31 ตุลาคม 2550 23:56 น.

** ลบตราตรึง **

แก้วประเสริฐ


            **  ลบตราตรึง  **

     ห้วงคำนึงรำพึงตะลึงผวน
สิ่งซึ้งชวนไขว่คว้าคราผูกฝัน
ย้อนอดีตรำลึกตรึกแสงจันทร์
อีกตะวันพลบค่ำย้ำสนธยา

   แสงสีทองส่องพิลาสประหลาดนึก
ความรู้สึกล้วนหันรำพันหา
โอ้เสียงน้ำสาดชายหาดพัทยา
ก่อนเคยมานั่งจ้องมองพิไล

     บัดนี้เล่าเปลี่ยนแปลงล้วนแฝงสิ่ง
เสียงอ้อยอิ่งครวญคร่ำดุจร่ำไห้
ชายหาดเอยเคยเห็นก่อนแต่ไร
แปรละลายผันเปลี่ยนเวียนเสียงเพลง

     ก่อนเคยนั่งฟังคลื่นระรื่นจิต
ระบายคิดฝากไว้กับในแสง
ทั้งดวงจันทร์อาทิตย์ยามอ่อนแรง
ล้วนแต่แฝงความงามล้ำเลิศทรวง

     ทั้งวิหคกู่ร้องก้องเวหาส
คลื่นนั้นสาดชายฝั่งดุจดังสรวง
อีกพฤกษาเป็นแนวรอบขอบยวง
หนุ่มสาวควงหยอกล้อพะนอกัน

     นานนานทีได้แลชะแง้หา
บัดนี้หนามากมายไม่ต้องหัน
ผิดกับเก่างามจรดวิลาวัลย์
จึงต้องฝันคำนึงคะนึงครวญ

     หรือเราแก่ไปแล้วมิแคล้วฝัน
ก่อนวิมานบนดินถิ่นคนหวน
มิเหลือเลยความหลังครั้งทบทวน
ผันแปรปรวนหัวดำและคล้ำแดง

     พัทยาเอ๋ยเหลือไว้สู่ในอดีต
ด้วยแบ่งขีดวิไลคล้ายแอบแฝง
วัตถุเข้าครอบงำย่ำอย่างแรง
ระวีแสงจันทราพาลับเลือน

     สิ่งตรึงตราหมดแล้วเจ้าแก้วเอย
ความฝันเคยฝากไว้คล้ายถูกเฉือน
ยืนรำพึงถึงเก่าคราวมาเยือน
พบสิ่งเปื้อนของสาวเจ้าคะนอง

     ลาก่อนแล้วพัทยาขอลาก่อน
สิ่งสะท้อนความหลังพังเป็นสอง
แตกเป็นชิ้นละลายคล้ายละออง
ที่ลอยฟ่องแตกดับขอลับลา.

     ***  แก้วประเสริฐ.  ***
				
21 ตุลาคม 2550 11:02 น.

*** ตะวันราตรี ***

แก้วประเสริฐ


         **  ตะวันราตรี  **

     ระวีอ่อนรอนแสงแฝงหวนคิด
ภาพเนรมิตความฝันอันเฉิดฉาย
เพริศพริ้งแพรวแวววับลับละลาย
แม้นเดือนพรายนวลนุ่มมิชุ่มฤดี

     บัดนี้หนอรอน้ำอันฉ่ำสนิท
สิ่งหวนคิดละลายคล้ายแสงสี
ทอดเพียงหนึ่งกำหนดจดราตรี
พระสุรีย์เลือนพรายดุจสายลม

     ฟ้าเคยพราวพร่างไว้ไร้เมฆหมอก
เหลือสิ่งหลอกฝากลงคงขื่นขม
ใยเคยคิดเตลิดไปใฝ่ภิรมย์
หักเหจมสิ่งนั้นมิพลันคืน

     โอ้แสนนึกตรึกตรองแลล่วงลับ
จันทร์นั้นกลับกระจ่างยลค้างฝืน
ดาวดวงน้อยลอยเคียงยังเลี่ยงยืน
ความสะอื้นราตรีมิมีพราว

     ดุจละอองเพียงแลชะแง้หา
สิ่งหวนมาฝากไว้ดุจคล้ายหาว
เรไรร้องเรียกคู่ชู้ชื่นระนาว
ย้อนสืบสาวหวนเด่นเน้นอารมณ์

     แสนอนาถลิขิตลิดวาสนา
เคยเลี้ยวมาแลลับนับฝากขม
ใยความหวังละลายดั่งสายลม
คงระทมเหลือไว้ในแสงเดือน

     ต่อนี้ไปใครเล่าจะเฝ้าเหลียว
ยังคดเคี้ยวดังฉวีที่แอบเฉือน
แม้แต่ดาวเคยเคียงร่วมเรียงเยือน
เสมือนเลอะเลือนเมฆาลับลาจร

     เพียงหนึ่งร้อยถวิลสิ้นหวนกลับ
หนีแลลับสูญสิ้นจนจินต์หลอน
มิเหลือใยสิ้นไร้คล้ายแรมรอน
เคยย้อนถอนฝากไว้ในฟ้าดิน

     ขอฝากลงตรงคืนสะอื้นพลิก
ดุจเล็บจิกจากนวลเฝ้าหวนถวิล
ย้ำเป็นแผลแนบเนื้อในเยื้อจินต์
ต้องสูญสิ้นราตรีคล้ายพลีดาว.

     ***   แก้วประเสริฐ.  ***
				
19 ตุลาคม 2550 13:18 น.

** แอ๊บแบ๊ว **

แก้วประเสริฐ


        **  แอ๊บแบ๊ว  **

     คำศัพท์นี้ผันผวนชวนให้คิด
มาดำริห์ตรึกตรองกรองเหตุผล
ใยเป็นเหตุหลงใหลใคร่เวียนวน
สร้างเสียจนหนุ่มสาวเฝ้ารัญจวน

     เข้าผูกพันกระแสจนแปรผัน
หรือสวรรค์เร้าใจให้ใฝ่หวน
เห็นสนุกคลุกเคล้าจนเย้ายวน
สร้างปั่นป่วนชวนซ้อนมอเตอร์ไซค์

     อึกกระทึกครึกโครมมิคำนึง
หวนรำพึงอนาคตงามสดใส
เที่ยวเร่ร่อนรบกวนชวนกันไป
แข่งขันใช้หญิงสาวเฝ้าแลกปอง

     ทิ้งศึกษาไม่สนจนเปรอะเปื้อน
ทำแชเชือนหวังสนุกเพื่อสุขสนอง
หญิงซ้อนท้ายเห็นเป็นเด่นเรืองรอง
คึกคะนองโก้เก๋เท่ห์ลวดลาย

     จะว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ใครกันแน่
มิเหลียวแลครั้นพบจบฉิบหาย
ปั่นป่วนจนชาวบ้านนั้นวอดวาย
บ้างก็ตายทุพลภาพกราบกราน

     ครั้นติดคุกตะรางพลางเศร้าโศก
วิปโยคคร่ำครวญล้วนขับขาน
พ่อแม่เต้นหาคนจนลนลาน
ไหว้เที่ยววานเมตตามาเกื้อกูล

     ก่อนเหตุนี้มิคำนึงคนกล่าว
ที่เขาเฝ้าตักเตือนลบเลือนศูนย์
พอสิ้นท่าขอเขาเฝ้าเจือจุน
เที่ยววิ่งวุ่นทำไมใยไม่เตือน

     ศัพท์ใหม่เขาตั้งไว้ใช้แอ๊พแบ๊ว
หญิงซ้อนแถวรถไปให้เชือดเฉือน
ผลัดเปลี่ยนกันเสพย์สมภิรมย์เยือน
จนเต็มเกลื่อนราตรีมอเตอร์ไซค์

        ***  แก้วประเสริฐ.  ***
				
15 ตุลาคม 2550 11:15 น.

** แปดฤาไฉน **

แก้วประเสริฐ


           **  แปดฤาไฉน  **

     บูรพาจารย์จารึกตรึกอักษร
หากเล่นกลอนแปดนั้นอันสดใส
อักษราอ่อนพลิ้วลอยลิ่วไป
สัมผัสในนอกไว้ควรใส่กัน

     จะมีบ้างบางคำย้ำหลีกเลี่ยง
ทำนองเสียงบังคับนับเสกสรร
คำกล้ำเกินระวังไว้ไม่ผูกพัน
ควรสร้างจารให้เกิดเลิศไฉไล

     ฉันท์ลักษณ์หมั่นจำพร่ำมิขาด
ด้วยแบ่งบาทเป็นสี่นี้เฉิดไสว
วรรคที่หนึ่งเรียกสลับประดับไป
คำสุดท้ายสามัญเน้นเต้นจดจำ

     วรรคที่สองรองรับท้ายบทแรก
นิยมแจกจัตวาอย่ามาขำ
ห้ามโทตรีสามัญนั้นผูกนำ
อีกมีรูปวรรณยุกต์พร่ำย้ำแจง

     หากเขาใช้เสียงตรีนี้เป็นไฉน
ด้วยเหตุได้กลอนส่งบรรจงแฝง
จำต้องปองสนองไว้ให้พลิกแพลง
กลอนมีแรงได้ไพเราะเจาะอารมณ์

     วรรคที่สามกลอนรองต้องค้นพบ
จงบรรจบเสียงสามัญครั้นเสพย์สม
ห้ามจัตวาวรรณยุกต์รูปเชยชม
คำตายบ่มเสียงตรีรับกลับมา

     วรรคที่สี่กลอนส่งบรรจงสอย
นิยมร้อยสามัญเสียงหรรษา
เว้นคำตายวรรณยุกต์รูปผูกพา
เสียงตรีหนาก็ได้ไม่เป็นไร

     สัมผัสนอกในควรมิแอบแฝง
ซึ่งเป็นแหล่งไพเราะเพราะสดใส
จะไหวหวิวพลิ้วเพริศสู่เกรียงไกร
เฉิดไฉไลดังนี้ที่ควรมอง

     สัมผัสนอกคำท้ายกลอนได้ส่ง
แล้ววางตรงสองสามสี่ที่วรรคสอง
หรือห้าหกเจ็ดได้ให้ทำนอง
แต่ควรต้องคำสามตามตำรา

     สัมผัสในโลมเรียงเคียงห้าเจ็ด
หรือเบ็ดเสร็จสามสี่ก็ดีหนา
หากไม่มีก็ได้ไม่นำพา
เพียงแต่ว่ากระด้างมิสร้างจินต์

     อักษรสูงเสียงสูงผดุงจิต
สิบเอ็ดคำนำประดิษฐ์ให้ถวิล
อักษรกลางวางเก้าเฝ้ากวิน
นอกนั้นสิ้นต่ำหมดจรดกาล

     กลอนแปดแปดคำพริ้งระวิงแว่ว
จะเพริศแพร้วอย่างไรให้ประสาน
จิตอารมณ์ผสมผสานผ่านเนิ่นนาน
อักษรนั้นสรรค์หาจะพาเพลิน.

        ***   แก้วประเสริฐ.  ***
				
11 ตุลาคม 2550 19:28 น.

** สิ้นแสงตะวัน **

แก้วประเสริฐ


                 **  สิ้นแสงตะวัน  **

      ตะวันครั้นแลลับ            หยุดเสียงขับเคยพร่ำขาน
บุบผาหยุดเบ่งบาน              หัวใจฉันเศร้าทรวงใน
นกน้อยเรียงร้อยคู่               พิศมองดูยากแจ่มใส
วาดหวังรุ่งเรืองไกล             ปราชญ์วิไลใยลับลา

     ต่อนี้ยากจะเหลือ              สิ่งจุนเจือพระศาสนา
ครั้งเพียรหมั่นวิชา                 เคยนำมาใฝ่หมายปอง
ดับแล้วแสงโคมสิ้น                ผุดผ่องถวิลถิ่นละออง
แสงธรรมล้ำเรืองรอง              แตกลอยฟ่องดับสิ้นไกล

     ยากแท้ในยุคนี้                 หาใครที่มาเฉิดฉาย
เปล่งปลั่งธรรมวินัย                ให้เกรียงไกรได้บ่มี
คงแฝงแหล่งสมบัติ                 สอนวิบัติน่าบัดสี
โน้มน้าวเฝ้าโลกีย์                   ผ้าเหลืองนี้จนมัวเมา

     อ้างธรรมมาพร่ำพรื้อ           จนระบืองมงายเขลา
ศาสนาคงเหลือเงา                    สีเหลือเฝ้าห่อคลุมกาย
พรายดำที่กลัวหด                      กลับถูกปลดเปล่งเฉิดฉาย
คนนำธรรมละลาย                     เหลืออะไรให้หมายคิด

     สองปราชญ์ที่เคยหวัง            เหลือหนึ่งยังเปล่งเฉิดฉินท์
บัดนี้กลับล่วงริน                         คงหมดสิ้นถิ่นแสงทอง
อาลัยเป็นยิ่งนัก                          หวังประจักษ์ปราชญ์รุ่นสอง
เพื่อนำสิ่งเรืองรอง                      ให้ผุดผ่องเด่นตระการ

     แม้นรู้เป็นอนิจจัง                   ยากจะหวังมาขับขาน
นำธรรมให้เบิกบาน                     นมัสการด้วยใจจริง
ตะวันครั้นลาลับ                            ย้อนหวนกลับแนวระวิง
ความหวังหากเป็นจริง                   เปลี่ยนทุกสิ่งย้อนคืนมา

     เสียดายหัวใจเศร้า                    เหลือเพียงเงากับตำรา
ทิ้งไว้ให้ค้นคว้า                              ฝากวิชาเป็นบทเรียน
ธรรมชาติมาสอนจิต                       ดุจชีวิตที่ขีดเขียน
เต้นไว้ในกงเกวียน                         หากไม่เพียรแสนเสียดาย

     ชีวิตทั้งชีวิต                               ปราชญ์ลิขิตแสนมากมาย
ปลวกกินสิ้นละลาย                          ก็อย่าหมายในแสงทอง
วิวัฒน์กาลต่อไป                              อย่าเมินไซร้ช่วยครรลอง
ประกอบสิ่งสนอง                             สมเป็นศิษย์เพื่อศาสดา.

                            ***   แก้วประเสริฐ.  ***
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ