24 พฤษภาคม 2550 15:36 น.
แก้วประเสริฐ
*** สิ้นสิเน่หา ***
ระวีแผ่วเสียงหวานกังวานแว่ว
ระคนแนวไผ่เอนดั่งเน้นสวรรค์
หยาดพิรุณฉาบแสงแฝงลาวัลย์
งามตระการพวยพุ่งรุ้งเรืองรอง
แวววับเงาหยาดย้ำงามล้ำไสว
สิ่งวิไลแพรวพราวสกาวสยอง
ระยิบระยับเก็จมณีฉวีละออง
สะท้อนสองตาแลกระแสใจ
เสมือนรักฝากไว้เพียงใยเนื้อ
เย็นวาบเจืออ่อนล้าเหว่หว้าไหว
ครางร่ำร้องระคนดุจปนฤทัย
วาบสดใสคุกรุ่นเพียงจุนพราว
ลมโชยผ่านกิ่งไม้ยากให้หวน
ระริกชวนคิดถึงรำพึงเขลา
ใจที่มอบแสนสนิทผิดกับเงา
ห่วงคอยเฝ้าตามติดมิคิดวอน
ฟ้าสว่างละอองหมองเสียแล้ว
พฤกษาแนวหยุดนิ่งดังกิ่งขอน
ไพเราะซ่านซึ้งหมดลดงามงอน
วิเวกย้อนคืนกลับลับสายตา
พอแล้วหนอฟ้าเอ๋ยที่เคยรัก
เหลือสิ่งฝากหลายรสสลดหา
หวานผสมขมซ่านผ่านวิญญาณ์
กาลเสน่หาผันเปลี่ยนเวียนใจคน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
9 พฤษภาคม 2550 18:18 น.
แก้วประเสริฐ
** ผาหำหด **
เมฆลอยพลิ้วปลิวฟ้านภาสด
แนวจรดชะง่อนผาครายอแสง
รวีส่องทอทาบฉาบสีแดง
ยามอ่อนแรงระทึกเฝ้าตรึกจำ
ลมโชยพัดระรวยระทวยชื่อ
มองตาปรือเหมือนเราจนเขาย้ำ
ทบทวนอ่านรายชื่ออื้อฮือนำ
ยากกล่าวคำโอ้อวดคงปวดใจ
เพ่งพินิจประหวัดสาดสิ่งคิด
ด้วยใจจิตมองเฝ้าจนเศร้าหลาย
โอ้ป้ายนี้คนแทรกคงแยกกาย
ป่วนฤทัยใยย้ำเหมือนซ้ำเรา
ยิ่งมองหินยื่นไปสู่ในฟ้า
ใต้ชะง่อนผาวงกลมผสมเข้า
เมฆหมอกน้อยลอยพลิ้วระลิ่วเงา
ย้อนกลับเฝ้าชะแง้มองแลตา
หวนกลับจ้องมองดูกู่สุดสร้อย
ยิ้มน้อยน้อยกลอยใจคงไม่หา
ดุจป้ายบอกถึงกาลผ่านเวลา
ยิ่งเมื่อมาจะลองสนองอารมณ์
ค่อยย่องเดินเพลินไปสู่ปลายหิน
โอ้ดวงจินต์ระริกดุจพริกขม
ระหว่างสาวเท้าไปสุดให้ตรม
ปวดระบมหมดแล้ว ณ แก้วตา
ให้ประหวั่นระทึกเมื่อนึกถึง
ผาขาดผึงหักหล่นพ้นหรรษา
ละลิ่วลอยลงเหวเหลวพสุธา
โอ้อนิจจายาหยีแสนดีใจ
ความเป็นชายสิ่งได้ไม่อิงแล้ว
ดุจผาแนวหำหดมิสดใส
ยามแข็งแกร่งเห็นป้ายให้วิไล
หากแม้นไประบมคงตรมอุรา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
8 พฤษภาคม 2550 16:26 น.
แก้วประเสริฐ
** ปรายฝนคำนึงหวน **
หยาดน้ำรินปรายฝนยามหล่นฟ้า
ในอุราแสนคำนึงรำพึงหวน
นางฟ้าเคยสบตาพารัญจวน
อดีตล้วนซาบซึ้งสุดตรึงใจ
บัดนี้หนอยากพบประสบแล้ว
สิ่งเพริศแพร้วหนีพรากมาจากหาย
เหลือพลาดหวังเคยชิดสนิทหทัย
ฟ้าฝากไว้หลงหวนครวญอนงค์
วันเวลาพรากไปช่างไกลลิบ
อยากกระซิบเหลือไว้ฤทัยหลง
บันทึกฝังความงามที่ล้ำบรรจง
สิ่งฝากคงสุดรำลึกเฝ้าตรึกคอย
กระยาหารพลันยื่นกลืนสู่ร่าง
สายน้ำค้างหวานชื่นระรื่นย้อย
ซ่านกลิ่นเนื้อหอมลิ้นมิสิ้นรอย
ยากลดถอยมือยื่นยากฝืนอารมณ์
ยามแย้มยิ้มพริ้มเพราราวอัปสร
เสียงคลื่นย้อนหาดแก้ววับแววสม
แสงทบร่างร้อยชั่งกระจ่างภิรมย์
เฝ้านั่งชมคู่เดือนเหมือนฤทัยปอง
นึกสิ่งสรรค์วันสุขสนุกสนาน
ดุจกาลวารรำพึงสุดตรึงสนอง
มวลวิจิตรพาดอิงถึงสิ่งลำพอง
แม้เรียกร้องไร้กลิ่นแก้วสิ้นลาย
หวนริมหาดวาดฝันสุดพรั่นจิต
เสมือนลิขิตวาสนากลับมาหาย
จ้องทะเลเห่ครวญกำสรวลไกล
โอ้อกไฉนสิ้นทางระหว่างแพรว
ปรายฝนเลยหล่นย้อยนั่งคอยเฝ้า
เย็นจนหนาวจับใจยังใสแจ๋ว
หวนคำนึงสายน้ำใจละลายแนว
ภายในแว่ววังแก้วเอ๋ยข้าเผยใจ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
7 พฤษภาคม 2550 12:58 น.
แก้วประเสริฐ
** หวานมิอาจลืม **
แม้หัวใจจะขาดวาดรอยพลิ้ว
ล่วงแล้วปลิวขอบฟ้าจะหาเจ้า
เหลือเพียงเงาคำนึงรำพึงเงา
จนรบเร้าเศร้าหวนล้วนชวนปอง
มองชายหาดสาดน้ำดุจพร่ำเรียก
แม้นจะเปียกแต่ใจสุดใคร่สนอง
สิ่งประทับอยู่เร้าแสนเฝ้าลำพอง
ทะเลก้องคะนึงสุดซึ้งหทัย
ใจเอ๋ยใจของเราใยเศร้าสร้อย
เหลือเพียงรอยหวนหาไม่ปราศรัย
กระทุ้งร้างช้ำชอกยากบอกอาลัย
เหลือเพียงไว้รอยเดิมแต่งเติมเงา
เสียงคำหวานผสานลมขมดวงจิต
กายระริกยะเยือกเมื่อเลือกเขา
เฝ้าทาบทอเหลือไว้ฝานใจเรา
ทะเลเศร้าตอกย้ำช้ำดวงมาลย์
ละอองผ่านแสงสุรีย์เป็นสีรุ้ง
ขอบฟ้าพุ่งสองวงไม่สงสาร
หนึ่งเจิดจ้าสลับสีที่เบิกบาน
อีกหนึ่งนั้นจางเศร้ายังเฝ้าคอย
เหลือบโขดหินถูกน้ำย้ำซ้ำซาก
เหมือนสิ่งพรากหทัยสุดให้ละห้อย
ครั้งหนึ่งนั้นพลันวิจิตรหลงติดคอย
บัดนี้รอยเหลือไว้เป็นใยยวง
ล่วงปีแล้วคอยเจ้าจนเศร้าเหลือ
ยากจะเบื่อฝากฝังสู่ยังสรวง
ถึงจะนานคอยอยู่เป็นคู่ดวง
ดุจน้ำล่วงเข้าหาดแล้วฟาดฟอง
ช่างโดดเดี่ยวเดียวดายใจคิดถึง
สิ่งตราตรึงมิหายละลายสอง
อกเอ๋ยอกนี้หนอพะนอครอง
แม้นไร้ปองเหลือเงาที่เฝ้าพยุง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
1 พฤษภาคม 2550 15:47 น.
แก้วประเสริฐ
** รอยปมพลิ้ว **
นฤมิตจิตประวัติสะพัดพร่าง
หลงสิ่งว้างอารมณ์ภิรมย์สมร
ใฝ่หทัยให้คิดเหมือนลิดรอน
ที่ซุกซ่อนปาดเฉือนเปื้อนปม
ดั่งใบไม้ปลิวพัดลัดลอยฟ้า
เข็มเวลาหมุนเปลี่ยนเจียนจะล่ม
กระแสน้ำโถมหาถลาอารมณ์
สิ่งแนวโน้มสะบัดแล้วพัดลา
ลอยล่องในพิลาสวาดสิ่งสร้าง
ความฝันว้างวางลึกดังตรึกหา
รำพึงหวนชวนย้อนซุกซ่อนมา
โอ้เหว่ว้าคำหวานซ่านดวงใจ
กระเจิงปมรมณีย์แม่ศรีสล้าง
กลับป่วนร้างวางลงตรงสิ่งใส
เย็นยะเยือกฉุกร้อนซุกซ่อนใน
ล่องลอยไกลสู่ฟ้าผ่านปราณี
ระยิบพราวราวเก็จมณีแก้ว
วาววับแพรวรี้หลีกมาปลีกหนี
คล้ายสายธารสาดหินจนสิ้นนที
โอ้วารีสวยสดจนหมดละออง
พลันสุรีย์สิ้นแสงใจแฝงขาด
สายใยพาดสลัดบินจนสิ้นผอง
เหลือสิ่งหวังฝังสนิทความคิดปอง
เส้นใยยองขาดวิ่นหมดสิ้นอารมณ์
มาบัดนี้เหลือไว้เพียงในนิมิต
ที่สิงสถิตฝากลงตรงขื่นขม
มองผืนน้ำชายหาดสาดภิรมย์
ฝากเชยชมลมเจ้าเอยเฉลยไว้
มืดค่ำแล้วฝากไว้หทัยแป้ว
ขอบฟ้าแนวดำคล้ำเคยฉ่ำไสว
ดุจใจข้าเวียนย้ำชอกช้ำภายใน
โอ้เดียวดายไร้ดาราเดือนมาเคียง.
*** แก้วประเสริฐ. ***