26 พฤศจิกายน 2550 21:46 น.
แก้วประเสริฐ
** หนาวอารมณ์ **
โลมรักไร้เรืองรองสี่ห้องแป้ว
โอ้หนาวแล้วหัวใจใยใฝ่ถวิล
อดีตกาลพ้นผ่านผันชีวิน
แทบหมดสิ้นใยเยื้อมิเหลือเงา
โศกอันใดใยเล่าจะเท่าโศก
วิปโยคเหนือใดเท่าใจขม
ชอกช้ำฝากรอยไว้ให้ระทม
สุดระบมเงาเยื้อมิเหลือรอย
อนิจจารักโยกโบกลาหนี
ค่ำคืนนี้ดวงจันทร์ยากดั้นสอย
เปรียบกระต่ายชะแง้หวังแลคอย
หยดน้ำย้อยสู่ทรวงห้วงนิทรา
ภวังค์เพ้อใฝ่พะวงหลงครวญ
เหมือนชักชวนสู่รักประจักษ์ฝัน
ถึงคืนวันอดีตหลังครั้งชมจันทร์
แนบชิดกันพรอดพร่ำฝากรำพัน
ว่ารักนี้มิแตกแยกเคียงคู่
หวังเพื่อสู่วิวาห์มาสุขสันต์
จะเคียงครองเฒ่าแก่แม้ชีวัน
มิแยกกันร่างสลายมลายจร
หรือแค่ได้เพียงฝันที่ฉันเพ้อ
เสมือนละเมอสู่ห้วงดวงสมร
แปดเปื้อนเศร้าเคล้าจิตลิดใจรอน
ใยบั่นทอนเหลือไว้จนใฝ่คนึง
โอ้หนาวนี้ใครเล่าจะฝ้าพรอด
หวานช่างลอดพร่ำเพ้อละเมอถึง
คงเหลือไว้ได้คิดจิตรำพึง
สิ่งตราตรึงฝากไว้แต่ฝ่ายเดียว
หวั่นอารมณ์ขมขื่นถึงคืนฝัน
ที่รักฉันขาดผล็อยลอยเป็นเสี้ยว
วาบหวามจิตฤทัยปั่นคล้ายเกลียว
สุดจะเลี้ยวหวนกลับเหมือนดับใจ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
25 พฤศจิกายน 2550 17:31 น.
แก้วประเสริฐ
** วิวิตกาล **
ศิวะราตรีสีแฝงแห่งแสงศิลป์
เหล่านรินทร์ปิ่นเทพเกษมสานต์
เอื้ออัปสรฟ้อนระบำย้ำเบิกบาน
อนันต์กาลผ่านพิภพจบทิวา
ศรุติบัณเฑาะว์เสนาะไพบูลย์
สังข์ละมุนสำเนียงเคียงเสน่หา
เวหาพราวเคล้าภาสปราศเมฆา
เสี้ยวจันทราบังเหลี่ยมพระสุเมรุ
พระพายฝากรำเพยเฉลยเสนาะ
แว่วไพเราะวิหคคลอล้อแลเห็น
พลิ้วระวิงพฤกษาวนาไหวเอน
ราตรีเน้นประกายในอารมณ์
บุบผาหอมละมุนกรุ่นปทุมมาศ
สล้างดารดาษโน้มอยู่คู่แสงโสม
พลันพลิกเผยเกสรซ่านผ่านสิ่งชม
เปี่ยมอภิรมย์ลอยล่องท่องราตรี
ฉวัดเฉวียนระคนยลแอบแฝง
วาบไหวแห่งหฤทัยให้เกษมศรี
พลิกกลับหวนปรุงแต่งแฝงฤดี
เสี้ยวรัชนีแสงเพ็ญเน้นดวงดาว
พริ้งเพริศแพร้วประไพในเวหน
อิ่มเอมจนเบิกบานปานเหิรหาว
วิรัชกาลสรรค์แห่งวิวัฒน์พราว
อารมณ์น้าวโน้มภิรมย์บ่มฤทัย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
10 พฤศจิกายน 2550 21:13 น.
แก้วประเสริฐ
** ห้วงรำพึง **
จิ่งหรีดกรีดปีกเสนาะไพเราะสนาน
แผ่วประสานหริ่งเรไรพฤกษ์ไพรสณฑ์
อวลระคนกลิ่นดอกโศกโยกกมล
พล่านเสียจนรัญจวนล้วนคนไกล
ไผ่ใบพลิ้วละลิ่วเสียงสำเนียงแจ้ว
ค่ำคืนแล้วจันทร์พร่างกระจ่างใส
ใยรำลึกพิศพะวงหลงดวงหทัย
กลั่นตรึงใจสิ่งผ่านร้าวราญฤดี
โอ้รักเอยครั้นผวนชวนจนพล่าน
ซ่านรัตติกาลเคยซึ้งรำพึงฉวี
เคยเรียกร้องขลุ่ยแผ่วแนวชีวี
พึงราตรีขับขานซ่านเนื้อนวล
อกนี้หนอค่ำนี้มิเหลือแล้ว
เสียงเคยแผ่วออดอ้อนย้อนสุดหวน
อวลหยาดค้างหยดแปะแซะพร่ำชวน
หอมเย้ายวนขจรลั่นทมกลิ่นรมนาง
บรรเลงขลุ่ยฝากเสียงสำเนียงสวาด
เน้น-นฤนาทผ่านไพรที่ใกล้ขวาง
ห้วงอารมณ์บ่มพลิ้วละลิ่วพลาง
ถ่ายทอดวางสิ่งน้อยลอยลิ่วลม
ครวญฝากเสียงอ้อยอิ่งระวิงแว่ว
ลมพัดแผ่วหวังถวิลจินต์แอบแฝง
ยังซ่อนเร้นย้อนยอกออกระแวง
ล้วนที่แย้งรันทดหมดเบิกบาน
กลิ่นผกามาศกลับยวนเคล้าหวนจิต
เปลื้องวิปริตรปลดละลายใจประสาน
นิ้วบรรเลงเป่าขลุ่ยลุยผ่านกานต์
ผดุงซาบซ่านรวมซึ้งถึงห้วงหทัย
จันทราพร่างสว่างจ้านภาบรรเจิด
แสงส่องเชิดพงพนาพฤกษาไสว
เสมือนเคียงคู่ฟังสำเนียงเสียงไพร
ล่องลอยไว้สู่อารมณ์ภิรมย์ครวญ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
5 พฤศจิกายน 2550 21:14 น.
แก้วประเสริฐ
** พลิกเปลี่ยน **
๏ นางงามวางบ่วงช้ำ ฤทัย
ร้อยเล่ห์วกเวียนใจ ผ่านเจ้า
อุปเท่ห์พลิกสู่ใน สิงสู่ ดวงแฮ
กลเม็ดเด็ดมอบเคล้า แล่งเนื้อพัฒนา ๚
เหลี่ยมมุมมุขเสกสร้าง กลมกลืน
แฝงบดเบียดหวานชื่น ฝากไว้
หวังเพียงกลับพลิกฟื้น คืนสู่ รังแฮ
กลิ่นกายวนเวียนไซร้ แนบห้องนางพราย ๚
เล่ห์ร้ายกาลผ่านพ้น นานปี
เม็ดหมกพ้นห้วงฤดี จรดสล้าง
มิใคร่พลิกนวลฉวี คืนแนบ กายเฮย
เกรงกริ่งก้านปทุมร้าง หยาดฟ้ากลางสมร ๚
สวาดปูมกลิ่นพลิกแล้ว ห่างวัน จริงเฮย
กลศึกวางสุขสันต์ ล่องฟ้า
มาดแม้นอิงแนบกัน คงพราก ยากแฮ
ฝืนหับบ่มใจข้า มากแท้กริ่งเกรง ๚
พบสมรหยอกหนุ่มเย้า เคียงกาย
แผลเก่ายากผลิตฤทัย มากแล้ว
ขอเพียงหยั่งดวงใจ มิแทรก นางแฮ
ยลสวาดขย้ำเหยื่อแป้ว ฟาดพื้นปฐพี ๚
กลเม็ดพลันเปลี่ยนฟ้า ตลบดิน
หนุ่มกลับผันสู่จินต์ พรากเจ้า
เวรกรรมส่งรวยริน คืนฝาก นางแฮ
ครวญคร่ำสะอื้นเคล้า หลั่งน้ำจินต์มลาย ๚
เล่ห์เหลี่ยมมิหยั่งฟ้า สูครอง จริงนา
เปรียบดั่งแหลอดช่อง หลีกได้
เสน่หาปลิดครรลอง เนืองแน่น ตลบเฮย
เฉิดบ่ครอบคลุมไว้ แหลกสิ้นลับตา ๚
บทเรียนเยี่ยงดั่งเจ้า โรมรัน
ศึกกลับพลิกแปรผัน สู่ฟ้า
แม้ซึ้งฉ่ำเฉิดอนันต์ ยังพราก สวาดแฮ
ร่ำออดเสียงไขว่คว้า ผ่านแล้วเลือนสลาย ๚ะ๛
*** แก้วประเสริฐ. ***
4 พฤศจิกายน 2550 16:51 น.
แก้วประเสริฐ
** เขาหาว่าบ้า...ฮึ **
มาละเหวย
มาละวา
มาดูคนบ้า
แต่งกลอนลำนำ....ฮึๆๆๆ
สิ้นแสงสูรย์อาดูรเทวษเศษชีวิต
มืดดำสนิทดุจใจในเสี้ยวผง
ว้าเหว่หวิวร่ำร้องสองอนงค์
ชี้หน้าตรงส่งของลองกำนัล
แลกเปลี่ยนสิ่งซึ้งไว้ฤทัยหมอง
ดุจประลองความรักประจักษ์ฉัน
อนาถแล้วเวรกรรมที่กล้ำกัน
ใครคนนั้นส่งนี่เพื่อพลีใจ
อีกหนึ่งทะมึงมองสองตาจ้อง
เสียงฟ้าร้องก้องเลื่อนสะเทือนใส่
โอ้นี่หรือคือสิ่งแนบอิงไป
ทำอย่างไรหนอเล่าเฝ้าแลมอง
ยกมือไหว้พอเถิดแม่ทูนหัว
ลูกนี้กลัวสองแม่มาแผดสนอง
เขาเลยกล่าวคนบ้าอย่าลำพอง
เดี๋ยวแม่ถองตุ้บตับประทับรอย
ก้าวถอยมาบาทาในอากาศ
อีกคนปราดเข้าสอดแม่ยอดสร้อย
เสียงกรีดร้องหวีดว้ายคล้ายเมฆลอย
แผลน้อยน้อยสองเจ้าโอ้เข้าตำรา
เห็นจะต้องทบทวนบทเรียนแล้ว
อีกหนึ่งแจ๋วคงซึ้งซึ่งหรรษา
คงไม่เกิดเรื่องราวเข้ามีมา
แต่จะหาอย่างไรไม่เหมือนเดิม
ยิ้มลูบผมเดินไปคล้ายห่างหนี
เสียงดนตรีหยุดสนิทปิดใจเหิม
พระสุรเสียงเรียกหามาเพิ่มเติม
ทวีเพิ่มบรรยากาศสาดแว่วมา
นี่ไอ้แก่จะไปใยไม่ห้าม
ดูเหยียดหยามนารีที่ใฝ่หา
ทั้งสองนางถือไม้พร้อมชายตา
ดุจเสน่หาคนหล่อพ่อไม่รวย
ทรุดกายนั่งกราบลงตรงปฐพี
แม่ยาหยีลูกกลัวเพราะมัวฉวย
ของที่หล่นเรี่ยราดพลาดอำนวย
มิได้ช่วยหรือหนีใยไม่แล
เสียงสองนางร้องก้องไอ้แก่เอ๋ย
ลวดลายเคยออดอ้อนมาอ้อนแผล
บัดนี้เล่าเหมือนทารกร้องแวแว
หรือว่าแน่ปลุกพระมาทำไม
แม่ทูนหัวพี่กลัวจนตัวสั่น
ตัวของฉันจะเดินไปที่ไหน
ทั้งสองแม่เลิศล้ำงามวิไล
เพลงร้องไปแนบซึ้งตรึงอุรา
เอ็งจะบ้าอย่างไรข้าได้เห็น
แม่เนื้อเย็นโปรดเถิดเฉิดเสน่หา
ทั้งสองนางกล่าวถ้อยร้อยวาจา
เหมือนนำพาขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
กราบงามงามสามทีกลิ้งหนีถอย
มือน้อยน้อยไขว่คว้าหาสิ่งขึง
พยุงร่างตะลึงแลแม่ตะลึง
คิดไม่ถึงคนแก่แน่จริงจริง....จบ
*** แก้วประเสริฐ. ***