29 กันยายน 2555 16:06 น.
แก้วประเสริฐ
* เลือนลับตา *
ปองนวลนางแลสลับนับลางเลือน
อุปเสมือนสิ่งหวังครั้งเลื่อนหาย
ภายในลบแลร้างกลางสิ่งวาย
ต่อเมื่อสายเกินกว่าจะคว้าครอง
มองสิ่งใดฝากไว้คล้ายใยผูก
ดั่งคลื่นลูกน้อยใหญ่ไร้สนอง
ผองใบไม้ระบัดจัดเรืองรอง
แวววับล่องระยับนับหายไป
ในสิ่งฝันเพริศแพร้วแนวพิลาส
ใยพินาศดังฝอยลอยแลหาย
กลายเป็นม่านคลุ้งวนปนละลาย
สู่วอดวายเสียแล้วแนวจืดจาง
กลางสิ่งหวังห่อเหี่ยวเปรี้ยวอมหวาน
คลุกเคล้าผ่านข้างในไร้สะสาง
วางสิ่งหวังแลลับนับอับปาง
วนเวียนสร้างอดีตเก่าเฝ้าแลเลือน
เหมือนหัวใจใฝ่ปองต้องครวญคร่ำ
ดุจน้ำครำส่งกลิ่นผ่านจินต์เสมือน
เยือนแล้วลับหมกหมุ่นกรุ่นใฝ่เตือน
แสนจะเสทือนหัวใจคล้ายแหลกราญ
วานบอกคำรำพันแล้วพลันพราก
แต่กลับลากหัวใจให้หมองซ่าน
พลันลอยล่องปองไว้ใยวิจารณ์
พับวันวานหวนคืนสะอื้นจินต์
สิ้นถวิลแค่จินตนาคราไขว่ครอง
เปรียบละอองหมุนเคว้งละเลงสินธุ์
รินยอกย้อนแลสลับนับห้วงจินต์
ยากจะผินหวนจ้องครองเพียงเงา
เฝ้าแต่มองเสน่หาครายอดสร้อย
แม่ดั่งย้อยชอุ่มไว้ในโฉดเขลา
เอาสิ่งหวังฝากไว้คล้ายบางเบา
มายาเคล้าเฝ้าแลชะแง้ปอง.
* แก้วประเสริฐ. *
24 กันยายน 2555 16:01 น.
แก้วประเสริฐ
* กุสุมากัลยาเยื้องกราย *
๐ นาคีมีพิษเพี้ยง..............สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช....................แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งโยโส...............แมงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า....................อวดอ้างฤทธี.๐
นาคินมีพิษเพี้ยงสุริโย
ฤทธิ์อักโขยามกรายในเวหน
ปนไว้ด้วยอ่อนช้อยร้อยดวงกมล
พลันแฝงตนหญิงสาวพราวพริ้งตา
พาเรือนร่างพราวแพรวแนวสล้าง
งามกระจ่างรัศมีที่จรุงหา
คราเฉิดจรัสมวลแสงแห่งกานดา
เอื้อนเจรจาไพเราะเสนาะกานท์
ผ่านพสุธาหอมฟุ้งจรุงกลิ่น
อวลระรินบุปผามาประสาน
พลันเยื้องกรายเอวองค์ตรงดวงมาลย์
รังษีผ่านสกาวไสวในแดนดิน
ถิ่นพฤกษาพงไพรในแดนกว้าง
อบอวลสล้างแพรวพรายในแสสินธุ์
รินโรยแห่งแสงสวัสดิ์พิพัฒน์จินต์
ต้องหวนถวิลตลึงแลแผ่ซ่านหทัย
ให้ตลึงแลพริ้มพราวเนาวจรัส
ดั่งมณีรัตน์สะท้อนแสงแฝงไสว
ใจฟุ้งซ่านยามแลแผ่ห้วงใน
ตระการไว้ความงามยามชมเชย
เผยความสาวน้ำค้างกลางเวหาสน์
พรรณดารดาษวิไลไร้คำเฉลย
เปรยสักนิดคำหนึ่งซึ่งละเลย
เจ้าแลเฉยนัยน์ตามาแลมอง
สองกรโบกตวัดฟ้าดูน่ารัก
นวลแห่งพักตร์งามผ่องละอองสนอง
สองขาเรียวย่างเยื้องเบื้องครรลอง
ช่างผุดผ่องกว่าใครในเขตคาม
งามเหลือเกินแม่เอยเผยภพนี้
ยากหามีใครแข่งแฝงเกรงขาม
พล่ามหัวใจใฝ่แลแม่นงราม
แม้นชั่วยามเยื้องกรายให้สุขจินต์.
* แก้วประเสริฐ. *
22 กันยายน 2555 16:58 น.
แก้วประเสริฐ
* หอรักโรย *
อิงสิ่งหวังฝากไว้ใจหวนคิด
ซึ่งนฤมิตความหวังกลางสิ่งหนึ่ง
พึงต้องแพ้หัวใจให้คำนึง
ยามนึกถึงหม่นไว้ในห้วงกาล
ผ่านความจริงยากแล้วแผ่วใจร้าง
พบสิ่งอ้างซ่อนไว้ใยหวนหา
พานึกถึงสิ่งหลังครั้งโรยลา
พลันน้ำตาเก็บไว้ในอกปอง
ต้องหวนคิดปลิดไว้ให้ป่วนปั่น
คราวที่วันหวานฉ่ำย้ำสนอง
ตรองสิ่งซึ้งตรึงไว้ในห้วงครอง
แสงเรืองรองดับแล้วนวลแก้วตา
คราแรมโรยลารินยามสิ้นแล้ว
ดับเพริศแพร้วไปตามยามอุษา
หาสิ่งหวังเคยฝากยากนำมา
สร้างปริศนาหัวใจให้หมองมัว
พัวพันรักฝากไว้ในห้วงแจ้ว
เกิดเป็นแนวกรีดบั่นพลันสลัว
ยั่วเย้าอิงแนบไว้ให้ระรัว
ดั่งเป็นรั้วกั้นทางระหว่างเดิน
เพลินภิรมย์ชมไว้ในห้วงฝัน
ต้องมีวันโบยบินสิ้นทางเหิน
เกินสิ่งปองซ่อนเร้นเด่นยับเยิน
จนต้องเมินใจสาวเฝ้าเย้ายวน
ล้วนแนวทางแห่งรักประจักษ์มั่น
ความผูกพันจากไปใยนึกหวน
ชวนพิลาปฝากไว้ในเรรวน
มันปั่นป่วนมากแล้วแผ่วห้วงจินต์
สิ้นทุกอย่างยากจริงอิงแนวสร้าง
ความอ้างว้างโหยหาพารักสิ้น
ถวิลหวนครวญฝากไว้ในชีวิน
น้ำตารินพรมไว้ในหอโรย.
* แก้วประเสริฐ. *
13 กันยายน 2555 14:54 น.
แก้วประเสริฐ
* หวนคำนึง *
ชะเอมหวานซาบซึ้ง ตรึงฤทัย
รสรักวกเวียนไป ฝากถ้อย
มธุรสก่อพลิกใน รับช่วง สบนา
สรรสิ่งจำเนียรร้อย ส่งให้จรุงถวิลฯ
ชีวินแฝงทาบไว้ ครรลอง
นฤมิตรคิดฝากปอง สิ่งสล้าง
ใจผูกรักยากสนอง ซ่านตรม เงื่อนเฮย
ติดบ่วงมัดแลคว้าง สูญสิ้นยามเผยฯ
ยามเปรยเมื่อไขว่คว้า ยึดจอง
มักเกิดสิ่งยั่วครอง ผ่านขึ้ง
พิษขมส่งให้สนอง เลื่อนลับ แลนา
ใจผ่านความซ่านซึ้ง ฝากให้ถวิลครวญฯ
ต่างล้วนยากใฝ่ซึ้ง จากนาง
ทุกอย่างมักจืดจาง ต่อถ้อย
รักมากผลิเลือนลาง สิ่งเกิด แม่เอย
พล่ามนักส่งรักน้อย ชูไว้เสสรวลฯ
****************
ครวญรักยากใฝ่หวน จากเนื้อนวลลบล้างสิ้น
คลั่งไคล้ในห้วงจินต์ แลลับร้างพลางโรยลาฯ
โปรยคนึงที่ตรึงห้วง เกิดเป็นบ่วงสุดเสน่หา
หว่านฝากในมรรคา ผันเปลี่ยนแปลงแข่งตะวันฯ
ครั้นชะเอมที่แฝงรส นานวันปลดสิ่งสุขสันต์
เหลือไว้คล้ายรำพัน ยากหวนหาคราภิรมย์ฯ
อนิจจาโลกใบนี้ สุดแสนที่จะเหมาะสม
มีรักต้องมีตรม ผ่านขื่นขมนิรันดร์กาล.
* แก้วประเสริฐ.*
8 กันยายน 2555 13:50 น.
แก้วประเสริฐ
* รุ้งเทวี *
๐ มาดแม้นห้วงนภาพราวดารดาษ
งามพิลาสสกาวเดือนเกลื่อนหรรษา
พาใจเพลินพริ้มเพราเคล้าปวงดารา
แสนจะหาสิ่งใดเปรียบคล้ายเดือน
๐ เคลื่อนดุจแก้วสีนวลชวนสวาท
พรรณพิลาสปัฐพีมิมีเหมือน
เลื่อนยามคล้อยลอยไปดุจคล้ายเยือน
ยามยลเลือนพราวไสวในห้วงนภา
๐ หาได้หมองใจจิตยามคิดฝาก
หรือจะพรากความงามยามพิศหา
คราระยับทอแสงแฝงผ่านมา
ชวนผวาโน้มเอียงเคียงคู่ครอง
๐ มองหมู่เมฆล่องลอยคล้อยบังไว้
เหมือนคลั่งไคล้สายสวาทมาพาดสนอง
แล้วกลมกลืนจันทร์เจ้าเฝ้าหมายปอง
แสงนวลผ่องจางลงตรงพฤกษ์ไพร
๐ คล้ายหลบหลีกทอแสงแฝงวงกต
รัศมีจรดดุจรุ้งปรุงหลากไสว
ใยแสงนวลแห่งมณีสีอำไพ
ส่งประกายตัดพ้อต่อเมฆา
๐ พระพายจ้องปองสวัสดิ์รัตนมณี
หม่นหมองศรีโกรธาคราใฝ่หา
พาเคลื่อนพลโถมใส่ในมรรคา
ช่วยเดือนฝ่าทอแสงแห่งตระการ
๐ สราญวงกตแผ่ขยายพรายงามผ่อง
คล้ายละอองครอบคลุมพุ่มประสาน
ผ่านแสงสีคล้ายรุ้งพุ่งเจือจาน
ผิวนวลกานต์เทวีที่ล่องลอย
๐ พลอยแห่งฟ้ารัศมีมณีเจิดจ้า
เหล่าดาราลอยเคียงเรียงเป็นสร้อย
ร้อยเป็นรูปอุบะคละริ้วรอย
สายใยน้อยเรืองจรัสพิพัฒน์นภา.
* แก้วประเสริฐ. *