11 เมษายน 2548 16:36 น.
แก้วประเสริฐ
แรมพิศวาส
..๏พิลาสแขผ่านห้วง...................ใจคนึง
แสงส่งนวลตราตรึง..............................สุดซึ้ง
โสมร่ำแสนรำพึง..................................ยากยิ่ง ลืมแล
อกป่วนหวนสุดบึ้ง.................................แด่น้องนางเดียว ฯ
ทิวาฉายรัศมีกล้า......................โลมดิน
ลุล่วงโฉมยุพิน......................................แจ่มฟ้า
เคียงรักมั่นชีวิน.....................................ลงบ่วง นางเอย
พึงมั่นหมายสุดล้า..................................แห่ห้อมเวียนวน ฯ
แรมพิศวาสก่อหล้า.......................ดุจจันทร์ เจียวนา
ฮักช่างหวานเทียบอนันต์.........................ก่องน้อง
ทรวงวาบส่านโรมรัน...............................คลึงก่อ เกิดแฮ
โพยมดั่งกลองตีฆ้อง...............................เร่งเร้าคนึงครวญ ฯ
งามเอยชวนใฝ่ซึ้ง.........................ถึงนาง
ทิวาเอ่ยชวนปรางค์.................................ผ่านเจ้า
แขเพียงสบตาพลาง................................ฝากส่ง ใจฤา
ฤทธิ์ที่พาดคลึงเคล้า................................ยากแม้นนำครอง ฯ
ลมโชยพัดผ่านพลิ้ว........................หมายครอง
กระจ่างเพียงหันมอง................................สู่น้อง
โถอกเอ่ยยากปอง....................................หากเปล่ง โลมเฮย
เหมือนดั่งกระต่ายร้อง...............................เหม่อฟ้าโลมดิน ฯ
พิศเงาหวนคลั่งไคล้........................โฉมเฉลา จริงนา
รักบ่หนุนแนบเนา.....................................อู่ให้
ฝากใจแด่นงเยาว์....................................มอบคู่ นางเอย
กอดบ่วงรักหลงไคล้..................................ช่วงห้วงโลมสรวง.๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
9 เมษายน 2548 15:21 น.
แก้วประเสริฐ
นางแก้วแววฟ้า
กึ่งราตรีเพียงพิศจิตซาบซึ้ง
ห้วงรำพึงตรึงกวัดประหลาดหนอ
เปรียบสวรรค์สรรค์สร้างนวลลออ
เฝ้าเคียงคลอขอบฟ้ามาพบพาน
หนึ่งทิวาคราพบสบยามค่ำ
ช่างลึกล้ำน้ำคำพร่ำร่ำสาน
อเนกรสจรดรักมิร้าวราน
รัตติกาลรอนล่วงสู่ห้วงใจ
มิคำนึงถึงสิ่งหลายฝากจรด
สุดกำหนดผูกพันดั่งจันทร์ใส
ห้วงนภาหลังสายัณห์อันวิไล
เข้าสรรค์ไว้รายรอบกรอบสวรรค์
นึกถึงกลิ่นราตรีวิเวกแว่ว
ประกอบแล้วบุบผาคราเสกสรร
นกราตรีเฝ้าร้องก้องวิไลวรรณ
ฟ้าช่างปั้นจันทร์ดารามาเคียงกาย
เพียงขาดหนึ่งดวงดาวเฝ้าค้นหา
บรรเจิดจ้าระยิบระยับประดับสาย
ยามแจ่มใสฟ้าสล้างกระจ่างปราย
เคยกรีดกรายอยู่เรียงเคียงข้างเรา
ยืนจรดจ้องมองนภาหานางแก้ว
รอบรายแนวขอบฟ้ากว้างอย่างเฉลา
หริ่งระงมแมลงร้องก้องไร้เงา
เคยลำเนาเคล้าหวนชวนสู่ปอง
หลังกึ่งราตรีหนอคลอน้ำค้าง
หัวใจสล้างสดชื่นลื่นล้ำสมอง
เธอคือดาวเราคือดินสิ้นลำพอง
เพียงประคองสนองรักฝากใจจำ
รักเดียวนักยากยิ่งสิ่งค้นหา
แม้นดาราขาดจันทร์อันเลิศล้ำ
จันทร์ยังพรากทิวาคลาจดจำ
โอ้รักนำเหลือแก้วแววสู่ฟ้า
ลมพัดโชยหอมรินกลิ่นนางหอม
เจ้าพะยอมเป็นบุบผาพาหรรษา
เย้ายวนย่ำร่ำร้องในจินตนา
เหลือบแลหากานดามิมาพลัน
นภาสล้างกระจ่างฟ้าดาราพราว
ช่างปวดร้าวเย็นยะเยือกเกลือกใจฉัน
รักเคยเคียงเรียงไว้สู่ใจกัน
ใยมาพลันเพียงพบสบดาวโรย
จันทร์เจ้าเอยดาราหายคล้ายใจฉัน
ความผูกพันลั่นร้องก้องสุดโหย
ช่างโปรยร้างห่างหายยามลมโชย
อย่าล่วงโรยเป็นจันทราล้าดวงดาว.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
7 เมษายน 2548 16:30 น.
แก้วประเสริฐ
ฤทัยแนบเคล้าราตรี.
..๏หรีดหริ่งเรไรร้อง..................ระงม
จักจั่นครวญเพลงภิรมย์....................สู่หล้า
จันทร์ส่องแสงนวลชม......................พรายพร่าง จริงนา
ยืนเดี่ยวเปลี่ยวเอกาข้า.....................เหม่อน้องกลางนภา ฯ
แขเอ๋ยใยห่างร้าง....................ดารา มากเอย
เหมือนดั่งดวงชีวา............................อ่อนล้า
พิณเสนาะแว่วพสุธา..........................หวนแผ่ว
ฟ้าที่บรรเจิดจ้า................................รุ่มห้วงดวงสมร ฯ
เสียงแคนครวญแผ่วพลิ้ว...........โหยหวน
กอไผ่เสียงแหบรัญจวน.......................ร่ำไห้
บาดลึกสู่อกชวน................................ไหวหวั่น นวลฤา
แคนสู่พิณสัตว์ปองไว้...........................เร่งเร้าใจคนึง ฯ
ครวญเพลงหวานร่ำร้อง..............กลางแสง จันทร์ฤา
ตาเบิ่งทรงกลดแสดง............................เจิดจ้า
ภิรมย์รื่นอารมณ์แฝง............................รักแว่ว ฤทัยเฮย
อกเอ่ยชวนไขว่คว้า..............................แนบน้องกลางนภา ฯ
ดาวหลบหลีกซ่อนเร้น.................ดวงแข
พิลาปพิไลแล......................................ป่วนล้า
นางเอยฮักผันแปร................................ใจสู่ จางแฮ
ปวงที่ฝันนางข้า....................................เติ่งร้างนางจร ฯ
ลาจรจำห่อนร้าง..........................นางจันทร์
ดาวส่องแสงฉายถวัลย์............................ขอบฟ้า
มวลรักแห่งพิไลพลัน..............................หรุบหรู่ วนาเอย
เพียงไขว่แนบขวัญล้า.............................ยิ่งกล้ายิ่งกลัว ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
3 เมษายน 2548 10:51 น.
แก้วประเสริฐ
ลีลาแก้วพัฒนา
เป็นแก้วเลิศประเสริฐจ้าน่าไปบวช
จะได้สวดเสกยันต์ไว้กันผี
อย่าล่อเหล้าเมาค้างห่างนารี
เดี๋ยวราคีคึกคักทะลักลาม
เมื่อตัณหามาสู่ให้รู้หด
จงกำหนดกดขี่เหมือนผีห้าม
อย่าอาลัยใจมัดสกัดกาม
ขืนแห่หามตามหาจะบ้าบอ
อีกเด็กสาวคราวหลานอย่าหาญรัก
เดี๋ยวจมปลักตักตวงเป็นห่วงหนอ
จะเลยเถิดเกิดคาวนักข่าวรอ
มานั่งหงอหงึกหงักกระอักใจ
ทั้งโทสะฉะใครอย่าได้คิด
อย่าปล่อยจิตจนสั่นมาหวั่นไหว
อย่าหน้ามืดฟึดฟัดเที่ยวอัดใคร
อดเอาไว้ให้มั่นอย่าสั่นคลอน
อย่าทะนงหลงคำแม้ความเห็น
มามองเป็นเช่นค่าไม่กล้าถอน
อย่ายึดติดตีตราว่าหมดตอน
อะไรซ่อนซึมซับจงจับดู...
แก้วแตก.
*****************
ขอขอบคุณหนุนคำมาร่ำสอน
นึกถึงตอนบวชอยู่อดสูเหลือ
ผีมานั่งลวงแวมวับนับจุนเจือ
หวังหมายเกื้อเอื้อหนุนขุนตัวเรา
ประเคนของต้องปลงลงในจิต
ปทุมมาลย์สลิดดิ้นพล่านสั่นขุนเขา
อสุภะมาข่มใจให้บางเบา
ตัณหาเฝ้าหยอกเย้าเข้าอารมณ์
พิจารณามองวางลงแต่คงสั่น
มันรุมกันขันต่อขอสู่สม
ทั้งนอกหนุนกรุ่นแสบแทบอกตรม
ล้วนน่าชมข่มพลางสร้างภาวนา
พอยุบหนอพองหนอตามแนวลักษณ์
มันพองนักมิยุบยากหุบหนา
ต้องหลับตารับของที่เข้ามา
หรือหันหน้ามองไปไม่หมายแล
มิทะนงหลงเห็นตามภาพนั้น
จิตสลดพลันหันสร้างมิสู่กระแส
ฝืนนอกในกักกันมิผันแปร
มิยอมแพ้จนสลายละลายไป
ขอขอบคุณมิตรธรรมที่นำจิต
สร้างชีวิตจริงแท้แน่สดใส
เป็นความสลดอดสูหากสู่ไป
ยากวิไลแนวสล้างกระจ่างธรรม.
แก้วประเสริฐ.
ปล. พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรนำเผยแพร่แก่มวลชนยากยิ่งจะพ้นไปเสียได้ขอรับ.......แก้วประเสริฐ.