17 กันยายน 2548 11:43 น.
แก้วประเสริฐ
* น้ำตาของลูกผู้ชาย *
ตะวันพลบกลบแสงสุรีย์ฉาย
เปรียบน้ำใจของชายที่ไร้หญิง
แสงดวงดาวพราวเพริศฟ้าคราอิง
น้ำใจหญิงสุดร้างแลห่างไกล
ภายในดวงใจไม่มีใครจะรู้ว่า
หยาดน้ำตาของชายไม่ผ่องใส
ดุจเมฆทับดับดาวเศร้าหัวใจ
สิ่งผ่านไปเหมือนไร้เดือนตะวัน
ยอมเหนื่อยกายเพื่อนางสุดที่รัก
ยอมวางรักเพื่อนางให้เฉิดฉันท์
ยอมทุกสิ่งเหมือนควักหักชีวัน
เพื่อเธอนั้นจะได้ไม่หมองตรม
เสียงครวญคร่ำร่ำร้องฟ้าคราฝน
ดั่งจะป่นหัวใจคล้ายเรือล่ม
พายุพัดซัดเซรักลอยลม
ยากจะข่มอาวรณ์ถอนฤทัย
ช่างแสบทรวงล้วงซ่อนตอนถูกควัก
ยามคนรักกลับกลายหัวใจสลาย
สู้สละถนอมสิ่งสุขยอมทุกข์กาย
สิ่งที่ได้คือใจคล้ายผงธุลีดิน
อนิจจาฟ้าเอ๋ยใยพิโรธ
อย่าลงโทษเธอเลยข้ายอมสิ้น
เพื่อสิ่งรักหักลงแล้วแม้ชีวิน
ขอเธอผินบินสู่ฟ้าหาดวงดาว
น้ำตาลูกผู้ชายคราไหลหลั่ง
ดุจฟ้าคลั่งฝนหลั่งจากห้วงหาว
แผ่นดินแยกแตกระแหงแฝงเรื่องราว
ป่นคลุกเคล้าเฝ้าระบมขมทรวงใน
หลับตาลงส่งน้ำไหลซึมซาบ
สุดจะปลาบแปลบปวดรวดร้าวไว้
ผ่านในทรวงห่วงหาแสนอาลัย
ยากสิ้นสลายเหมือนตะวันนั้นลับจร.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
16 กันยายน 2548 11:38 น.
แก้วประเสริฐ
* นี่หรือสิ่งรอคอย *
เหม่อฟ้าคราใดดวงใจสะท้อน
นึกถึงตอนฟ้ากระจ่างสว่างใส
สิ่งอิ่มเอิบพุ่งพล่านซ่านฤทัย
ความสดใสแผ่ซ่อนอ้อนฤดี
วันจำลามาพรากสิ่งจากฝัน
ลบตระการหลบลี้ดูหลีกหนี
ความสดใสซาบซ่านผ่านชีวี
ทิ้งส่วนที่เหลือไว้ไห้นำพา
เพราะเวลาวันนั้นครั้นใกล้ชิด
ยังตรึงติดแนบรำพึงคำนึงหา
ยากลุล่วงผ่านบ่วงที่ล่วงมา
แสบอุรายากผ่านฝันเลื่อนลอย
พอเวลาวันนี้มีมาถึง
ยิ่งคำนึงฝันใฝ่ใจละห้อย
มองเมฆาละล่องไร้ร่องรอย
สู่เฝ้าคอยชะเง้อหายามราตรี
เฝ้ารำพึงคำนึงหามาพบเจ้า
รอวันเข้าสู่ซึ้งซึ่งสดศรี
ใยผันเปลี่ยนหักร้างวางชีวี
ดุจจะมีปีศาจมากวนใจ
บัดนี้เล่าฟ้าโปรยโรยน้ำฝน
ยังสู้ทนตากมาหาสิ่งใส
ด้วยน้ำจิตมิตรไมตรีที่มีไว้
ช่างทำได้ใยร้างดั่งฝนโรย
ความชื่นฉ่ำเย็นเร้าเคล้าร้อนรุ่ม
ดุจไฟสุมกลางน้ำช้ำสุดโหย
โรยสิ่งร้างดุจดั่งฟ้าฝนโปรย
ลมฝนโชยแลลับดับดวงดาว.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
14 กันยายน 2548 15:20 น.
แก้วประเสริฐ
* โอ๊ยข้าแทบจะบ้าตาย *
ฝนปะปรายพร่างพรมสู้ลมหนาว
นั่งคุดคู้หน้าเศร้าแหงนเฝ้าฟ้า
แสงอาทิตย์มิเห็นที่เป็นมา
เกิดปัญหาค้างใจล้วนใฝ่คิด
สิ่งเงียบเหงาสู่ฝันยามหันร่าง
คิดฟุ้งสร้างผ่านห้วงสู่ดวงจิต
จับประเด็นใหม่เก่าที่เข้าติด
เบิ่งชีวิตผิดแผกแตกต่างไป
มองดูสาวแวววับขยับยิ้ม
งามจิ้มลิ้มผ่องพรรณนั้นสดใส
อีกคนหนึ่งเข้ามาช่างวิไล
พอผ่านไปอ้วนกลมผมงามตา
เธอแย้มยิ้มพริ้มพักตร์พยักเพยิบ
ใจกำเริบเอิบสานพลันยิ้มหา
พอดูใกล้ตาลายตายแล้วหวา
เจ้าหนี้มาแทรกตัวหนีพัวพัน
พอหลุดพ้นชนเข้ากับนางหนึ่ง
เธอทะมึงเสียงห้าวราวแยกขัน
ชนเข้ากับสังกะสีดังเหมือนกัน
กระแท้นั้นฉันลามิตอแย
ยิ่งฝนตกหงุดหงิดจิตมิฉ่ำ
จะว่าขำมิขำมิแยแส
ร่างผู้หญิงเสียงควายใครตอแย
ให้ท้อแท้เดินเข้าหาอาหารกิน
ด้วยรูปหล่อเราใครไหนเท่าเทียบ
ยากยิ่งเปรียบแม้ดารายังอายสิ้น
ทั้งพสุธาผืนฟ้าทั่วแดนดิน
ใต้ผืนดินยังสยบนบนอบเรา
เสียอย่างเดียวตัวเตี้ยมาล่อต้อ
ผอมโก่งงอดั่งกุ้งที่ถูกเผา
สำเนียงพูดปานฟ้าผ่ามิบางเบา
ซ้ำไม่ขาวราวเงาะป่าเผ่าซาไก
เดินเหินสง่างามปานเทพนิรมิต
เท้าซ้ายชิดขวาสั้นลงตรงไฉน
ปากแดงชาดงามระหงส์ดุจอรทัย
หญิงทั้งหลายเห็นเราเฝ้าเหลือบแล
นี่นะหรือชายชาติอาชาจะมาสู้
เพียงเหลือบดูหญิงก็ยิ้มแยแส
จะหมื่นลี้สักแสนสี้ก็ยากแท้
โอ๊ยที่แน่ก้อนเมฆเยิ้มเติมไอติม
ขณะทานอาหารพลันมองฟ้า
หญิงก็มาเซ้าซี้ดูแย้มยิ้ม
อกยกผ่านซ่านทรวงใจล้วนปิ่ม
ครั้นกรุ้มกริ่มเจ้าสะท้านพลันเอียงอาย
โลกเอ๋ยโลกฟ้าเอ๋ยฟ้าข้าเจ้าโลก
หากถูกโฉลกสู่ข้ายังมิสาย
เอ๊ะอย่างไรใยข้าอยู่เดียวดาย
ใต้ต้นไม้มองชะแง้แลฝนปรอย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
13 กันยายน 2548 22:28 น.
แก้วประเสริฐ
* บทสรุปนางกากี *
*กลิ่นกากี* นี้แรกเริ่มทีเดียว ข้าพเจ้าเขียนพรรณนา
ถึงหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งเพียบพร้อมทุกๆสิ่งทุกอย่าง งดงาม
สดสวย อบอวลด้วยกลิ่นหอม ยามใกล้ชิดนางยิ่งนัก
มาดแม้นว่ากาลนั้นจะล่วงเลยมานานแสนนานก็ตามที สิ่งนี้ยังติดตาม
อนิจจาหาได้สมเจตนาปรารถนาอย่างใดไม่กลับทำให้คำนึงซึ้งยิ่งนัก
พลันอารมณ์คิดถึงจึงได้เขียนกลอนพรรณนาว่าไว้ดังกล่าว
พอเขียนมาได้ตอนหนึ่งคือ...
* มาดแม้นพี่เหาะได้ไกลสรวงสวรรค์ *
พลันระลึกถึงสหายคนหนึ่งซึ่งอยู่ร่วมในบ้านกลอนไทยนี้คือ
คุณ *บินเดี่ยวหมื่นลี้* กวีเอกแห่งบ้านกลอนไทย จึงใคร่เย้าแหย่
ตามประสาเพื่อนที่รักกัน รีบแก้ไขกลอนเปลี่ยนเป็นดังนี้...
* มาดแม้นพี่บินได้สักหมื่นลี้
โอ้ชีวีนี้จะคว้ามาจากสรวง
แม้องค์อินทร์เทวายากมาทวง
ยากลุล่วงหวงเจ้ามิให้ชม *
ครั้นลงกลอนสู่บ้านกลอนไทย สมเจตนาครับ *คุณ บินเดี่ยวหมื่นลี้ *
คอมเม้นท์งาน ว่าตั้งแต่นี้จะขอเปลี่ยนจาก *นกไฟ* เป็น*พระยาครุฑ*
แล้วแต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็น *ท้าวพรหมทัต*ซะเลย พลันเกิดนึกชักสนุกกับงานนี้
แต่ก็ทราบเรื่องกากีเพียงเลาๆสมัยยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่เท่านั้น ไม่ทราบเหตุการณ์
ตอนต่อไปเป็นฉันท์ใดเพียงได้ยินเข้าเล่าสืบมา เลยลองเขียนตอนท่าน*ท้าวพรหมทัต*
เศร้าโศกแต่ไม่ได้ลงชื่อเกี่ยวข้องท้าว*พรหมทัต*ไว้
เป็น เรื่อง *วันแห่งกาลเวลา* ผสมผสานเก่าใหม่ ซึ่งเนื้อเรื่องรวบรัดเรื่อง *กากี*
พอเขียนต่อมาอีก ปรากกฎว่า คุณ อัลมิตรา ยอดหญิงกวีแห่งบ้านกลอนไทย
เกิดมาร่วมสนุกด้วย ทำให้ข้าพเจ้าเกิดพลังใจขึ้นอย่างประหลาด คิดวาดความฝันจะเขียน
เรื่อง *นางกากี* นี้ให้จบเลย จึงสอบถามหาเนื้อเรื่อง แต่หาผู้ใดทราบเรื่องแท้จริงไม่ ทดลอง
ค้นหาตามเวปฯต่างๆจนพบ อยู่ใน เวปฯ * เกมส์ไขว้อักษรไทย* เรื่อง กากี เป็นร้อยแก้วสั้นๆ
ดังที่จะนำมาเสนอไว้ประกอบ บทกลอนที่ผมแต่งขึ้นไว้ให้ทั้งหลายพิจารณาไว้ครับ...
กากี
ท้าวพรหมทัตกษัตริย์แห่งนครพาราณสี มีพระมเหสีรูปงามกลิ่นกายหอมชื่อว่านางกากี พระองค์รักและหลงใหลนางกากี ไม่ให้มหาดเล็ก คนสนิทที่เป็นชายเข้าใกล้หรือได้เห็นนางยกเว้นที่จำเป็นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หนึ่งในหนุ่มคนสนิทที่สามารถเข้าใกล้นางกากีได้คือ นาฏกุเวร ผู้เป็นคนธรรพ์รูปงามมีหน้าที่บรรเลงดนตรี แต่งกลอน ขับกล่อมให้แก่ท้าวพรหมทัต ในยามที่พระองค์เล่นสกากีฬาโปรดปรานกับพระสหายสนิท
ตามปรกติคนธรรพ์เป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทวดาที่มีความสามารถสูง ยิ่งเป็นนาฏกุเวรผู้มีความเปรื่องปราชญ์ก็ยิ่งเป็นที่รักใคร่ไว้วางพระทัยของท้าวพรหมทัต
นอกจากพระประยูรญาติที่ท้าวพรหมทัตโปรดให้เล่นสกาด้วยแล้ว พระองค์มีสหายสนิทผู้มีความลึกลับที่มีฝีมือการทอดสกาเทียบเท่าพระองค์นามว่าเวนไตย เวนไตยเป็นพญาครุฑที่มีวิมานชื่อฉิมพลีตั้งอยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรุเหนือดงงิ้วผู้มีร่างมาเป็นมานพรูปร่างสง่างามในเมืองมนุษย์ เวนไตยไม่ยอมบอกว่าตัวเองมาจากที่ไหน แต่ก็มาเล่นสกากับท้าวพรหมทัตอย่างสม่ำเสมอทุกๆเจ็ดวัน
คำร่ำลือถึงความสง่างามของพญาเวนไตยจากสนมกำนัลมาเข้าหูนางกากี นางกากีลองแอบดูครั้งหนึ่งก็พอดีกับเวนไตยมองมา ทั้งคู่ต่างตื่นเต้นในความงามของกันและกันทำให้เวนไตยถึงกับทำอุบายลักพานางกากีไปจากท้าวพรหมทัต โดยการจำแลงตัวเป็นพญาครุฑบินไปบังแสงอาทิตย์ที่ส่องเมืองพาราณสีทำให้เมืองมืดมิดและอลหม่านจากการเกิดพายุใหญ่กระหน่ำ เวนไตยฉวยโอกาสนี้พาตัวนางกากีไปสมสู่ ณ วิมานฉิมพลี เนื่องจากนางกากีก็พึงพอใจเวนไตยเมื่อยามเป็นชายหนุ่มรูปร่างสง่างามในวิมานฉิมพลี
ท้าวพรหมทัตเป็นทุกข์ระทมเมื่อนางกากีมเหสีสุดสวาทได้หายไปไม่สามารถตามหาได้ นาฏกุเวรผู้แอบหลงรักในรูปและกลิ่นกายของนางกากีอาสานำตัวนางกากีกลับ เพราะรู้ระแคะระคายเนื่องจากเหตุการณ์ในวันที่เวนไตยสบตากับนางกากี ีไม่พ้นจากสายตาของคนธรรพ์หนุ่มนี้ไปได้
นาฏกุเวรได้ผูกกลอนขับกล่อมขณะที่เวนไตยเล่นสกากับท้าวพรหมทัตจนสังเกตความผิดปรกติของเวนไตยได้
เมื่อท้าวพรหมทัตทรงอนุญาต การเล่นสกาครั้งต่อมานาฏกุเวรจึงแปลงร่างเป็นตัวไรเกาะปีกเวนไตยเมื่อเขากลายเป็นพญาครุฑตามไปถึงวิมานฉิมพลี
เมื่อเวนไตยออกไปปฏิบัติภารกิจนอกวิมาน ก็คืนร่างเป็นนาฏกุเวรคนเดิม ด้วยความเสน่หาที่มีต่อนางกากี นาฏกุเวรก็ขอร่วมอภิรมย์สมสู่กับนางกากี
โดยขู่ว่าจะไม่เปิดเผยความลับระหว่างเวนไตยกับนาง นางกากีเห็นว่านาฏกุเวรเปิดเผยว่ารักใคร่ตัวนางมาก่อน ก็ยอมสมสู่ด้วย
เมื่อถึงกำหนดนัดเล่นสกากับท้าวพรหมทัต นาฏกุเวรก็จำแลงเป็นตัวไรเกาะปีพญาครุฑเวนไตยกลับเมืองพาราณสี และได้กราบทูลให้ท้าวพรหมทัตทำเป็นไม่ทราบเรื่อง ระหว่างการเล่นสกานาฏกุเวรก็แต่งกลอนยั่วยุให้เวนไตยโกรธ โดยพรรณาถึงรายละเอียดทุกอย่างที่นางกากีมี แสดงว่านาฏกุเวรได้ร่วมอภิรมย์รักโดยนางกากีก็สมัครใจ
เวนไตยโกรธมากที่นางกากีทรยศต่อตัวเอง เมื่อกลับไปก็คาดคั้นเอาความจริงกับนางกากี แต่นางกากียอมรับตอนหลังอ้างว่าถูกบังคับ ซึ่งเวนไตยไม่เชื่อและส่งนางกากีกลับคืนเมืองพาราณสี
ท้าวพรหมทัตทั้งรักทั้งแค้นทั้งอับอาย ทรงตัดเยื่อใยนางกากีและสั่งให้มหาดเล็กนำไปลอยแพในมหาสมุทร
นางกากีต้องเผชิญเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัส เมื่อนายสำเภามาพบนางสลบไสลบนแพ เรือนร่างที่สวยงามย่อมเป็นที่หมายปองของนายสำเภา เขาจึงได้นางกากีเป็นภรรยา ต่อมาโจรสลัดได้ปล้นเรือนายสำเภาและหัวหน้าโจรบังคับนางกากีให้เป็นภรรยาอีก ท่ามกลางความอิจฉาริษยาของสมุนโจร เพราะหัวหน้าโจรไม่ยอมแบ่งผู้หญิงให้เหมือนรายอื่นๆ
ในที่สุดก็เกิดการแก่งแย่งนางกากีกันในหมู่โจร
ถึงกับฆ่าฟันกันเอง นางกากีฉวยโอกาสหลบหนีพวกโจรได้ แต่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายในป่าจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
โชคดียังเป็นของนางกากี ที่บังเอิญมีกษัตริย์ชรานามว่าท้าวทศวงศ์ผู้เป็นหม้ายแห่งเมืองไพศาลีเสด็จมาเที่ยวป่า ได้นำนางกากีไปชุบเลี้ยงเป็นถึงมเหสี
นางกากีไม่บอกความจริงให้ท้าวทศวงศ์เพราะกลัวความไม่ดีของตนเองจะทำให้ท้าวทศวงศ์ไม่รับอุปการะ จิตใจของนางยังไม่เป็นสุขถึงจะได้เป็นถึงมเหสี แต่ท้าวทศวงศ์ก็ทรงโปรดปรานมเหสีร่างงามและกลิ่นกายหอม
ตั้งแต่ท้าวพรหมทัตลอยแพนางกากีไป ก็ไม่มีความสุขกลับต้องระทมทุกข์ ถึงกับประชวรและสวรรคตในเวลาต่อมา เนื่องจากพระองค์ไม่มีทายาท ข้าราชบริพารจึงได้เลือกผู้ที่เป็นที่รักใคร่ของประชาชนและมีปัญญาเฉียบแหลมขึ้นครองราชย์แทน นาฏกุเวรได้รับเลือกเป็กษัตริย์แทนท้าวพรหมทัต คนธรรพ์หนุ่มผู้เป็นกษัตริย์ก็ยังรักอาลัยนางกากีอยู่ ได้สืบจนทราบว่านางกากีได้เป็นมเหสีของท้าวทศวงศ์ นาฏกุเวรจึงส่งสารทวงนางกากีในฐานะที่เคยเป็นมเหสีของกษัตริย์เมืองพาราณสีมาก่อน แต่เมืองไพศาลีไม่ยอม จึงได้เกิดสงครามระหว่างสองเมือง ในที่สุดนาฏกุเวรก็ยึดเมืองไพศาลีได้ และรับนางกากีกลับมาเป็นมเหสีสมใจปรารถนา
--- จบบริบูรณ์ ---
เมื่อได้รับเรื่องราวสมบูรณ์แล้ว ข้าพเจ้าเริ่มจัดการแต่งเปลี่ยนร้อยแก้วเป็นร้อยกรอง จนกระทั่งจบสมบูรณ์ ดั่งได้เสนอสนองต่อท่านผู้ชมไปแล้ว หากมาดแม้นเกิดผิดพลาดประการใดด้วยเหตุเป็นผู้ยังขาด
ความชำนาญในกลอนแต่มีจิตแน่วแน่เพื่อฝากงานชิ้นนี้ไว้แก่ตัวเอง ข้าพเจ้าขอรับผิดโดยตรงและอนึ่งขอกราบ
รับความผิดพลาดครั้งนี้ด้วยขอรับ หากมาดแม้นว่าเกิดเศษเสี้ยวแห่งผงธุลีที่อาจนับเนื่องว่าเป็นผลดี ข้าพเจ้า
ขอมอบให้แก่ผู้เขียนบทประพันธ์หรืออาจจะเป็นร้อยกรองซึ่งข้าพเจ้ายังไม่ค้นพบ ไว้ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์หาได้
มีเจตนาลบหลู่ครูบาอาจารย์ดังกล่าวไม่ จึงเรียนมาแก่ผู้อ่านด้วยความเคารพ.......แก้วประเสริฐ.
* สรุปผลดีชั่วกากี *
* ขอน้อมประณตจรดไว้เหนือเกศา
กราบบิดรมารดาอาจารย์ที่สั่งสอน
ตลอดจนผู้ประสาทความรู้กลอน
แนะแนวตอนผิดพลาดขาดตำรา
ลูกขอแตกแยกแยะเรื่องนางกากี
ผิดถูกดีตามอารมณ์สมปรารถนา
ตามความรู้มากน้อยแม้นด้อยวิชา
จะพรรณนาดีชั่วหรือมั่วรัก
อันกากีโลกประณามว่าชั่วช้า
มั่วกามามากผัวดูชั่วนัก
หากมีจิตคิดเป็นธรรมจะประจักษ์
ถูกฝากรักจากชายให้ลำเค็ญ
ท้าวพรหมทัตได้นางยามวัยชรา
ต่างชัณษาพ่อลูกก็เหลือเข็ญ
อารมณ์วัยหนุ่มสาวเข้าประเด็น
แต่มิเห็นผิดชั่วตัวปรารถนา
เจ้าเวนไตยพระยาครุฑดูจัดจ้าน
มันร้อนร่านราคะใคร่จึงได้หา
ลักตัวนางบินสู่วิมานมา
เป็นชู้ด้วยกายางามล่ามอารมณ์
ส่วนนาฏกุเวรคนธรรพ์นั้นมาแปลก
ใช้วาจาคับแคบแลกสู่สม
อีกมนต์ตราหลอกล่อขอภิรมย์
เมื่อเชยชมแต่รักษาไว้ในสัญญา
นายสำเภานั้นเล่าเฝ้าช่วยเหลือ
แต่จุนเจือกามาแลกเปลี่ยนหนา
เพียงคิดใช้นางนั้นเป็นเหยื่อกามา
สิ้นเวลาคงทิ้งนางให้ร้างจร
ส่วนนายโจรเล่าเอากำลังข่มขืน
เหล่าสมุนหืนเข่นฆ่าเพื่ออัปสร
นางต้องหนีด้วยใจที่ร้าวรอน
อกสะท้อนแทบแยกแตกโรยลา
ท้าวทศวงศ์หรือก็เฒ่าคราวพรหมทัต
มิเจนจัดชัดเล่ห์รสเสน่หา
นางกากีก็ไม่หนีทนอยู่ทุกเวลา
จนนัคราย่อยยับแลอับปาง
สิ่งเหล่านี้เปรียบเทียบทั้งชายหญิง
อย่าเอนอิงสิ่งใดมาสะสาง
ก็จะเห็นเด่นชัดตามแนวทาง
ความกระจ่างแยกแยะให้เป็นธรรม
กากีนี้มิได้ชั่วด้วยหัวใจ
เพียงร่างกายหอมหวนชวนระส่ำ
พูดความจริงชายชั่วมั่วระยำ
จนหญิงช้ำโลกเหวยใยประณามจริง
เพราะมัวเมากามาตัณหากลับ
ศีลธรรมลับแลเลือนไปทุกสิ่ง
นี่นะหรือประเพณีที่น้อมอิง
ดูถูกหญิงเกินไปไร้ราคา
แก้วประเสริฐมาแถลงแจ้งเหตุผล
ยกบุคคลแต่ละคนก็รู้ค่า
หญิงอาจชั่วชายยิ่งเลวเสน่หา
ไฟตัณหาแผดเผาเร้าเนืองเนือง
จบสาธกยกไว้เพียงแค่นี้
ขอผู้ที่อ่านตามพิจารณาเรื่อง
ชายหรือหญิงชั่วช้ามาประเทือง
ที่ฤาเลื่องบทอุทาหรณ์สอนกามา.*
ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่อ่านเรื่องนี้ เป็นคติสอนใจถึงรสเสน่หาที่ลุ่มหลงในกามา
ย่อมจะพาชีวิตสู่มุมอับอยากกลับตัว
*ราคะ ตัณหา กามารมณ์ ไฟในโลกนี้มิร้อนแรงเท่ากับไฟเสน่หา ขอรับ ขอบพระคุณอย่างสูง
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
13 กันยายน 2548 22:12 น.
แก้วประเสริฐ
* สิ้นโศกพบสุขนาฏกุเวรกากี *
อุษาสางสว่างแล้วแว่วไก่แก้ว
ส่งเสียงแจ้วเอื้อยขานปานหอยสังข์
ไพสาลีนคราอุดมพฤกษามาประดัง
ชาวเวียงวังประชาไขว่เหว่เร่สัญจร
จะขอกล่าวท้าวทศวงศ์องค์นาถา
เจ้าพาราไพสาลีหม้ายศรีสมร
ครองเป็นโสดจนชราเข้าป่าจร
เพื่อพักผ่อนพระหทัยไร้ชายา
พระหทัยปลาบปลื้มเมื่อคืนฝัน
คว้าได้พลันดอกโกเมศวิเศษหนา
กลิ่นระรวยชวยชื่นระรื่นอุรา
พระโหราทำนายมาได้นางครอง
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มพระหทัยเป็นยิ่งนัก
จึงได้ชักชวนคนสนิทเพื่อสนอง
ท่องเที่ยวไพรในป่าอันเรืองรอง
จนพบหญิงต้องเสน่หาคาคบไม้
พิจารณานางดูรู้หาธรรมดาไม่
ทั้งรูปองค์งามวิไลผาดผ่องใส
ใช้อำมาตย์สนิทชิดชอบนำไป
สู่กรุงไกรอภิเษกมเหสีที่ขาดแคลน
ร่วมชีวันขวัญชีวาอย่างผาสุก
ปราศจากทุกข์นางกากีที่เหลือแสน
ร่วมรสรักท้าวพาราที่ต่างแดน
ทั่วแว่นแคว้นฤานามกลิ่นกำจร
ย้อนกลับเมืองพารณสีกากีพราก
ด้วยความรักพรหมทัตเฝ้าหลอกหลอน
กินไม่ได้นอนไม่หลับนั่งอาวรณ์
ให้สะท้อนดวงหฤทัยเฝ้าวนเวียน
มาดแม้นกาลผ่านแล้วแก้วตาเอ๋ย
ยอดทรามเชยรักเอยเคยเฝ้าเยี่ยม
ความหวานชื่นรื่นรสหาใดเทียม
กลิ่นรสเรียมซาบซึ้งตรึงห้วงหทัย
รูปหลงลมข่มแล้งเข้าแฝงไว้
ก่อห่วงใยอาลัยหามิแจ่มใส
โอ้หนี้รักหักสวาทพาดพันไป
จนหัวใจแทบแยกแตกรอนรอน
สิ้นสุดแล้วสิ่งรักประจักษ์แจ้ง
มันร้อนแรงแฝงรสสุดหลอกหลอน
กากีเอ๋ยอยู่หนไหนข้าอ้อนวอน
กลับมาก่อนสู่ข้าอย่าโรยลา
เสียงคร่ำครวญโหยหาพาสะท้อน
ค่อยลิดรอนบ่อนชรามาสู่หา
พรหมทัตพลันประชวรมินานช้า
สู่สวรรค์คัลไลลาประชาครวญ
พารณสีสิ้นแล้วกษัตริย์จ้าว
สิ่งโศกเศร้าเฝ้าคลุมพาโหยหวน
หมู่อำมาตย์ราชบริพารประชุมด่วน
พรหมทัตล้วนไร้รัชทายาทสันติวงศ์
ในที่สุดผลประชุมเป็นเอกฉันท์
ด้วยพากันเห็นนาฏกุเวรสมประสงค์
เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องทั้งเผ่าพงศ์
ขึ้นเป็นองค์กษัตริย์รัชสมัยต่อไป
กษัตริย์กุเวรเจนจบล้วนครบศาสตร์
ประชาชาติเปรมปรีดิ์ล้วนผ่องใส
พารณสีเกริกก้องทั้งเกรียงไกร
อุดมไปด้วยข้าวปลายามมาเยือน
ทั้งยุทโธปกรณ์ทหารล้วนชาญศึก
ทั้งเหิมฮึกแกร่งกล้าหาใดเหมือน
ดุจไพร่พลทหารฟ้าแลมองเกลื่อน
สะท้านสะเทือนดั่งเทวามาประทาน
ผ่านพ้นกาลนาฏกษัตริย์ครั้นรำลึก
ห้วงยังตรึกเสน่หากากีที่ร้าวฉาน
สัญญาไว้ในสู่รักประจักษ์วิมาน
สร้างผูกพันรัญจวนใจให้อาวรณ์
ไพสาลีนัคราถึงคราจะมาล่ม
ต่างชื่นชมกากีงามดุจคันศร
เทพนารายณ์ทรงฤทธิ์กฤษฎากร
หอมขจรลือกระฉ่อนสู่ท้าวไท
นาฏกุเวรกษัตริย์ผู้เกริกแก้ว
โอ้แน่แล้วยอดรักไปอาศัย
ทศวงศ์กษัตริย์เฒ่าเชยชมไป
หวังจะได้คืนมาสู่ธานี
จึงร่ายสาร์นวานขอต่อกษัตริย์เฒ่า
กากีเล่าเป็นมเหสีครั้งก่อนนี่
สมควรเวลาส่งคืนกลับบุรี
พระองค์ที่ดูแลไว้โปรดให้คืน
ทศวงศ์กษัตริย์เฒ่าเฝ้าอ่านสาร์น
จิตใจนั้นพลันวิตกหากขัดขืน
แต่รสรักสิเน่หากายาผิวละลื่น
หอมชวนชื่นระรื่นใจมิให้นาง
เจ้าพารณสีอ่านสาส์นพลันพิโรธ
พระทรงโปรดเกณฑ์โยธาเข้าสะสาง
เข้ารบพุ่งสู่ไพสาลีแทบวายวาง
แย่งชิงนางกลับคืนสู่พระนคร
นางกากีถูกนำตัวเข้าเฝ้าถวาย
ความเกรียงไกรไม่เหมือนครั้งก่อน
ท้องพระโรงโอ่อ่าทหารฮึกเหิมขจร
ช่างร้าวรอนใจนางพลางหมอบกราน
ตัวสั่นระริกพลิกใจไข้จะกลับ
สะท้านสะทกวกกลับเสียงขับขาน
กากีเอ๋ยนางใยเฉยแม่นงคราญ
ฟังเสียงพลันคล้ายแว่วแผ่วเงยมอง
โอ้โอ๋โอ..ปากถูกปิดแนบชิดโอษฐ์
ความลิงโลดโผนผงาดกอดรัดสนอง
ถ่านไฟเก่าโชนแสงลุกเรืองรอง
สิ่งหมายปองหวนกลับนับจากมา
ประจักษ์แท้แน่แล้วชู้รักเก่า
กากีเฝ้าปรนเปรอรักรสเสน่หา
ทั้งวิชาชายต่างอื่นที่ฝืนกายา
ล้วนนำพาสิเน่หาแก่คนธรรพ์
ต่างหลงรูปรสกามาพาสู่สม
หลงเฝ้าชมบ่มสัญญามาเสกสรร
ระรื่นระรวยชวยชื่นระรื่นกัน
พาสู่สวรรค์ชั้นฟ้าทั้งสององค์.
*บทสรุปกลิ่นกากีนี้จะกล่าวถ้อย
นำร้อยแก้วกระบวนน้อยสู่ประสงค์
ขอจบเรื่องกากีนี้คงคลายปลง
คราวหน้าลงผลแตกต่างนางกากี.*
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙