7 กุมภาพันธ์ 2551 15:18 น.
แก้วประเสริฐ
** วาบหวาม **
คลอเคียงเคล้ารำไพพิไรพฤกษ์
งามตรึงตรึกหฤทัยสุดให้หวาม
เสียงเรไรร่ำร้องก้องเขตคาม
วิเวกยามเสียงแผ่วแว่วไพรพง
แขแสงสีประกายในเวหาส
นิภาสาดดงไพรวิไลระหง
พิศนวลพรรณระยับประดับวง
นภาส่งกลมโค้งโปร่งชมเชย
ดุจประหนึ่งมณีรัตน์จัดระยับ
ล้วนประดับภูผามาเปิดเผย
ทั้งพฤกษาลาวัลย์สุดละเลย
ต้องชมเงยรัชนีที่เปรมปรีดิ์
ระลอกคลื่นสายธารอันแวววับ
สะท้อนจับแสงแขแม้นวลฉวี
ส่องประกายไพรพฤกษ์ตรึกฤดี
พริ้มพราวสีสอดแสงแฝงชีวัน
บังเกิดเป็นอารมณ์ภิรมย์สถิต
เสมือนเนรมิตพฤกษามาเฉิดฉันท์
แว่วน้ำตกจากผาคราอเนกอนันต์
เฉกสร้างฝันวิมานแก้วแพรวพราย
หอมดอกผกากลิ่นมาลีที่โชยแผ่ว
วาบหวามแนวชมเคล้าเจ้าเฉิดฉาย
ซึ้งในทรวงล่วงล้ำแสนกร่ำกราย
ประดุจคล้ายน้ำค้างพลางเยือกเย็น
หาเขตแดนแคว้นเล่าจะเท่านี้
ประกายทวีแสงแขส่องมองเห็น
กลิ่นพงไพรงามจรดปลดลำเค็ญ
หวานเคยเน้นหายวับกับนัยน์ตา
จวบนวลล่วงลอยลับจะกลับฟ้า
น้ำค้างมาโรยพฤกษ์ตรึกหรรษา
พริ้งเพริศพราวราวสวรรค์ดารา
ระยับพาจิตสว่างกระจ่างวิญาณ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
4 กุมภาพันธ์ 2551 21:00 น.
แก้วประเสริฐ
** เทวีที่เป็นสอง **
แสนเสียดายกัลยามามือสอง
มิเป็นรองคนอื่นพันหมื่นแสน
แม้แต่องค์เทวัญชั้นเมืองแมน
ทั่วทั้งแดนพิศวงหวังหลงปอง
รวมคนธรรพ์ยักขาเทวาครุฑ
ฤษีพิสุทธิ์มนุษย์จ้องคิดครองสอง
รวมเทพไท้เทวันฤทธิ์เรืองรอง
ใฝ่สนองหวังภิรมย์เพื่อชมนาง
นับประสาอะไรในแว่นแคว้น
ทั้งหวงแหนใฝ่ปองยังต้องขวาง
สับยุทธ์เกณฑ์โยธามาจัดวาง
สะท้านสร้างหวั่นไหวในปฐพี
หวังเพื่อนางซึ้งไว้ในลักขณา
แม้นกัลยาเป็นสองรองศักดิ์ศรี
แสนผุดผ่องยองใยหวังในเทวี
ดั่งรัศมีพร่างพราวสกาวเดือน
โอ้ชีวันขวัญชีวาเจ้าข้าเอ๋ย
ใยละเลยนงนุชประดุจเฉือน
ให้โศกเศร้าโศกาน้ำตาเยือน
สั่นสะเทือนเหว่ว้าดุจฟ้าทลาย
ดั่งรัชนีสบค้างระหว่างเสี้ยว
เพชรเรือนเกี้ยวหักสิ้นบิ่นสลาย
มวลเทพเทวัญชั้นฟ้ามิอาจคลาย
โอ้เสียดายมณีแก้วที่แพรวสกาว
แม้นเทวีเป็นอื่นสะอื้นโศก
แสนวิปโยคเป็นดำยากพร่ำขาว
เหลือใยรักปลูกฝังยังพลั้งพราว
ยากสืบสาวย้อนคืนระรื่นภิรมย์
คงเสียดายนักหนาฟ้าครวญคร่ำ
เทพเทวัญย้ำหวนยังชวนขื่นขม
ท้าวแว่นแคว้นบีฑาหวังมาชม
ต่างอกตรมเลิกร้างหนีห่างไกล.
*** แก้วประเสริฐ. ***
3 กุมภาพันธ์ 2551 15:39 น.
แก้วประเสริฐ
** นวลจันทร์ **
งามระเด่นเพ็ญฟ้าแสงใสสว่าง
ยลพักตร์นางสีไสวคล้ายนวลแข
ระยิบพราวกระจ่างสร้างดวงแด
สถิตย์แดนแลเลิศล้ำยากกล้ำเกิน
รัชนีกรราตรีแสงแฝงสิ่งหอม
เย้ายวนดอมผกากลิ่นระรินเถิน
ทั้งสูงต่ำน้ำตกแสนเพลิดเพลิน
สุดจะเมินยุรยาตรมาดเรืองรอง
ปทุมมาศผาดผ่องปองสิ่งสล้าง
ใสสดสว่างสร้างเฉิดเลิศสนอง
อรชรอ้อนแอ้นแสนหมายปอง
งามละอองแดนสวรรค์อันวิไล
ในความมืดจืดจางนภาวิจิตร
งามประดิษฐ์นวลนางกลางแขไสว
โชยเนื้อกลิ่นสล้างกลางพฤกษ์ไพร
ยากห่างไกลเสน่ห์ผกาลาวัณย์โปรย
มาดแม้นพิศคิดเพลินจำเริญจิต
ที่สถิตชิดเพียงพบประสบโหย
ดั่งมิแม้นอาจเพียงใกล้ไกลโชย
เสมือนดุจโปรยทิพย์อมฤตวารี
ยิ่งประกายนวลจันทร์ประชันโฉม
แสงเล้าโลมประเทืองเรืองสดสี
ส่องประกายอิงแอบแนบเนื้อทวี
งามโฉมศรีผุดผาดสาดแสงจันทร์
แม้นมิกล้าเข้าใกล้เหมือนใจถวิล
ห้วงวาสินรัญจวนชวนเสกสรร
ผกามาศแนวถิ่นเถินเพลินรำพัน
น้ำตกลั่นเสียงสนานอันออเซาะ
ราตรีนี้เพริศพริ้งจริงล้ำเลิศ
สิ่งเคล้าเกิดภิรมย์อารมณ์เสนาะ
งามยิ่งนักนวลเคียงเสียงไพเราะ
ด้นเลี้ยวเลาะชมนางกลางแสงจันทร์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
1 กุมภาพันธ์ 2551 01:31 น.
แก้วประเสริฐ
** ดั่งนางสวรรค์ **
งามเยิ้มหยาดรัตนามาเสกสันต์
ยลลาวัลย์ปานหนึ่งตรึงอัปสร
พักตร์เพริศพริ้งอิงไว้ในบังอร
ช่างอรชรยวนยิ้มพริ้มแย้มนาง
ปานประหนึ่งเทพีศรีแมนสรวง
งามทั้งปวงจากฟ้าครายามสาง
ชมพฤกษาผกากรองต้องริมทาง
เมฆหมอกจางปฐพีแสงรวีคลาย
แม้นแต่องค์เทวัญยังผันพักตร์
ยลนงลักษณ์แย้มยิ้มพริ้มเฉิดฉาย
เหล่ากัญญาวิจิตรคิดเอียงอาย
แสนงมงายจำรัสวิทัศน์สราญ
หลงเพลินชมนงนาถพิลาสพฤกษ์
ยามหวนนึกรำพึงคำนึงสนาน
ที่อิงแอบแนบก่อนย้อนวันวาน
มิเท่ากาลมาเทียบเปรียบลักขณา
ยิ่งยลเฝ้าเพ็ญอนงค์หลงใจจิต
เมื่อหวนคิดเก่าก่อนเว้าวอนหา
มิอาจเท่าเคล้าเคียงเยี่ยงแลมา
แสนตรึงตาเหล่าผกาโอบนารี
ตะวันย้อนอ่อนแสงแฝงสิ่งใส
เลิศสิ่งใดมาเคียงเยี่ยงเฉิดฉวี
ยิ่งพินิจจิตสนองดุจปองเทวี
สุมนามณีแฝงแห่งแพรวสกาว
ยามหยอกเย้าเคล้ามาลีลาไสว
มาคว้าไขว่เล้าโลมดอกผกาขาว
หอมระรินกลิ่นเนื้อเอื้อมาพราว
แนบเนื้อสาวเคล้ามาลีแม่ศรีสุดา
ช่างอิจฉาเจ้าพฤกษามาลีไสว
หากเปรียบไกลเลิศนักยากจักหา
ที่แนบเนื้อนวลนางกลางมรรคา
ยากจะหาใดเทียบเปรียบนางเลย.
*** แก้วประเสริฐ. ***