29 พฤษภาคม 2552 14:57 น.
แก้วประเสริฐ
*** ราชิกา ***
แขเอยหากเปรียบแม้น นวลอนงค์
แสงส่องคงปลิดปลง แน่แท้
ฉวีสวยมาดหยั่งคง ขาวผ่อง เจ้าเอย
สาวสดงามหวั่นแม้ เทียบพริ้งแมนสรวง ฯ
ละอองนวลสวยพริ้ง งามผ่องยิ่งเทียบบุบผา
ยากเหลือกล่าวรจนา กลิ่นหอมเย้าโปรยระริน
ติดตรึงซึ้งหทัยยิ่ง สวยกว่าหญิงสิงสู่นรินทร์
ตลึงสิ่งสุดดวงจินต์ อยากใกล้ชิดเคล้าแนบกาย
อกเอ๋ยอกยากไร้คิดใฝ่ฝัน เพียงแต่วันมุ่งพิศจิตสลาย
ขาวผ่องเนื้อนวลชวนให้มลาย ฝันปองคลายยิ่งคิดจิตระบม
รัญจวนปรายซึ้งสุดห้วงดวงใจ พันผูกไว้ดั่งคล้ายให้ขื่นขม
เพียงแค่คิดฝากไว้ให้ระทม เหมือนเงาปมมาแยกแทรกในทรวง
สวยจริงเพริศสิ่งแพร้ว พรรณราย จริงเอย
หลบหลีกหนีพ้นกราย แม่เจ้า
หิมะลบยากสลาย ผิวผ่อง จริงแฮ
ท่วงท่าเลิศล้ำเคล้า ชดช้อยปานอัปสร
คิดอยากโลมใจเจ้า เพียรฝันเฝ้าหมายคลึงครอง
วิวัฒน์มิเรืองรอง แสงสอดสล้างกลางเวหน
วนเวียนว่ายพิศอนงค์ แม้นเงาคงยามเวียนวน
ป่วนจิตปองสับสน ลอยลับนับกลับแลเลือน
คิดใฝ่ฝันเปลี่ยนสิ่งอิงเหตุไฉน อนงค์นารถไกลสิ่งซึ้งพึงเสมือน
ช่างสุดแสนไกลยากคล้ายเตือน เสน่หาเลือนคว้าเอาเคล้าแต่ลม
หรีดหริ่งเรไรขจายสำเนียงก้อง ยากจะร้องหาเจ้าเฝ้าเฉิดโฉม
มาดแม้นส่องแสงแฝงประโลม แขพร่างพรมมิเทียบเปรียบราชิกา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
27 พฤษภาคม 2552 17:44 น.
แก้วประเสริฐ
*** โศกเอ๋ยโศก ***
ระบัดใบกิ่งโศกที่โยกไหว
วูบดวงหทัยรำพึงสู่ตรึงฉนวน
อกสะท้านความคิดให้จิตชวน
โอ้ปั่นป่วนยิ่งนักประจักษ์กาย
สิ่งล้วนเวียนผันจิตมาคิดย้อน
ยากวิงวอนคืนเก่าแปรเฝ้าขยาย
ล้วนนำพาหวานฉ่ำยากล้ำกราย
สูญเสียดายความหวังเวิ้งว้างใจ
ดั่งใบโศกลอยพลิ้วละลิ่วฉงน
ปลิวพรากต้นแลลับยากนับไสว
ปราศโรยล่วงระยับประดับไพร
น้ำค้างไหวหยาดสล้างสู่กลางขจี
สุริยันจันทราผ่านมาสนอง
แสนเรืองรองอำไพเลิศในฉวี
ฝนละอองวาวส่องดังต้องมณี
แววเปรมปรีดิ์เจิดจ้าที่ฟ้าพรม
บัดนี้หนอแปรเปลี่ยนมาเวียนผัน
มากเหหันสรรค์ร้างมาสร้างสม
เคยเขียวชอุ่มลุ่มลึกงามตรึกชม
สิ้นอภิรมย์กลายลับยากกลับคืน
ใบหลุดล่วงลอยลับคอยนับโศก
ความวิปโยคเหมือนเรามาเฝ้าฝืน
แต่มิอาจพลิกฝันเปลี่ยนวันคืน
ทรวงสะอื้นมองใบที่ไกลลับ
ความผันผวนยิ่งมองละอองเศร้า
โลดแล่นเร้าอารมณ์ห้วงตรมขับ
ภิรมย์เคยหวานล้ำกรายย้ำพับ
มิอาจนับต่อกาลเคยสราญฤดี
บัดนี้หนอกายเราแสนเฝ้าหมอง
งามเคยก้องทั่วแคว้นแม้นสักขี
เคยเลิศล้ำงามสง่ามาเปลี่ยนทวี
ดุจใบที่พรากต้นหมองหม่นใจ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
24 พฤษภาคม 2552 11:55 น.
แก้วประเสริฐ
** ยอดหญิง **
ยอดกุลสตรีล้ำค่าหาใช่โฉม
นวลประโลมโน้มใจสุดใฝ่ฝัน
ปราศยึดมั่นปรุงแต่งแฝงกำนัล
หรือรำพันพึงสิ่งอิงหมายปอง
หญิงรัญจวนชวนสนิทกับเล่ห์รัก
หลงประจักษ์ต่อสิ่งระวิงสนอง
เพื่อจะสร้างรูปงามเมื่อยามมอง
หวานล้วนจ้องปองผลหวังดลใจ
หมายหลายสิ่งฝากไว้ในห้วงจิต
หวังนฤมิตมุ่งสร้างกลางสิ่งไสว
สรรค์สู้หาปรุงแต่งพักตร์จักวิไล
กรีดกรายไว้มุ่งหวังสร้างผลงาน
ภายในบ้านรุงรังช่างหัวเถิด
เพียงเลอเลิศกายาฝ่าหอมหวาน
งานครัวเล่าสกปรกรกสามานย์
ซื้อเขาทานดีกว่าหาหมายปอง
ความเป็นหญิงหาใช่ในรูปลักษณ์
ปราศสนพักตร์กายีฉวีมากผอง
สู้หวังสิ่งสร้างบ้านนั้นใฝ่ครอง
สรรค์เรืองรองกุลสตรีที่งดงาม
เพียรศึกษาค้นคว้าผ่านฝึกฝน
ปฏิบัติตนเรือนงามล้ำเกรงขาม
หมายกลัวคนนินทาว่าเลวทราม
ที่เหยียดหยามเรือนร่างละห่างใจ
ล้วนกิริยาท่าทางพลางหยดย้อย
เดินอ่อนช้อยเพริศพริ้งอิงสิ่งไสว
ปานประหนึ่งหงส์ทองผ่องอำไพ
พลิ้วไฉไลเลิศลักษณ์ประจักษ์มณี
ถ้อยสำเนียงวจีคำล้วนความคิด
แฝงประดิษฐ์ยามฟังสร้างศักดิ์ศรี
เสียงหญิงแผ่วอ่อนหวานซ่านฤดี
เปรียบงามที่แพรวพราวเร้าใจคน
หญิงทั้งหลายสมัยนี้มีบ้างหรือ
สิ่งยึดถือเปลี่ยนไปคล้ายสับสน
คำยอดหญิงเกรียงไกรไม่ปะปน
ความหมายตนกุลสตรีที่เชี่ยวชาญ
เพียงแยกแยะให้อ่านงานเพลินเล่น
อุปเท่ห์เน้นเหตุรักคิดจักสรรค์
เพื่อเลือกศรีภรรยามากทรมาน
ยอดแม่บ้านวิมานรักจักสีชมพู.
*** แก้วประเสริฐ. ***
22 พฤษภาคม 2552 15:40 น.
แก้วประเสริฐ
** อรุโณทัย **
รุ่งอรุณฟ้าสางกลางพฤกษา
มวลผกาโปรยรินกลิ่นเกสร
สัตว์ทั้งหลายแซ่ซ้องก้องขจร
เทพอัปสรพาสาธุการลั่นโลกา
ด้วยจันทร์เพ็ญสิบห้าค่ำเดือนหก
พสุธาสะทกเลื่อนลั่นล้วนหรรษา
ทั้งสามภพไหวหวั่นสุดพรรณนา
เปรมปรีดามหาบุรุษผุดเกรียงไกร
เพื่อนำพาเทพมนุษย์ฉุดพ้นทุกข์
เกิดเป็นสุขหนทางสิ่งสร้างไสว
พ้นกิเลสของมารผ่านทางใจ
แสนวิไลหายพ้นเหล่ามลทิน
วัฏฏะจักรหมุนเวียนเกวียนล้อกว้าง
หมุนเคว้งคว้างเกิดตายให้หมดสิ้น
ด้วยคำสอนสัมพุทธะละมวลจินต์
จนหมดถวิลหมองหม่นพ้นใจกาย
อริยสัจจ์สี่ประการสรรค์สิ่งสร้าง
ประภัสสรวางไว้ไม่เลือนหาย
รวมสติศีลสมาธิปัญญาภายใน
ขจัดผองภัยสิ่งร้ายต้องว่ายเวียน
ประทุมผุดขึ้นมาพาหวนคิด
ดำริห์จิตของมนุษย์ดุจวาดเขียน
หลายหลากสิ่งสร้างไว้หากได้เรียน
ยากจะเปลี่ยนแนวทางกลางธรรมมะ
อุปมาสิ่งกิเลสพอกที่ตอกย้ำ
มากน้อยนำมาอดีตขีดอุสาหะ
ล้วนแนวทางสร้างสรรค์วิริยะ
เวียนพละหมุนกลับดับล้อเกวียน
ในโลกนี้อนิจจังยังไม่เที่ยง
ส่วนที่เลี่ยงมีมากขอฝากเฉวียน
ตามแต่บุญเวรกรรมทำพากเพียร
อาจจะเปลี่ยนนิสัยให้เห็นธรรม
จนผ่านพ้นข้ามห้วงมหรรณพ
เพื่อบรรจบหลีกพ้นจนสิ้นถลำ
ต่อมารผจญหลีกเร้นเน้นกระทำ
สร้างเลิศล้ำอริยะสัจจ์จัดสู่นิพาน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
17 พฤษภาคม 2552 13:07 น.
แก้วประเสริฐ
** รักแรมจันทร์ **
ปานประหนึ่งซึ้งทรวงถูกล้วงควัก
โดนประตักกระหน่ำย้ำความหวง
สู่กลางแสงเสี้ยวจันทร์ที่พลันลวง
ดุจบาศก์บ่วงห้วงฤทัยใยขาดรอน
คำบอกรักขาดวิ่นดุจสิ้นชีวาตม์
มาพิฆาตเข่นฆ่าฟ้าครึ้มสลอน
รักที่เคยมอบไว้คล้ายขาดตอน
อกสะท้อนหวิวหวั่นสั่นดวงใจ
อนิจจาฝนฉ่ำโปรยโรยเป็นฝอย
ไหลหยดย้อยดุจน้ำตาหาสดใส
เศร้าหวั่นอกรันทดจิตปลิดฤทัย
โถหวั่นไหวแรมจันทร์สั่นระคน
ดาวแลลับดับสิ้นปราศแสงสี
จันทร์นั้นมีเพียงเสี้ยวลดเลี้ยวฝน
ยากยิ่งนักหักสะบั้นหยาดน้ำปน
ฟ้าแปรจนพลันหมองต้องมัวเมา
เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นพลันแตกแยก
มืดดำแจกหมายปองครองเฉลา
โอ้ผ่านคิดประหนึ่งซึ่งเพียงเงา
กลับแฝงเอาทุกสิ่งยากยิ่งครอง
หวนคำนึงความหลังครั้งก่อนเก่า
ต่างหมายเฝ้าคำหวานผ่านซึ้งสอง
ซ่านผูกมัดรัดตรึงฝากสรรค์ปอง
อีกทำนองตนตรีสวรรค์บรรเลง
สายสวาทแสนรักของข้าเอ๋ย
ใยละเลยเหมือนฟ้าคราเขนง
ขวิดดังเยี่ยงอสุนีบาตฟาดเกรง
แล้วละเลงหัวใจคล้ายทำลาย
ดุจพฤกษาชื่นฉ่ำซ้ำวิตก
ดั่งหัวอกของข้าที่มาหาย
ถูกย่ำเหยียดเย้ยหยันนั้นมากมาย
แปรผันสลายคำเดียวมิเหลียวมอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***