14 ธันวาคม 2548 12:39 น.
แก้วประเสริฐ
สะกิดฝันฉันทาคติ
หนาวแล้วหนอใจเราเคยเฝ้าง้อ
สิ่งที่รอดับหายดุจคล้ายฝัน
หวานเคยพร่ำร่ำร้องสู่ใจกัน
อากาศนั้นเคยเป็นใจลับคลายลง
มองนภาห้วงหาวสุดร้าวจิต
แลชีวิตลิดรอนไม่สมประสงค์
สิ่งสดชื่นแห่งอดีตถูกปลิดปลง
เหลือความหลงแฝงไว้สู่ในอุรา
อนาถแล้วจิตใจโธ่ใครเห็น
ความหนาวเย็นสู่ไว้ใคร่หวนหา
สะท้านทรวงหน่วงลึกตรึกวิญญาณ์
ยากนำพาฝากตรงสู้หลงคอย
ครั้งหนึ่งนั้นจำนรรจ์เฝ้าสรรค์หา
เปลืองเวลาเคยใช้สุดให้ละห้อย
น้ำใจเอ๋ยเหลือลงตรงริ้วรอย
แม้นเพียงน้อยฝังลึกสุดตรึกจำ
ลมพัดใบไม้ไหวใจหนาวสั่น
ดั่งความฝันในอดีตถูกขีดซ้ำ
ดุจคลื่นรักฝากไว้สุดให้ระกำ
โอ้ความช้ำใยมาคราหนาวเยือน
มองทะเลเห่ไกวสุดให้เศร้า
สิ่งปวดร้าวคราวนี้มิมีเสมือน
สนสะบัดทิ้งใบสุดให้เตือน
ถึงคราวเยือนวังแก้วแผ่วหัวใจ.
* แก้วประเสริฐ. *
11 ธันวาคม 2548 11:48 น.
แก้วประเสริฐ
สวรรค์แดนดิน
แสงรวีทาบฉาบพื้นปฐพีครอง
ประกายสีทองสดสว่างกระจ่างเวหา
สรรพสัตว์เวียนว่ายกระจายมรรคา
ตามวันเวลาสรรค์สร้างพลางดำเนิน
รูปไตรลักษณ์หมุนเวียนมิเปลี่ยนทิศ
สรรค์ชีวิตผูกพันวิญญาณเคลื่อน
สร้างเป็นปมสู่ปลักมักลบเลือน
ส่งแชเชือนเสมือนคลื่นฟุ้งกระจาย
สวรรค์สู่อกตรรกศาสตร์ประหลาดยิ่ง
เฝ้าแอบอิงหวนหากลับมาสลาย
นรกเข้าพิงออดอ้อนสอนลวดลาย
คนทั้งหลายกลับชอบมอบภักดี
อนิจจาหาสวรรค์นั้นเพื่อสร้าง
กลับมาร้างวางเสียในสิ่งนี้
มุ่งข้างหน้ามิสร้างระหว่างพอดี
ในแดนนี้มีได้มิใกล้ไกล
สร้างหัวใจให้ใสปานพิสุทธิ์
เป็นบริสุทธิ์ดุจดังเนื้อแก้วใส
รัตนะสามดวงล้วนสู่กู้ภายใน
ก่อเกิดไว้ทั้งกริยาวาจางาม
ส่งสวรรค์แดนดินแถบถิ่นนี้
บ่วงโลกีย์ถูกตัดจัดเขตข้าม
พอดีจัดวางเข้าเฝ้าติดตาม
มิลุกลามเกินงามความพอดี.
* แก้วประเสริฐ. *
9 ธันวาคม 2548 14:41 น.
แก้วประเสริฐ
* บ้านฉัน *
เมื่อแสงดวงตะวันเฉิดฉันท์พร่าง
ส่งเวิ้งว้างแฝงลึกเข้าผนึกฉัน
พลิกสู่ห้วงดวงจิตที่ผูกพัน
สิ่งที่ฝันพลันร้างห่างดวงใจ
อันความฝันฉันวาดไว้สู่ห้วงจิต
รำลึกคิดจำพรากแล้วจากหาย
ทั้งหวานชื่นสะอื้นเคล้าเฝ้ากระจาย
ดุจดั่งพรายหลอกเอาสุดเฝ้าคำนึง
มองบ้านน้อยร้อยใจสู่ในห้วง
ซาบซึ้งทรวงสวนสวรรค์อันสุดซึ้ง
มวลมัจฉาพาแหวกว่ายให้รำพึง
รำลึกถึงสิ่งผ่านสุดพล่านอารมณ์
ย้อนสู่บ้านในฝันพลันเวิ้งว้าง
เคยกระจ่างสร้างหทัยใจเสกสม
ส่งความคิดในใจคล้ายดั่งลม
ล่องลอยตรมขมไว้ในวิญญาณ์
แต่บ้านเราเฝ้าถนอมสู้กล่อมรัก
จึงขอพักรักษาไว้ให้หรรษา
สู้เติมแต่งแฝงไว้ในจรรจา
เพื่อนำหาสิ่งเคล้าเฝ้าเบิกบาน
ดวงตะวันลอยลับดับแสงศรี
แก้วมณีลอยพรากยากกลับขาน
ดวงจันทร์เอ๋ยเฉลยฟ้าอย่าร้าวราน
ดารานั้นอย่าเศร้าโศกโลกเขาลืม.
* แก้วประเสริฐ. *
1 ธันวาคม 2548 11:07 น.
แก้วประเสริฐ
ตะวันแดงแห่งสายัณห์
กลางหุบเขาพนาไพรในลานหิน
อบอวลกลิ่นไม้ป่าคละเคล้าแฝง
ลมพัดโชยโปรยละอองน้ำผาแดง
รุ้งทอแสงย้อนกลับจับรังสิมันตุ์
แดงระเรื่อเจืออ่อนสะท้อนน้ำ
หินผาง้ำล้ำสู่ธารหลากเฉิดฉันท์
เกลียวคลื่นม้วนล้วนวนระคนกัน
อเนกอนันต์ผ่านขุนเขาเร้าฤดี
ทัศนียภาพล้ำยิ่งแฝงสิ่งสร้าง
เกะกะขวางหินทอดล้วนสอดสี
ม่วงอ่อนเขียวผสมแดงแฝงรุจี
แสงรัศมีทองวับขับเรืองรอง
แสงรวีแดงอ่อนสะท้อนโกมุท
บริสุทธิ์ดุจเทพมาเสพย์สนอง
สอดแนวไม้ไล้หินผาเป็นสีทอง
งามละอองน้ำตกผาคราครื้นเครง
ดนตรีไม้ไล้เสนาะไพเราะเสียง
ระคนเคียงกลิ่นบุปผาพาเขลง
น้ำตกร่วงจากผามาบรรเลง
สิ่งวังเวงเหือดหายสบายอารมณ์
วิหคเหิรกลางนภาหาเคล้าคู่
อีกเหล่าหมู่จับไม้ได้เหมาะสม
ทวิบาทเยื้องย่างสร้างภิรมย์
เหล่าภมรดมพฤกษาหาเกสร
หุบเขานี้เปรียบได้คล้ายสรวงสวรรค์
ดุจวิมานคนธรรพ์เฉิดฉันท์อัปสร
เข้าจับคู่บรรเลงเพลงรักอาวรณ์
ฝากสะท้อนสู่ลึกตรึกทรวงนัย
ตะวันรอนอ่อนแดงแสงสีชาด
งามพิลาสยามเยือนเสมือนแก้วใส
ระยิบระยับขับสุขปราศทุกข์ใจ
จะมีได้ในสวรรค์ครั้นได้ฌาน.
แก้วประเสริฐ.
(เขลง = ทอดอารมณ์อย่างสบาย)
๑ ธันวาคม พศ.๒๕๔๘
๑๐.๔๕ น.