12 สิงหาคม 2547 21:12 น.
แก้วประเสริฐ
เกิดเป็นหญิงยากแท้ที่แลเห็น
เปรียบคล้ายเช่นมาลีที่อับเฉา
ยามหอมกรุ่นเบิกบานแสนลำเพา
ช่างโลมเร้าเอาใจเสียทุกทาง
เมื่อสิ้นกลิ่นสีแสงแห่งชีวิต
ถูกเขาปลิดทิ้งขว้างอย่างเมินหมาง
สร้างกั้นกีดปิดทางเสียเบาบาง
ยากจะวางตัวได้ในสังคม
ยามรุ่งเรืองดุจดาวประดับฟ้า
แสงดาราเจิดจ้าพาเฉิดโฉม
ยกย่องเข้าเอาใจดั่งโพยม
ดุจแสงโคมส่องรักมักเอาใจ
พอดาวล่วงพ้นหล่นจากบนฟ้า
สิ้นวาสนาพาให้ไม่สดใส
จะถูกเหยียดดูหมิ่นสิ้นทางไป
โดนผลักไสไกลห่างร้างแรมลา
โอ้หญิงเอ๋ยจงใฝ่ใจในชีวิต
อย่าให้จิตผิดทางไม่หรรษา
จนเป็นเหตุให้ต้องนองน้ำตา
แล้วนำพาตัวหนีลี้ห่างไกล
จงตั้งมั่นหันมองถ่องแท้เถิด
รอบกายเกิดจากมายาที่สาไถย
วางกำหนดกฎเกณฑ์ส่วนตัวไป
อย่าให้ใครบ่งชี้ที่แนวทาง
การหลงตัวมัวเมาในกลิ่นรส
ที่หอมจรดรสหวานจะเศร้าหมาง
ตัวของเราย่อมรู้อยู่ควรวาง
จัดแนวสร้างชีวิตพิจารณาเอง
ยามดาราพากันนั้นทอแสง
ยังสร้างแหล่งแห่งพักไว้เหมาะเหม็ง
รู้กลางวันกลางคืนมิกลัวเกรง
ไม่ต้องเคว้งหลงทางอย่างดาวโรย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
11 สิงหาคม 2547 16:10 น.
แก้วประเสริฐ
สายลมหวนชวนสวาทขึ้นในจิต
สัญญาอดีตเคยรักหักแปรผัน
สายสัมพันธ์นั้นแยกจากชีวัน
จนเหหันกั้นขวางร้างอารมณ์
ขมขื่นทรวงหน่วงเหน้าเฝ้าลงลึก
ยากจะตรึกผนึกห้วงช่วงเหมาะสม
ปมถูกผูกตัดแยกแตกระบม
มันระทมถมลึกผนึกภายใน
ด้วยใจกายร้อนรุ่มสุมไฟรัก
ถูกนำชักพาไปให้หวั่นไหว
เมื่อพานพบสบหญิงมิตั้งใจ
ตั้งจิตไว้สัญญาว่าจะลืม
ลมผ่านโชยโรยรินด้วยกลิ่นสาว
ช่างโน้มน้าวเร้าอารมณ์จนขรึม
ถ่านไฟเก่าเข้าประดังให้ได้ซึม
เกือบหลงลืมอดีตกาลผ่านเคยทำ
แล้วพินิจพิจารณาถึงสาเหตุ
รู้ด้วยเจตนาแห่งใจจนให้ขำ
ด้วยพระพายท่านหวนชวนชักนำ
เกือบเหตุซ้ำทำไปหวั่นไหวทรวง
บ่วงบาศมัดรัดสลายเสียแล้วหนอ
จะไม่ของ้อรักแม้นจากสรวง
ค่อยยิ้มพลางหนีห่างร้างเล่ห์ลวง
แล้วคลายห่วงห้วงสวาทลาจากจร.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
10 สิงหาคม 2547 12:29 น.
แก้วประเสริฐ
โอ้สาวเจ้ายังด้อยอ่อนน้อยนัก
อย่ามัวรักมักได้เลียนตามเขา
อายุเจ้าเพียงพึ่งพ้นล้นวัยเยาว์
ตัวของเจ้ายังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
ได้กำเนิดเกิดเจ้านั้นเหมาะแล้ว
เขาวางแนวสร้างไว้ให้เหมาะสม
ความเจริญทั้งหลายที่ได้ชม
โลกนิยมสมสร้างศิวิไลซ์
สื่อมากมายไว้ให้ได้ศึกษา
ใช้ปัญญามาเรียนเพียรสดใส
เพียงแต่เจ้าเมามัวมิเข้าใจ
หลงตัวไปในเรื่องของความรัก
จนเป็นเหตุพาใจให้หม่นหมอง
อนาคตต้องพังทลายหลายคนนัก
ด้วยเลียนแบบโลกีย์ที่ประจักษ์
ส่งใจมักไปในสร้างอารมณ์ครอง
หากจะเรียนรู้ไว้ใช้ศึกษา
อย่าริพามาลองไว้จะหม่นหมอง
รู้ทั้งเขาและเรานำมาตรอง
จงอย่าสนองตัณหามาพาที
เครื่องแต่งกายที่ได้ใช้ประดับ
จงอย่านับด้อยค่าหมดราศี
แต่งอย่างไรควรใช้ให้พอดี
ที่เขามีอย่าแข่งแย่งวิไล
จนบางคนขายตัวมัวสิ้นคิด
ใช้ชีวิตผิดขนาดพลาดสดใส
เพราะมัวหลงชีวิตรักมักพาไป
ฉะนั้นไซร้จำไว้อย่าได้ทำ.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
9 สิงหาคม 2547 10:31 น.
แก้วประเสริฐ
ในคืนวันที่ฉันนั้นเงียบเหงา
สุดจะเศร้าเร้าฤทัยใจคิดถึง
สำเนียงเพียงเรียกหาพารำพึง
สุดคำนึงถึงนวลน้องทุกราตรี
ศศิธรอ้อนฟ้ามาส่องแสง
ข้าอ่อนแรงพร่ำเพรียกเรียกนวลศรี
เมื่อไหร่หนอคลอเคล้าโฉมนารี
จนเป็นที่สุขกายคลายอกตรม
อภิโธ่เอ๋ยพบรักมักเป็นไฉน
ทั้งดวงใจมอบไว้ไม่เคยสม
อารมณ์มักฝากไว้ได้ระทม
ยากจะสมความรักภักดีเธอ
มองจันทราคราใดสะท้านจิต
ยิ่งเพ่งพิศคิดถึงนางอยู่เสมอ
แม้นห่างไกลใจฉันเฝ้าละเมอ
แสนพร่ำเพ้อใฝ่ครวญหวนถึงรัก
สุดแปรปรวนหวนไปใจคิดถึง
ทั้งรู้ซึ้งถึงคิดลำบากนัก
ขอฝากลมพาไปได้ประจักษ์
ว่าฉันจักรักเธอเพียงผู้เดียว
โอ้คะนึงพึงคิดจิตโหยหวน
สุดอบอวลหอมกรุ่นละมุนเสียว
ช่างซาบซ่านผ่านหทัยนักเชียว
แล้วก็เลี้ยวหายไปไว้รัญจวน
วสันต์เอ๋ยข้าครวญปั่นป่วนจิต
ยิ่งครุ่นคิดติดตรึงคำนึงหวน
ใจร่ำร้องซ้องแซ่ช่างแปรปรวน
ความจริงล้วนชวนสร้างทางอารมณ์
ลมเจ้าเอ๋ยป่วนนักสลักดวงจิต
มันแนบสนิททบทวนล้วนไม่สม
ครั้นคิดถึงเบื้องหลังยังเฝ้าชม
คงเหลือลมผ่านไปใจคร่ำครวญ.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙