30 กันยายน 2553 19:58 น.
แก้วประเสริฐ
ห้วงรักจากพรหมทัต
๏ ห้วงรำลึกจากใจไสวกระจ่าง
ห้วงอ้างว้างแลเหลียวเปล่าเปลี่ยวหา
ห้วงแห่งรักฝากเพ้อละเมอมา
ห้วงกายาร้อนรุ่มสุมร้อนลน
๐ ใจที่ฉันเพ้อพร่ำย้ำความพลิ้ว
ใจละลิ่วอลวนปนสับสน
ใจหนอใจเหตุไฉนจึงกังวล
ใจยากทนครหานินทาเอา
๐ ฉันตรึกตรองมองค้นระคนเปลี่ยว
ฉันท่องเที่ยวค้นหาพาอับเฉา
ฉันเร่ร่อนทอดถอนฤทัยเรา
ฉันพบเศร้าฝากไว้หทัยครวญ
๐ มักแทรกแซงแฝงไว้ให้ชวนคิด
มักชวนจิตหมองหม่นปนกำสรวล
มักพานพบอ่อนไหวซึมซ่านชวน
มักปั่นป่วนยามพบประสบเธอ
๐ ถูกหรือผิดคิดไปยิ่งแสนเศร้า
ถูกความร้าวระทมบ่มไว้เสมอ
ถูกกระแสหวานฉ่ำพร่ำละเมอ
ถูกฝันเพ้อเสมอไว้ใจผู้เดียว
๐ ทอดถอนห้วงวิญญูสู่ความเปลี่ยว
ทอดคดเคี้ยวหัวใจสุดให้เสียว
ทอดความหวังฝากไว้ดุจใบเคียว
ทอดถอนเสี้ยวหัวใจคล้ายถูกคม
๐ ทิ้งความสุขทั้งหลายให้สิ่งรัก
ทิ้งสิ่งกักกั้นขวางสร้างเสกสม
ทิ้งทุกอย่างหวังไว้ใคร่ภิรมย์
ทิ้งขื่นขมฝากไว้ให้ฟ้าดิน
๐ เสมอรักฝากใจในห้วงฝัน
เสมอนิรันดร์แด่เธอเผลอถวิล
เสมอสู่เคียงไว้คล้ายห้วงชีวิน
เสมอนรินทร์กลิ่นหอมย้อมเวนไตย.๚ะ๛
* แก้วประเสริฐ. *
20 กันยายน 2553 15:03 น.
แก้วประเสริฐ
วิเวกหวาม
๐โสภีพนัสเพริศพริ้ง พรรณราย
ภูเทียบเมฆากราย เด่นล้ำ
สำเนียงสาดเสาะสาย ประหนึ่ง สังคีตแฮ
ล้ำเลิศพิลาสน้ำ ฝากย้ำซ่านใจฯ
๐ ยลโสมงามส่องฟ้า สุรีย์
เคียงคู่ม่านราตรี เจิดฟ้า
พริ้งพราวดุจมารศรี แจ้วเจื่อน จริงนอ
แสงโอบล้อมส่งหล้า ครอบคุ้งแลไสวฯ
๐ เนืองนองหอมกลิ่นพลิ้ว ลอยลม
บุปผาเบ่งกลีบชม สุดซึ้ง
ดุจดนุแนบภิรมย์ วลัญช์สู่ ห้วงเฮย
ม่านสีสาดแสงขึ้ง ฟากฟ้าคราโฉมฯ
๐ โอบอุ้มสีสลับฟ้า แวววาว
วิมานก่อเมฆพราว สิ่งย้ำ
สุวิมลนภาราว เริงร่าย จริงนอ
แฝงสลัดสิ่งห้วงย้ำ ลบเศร้าพลิกสนองฯ
๐ ม่านราตรีสบแล้ว จรุงจิต
เย็นเยือกดุจฟ้าสถิต ม่านแก้ว
พรมพร่างอเนกชีวิต พริ้งเพริศ ฤทัยเฮย
ซ่านหนึ่งสู่ใจแพร้ว บ่งไว้ครวญถวิลฯ
๐ ผ่านพนัสรัศมีฟ้า นวลเอย
สรรก่อม่านเปิดเผย ร่วมฟ้า
ราตรีสุดจะเฉลย เอื้อนเอ่ย กล่าวแฮ
ผันพลิกไว้หวังคว้า เฉิดนี้เคียงครองฯ
๐ วิเวกหวานผ่านพลิ้ว เลื่อนลอย
อเนกอนันต์เฝ้าคอย จากแล้ว
อนิจจาปักย้ำรอย หดหู่ ใจเฮย
โสมลับสิ่งเพริศแพร้ว คิดเอื้อมยากปองฯ
๐ วรางคณาแวววับฟ้า งามตา
กล่อมพฤกษ์ห้วงวนา สอดคล้อง
วิหคพร่ำครวญหา เชยคู่ เคล้าแฮ
ข้าดุจม่านแซ่ซ้อง หวนไห้ใฝ่ถวิล.:-
* แก้วประเสริฐ. *
17 กันยายน 2553 15:08 น.
แก้วประเสริฐ
คำนึงครวญหวนอาลัย
สลักฤทัยฝากไว้ในห้วงจิต
เสมือนลิขิตสร้างใจให้ผ่องใส
ก่อนจากมาฟ้าผ่องลำยองใย
แสนอำไพเจิดฟ้าคราก่อนกาล
เสียงคีร์เคาะสัญญาณสั่นระริก
สำเนียงพลิกผันผวนล้วนประสาน
ต้องเรียงร้อยสูงต่ำย้ำดวงมาน
สู่ตำนานแปลถ้อยร้อยอักษรา
คือซิกแนลเก่าก่อนอันย้อนยุค
เข้าประยุกต์เป็นเสียงเยี่ยงภาษา
ถอดเป็นคำสัญญาณที่ผ่านมา
เพื่อนำพาข่าวสารผ่านผองชน
เขาเรียกว่าโทรเลขเอนกประสงค์
ผ่านดำรงตรึกตรองกรองสับสน
รวดเร็วกว่าจดหมายไม่ปะปน
ใฝ่ปองจนก้าวหน้าฟ้าอำไพ
ครั้นต่อมาโลกาวิวัฒน์เปลี่ยน
โทรพิมพ์เวียนสื่อสารผ่านสดใส
ทั้งเทเล็กซ์แพร่หลายสิ่งไฉไล
สู่เปลี่ยนไปโทรภาพฉาบเรืองรอง
รุดก้าวหน้าดาวเทียมที่เยี่ยมยุทธ์
มือถือผุดสัญญาณสรรค์สนอง
ผ่านโลกไปโทรเลขไร้คนมอง
สิ่งเคยปองเวียนวนระคนกลาย
หวนคำนึงตรึกไปย้อนในอดีต
ล้วนผันสถิตย์ผลิตเก่งเหลือหลาย
เป็นใหญ่โตมโหฬารพลันละลาย
จวบสิ้นสลายสภาพเก่าเฝ้าโรยลา
สามสิบเมษาฟ้ามากำหนด
โทรเลขกลางหมดเวลามารักษา
เคยสื่อสารรุ่งเรืองประเทืองมา
สิ้นวาสนาสนองผองชาวไทย
น้ำตารินหยาดล่วงล้นทรวงอก
เคยวิตกสิ่งสล้างกลางสดใส
สถานที่เก่าฝากชีวิตจิตอำไพ
ผ่านวิไลสู่เกษียณจิตเวียนวน
ต่อนี้ไปโทรเลขไร้ชื่อแล้ว
เสียงเจื่อนแจ้วสัญญาณผ่านสับสน
ประวัติศาสตร์สื่อสารผ่านผองชน
สิ้นสุดจนหมดสภาพตราบนิรันดร์
อดีตกาลผ่านย้อนหวนชวนให้คิด
แนบตรึงจิตล้วนวันวลัญช์นุสร
ย้อนคำนึงซึ้งถวิลจินต์อาวรณ์
ห้วงสะท้อนย้อนคืนสอื้นน้ำตา
มิอาจกลับมาแล้วเจ้าแก้วเอ๋ย
สิ่งมิเคยพรากจากฝากหรรษา
ดุจธุลีดินสายลมพร่างพรมมา
โลกพัฒนาเปลี่ยนแปลงแสลงใจ
มองภาพเก่าเคล้าคนึงซึ้งแก่นจิต
เสมือนลิขิตจากฟ้าคราลับไสว
โทรเลขกลางเอ๋ยเคยเผยความนัย
สูญสิ้นไปหมดแล้วแผ่วดวงจินต์.
* แก้วประเสริฐ.*
14 กันยายน 2553 15:46 น.
แก้วประเสริฐ
กำสรวลอารมณ์.
๐ วิเวกหวานแว่วซ้อง คีตะก้องสิ่งเฉิดฉันท์
วาบหวิวพลิ้วรำพัน หวนคำนึงซึ้งนวลนาง
๐ ซ่านไผ่ลมโชยผ่าน ประกอบสรรค์สิ่งสล้าง
หอมกลิ่นโชยริมทาง ชื่นนาสาเคล้าคลอถวิล
๐ โลมรักในห้วงลึก ท่ามไพรพฤกษ์ผนึกจินต์
คิดถึงกระแสสินธุ์ หยอกเย้าพร่างกลางโขดหิน
๐ ดุจนางหวังไขว่คว้า ต้องโรยลาคราลับสิ้น
ฟังเพลงโหมระริน กลางพนามองหาดวงดาว
๐ นวลจันทร์อันอำไพ พริ้งพราวไสวในห้วงหาว
ทอแสงเพริศพรายพราว ระยับระยิบขอบฟ้า
๐ ดาวน้อยลอยเคียงคู่ เคล้าคลอพธูสู่เสน่หา
ดุจฉันคล้ายดารา รักแลหายกลายเป็นปม
๐ ราตรีนี้งามเด่น หอมกลิ่นเย็นสรรเสกสม
นกร้องคลอภิรมย์ แสนกำซาบอาบสู่ทรวง
๐ คีตะแห่งพงไพร โอ้เหตุไฉนย้อมใยยวง
บ่วงรักอลวนปวง รินหลั่งพล่านกลั่นซาบซึ้ง
๐ อวลกลิ่นโรยรินสวาท ปลุกภาพวาดอาบอกตรึง
คลอเคล้าลมอึงคนึง ฟุ้งซ่านเย้าร้าวอารมณ์
๐ อกเอ๋ยราตรีนี้ ป่วนฤดีม่านใจตรม
ห้วงรักแสนขื่นขม หวังคลายสิ่งอิงไพรพนา
๐ มองจันทร์แลเคียงคู่ กับยอดชู้กลางเวหา
ดาวรักเผยนัยน์ตา ม่านเสน่หามิร้างไกล
๐ ใยฉันนั้นหมองจิต อยากใกล้ชิดคิดเพียงใจ
สายลมผ่านพฤกษ์ไพร ไพเราะเสียงเยี่ยงดนตรี
๐ กล่อมฤทัยให้หายเศร้า กลับร้อนผ่าวห้วงชีวี
โลมรักแสนมากมี บัดนี้ร้างกลางเวหา
๐ อกเอ๋ยจะทำไฉน ยากมีใครจะไขว่คว้า
เสมือนเจ้าหนีจากลา พลันพลิกห้วงบ่วงหนีจร
๐ ฟังเพลงคีตะไพร ลมแกว่งไกวคล้ายอรชร
หยอกเย้าแสนร้าวรอน พรากหญิงงามสิเน่หา
๐ ดุจแสงของเดือนดาว ช่างอะคร้าวลับโรยลา
เหลือไว้เพียงจินตนา สุดเวิ้งว้างกลางสายลม.:*
* แก้วประเสริฐ. *
9 กันยายน 2553 16:49 น.
แก้วประเสริฐ
รักหรือชัง
๐ อนิจจาอนิจจังอย่าหวังไว้
แปรเปลี่ยนไปมิสิ้นจินต์ปรารถนา
เดี๋ยวก็สุขมากทุกข์คลุกตามมา
ยากจะหาเที่ยงแท้ไม่แน่เลย ฯ
๐ มวลแห่งโลกแฝงไว้ในสิ่งสร้าง
ยากจะขวางกีดกั้นนั้นมาเฉลย
แฝงรูปธรรมนามธรรมจนกล้ำเกย
ดุจดังเคยหอมเหม็นเช่นกายเรา ฯ
๐ รวมความไว้ประเด็นเน้นสองอย่าง
พลิกผันวางห้วงจิตผลิตสิ่งเขลา
เป็นบ่อเกิดรักชังประดังเอา
โลดแล่นเร้าอารมณ์ยากข่มวาง ฯ
๐ มวลสิ่งชอบกอบเกื้อเอื้อสิ่งรัก
จนบ่วงปักเป็นแก่นแน่นยากขวาง
สร้างรูปธรรมพอกจิตยากคิดจาง
อีกสี่อย่างตามชิดแนบสนิทกัน ฯ
๐ เวทนาสัญญาสังขารประดิษฐ์
ผูกเป็นจิตวิญญาณอันจัดสรร
ล้วนเนื่องจากตัณหาราคะวรรณ
เข้าพลิกผันหมกมุ่นกรุ่นภายใน ฯ
๐ เกิดเป็นรักกับชังฝังสู่ห้วง
ร้อยรัดบ่วงวิญญูครองปองใส
อายาตนะจัดสนองครองสร้างไป
แล้วหลงใหลเป็นทุกข์ปลูกฝังเรา ฯ
๐ จนเกิดการสับสนอลวนโลก
ล้วนบริโภคฝากไว้ในสิ่งเฉลา
ครั้นแปรผันเป็นชังหวังมุ่งเอา
เรืองรองเฝ้าแฝงไว้ให้เลือนราง ฯ
๐ อดีตชาติก่อกรรมนำวัฎฎะ
เป็นสาระแห่งเวรเน้นมาสร้าง
เกิดรักชังสู่จิตปลิดแนวทาง
ที่จะวางดีงามนำมวลธรรม.ฯ:-
* แก้วประเสริฐ. *