12 มีนาคม 2548 12:41 น.
แก้วประเสริฐ
รุ้งตะวัน
..๏พระมหิทธาเปล่งฟ้า ทินกร
อิทธิฤทธิ์กฤษดากร เลิศล้ำ
พิรุณราชอ่อนอรชร เย็นฉ่ำ จริงแฮ
พระเปี่ยมทรงสายน้ำ สู่หล้าเนืองนอง ฯ
สององค์ทรงหยาดฟ้า ฤาดิน
เกิดก่อเสียงสายพิณ เกริกก้อง
แสงสีส่องเกิดยุพิน เคียงคู่ เชยชม
รักที่อมตะคล้อง เด่นฟ้าชโลมดิน. ๚ะ๛
*************************
ทิวากรอ่อนล้าครายอแสง
พิรุณแข่งโปรยปรายคล้ายม่านใส
เกล็ดละอองผ่องตระการอันไฉไล
แสงส่องไว้กลายเป็นโค้งวงนภา
เกิดเป็นทัศนียภาพฉาบแสงสี
แดงเขียวมีม่วงส้มครึ่งกลมหนา
ทั้งน้ำเงินเหลืองอร่ามงามจับตา
ทิวทัศน์พาบรรเจิดเลิศอลังการ
พระพายโชยพฤกษาพาหวั่นไหว
พัดกิ่งใบสู่ก้านพลันฟุ้งพล่าน
ล่วงปลิดหล่นลอยวนสู่สายธาร
กระแสนั้นกว้างใหญ่ในขอบคีรี
รุ้งตะวันดุจชายหญิงอิงคู่ฟ้า
ความรักมาวิปโยคโศกหมองศรี
มั่นคงแท้แม้แต่กรอบประเพณี
อุตส่าห์พลีหนีด้วยกันหันสู่ฟ้า
รักนั้นเอ๋ยเฉลยบอกกลับตอกย้ำ
แสนระกำหนามยอกหลอกนักหนา
มันคลุกเคล้าเร่าร้อนกร่อนอุรา
สิเน่หาต้องร้างจางอารมณ์
ด้วยเหตุที่มั่นคงมิหลงใหล
ศฤงคารไซร้หาปองจิตคิดสู่สม
กรอบนั้นหรือมีอยู่บ่ภิรมย์
มิเชยชมขอตายเสียห่างไกล
สองตั้งจิตอธิษฐานหันพึ่งฟ้า
เกิดธาราไหลประคองผุดผ่องใส
พุ่งฟุ้งซ่านผ่านนภาสู่ชลาลัย
เข้าเกิดในฟากฟ้าคราละออง
เป็นรุ้งตะวันเคียงคู่สู่สายฝน
จากเบื้องบนพร่างพรายฤทัยสนอง
เคียงคู่ตะวันที่สรรสร้างสมใจปอง
เคล้าเคลียครองตราบชั่วฟ้าดินมลาย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
10 มีนาคม 2548 17:45 น.
แก้วประเสริฐ
มโนตรึกห้วงดวงหทัย.
..๏โสมดาราสะพรั่งฟ้า...............ราตรี
พรมพร่างแสงขจี.........................ส่องจ้า
พิลาสอร่ามฤดี.............................ชวนร่ำ งามตา
แสนสว่างฉายเจิดจ้า....................ผ่านล้ำดวงหทัย ฯ
..๏พระพายโชยกลิ่นเร้า...........อบอวล
บุบผาที่เคยรัญจวน......................บ่มให้
เรไรหริ่งโหยหวน.........................ปั่นป่วน จริงนา
อกห่อนรอนรุมไล้.........................มาดแม้นพึงครวญ ฯ
..๏แสงเอ๋ยแสงบ่แม้น...................ตัวกู
อกเร่าเอาอดสู..............................แน่นแล้
ยามพิศเพ่งแสงดู..........................วจีเอ่ย คำครวญ
โถบ่เหมือนกูแท้............................พิศเพ่งอกตรม ฯ
..๏รำพึงพลางคลั่งไคล้..................หวนคิด
ไหวหวั่นหทัยจิต.............................ยิ่งท้อ
หยิบพิณคู่บพิตร.............................กรีดแผ่ว แนวเสียง
เสนาะล่องลอยลมล้อ.......................คลึงเคล้าแสงจันทร์ ฯ
..๏การณรงค์กูบ่แม้น.....................เกรงกลัว
ทัพผ่านอริราชทั่ว............................แว่นแคว้น
ราบคาบสุดพันพัว............................เกิดก่อ เกรียงไกร
ใยหนึ่งหญิงหักแม้น.........................อกข้าฤดีหมอง ฯ
..๏สองเนตรแลฟากฟ้า...................คำนึงนาง
ยากก่อเกิดรักพลาง..........................ห่อนให้
ขอเพียงส่งเสียงวาง..........................กลางจิต แม่เอย
รักพี่มอบนางไว้................................แน่แท้ใจเดียว ฯ
..๏พระทอดถอนแน่นแท้.................หทัยครวญ
เมฆินทร์ลอยแปรปรวน.....................ปริ่มฟ้า
แขเอ๋ยกูป่วนฤดีชวน..........................มิสร่าง นวลอนงค์
ดุจดั่งแขมิเจิดจ้า...............................แสงสิ้นโลมสรวง ฯ
..๏เสียงพิณถวิลสั่นเคล้า................ลอยลม
สายส่งขาดเหมือนตรม.....................เร่งเร้า
พระสุดแสนระทม.............................อุระป่วน หวนแม่
รักนี่ยากคลึงเคล้า.............................เสด็จเข้าบรรจถรณ์. ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
9 มีนาคม 2548 01:38 น.
แก้วประเสริฐ
ลิขิตจิตพร่ำเพ้อ
..๏เฝ้าหวนคิดจิตกวัด............แรงโน้มมัดรัดรึงฝัน
พิศเพ่งชวนผูกพัน.................สุดซาบซ่านวันรอคอย
..๏แว่วหวานแผ่วใจหวน........ แสนปั่นป่วนชวนตาลอย
เขาหลอกมาใช้สอย................ดวงใจน้อยพลอยระทม ฯ
..๏ลมเอ๋ยเคยโชยพลิ้ว............ไยโกรธกริ้วมิพลิ้วลม
แรงรักหักใจชม.......................แสนขื่นขมปมรักลวง
..๏หวิวหวิวเกิดในอก............... แสนวิตกจนหนักทรวง
นึกถึงความเฝ้าหวง...................ล้วนเป็นบ่วงรัดรึงใจ ฯ
..๏รักเขาเฝ้าโหยหวน...............สิ่งนั้นล้วนมักหมองไหม้
เกิดก่อคิดจากไป......................เหมือนห่วงไซร้ช่างยากเย็น
..๏ค่ำเช้าอยากแลหน้า...............สู้อุตส่าห์ฝ่ายากเข็ญ
พักตร์เจ้าเพียงแลเห็น...............ชื่นใจเช่นมองแสงโสม ฯ
..๏ราตรีนี้แสนสุขนัก................. สุดที่รักยากเล้าโลม
อดทนแม้นชโลม........................ดุจดั่งโสมต้องเมฆา
..๏จำพรากจากร้าวรอน...............ช่างสะท้อนมินำพา
ล้วนแล้วแต่วาสนา.......................จะนำมาพาภิรมย์ ฯ
..๏ขมขื่นจำใจพราก.....................แม้นแสนยากก็จักทน
สุดแสนแน่นดวงกมล...................หนีไม่พ้นคนก่อเวร
..๏บ่วงนี้มีคนจ้อง..........................เขาป่าวร้องต้องหลีกเร้น
หวนไห้แม้ลำเค็ญ.........................ขอหนีเร้นหลบซ่อนกาย ฯ
..๏ก่อเกิดด้วยความรัก...................อนาถนักต้องร้างมลาย
ทนสู้มิล่วงกราย..............................เหลือเพียงสลายใจหมองช้ำ
..๏นี่หรือคือรักช้ำ.......................... สุดระกำแสนลึกล้ำ
สาวเจ้าช่างสุดทำ............................เบนเบี่ยงนำน้ำใจหญิง ฯ
..๏วันนี้ชายหมองไหม้......................ดุจดั่งไร้หัวใจสิงห์
วันหนึ่งจะเอนอิง...............................เหลือแต่สิ่งให้หวนครวญ
..๏วันหน้าจะกำสรวล.........................สิ่งที่ล้วนชวนปั่นป่วน
แล้วเจ้าจะนึกทวน.............................แสนรัญจวนนึกถึงชาย.๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
7 มีนาคม 2548 11:59 น.
แก้วประเสริฐ
จำใจจำจากจำจร
..๏จำพรากจากมิ่งน้อง ฤทัยครวญ
รูปเสน่ห์พักตร์นางนวล ยิ่งแท้
สุดป่วนฤดีครวญหวน จากแม่ จริงนา
ปรางค์ผ่องหอมอวลแล้ เร่งเร้าอารมณ์ปอง ฯ
สุดแสนเป็นห่วงให้ หวนกลับ
ยากที่จะแลลับ แท่นน้อง
สองกรทาบปทุมกลับ ไหวสั่น เจียวแม่
ใจยิ่งแสนครวญร้อง เยี่ยมเคล้าหาเรียม ฯ
สมปองเลิกแม่เปลื้อง เปิดพก เจ้าเอย
รัญจวนออกบอกยก แยกได้
สองฟากแล่งลานตก แตกออก อรแม่
แขนพี่ฝากหนึ่งไว้ แนบเนื้อนวลสงวน ฯ
โอบกอดกรกุมเกื้อ นวลนาง
สองแขนใฝ่ยอดปรางค์ แน่นแท้
นาบเนาเร่ารุกตาราง หับที่ ไว้แม่
หวานที่จุนเจือแปล้ เร่าร้อนการณรงค์
กายทรุดเคียงนั่งข้าง บรรจถรณ์ แม่เอย
บรรจงพิศจิตอาวรณ์ ลอบกล้ำ
จำใจจำจากจร โฉมแม่ ลาไป
สวาทที่บรรจงล้ำ แนบเนื้อเรียมสงวน
โฉมอนงค์ขอฝากฟ้า พระอุมา
เกรงเทพไท้เทวา ลอบกล้ำ
พระธรณีทรงฤทธา จงช่วย ดูแล
พระพายช่วยหากชอกช้ำ ฤาแจ้งสรวงสวรรค์ ฯ
จำใจจากแน่งน้อง ลาไกล
สุดห่วงแสนอาลัย บ่วงเหย้า
มาดหากพี่คลาดภัย จักสู่ หับนาง
พลันลาจุมพิตเคล้า สู่เข้าเวชยนต์ ฯ
กัมปนาทฟาดสู่ฟ้า สะเทือนพรหม
มวลหมู่เทพลอยลม ทั่วด้าว
พยุหะศัตราวุธพรม แสงเปล่ง รัศมีพราย
สุริเยศห่อนรอนร้าว หลบเข้าเมฆินทร์ ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
6 มีนาคม 2548 11:20 น.
แก้วประเสริฐ
รักแรกเริ่มเริ่มแรกรัก
รักแรกเริ่มเริ่มแรกรักมักจักแจ้ง
ล้วนแอบแฝงแฝงแอบล้วนชวนหวามหวาน
สู่ความหลังหลังความสู่สู้เบิกบาน
เหมือนสืบสานสานสืบเหมือนเตือนค่อยรัก
คลุกเคล้าคลอคลอเคล้าคลุกปลูกใจฝัง
สิ่งที่หวังหวังที่สิ่งยิ่งมาประจักษ์
เข้าพันผูกผูกพันเข้าเย้ายิ่งนัก
แล้วฟูมฟักฟักฟูมแล้วแก้วกานดา
ดุจมาลีงามงามมาลีดุจผุดผาดสวรรค์
ช่างเฉิดฉันท์ฉันท์เฉิดช่างวางสุดหน้า
รวยหอมกลิ่นกลิ่นหอมรวยด้วยราคา
สูงศักดิ์ค่าค่าศักดิ์สูงรุ้งแสงตะวัน
รำพึงคิดคิดรำพึงถึงโหยหวน
แสนปั่นป่วนป่วนปั่นแสนแน่นอกฉัน
รอวันเวลาเวลาวันรอขอฉับพลัน
สิ่งสร้างนั้นนั้นสร้างสิ่งยิ่งจริงใจ
สวยทั้งรูปรูปทั้งสวยด้วยใจจิต
กายพินิจจิตจิตพินิจกายคล้ายหวั่นไหว
สุดสะท้านใจใจสะท้านสุดผุดภายใน
หลงรูปไซร้ไซร้รูปหลงตรงรักภาพ
ยิ้มให้ตัวตัวให้ยิ้มพริ้มเฝ้าพักตร์
หวนความรักรักความหวนล้วนชวนปลาบ
สุขใจแสนแสนใจสุขทุกข์ราบคาบ
ซึ้งใจวาบวาบใจซึ้งตรึงทรวงหทัย
กอดรูปไว้ไว้รูปกอดพลอดออดอ้อน
พริ้มพักตร์ตอนตอนพักตร์พริ้มยิ้มแจ่มใส
เคล้าคลึงนาบนาบคลึงเคล้าเร้าในใจ
แสนหวั่นไหวไหวหวั่นแสนแล่นอารมณ์
พลันชื่นจิตจิตชื่นพลันนั้นเวิ้งว้าง
มองแนวทางทางแนวมองปองสู่สม
ตรึงความรักรักความตรึงถึงหวังชม
เคล้าคลึงปมปมคลึงเคล้าเฝ้าเร้าฤดี.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙