29 มีนาคม 2551 20:19 น.
แก้วประเสริฐ
** เสียงลมผวา **
สำเนียงแผ่วหวีดหวิวพลิ้วร่ำร้อง
ดุจทำนองครวญคร่ำพร่ำเรียกหา
ลมผ่านโชยแว่ววอนอ่อนโรยลา
เหมือนปานว่าสุดรักยากจักปอง
สายัณห์คล้อยลอยลับเหลี่ยมภูผา
คล้ายกานดาสะอื้นฝืนสิ่งสนอง
จบสิ้นสลายในสิ่งอิงหมายครอง
สิ้นสูญหมองร่ำไห้ในไพรพฤกษ์
สายธารไหลโรยรินตามหินแฝง
เซาะโขดแก่งล่วงลิ่วพลิ้วผนึก
สำเนียงแว่วผ่านน้ำยามระทึก
สู่ชวนตรึกพรั่นหวนป่วนฤทัย
แผ่วสำเนียงเบี่ยงเบนเย็นยะเยือก
ดั่งรักเลือกสิ้นสลายคลายไปไหน
หรือเสียงแว่วทำนองก้องพงไพร
ล่องลอยไกลผ่านซึ้งคนึงวิญญาณ์
ละอองน้ำปลิวไสวลูบไล้แดด
ประกายแสดแดงเขียวเกี่ยวให้ผวา
ถ้อยเสียงพล่านหวั่นหวิวพรั่นลดา
ดั่งยาตราพลิกหวนก้องครวญร้อง
ใบไม้พลิกสั่นไหวสายลมแผ่ว
พลิกผันแนวพวยพุ่งคลุ้งแซ่ซ้อง
ก่อเกิดส่งถ้อยแว่วแพร้วทำนอง
สมานก้องสอดส่ายคล้ายย้ำชวน
น้ำเสียงแผ่วพลิ้วลมบ่มหวนหา
ดั่งหยาดฟ้าโปรยปรายในกำสรวล
สิ้นมวลถ้อยซ่านสร้อยร้อยรัญจวน
แว่วโหยหวนสายลมบ่มพฤกษ์ธาร
รอฟังเสียงไพรพฤกษ์ ตรึกร่ำร้อง
ส่งทำนองผันเปลี่ยนเวียนประสาน
ฟังน้ำเสียงไหลซ่านผ่านหินสราญ
คล้ายนงคราญครวญคร่ำย้ำลอยลม
ประสานเสียงลมผวายามคราพร่ำ
เหมือนตอกกล้ำย้ำหทัยล่วงเสกสม
สิ่งผ่านมาความหลังสร้างอารมณ์
ผันแผลปมสิ้นสลายหวนคล้ายคืน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
27 มีนาคม 2551 12:17 น.
แก้วประเสริฐ
** กึ่งกาลรอคอย **
แสงสูรย์ลับฟากฟ้าคราเปลี่ยนสี
เพียงราตรีแห่งถวิลจินต์หวนหา
ซากใยเหลือคลุมเคล้าผ่านเข้ามา
สิ่งปรารถนาพบเห็นเร้นเช่นเดิม
มาดแม้นฤทัยใฝ่ปองครรลองลับ
แสงระยับฟากฟ้าช่วยมาเสริม
หลงฝากไว้ในกาลสรรค์เพิ่มเติม
แรกฮึกเหิมมากน้อยห้วงร้อยใจ
จนวันเปลี่ยนเวียนพ้นปนเปติด
ความลึกคิดเฝ้าหวนล้วนสดใส
แฝงมึนม่านผ่านเย้าเคล้าภายใน
ซาบซ่านไว้พะวงตรงหมายปอง
ซึ้งฝากเสี้ยวความคนึงพึงลาจาก
คงหมดซากสู่สลายแม้นใฝ่สนอง
เหลือสวยงามผ่านพลิ้วปลิวใยยอง
ผ่องเรืองรองเพียงฝันพลันลอยลม
อนิจจาโอ้ความหวังสร้างรำลึก
ปั่นป่วนนึกห้วงฤดีแสนทวีขม
แลรอบกายผ่านแฝงแห่งระทม
คล้ายเงื่อนปมลงเก่าเฝ้าใจลอย
เหลือบแลสิ่งรัญจวนที่ล้วนสถิต
มาคอยปลิดดุจดาวเฝ้าล่วงผล็อย
แม้แต่เดือนยังเสี้ยวเปลี่ยวใจคอย
แสนละห้อยสะท้อนห้วงล้วงฤดี
แม้นวันคืนเปลี่ยนไปไม่กลับหวน
เฝ้ารัญจวนความหลังครั้งโฉมศรี
เอื้อนสำเนียงผ่านโอษฐ์โสตราตรี
แว่วเปรมปรีดิ์ฝากเดือนเสมือนจำ
บัดนี้หนอกาลผวนชวนคนึงฝัน
ความแปรผันแสนยากจากงามขำ
เพียงหลงคอยสร้างไว้ในเงื่อนงำ
มาดแม้นช้ำนับกาลพลันสูรย์ลับ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
24 มีนาคม 2551 11:57 น.
แก้วประเสริฐ
** คนึงคิดจิตพรั่น **
สิ่งเฝ้าคอยวนเวียนดูเปลี่ยนเลี้ยว
ด้วยคดเคี้ยวพานพบประสบเห็น
รอบกายผันสุดหวนชวนประเด็น
แสนลำเค็ญจนป่วนล้วนทางเดิน
การทำมาหากินแสนลำบาก
ความยุ่งยากครอบงำย้ำมากเขิน
มุ่งหนทางสู่หมายไกลเหลือเกิน
ต้องขาดเงินตอกย้ำชอกช้ำหทัย
ความผิดชอบชั่วดีแสนวิปริต
ที่คอยสถิตย์หมายเฝ้ายั่วเย้าไฉน
โอ้เวรกรรมยอกย้อนซุกซ่อนใน
สร้างเปลี่ยนไว้ฝากยื่นสะอื้นทำ
คิดทำการสิ่งใดให้แสนเปลี่ยว
คอยเฝ้าเฉลียวแลมองต้องระส่ำ
สิ่งของเก่าซุกซ่อนย้อนเงื่อนงำ
หมายมุ่งย้ำตะปูไว้คล้ายฝาโลง
จะพลิกกลับสู่ฟื้นคืนหวังใหม่
มุ่งหวังไกลดังสายลำแม่น้ำโขง
หลั่งทอดยาวรินไหลเป็นใยโยง
ล้วนขอดโล่งปราศน้ำย่ำไมตรี
สิ่งเงื่อนงำแปรเปลี่ยนวนเวียนคิด
หมายจะลิดรอนเก่าเฝ้าศักดิ์ศรี
มุ่งหวังหาทางเดิมเพื่อเสริมชีวี
สุดยากที่คว้าหามาหมายครอง
อำนาจเก่าเฝ้าคลอนลิดรอนเหตุ
ด้วยหมายเจตจำนงยืนยงสนอง
ผูกซ่อนปมมุ่งหวังครั้งเรืองรอง
คิดหมายปองหวนกลับนับสู่คืน
ชะตาเอ๋ยกลับกลายคล้ายลิขิต
หากแม้นสถิตร่มเย็นเห็นต้องฝืน
เลือดอาจนองหลั่งไหลหวังได้ยืน
ปวงสะอื้นยากหมายหาฟ้าสีทอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
16 มีนาคม 2551 17:23 น.
แก้วประเสริฐ
** รักฝากฟ้า **
สิ่งที่เคยฝันใฝ่หวังในฟ้า
เดือนดารางามผ่องละอองใส
เพริศพักตร์พริ้งอิงลงสู่ตรงใจ
ความวิไลแสนซึ้งตรึงนัยน์ตา
ดารดาษพราวพิศวิจิตรนั้น
พริ้มลาวัณย์สู่เพริศเลิศจัดหา
กลางราตรีตระการซ่านนำมา
บนนภาสกาวจิตพิศรัญจวน
จะขอรักฟากฟ้าจันทราส่อง
ความหวังปองสู่ไว้ในงามสงวน
แสงระยิบวิจิตรพราวเย้าชวน
ยากเลิกหวนมิมาเคล้าราตรี
สิเน่หายามเฝ้าเริงเคล้าจิต
สรรพนิมิตฤทัยให้เปรมศรี
ปลุกชีวินด้วยหอมดอมมาลี
สุดเปรมปรีดิ์สู่ไว้ในอารมณ์
วิเวกแว่วเคล้าลมพรมโชยชื่น
พลางระรื่นสำเนียงเคียงสู่สม
ใบกิ่งก้านไม้แมลงแฝงเชยชม
งามภิรมย์กลางฟ้ามาเรียงราย
หยาดน้ำค้างราตรีที่เย็นเยือก
จับเก็จเกลือกใบไม้หล่นเป็นสาย
เสียงเปาะแปะหลั่งลงตรงข้างกาย
สุขแสนสบายใจชื่นคืนจันทร์เพ็ญ
นอนมองฟ้าพร่างพรายหัวใจนึก
หลงระทึกสิ่งสนองครองมิเห็น
คิดชมอยู่เป็นเพื่อนเบือนลำเค็ญ
ยากจะเน้นดาวเดือนที่เลื่อนลอย
คงมีเต็นท์โดดเดี่ยวเปลี่ยวคนเฝ้า
หลงภาพเย้าแฝงนภาหาสิ่งสอย
ใฝ่ชะแง้แลเหลียวเปลี่ยวใจคอย
งามหยาดย้อยหล่นลงคงจับจอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
13 มีนาคม 2551 20:22 น.
แก้วประเสริฐ
** ลองสักครั้ง **
สิ่งเคยเลือนแลลับนับสุดซึ้ง
เหมือนรำพึงที่วนระคนหวน
สายลมยิ่งพลิ้วพัดสะบัดชวน
ฝากรัญจวนเพริศพริ้งสู่อิงวาร
ลั่นทมกลิ่นหอมเย็นเน้นใจชื่น
งามระรื่นดอมดมชมซาบซ่าน
ลานแห่งสุขดอกงามยามฤดูกาล
เสมือนวิมานฝากเงาเฝ้าอาจิณ
ใช่แล้วซิความรักแม้นจักพล่าน
วิจิตรสราญหมุนไปเคยใฝ่ถวิล
ณ ที่เก่าเฝ้าคลอนยอกย้อนชีวิน
เลิกเปลี่ยนสิ้นสิ่งพักต้องหักใจ
ลมคลื่นน้ำกระพริบระยิบแสง
แสนระแวงความหวังครั้งสดใส
คิดจะลองสักครั้งกลัวพลั้งหทัย
ด้านวิลัยวิญญาณพล่านอารมณ์
ดุจเปรียบดังละอองฟองหรือไม่
ความไฉไลส่อเกิดเพริศเสกสม
ดังลั่นทมหอมโชยโปรยรินชม
พึงดอมดมกลิ่นชื่นหรือมึนใจ
นั่งมองแขคลื่นน้ำงามระยิบพลิ้ว
ละอองปลิวสาดร่างเวิ้งว้างไฉน
ใยโลดลิ่วคล้ายคำนึงถึงคนไกล
สร้างจิตไซร้วกเวียนเปลี่ยนฤดี
ทิ้งสงสัยแปรเปลี่ยนเวียนอีกครั้ง
มิพลาดพลั้งเหมือนเก่าเฝ้าโฉมศรี
ใฝ่ปองจิตหวั่นใจหมายเปรมปรีดิ์
กลิ่นราตรีโปรยผ่องละอองแพรว
หากจะลองสักครั้งสร้างสิ่งหวัง
พริ้งเพริศพลังใฝ่ปองมิสนองแผ่ว
สู่โลดแล่นข้างหน้าฝ่าขวางแนว
ที่เพริศแพร้วโฉมฉายมาใฝ่ครอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***