9 มิถุนายน 2550 08:57 น.
แก้วประเสริฐ
*** วาสนา ***
บุญมาวาสนาส่งดำรงศักดิ์
มากมายนักมักล้อมจนอักโข
ทั้งชายหญิงอิงแอบดูใหญ่โต
เชิดชูโก้เก๋ไก๋หาใครเทียม
พอผ่านมาคราล่วงดวงจู๊ดจู๋
สิ่งที่ดูก่อนนั้นพลันหน้าเหนียม
ค่อยหนีหลบละคนจนหน้าเกรียม
หามาเยี่ยมเหมือนเก่าเฝ้าไม่มี
ความเปลี่ยนแปลงหวนกลับนับสู่สูง
ยิ้มชักจูงเพื่อนมาหาศักดิ์ศรี
ทั้งหน้าเก่าแลใหม่คล้ายเปรมปรีดิ์
แสดงยินดีโอ้ละหนอขออภัย
ด้วยหน้าที่บังคับกลับมาสนอง
ยึดครรลองกติกามาหันใส่
ดังฟันเฟืองเครื่องจักรอันเป็นไป
ขาดมิได้วางท่ายากมาแปลง
เพียงกำหนดในจิตมิคิดเฟื่อง
สิ่งกระเดื่องสิ้นคลายคล้ายดังแสง
เดี๋ยวสว่างพลันมืดใจจืดแสดง
ต้องแอบแฝงเก็บไว้ในใจเรา
นี่คือสิ่งแน่นอนสะท้อนจิต
ยามหวนคิดฝากไว้มิให้เขลา
อย่าหลงตนจนเพ้อละเมอเอา
จะซึมเศร้าตลอดไปคล้ายเวลา
ดั่งรักแรกเปลี่ยนแปลงแฝงรักใหม่
เพราะหัวใจคนเราเฝ้าสรรค์หา
จะดีชั่วอยู่แคลงแฝงเจตนา
อย่านำพาต่อสิ่งอิงยั่วยุ
ชนะคนดูเราเฝ้านำก่อน
หากยอกย้อนจะเป็นเช่นลังผุ
ย่อมแตกแยกสูญหายไม่บรรลุ
เพราะบรรจุด้วยตัณหามาเริงรมย์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
7 มิถุนายน 2550 17:34 น.
แก้วประเสริฐ
*** สิ้นสลาย ***
ขอภพนี้เพียงหนึ่งอย่าพึงสอง
พ้นหวังปองเหลือไว้แม้นใจสั่น
หลงพ้นพรากจากฤทัยไร้ผูกพัน
ทิ้งความฝันฝากอยู่สู้ห่างไกล
ครั้นยามตื่นขึ้นพบบรรจบแจ้ง
ความแห้งแล้งหนีห่างสร้างสดใส
อบอวลสิ่งตราซึ้งตรึงฤทัย
ดังดอกไม้แย้มบานสราญรมย์
สกุณาพร่ำเสียงสำเนียงซึ้ง
ไร้เสียงซึงบรรเลงเพลงขื่นขม
เสนาะเสียงพฤกษาแว่วมาพรม
ความระทมพ้นหายไร้กังวล
ช่วงวัยรักบิดผันมิทันคิด
ยามชีวิตสุดจินต์สิ้นขาดพ้น
ดุจนภาเมฆคลายไร้มืดมน
เปรียบฝายล้นจนผ่านซ่านฤดี
ดวงกมลพ้นแล้วแพร้วเพริศพริ้ง
ไร้ทุกสิ่งแอบแฝงแคลงโฉมศรี
วิวัฒน์กาลผ่านพ้นระคนชีวี
ต่อแต่นี้เหลือไว้ไร้ละออง
เช้านี้หนอสดชื่นระรื่นจิต
แฝงเคยคิดสุดสิ้นจินต์สนอง
ดั่งพิรุณโปรยปรายไร้ใยยอง
สุดสิ้นหมองสดใสไร้มลทิน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
2 มิถุนายน 2550 15:43 น.
แก้วประเสริฐ
*** รอยรักรอยมลทิน ***
กฤษณาหอมปั่นป่วนรัญจวนกลิ่น
อวลระรินนาสาพาหวั่นไหว
ระทึกทรวงหน่วงลึกสู่ภายใน
ใต้ต้นใบหล่นล่วงคล้ายดวงมาลย์
พิรุณโปรยละอองตรองพินิจ
แนวลิขิตบันดาลซ่านซึ้งผ่าน
พิรุณโปรยละอองก้องกังวาน
วาบหวิวซ่านรำพึงสุดซึ้งอนงค์
กาลเวลาพาลับจับขอบฟ้า
สุริยาหมุนเปลี่ยนเวียนประสงค์
ยังย้อนกลับฉายแสงแจ้งจำนง
ยังมิคงหายลับยังกลับมา
ต้นไม้สูงเติบใหญ่แต่ใจเศร้า
มิเหลือเงายอดหญิงอิงนาสา
ดังนกน้อยลอยกลับลับเมฆา
สิ้นวาสนาภิรมย์ระบมหทัย
ต่างชนชั้นมักเป็นอย่างเช่นนี้
ดวงฤดีผันเปลี่ยนเวียนจากใส
สว่างบ้างมืดครึ้มทราบซึมใน
ไม้เดียวดายกฤษณาพาเติบโต
ต่างจากเราเก่านี้มิคล้ายเก่า
ทุกวันเฝ้ารันทดสลดอักโข
ฟ้าเปลี่ยนสีแต่ใจคล้ายเสโล
พรุนรูโตรินหลั่งสร้างลังเล
หยิบดอกกฤษณาล่วงมาหอม
กลิ่นพะยอมย้อมหลงอนงค์เห
ยอดหญิงเอยเหตุไฉนใจโยเย
ดุจดั่งเปลไกวแกว่งแสร้งอารมณ์
วันคืนผ่านผันเปลี่ยนเรียนทุกสิ่ง
หวานที่พริ้งหายสลายเหมาะสม
เจ็บทั้งนอกยอกในคล้ายอาจม
สร้างอภิรมย์ในนาหาใครฤา.
*** แก้วประเสริฐ. ***