30 มกราคม 2555 14:09 น.
แก้วประเสริฐ
๐ ซากชีวิต ๐
๐ สิ่งผูกพันใฝ่ฝันพลันคลาดเคลื่อน
ดุจเสมือนเพื่อนยามมีเปรมปรีดิ์สันต์
พอทุกข์ยากเพื่อนหายมลายพลัน
แสงแห่งวันดับไปคล้ายลบเลือน
๐ ประดุจรักดูไปคล้ายเมฆหมอก
แสนจะหลอกดุจเงาดั่งเย้าเฉือน
คิดหลงใหลพาลพบประสบเชือน
เปรียบเสมือนดวงใจไล้ความงาม
๐ หลากชีวิตคิดไปยิ่งให้หมอง
ที่เรืองรองบรรจบสิ่งพบหยาม
ล้วนที่เหลือฝากไว้คล้ายนิยาม
จะลุกลามแทรกซ้อนดุจย้อนใจ
๐ ธรรมชาติสร้างไว้ในพอเพียง
มักหลีกเลี่ยงเบี่ยงเบนเน้นสุกใส
แต่พอคลุกเคล้าแล้วแป้วภายใน
สิ่งเหลือไว้คือซากกากประเด็น
๐ นี่แหละหนอชีวิตคิดปั่นป่วน
ที่เฝ้าล้วนสิ่งปลอมย้อมสู่เหม็น
เหลือได้รับคงไว้คล้ายพลิกเย็น
ถ้ายิ่งเข็นพลันพบบรรจบกลวง
๐ อันมนุษย์นั้นชอบไว้ในสิ่งหอม
แมลงวันตอมสิ่งเน่าเฝ้าแหนหวง
วาบหวานนี้คล้ายกันนั้นเล่ห์ปวง
ผันเป็นบ่วงสอดคล้องต้องใจเอา
๐ ความโง่เขลาของใจให้วนเวียน
แล้วแปรเปลี่ยนปนสุขยิ่งทุกข์เฝ้า
มวลสัตว์โลกชอบไว้ในมอมเมา
เหม็นคลุกเคล้าก็หอมย้อมเล่ห์กล
๐ อย่าเห็นเรื่องเล็กน้อยคอยหมั่นคิด
หวังลิขิตอย่างไรเปรียบคล้ายขน
ล้วนแปรเปลี่ยนขาวดำย้ำปะปน
หลากหลายชนแห่งชีวีเช่นนี้เอง.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
27 มกราคม 2555 22:41 น.
แก้วประเสริฐ
๐ ซ่อนคม ๐
๐ โลมเร้าใยแนบเนื้อ ซ่อนใน
น้ำหยาดหยดรินไหล ฉ่ำชื้น
หญ้าฝนชุ่มชะใบ ซ่านก่อ แม่เฮย
หวิวก่อเกิดสะอื้น ซาบซึ้งหทัยทรวงฯ
๐ นวลคร่ำครวญพร่ำเพ้อ ลอยลม
เสียงแผ่วลอบมองชม พร่างแท้
คำรามส่งภิรมย์ พลิกก่อ
วิชชุฟาดกรี๊ดแล้ สั่นให้เสทือนขวัญฯ
๐ สายลมโบกสบัดแล้ว กรุ่นหอม
โปรยระรินดุจพยอม แรกแย้ม
บงกชเบ่งดมดอม โรยกลิ่น ม่านแฮ
ใบพฤกษ์ตกแต่งแต้ม ส่งเคล้าฤดีครวญฯ
๐ ฝนหยุดโปรยสะท้าน ระริน
แดงอ่อนสร้างใจจินต์ มากล้น
หยาดน้ำพร่างใฝ่ถวิล จิตลึก
หลายหลากยากมิพ้น ผูกให้คนึงสนองฯ
๐ หลากคำก่อเกี่ยวไว้ มากมาย
คนึงสู่ใจมิคลาย พร่ำแล้ว
ห้วงมัดผูกยากวาย ผันพลิก นางเฮย
มองดูแต้มงามแพร้ว ส่งให้ใจคนึงฯ
๐ หวานจำนรรรจ์เสนาะแจ้ว คร่ำครวญ
คำเปล่งแสนรัญจวน ดุจฟ้า
เลือนลางบ่หลบหวน มิ่งขวัญ
ยากนักหลีกลี้คว้า ซ่านไว้ซ่อนในฯ
๐ สิ่งลึกฝากผ่านหล้า พลิกนำ
มิอาจหลีกถ้อยคำ แน่แล้ว
ออดอ้อนผูกเงื่อนงำ สิ่งผ่าน จริงนา
มธุรสแผ่วหวานแจ้ว สู่ไคล้นวลขวัญฯ
๐ ระแดดวงหยาดเยิ้ม หมายปอง
ฤาแน่งน้อยใฝ่ครอง ผูกร้อย
คำล้ำยากหลบสนอง หมายหลีก
ไหลผ่านกำหนดถ้อย ม่านฟ้าธาตรี๐.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
24 มกราคม 2555 13:24 น.
แก้วประเสริฐ
๐ รักครวญฝังใจ ๐
๐ ค่ำคืนนี้มีจันทร์พลันส่องหล้า
เรืองท้องนภาแขแจ้าเฝ้าส่องแสง
ก่อนทิวาพราวพร่างระหว่างแดง
ราตรีแฝงเหลืองอร่ามล้ำธานินทร์
๐ ครุ่นคิดถึงจากห้วงดวงใจลึก
เคยใฝ่ตรึกซ่อนเร้นนวลเด่นถวิล
ยิ่งเพ็ญพักตร์ถูกเค้นเช่นภุมริน
เคล้าดอมสิ้นบุปผาครายึดครอง
๐ โอ้กระต่ายหมายบ่มเกินชมแล้ว
ที่เพริศแพร้วหวังเชยเผยสิ่งสนอง
กากเหลือไว้ผ่านเนตรเฉดใจปอง
เคล้าลมก้องแผ่วโปรยโชยสุคนธ์
๐ คันธชาติจากพฤกษ์นึกครวญคร่ำ
ค้างคาวขย่ำผลไม้ขจายไพรสณฑ์
งามแสงดาวลอยล่องคล้องวังวน
เหมือนจรดลห้วงรักฝากวิญญาณ์
๐ หรีดหริ่งร้องเรไรยากใคร่ผสาน
ก้องกังวานบรรเลงเพลงหรรษา
ผ่านทิวไม้คลั่งไคล้คล้ายกานดา
เสมือนคลื่นผวาทบฝั่งยากยั้งใจ
๐ รักครั้งแรกเหลือไว้กลายเพียงนี้
วาบหวามฤดีเปี่ยมไว้คล้ายสดใส
หวนแปรปรวนผ่าลึกตรึกห้วงใน
หลีกผ่านไปเปรียบลมยากชมเชย
๐ ค่ำคืนนี้หอมกรุ่นละมุลพฤกษ์
ชวนใฝ่ตรึกหมายชมภิรมย์เฉลย
หอมหวลกลิ่นหมายชมภิรมย์เคย
คล้ายจันทร์เผยเมฆาคว้ากั้นกลาง
๐ ใจดวงน้อยหวนไว้ใฝ่ชวนหวัง
เปรียบประดังมาพบประสบขวาง
คร่ำครวญไร้นวลเจ้าเฝ้าเลือนลาง
เปลี่ยวอ้างว้างดวงฤทัยใฝ่เชยชม
๐ อุษาสางหมอกเย้าเคล้าปั่นป่วน
ราตรีล้วนลอยลับสลับขื่นขม
สิ่งซาบซึ้งตรึงไว้คล้ายสายลม
ยากผ่านปมปริศนาผ่าห้วงใจ
๐ เหม่อตะวันสีแดงแฝงขอบฟ้า
หมู่นกหาเรียกร้องทำนองใส
ห้วงใจหนอคิดคนึงซึ้งห่วงใย
น้ำค้างไหวใบหญ้าคว้าเพียงเงา.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
19 มกราคม 2555 14:47 น.
แก้วประเสริฐ
๐ ดอกสะตอ ๐
๐ ดอกสะตอบานเบ่งเปล่งยืนต้น
หอมจรดลโชยกลิ่นรินนาสา
ลูกฝักจิ้มบูดูคู่ภาคนา
อีกนำมาจิ้มแกงแฝงอร่อยจริง
๐ เลืองลือชื่อของถิ่นชาวภาคใต้
น้ำลายไหลลิ้มรสปลดห้วงสิง
สาร์นต่อสาวชาวใต้ให้ประวิง
ล้วนหน้าอิงเย้ยฟ้าแลท้าดิน
๐ ครั้นหวนคิดจิตไปให้ยุ่งนัก
สิ่งประจักษ์สามจังหวัดมัดสูญสิ้น
เหตุไฉนจึงคิดแบ่งแยกแปลกจินต์
ทั่วทุกถิ่นคนไทยให้ภาคภูมิ
๐ ฆ่ากันตายแทบเกลื่อนเปื้อนจังหวัด
บ้างเซเซัดหลีกหลบพบกลัดกลุ้ม
จะมัวมาล้างผลาญกันสุมทุม
ศพกองสุมเหน็จอนาถประหลาดจริง
๐ วิเคราะห์ข่าวต่างต่างสร้างใจจิต
ช่างวิปริตพรรคหนึ่งใยจึงเขลา
หลากปัญญาไม่ใช้ใยเลือกเงา
จึงต้องเฝ้าสร้างภาพอาบวิญญาณ์
๐ จะเลียนแบบก่อนเก่าช่างเขลาหนอ
หวังเขาขอเป็นใหม่ให้อุตส่าห์
สร้างเป็นเงาเฝ้าคิดติดอุรา
รอวาสนามาเกยเผยโง่สลัก
๐ เขาฟูมฟักจากไข่ได้เวหา
พอสิ้นท่าย้อนกลับนับขลุกขลัก
ยุคออนไลท์ใช่ว่าดูน่ารัก
เขาประจักษ์หมดสิ้นแผ่นดินไทย
๐ สร้างเงื่อนงำรำลึกมาผนึกไว้
แต่เหตุไฉนเป็นเต่าเฝ้าแก้ไข
ก็ไม่พ้นคนด่าว่าอะไร
ซุกซ่อนไว้พวกเลนว่าเห็นดี.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
13 มกราคม 2555 14:25 น.
แก้วประเสริฐ
๐ บุษบงอลงกต ๐
๐ พิศยามเช้าบ่มเฝ้า อลงกต งามแฮ
บานเบ่งซ่านฟุ้งจรด ม่านฟ้า
หอมโปรยเร่งเร้าปลด ชวนสิ่ง มวลเฮย
เหล่าบุษบงส่องหล้า มุ่งย้ำสู่นภา บารณี.๐
๐ พิศยามเช้าบ่มเฝ้างามเปล่งสี
เจิดจ้าฉวีบุษบงบรรจงฉาย
วาวสุรีย์ส่องเจ้าเย้าเรียงราย
สระฟุ้งขจายแวววับประดับเงา
๐ เสียงพร่ำมนต์ไพเราะเสนาะยิ่ง
กังสดาลกริ้งสู่ลมผสมเฉลา
ธรรมวิเวกซ่านซึ้งใจตรึงเอา
มุ่งจิตเคล้าผ่านทุกข์สุขปรีดา
๐ เหลืองอร่ามงามนักชักเป็นแถว
สู่เพริศแพร้วสลับจับพฤกษา
สงบนิ่งผ่านบุษบงมิหลงพา
หอมนำมากิเลสเศษของมาร
๐ เสียงเจื้อนแจ้ววิหคตกฟ้าสาง
เพื่อละล้างจิตมั่นผ่านวัฏฏสาร
อนิษฐารมณ์บ่มไว้ในห้วงกาล
สิ่งผ่านวารเคล้าสุขปลุกนิรันดร์๐.
๐ พิศยามเช้าบ่มเฝ้า เคล้ายั่วเย้ากิเลผัน
เกิดธรรมารมณ์พลัน เกษมสุขนั้นบรรเจิดกาล
๐ บุษบงแย้มกลีบโปรย ปนหอมโชยนาสิกผ่าน
อลงกตรองรับสรรค์ ต่างประสานเป็นหนึ่งเดียว
๐ หมู่สงฆ์เดินพรรณราย งามพริ้งขจายมิลดเลี้ยว
อนิษฐารมณ์เกาะเกี่ยว ดูเปล่าเปลี่ยวมวลลับพฤกษ์
๐ ผ่านสระบุษบงโปรย เกสรโชยฆานผนึก
หวนนำมาใฝ่ตรึก ผ่านรำลึกพระชินสีห์๐
๐ มณีแก้วแพรวเพริศแล้ว อนันตกาล
วิเวกผ่านโสตทวาร ลึกล้ำ
อุเบกขาประสาน ผนึกร่าง
จิตหนึ่งเดียวใฝ่ย้ำ สู่ซึ้งธรรมา บารณี.๐
๐ แก้วประเสริฐ. ๐