26 กุมภาพันธ์ 2551 15:42 น.
แก้วประเสริฐ
** อนิจจารัก **
พอตัวเรายากจนแสนหม่นนัก
สร้างความรักอย่างไรก็ไร้ผล
ก่อนมั่งมีเงินทองสนองกมล
ที่เปรอปรนมิห่างหนีร้างไกล
ครั้นสิ้นทรัพย์ชีวิตบิดแปรผัน
ความใฝ่ฝันไร้ทางกลางสดใส
เมื่อบากบั่นเสนอจิตสิ่งติดใจ
แสนวิไลหนีสิ้นจินต์วิญญาณ
พอมาคิดถึงอดีตปิดหมดแล้ว
แม้นผ่านแนวดิ้นรนเฝ้าทนฝาน
คงเหลือเพียงฝากไว้ในปณิธาน
เพื่อสร้างสรรค์สู่ทางสร้างชีวิน
เหลือแต่เพียงเล็กน้อยที่เจิดจ้า
ยากจะมาพร่ำร้องสิ่งปองถวิล
หลอนที่เย้ายอกช้ำเพื่อซ้ำกวิน
คงสิ่งปลิ้นให้มองสนองกลาย
ก่อนรูปกายอัปลักษณ์ยังมาสน
พอยากจนขุ่นแค้นหนีแล่นหาย
เคยร่ำรวยหมดหวังมาพังทลาย
หมดสิ้นสลายหายลับไปกับตา
มิโทษใครเพียงเราใฝ่เฝ้าถวิล
ทั้งทรัพย์สินหมดไปยากใฝ่หา
เพราะความงามเด่นล้ำมานำพา
แสนเสน่หาประเสริฐดีเลิศจาง
เกมส์ชีวิตผ่านไปจากห้วงคิด
หมายลิขิตใฝ่ผดุงมาปรุงขวาง
อำนาจเงินรักสลัดจัดเลือนราง
แสนอ้างว้างสร้างตนคนทำเอง
เป็นบทเรียนสอนใจให้สำนึก
คอยผนึกสลับกระฉับกระเฉง
มีทรัพย์สินเงินตราอย่าละเลง
คิดเราเก่งเพราะรวยมิช่วยเลย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
23 กุมภาพันธ์ 2551 14:15 น.
แก้วประเสริฐ
** หมาขี้เรื้อน **
เป็นคติที่สอนไว้ในเหตุผล
การฝึกตนควรมองตรองศึกษา
มีหลายอย่างประวิงกาลผ่านมา
ทุกเวลาควรมองฝึกครองกมล
ด้วยจิตเราปัจจัยในสาเหตุ
มีขอบเขตมักเปลี่ยนเวียนสับสน
มิได้สิ่งหมายปองสนองเวียนวน
มักปะปนคลุ้งเคล้าเย้ายวนหทัย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
" เป็นของดีที่เพื่อนส่งมาให้อ่านเห็นว่าดีจึงนำมาให้อ่านกันครับ "
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้
เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย
เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน
ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด
และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย
ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่า
ท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา
ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป
ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดี
ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู
นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน
นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
วันๆไม่เห็นท่านทอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ
ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคน
จัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา
เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว
ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้
หลวงพ่อเจ้าอาวาส
มีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น
และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง
ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย
ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อย
ทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ ใกล้ๆ
เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน
คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่น ไป มาทั้งวัน
เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม
เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ
หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี
คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน
แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที
เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่
แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตร
สวดมนต์เย็นแล้ว
ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย
นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู
ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก
" อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อน
ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา "
โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย
แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า
หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
ถ้าเรา ยังเป็น โรค อยู่ในใจ ไม่ว่าเราย้ายงาน ไปที่ไหน
เราก็บ่นว่าสถานที่เหล่านั้น สกปรก สิ้นดี
จากคุณ nidnoi ครับ
*** แก้วประเสริฐ. ***
15 กุมภาพันธ์ 2551 16:15 น.
แก้วประเสริฐ
** สายสุธารา **
ณ ชายหาดสาดคลื่นระรื่นจิต
เพริศพราวพิศระยิบแสงแฝงฉวี
ประกายพริ้งเจิดจรัสวิรัชราตรี
เพลงดนตรีมณีกาลสราญรมย์
ราตรีหนึ่งซึ้งทรวงล่วงล้ำลึก
งามสิ่งนึกคงไว้คล้ายเสพย์สม
ผ่องแผ้วอิงสงวนไว้ให้เชยชม
รัศมีบ่มดาวเดือนเคลื่อนนภา
เอกอุดมฟองคลื่นชื่นวิจิตร
ยามเพ่งพินิจจิตชื่นระรื่นหรรษา
ดารดาษแสงทองส่องประกายมา
ตราบซึ้งอุราใฝ่สนองปองหฤทัย
ละอองขาวพราวพุ่งจรุงฟ้า
ยากจะหาเพลินพบประสบไศล
แนวสูงต่ำฟาดภูผามาเริงใจ
สุดวิไลลอยละล่องท่องสายธาร
ประดุจตรึกสาวน้อยละห้อยคิด
ซึ้งวิจิตรสนิทไว้คล้ายประสาน
มิอาจเอื้อมพริ้งพิศติดเดือนกาล
เปรียบวิมานฝันใฝ่ดวงหทัยปอง
เธอดุจดังชาวฟ้าในแมนสรวง
หลากทั้งปวงเลิศล้ำซ้ำเจ้าของ
ยังห่วงหาอาลัยยากหมายครอง
มิอาจสนองเคียงไว้เพียงใฝ่ชม
ดั่งเงาเดือนแลระยิบประกายล้ำ
คลื่นสาดน้ำงามสนิทจิตเสพย์สม
กลายละอองผ่องแผ้วแล้วลอยลม
มิอาจภิรมย์ฝากไว้คล้ายเลือนราง
ยืนมองธารพลันซัดสาดยังฝั่ง
ดุจประดังหวังสุขเมื่อคลุกขวาง
เหลือเพียงฝันฝากไว้ในสิ่งกลาง
ปล่อยอ้างว้างดั่งน้ำร่ำร้องเพลง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
12 กุมภาพันธ์ 2551 11:20 น.
แก้วประเสริฐ
** อนิจจาตัวเรา **
ทุกวันนี้เปรียบได้คล้ายไม้ผุ
มิบรรลุเป้าหมายทำลายหวัง
ก่อกำเนิดหลากสิ่งไม่จริงจัง
ดั่งทรายพังครั้งก่อสร้างเจดีย์
สิ่งที่หวังมลายไม่ล้ำเลิศ
ยากจะเชิดชูหน้าหาศักดิ์ศรี
เพียงแค่ปองสนองหม่นชีวี
ดุจสุรีย์แตกคงเป็นผงควัน
โอ้ดาวเดือนยังส่งพะวงแสง
ราตรีแห่งรัตติกาลแปรผัน
ดั่งชีวิตหมั่นสู้เพียงละวัน
แสนปลุกฝันแค่สิ่งอิงชีวา
ยากยิ่งหาผู้ใดเข้าใจได้
คิดฝันใฝ่ไม่กล้ามาสู่หา
ยิ่งคิดติดอยู่แห่งกาลเวลา
คงจะมาหัวร่อล้ออกดวง
ดุจนกน้อยลอยฟ้าบินระลิ่ว
แม้นจะหิวยังสู้เพื่อสู่สรวง
สิ่งเรืองรองปองสิ้นใยยวง
มิลุล่วงความหมายในใจเรา
ขาดคำนึงถึงพลังสู่กาลหวัง
มลายกำลังหวังไว้ให้อับเฉา
สูญสิ้นสิ่งทะลายได้เพียงเงา
จึงสู่เฝ้าหลงใหลในเลือนราง
โอ้ชีวิตของฉันต้องฝันเสมอ
แสนละเมอรำพันหมั่นสะสาง
จินตนาสร้างไว้คล้ายเลือนราง
เพื่อระหว่างเพ้อเจ้อเผลอลืมตน
อนิจจาตัวเรารวดร้าวชีวิต
เสมือนลิขิตฝากลงตรงสับสน
มีสิ่งคิดความอ่านนั้นประปน
เปรียบคล้ายฝนทั่งผุแสนกู้คืน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
10 กุมภาพันธ์ 2551 13:03 น.
แก้วประเสริฐ
** วาเลนไทม์ **
วันความรักเรียกหาพาร่ำร้อง
ดั่งทำนองเพลงพลิ้วละลิ่วหวน
บทเรียนน้อยคอยสวาทรัญจวน
ใยปั่นป่วนเย้ายวนเฝ้าเปรมปรีดิ์
กุหลาบแดงแสงสีทวีวิจิตร
ดุจลิขิตบ่งบอกหยอกเย้าศรี
มาลัยน้อยเรียงร้อยสร้อยมาลี
แสนปลื้มวจีสิ่งหลังมักฝังใจ
ใส่แจกันวางไว้ไม่คลายจิต
หวานชีวิตผนึกไว้ในสดใส
เฝ้าแลมองกลับมาทุกคราไป
ห้วงหทัยใฝ่ปองละอองแวว
หวานสิ่งยิ้มที่พักตร์ลักแก้มบุ๋ม
งามเนื้อนุ่มทั้งวจีที่ซึ้งแผ่ว
หัวใจสุขปลูกไว้ในเลิศแนว
เพริศพริ้งแพรวระยับประดับดาว
สิ่งวกกลับพลันหวนล้วนอีกครั้ง
กุหลาบยังแดงไว้ไม่เปลี่ยนขาว
แม้นมาลัยคล้องมาลีมิเพริศพราว
แต่ยังสาวความหลังที่หวังปอง
ถึงจะเหี่ยวแห้งไปไม่ได้เปลี่ยน
ความวนเวียนยังฝังครั้งสนอง
ฤดูกาลความรักที่ปักครอง
ยังต้องหมองปองไว้ในสิ่งเดิม
วันความหลังกลับมาคราปีนี้
ดั่งแสงระวีสาดส่องละอองเสริม
เหลือเพียงเก่าเคล้าไว้ไม่เพิ่มเติม
มิเหมือนเดิมกุหลาบแดงแฝงมาลัย
เหลือบแจกันใบน้อยละห้อยหา
สิ่งได้มาคงไว้คล้ายปราศรัย
ผู้มอบให้ลืมเก่าแสนเศร้าหทัย
คงหวนไปเหลือรักฝากเพียงเงา.
*** แก้วประเสริฐ. ***