รำพึงสิเน่หา หวานวิเวกแว่วหวนรัญจวนซึ้ง ผ่านล้วนตรึงซ่อนเร้นผุดเด่นไฉน หวามปั่นป่วนล้วนผดุงมาจูงใจ พลันเศร้าฤทัยเจ้าเอ๋ยใยเผยยวง อุตส่าห์หลบเร้นหลีกจนปลีกหาย แต่ดูคล้ายละอองจนหมองห้วง สุดรำลึกตรึกผ่านซ่านกาลลวง มารยาล่วงเปรียบช้ำตอกย้ำฤดี หลังจากผ่านฝากสิ่งเคยอิงคู่ มิอาจรู้ดวงกมลเปรอะปนฉวี อาบคำหวานหลงเล่ห์เสน่ห์ทวี สุดแสนที่ปวดร้าวร้อนผ่าวหทัย เพียงคำรักฝากไว้ฤทัยพล่าน ช่างหอมหวานมาลีดั่งมณีไสว กระจายซ่านซึมเซาจนเคล้าใน โอ้เหตุไฉนละลายเคล้าสายลม ดนตรีเริ่มบรรเลงหวามเพลงสิ่ง แว่วเสียงพริ้งผ่านซึ้งขื่นตรึงขม เริ่มแล้วหรือพล่ามรักชื่นจักชม หวังเสกสมเล่ห์ร้ายที่หมายปอง เพียงแต่เสียงดวงสมรออดอ้อนรัก หวังพำนักล้วนสิ่งเคยอิงสนอง คงชอกช้ำปั่นป่วนสิ้นหวนครอง แสงเรืองรองมลทินคลุ้งกลิ่นคาว แว่วเจื่อนแจ้วสบหวนรัญจวนหาย ขวัญละลายแล้วหนอพะนอสาว สาบเสน่หายากชมประโลมพราว ที่ปวดร้าวยากหวนคร่ำครวญคนึง แม้นความงามสวยเด่นดุจเช่นฟ้า เปรียบดาราล่วงโรยยากโปรยถึง มาดแม้นอนงค์หอมร่ำย้อมรำพึง หวานติดตรึงกระสันสิ้นรัญจวน. *** แก้วประเสริฐ. ***
ดุจดั่งมาลี ตะละแม่งามเด่น ดุจดั่งเช่นกุหลาบหอม วจีกายอ่อนน้อม สุดจะหวั่นระริกชวน พินิจเพ่งงามพักตร์ สุดจะหักและคร่ำครวญ หากน้องปะรัญจวน สิเน่หาลุไหวหวั่น โอ้อกเอ่ยรันทด สุดจะปดสิ่งกระสัน มอบรักสู่อนันต์ แม่ก็หวนลุแสบทรวง แม้นหักปะทั้งหลาย สุดกระจายกลิ่นใยยวง ซึ้งหอมจะแนบทรวง กลิ่นกุหลาบขจรผัน หอมห้วงสู่ความรัก มิจะพักซึ่งความฝัน กายเจ้ากระแจะจันทร์ ปะสุขพลิ้วละลิ่วใจ มาลีก็ปราศสู้ แด่พธูสู่สดใส งามนักยิ่งกว่าใคร สู่สิ่งหอมปะเอียงอาย หัวอกก็แห้งเหี่ยว สุดจะเลี้ยวก็ละลาย เหหันสิ่งบานปลาย ที่ละหอมรุดรอนจร เหลือไว้ก็เพียงฝัน ระยะสั้นสู่ร้าวรอน กลิ่นหอมยิ่งสะท้อน ก็ละหายมลายจาง. *** แก้วประเสริฐ. ***
ดาวละฟ้า ดาราน้อยรัญจวนปั่นป่วนฟ้า สิ้นนภาอาดูรแสนพูนเทวษ ละห้อยหาอกเอ๋ยอาณาเขต เรืองรองเจตนจำนงที่คงคลาย วาสนาครานี้มิอาจสล้าง วาววับวางเปล่งสีมณีฉาย ทบทวนหม่นที่คิดจนจิตกลาย แสนเสียดายเดือนฟ้าไม่ปราณี ก่อนประกายระยิบกระพริบแสง อ่อนลดแรงเปล่งปลั่งจนพลั้งสี ลอยละลิ่วล่วงลับยากนับมณี เทวษทวีไขว่คว้าคืนคราไกล สิ่งเคยสรรค์เจิดจ้านภาเพริศ งามล้ำเลิศหดหายมิคล้ายไสว เปรียบดังดาวเคยรุ่งเขาจูงใจ สร้างฤทัยเบิกบานสั่นรัญจวน มาบัดนี้หมดแล้วจากแนวฝัน ค่ำคืนอันงดงามไร้คำสรวล แม้นแต่เดือนเคยถวิลไร้สิ้นชวน ทรวงปั่นป่วนหยดน้ำสู่ล้ำใจ รัตติกาลค่ำนี้ไม่มีแล้ว แสงวาวแววดาวน้อยสู่คอยหาย แพรวเพริศสิ่งสิ้นไว้มาได้กลาย แสนเสียดายหมดรักเข็มปักจินต์ ท้องนภางามพริ้งมวลสิ่งเฉิด เคยเลอเลิศมวลแสงเฝ้าแฝงถวิล พลาดอาลัยห้วงรักต้องปักดิน งามที่สิ้นเก็จแก้วพร่างแพร้วฤดี อกหนอในวาสนาที่คราพราก เขาเพียงฝากยอยลระคนฉวี บัดนี้ลืมเสียแล้วผ่านแนวทวี ดุจดั่งมณีลบเหลี่ยมมิเจียมตัว. *** แก้วประเสริฐ. ***
อารมณ์คนบ้า ตะวันรอนทอแสงแฝงสล้าง แวววับวางแพรวเพริศเฉิดฉวี เมฆาคล้อยทอรับขลับดวงฤดี ดุจอัญมณีโกเมนเน้นอ่อนแดง สิ้นสุดเพริศเลิศพิพัฒน์จันทรา สู่สิเน่หาพราวพร่างกระจ่างแฝง นวลใยยองส่องประกายรุนแรง ล้วนปวงแห่งแฝงถวิลมวลจินดา รัตติกาลอบอวลล้วนสิ่งไสว จันทร์สดใสทอกระจ่างหรรษา สายลมโชยพลิ้วย้อมฉ่ำหอมมา สร้างพฤกษากอบเอื้อเจือสมดุล งามยิ่งนักสลักไว้ในแปรปรวน นกแอ่นชวนแนบชิดติดเขาขุน เงื้อมหน้าผาเอื้อไว้คล้ายเกื้อกูน ลมวกหมุนชื่นฉ่ำเลิศล้ำทรวง บรรณการราตรีนี้งามหนอ ดึกล่วงคลอสิ่งซึ้งตรึงผ่านห้วง หยาดน้ำสู่พลิ้วผ่านปานใยยวง โลมเวียนห้วงกระจ่างสร้างชีวี ฉัพพรรณรังสีแวววับพราวใส หยาดไฉไลน้ำค้างพลางเปล่งสี แสงสะท้อนแวววับนับอัญมณี ที่เฉิดฉวีหยดพริ้งอิงล้วนอนันต์ ละอองพราวขาวไสวสู่ใบพฤกษ์ ล้วนขลับผลึกแก้วไสววิไลสวรรค์ ถ้อยสำเนียงเสียงขลุ่ยนางไม้พลัน ทำนองสรรค์แว่วหวิวพลิ้วรัญจวน อรรถรสหวานโอษฐ์โสตเสนาะ แสนไพเราะกังวานผ่านคำสรวล เหล่าสาวยามรื่นรมย์อารมณ์ชวน พราวงามล้วนผิวสล้างน้ำค้างไพร พระพายพัดไหวเอนเน้นพร่างเพริศ ล้วนบรรเจิดประกายไพรพฤกษ์ไสว หยาดสู่สรรเปลี่ยนพราวราวแกว่งไกว สะท้อนไหวพรายอนันต์นั้นเฉิดพรม หยดหยาดมณีเฉวียนเวียนพิสุทธิ์ งามผ่องผุดแววพรรณอันเลิศสม ยิ่งสรรค์พริ้งสิ่งเพริศเลิศสล้างชม ล้วนอภิรมย์เสกสรรวลัญช์ขจาย แสงแห่งหยดหลากหลายในน้ำค้าง มวลท่ามกลางพงไพรเฉิดพรายฉาย เสียงพลิ้วขลุ่ยรัญจวนล้วนมากมาย ซ่านเกรียงไกรพฤกษาฝากฟ้าสราญ ยามแสงอุษาอุบัติพลัดสิ่งพราก เลือนรางจากพงไพรไร้ประสาน แว่วเสียงขลุ่ยจางหายไร้เบิกบาน อารัญกาลเหือดหายสลายจันทรา หยาดน้ำค้างแฝงลับกับแสงสูรย์ มวลสมดุลธรรมชาติพลาดเสน่หา เหล่ามวลแสงสีสวรรค์อันเลิศวนา ต่างโรยลาพฤกษ์ไพรไร้พรายมณี ชวนรำลึกหวนอดีตช่างกรีดย้ำ สิ่งเลิศล้ำหฤทัยคล้ายเฉิดฉวี ดั่งน้ำค้างทอทาบฉาบแสงรวี มวลแห่งฤดีมลายวับไปกับตา โหยเสียงขลุ่ยโชยหามาล้วนหาย พลิกกลับกลายพรายแสงแห่งอุษา แสงอัญมณีหนีแนวจากพฤกษ์วนา เหลือเสน่หาเวิ้งว้างกลางพงไพร เป็นอารมณ์คนบ้ามานั่งคิด แสนวิปริตเหลือทนคนขานไข ทั้งในนอกบอกเยี่ยงสำเนียงใจ เวิ้งว้างไกลรำพึงคำนึงครวญ อันเบื้องหน้าขาดดิ้นสิ้นหมดแล้ว เบื้องหลังแจ๋วเพริศพริ้งอิงกำสรวล เหลือความจำในอดีตกรีดรัญจวน ยากเหหวนฝันร้างกระจ่างครอง. *** แก้วประเสริฐ. ***
เบื้องหลัง สุรีย์สียอแสงแฝงเบื้องหลัง สิ่งเคล้ายังฝังใจในสิ้นสลาย พล่ามเอ๋ยอกถูกเขาเฝ้าทำลาย หลีกหนีไกลสู่บ่วงห้วงอำลา พอคิดรักครั้งแรกยังแตกสิ้น สิ่งแสนถวิลโรยลาพาโหยหา อัปลักษณ์รูปร่างสร้างนำมา ดั่งปริศนาฝากจินต์โรยรินจร สิ้นเงินตรานางจรร่อนเร่จาก แต่ยังฝากสิ่งซึ้งเพียงตรึงอัปสร ล้วนแต่หลากมายามาลิดรอน อุทาหรณ์สอนไว้ใฝ่ล้วนจำ ในโลกนี้อับจนคนหนีสิ้น ล่วงสู่จินต์ตอกไว้จนให้ขำ ด้วยโง่เขลาหลงใหลในสิ่งนำ เขาตอกย้ำยังลึกตรึกเข้าภวังค์ ช่างเจ็บช้ำน้ำใจยากบอกเล่า สู้หลงเฝ้ายังหลอกตอกมนต์ขลัง พล่านละเมอเพ้อหาฝ่ามวลพลัง ล้วนสิ้นหวังตาลอยละห้อยครวญ โอ้โลกเอ๋ยมีไหมในรักแท้ ใยปรวนแปรฝากไว้ให้กำสรวล เฝ้าค้นหาพานพบสิ่งแปรปรวน สร้างปั่นป่วนฝากไว้แสนใจดำ พอนึกได้อนิจจาสายเสียแล้ว สิ่งงามแพร้วกลลวงปวงระส่ำ หลอกพอแล้วหรือไรขอได้จำ หรือเพิ่มช้ำไม่พอมาล้อเลียน ขอลาแล้วโดดเดี่ยวเที่ยวเร่ร่อน จะพักผ่อนขุนเขาเฝ้ามาเขียน แสนหดหู่อดสูคล้ายล้อเลียน สู้แปรเปลี่ยนชีวิตคิดเดียวดาย. *** แก้วประเสริฐ. ***