๐ งามแม่เอย ๐ ๐ อุระต้องสะท้าน นวลเอย แวววับยวนจักเผย เต่งสล้าง พิจิตรกึ่งรำเพย หอมแผ่ จ่างแฮ พิศเพ่งพิลาสค้าง เหม่อเจ้าซ่านสรวงฯ ๐ ระยิบพรั่งบ่ร้าง บงกช สยายแม่ อวลกลิ่นฝากรินรด สู่ไว้ สุดห้วงสู่ใฝ่จรด เกสร หอมแล ยลวาบป่วนคลั่งไคล้ ซ่านซึ้งใฝ่ถวิลฯ ๐ ชูเบียดแดงเบ่งล้ำ ขจรนาง ยากจักแล้วผ่านวาง หลีกน้อง ซิก่อเกิดตรงกลาง สุดซ่าน นวลแม่ ขาวผ่องผิวแสงต้อง ผ่านไล้ถวิลหวนฯ ๐ ระวีส่องผ่านพื้น ฉาบอนงค์ ไสวเฮย รินรดเกสรยง แผ่ล้ำ อวลอบมิลดลง สานต์ก่อ มวลนาง ฟุ้งกลิ่นขจรย้ำ ลึกล้ำใฝ่สนองฯ ๐ พิศกลีบไห่ป่วนย้ำ ทวีคูณ หวังก่ออวลเกื้อกูน ฝากบ้าง พรั่นระริกอาดูร นวลย่าง หลบแฮ บึ้งสู่ห้วงมิร้าง วาบแล้วนวลสยายฯ ๐ ฉาบรินรดกลิ่นไล้ จากอนงค์ แน่นเฮย ชูช่ออุระคง คลั่งไคล้ เหม่อหอมกลิ่นยืนยง อาบซ่าน ทรวงนอ คงอยู่ล้วนกลิ่นไซร้ ผ่านเนื้อแนบสวรรค์ฯ ๐ อกเอยเผยเช่นนี้ ป่วนใน กานต์ส่งวามคลั่งใจ สั่นแล้ว ยลนึกพรั่งพราวไสว คลุ้มคลั่ง ฤทัยแฮ บงกชเด่นชูแพร้ว วาบฟ้าพลิกสรวงฯ ๐ อูมสิ่งยวนผ่านแล้ว ป่วนครอง นวลเอย เหลือสิ่งอวลใฝ่สนอง พลิกไว้ คอยปองเหม่อสู่มอง หวนกลับ คืนเฮย งามแม่บงกชไล้ ลูบย้ำผ่านสรวง.๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *
* ม่านฟ้าแก้ว * ๐ แพรวพราวพิลาสล้ำ ระดะฉ่ำสะกอมา ตะละแม่ผันพา บงกชตั้งชูช่อลมฯ ๐ ระริกไหวพรายเลื่อม ยากจะเอื้อมสิเน่หา วจีหวานแว่วโรยลา สั่นซึ้งห้วงสะท้านกมล ๐ วิวัฒน์ต้องแสนถวิล บ่มดวงจินต์วิเวกหมอง อุระแก้มดั่งเรืองรอง มาละแล้ววัฒนาจร ๐ ภุมรินดุจปิ่นเกศ มุ่งไศลเขตเฝ้าเชยชม ม่านแก้วซิขื่นขม เหม่อแลจ้องสุดสิ้นหวัง ๐ รัชนีไสวปรายฟ้า แวววับมาปั่นห้วงตรม ซ่านถวิลจินดารมณ์ แทบมล้างลับเลือนหาย ๐ ตะลอนดวงซิย้อย หวังเรียงร้อยบ่มิชม ดั่งอกสิระบม อุ่นไออยู่แลวับเรือง ๐ ผกากลิ่นดาระดาษ แสนพิลาสสาดภิรมย์ บงกชซิลอยลม มารุตล่องพิไลปอง ๐ กลิ่นเอยฟ้าเอ๋ยฟ้า สิเน่หาวกวนเว้า ชูช่อเต่งตึงเย้า หอมสู่ห้วงมิแลสลาย ๐ ยิ่งมองยิ่งปั่นป่วน ระดะล้วนยากคว้าไขว่ ฉวีผ่องนวลวิไล ซิแม่เจ้าบ่อาจลา ๐ หอมเอยหอมผดุง ระดมพุ่งขจรขจาย นาสิกซ่านวนกลาย มิอาจเอื้อมแม่แชเชือน ๐ ฟ้าหม่นพบหอมกลิ่น ระริกถวิลห้วงมิคลาย ซ่านซึ้งแผ่คลุมหทัย ย้ำฝากชมแค่สายลม ๐ ฟ้าเฉิดนวลแนบเนื้อ มิอาจเกื้อลบรอยหมอง ม่านเอ๋ยใยยึดครอง ซิมาร้างกลางดวงแด ๐ บงกชสองแลสล้าง อกกับร้างปั่นป่วนถวิล ผ่านไล้โลมฝากดิน แลลับแล้วป่วนอารมณ์. * แก้วประเสริฐ. *
โอ้แม่จ้าแม่ * เพียงหนึ่งหยดน้ำนมผสมเลือด แม้นแห้งเหือดอุราหาแฝงโหย รินหยาดสู่ร่างน้อยเฝ้าคอยโกย สองเต้าโปรยธาราหาหมองใจ เพื่อลูกน้อยที่รักมิพักจิต ดวงใจคิดเสน่หานำมาให้ ใฝ่ภิรมย์ชมชื่นระรื่นไป สิ่งสดใสมอบไว้แก่ลูกยา แม้ท้องฟ้าพสุธามหาสมุทร กว้างไกลสุดลึกล้ำยามค้นหา ทั้งเพชรพลอยน้อยค่ากว่ามารดา สิ่งล้ำค่าหาเทียบเปรียบน้ำนม แม้แต่เทพเทวัญทุกชั้นฟ้า อีกศาสนามวลเผ่าเข้าสะสม รวมถึงปวงแว่นแคว้นแดนอุดม ยากเทียบนมมารดาค่าหยดเดียว เขาเปรียบแม่นี้ไว้คล้ายพรหมเทพ ที่ป้อนเสพย์แก่ลูกมิฉุนเฉียว ล้วนเมตตากรุณารักฝ่ายเดียว ยากหนีเลี้ยวผองภัยได้คุกคาม สิ่งใดผิดรับไว้ในทรวงอก แม้ช้ำฟกนอกในไม่เข็ดขาม ยกย่องลูกรักไว้ใครอย่าลาม ยิ้มย่องยามลูกสุขทุกข์ไม่มี พระคุณนี้ยากแท้แลไม่เห็น ดุจดังเช่นปิดทองใต้ชินสีห์ ถ้าไม่ทุกข์จนใกล้วายชีวี ยากจะมีใครเห็นเช่นดังเงา อกแม่นี้ใครเล่าจะเข้าหา ไหว้มารดาอุ้มชูดูแลเขา กตัญญูผู้มีคุณช่างบางเบา ทิ้งแม่เราหนีร้างช่างแชเชือน.* * แก้วประเสริฐ. *
๐ โคลงเคลงเน้อ ๐ ๐ ตามตำรากล่าวไว้ ในโคลง เอกเจ็ดโทสี่โยง เชื่อมไว้ ผันพลิกดั่งตอกโลง สี่เหลี่ยม เกิดแฮ ฉันทลักษณ์แนบคล้าย หยิกเนื้อเรียมสงวนฯ ๐ กกกดกบสื่อนั้น คำตาย แทนนอ บ่ผิดดั่งดื่มไวท์ ร่วมใช้ รสชาติมิกลับกลาย เสียงเอก นาแม่ หอมจูบกลิ่นแก้มไซร้ แนบเจ้าเคล้าสนองฯ ๐ คำเป็นเด่นชัดแล้ว จงจำ ปั่นป่วนจนมากขำ แน่แท้ ซึมแทรกซ่านดุจยำ หมุนก่อ ป่วนแฮ ผสมผิดดั่งจักแร้ หมกไว้กลิ่นโชยฯ ๐ เสียงโทอย่ายุ่งเคล้า ที่เดิม เชียวนา รู้สิ่งนั้นห้ามเสริม แม่เจ้า ระวังสิ่งเพิ่มเติม สอดแทรก ซ่อนนา ไวท์ดื่มแล้วคลอเคล้า นวลเนื้อสู่สวรรค์ฯ ๐ คำเป็นมักเด่นล้ำ อักษรา กงกอบกมเกยมา ซ่อนแล้ว กนวอว่ายเพียรหา เกยวอยู่ จริงนอ อำส่งพวกไอแคล้ว ยากลี้เอาสนองฯ ๐ ผสมสานกันกอดน้อง นางนวล ไสวเอย นั้นนอกดุจตายชวน- เอกไว้ หลบคำหลีกอบอวล พยอมกลิ่น โชยแฮ จงพร่ำคำเป็นไซร้ สิ่งนี้ดุจสรวงฯ ๐ ดุจดื่มไวท์ชุ่มชื้น หอมถวิล จำมากสมองโรยริน เสื่อมสิ้น ล้วนปั่นป่วนจักกวิน เวียนก่อ อ๊วกเฮย โคลงเลี่ยงหลบหลีกลิ้น รสสิ้นขับขานฯ ๐ สำนวนคำเล่นแล้ว ปวดใจ จริงนอ วนก่อยากผ่องไสว แน่แท้ แนวกลอนแปดอำไพ พลิ้วอ่อน งามเฮย ชุ่มชื่นหวานหอมแล้ จูบเจ้าซ่านสวรรค์๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *
๐ โอ้ฟ้าเอ๋ย ๐ ๐ เหลือบแลสิ่งเรียกร้อง พราวนวล จริงเฮย แสงสีช่างรัญจวน เสน่ห์ล้ำ อกสั่นป่วนพลิกหวน ผสานก่อ มากนา ยิ่งเพ่งพิศห้วงย้ำ ไห่ซึ้งซ่านถวิลฯ ๐ สว่างเอยใยเด่นฟ้า โสมไสว หวามวาบห้วงฤทัย เพรียกร้อง พิศเพ่งยิ่งวิไล เกิดก่อ บ่วงนา ช้ำชอกยากใฝ่คล้อง นวลเจ้ายากเสมือนฯ ๐ ลึกล้นยามสิ่งล้ำ ยามมอบ สราญเอย ย้ำซ่านผ่านวนขอบ จรดฟ้า มธุรสส่งเวียนรอบ เหลือสิ่ง ขนานแฮ ฤาแลพี่เพียงหล้า ยากคว้ามาสนองฯ ๐กังสดาลเสียงสดซึ้ง ลอยลม ขมขื่นห้วงระบม ซ่านคลุ้ง สู่ทรวงซ่านอกตรม มากยิ่ง นางเอย ระริกสั่นใจฟุ้ง ครวญซึ้งทรวงในฯ ๐ รำเพยโชยผ่านไซร้ ราตรี งามแฮ อวลตลบเปล่งรัศมี เจี่ยนไห้ ม่านระยับบ่มทวี สานก่อ หทัยแฮ ยากเอ่ยคำคลั่งไคล้ แนบเนื้อใจปองฯ ๐ ผ่านโปรยอบอวลฟ้า กลิ่นพยอม หวนสิ่งเคยดมดอม ยากแล้ว อกเอ๋ยอกสุดตรอม หวนนึก นวลแม่ คงเปี่ยมสุขเพริศแพร้ว เบ่งล้ำปทุมมาลย์ฯ ๐ ขาวนวลผ่องแขน้อย เมฆินทร์ บังแฮ เคียงคลอหวังยุพิน จากฟ้า เศร้าซึมซ่านโรยริน ผ่านลับ สลายเฮย ปิดฉากยากไขว่คว้า สุดซึ้งครวญถวิลฯ ๐ หวานคำนึงสู่ไว้ โรยลา คงสุดสิ้นวาสนา แด่น้อง พราวระยิบชวนหา วาวส่อง ไสวแฮ สิ้นสิ่งใจเรียกร้อง แลเจ้าเคล้าโพยม๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *