30 ตุลาคม 2555 16:06 น.
แก้วประเสริฐ
* รำพึง *
สิ่งเอื้อยากห่มเนื้อ.........ฝากกาย
ทิวาผ่านห้วงใน..............ซ่อนไว้
วิเวกแว่วนกพราย...........ขับสู่
รัตติกาลลูบไล้................กลิ่นเจ้ากำจายฯ
มืดคลึ้มสลับผ่องแผ้ว......นวลจาง
จันทร์ประดับลับวาง.... ....จากห้วง
มหรรณพวับแววพลาง......ก่อไสว
ป่านฉะนี้ยากล้วง...............มณีคว้ามาครองฯ
บุปผาส่งกลิ่นพลิ้ว.............กำจาย
อุตพิศห่มค้างกาย...............คละคลุ้ง
หยดมณีหยาดพลิกคาย.....ใบก่อ
หล่นสู่หล้าเคว้งฟุ้ง.............ห่มเจ้าดวงสมรฯ
หนาวในหุ้มห่อไว้..............ปลายฝน
แต่กลิ่นเคล้าปะปน............อวลเนื้อ
ยากสุดที่นฤมล...................ผันสู่
ผองยากชวนก่อเกื้อ...........ไขว่คว้าเดียวดายฯ
อุทุมพรสลับแล้ว................เบิ่งมาลย์
ทิวารัตติกาล........................ลบแพร้ว
ผ่องพิศจวบเนิ่นนาน............ลาก่อ
ใยป่วนห้วงใจแคล้ว..............สูญสิ้นไห่ครองฯ
โบราณเอ่ยสร้างไว้.............นารี
ดุจดั่งสองคมมี......................สลับแล้ว
หนึ่งใฝ่รักนวลฉวี..................ยากสู่
สองปองไว้ให้แพร้ว..............อวดอ้างนพคุณฯ
เรียงเรียงไว้ไป่คว้า..............เมินชม
แสร้งเสไว้ก่อปม...................เพริดพลิ้ว
ดั่งยาบ่มขื่นขม......................ฝากสู่
แม้นมาดนารีกริ้ว...................ล่วงไว้ใจหวังฯ
มองผองให้นึกไว้..............รายเรียง
อ้อนสุดไว้จะเคียง...............แนบเนื้อ
แม้นจะเปล่งสุดเสียง..........ยากก่อ
ลี้ลับกลับจันทร์เอื้อ..............หนีเร้นเผ่นครอง.
* แก้วประเสริฐ.*
22 ตุลาคม 2555 18:50 น.
แก้วประเสริฐ
* แก้วตาดวงใจ *
เธอคือดวงใจ...แก้วตาของพ่อ
อดทนต่อ...ชีวิตล้วนคิดใฝ่ฝัน
เหมือนดั่งหนทาง...สร้างชีวากัน
ในสิ่งผูกนั้น...พันกว่า...ชีวามลาย
สายตาแก้วใจ...มีไว้ดั่ง...ฟ้า
มิอาจนำพา...ให้สูญสิ้น...สลาย
กลายเป็นสิ่ง...ฝากไว้...ชั่ววันตาย
ยากลบเลือนหาย...มลายไปชั่วนิรันดร์
สรรค์...สิ่งสุขไว้...มอบให้...แก่ลูก
เพื่อให้พันผูก...ปลูกคล้ายด้ั่ง...สวรรค์
ถึงแม้ยากเข็ญ...เด่นไม่...แน่กัน
ให้เสกสรรค์...ยังมอบกอบ...ธรณี
มีรัก...มอบไปไร้คิดเปลี่ยนแปลง
ปราศสิ่งแฝง...ให้เจ้าเคล้า...เฉิดศรี
ปรีเปรมดิ์...เหนือฟ้า...ผ่านห้วงชีวี
มอบรักนี้...สุขสันต์จน...พลันสำราญ
ผ่านทุกข์ไป...มีสุข...ปลูกไม่ท้อ
ดุจพะนอ...หัวใจให้...สุขสนาน
ม่านแห่งใจ...ให้ไว้...ชั่วนิรันดร์
แม้นทรมาน...มิบ่น...ทนทุกเวลา
มาเป็น...แก้วตา...ดวงใจของพ่อ
เสกสรรค์ต่อ...เป็นสิ่งที่ปราถนา
หาให้...แก่เจ้าโดยมินำพา
จนอ่อนล้า...เรี่ยวแรงแฝงจำทน
ฝน...หยาดสุดท้าย...จะมาเปลี่ยนแล้ว
เหนือดวงแก้ว...จากไปไร้แห่งหน
บนความทุกข์...ฝากไว้ใน...ดวงกมล
ยากจะปน...ความชั่ว...มอมมัวเมา
เฝ้าตะวัน...นั้น...ยามสลายแสง
สิ่งแอบแฝง...ปรนเปรอ...ละเมอเขา
เอาความรัก...ฝากไป...จากตัวเรา
ล้วนสิ่งเฉลา...ลูกนั้น...ให้พลันสราญ.
* แก้วประเสริฐ.*
16 ตุลาคม 2555 13:22 น.
แก้วประเสริฐ
* สายใยรัก *
รวมสิ่งรักฝากไว้ในห้วงลึก
สร้างจารึกกลับหายมลายสูญ
อุ่นเกื้อกูนหมุนคว้างกลางอาดูร
ยากเพิ่มพูนเลือนหายในสิ่งพราว
เนาว์สุดน้ำดินฟ้ามหาสมุทร
หาบริสุทธิ์เสกสรรค์อันเปี่ยมขาว
เพริศไว้ด้วยสีสรรอันแวววาว
สร้างสกาวเฉิดฉันท์อันมากมาย
ภายในเยื้อเอื้อไว้ในมธุรส
เจิดสรรจรดหล่อเลี้ยงมิเลี่ยงหาย
กลายเป็นหยาดหยดน้ำพร่ำเลี้ยงกาย
ยากจะคล้ายละอองสองประทุม
พุ่มแห่งม่านความรักฝากไว้แล้ว
อิ่มเอิบแพรวหยาดหยดจรดสุขุม
ลุ่มลึกหวานเปี่ยมมันนั้นเกาะกุม
ดั่งผกาพุ่มหอมหวนชวนปะพรม
บ่มไว้ในห้วงบ่วงแห่งความรัก
มิหยุดพักหนุนเกื้อเมื่อเสพย์สม
ห่มหวานมันคลุกเคล้าเฝ้าเริงรมย์
ยามเชยชมคุณค่ายากหาปาน
สรรด้วยสิ่งผูกพันนั้นกว่าน้ำ
ที่หล่อย้ำฝากไว้ในเต้าผ่าน
กาลแม้โศกรุมเร้าเคล้าดวงมาน
ทุกวันวารให้สุขปลูกนิรันดร์
พลันสิ่งรักรวมไว้กลายเป็นหนึ่ง
ที่แสนซึ้งมากมายดุจใยสวรรค์
สรรคุณค่ามากมายในห้วงกาล
สุดประมาณมาเทียบนำเปรียบเปรย
เฉลยความรักฝากไว้ในสายน้ำ
แสนชื่นฉ่ำอบอุ่นละมุนเสวย
เผยกลิ่นกรุ่นฝากไว้มิได้เลย
แล้วใยเฉยอ้างว้างดั่งละออง
ผองมวลหล้าสุดเทียบเปรียบสิ่งนี้
ยากหามีผู้ใดคิดใคร่สนอง
สองแขนอ้าโอบอุ้มพุ่มเรืองรอง
แต่กลับหมองคุณค่าหาประมาณ
สมานเฉิดรักฝากไว้ในกระแส
มิผันแปรหล่อเลี้ยงเยี่ยงสนาน
ผ่านวิกฤตน้อยใหญ่ในห้วงกาล
ยากจะผ่านคุณเทียบเปรียบน้ำนม.
* แก้วประเสริฐ. *
11 ตุลาคม 2555 15:32 น.
แก้วประเสริฐ
* สิ้นแล้วหรือ *
กลางโพยมโหมระบัดพัดซ่านซ่าส์
แสนจะว้าเหว่ใจให้หวนถวิล
ยามสิ้นจากแก้วใจให้ระริน
แทบจะสิ้นดวงใจไร้คนปอง
เหมือนลมพัดหักเหเซดวงจิต
ฟ้าลิขิตเส้นทางระหว่างสอง
ยามยิ่งคิดเศร้าใจในใฝ่ครอง
ดุจละอองคลุ้งเคล้าเนาว์ปักจม
เรือรักเร่เหพัดระบัดก้อง
ป่วนดังท้องทะเลไหวได้ผสม
ปวงรักไร้แก้วตาคราระทม
เหลือแค่ปมฝากห้วงล่วงทะเล
ลมพัดครวญหวนหาว้าเหว่นัก
สิ่งที่ประจักษ์ลดทอนบ่อนหักเห
เซเหมือนคลื่นหวั่นไหวให้ลังเล
เอียงกระเท่หนอรักประจักษ์จินต์
เหลือบท้องฟ้าสีแดงแฝงครวญคร่ำ
อยากจะร่ำร้องหาพาสูญสิ้น
น้ำข้างเรือไหลหยาดสาดล่วงริน
สุดจะถวิลคืนกลับนับจากจร
ฝืนใจหักรักสลายคลายสิ่งหวัง
ดุจฟ้ายังแปรเปลี่ยนเวียนอนุสรน์
มิให้หวนคืนกลับนับอาวรณ์
ห้วงสะท้อนหวั่นไหวในทางลม
ชมความงามยามแสงจะสิ้นสั่ง
ทิ้งความหวังฟากฟ้าคราเสพย์สม
เหลือแต่ห้วงทะเลเห่ร้างชม
ท้องฟ้าบ่มเมฆน้อยลอยเกลือนตา
ชักเรือน้อยเข้าฝั่งยังดารดาษ
ทรายพิลาสขาวสพร่างกลางใจผวา
โอ้รักเราเหตุไฉนให้แรมลา
สุดขอบฟ้าทิ้งรักฝากเดียวดาย.
* แก้วประเสริฐ.*
2 ตุลาคม 2555 14:22 น.
แก้วประเสริฐ
* อนิจจาภาษาไทย *
ภาษาไทยจะสิ้นยามอินเทศ
ไร้ขอบเขตสร้างสรรพลันสูญหาย
กลายเป็นสิ่งก้ำกึ่งพึงกลับกลาย
นับวันสลายหมดแล้วแนวแหลมทอง
มองดูแล้วใจหายไทยนะหรือ
สิ่งฝึกปรือภาษาพาไม่สนอง
สองตาอึ้งยามพบสบครรลอง
สิ่งเรืองรองพ่อขุนหนุนสร้างมา
พาคืนกลับสู่กาลอดีตเก่า
สิ่งยั่วเย้าเทศคลุมสุมทุมหา
คราต้องสิ้นเด็กไทยไร้จินตนา
เหลือภาษาต่างด้าวเข้ามาครอง
สนองตัณหาพาไว้ให้หดหู่
ช่างอดสูยกย่องปองสิ่งสนอง
ครองครึ่งคำนำมาพาหมายปอง
ผสมจนหมองวิบัติคล้ายปัจจุบัน
หันมามองของเก่าเฝ้าสงสาร
เหมือนน้ำตาลสิ้นซากจากแนวสวรรค์
พลันเหลือกากทิ้งไว้คล้ายกำนัล
ช่างสรรพันหลงใหลในแดนไกล
ให้อดสูภาษาไทยใจหมองเศร้า
ช่างปวดร้าวแทนปราชญ์ประหลาดไหม
ใยไม่คิดคุณค่าภาษาไทย
กลับหลงใหลเชิดชูอดสูจริง
สิ่งเหล่านี้เมืองไทยวิไลลักษณ์
ต้องประจักษ์ภาษาอื่นฝืนใจยิ่ง
อิงคำพูดชาติอื่นรื่นระวิง
ดุจดังปลิงดูดเลือดเชือดวอดวาย
สลายเสียแล้วไทยเอ๋ยเผยวิบัติ
อีกหน่อยจัดเป็นทาสชาติต้องหาย
กลายเป็นสิ่งคนอื่นกลืนละลาย
แล้วกลับกลายเป็นทาสปราศตัวเอง.
* แก้วประเสริฐ. *