าที่ถางไว้แล้วนำมาปูรองนอนพักเอาแรงไว้เพื่อทำงานต่อไป ครั้นพอ
พ่อเขาสูบบุหรี่เสร็จ ก็เห็นไปหยิบมีดเดินออกไปถางหญ้า ที่ทำเป็นท้องร่องน้ำใต้ต้นไม้
ในสวน กำลังง่วนกับการถางต้นหญ้ารอบๆต้นไม้ต่างๆ สุมกองเรียงราย เป็นหย่อมๆไป
ชายหนุ่มเดินมาถึงก็มานั่งบนแคร่ดูการทำงานของคนทั้งสอง ส่วนแม่ก็อยู่ในกระต๊อบ
คงจะง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพื่อกินกันสำหรับอาหารมื้อเที่ยงที่จวนจะใกล้อยู่แล้ว เมื่อ
พ่อเขาเหลือบมาเห็นก็หัวร่อลั่น เสียงของพ่อทำให้เจ้าชัยหันมามองด้วย แล้วต่างคนก็วาง
มือจากการทำงาน เดินมาหาเขา เขายกมือไหว้พ่อ ส่วนเจ้าชัยก็ยกมือไหว้เขา พ่อพลันถามว่า
..... อ้าวเอ็งมาเมื่อไหร่ล่ะ ไม่เห็นกระโตกกระตากให้รู้เลย???......
..... ผมเห็นพ่อกำลังสนุกกับการทำงานอยู่ครับ ผมก็พึ่งจะมานั่งบนแคร่นี้ไม่นานหรอก
ชายหนุ่มตอบผู้เป็นพ่อ พลันหันไปคุยกับเจ้าชัย
..... เป็นยังไงเหนื่อยมากไหมล่ะน้องพี่???.....
..... ไม่หรอกครับเคยชินเสียแล้วล่ะพี่ ดีเสียอีกออกกำลังกายในตัวเสร็จ เจ้าชัยเอ่ยตอบ
เขานึกในใจว่าทำไมร่างกายมันจึงกำยำล่ำสัน และสูงขึ้นกว่าเดิมก็ด้วยเหตุนี้นี่เอง แล้วก็
พลางกล่าวว่า ชัยพี่จะสอนวิชาอาคมต่างๆให้นะแล้วยังฝึกหัดวิชาการต่อสู้ให้แก่เจ้าด้วยตลอด
จนการใช้อาวุธต่างๆ หากพ่อแม่แก่เฒ่าเจ้าจะต้องเป็นผู้คอยดูแลแทนพี่ซึ่งจะไม่มีเวลาจึงขอฝาก
ไว้กับเจ้าและชบาด้วย แต่ขอให้พี่เสร็จจากงานที่ใกล้ๆจะมาถึงแล้วเสียก่อนนะ
.... แล้วแต่พี่เถอะครับ ผมยินดีส่วนพ่อแม่ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรอก เป็นหน้าที่ของผมอยู่
แล้วล่ะ??..... เจ้าชัยกล่าวกับพี่ชายมันซึ่งมันบัดนี้ยิ่งเคารพรักชายหนุ่มมากขึ้นที่สร้างมันขึ้นมา
ให้เป็นคนได้ และยังได้มาอยู่กับคนดีๆเช่นนี้อีกด้วย มันนึกว่าเป็นบุญเก่าคงจะสร้างมามากและ
คงจะเคยเป็นพี่น้องกันมาก่อน มันคิดในใจจึงได้พยายามทำทุกๆอย่างแทนพ่อให้มากที่สุด
เสียงสนทนาของทั้งหมดดัง ทำให้แม่เข็มเดินออกมาจากกระต๊อบ ครั้นชายหนุ่มแลเห็น
ก็ยกมือไหว้ แม่เข็มหัวร่อร่าที่เห็นลูกชายมาเยี่ยม พลางกล่าวขึ้นว่า
...... วันนี้เป็นวันอะไรหนอเจ้า ถึงมาเยี่ยมพ่อแม่น้องได้ หรือว่างานเสร็จเรียบร้อยแล้ว???....
..... ยังหรอกครับแม่ผมเห็นว่างๆและนึกอย่ามาชมดู ไม่ได้คุยกับชบาด้วยมันง่วนอยู่กับ
การทำอาหารแลเช็ดบ้านถูเรือนอยู่ ส่วนนางอัปสรนั้นตอนนี้ก็ไม่อยู่เสียด้วยครับ ชายหนุ่มตอบแม่
..... เออๆๆมานานแล้วหรือไงลูก???..... ฝ่ายผู้เป็นแม่ถาม
..... สักครู่นี้เองแหละครับว่าไร่นาสวนเป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่มาไม่เคยเข้ามาดูเลย ครั้นยังเป็น
หนุ่มอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ด้วยต้องไปเรียนหนังสือในเมืองและก็มาลาพ่อแม่เข้ากรุงเทพฯไป
..... ตั้งแต่ได้เจ้าชัยมาช่วย พ่อแม่รู้สึกว่าค่อยยังชั่วหน่อยแก่แล้วด้วย เรี่ยวแรงมันช่างถดถอยจริงๆ
ผู้เป็นพ่อกล่าวบ้าง
..... เดี๋ยวนี้มันโตขึ้นกว่าเดิมมากเสียด้วยสูงอีก คงจะเป็นการขึ้นต้นไม้บ่อยๆกระมัง ด้วยมันต้องไป
คอยผูกกระเช้าห่อผลไม้ต่างๆ หากไม่ได้เจ้าชัยคงปล่อยมันไปตามธรรมชาติแหละ ผลก็ได้ไม่เต็มที่
ด้วยนกกระรอกกระแตทั้งกลางวันกลางคืนมันเจาะกินเสียหายเกือบหมด บางครั้งแทบจะไม่ได้อะไรเลย
แต่อย่างว่านะลูกพ่อเองปีนต้นไม้ไม่เหมือนเก่าแล้วล่ะ.... พูดเสร็จพลางหัวร่อฮึๆๆ
..... ผมว่าจะมาสักพักหนึ่งก็จะกลับแล้ว ด้วยผมคิดว่าป่านนี้เจ้าแสงสีเจ้าสินชัยคงจะมาถึงบ้านแล้วล่ะ
เห็นหายไปสองสามวัน มันคงจะถามน้องชบาว่าผมหายไปไหนครับ
..... อ้าวๆแล้วไม่กินข้าวกันก่อนหรือ??..... ผู้เป็นแม่ถาม
..... ไม่หรอกครับ ผมรับปากกับน้องชบาว่าจะมากินเป็นเพื่อนมันด้วย ชายหนุ่มกล่าว
..... แล้วไม่เข้าไปเดินดูที่ทางบ้างเลยหรือ????..... ฝ่ายพ่อและเจ้าชัยถามขึ้นพร้อมๆกัน
..... ผมก็คิดอย่างนี้เหมือนกันครับ เดินดูสักพักแล้วจะกลับเสียเลย นี่ก็ใกล้ๆจะเที่ยงอยู่แล้วล่ะ??....
..... ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจลูกก็แล้วกันนะ
แล้วชายหนุ่มก็หันไปทางแม่เอ่ยขึ้นว่า
..... หากผมไปเดินดูเสร็จก็จะเลยไปบ้านนะครับ แม่ไม่ต้องห่วงผมเอาจักรยานมาครับ
..... เออๆๆตามใจลูกเถอะ อย่างไรตอนเย็นก็เจอกันอีก งั้นลูกไปเดินดูไร่นาทาสวนเลยก็ดีนะนี่
มันก็จะใกล้เที่ยงอยู่แล้ว เดี๋ยวพ่อกับเจ้าชัยมันจะได้เสร็จมากินข้าวกันบ้าง พอเขาหันไปมองก็
เห็นเจ้าชัยออกไปทำงานคนเดียวก่อนแล้ว ส่วนพ่อเขายังนั่งสูบบุหรี่คอยเขาอยู่
ดังนั้นเขาจึงชวนพ่อออกไปเดินดูที่ดูทาง และจะได้รีบกลับบ้านเพื่อฟังข่าวจากเจ้าแสงสี
และเจ้าสินชัย พลางเอ่ยว่า
..... ไปหรือยังล่ะครับผมว่าจะได้รีบกลับไปฟังข่าวด้วย และจะได้เขียนแผนการณ์ให้มันไปส่ง
มอบให้ลูกน้องผมด้วยครับ
..... งั้นไปเลยซิลูกพ่อจะนำไปเอง เจ้าจากไปหลายๆปีคงจะไม่เหมือนเดิมเสียแล้วล่ะ ผู้พ่อกล่าว
..... ครับๆดีเหมือนกันแหละครับ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
แล้วทั้งสองก็เดินคุยกันไป ฝ่ายพ่อก็ชี้ให้ดูบริเวณที่ซึ่งพึ่งซื้อมาเพิ่มขึ้นอีก และถากถางเสร็จ
แล้วกำลังเพาะปลูกต้นไม้อยู่ ซึ่งพึ่งจะเริ่มเป็นสาวๆกันแล้วคงอีกปีหน้าอาจจะเก็บเกี่ยวผลได้กระมัง
ส่วนนาคิดว่าจะเพิ่มอีกสักไร่หนึ่งด้วยมีคนมาช่วยกันแล้ว เจ้าคงไม่สังเกตุที่หลังกระต๊อบนั้นพ่อได้
ซื้อเครื่องสีข้าวเล็กๆไว้ด้วย ซึ่งห่างจากกระต๊อบไว้นอนพักเล่นแก้เหนื่อยเท่านั้นให้แม่เขาดูแล ฝ่าย
พ่ออธิบายสิ่งต่างๆให้ลูกชายฟัง ส่วนด้านชายหนุ่มได้แต่คิดว่าพ่อเขานี่ช่างเก่งจริงๆเรื่องทางด้าน
กสิกรรมเกษตรกรรมนัก การจัดการหรือก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นสัดส่วน จะมีสลับกันบ้างก็
เพื่อไม่ให้เนื้อที่เสียไป ที่แซมไว้ล้วนแต่เป็นกล้วยต่างๆทั้งสิ้นนอกนั้นเป็นผลไม้ยืนต้นห่างๆกัน
คงจะราวประมาณวาหนึ่งเห็นจะได้ เดินตามพ่อไปพ่ออธิบายไปเขาก็รับฟังแล้วมาคิดไปจวน
เวลาใกล้เที่ยง หากคิดจะเดินให้ทั่วทั้งวันก็คงจะไม่ครบ พอได้เวลาอันสมควรรู้แนวบริเวณเท่านั้น
ก็ชวนพ่อกลับ พ่อบอกกล่าวว่า
..... งั้นเอ็งกลับไปก่อนก็แล้วกันพ่อจะได้ถางหญ้าเล็กๆช่วยเจ้าชัยมันไปด้วย เหมือนออกกำลังกายไป
ในตัวเองเสร็จ แต่อย่าลืมไปบอกแม่เขาเสียก่อนล่ะ???.....ฝ่ายผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น
..... งั้นผมกลับตอนนี้เลยนะครับ ด้วยรู้แนวบริเวณเนื้อที่ของเราหมดแล้วหากเดินดูให้หมดคงทั้งวันก็
ไม่หมดหรอก ชายหนุ่มกล่าวแก่ผู้เป็นพ่อ
..... เออๆไปเถอะลูก ป่านนี้นางชบามันคงจะจัดอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว และเจ้าแสงสีสินชัยคงจะมาแล้ว
กระมัง???....ผู้พ่อกล่าวขึ้นบ้าง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเวลาพอสมควรก็ยกมือไหว้พ่อ แล้วตะโกนบอกเจ้าชัยว่า
..... ชัยๆๆ....พี่กลับก่อนนะวันหน้าหากว่างๆจะมาช่วยเจ้าด้วยล่ะ??....
ได้ยินเสียงตอบรับจากเด็กหนุ่มแต่คิดว่าคงเป็นชายหนุ่มเสียแล้ว ด้วยสรีระร่างมันบ่งชี้นั่นเอง
..... ครับพี่แล้วเจอกันที่บ้านก็แล้วกัน ฝ่ายเจ้าชัยตะโกนตอบ
ดังนั้นชายหนุ่มก็เข้ากระต๊อบไปลาแม่แล้ว ก็นำจักรยานออกมาขี่กลับบ้านทันที ในระหว่างทางเขาคิด
วางแผนการณ์ไว้หลายๆรูปแบบ เพื่อจะให้ลูกน้องได้ทำงานคราวนี้หากได้รับการยืนยันจากเจ้าแสงสี
และเจ้าสินชัย ก็จะนำมาปรับปรุงแผนการณ์ต่อไป
สักครู่ใหญ่ๆเขาก็เดินทางมาถึงบ้าน สาวชบามานั่งคอยรับที่ชานเรือนตรงริมบันไดทางขึ้นบ้าน
ก่อนแล้ว ครั้นแลเห็นเขาหล่อนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวทันที เพื่อจัดเตรียมอาหารมาให้เขากินกับ
หล่อน
ด้านชายหนุ่มครั้นจอดจักรยานไว้ในที่เรียบร้อยแล้ว เดินมายังบันไดล้างเท้าแล้วก้าวขึ้นเรือนตรง
ไปยังห้องทันที
เมื่อถึงยังห้องก็เห็นเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่เห็นแม่นางอัปสรทั้งสองแต่
อย่างใด จึงรีบถามเจ้าแสงสีสินชัยทันที
..... งานที่ข้ามอบให้ไปทำนั้นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ???....ชายหนุ่มถาม
เจ้าแสงสีและสินชัยต่างช่วยกันรายงานขึ้นทันที เพราะต่างตนแยกกันไปทำงานคนละที่กัน ฝ่ายเจ้า
แสงสีรายก่อนขึ้นว่า
..... เราสองต่างแยกย้ายกันไปทำงาน ผมไปติดตามทางด้านกำนันกับเสี่ยหว่างจนถึงสถานที่ ที่จะทำงาน
ของพวกมัน จนทราบว่ามันจะลงมือในป่าทึบที่ติดทางแม่น้ำโขงดั่งที่นายกล่าวไว้ไม่ผิดเลย ในวันศุกร์นี้
เวลาตอนเช้าตรู่ แต่รถนั้นมันจะนำไปจอดไว้ตามบ้านกำนันต่างๆแถวๆนั้นก่อน มันจะแปรรูปท่อน
ไม้ใหญ่ให้เป็นไม้สำเร็จรูปแล้วค่อยๆแยกทางกันไป ด้วยมีทางแยกหลายๆทางแต่ล้วนแล้วทางนั้น
เชื่อมต่อกันหมดมาตามทางที่ต้องผ่านบ้านกำนันมั่นแต่ไม่ผ่านทางหมู่บ้านเราแยกไปอีกทางหนึ่ง
ซึ่ง ปลายทางมีทางแยกกันหลายทางที่จะไม่ต้องเข้าเมืองตรงไปทางกรุงเทพฯเลย
และผมยังได้ไปติดต่อกับเจ้าป่าเจ้าเขาด้วยตลอดจนลูกน้องผีทั้งหลายให้คอยช่วยดูแล พวกเราให้ด้วย
แต่ต้องไปแจ้งอีกทีให้พวกมันรู้ว่าพวกเราจะแต่งกายอย่างไรกันบ้างและมีอะไรเป็นสัญญาลักษณ์อีกด้วย
และยังได้นำดินในท้องที่ต่างๆมาไว้เนื่องจากนายเคยพูดว่า กำลังคนทางเราไม่พอบางทีอาจจะสร้างหุ่นไว้
ใช้งานร่วมด้วยนะนาย แต่ผมคิดว่าหากเข้าทำการจับกุมควรจะให้ทำงานแปรรูปไม้ให้เสร็จก่อน เวลาจับ
กุมจะได้ไม่ยุ่งยากมากนัก มันใช้รถมาขนเป็นจำนวนมากๆด้วยคนเราน้อยจะได้สะดวกในการจับกุม
เรื่องนี้แล้วแต่นายจะทำก็แล้วกัน ส่วนหุ่นนั้นผมกับสินชัยช่วยกันปั้นได้มาแล้วทั้งยังปลุกเสก
ตามที่นายสอนไว้ เพียงแค่ให้นายมาปลุกเสกกำกับอีกทางหนึ่งเท่านั้น ได้หลายร้อยตัวเชียวล่ะ
มันกล่าวด้วยความภูมิใจต่อผลงานของมันที่นายสั่งไว้สำเร็จ
ส่วนทางเจ้าสินชัยครั้นเห็นพี่แสงสีจบรายงานแล้ว ก็รีบรายงานว่า ผมได้ติดตามไปยังบ้าน
อาจารย์มันว่าจะใช้อะไรมาช่วยในการทำงานครั้งนี้ไว้ แค่แฝงกายแอบดูฟังอยู่กลับพวกที่ผมได้
เกลี้ยกล่อมมันไว้ทั้งหมด มันน่าสยดสยองยิ่งนักกับอาจารย์ทั้งสอง
ยิ่งกว่าผมที่ตอนโดนและนายยังไม่ได้ชุบเลี้ยงเสียอีก เอน็จอนาถมากกว่าหลายเท่าตัวนัก
ด้านอาจารย์เสิ่งปางนั้นมันโดนของๆมัน ผมเห็นเป็นหนังควายแผ่นมหึมาใหญ่มากๆเสียด้วย
คิดว่าคงเป็นนายปล่อยกับคืนไปหามันเอง มันเลยป้องกันตัวอะไรไม่ได้ ท้องระเบิดแตกแยกกัน
ไส้เครื่องในเลือดสาดกระจายไปทั่วบ้านของมัน รวมทั้งพวกกำนันใช้ต่างหนีเผ่นแนบไปตามๆกัน
ตอนนี้ถูกพวกกำนันใช้และพวกเผาบ้านและร่างมันทำลายหลักฐานตามเจ้าหน้าที่ที่มาชัณพิสูจน์ศพ
สั่งไว้ให้ทำลายหลักฐานกลบเกลื่อนบริเวณไว้หมดแล้วล่ะ
ส่วนอาจารเจี๊ยะเปิ้งนั้นมันโดนตะขาบยักษ์ ผมคิดว่าก็คงจะเป็นนายส่งไปอีกนั่นแหละ กัดกินหัวมัน
แทะเนื้อมันหมดเหลือทิ้งไว้ไม่มากนัก ก่อนตายทั้งสองร้องครวญครางเสียงดังน่ากลัวมากครับนาย
แต่บ้านมันก็ถูกกำนันหวนเผาทำลายซากศพไปหมดสิ้น ทั้งบ้านเลยล่ะรวมทั้งบรรดาสิ่งของต่างๆด้วย
ผีของมันอาละวาดกันใหญ่ล้วนไม่ใช่พวกที่ผมเกลี้ยกล่อมไว้เท่านั้น ซึ่งพวกมันก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม
เข้าช่วยเหลืออาจารย์มัน เว้นแต่พวกที่ไม่ยินยอมแต่ พวกมันไม่กล้าเข้าไปใกล้ตะขาบยักษ์สักตนเดียว
ซึ่งพวกที่ยินยอมกับเราบัดนี้มันได้มาขอพักอาศัยกับทางเรา ผมคิดว่านายควรจะสร้างที่อยู่ให้มัน
ได้พักไว้ใช้ในคราวต่อไป เพื่อให้มันได้สร้างบุญกุศลชดใช้กรรมด้วย พวกมันถูกบังคับเช่นผม
และนายควรจะอบรมสั่งสอนมันด้วยนะจะได้ใช้งานมันอีกทางหนึ่งช่วยพวกผมด้วยครับ
บรรดาผีที่ไม่ได้ยินยอมต่างก็พากันติดตามพวกกำนันใช้และกำนันหวนไปบ้านมันทั้งหมดด้วย แต่
ผมไม่ได้ติดตามมันหรอก เพียงแต่นำพวกที่เราเกลี้ยกล่อมไว้ได้มาให้อาศัยยังต้นไม้เล็กบ้างใหญ่บ้าง
ราวประมานสามสิบเห็นจะได้ครับนาย แต่ต้นไม้ใหญ่ๆนั้นมันได้แต่นั่งนอนแค่ใต้ต้นไม้เท่านั้น ด้วยมี
พวกอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ผมต้องไปติดต่อกับเขาว่าเป็นคนของนาย เขาจึงยอมให้มันพักอาศัยใต้ต้นไม้
ตอนนี้กำลังรอนายอยู่เท่านั้น ส่วนทางพี่แสงสีที่รายงานมานายคงทราบกันอยู่แล้ว ด้วยเราทั้งสองได้
ปรึกษาหารือกันทราบกันอยู่
ครั้นชายหนุ่มรับฟังทั้งสองตนกล่าวเช่นนี้ก็ยกมือหันไปตบไหล่มันทั้งสอง พลางกล่าวว่า
..... เออๆขอขอบใจมากนะที่งานนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนแผนการณ์หลังเจ้ากินอาหารที่สาวชบาจัดไว้
ให้ ข้าบอกว่าขอให้เป็นพิเศษหน่อยคงจะเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วล่ะ ไปพักผ่อนหลังกินอาหารแล้ว
ข้าเองก็จะใช้เจ้าให้ไปหา สารวัตรสังวาลย์ ผู้กองทั้งสองด้วยเพื่อจะมอบแผนที่การทำงานให้เขาไว้แล้ว
เจ้าก็บอกเขาว่าทางเราจัดเตรียมคนไว้ให้ก็แล้วกันไม่ต้องห่วงเรื่องกำลังคนหรอก มีเท่าไหร่ที่ไว้วางใจ
ได้เท่านั้นก็เพียงพอ หลังจากข้ากินข้าวเสร็จก็จะไปสร้างที่อยู่ให้แก่ผีที่เจ้านำมาด้วยไว้บริเวณป่า
หน้าบ้านไว้ให้ อีกอย่างหนึ่งนั้นข้าได้รับทราบมาว่าบัดนี้ทางกรุงเทพฯส่งเจ้าหน้าที่มาหลายร้อยนาย
แอบแฝงไว้เช่นข้าแล้วด้วยล่ะ ชายหนุ่มกล่าวแก่หุ่นทั้งสองที่เกือบจะเป็นคนไปแล้ว
คงด้วยอำนาจฌานสมาธิที่เขาพร่ำสอนทั้งวิทยาคมและทางกสิณต่างๆ ล้วนแล้วแต่ทั้งสองต่างฝึก
ได้ไปมากกว่าครึ่งแล้วด้วย
..... เดี๋ยวข้าไปกินอาหารก่อนเจ้าไปกินอาหารบ้างแล้วก็พักผ่อนไว้ก่อนก็แล้วกันนะ หลังจะเสร็จธุระ
ข้าถึงจะเรียกเจ้ามาใช้อีกที อ้อๆๆๆยินดีแก่เจ้าทั้งสองด้วยนะที่บัดนี้ร่างเจ้าใกล้จะเป็นคนไปทุกๆทีอีก
ไม่ช้าหรอก หากเจ้าต้องการเมื่อไหร่บอกข้าก็แล้วกัน ข้าเองก็จะหาคนที่เหมาะสมให้แก่เจ้า
..... เรื่องเปลี่ยนร่างนี้ขอนายไม่ต้องห่วงใยหรอก หากพวกผมเห็นสมควรก็จะบอกแก่นายเองแหละ
แต่ตอนนี้ยังอยากเป็นอย่างนี้อยู่ก่อน แต่ก็จะพยายามฝึกฝนวิทยาอาคมต่างๆทั้งสองทางให้สำเร็จก่อน
ด้วยนะนาย ทั้งสองกล่าว
..... งั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกั้นนะ หากวันใดต้องการก็บอกข้าก็แล้วกัน ข้าไปก่อนนะ อ้อๆๆ...เรื่องหุ่นที่
เจ้าสร้างไว้ให้นำใส่ถาดเดี๋ยวข้าจะจัดหามาให้หรือเจ้าไปเอาที่ในครัวก็ได้บนชั้นหิ้งที่ต่อไปมีนับได้มาก
คงจะพอเพียงหรอก แล้วนำใส่พวกหุ่นที่สร้างมันลงใส่ถาดไว้ ข้างๆโต๊ะหมู่บูชาพระคืนนี้ข้าจะได้ทำการ
ปลุกร่างมันให้ทำงานได้ ชายหนุ่มกล่าว
..... ครับนายงั้นข้าไปกินข้าวก่อนแล้วจะได้ทำงานให้เสร็จและจะพักผ่อนเสียหน่อยด้วย
..... ไปเถอะข้าก็จะออกไปด้วย เมื่อกินข้าวเสร็จข้าก็จะรีบมาเขียนแผนที่และวางแผนกำลังพลในการเข้า
จับกุมพวกมัน และเห็นชอบกับการเสนอของพวกเจ้าด้วยที่ควรให้มันแปรเป็นไม้สำเร็จรูปเสียก่อน
ส่วนหุ่นนั้นสร้างไว้เพื่อแค่หลอกลวงพวกมันเท่านั้นจะทำการอะไรก็ไม่เต็มที่นัก
ด้วยใช้อาวุธทันสมัยไม่เป็น
นอกจากพวกมันจะใช้ได้แค่มีดแค่ไม้เท่านั้นเอง หลังจากมันทะยอยกันออกไปแล้วเหลือไว้
บางส่วนก็จะเข้าจับกุมพวกมันทั้งหมด บางทีอาจจะได้พวกหัวหน้ามันด้วย
ไปล่ะเดี๋ยวเวลาจะไม่ทันการคงเหลือเวลาไม่มากนัก
ชายหนุ่มกล่าวแล้วก็เดินออกไปยังนอกห้อง เพื่อกินอาหารที่ชบาเตรียมไว้ให้แล้วเขาคิด และก็จริง
เห็นสาวชบานั่งอยู่ใกล้ๆถาดอาหารคงคอยเขาอยู่แล้ว พอเขาเห็นก็ยิ้ม พลางทักทายว่า
..... น้องจะกินก่อนพี่ก็ได้นะ พี่ไม่ถือสาอะไรหรอกจ๊ะ ชายหนุ่มเอ่ยกับสาวชบา
..... ไม่ได้หรอกจ๊ะพี่ เรามาทานด้วยกันนะ แล้วหล่อนก็ตักข้าวใส่จาน ซึ่งมีจานใส่น้ำไว้ใช้ล้างมือตลอดจน
ผ้าเช็ดปากและมือวางไว้ในจานใกล้ๆอยู่ด้วย
ดังนั้นชายหนุ่มจึงลงมือกินข้าวกับสาวชบาไปและต่างก็คุยกันเรื่องในไร่นาสวนต่างๆที่เขาไปดูมาและ
พลางกล่าวว่า
..... อีกหน่อยคงจะเป็นของเจ้ากับเจ้าชัยแหละ ด้วยพี่ทำงานอะไรๆน้องก็รู้บางทีอาจจะต้องไปอยู่ในกรุงเทพฯ
ก็อาจจะเป็นไปได้ หรือไม่ก็อาจจะต้องไปจังหวัดอื่นๆอีก ทางนี้พี่หมดห่วงแล้วมีน้องสาวแสนสวยและเจ้าชัย
เป็นตัวแทนพี่อยู่ พูดจริงๆพี่แสนจะดีใจด้วย
เมื่อได้ยินพี่ชายกล่าวเช่นนี้ สาวชบาถึงกลับน่าแดงด้วยใจหล่อนเองตอนนี้ยังคิดถึงเรื่องของที่ซื้อมาให้หล่อน
และอีกอย่างหนึ่ง ครั้นเห็นการกระทำของเขาด้วยสุภาพเรียบร้อย พูดจาก็แสนไพเราะทำให้ในใจส่วนลึกๆนั้น
ถูกกระแสบางอย่างเกิดขึ้นกับหล่อนจนหล่อนบางครั้งต้องสะบัดหน้าขึ้นในขณะที่อยู่คนเดียว หล่อนมิได้คิดเช่น
เขากล่าวไว้ แต่กลับคิดไปอีกแบบหนึ่งครั้นยิ่งได้ยินกล่าวว่าแสนสวยด้วย ยิ่งทำให้หล่อนประหม่าแทบจะอิ่มข้าว
ในทันที
พลางเหลือบแลใบหน้าเขา ยิ่งทำให้หล่อนสะท้อนขึ้นในใจอย่างไรจนหล่อนเองก็ไม่รู้ ว่าเหตุใดทำไมจิตใจ
ของหล่อนถึงได้แปรเปลี่ยนไปเช่นนี้ จะอิ่มข้าวก่อนเขาหรือก็เกรงใจเขา จนกระทั่งเขาวางมือล้างมือแล้วนั่น
แหละหล่อนก็รีบอิ่มข้าวทันที ด้วยเพราะเอิบอิ่มใจมีมากกว่าความต้องการของท้องเสียอีก มันทำความแปลก
ประหลาดจนอิ่มอกอิ่มใจเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็มิวายหันไปทางเขาว่า
..... อ้าวทำไมพี่ถึงได้อิ่มข้าวเร็วจังล่ะ หรือว่าอาหารไม่อร่อยถูกปากพี่จ๊ะ???.... หล่อนถามขึ้นด้วยมิรู้จะเอ่ยอย่างไรดี
..... อร่อยจ๊ะน้องพี่อร่อยมากๆเสียด้วยซิ ที่ต้องรีบกินให้เร็วๆด้วยต้องไปวางแผนเกี่ยวกับงานของพี่อีก ใจอยากจะ
นั่งคุยกับน้องพี่จริงๆนะ แต่งานนั้นมันรีบเร่งสำคัญเสียด้วยซิ มิฉะนั้นพี่ก็จะนั่งคุยกับน้องนานๆหรอกจ๊ะ
ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอาใจหล่อนหญิงสาวชบาถึงกับเขิน
ภายในใจหล่อนที่ส่วนลึกๆแล้วเกิดนึกชอบเขาผิดกับพี่น้อง และอีกอย่างหนึ่งเขากับหล่อน
ที่อยู่นี้ก็ไม่ได้มีส่วนสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรกันอีกด้วย
ยิ่งคิดยิ่งสร้างความหวังมากยิ่งขึ้น ถึงกับมือไม้สั่นดีนะที่ชายหนุ่มมิได้สังเกตุเท่านั้นเอง
หญิงสาวรีบเก็บถาดอาหารและจานข้าวไปล้าง ล้างไปคิดไปยิ่งทำให้หล่อนยิ่งนึกถึง
เรือนร่างอันสง่างามผ่าเผยสมสัดส่วนและหล่อเหลาตลอดจนร่างกายที่กำยำ
ยามที่เขานุ่งผ้าขาวม้าลงไปอาบน้ำด้วย ใจยิ่งประหม่ามากจนใบหน้าแดงกร่ำมากๆ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วพลางมาเช็ดถูกร่อยรองที่นั่งทานอาหารให้หมดจดสะอาดเรียบร้อย
ระหว่างเช็ดพื้นไปพลาง สายตาหล่อนก็ชำเลืองมองไปยังห้องชายหนุ่มทันที
ยิ่งมองสาวชบายิ่งคิดมาก จนต้องวางงานด้านอื่นๆเสีย รีบหนีเข้าห้องแม่ไปทันที
ไปนั่งมองจ้องกระจกตบแต่งใบหน้าตามวิสัยอิสตรีที่ภายในใจล้วนแล้วแต่ความนึกคิดถึงชายหนุ่ม
ใช่แล้วหล่อนเกิดรักเขาจริงๆเสียแล้วด้วยซิหล่อนคิด นี่หรือคือความรักที่คนเราส่วนมาก
จะพบรักและชอบพอกันก็ตอนแรกพบ เริ่มก่อนของชายและหญิงที่บังเกิดในรักครั้งแรก............
* แก้วประเสริฐ. *
6 ธันวาคม 2553 17:00 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๐
พอรุ่งขึ้นเช้า กำนันใช้ก็ต้องรีบไปแจ้งทางอำเภอและตำรวจเพื่อให้มาชัณพิสูจน์ศพ
ด้วยอยู่พื้นที่ของหมู่บ้านบางโค อันเป็นถิ่นทุรกันดารใกล้แถบประเทศทั้งสองเต็มไปด้วย
เทือกเขามากมายนัก สลับซับซ้อนกันไปๆมาๆ ด้วยมีคนตายในเขตพิ้นที่รับผิดชอบ
ครั้นคณะชัณพิสูจน์แลเห็นศพต่างตกตลึงพรึงเพริดไปตามๆกัน ต่างคนต่างมองหน้า
กันไปๆมา ด้วยสาเหตุน่าจะมาจากระเบิดด้วยสภาพของศพนั้นนอกจากระเบิดเท่านั้น
ท้องไส้แตกกระจาย เครื่องในและเลือดออกมากระเด็นเต็มไปทั่วห้อง
ที่อาจารย์เสิ่งปางพักอาศัยอยู่ แต่เหตุไฉนไม่มีร่องรอยของระเบิด ชิ้นส่วนของโลหะ
อย่างน้อยก็ต้องมีรอยของแรงระเบิดตามฝาผนังบ้าง เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว
ไม่พบร่อยรอยแต่อย่างใด ซึงควรจะมีเศษโลหะบ้าง ต่างก็ไม่พบเห็นคงเป็นสภาพเดิม
ของบ้านที่ใช้สำหรับเป็นที่พักพิงอาศัยเท่านั้น ห้องก็แคบๆไม่กว้างใหญ่อะไรมากนัก
นอกจากหิ้งบูชารูปปั้นต่างๆยังอยู่ปกติไม่เสียหายและแผ่นหนังควายมหึมาเท่านั้น
ที่วางอยู่บนพื้นบ้านเต็มไปด้วยเลือดและเศษเครื่องในมนุษย์ ภายในบ้านล้วนไม่เสียหาย
นอกนั้นอยู่ในสภาพปกติทั้งสิ้น นอกจากรอยเลือดและชิ้นส่วนของมนุษย์ หากเป็นระเบิด
จริงๆแล้ว ฝาผนังก็ต้องมีรอยของระเบิดหรือก็ต้องพังทะลายลงมาบ้าง
เพราะเป็นบ้านแบบกระต๊อบ หลังคาหรือก็ทำด้วยแฝกหญ้าต้องหล่นหรือแตกกระจายไป
คณะชัณพิสูจน์ต่างปรึกษากัน แล้วตำรวจหันมาทางกำนันสอบถามว่า
.....กำนันทำไมไม่มีหลักฐานใดๆที่เป็นคนไทยเลย หรือว่ามาจากประเทศอื่น???...
เล่นเอากำนันใช้เหงื่อตกทั้งๆที่อากาศตอนนี้เย็นยังมีหมอกจางๆอยู่บ้าง
....ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ด้วยเป็นบ้านที่คงแอบปลูกสร้างในเหลือบเขา
และยังไม่ได้มาตรวจสอบ ทราบเพียงแต่ชาวบ้านที่ไปหาของป่ามาแจ้งครับ กำนันตอบ
....อะไรๆคนมาอยู่ในพื้นที่แท้ๆยังไม่รู้เลยหรือนี่???.... ทั้งๆที่เป็นกำนันน่าจะรู้บ้างซิ
แต่นี่มีร่องรอยของรถมาจอดไว้ แสดงว่าต้องมีการติดต่อกับผู้ตายนี่นา???... ตำรวจถาม
เล่นเอากำนันชักอึดอัดใจขึ้นมาทันที แต่ก็แกล้งตีหน้าเซ่อๆไว้ แล้วกล่าวว่า
.....แถวนี้ล้วนเชื่อมต่อชายแดน แล้วมีป่าชัฏมากมายอาจจะเป็นคนที่นิยมศรัทธา
ด้วยเห็นสภาพการตั้งโต๊ะหมู่บูชาเป็นพระฤๅษี กุมารต่างๆ
ภายในวางหน้าเครื่องโต๊ะบูชา น่าจะต้องเป็นพวกอาจารย์หรือหมอผีทำนองนั้นแหละ
ที่คนศรัทธามาก็ได้ครับ กำนันใช้ตอบ
ทางด้านตำรวจมองสภาพพื้นที่เป็นบ้านโดดเดี่ยวในป่าลึกก็ไม่ว่าอะไรพลางหันหน้าไป
ปรึกษากับพวกอนามัยและทางอำเภอทันที่ว่าจะทำรายงานกันอย่างไรดีล่ะเมื่อเป็นเช่นนี้
ผมต้องทำรายงานส่งเขาด้วยแต่นี่ไม่ใช่คนไทยแน่นอนครับ อาจจหลบหนีเข้ามาแน่นอน
ครั้นปรึกษากันเสร็จเรียกกำนันมาร่วมด้วย ให้ช่วยแสดงความคิด กำนันใช้ก็ออกความ
เห็นว่า
.....ผมคิดว่าเป็นพวกแอบหลบหนีการไล่ล่ามาจากฝั่งโน้นแล้วมาตายที่นี่ก็แล้วกันครับ
ด้วยไม่มีหลักฐานอะไรเลย ลักลอบเข้ามาปลูกกระต๊อบอยู่จะได้หรือไม่ครับ
ทางพวกอำเภอและอนามัยก็เห็นคล้อยตามด้วย แล้วพลางหันไปทางตำรวจกล่าวขึ้นว่า
......ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะครับ ด้วยเราไม่มีหลักฐานการตายของศพนี้เสียเลย เพียงท้องแตก
ตายแล้ว ไม่มีร่องรอยของระเบิดเสียด้วย ทางตำรวจจะว่าอย่างไรดีล่ะ???...
.....ในเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้ผมก็จะสรุปว่า โดนระเบิดแล้วแอบหลบหนีมาฝั่งเราก็แล้วกันนะครับ
......ดีเหมือนกันทางผมก็จะทำเรื่องการชัณพิสูจน์ศพไว้ให้คุณเป็นหลักฐานพร้อมให้กำนัน
เซ็นต์รับรู้ไว้ก็คิดว่าจบเรื่องได้แล้ว ว่าเป็นพวกหลบหนีเข้าเมืองมา คณะชัณพิสูจน์ศพกล่าว
....ครับดีครับด้วยเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นอะไรตาย อีกอย่างหนึ่งก็ไม่ใช่คนไทยเสียด้วย
ผมจะเสนอรายงานปิดสำนวนเสียเลย เรื่องๆจะได้จบเสียที งั้นพวกเรากลับกันได้แล้วครับ
ทางด้านตำรวจกล่าวขึ้น
คณะชัณพิสูจน์ศพและตำรวจก็หันมาทางกำนันใช้ทันทีพลางกล่าวว่า.....
...เรื่องหลักฐานเกี่ยวกับบ้านนี้ ให้ทางกำนันเผาทิ้งไปอย่าให้มีหลักฐานก็แล้วกัน
มิฉะนั้นทางกำนันก็ต้องเดือดร้อนแน่ๆ คณะชัณพิสูจน์กล่าว....
กำนันใช้แสนจะดีใจรู้สึกว่าโล่งอกไปจึงกล่าวว่า
.....ครับทางนี้ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะให้พวกชาวบ้านไว้ใจได้มาช่วยจัดการเสีย
หลังจากพวกท่านทั้งหลายกลับไปแล้ว จะเกลี่ยที่ให้คงสภาพป่าเดิมๆไว้ครับ
.....ดีเหมือนกันคณะชัณพิสูจน์ศพกล่าวกันทั้งหมด แล้วต่างพากันสนทนาเดินออกไป
พลางหันหน้ามากำชับไว้อีกด้วยว่า....
......เอาล่ะเรื่องด้านนี้เป็นหน้าที่ของกำนันก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าตกลงกันตามนี้นะ
.....ไม่ต้องห่วงหรอกครับผมจะจัดการให้เร็วที่สุด ขอบคุณมากครับสำหรับพวกท่านทั้งหมด
กำนันใช้ก็ยกมือไหว้
.....ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันได้แล้วครับ คณะชัณพิสูจน์ศพเอ่ยขึ้น
แล้วทางอนามัยอำเภอก็เซ็นต์หนังสือมอบให้แก่ตำรวจเพื่อไปใช้ในการสรุปคดีสำนวนหลักฐาน
แล้วต่างก็เดินทางแยกย้ายกันกลับไป.....
ภายในห้องแผ่นหนังควายมหึมาก็เกิดไฟลุกท่วมทั้งแผ่นไหม้จนละลายไปจนหมดสิ้นหายไป
ส่วนทางกำนันใช้และพรรคพวกบางคนถึงกับเหมือนยกภูเขาออกจากอก กำนันใช้หันไปสั่ง
พวกทันที
.....เฮ้ย!!!!!.......พวกมึงรีบจัดการเดี๋ยวนี้เลยนะ กูเกือบจะเดือดร้อนเสียแล้วซิ ทำลายหลักฐาน
แล้วเกลี่ยอย่าให้เหลือร่องรอยเลยนะ เดี๋ยวพวกเขาเปลี่ยนใจกูก็จะลำบากด้วยกำนันสั่ง
ดังนั้นไม่นานนัก บ้านที่พักของอาจารย์เสิ่งปางก็ถูกเผาพร้อมซากของอาจารย์เสิ่งปางไหม้
หมดไปไม่นานนัก เมื่อกำนันเห็นดังนั้นก็ให้บรรดาเด็กๆไปตัดกิ่งไม้มากองสุมไว้เกลี่ยให้คง
สภาพเดิมไว้ทันที แล้วก็นำพวกทั้งหมดเดินทางกลับบ้านทันที
ระหว่างการเดินทางกลับนั้นก็บอกว่าเมื่อส่งกูเสร็จแล้วพวกมึงก็ไปวัดบ้านเราให้นิมนต์พระมา
ทำบุญบ้านด้วย กูนอนไม่หลับทั้งคืนเลยล่ะ มันส่งเสียงรบกวนหมาหรือมันก็เห่าหอนทั้งคืนจน
บรรดาเมียกูและลูกๆด้วย จึงต้องนิมนต์มาเลี้ยงพระทำบุญแผ่กุศลไปให้แก่พวกมันบ้างว๊ะ.....
.....แล้วจะเป็นเมื่อไหร่ล่ะพ่อกำนันในการทำบุญนี้นะ จะเอาพระกี่รูปล่ะ???? พวกกำนันถาม
.....ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้นแหละว๊ะ สักห้ารูปก็ได้ว๊ะ มะรืนนี้ก็แล้วกัน กำนันใช้ตอบ
ดังนั้นพอส่งกำนันเสร็จบรรดาเด็กๆก็นำรถไปยังวัดข้างหมู่บ้านทันที เพื่อนิมนต์พระตามที่กำนัน
แจ้งไว้ เมื่อครบกำหนดวันเวลาทางบ้านกำนันใช้ก็จัดการเลี้ยงพระทำบุญบ้าน อุทิศส่วนกุศลให้
แก่พวกเหล่าวิญญาณพวกมันติดตามพวกเขามาจากบ้านอาจารย์เสิ่งปาง
ครั้นเมื่อกำลังตรวจน้ำอุทิศส่วนกุศลนั้น เสียงร้องแว่วอนุโมทนาเยือกเย็นแผ่วเบาๆจนทุกคน
ต่างมองหน้ากันและกัน ตลอดจนพระที่กำลังสวดอนุโมทนาอยู่ มันล่องลอยผ่านสายลมเข้ามา
ภายในบ้านกำนันใช้ทันที บัดดลเสียงนั้นก็ค่อยๆจางหายไป
เล่นเอาพระที่นั่งอยู่กำลังสวดมนต์ถึงกับสะดุ้งไปตามๆกัน ท่านทุกๆองค์ได้ยินกันทั้งสิ้นแต่ก็
พยายามระงับสติเสียงสวดมนต์สั่นเครือกันไปทุกๆรูป
ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วกำนันและทุกหมดที่ได้ยินกัน แม้ถึงจะเป็นเวลากลางวันก็ตามที
เสียงนั้นช่างเยือกเย็นโหยหวนยิ่งนัก กำนันจะใช้ใครเอาน้ำไปเทรดใต้ต้นไม้ใหญ่ภายใน
บริเวณบ้าน
ต่างถูกปฏิเสธกันหมดสั่นหน้าดวงตาหล่อกแหล่กๆกันไปๆมาๆ ลูกน้องบางคนพลันกล่าวว่า
.....ให้ไปสู้กับคนยังดีกว่า ถึงจะตายก็ไม่กลัว บอกตรงๆว่าพวกผมทุกๆคนไม่กล้าจริงๆพ่อกำนัน
ซึ่งกำนันใช้ก็รู้ถึงความรู้สึกของพวกมันดีว่าอะไรเป็นอะไร ในเมื่อไม่มีใครรับอาสาไปเทน้ำนั้น
กำนันจำต้องเดินขาสั่น นำน้ำที่กรวดไว้ไปเทคนเดียวด้วยคิดว่าเป็นกลางวันคงไม่ปรากฏตัว
เมื่อเสร็จก็รีบกลับเข้าบ้านทันที
พระท่านก็รีบขอลากลับวัด ทุกๆองค์กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า
.....กำนันช่วยให้คนเอารถไปส่งให้ด้วยนะ อาตมาคงจะเดินกลับเหมือนก่อนไม่ได้แล้วล่ะ
ดังนั้นกำนันหันไปสั่งเด็กๆให้ขับรถไปส่งพระที่วัดหน่อย
.....หากใครกล้าไปส่งพระแล้วกลับมากูจะให้รางวัลพวกที่ไปส่งพระว๊ะ หากใครไม่ไป
ไม่ต้องมาแดกเหล้าแดกข้าวของของกูนะโว้ย กำนันกล่าวขึ้น
เมื่อได้ยินว่ามีรางวัลที่กำนันจะให้ก็ชักชวนกันไปหลายๆคน เพื่อนำพระไปส่งที่วัดแล้วจะ
ได้รีบกลับมา ก่อนไปพวกมันเดินไปค้นเอาเหล้ามาดื่มๆเพียวๆกันคนละหลายๆอึกย้อมใจพวกมัน
แล้วรีบนำรถมารับพระไปส่งวัดทันที........
ส่วนกำนันหวนครั้นถึงทางแยกไปบ้านอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งก็หยุดรถ พลางโบกมืออำลารถ
ของเสี่ยหว่างซึ่งแล่นตรงไปข้างหน้า แล้วพวกมันก็ขับรถแยกไปอีกทางเพื่อไปบ้านอาจารย์
เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณบ้านอาจารย์ที่พวกมันเชิญมาจากเขมรนั้น เห็นเสียงเงียบเชียบต่าง
ก็ชักสงสัย ปกติแล้วเวลาเขามาเยี่ยมก็จะเห็นประตูหน้าต่างเปิดอยู่ อาจารย์จะมาคอยต้อนรับ
แต่นี่เงียบเหมือนไม่มีคนอยู่เลยก็ให้นึกสงสัย ครั้นเดินทางมาถึงหน้าบ้าน
แล้วต่างคนต่างลงจากรถ พอทุกๆคนเดินไปใกล้ๆประตูบ้านอาจารย์เจี๊ยะเปิ้ง ก็เอะใจด้วยคล้าย
สัตว์กำลังกินอะไรอยู่ดังเกาะๆแกร๊กๆคล้ายๆกำลังแทะกระดูก จึงรีบเดินไปทางประตูผลักประตูดู
ก็เปิดออกง่ายดายนัก ก็ถือวิสาสะเดินเข้าไปยังห้องทันทีในฐานะคนคุ้นเคยกัน ครั้นแลเห็นสภาพ
ภายในพวกมันต่างพากันชะงักกันไปตามๆกัน ถอยหลังกันกรูดๆทั้งหมด
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างของตะขาบสีแดงสดๆตัวมหึมากำลังแทะร่างของอาจารย์
เจี๊ยะเปิ้งอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ เล่นเอาพวกมันชะงักรีบพากันถอยกรูดหันหลัง พลางวิ่งไปยังรถกะบะ
แล้วรีบขับออกไปทันที กำนันหันไปมองทางประตูบ้านอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งเห็นหัวตะขาบตัวเบ้อเริ่ม
กำลังโผล่หน้าออกมาจากประตูบ้าน แลเห็นหัวมันใหญ่โตมาก ก็สั่งให้ลูกน้องมันเหยียบคันเร่งรถให้
รีบแล่นหนีไปโดยเร็ว หลังจากพวกกำนันหนีไปนั้นภายในห้องนั้นร่างตะขาบยักษ์ก็บังเกิดเปลวไฟลุก
ขึ้นท่วมร่างมันจนมอดไหม้เป็นจุลละอองปลิวหายไปกับสายลมทันที......
พวกมันนึกในใจกันว่า หากช้ากว่านี้สงสัยไอ้ตะขาบมันคงจะแว้งกับมากัดพวกมันแน่นอน
เลยดีนะที่เห็นมันกำลังแทะร่างอาจารย์เพลินอยู่ไม่ได้สนใจอะไรพวกมัน ที่กำลังเดินเข้าไปมากนัก
เสียงกำนันหวนสั่งมาว่า
......พวกมึงไม่ต้องกลับบ้านว๊ะให้เลยไปหมู่บ้านบางกระดี่ก่อน กูจะเล่าเหตุการณ์ให้กำนันมั่นมันฟัง
ลูกน้องมันพยักหน้าแล้ว รถก็แล่นเลยทางเข้าหมู่บ้านตรงไปทางหมู่บ้านบางกระดี่ทันที
ครั้นเดินทางมาถึงก็บีบแตรเรียก สักครู่หนึ่งก็มีคนมาเปิดประตูบ้านครั้นแลเห็นเป็นกำนันหวน
เด็กเปิดประตูก็ยกมือขึ้นไหว้ แล้วรถก็แล่นไปจอดยังหน้าบ้านอาจารย์มั่นทันที
กำนันหวนรีบเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อหากำนันมั่นก็แลเห็นกำนันใช้นั่งสนทนากันอยู่แล้ว ครั้นกำนัน
หวนได้รับฟังเหตุการณ์เรื่องของอาจารย์เสิ่งปางและบางสิ่งบางอย่างก็ตกใจสายตาพลันเหลียวซ้ายแลขวา
ครั้นแล้วมันก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ กำนันมั่นและกำนันใช้ฟังว่าไปเจออะไรมา
กำนันใช้กล่าวว่า
.....ดีนะที่มึงมาที่นี่เสียก่อนไม่เจอเหมือนพวกกูมึงจะต้องตกใจเป็นสองเท่าว๊ะ กล่าวกับกำนันหวน
กำนันหวนพลางหันไปปรึกษากำนันมั่นทันทีว่าควรจะทำอย่างไรกับอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งดี หากปล่อยไว้คงจะ
เหมือนไอ้ใช้เสียหรอก นี่ดีนะที่กูทำแกล้งเซ่อบอกว่ามันลอบหลบนี้เข้ามาสร้างกระต๊อบไว้เอง
กำนันมั่นยังไม่ทันกล่าว กำนันใช้ก็ตอบแทนว่า
.....กูว่าให้มึงรีบไปทำลายบ้านอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งด่วนด้วย มิฉะนั้นเดี๋ยวพวกอำเภออนามัยตำรวจมา
ก็จะเหมือนกูหรอกว๊ะ
.....ทำอย่างไอ้ใช้บอกแหละดีแล้วรีบทำลายหลักฐานเสียก่อน เรื่องจะบานปลาย กำนันมั่นตอบ
กำนันหวนพลันหันมาถามกำนันใช้ว่าแล้วมึงเจออะไรบ้างล่ะ???...
......พวกกูเจอพวกผีที่มันเลี้ยงมาซิว๊ะมันตามมาขออยู่กับพวกกูด้วย เป็นมึงจะเลี้ยงไหมว๊ะไอ้หวน
....กูก็ไม่เอาแหละโว้ย!!!....ผีนะโว้ยไม่ใช่คน แล้วมึงทำอย่างไรกับบ้านอาจารย์เสียล่ะ???....
แล้วกำนันใช้ก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กำนันหวนฟัง กำนันมั่นฟังก็เสียวสันหลังวาบดีนะที่อาจารย์ดำ
ตายนั้นยังมีพวกตำรวจจ่าเจี่ยมและทางอำเภอเป็นพวกมันอยู่ มิฉะนั้นคงจะยุ่งยากเกิดขึ้นแน่นอน
.....แล้วทำไมถึงมาหากำนันมั่นเร็วอย่างนี้ล่ะว๊ะ เวลามันก็ไม่ห่างกันเท่าไหร่นี่หว่า???...กำนันหวนสงสัย
.....กูพอสั่งให้ลูกน้องไปนิมนต์พระแล้วก็รีบบึ่งรถมาหาไอ้มั่นเพื่อปรึกษากัน เพื่อจะให้เสี่ยรู้ว่าจะพึ่งพา
อาศัยอาจารย์เสิ่งปางไม่ได้เสียแล้ว แล้วมะรืนนี้ถึงจะทำบุญเลี้ยงพระแผ่อุทิศส่วนกุศล
ให้แก่พวกผีๆทั้งหลายที่มันตามกูมาว๊ะ กำนันใช้ตอบกำนันหวน
.....ถ้าอย่างงั้นกูเห็นจะต้องทำแบบเดียวกับมึงแหละโว้ย กูระหว่างกลับบ้านรู้สึกมีอะไรแปลกๆเหมือนกัน
แต่กูไม่กล้าบอกพวกลูกน้องกู แสร้งทำใจแข็งไว้ มึงเอ๊ยไอ้ใช้ตะขาบพ่อตะขาบแม่อะไรไม่รู้ขนาดหัวมัน
ใหญ่เท่าประตูบ้านเลยว๊ะ ดีนะกูแล่นรถไปห่างกับมันแต่หันหลังไปมอง มันโผล่หัวออกมาดูเท่านั้นแล้วมัน
ก็หดหัวหายกลับคืนไปว๊ะ กำนันหวนพูดแล้วพลางยกแขนให้พวกดู ขนที่แขนมันชูตั้งเลย
.....มิฉะนั้นกูกับลูกน้องกูสงสัยจะไม่เหลือกลับมาหรอกว๊ะ กำนันหวนกล่าวแสดงอาการสยดสยอง
.....มันแทะเนื้อกินและหัวหมดเลย สงสัยกระดูกก็คงจะไม่เหลืออะไรอีกแล้วว๊ะ กูคิดเช่นนั้นไอ้ใช้
....หากเป็นเช่นมึงว่า กูก็ว่าคงจะไปเหลืออะไรเล่า???.... กำนันใช้กล่าว
....เอาล่ะเรื่องนี้จบได้แล้วโว้ย!!!!!!!......เดี๋ยวกูจะให้คนไปบอกเสี่ยเม้ง ให้แจ้งไปให้เสี่ยหว่างทราบอีก
ส่วนทางกูเองก็เห็นจะต้องทำแบบมึงแหละแต่ดีอย่างหนึ่งที่ได้ยินแค่เสียง หมามันหอนทุกๆคืนเลยว๊ะหาก
เป็นเช่นมึงกูคงจะตายแน่ๆ ด้วยกูเป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย กำนันมั่นกล่าว
....รีบส่งคนไปแจ้งได้แล้วล่ะไอ้มั่น กำนันหวนและกำนันใช้กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
.....เออ!!!!....พอดีไอ้แม้นลูกกูมันค่อนข้างหายดีแล้วจะไปหาหมอในเมืองกูก็จะใช้ให้มันไปแจ้งเสียเลย
เรื่องจะได้จบลง แต่ว่าเรื่องงานที่รับปากเสี่ยหว่างจะว่าอย่างไรกันล่ะ???....กำนันมั่นถาม
....เรื่องนั้นมันวันศุกร์ตอนเช้าคงทันหรอก มึงรีบๆไปจัดการเรื่องของเราก่อนก็แล้วกัน ค่อยๆส่งคนไปช่วย
....อืมม???....จริงของมึงว๊ะ ถ้าอย่างงั้นให้พวกเราเตรียมตัวหากสำเร็จกูว่า เงินมันคงมากโขอยู่นา ด้วยไอ้
เสี่ยหว่างมันใจสปอร์ตมากกว่าเสี่ยเม้งเสียอีกว๊ะ กำนันมั่นกล่าวลอยๆ
กำนันหวนและกำนันใช้มองหน้ากัน พลางยิ้มออก กล่าวว่า
....จริงของมึงว๊ะไอ้มั่น ดูมันจ่ายล่วงหน้าให้พวกเราคนละๆหลายหมื่นเชียว หากสำเร็จกูว่าหลายแสนล่ะว๊ะ
งานนี้คงจะเหยียบล้านแน่ๆเลย เพี้ยงขอให้สำเร็จทีว๊ะ ดีกว่าไปทำงานให้เสี่ยเม้งเสียอีก
....ข้อนี้ก็จริงของมึงแหละว๊ะ!!!!..... แต่ว่างานเสี่ยหว่างมันไม่เหมือนกับงานเสี่ยเม้งนะเราได้หลายๆทางว๊ะ
ไหนขายของให้มันก็ได้เปอร์เซ็นต์ ขนของให้มันก็ได้เงินก้อนโตๆ แล้วงานมันมีแทบทั้งปี ส่วนเสี่ยหว่างนั้น
ก็พึ่งจะมีมานี้แหละว๊ะ หากไม่จำเป็นคงไม่ตกมาถึงพวกเราหรอก กูว่าจริงไหม???.....กำนันมั่นเอ่ยขึ้น
.....อืมม???....จริงของมึงว่าไอ้มั่นหากคิดๆแล้วมันจะมากกว่าเสี่ยหว่างอีกนะ นั่นมันได้เพียงก้อนเดียวแต่ก็
คุ้มว๊ะ เราก็เอามันทั้งสองทางแหละว่า เป็นไงไอ้ใช้จริงหรือเปล่าล่ะ???.....กำนันหวนกึ่งถามกึ่งตอบ
.....ที่มึงพูดมาก็ถูกทั้งหมดและว๊ะ
แล้วหันไปทางกำนันมั่น พลางเร่งให้กำนันมันเร่งหน่อยรายงานเรื่องอาจารย์ทั้งสองด้วยนะ เดี๋ยวมันจะหา
ว่าเราแหกตามัน ต่อไปงานก็จะลำบาก ทางกำนันมั่นก็พยักหน้า
..... งั้นพวกกูก็จะกลับบ้านแล้วว๊ะเสร็จงานบุญก็คงจะเหลือวันเดียว จะได้จัดเตรียมกำลังไว้ไปทำงานเสียเลย
.....ตามสบายว๊ะไอ้หวนไอ้ใช้ ส่วนเรื่องเสี่ยนี้กูจะรีบให้ไปรายงานให้ทราบ อ้อๆๆๆไอ้หวนก็เหมือนกันไป
คราวนี้จัดการทำลายหลักฐานให้หมดนะ แต่มึงอย่าพึ่งสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปให้ใช้น้ำมันราดรอบๆบ้านค่อยเผานะ
เดี๋ยวเสือกไอ้ยักษ์มันอยู่ จะทำให้พวกมึงแย่กันถูกแดกกันหมดเสียล่ะ........
....เออๆๆๆขอบใจว๊ะกูก็คิดเช่นมึงแหละว๊ะ จะสั่งมันให้ฉีดน้ำมันใส่ไปในบ้านไม่ต้องให้เข้าไปราดบ้านเดี๋ยว
หากมันอยู่ก็จะยุ่งกันใหญ่แล้วค่อยจุดไฟเหวี่ยงไปเผาเสร็จกลบร่องรอยเสียด้วย
ถ้าอย่างนั้นกูจะรีบกลับบ้านไปทำเรื่องของพวกกูก่อนไปล่ะไอ้มั่น
....เออไปเถอะว๊ะ กำนันมั่นกล่าวแก่ทั้งสองกำนัน
ครั้นกำนันทั้งสองกับพวกออกไปแล้ว กำนันมันก็หันมาสั่งเด็กให้ไปเรียกลูกชายมันทันที พอไอ้แม้นขึ้น
มาพบพ่อเพื่อสอบถามว่ามีเรื่องอะไร กำนันมั่นก็เล่าเรื่องต่างๆให้ฟังแล้วบอกว่า
....พรุ่งนี้มึงเข้าเมืองไปแล้วก็ไปหาเสี่ยเม้งด้วยว่า อาจารย์เสิ่งเปิงและอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งตายห่าหมดแล้วและ
ได้ทำลายหลักฐานไปแล้ว ส่วนกำลังคนทางเราและทางกำนันหวนและกำนันใช้เตรียมพร้อมอยู่แล้วให้
ไปบอกเสี่ยหว่างด้วยว่า ทั้งหมดพร้อมแล้วโว้ย
.....จ๊ะพ่อข้าจะรีบไปรีบกลับแล้วมารายงานให้พ่อทราบโดยเร็ว พรุ่งนี้ข้าจะไปล่ะ ไอ้แม้นกล่าวรับคำ
แล้วมันก็ลงจากบ้านไปร่วมวงกินเหล้ากับพวกไอ้สนไอ้เบี้ยวและบรรดาอีสาวๆทั้งหลาย เสมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้น..........
* แก้วประเสริฐ. *
5 ธันวาคม 2553 18:23 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๓๙
ระยะนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นเพิ่มมากขึ้น ด้วยหมู่บ้านโคกอีแร้งนั้น
อยู่ภายในพื้นที่เป็นแอ่งที่ล้อมรอบด้วยขุนเขาต่างๆ อากาศตอนเช้าเริ่มมีหมอก
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลมพัดเริ่มรุนแรงกว่าเดิม หลังจากที่ชายหนุ่มได้ไป
ออกกำลังกายวิ่งพอได้เหงื่อมากพอแล้วก็วิ่งกลับเข้าบ้าน
มาเพื่อบริหารร่างกายต่อไป เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพการเปลี่ยนแปลง
ทางด้านหมู่บ้านบางกระดี่ กำนันมั่นกำลังคุยกับเสี่ยหว่าง
และคนของเขาอยู่ เรื่องเกี่ยวกับการขนย้ายไม้ สถานที่
วันและเวลาลงมือทำงานกันที่จะมาถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ฉะนั้นเสี่ยหว่างจึงต้องรีบทำงาน ให้ทันตามคำสั่งทางกรุงเทพฯที่เร่งรัดเสี่ยไว้
ทางกำนันก็กล่าวขึ้นว่า......
เสี่ยทางเราได้จัดเตรียมกำลังคนไว้ให้แล้วแต่คงไม่มากนัก
ด้วยเสียคนไปก่อนหน้านี้มากมาย คงจะราวๆประมาณสิบกว่าคนเท่านั้น
และต้องฝึกคนให้ชำนาญเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกมากเสียด้วย
ไม่เป็นไรหรอกกำนันแค่นี้ก็ดีแล้วจะได้ช่วยๆกันเท่าที่ทำได้ อั้วเอาคนมามาก
วันนี้อั้วเองก็นำคนมาเพื่อจะไปดูพื้นที่ก่อน คิดว่าจะเริ่มลงมืออีกภายใน
ไม่เกินสามวันนี้แหละ ที่มาหานั้นเพื่ออาศัยทางผ่านแถวนี้เป็นบางส่วนเท่านั้น
และไม่ทำให้กำนันเสียหน้าด้วย จึงแวะมาบอกก่อน แล้วก็จะออกเดินทางไป
หากำนันหวนและ กำนันใช้เสียเลย แล้วกำนันจะไปด้วยหรือไม่ล่ะ???....
เสี่ยหว่างถามขึ้น.......
อันที่จริงนั้นกำนันมั่นไม่ค่อยอยากจะยุ่งงานนี้เท่าไหร่? แต่ด้วยอำนาจของเงิน
ที่เสี่ยหว่างให้ก่อนและยังแจ้งว่ายังจะมีมาอีกจำนวนมากอย่างไม่อั้นนั้น
ทำให้กำนันมั่นเกิดความโลภมาก ครั้นจะวางมือเสียก็เสียดายยิ่งซ้ำเกรงใจเสี่ยเม้งอีก
หากจะเพียงแค่การติดต่อกับกำนันและบรรดาสถานที่ ที่ทางเสี่ยต้องการแล้ว
กำนันมั่นคิดว่าไม่ยากนักเท่าไหร่ ด้วยกำนันแถบริมโขงนั้น
ล้วนแล้วแต่เป็นพวกตนเกือบทั้งสิ้น
พลันกล่าวตอบว่า.......
วันนี้ผมไม่ว่างเสียด้วยต้องเดินทางเข้าไปยังเมือง
ด้วยเจ้านายให้คนมาบอกไว้แล้วล่ะ?
แต่ไม่เป็นไรนะจะให้คนของผม นำทางเสี่ยและพวกล่วงหน้าไปก่อน
หากการเจรจายังไม่เสร็จเร็วหากเสี่ยยังไม่กลับ
ผมก็จะไปร่วมปรึกษางานด้วยเพื่อว่า
ในวันข้างหน้าเราจะได้ช่วยเหลือกันได้อีก หากเสี่ยเม้งไม่มีงานให้ทำนะ???...
และจะได้ประสานกันได้สะดวกยิ่งขึ้น...... ด้านกำนันมั่นกล่าวตอบ.....
เอาแบบนี้ก็ได้นะกำนัน กำนันให้เด็กนำทางก็ดี ด้วยทางอั้วจำทางไม่ค่อยจะ
ได้เสียด้วยทางมันคดเคี้ยวไปๆมาๆด้วยเป็นแถบภูเขา ทางก็ไม่สะดวกเสียด้วยอีก
ตลอดทางมีทางแยกแยะกลัวจะผิดทางเสียเวลาย้อนกลับ หาทางไปใหม่
เวลาอาจจะไม่ทัน ด้วยพึ่งจะมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น???...
เสี่ยหว่างเปรยให้กำนันฟัง เพื่อรอคำตอบของกำนันมั่นอยู่
กำนันมั่นก็กล่าวขึ้นว่า.....
แล้วเสี่ยจะออกเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ???..... กำนันมั่นถาม
ทางเสี่ยหว่างก็ตอบทันที....
งั้นก็ดีแล้วไปเสียเดี๋ยวนี้กันเลยก็แล้วกันด้วยเวลาไม่ค่อยท่าเสียด้วย....
พลางหันไปทางลูกน้องตนพยักหน้า พลางลุกขึ้นยืนทั้งหมด
ทางด้านกำนันก็เดินลงมาส่งข้างล่างบ้าน
พลางตะโกนเรียกคนของตน ให้รีบมานำทางให้เสี่ยทันที
คนของกำนันมั่นกำลังคุยอย่างสนุกสนานกับพรรคพวก คนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวมาหา
กำนันทันที
เออๆๆ....เป็นเอ็งก็ดีว๊ะ..ไอ้จ๋อง ด้วยเอ็งชำนาญทางด้านโน้นด้วย ไอ้จ๋องก็รีบหนันหน้า
มันไปยกมือไหว้เสี่ยหว่าง แล้วไม่กล่าวอะไรออกเดินไปนำรถมอเตอร์ไวค์มาขี่คอย
พวกเสี่ยหว่างก็ต่างขึ้นรถพร้อมกันทั้งหมด เมื่อครบเรียบร้อยกันแล้ว
ไอ้จ๋องก็ขี่มอเตอร์ไซค์นำหน้าพาพรรคพวกเสี่ยออกเดินทางทันทีมุ่งหน้าไปบ้านกำนันหวน
ด้านไอ้แม้นลูกชายซึ่งนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านเห็นดังนั้น ครั้นเสี่ยออกเดินทางไปแล้วก็ถามพ่อขึ้นว่า...
แล้วงานของเสี่ยหว่างจะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะพ่อ???....
กูเองได้ยินเสี่ยมันบอกว่าคงราวๆสามวันนี้แหละ แต่เป็นวันไหนเวลาใดยังไม่รู้เลยว๊ะ???...
กำนันตอบลูกชาย
แล้วพ่อไม่ไปกับเขาด้วยหรือ???..... ไอ้แม้นถาม
กูโกหกว่ามีงานในเมือง อันที่จริงกูเองก็ไม่ค่อยอยากจะทำด้วยไม่ถนัดว๊ะ ล้วนเป็นของใหญ่ๆ
อีกอย่างเห็นเงินมันดีว๊ะก็เลยให้ความร่วมมือมัน เพียงส่งคนไปช่วยมันนิดๆหน่อยๆเท่านั้น.........
กำนันหันไปตอบลูกชาย..... แล้วไม่กล่าวอะไรอีกเดินขึ้นไปบนบ้านทันที
เมื่อคนนำทางของกำนันมั่นนำพวกเสี่ยหว่างมาส่งให้กำนันหวนแล้ว
ก็จะขอตัวเดินทางกลับเพียงแค่ถามว่า?......
เสี่ยและคนขับรถจำทางกลับได้หรือเปล่าล่ะหรือว่าจะให้ผมคอยอยู่ที่นี่???....
มันถามขึ้น พลางมองหน้าเสี่ยหว่าง
เสี่ยพลันหันไปทางมันแล้วตอบว่า.....
ไม่เป็นไรขากลับนั้นคงจำทางได้แล้วล่ะว๊ะเอ็งกลับไปได้แล้วล่ะ ไม่ต้องรออั้วหรอก
ลื้อกลับไปได้แล้วว๊ะ.......อ้อๆๆ...คอยเดี๋ยวพลางควักเงินก้อนหนึ่งส่งให้กับไอ้จ๋องทันที
ไอ้จ๋องยิ้มแป้นยกมือไหว้เสี่ยกล่าวขอบคุณ เดินไปขึ้นรถของตนเอง ด้วยงานของตนเสร็จแล้ว
ดังนั้นคนของกำนันมั่นก็ ขี่มอเตอร์ไซค์ออกเดินทางกลับบ้านบางกระดี่ทันที
ระหว่างนั้น กำนันหวนก็ลงมาต้อนรับพร้อมยกมือไหว้เสี่ยหว่าง
เมื่อรับการไหว้แล้ว ต่างก็พากันเดินขึ้นบ้านไป ทั้งสองสนทนากันสักพัก
ก็พากันลงมาแล้ว ทางกำนันก็ให้พรรคพวกขับรถออกนำหน้าเสี่ยไปบ้านกำนันใช้ทันที
ครั้นถึงบ้านกำนันใช้ซึ่งกำลังคุยกับกำนันบางและกำนันเริ่ม ซึ่งมีหมู่บ้านแถบริมโขง
ทั้งสองอยู่ ครั้นเห็นกำนันหวนพาเสี่ยหว่างขึ้นมาบนบ้าน ต่างก็แนะนำกันให้รู้จักกันไว้
ทางกำนันใช้กล่าวว่า....
เสี่ยกำนันบางหมู่บ้านนางลอย โน่นกำนันเริ่มหมู่บ้านนางโซ่ง
ซึ่งอยู่ติดแถบฝั่งโขงใกล้ๆกับสถานที่เสี่ยต้องการ
ทั้งสองกำนันก็หันมายกมือไหว้เสี่ยหว่าง พลันเสี่ยหว่างก็เอ่ยปากขอร้องต่อ
พวกกำนันทั้งสองและกำลังคนด้วยตลอดสถานที่จะได้ทำงานเรื่องนี้
พร้อมควักเงินออกมาอีกฟ้อนใหญ่ส่งให้กำนันทั้งสองบอกว่าหากงานถึงกรุงเทพฯ
เรียบร้อยดีแล้วจะส่งอาหารจริงมาให้อีก
ครั้นกำนันทั้งสองมองดูเห็นว่าเป็นก้อนโตๆ ก็ไม่กล่าวอะไรพลางเก็บเข้ากระเป๋า
แล้วกล่าวว่า.......
เสี่ยจะไปดูสถานที่เลยหรือเห็นกำนันทั้งสองถามขึ้น....???
อั้วว่าจะให้คนไปดูเสียเดี๋ยวนี้แหละว๊ะ!!!!.... จะได้หรือไม่ล่ะกำนัน???...
เมื่อเสี่ยต้องการอย่างนั้นไปกันเลยทั้งหมดนี่แหละ กำนันเริ่มกล่าวขึ้น
แล้วต่างคนก็พากันลุกขึ้นยืนพลางหันไปสั่งยังลูกน้องของตนให้เตรียมตัวพร้อม
เดินทางที่เสี่ยหว่างต้องการ เมื่อพวกกำนันเห็นว่าพวกตนพร้อมกันแล้ว
กำนันทั้งหมดรวมทั้งเสี่ยและพรรคพวกก็ออกเดินทางไปในป่าแถบริมโขงทันที
ซึ่งเป็นถิ่นกันดารเต็มไปด้วยต้นไม้ที่เหลือเพียงแค่ขย่อมเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้
ถูกถางป่าเพื่อทำเป็นที่ทำมาหากิน ด้วยพวกป่าไม้กำหนดเขตแดนไว้ ยังคงเป็นป่าที่
อุดมสมบูรณ์อยู่ ล้วนแล้วแต่ไม้เล็กๆไม้ใหญ่ๆทั้งสิ้น นับได้ว่าเป็นป่ากว้างขวาง
มิฉนั้นคงจะไม่เหลือหรอแล้ว ที่ยังคงอนุรักษ์พื้นที่ไว้ได้อยู่บ้าง
คนของกำนันบางแห่งบ้านนางลอยก็ชี้ว่าหากทำการนี้เส้นทางต้องผ่านทางพวกข้า
แต่ที่สะดวกโน่นหมู่บ้านนางโซ่งนั่นแหละเหมาะสมที่สุดด้วยยังมีไม้อีกจำนวนมาก
เป็นแนวกั้นบังตาไว้ และเสียงเครื่องจักรก็ไม่รบกวนใครด้วยเป็นป่าลึก เต็มไปด้วย
ต้นไม้ใหญ่นาๆชนิดและมีลานกว้างพอสมควรอยู่ แต่ทว่าต้องขอความร่วมมือ
เสี่ยสักหน่อยนะ จะได้ไปติดต่อกับพวกป่าไม้จะได้ไม่มีปัญหาอะไร
ด้านกำนันเริ่มกล่าวขึ้น.......
ข้อนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกว๊ะกำนัน.. เสี่ยหว่างตอบครั้นกล่าวจบก็ล้วงเงินออกมา
อีกฟ่อนหนึ่งส่งมอบให้กำนันเริ่ม เพื่อใช้ในการติดต่อกับหัวหน้าป่าไม้ในเขตพื้นที่นี้ไว้ก่อน
ถ้าอย่างนี้ปัญหาก็คงหมดไป ด้วยไม้นี้ไม่ใช่ในแถวพื้นที่นี้อีกด้วยมาจากที่อืนๆทั้งหมด
ข้ามันคนใจร้อน จะได้รีบไปดำเนินการเรื่องนี้ให้เสี่ยเสียเลย ถ้าคนของเสี่ยพอใจสถานที่นี้
กำนันนางโซ่งกล่าวขึ้น.....
เมื่อคนทั้งหมดมาถึงบริเวณที่กำนันเริ่มชี้แจงไว้ เสี่ยหว่างก็หันไปสั่งให้พรรคพวก
เข้าไปดู เมื่อคนหายไปพร้อมกับคนของกำนันเริ่มแล้ว ทางเสี่ยหว่างก็หันมากล่าวกับ
บรรดากำนันทั้งหมดว่า ถ้าอย่างนั้นขอให้ทุกๆคนทำแผนที่ให้อั้วด้วย อั้วเตรียมกระดาษ
ปากกามาให้แล้ว ให้เขียนทางหนีหลบหลีกการจับกุมอาจจะเกิดขึ้นได้ เมื่อทั้งหมดรับ
กระดาษปากกามา ก็เริ่มวาดหนทางต่างๆทั้งหมดมอบให้เสี่ยหว่างทันที เมื่อทุกๆคนส่ง
แผนที่ให้เสี่ยหว่างแล้ว
พรรคพวกของเสี่ยหว่างก็เดินออกมาพบเสี่ยพร้อมรายงานผลการตรวจดูบอกว่า
เป็นสถานที่ใช้ได้เสี่ย มันมีลานกว้างทำงานได้แล้วอีกยังมีทางแยกที่จะใช้ในการขนย้าย
ได้หลายๆทางอีกด้วยล่ะ แต่ว่ามันจะเป็นทางตันหรือไปทางไหนพวกข้ามิทราบได้ถามคน
ของกำนันแล้วเขาบอกก็จริงแต่ว่าเราก็ไม่รู้เหมือนกัน หากมีการขนย้ายก็ควรจะเอาคนของ
เราและทางกำนันร่วมนำทางไปสำรวจทางแยกไว้ด้วย เพื่อใช้ในการเดินทาง
ของแต่ละคันก็จะดีครับ แยกทางกันไปหากทางนั้นมันเชื่อมติดต่อกันได้ก็ยิ่งจะดีมาก
เดี๋ยวข้าจะไปกับพวกกำนันไปสำรวจเส้นทางก่อนนะคนสนิทเสี่ยกล่าว
เออๆๆรีบๆไปและรีบกลับด้วยนะ???...เสี่ยหว่างกล่าวอนุญาต
ประมาณหลายชั่วโมง พวกสำรวจก็เดินทางกลับแล้วบอกว่าทางเชื่อมต่อกันได้หมดเสี่ย
ถ้าลื้อเห็นว่าใช้การได้เป็นอันตกลง พลางหันไปทางกำนันทั้งหลายว่า อั้วขอบใจพวกลื้อ
มากนะที่ช่วยเหลือครั้งนี้ งานจะเริ่มวันศุกร์นี้คงจะใช้เวลาสามวันก็พอการแปรรูปก็คงเสร็จ
เรียบร้อย ก่อนอั้วจะให้เขาเอารถขนย้ายมาเก็บไว้ในหมู่บ้านพวกลื้อก่อน จะว่าอย่างไรบ้างล่ะ??..
ข้อนั้นไม่เป็นปัญหาหรอก ทางหมู่บ้านนางลอยกับหมู่บ้านนางโซ่งนั้นคนเขาก็เพียบพร้อมอยู่
มากล้วนแล้วชำนาญหนทางทั้งสิ้นอาวุธต่างมีกันครบแล้ว ล้วนแล้วแต่ดีๆทั้งนั้นนำมาจากทาง
ฝั่งโน้นทั้งสิ้น บางทีคนฝั่งโน้นอาจจะมาร่วมงานด้วยหากเสี่ยใจป้ำๆสักหน่อย....กำนันทั้งสอง
กล่าวขึ้น....
เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกบอกมาได้เลยว๊ะ แล้วพวกลื้อก็เหมือนกันหากขัดสนเงินทองไป
หาอั้วได้ที่ในเมืองใครๆเขาก็รู้จัก อั้วจะช่วยเท่าที่ช่วยได้นะ อีกอย่างหนึ่งหากพวกฝั่งโน้นมาช่วย
ด้วยก็จะดีมากจะได้งานเร็วๆขึ้นกว่าเดิม หากมาแล้วทำงานเสร็จจะมอบค่าแรงให้อย่างงาม
อั้วคิดว่ารถจะมาพึงพรุ่งนี้ก็แล้วกันทะยอยกันมาไปตามหมู่บ้านต่างๆ
ส่วนทางกำนันมั่นนั้นอั้วรู้จากไอ้เม้งมันมาหมดแล้วล่ะ ให้ทางด้านนี้เตรียมพร้อมก็แล้วกัน
จะลงมือทำงานวันศุกร์นี้แต่เช้าๆเลยล่ะจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก ส่วนอั้วจะไม่มานะ
จะให้ตัวแทนอั้วมือสนิทไว้ใจได้มาคุมงานแทน
เสี่ยหว่างกล่าวขึ้น......
ถ้าอย่างนั้นกลับกันได้แล้วให้ทางกำนันทั้งหมดเตรียมพร้อมหาลู่ทางไว้ก็แล้วกัน อั้วไปล่ะ พวก
กำนันก็ยกมือไหว้เสี่ย แต่ทางกำนันหวนและกำนันใช้ก็พลันกล่าวขึ้นว่า....
เดี๋ยวหากถึงที่อยู่ของอาจารย์จะแวะให้เสี่ยกลับไปก่อนก็แล้วกัน จะได้ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับพวก
อาจารย์ด้วย..... กำนันหวนและกำนันใช้กล่าวกับเสี่ยหว่างไว้ก่อน
ตามใจกำนันก็แล้วกัน ตามตกลงที่จะใช้พวกของอาจารย์มันจะได้ช่วยเหลืออีกแรงหนึ่งด้วย???...
เสี่ยหว่างกล่าวขึ้นแล้วก้าวขึ้นรถขับออกไปทันที....
ครั้นแล้วพรรคพวกเสี่ยต่างก็ขึ้นรถ ติดตามด้วยรถของกำนันทั้งหมด แล้วพอถึงหมู่บ้านใครก็เข้าไป
หมู่บ้านนั้น ในระหว่างทางกำนันใช้ก็ให้พวกขับรถแยกทางไปหาอาจารย์เสิ่งปางก่อน พอถึงเขต
ที่อาจารย์เจี๊ยะเปิ้ง
กำนันหวนก็แยกทางไปอีก คงเหลือรถของเสี่ยหว่างเท่านั้นครั้นถึงบริเวณอาณาเขตของกำนันมั่น
ก็แวะเจรจากับลูกชายกำนันคือไอ้แม้น ส่วนกำนั่นมั่นนั้นไม่ออกมาต้อนรับ คุยสักพักหนึ่ง
ก็ออกเดินทางเข้าเมืองทันทีด้วยจวนจะมืดค่ำเสียแล้ว
อากาศแถวบริเวณนี้มืดเร็วด้วยบริเวณแถวนั้นต่างมีขุนเขาเรียบรายกันทั้งสองด้านทาง
พระอาทิตย์จึงตกลับเหลี่ยมเขาไปคงเหลือเพียงแสงสว่างสลัวๆเท่านั้น
กำนันหวนและกำนันใช้ซึ่งกำลังคุยกับอาจารย์เสิ่งปางและอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งอยู่แม้จะคนละที่ห่างไกล
กันมา แต่เวลานั้นค่อนข้างจะห่างกันไม่มาก เรื่องเกี่ยวกับการทำงานว่าจะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้แล้วจะ
ออกเดินทางขนของในวันอาทิตย์เย็นๆให้อาจารย์ทั้งสองฟัง
อาจารย์เสิ่งปางครั้นได้ยินกำนันใช้กล่าวเช่นนี้ก็หัวร่อ พลางกล่าวว่าข้าจะใช้ให้พวกเด็กๆมันคอยติด
ตามไปก็แล้วกันไม่ต้องห่วง ทั้งสองต่างสนทนากันส่วนกำนันใช้ก็ขอของดีจากอาจารย์เพื่อใช้ในการ
ป้องกันตัวไว้ อาจารย์เสิ่งปาง ก็หันไปทางโต๊ะหมู่บูชาซึ่งตั้งเบื้องบนเป็นรูปปั้นฤๅษีนั่งขัดสมาธิอยู่
รองลงมามีรูปปั้นต่างๆ เรียงรายไปด้วยพวกกุมารทองต่างๆตลอดจนหุ่นพยนต์มากมาย
และรูปสัตว์ต่างๆนาๆชนิด ล้วนเป็นของอาจารย์เสิ่งปางทั้งสิ้น
อาจารย์เสิ่งปางพลางหยิบตะกรุดในพานมาพลางร่ายคาถาอาคมกำกับไว้ด้วย
แล้วส่งมอบให้แก่กำนันใช้ไว้ว่าให้ติดตัวเวลาทำงานด้วยนะ
กำนันใช้รับมาแล้วก็ยกมือขึ้นจบเหนือหัวนำใส่กระเป๋าเสื้อทันที พรรคพวกที่ไปได้รับกันทุกๆคน
กำนันกำลังคิดจะลา ทางอาจารย์เสิ่งปางก็บอกว่ากูเมื่อคืนนี้ได้ส่งของไปยังบ้านตาโชติแล้วล่ะว๊ะ
ยังไม่รู้และเห็นมันกลับมาอีกเลยสงสัยงานจะสำเร็จเสียแล้ว พวกมึงคอยฟังข่าวดูก็แล้วกันเอาเอง
ทันใดที่อ้าปากพูดอยู่กับกำนันนั้น อาจารย์เสิ่งปางก็สะดุ้งสุดตัวด้วยมีของสิ่งหนึ่งพุ่งเข้าไปในปาก
มันทันที ร่างอาจารย์เสิ่งปางพลันล้มหงายลงกับพื้นและดิ้นทุรนทุราย เล่นเอากำนันใช้และพรรคพวก
ต่างพากันตกอกตกใจไปตามๆกัน แต่กระนั้นร่างอาจารย์เสิ่งปางค่อยๆเอื้อมมือมัน
ไปคว้าขันน้ำตักน้ำมนต์ในตุ่มหน้าโต๊ะหมู่บูชารูปปั้นฤๅษีนั้นมา มันพยายามกลั้นความเจ็บปวด
พลางภาวนาเป่าลมลงบนท้องของมันทันที แล้วนำน้ำมนต์ที่มันทำไว้ยกขึ้นดื่มตามไป
พอร่างอาจารย์เสิ่งปางกินน้ำมนต์เข้าไปก็ ยิ่งดิ้นทุรนทุรายยิ่งขึ้นนัยน์ตาเหลือกค้างจนไม่เห็นตาดำ
เล่นเอาพวกกำนันใช้ทั้งหมดถอยๆหลังกันกรูดๆทันที มองภาพตรงหน้าร่างอาจารย์เสิ่งปางเห็นร่างมัน
กระตุกๆสักพักหนึ่งก็แน่นิ่งเงียบไป กำนันใช้ค่อยๆเขยิบร่างมันไปเขย่าตัวเรียกชื่ออาจารย์เสิ่งปางทันที
พอมันแตะร่างของอาจารย์เสิ่งปางก็ทราบว่า อาจารย์เสิ่งปางตายเสียแล้วด้วยมันเอามือรมที่จมูกไม่มีลม
หายใจร่างแน่นิ่งอยู่ พลางหันมาบอกทางพรรคพวกว่า
เฮ้ยๆๆ!!!!!...อาจารย์เสิ่งปางตายแล้วว๊ะ ทุกๆคนมองไปยังร่างอาจารย์เสิ่งปางเห็นสิ่งผิดปกตืเกิดขึ้น
ทันใดทุกๆคนเห็นท้องของอาจารย์เสิ่งปางเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับคนท้องแก่ๆใหญ่ขึ้นๆ
แล้วเสียงระเบิดเกิดขึ้นทันที ลำไส้เครื่องในต่างๆไหลกระเด็นออกมา
เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณบ้าน เลือดและสิ่งของต่างๆเปอะเปื้อนเลอะตัวกำนัน
และพรรคพวกต่างโดนเลือดสาดใส่หน้าและร่างไปตามๆกัน
สิ่งกระเด็นออกมาเป็นหนังควายแผ่นมหึมากำลังกระเดิบๆมาทางพวกกำนันและพวกทันที
ครั้นทั้งหมดเห็นแผ่นหนังควายมหึมากระเดิบๆมาทางตนต่างก็ออกวิ่งหนีออกมาทันที รีบขึ้นรถขับ
ออกจากสำนักของอาจารย์เสิ่งปางหายไปด้วยความตกใจ ด้วยในชีวิตไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อนเลย.....
เบื้องหลังสายลมพัดนำเสียงร้องไห้ครวญคร่ำโหยหวนแว่วๆๆตามหลังมาติดๆพร้อมเสียงคร่ำครวญ
ยิ่งทำให้พวกกำนันใช้และตัวกำนันเอง สั่งให้เร่งความเร็วรถให้มากๆเพื่อจะหนีเสียงร้องเหล่านี้ไป
แต่ทว่าเสียงของมันดังโหยหวนเข้าไปในหัวใจคนทั้งหมด เสียงนั้นดังมาจากบ้านของอาจารย์เสิ่งปาง
และยังมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญติดตามมาเบื้องหลังรถยนต์ของพวกมันที่กำลังขับอีกด้วย
เสียงร้องไห้แว่วๆตามหลังพวกมันอีกด้วย ยิ่งทำความตกใจแก่พวกมัน แทบจะขับรถกันไม่ได้
รีบต่างพากันเร่งเครื่อง จนมาถึงบ้านแต่เสียงนั้นยังคงติดตามมาอีก เป็นเสียงผู้หญิงบ้าง เสียงเด็กๆ
บ้าง ผู้ชายบ้าง จนกำนันใช้และพวกเมื่อลงจากรถได้ก็ต่างวิ่งเผ่นแนบขึ้นบ้านทันที
เล่นเอาพรรคพวกที่นั่งกันอยู่ต่างพากันมองหน้ากันหน้าตาต่างพากันเหลิกหลักๆไปตามกัน
ด้วยมันไม่รู้ว่าเหตุใดกำนันและพวกที่ไปกับเสี่ยหว่างทำไมเป็นเช่นนี้ แต่แล้วมันก็นัยน์ตาค้าง ทั้งหมดพากันร้องว่า
อะไรกันว๊ะ???......กำนันทำไมตื่นตกใจเช่นนี้ หนีอะไรกันมาหรือพวกมันถามด้วยความสงสัย
ครั้นได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ภายในบริเวณบ้านระงมเซ็งแซ่ไปหมด
บ้างดังมาจากบนยอดต้นไม้ที่ปลูกไว้ เสียงต้นไม้ถูกเขย่าไปๆมาๆและมีเสียงดังบนพื้นดิน
อีกจำนวนมาก พวกมันต่างรู้แล้วเป็นอะไรต่างเผ่นแตกวงกระจาย พากันวิ่งหนีต่างคนต่างไป
คนละทิศละทางทันที เสียงร้องนั้นดังโหยหวนเยือกเย็นยิ่งนัก ทำเอาบรรดาหมาที่เลี้ยงไว้ดัน
หอนกันระงมอย่างโหยหวนไปทั่วทุกตัว ต่างโก่งคอขึ้นหอนรับกันเป็นทอดๆไป
อากาศพลันมืดสนิท แต่เสียงร้องระงมยังดังในบริเวณบ้านทั่วๆไปหมด
เสียงที่พวกมันได้ยินต่างพากันร้องกันระงม พวกกำนันใช้ต่างได้ยินกันทุกๆคนล่องลอยตามมันมา
พวกข้าขออยู่ด้วยๆๆๆพวกข้าไม่มีที่อยู่แล้ว เสียงนั้นต่างร้องไห้คร่ำครวญนาๆแผ่วเยือกเย็นยิ่งนัก
ล่องลอยมาแม้แต่กำนันใช้เองตลอดจนครอบครัวบนบ้าน ต่างพากันตกอกตกใจกันไปตามๆกัน.........
* แก้วประเสริฐ. *