30 ธันวาคม 2550 20:24 น.
แก้วประเสริฐ
** ลาก่อน **
ยุคันต์กาลฝันโพยมโลมรำลึก
วิจิตรตรึกอุราหวนรัญจวนถวิล
ประเทืองชิดสนิทไว้ในอาจิณ
ปั่นป่วนสิ้นจินต์ฝ่าวิมุตสราญ
เสมือนโฉลกผ่านภพจบสิ้นแล้ว
อาจจบแนวฝากฝันอันวาบหวาน
พิลาสล้วนอาลัยในอดีตกาล
อเนกอนันต์สุดสลดรันทดใจ
วิวัฒน์ห้วงล่วงบ่มตรมสะท้อน
เกริกก้องย้อนล่วงหล่นระคนใส
วกสิ่งสร้างแสนห่างเคว้งคว้างไกล
แปลบฤทัยพิจารณ์ซ่านอาวรณ์
ลิขิตกาลเปลี่ยนแปลงแฝงสิ่งใหม่
แต่เหตุไฉนฤทัยใยหลอกหลอน
สุนทรีวจีแผ่วแนวแคลนคลอน
ใยปลิ้นปล้อนเวียนเย้าเว้าจนเพลิน
วิกฤตก้องเพลิงพิษจิตมิแผ้ว
สิ่งใหม่แล้วคงสล้างกลางแนวเขิน
แสนยากเข็ญแทบสิ้นจินต์มาเกิน
จนเพลิดเพลินเพ็ญสว่างกระจ่างมา
แม้นหัวอกชอกช้ำระกำจิต
เปลี่ยนชีวิตผันสร้างพลางค้นหา
ถึงบ้าบออ่อนถ้อยน้อยปัญญา
ยากนำพากลอนตลาดมาวาดอิง
สิ้นปีแล้วแนวทางมักย้อนยอก
เหมือนจะบอกเวลามาเข้าสิง
เปลี่ยนอายุแก่ขึ้นมิฝืนจริง
แทบทุกสิ่งอ่อนล้านำพาไป
เพื่อนฝูงเขาลาลับนับจากแล้ว
คงไม่แคล้วตัวเราเคล้าสดใส
ปีใหม่นี้ฝืนอยู่คู่กลอนไป
อาจคงได้ลาลับมิกลับคืน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
29 ธันวาคม 2550 13:18 น.
แก้วประเสริฐ
** ปีใหม่ **
วิวิธกาลผันเปลี่ยนเวียนอีกครั้ง
กระแสพลังความคิดติดผันผวน
หมุนหันหวนชีวิตที่แปรปรวน
หลากหลายล้วนดีชั่วต่อปวงชน
สิ่งหมุนกลับนับเริ่มขึ้นอีกแล้ว
จงเพริศแพร้วสิ่งงามยามฝึกฝน
เพิ่มหนทางจิตใจในดวงกมล
ละมืดมนสร้างดีวันปีใหม่
ศุภฤกษ์มงคลชัยใกล้ถึง
โปรดคำนึงความดีที่สดใส
บ่มจิตให้ผ่องแผ้วเลิศไฉไล
วางแผนไว้ต่อชีวิตอย่าติดกาล
อันความชั่วนั้นอยู่คู่กับสร้าง
จะอ้างว้างโดดเดี่ยวเปลี่ยวไพศาล
สร้างผลบุญกุศลต่อเนื่องนาน
อเนกอนันต์เทพไท้ใคร่อวยพร
คิดสิ่งใดสมมาดทุกปรารถนา
วิภาดาความสุขสนุกสะท้อน
เกิดต่อเนื่องจิตใจไม่ร้าวรอน
ไม่วกย้อนสิ่งชั่วมั่วลำเค็ญ
จงปรับเปลี่ยนชีวิตปีใหม่นี้
หมุนชีวีกลับกลายจากทุกข์เข็ญ
ประสพโชคมีชัยไม่ยากเย็น
ดุจดังเช่นเศรษฐีมีทรัพย์อนันต์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
26 ธันวาคม 2550 17:28 น.
แก้วประเสริฐ
** รักหรือชัง **
ฟ้าสีครามยามหม่นระคนเหงา
ดุจตัวเราเฝ้าเพ้อละเมอฝัน
ดั่งเมฆน้อยลอยลับนับจากกัน
เมื่อก่อนนั้นคลอเคล้าเฝ้ายึดปอง
สุริยาลาลับนับนานเนื่อง
สิ่งประเทืองร่ำร้องคงก้องขาน
เขาเฝ้ากล่าวมีไว้คล้ายประจาน
พลิกวันวานยืนเหงาเฝ้ารอคอย
น้ำค้างเยือนเดือนเด่นแสงนวลส่อง
น้ำคำน้องลับหายใจเหงาหงอย
ระทึกทรวงห่วงหากลับตาลอย
ดั่งดาวน้อยหยอกเย้าเคล้านัยน์ตา
แสนเสียดายมัณฑนาที่น่ารัก
เคยเสียบปักเส้นผมดมกลิ่นหา
หอมกลิ่นแก้มลาลับนับโรยลา
กาลเวลาเปลี่ยนไปใคร่คิดถึงนาง
อันสิ่งรักเปลี่ยนแปลงแฝงทุกสิ่ง
ช่างเกรงกริ่งฤทัยใฝ่สะสาง
หรือเขาชังเราแล้วทุกหนทาง
ปล่อยอ้างว้างแดเดียวเปลี่ยวเอกา
ก่อนเคยบอกความนัยให้ใฝ่คิด
จนหลงติดคำเพ้อละเมอหา
เหลือแต่สิ่งรอบข้างร้างกายา
หวนคิดคราว้าเหว่เหพลิกกลาย
อันทะเลปั่นป่วนยังหวนกลับ
เขาลาลับลืมคำจนช้ำสลาย
หรือเกลียดชังสิ้นหวังพังทลาย
เหลือน้ำใจให้หวนครวญรำพัน
สิ่งอบอวลล้วนหายละลายแล้ว
เสียงเจื่อนแจ้วเป็นวิหคที่ผกผัน
กลับลมพัดวาบหวิวพลิ้วแสงจันทร์
เหลือตัวฉันยังจำพร่ำรอคอย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
17 ธันวาคม 2550 13:03 น.
แก้วประเสริฐ
** แก่งคุดคู้ **
ลอยละล่องท่องไปในสายน้ำ
ที่ไหลฉ่ำแนวคุ้งกระแสสินธุ์
เป็นละลอกหยอกฝั่งจนโรยริน
เปี่ยมชีวินเบิกบานสราญรมย์
สองริมฝั่งภูผาแนวโขดเขิน
ดูนกเหิรโฉบอาหารเพื่อเสพย์สม
ภิรมย์รื่นชื่นบานในอารมณ์
ณ ริมฝั่งเพลินชมสมกับมา
จะหาใดไหนเทียบดุจแมนสรวง
เหมือนเข้าล่วงสู่สวรรค์แดนหรรษา
เหล่าแมกไม้ผกาดอกออกลานตา
วิจิตรพารื่นรมย์เดิมชมเพลิน
สองข้างทางปูลาดด้วยแนวหิน
สองข้างปริ่มมาลีอีกแนวเขิน
วางระเบียบเปรียบได้ดั่งแนวเนิน
ยากจะเมินหอมพฤกษาวิลาวัลย์
อีกหลายสิ่งวางไว้ในสวนพฤกษ์
ปราศอึกกระทึกสงบพบสีสันต์
ท่องเที่ยวไปในสวนล้วนอนันต์
ช่างซาบซ่านฤดีมิได้เลย
อากาศเย็นสบายไร้ขอบเขต
ดั่งนิเวศน์เทวามาเปิดเผย
ปลิดปัญหาในอกตกล่วงเลย
แสนเสบยหาภาพกลับเก็บมา
เดินคนเดียวเปลี่ยวใจอยากใกล้ชิด
เฝ้าหวนคิดถึงสาวเขาเรียกหา
มิใช่เราเป็นหนุ่มกรุ่มกริ่มตา
ไร้วาสนาเคียงคู่สู่สาวงาม
สาวที่นี่งามหนอลออสวรรค์
คิดผูกพันแต่ใจให้เกรงขาม
ด้วยต่างวัยเกินกว่าจะลวนลาม
กลัวเขาหยามดั่งวัวเลาะเล็มหญ้า
เดินลัดเลี้ยวสู่ยังสระอโนดาต
ล้วนดารดาษห่มน้อยที่ไขว่หา
หัวร่อร้องสนองเรียกก้องมา
ช่างเสน่หาหนุ่มสาวเย้าหยอกกัน
ละอายใจหันกลับสู่ผกาศรี
โอ้มาลีหอมหวลชวนเสพย์สันต์
มาดแม้นย้อนเป็นหนุ่มมิจากพลัน
ยากเหหันหนีจรต้องอ้อนนาง
อาณาเขตกว้างใหญ่จนเลียบโขง
คุ้งระหงส์วนรอบขอบรุ้งหาง
ที่จรดปลายน้ำย้ำเลือนราง
จนสว่างมืดลงมิคงนอน
สะท้อนกลับดนตรีมีเสียงแผ่ว
งามจริงแล้วบนดินถิ่นสลอน
เชียงคานฮิลถิ่นสวรรค์นั้นวิงวอน
ขอกลับย้อนแก่งคุดคู้สู่เชียงคาน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
15 ธันวาคม 2550 13:30 น.
แก้วประเสริฐ
** สายสวาท **
กลิ่นโน้มน้าวเย้าอรุณดรุณชาติ
ความพิลาสปั่นจิตคิดสนอง
เวิ้งว้างแสงตะวันอันเรืองรอง
ยามสอดส่องพักตราวิลาวัลย์
ปั่นป่วนเย้าทรวงในกระไรเหลือ
พลิกเอื้อเฟื้อย้อนสนิทวิจิตรฝัน
เบ่งบานรสเพลิงพิษฤทธิ์อนันต์
ช่างซาบซ่านวิลาสประหลาดจริง
เสมือนเหล็กหินภูผามาผลึก
สร้างระทึกยามสบพบยอดหญิง
เปรียบภูเขาไฟแนบเข้าแอบอิง
ละลายสิ่งฝังลึกตรึกใฝ่ครวญ
อวลระคนวนสิ่งระรินชาติ
พิศสวาทหยอกเย้าจนเฝ้าหวน
ดุจภมรถูกมาลีที่เย้ายวน
กลิ่นซ่านชวนปั่นป่วนยวนฤทัย
น้ำค้างหมอกบอกสิ้นกลิ่นลมพัด
ถูกสะบัดโรยลาจะหาไหน
ที่แน่นอนเวิ้งว้างช่างกระไร
เหมือนเย้าใจให้คิดหมดสิ้นแรง
หากจะเทียบเปรียบไปคล้ายอัปสร
พักตราอ่อนหวานซึ้งพึงยลแสง
ดังเก็จแก้วมณีรัตน์พรายพลิกแพลง
ระยิบแห่งนัยนาจนพร่าพราย
ยิ่งมองพิศจิตหวั่นซ่านสิ่งฝัน
หทัยสั่นซึ้งฤดีมิมีสลาย
จวบฟ้าแจ้งสายแล้วแผ่วละลาย
ภาพหายไปยังซึ้งตรึงซ่านทรวง
เมื่อไหร่หนอสิ่งรำพึงคะนึงคิด
เจ้ามาสถิตย์กลิ่นหอมย้อมใจหวง
พิลาสพิศสยบไว้จนคล้ายดวง
มณีล่วงพลิกสู่ในสายสวาทเอย.
*** แก้วประเสริฐ. ***