๐ หยาดเทียนหยด ๐ ๐ คลองสานสานก่อแล้ว นงค์เลิศ จริงเฮย ระดะแวววับเชิด สุรสีห์ พร่างแพรวเปี่ยมงามเฉิด ก่อเกิด หญิงแฮ แสงวับจับหมื่นลี้ มากห้วงอนันต์กาลฯ ๐ งามดั่งจรุงฟากฟ้า ควันเทียน วูบวาบแพรววับเนียน แนบล้ำ ฝากสิ่งหลีกเบียดเบียฬ ล้ำลึก ธรรมก่อสานแนบย้ำ สู่ห้วงดวงกมลฯ ๐ พิลาสวจีเอ่ยเอื้อน ฝากคำ ภวังค์แฮ ฟ้าแนบควันจรุงนำ บ่วงฟ้า อวลวนสิ่งงามขำ เผยแผ่ ฝากเฮย ล้ำลึกมิอ่อนล้า แนบล้ำนวลถวิลฯ ๐ ประกายแก้วพร่างฟ้า คนึงอวล ล้ำม่านฝากไห่ชวน ผนึกสล้าง ฤากลิ่นฝากแนบนวล สรรก่อ หอมซ่านมะลายล้าง ชั่วพ้นแนบสวรรค์ฯ ๐ วิบวิบฝากหยดแพร้ว สรวงหยาด งามเฮย เทียนหลั่งธรรมพิลาส มณีย้ำ อวลอบกลิ่นเบญจมาศ พราวโชติ อวลแฮ ผกาจ่างดั่งเทียนล้ำ เยี่ยมฟ้าเลิศพรายฯ ๐ บงกชขาวพร่างล้วน กานต์ไสว ควันธูปหอมคลอไล้ นวลแก้ว วิไลเฉิดแกว่งไกว สรรเสก ชินสีห์เปล่งนางแพร้ว พลิกฟ้าเปลี่ยนทางฯ ๐ เฮยเอยงามมากล้ำ นภากาศ อวลนา ซิแม่เจ้าเพียงวาด ขจรซึ้ง หยาดเทียนหยดมณีสาด สูงเด่น ฟ้าเฮย วาววับแววสว่างบึ้ง สู่ห้วงธรรมสนองฯ ๐ นวลนางใยงามซึ้ง ธรรมแฮ ไสวสว่างดุจดั่งแข แผ่สล้าง แววเทียนวับจักแล เพริศก่อ เทียนหยดมิอ้างว้าง ก่อฟ้าสู่สวรรค์.๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *
สุดที่รักเอย ๐ โอ้ความรักยอกย้อน ห้วงสะท้อนสุดไขว่หา สุดเขตขอบห้วงนภา ซ่านระริกพลิกทาบทรวง ที่เชยยากหวนกลับ แวววาววับยากสิ่งหวง รักเอ๋ยมิขอทวง กลับแลร้างล้วนห่างจรฯ ๐ ฉันมองนภากาศ ดารดาษแพรวพราวไสว จะแลใคร่มอบใจ หมองสิ่งลวงผ่านบ่วงตรม ขอเป็นแค่ชายหนึ่ง ที่รำพึงแสนระบม รักเธอแม้นหมายชม สะทกสะท้านหวั่นฤดีฯ ๐ เธอเป็นดุจนางฟ้า ยากจะคว้าแม่มารศรี เพียงแลชะแง้นี้ อกสะท้านลั่นทรวงใน เท่านี้พอหรือแล้ว ส่งเสียงแผ่วเธอลับไป ฟ้าเจ้าเคล้าสดใส ฝากโหยหาเข้ามาแทนฯ ๐ แม้จันทร์ยังเยาะเย้ย หลบลับเฉยดั่งหวงแหน รักเจ้าหาใดแทน สู่ห้วงข้าซิมาตรม นี้หนึ่งซึ่งนวลน้อง ใฝ่เคยปองผ่านพลิกขม สิ้นแล้วสิ่งเชยชม รัญจวนไว้ในทรวงข้าฯ ๐ จากสิ่งที่เคยสร้าง มาลบล้างคร่ำครวญหา ความรักแสนโรยลา ดุจฟ้าขาดดาราพราย หวังไว้คลายพลิกหวน ซ่านรัญจวนฟุ้งกระจาย ใดใดซิกลับกลาย มาร้าวร้างจากดวงแดฯ ๐ รอคอยหวังหวนกลับ คืนเหย้ารับกลับปีใหม่ เพียงเธอใยห่างไกล พลิกรับขวัญอันฟุ้งซ่าน ว่ารักที่เคยเปลี่ยน แต่กลับเวียนมาขับขาน เธอกล่อมเพลงเนิ่นนาน สิ่งสุดปลื้มปลุกห้วงใจฯ ๐ รับสิ่งแสนห่วงหา เพื่อนำพาทางสดใส รู้สิ่งความอาลัย ที่ฝากเคล้าเฝ้าระทม ในด้านความรู้สึก ฉันรำลึกจนขื่นขม ใจหนอผ่านอกตรม อย่าหนีร้างอีกนักเลยฯ ๐ ว่ากระแสแผ่ซ่าน จากวันวานมาตรงนี้ ฉันเองปวดร้าวฤดี ยากเย็นแล้วแผ่วร่ำขาน รักเอ๋ยจงมาพบ อย่าร้างลบจนทรมาน เธอสร้างสู่ดวงมาลย์ ปีใหม่แล้วหยุดเสียที๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *
๐ จิงกะเบล ๐ ๐ จิงกะเบลแซ่ซ้อง ราตรี พูนส่งพัฒน์สวัสดี ค่ำนี้ ชูพราวเชิดแสงสี ไสวสว่าง ก้องกึกยากหลีกลี้ ลับร้างห่างจรฯ ๐ เด็กเด็กอิ่มเอิบแล้ว คอยมา หลังเที่ยงจักหรรษา มอบเจ้า ซันตาคลอสเมตตา ของขวัญ ปีหนึ่งพึงคลอเคล้า ฝากให้จากสรวงฯ ๐ หิมะโปรยคลุกเคล้า พรั่งพรู เย็นเยือกแผ่ซ่านชู มากแล้ว พระเยซูเอ็นดู สรรก่อ เบลเบลเสียงงามแจ้ว ตื่นเต้นรอฉลองฯ ๐ กวางทองแถวเรียงพลิ้ว อัศดง บุกฝ่าแนวสนตรง สู่บ้าน งอนรถลากครึ่งวง บรรทุก ของขวัญกว่าหนึ่งล้าน แจกแล้วบ้านไสวฯ ๐ พระบิดาโปรดแล้ว พระบุตร หน้าผากไหล่ทรวงฉุด กล่าวแล้ว อาเมนกล่าวนำรุด ก้มก่อ หวังรอสิ่งงามแพร้ว ค่ำนี้คงสนองฯ ๐ วาบหวามยามกึกก้อง แว่วมา เด็กเด็กเฝ้าหลับตา สุดซึ้ง ของขวัญพระบิดา ส่งมอบ ซันตาคลอสให้จากบึ้ง ฝากไว้ในสวนฯ ๐ เบลเบลดังอีกแล้ว สวัสดี หมู่เหล่าครองเปรมปรีดิ์ สุขสล้าง พ่อแม่ต่างเกษมศรี ก่อเกิด ไกลห่างมิอาจร้าง แซ่ซ้องซ่านฉลองฯ ๐ คริสมาสต์ปีใหม่นี้ แพรวพราว สมานสามัคคีกราว เพริศพริ้ง ไก่งวงเปื่อยสืบสาว ยากบ่ง ชิ้นมากน้อยล้วนกลิ้ง ผ่านท้องของขวัญ๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *
* ยลลดาวัลย์ ๐ ๐ รัชนีสีทอทาบ นวลไหววาบฉาบห้วงกมล ผกาแก้วแผ่วปะปน โชยหอมกลิ่นลูบแผ่วไล้ ๐ มัณฑนาขาวพราวพริ้ง แดงอวลสิ่งทอซึ้งไสว ชมพูเบ่งบานไกว บุณฑริกชวนหอมชื่นแลฯ ๐ รัชนีหวนทาบฟ้า พฤกษ์ผกา ดอมเอย ลดากลิ่นอวลหรรษา แนบย้ำ ท่ามมวลไม้ลัดดา พลิกสู่ ใจแฮ หอมกลิ่นมัณฑนาย้ำ อวลฟ้าแขสนองฯ ๐ ประหนึ่งแนบดั่งน้อง คู่เคียง ชิดเฮย หอมแผ่วคลอจำเรียง ซ่านซึ้ง อกไออุ่นแนบเคียง หอมยิ่ง นาแม่ อวลอบจากลึกบึ้ง ผ่านน้องแนบสรวงฯ ๐ กาบผกาบานเบ่งล้ำ ฝากดิน สวรรค์แฮ อวลตลบห้วงดวงจินต์ ม่านฟ้า พระพายพัดล้วนกวิน จากแม่ ดอมเฮย ระริกสั่นเพียรคว้า แน่งน้อยมวลหอมฯ ๐ แดงขาวชมพูย้ำ เหลืองตรึก แขเฮย บานเบ่งบุณฑริกนึก ลูบไล้ แย้มหอมกลิ่นฝังลึก ตลบกลีบ ขจรแฮ วาววับห้วงคลั่งไคล้ เด่นเย้าวาบสนองฯ ๐ ดาราพรายพริบเคล้า ม่านเฉลย จริงนา มัณฑนาดั่งชวนเผย คลอเคล้า กลิ่นน้องแนบเอื้อเชย หอมก่อ ซ่านแม่ ซึ้งซ่านหอมนั่งเย้า ต่อน้องเคียงสรวงฯ ๐ บุณฑริกเผยยั่วเย้า มัณฑนา อวลเฮย เผยกลิ่นหอมชวนหา หยอกเนื้อ ชมพูใฝ่แดงหรา ขาวก่อ ม่านแฮ เหลืองเปล่งหนุนสู่เอื้อ มุ่งเคล้าผ่านสรรค์ฯ ๐ ซ้ายแลขวามุ่งคว้า นวลนาง ดอมแฮ พิศเพ่งยากอำพราง หลบไว้ มัณฑนาซิหันวาง คมเกี่ยว สู่นา ดั่งมีดลงคลั่งไคล้ จากน้องงามสงวนฯ ๐ บุณฑริกผันฝากเอื้อ พลิกชม แม่นา อวลอบเกสรพรม ซ่านซึ้ง มัณฑนาใฝ่ให้ดม สืบก่อ หวังแฮ หอมสุดจากห้วงบึ้ง สู่เคล้าสิ่งสนอง๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *
ห้วงลึก คล้ายตะวันแลลับขับมวลสี เหลี่ยมมณีทอแสงวับแวมฉาย เพริศพริ้งแห่งมยุรีที่ย่างกราย ต่างกรีดพรายอ้อล้อส่อระบำ แสงแห่งโสมประดับกับเวหา มวลดาราพราวพริบระยิบฉ่ำ ม่านวิหคเหินหน้าพาฝูงนำ ต่างส่งย้ำทำนองซ้องดนตรี ใกล้แล้วหนอรัตติกาลขานไสว ตะวันไล้เหลี่ยมมุมพุ่มพฤกษ์ฉวี เหลือเพียงแสงวอมแวมแซมรวี แสงอัญมณีลาลับกลับเมืองแมน โลมรำลึกนึกวันแสนสดชื่น ที่ชื่นมืนฝากลงตรงหวงแหน ผันพลิกวนวกเอาเฝ้าดินแดน ช่างแร้นแค้นหนอใจในไมตรี ก่อนเก่านี้บินหลาถลาผงาด ลุล่วงพลาดต่อวันอันเกษมศรี พลันจุดอับนำมล้างห่างคนดี เหลือชีวีดั่งมณีริดลอนคลาย สิ้นแสงแล้วตะวันอันกระจ่าง คงสิ่งร้างหมุนแทนแน่นสลาย แลมองฟ้าสู่ฟากฝากเดียวดาย สู่สิ่งมลายวกหวนชวนรัญจวน สองฟากฝั่งไล้ใจจนคล้ายเศร้า ตะวันเล่าเคล้าหม่นรอนลิดหวน ด้านมุมหนึ่งแสงแขแผ่แสงนวล ที่คนป่วนสองด้านพล่านอารมณ์ หลับตาลงมิมองสองแนวฟ้า มิอำลาแล้วเริ่มเสริมเหมาะสม โอ้เหตุไฉนฝากบ่วงห้วงระบม ซึ่งระทมใยสนองปองวิญญาฯ. * แก้วประเสริฐ. *