4 มีนาคม 2548 16:59 น.
แก้วประเสริฐ
ฝันเฟื่องเมืองแก้ว
..๏วิมานแก้วแพรวเพริศพริ้ง แพรวพรรณ
สุริเยศส่องสาดทวารบาน เจิดจ้า
เทพอัปสรล่องลอยผ่าน งามอร่าม จริงแฮ
แวดวงล้อมรถแก้ว เพริศแพร้วพรรณราย ฯ
แสงทองฉาบส่องฟ้า งามตา
ธวัชที่ปลิวไสวมา เด่นหล้า
มวลเหล่าเทพอาชา เริงร่า ลอยลม
เสียงปี่มโหรีเสนาะฟ้า มุ่งหน้าวิมานสรวง ฯ
ล่วงรโหฐานผ่านหน้า ปางบรรพ์
นบนอบองค์เทวัญ ขวัญฟ้า
ทรงพระเกษมสำราญ สดชื่น ฤทัยแฮ
อัครเอกแสนเจิดจ้า แซ่ซ้องดาวดึงส์ ฯ
องค์อินทร์ทิพย์ราชเจ้า ทรงธรรม์
ทรงแต่งองค์แพรวพรรณ อร่ามหล้า
กรกุมวชิราวุธพลัน พระขรรค์ ฤทธิ์ทา
ทรงฤทธิ์บันเจิดจ้า ย่างเยื้องรถทรง ฯ
อัครสี่องค์ทรงพริ้ง วิลาวัณย์
แนบกล่อมจอมเทวัญ เบิ่งฟ้า
มโหรีปี่เสนาะพลัน เสียงแว่ว เกรียงไกร
สำเนียงเกริกสุดหล้า ฟากฟ้าแมนสรวง ฯ
พลิ้วผ่องล่องลอยฟ้า เมฆินทร์
รถเลื่อมพรายโบยบิน สว่างจ้า
สามภพปองใฝ่ถวิล ยลยิ่ง เจียวนา
เทพผ่องงามเกริกฟ้า แซ่ซ้องสรรเสริญ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
2 มีนาคม 2548 17:14 น.
แก้วประเสริฐ
ณ ราตรีหนึ่ง
ยามราตรีมีแสงดาวสะพราวพรั่ง
หยาดน้ำค้างพร่างพรมบ่มใจฉัน
คิดถึงวันเก่าก่อนเฝ้าผูกพัน
ช่างกระสันยิ่งซึ้งติดตรึงตรา
โสมเอ๋ยช่างสะพร่างพรายสีแสง
เสมือนมาแกล้งรอนร้าวเฝ้าฝันหา
ยิ่งคะนึงพึงประหวัดมัดวิญญาณ์
โอ้เสน่หาแก้วกานดามาร้าวราน
สะท้านทรวงบ่วงลึกนึกถึงฟ้า
ราตรีพากระจ่างสร้างเสกสรร
ทั้งดวงดาวเรียงรายนับหมื่นพัน
ยังมีวันลับสว่างพร่างอารมณ์
พุทธะสัจจะวาจาท่านว่าไว้
สัตว์ทั้งหลายในภพนี้ที่สู่สม
มีเวรกรรมหนุนนำดั่งโคลนตม
หากได้บ่มข่มด้วยศีลสิ่งเจริญ
ธรรมนั้นหนอดูไปในธรรมชาติ
ช่างประหลาดเกิดดับมินับเขิน
วกเวียนวนวุ่นวายเวิ้งเว้าเกิน
หลงเพลิดเพลินเกิดจุติเข้าครอบงำ
สะท้อนทรวงห้วงลึกตรึกคำสอน
สุดร้าวรอนห่อนฤทัยคล้ายห่วงซ้ำ
หรือเวรกรรมมาพรากลากความจำ
ความชอกช้ำบั่นสลายจิตใจเรา
หันหวนพิจารณาหามวลเหตุ
ล้วนก่อเจตจำนงหลงเพ้อเขลา
เพราะโมหะพาไปให้มัวเมา
อีกทั้งเขาตัวเราเฝ้ารัญจวน
นี่แหละหนอธรรมชาติของมนุษย์
ยากจะฉุดหยุดสร้างล้างกำสรวล
เกิดเป็นบ่อเวรกรรมกระหน่ำรวน
เฝ้าโศกครวญหวนหาแต่อาลัย
พึงพินิจจิตสล้างกระจ่างฟ้า
กอบเมฆามาบังนภามิสดใส
ความสว่างถูกปิดกั้นพลันเปลี่ยนไป
สิ่งทั้งหลายจึงทราบเหตุเจตจำนง
ความเปลี่ยนแปลงไปในสังสารวัฏ
บ่งบอกชัดเป็นไปได้สมประสงค์
จิตซาบซ่านอ้าองค์พระพุทธองค์
พระผู้ทรงมีปัญญาวิสุทธิคุณ
เดือนดาราล่องลอยคล้อยจับขอบ
สิ่งรายรอบลับไปไม่เกื้อหนุน
ดุจหทัยคนว่างไว้ไร้ผลบุญ
ยากการุนหมุนกลับเหมือนลับดาว.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
1 มีนาคม 2548 13:04 น.
แก้วประเสริฐ
โอ้รักความสวยหรือความงาม
ยามเย็นตะวันคล้อยลอยฟ้าราตรี
มวลเหล่านารีเยื้องกรายคล้ายเริงร่า
แสงระวีสาดส่องพื้นปฐพีงดงามตา
โสมดาราปรายเหนือฟ้าน่าชวนมอง
ตลึงแลหมู่นางชม้อยลอยหน้าอวด
เหมือนประกวดรูปโฉมเฝ้าโน้มสนอง
ลำพองยิ้มแสดงลักษณ์จักประลอง
คล้ายฉลองลองสิ่งใหม่ให้ละลาน
แต่งรูปกายฉายพริ้งประทินโฉม
เฝ้าประโลมผิวพรรณกลิ่นมวลสรร
ทั้งภูษาแพรวแวววับล้วนตระการ
เสื้อผ้าภัณฑ์ตามแฟชั่นประชันโพยม
คาบบุหรี่พ่นปุ๋ยเข้าลุยแสง
เหมือนจะแข่งรวีลับประดับโสม
ร้องเอะอะทำหน้าตาดุจดังโคม
วางท่าโน้มสรรสร้างระหว่างเดิน
หันมุมหนึ่งพึงให้คล้ายแตกต่าง
ล้วนกระจ่างกลุ่มน้อยค่อยระเหิน
นุ่งผ้าซิ่นไหมไทยเหมือนไร้เมิน
ประทินเทินผิวพรรณล้วนสรรเอง
ระหว่างเดินเหินระวังหลังแลหน้า
มิให้ผ้าหลุดลุ่ยกระฉับกระเฉง
กายยืดตรงไปข้างหน้ามิยำเกรง
วางตัวเคร่งคงไว้คล้ายกุลสตรี
อีกวาจาพาเพลินระรื่นโสต
มธุรสโอษฐ์เอ่ยไปสุดเกษมศรี
ล้วนกล่าวถ้อยร้อยคำล้ำวจี
พักตร์นารีแย้มยิ้มพริ้มไฉไล
ยืนพินิจพิจารณามองหาไว้
สองมุมไซร้ให้แตกต่างยากปราสัย
ตรองไม่ตกคิดมิออกบอกหทัย
จะเลือกใครใคร่กระซิบช่วยบอกที.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙