3 กันยายน 2547 09:41 น.
แก้วประเสริฐ
เดินตามทางรอยเก่าหาเงารัก
เคยพิงพักโพธิ์ไทรใบแน่นหนา
คราวดรุณอ่อนเยาว์เขลามายา
มีบิดามารดาพาเล่าเรียน
สอนให้เขียนความดีทีละน้อย
สั่งให้ทำบ่อยบ่อยคอยอ่านเขียน
สอนให้หัดอดทนผลพากเพียร
สั่งให้เรียนความดีฝึกที่ใจ
ในทางนั้นที่หมายอยู่ไกลนัก
พ่อเพียรกวักมือเรียกเพรียกเสียงใส
อย่าท้อถอยบนทางธรรมแม้แสนไกล
จงเดินไปเพื่อผู้อื่นให้ชื่นชนม์
หลายครั้งร้าวหนาวกายโรคร้ายรุม
คล้ายเมฆคลุมผืนหล้าพาสับสน
แต่แสงธรรมพลันสว่างกลางกมล
ปลุกชีพตนแยกวิบากพรากจากกาล
ทั้งน้ำใจใยดีไมตรีจิต
จากมวลมิตรมอบให้ไว้ขับขาน
ดุจน้ำทิพย์ชะโลมใจให้เบิกบาน
นานแสนนานไม่เคยเลือนเหมือนเช่นเดิม
ขอบคุณสายสัมพันธ์มั่นคงนี้
แก้วประเสริฐ...ธรรมกวีผู้ส่งเสริม
จรดบทกานท์งานธรรมนำเพิ่มเติม
ร่วมพูนเพิ่มความงามไว้ให้แผ่นดิน
พี่ดอกแก้ว
กัลยาหนึ่งหมกมุ่นกรุ่นธัมมะ
เพื่อชำระจิตใจคนทั้งผอง
ให้สะอาดสดใสดั่งใจปอง
โดยสนองร่องรอยพุทธองค์
ตามกำหนดแนวทางวางคำสอน
เพื่อจะผ่อนภาระให้ได้ประสงค์
ตามคุณพ่อวางไว้ได้จำนง
ให้ดำรงคงไว้ในแผ่นดิน
แม้นลำบากตรากตรำจนเหงื่อตก
ไม่สะทกอกสะท้านพลันโผบิน
มุ่งเดินหน้าพาคำสอนเป็นจินต์
ทั่วทุกถิ่นแว่นแคว้นแดนถิ่นไทย
อภิธรรมกำจรหอมดอกแก้ว
ที่เพริศแพร้วพรรณรายจนสดใส
ท่องจากริกเดินหน้าพาหัวใจ
อันแจ่มใสไร้มลทินถิ่นขวานทอง.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
2 กันยายน 2547 14:54 น.
แก้วประเสริฐ
ปั่นป่วนรัญจวนหวนคิด
ฟ้าครืนคร่ำร่ำร้องคะนองฟ้า
วิชชุพาสายแข่งแห่งสีแสง
อสุนีบาตพาดเวหาสเป็นสีแดง
ดุจคนแสลงน้ำใจคิดใฝ่ปอง
ลมโชยโหมโรมเร้าเฝ้าครวญคิด
ด้วยมีจิตจากไปเศร้าใจหมอง
ครั้นหวนพินิจไปเมื่อไตร่ตรอง
เห็นจะต้องใช้กาลผ่านเวลา
ครั้นมิจากหากรักมาพรากหนี
เสมือนนารีมอบรักไม่จักหา
รสสุคนธ์พากลิ่นที่โชยมา
จนกานดามาพรากรักแรมไกล
ฟ้าคร่ำครวญหวนไห้แต่ไร้ฝน
โอ้ดวงกมลพ้นหายช่างเป็นไฉน
พอหล่อนพรากจากไปมิทันไร
โธ่จิตใจทำไมได้คร่ำครวญ
นี่หรือว่าฟ้าดินท่านกำหนด
ยากจะปลดหมดเปลื้องเรื่องกำสรวล
ด้วยพาจิตปั่นป่วนหวนรัญจวน
มาทบทวนชวนคิดเป็นอนิจจัง
ช่างอนาถตัวเราเข้ามาติด
มันสิงสถิตคิดอยู่เป็นทุกขัง
ถ้าวางหายกลายจากมิจริงจัง
สิ่งประดังทั้งหลายย่อมหายไป
นี่แหละหนอพอเหตุนั้นได้เกิด
ผลนั้นเชิดชูไปให้ผ่องใส
พอพานพบสบแล้วไม่สบายใจ
เพื่อผ่อนคลายจึงได้ใช้ธรรมครอง.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙