18 มีนาคม 2547 22:31 น.
แก้วประเสริฐ
ความรักฉันนั้นมีไว้พร้อมใจภักดิ์
แสนหลงรักภักดีมั่นยังสลาย
ถึงแม้นมีสาเหตุอันมากมาย
แต่ผ่อนคลายแม้จะรักภักดีเธอ
พร้อมเสมอเพื่อจะรับความพ่ายแพ้
ที่แน่ฉันแพ้เธอแล้วเพราะใฝ่เพ้อ
เป็นลิขิตสวรรค์กางกั้นฉันและเธอ
ถึงละเมอทำอย่างไรได้พ่ายก็ยอม
ฉันสัญญาใจไว้แล้วในชาตินี้
ถ้าฉันมีคนใหม่รักษาไว้สุดถนอม
แก้วดวงงามที่ฉันได้จะมิให้ตรอม
เฝ้าถนอมมอบรักให้ด้วยหมดใจ
รักเอยรักรักจริงแท้อยู่หนไหน
ท่องไปในโลกกว้างยังหวั่นไหว
สุดขอบฟ้าเพื่อค้นหายากจริงไซร้
เหตุไฉนมีแต่รักแปลกปลอมจริง.
แก้วประเสริฐ.
17 มีนาคม 2547 12:34 น.
แก้วประเสริฐ
เสียงลมผ่านพัดพลิ้วทางเคี้ยวคด
รอบรายจรดป่าไม้สูงใหญ่ยิ่ง
เทียมคีรีรายรอบทางสุดประวิง
รถแล่นวิ่งเลี้ยวไหล่คดจรดแนวเนิน
กลิ่นหอมหวนนวลผกาป่าไม้รอบ
เป็นแนวขอบตามคบกิ่งสุดจะเหิร
อรรถรสจดนัยนาดูพาใจเพลิน
ระยะทางเกินกว่าที่คิดจิตใจนำ
เสียงนกป่าคาคบไม้ร้องก้องประสาน
ดุจดุริยางค์สวรรค์พาใจให้ระส่ำ
พวกเราร้องคลอต่อกระซิกจิตจำ
รถวิ่งนำมาถึงถิ่นสุดปลายทาง
เสียงลมพัดพลิ้วสนโอนเอนกิ่ง
คลื่นซัดวิ่งพลิ้วพลิกสียงซ่าซ่าน
หาดทรายขาวดั่งไข่มุกดุจวิมาน
น้ำทะเลฉานใสสะอาดปราศราคี
ปูลมวิ่งพริ้งพลิ้วเต็มชายหาด
ดารดาษหมู่ปลาน้อยหลายหลากสี
พวกเราลงเล่นน้ำเลาะคลื่นในวารี
ดูเป็นที่ร่าเริงสุขสนานบันเทิงใจ
เหมือนจะมีใครแอบจ้องมองดูฉัน
ตัวเรานั้นเมียงมองสาวสุดหวั่นไหว
แต่ก็ดีทำให้ฉันเพลิดเพลินเจริญใจ
ที่มีใครแอบจ้องมองเราหลังต้นไม้
ฉันเอนนั่งหลังพิงสนยลดูเงือกน้อย
ว่ายแหวกลอยบ้างวิ่งเล่นอยู่ในน้ำใส
เหล่าเด็กเล็กวิ่งเล่นบนหาดทรายไป
หาที่ใดจะมาเทียบเปรียบเมืองแมน
ได้เวลาพากันเลิกหันหวนกลับ
หากนับวันเวลาพาใจให้สุขแสน
ลาก่อนหนอประทิวสวรรค์เมืองแมน
ชุมพรแม้นมีเวลาจะมาเยือนชม.
แก้วประเสริฐ.
16 มีนาคม 2547 21:49 น.
แก้วประเสริฐ
วันหนึ่งนั้นฉันเพลิดเพลินเดินตามห้างฯ
ใจอ้างว้างเหงาหัวใจเปลี่ยวใจฉัน
มองเห็นสาวเขามีคู่พลอดรักกัน
คู่เคียงกันหัวร่อล้อต่อกระซิก
ฉันยืนเอียงเมียงมองต้องหัวร่อ
โอ้ละหนอโลกเรานี้ช่างวิปริต
นึกว่าสาวกับชายหนุ่มที่ฉันคิด
วิปริตกลับเป็นชายต่อชายปอง
แต่ยังมองช่างเหมือนสาวจริงๆหนอ
เธออ้อล้อต่อกระซิกไม่มีสอง
เธอเย้าหยอกเหมือนสาวที่ชวนมอง
จนฉันต้องหันมามองดูตัวเรา
ถึงเป็นชายและสาวประเภทสอง
ตามครรลองโลกยังรับประดับเจ้า
ดีกว่าฉันนั้นไม่มีคู่ข้างเคียงเรา
เขาและสาวยังดีกว่าน่าชื่นชม
คงได้สมอารมณ์รักสักวันหนึ่ง
ฟ้าท่านซึ่งคงเมตตาให้ได้สม
มีคนคู่เคียงกายให้รื่นรมย์
พากันชมดูตามห้างฯเพลิดเพลินตา
ก้าวเดินออกทอดน่องพลางครุ่นคิด
ถึงมวลมิตรสนิทที่เราเฝ้าเสน่หา
เรานั้นรักแต่เขาช่างโบกมือลา
เพราะวาสนาเราไร้คู่อยู่เดียวดาย
ยิ้มให้ตัวมัวเดินพลางห่างไร้คู่
แต่ก็ดูมีความสุขไม่เหือดหาย
แม้จะต้องไปไร้คู่แต่กายสบาย
ฉันจึงหายไปในหมู่ของผู้คน.
แก้วประเสริฐ.
16 มีนาคม 2547 19:00 น.
แก้วประเสริฐ
อันความรักซาบซึ้งตรึงในดวงจิต
ทำชีวิตผันผวนหวนไห้อาลัยหา
แม้นกาลเวลาผ่านไปยังคิดนำพา
ทำชีวาเราหมองหม่นสุดอาลัย
โศกเอยโศกใดมิเท่าใจเราโศก
แสนวิปโยคโศกสลดหมดความหมาย
ต่างทอดทิ้งฉันหนีไปให้สุดเดียวดาย
ไร้ความหมายไร้พึ่งพิงมิเหลียวแล
และสิ้นแล้วความรักในชาตินี้
ทั้งชีวีมีแต่ให้เขาอยู่แน่แท้
ยังหันหวนรักไปจนผันแปร
ยากแก้ปมใจให้คลายอารมณ์
สมใจแล้วเราเขาที่เฝ้าคอยรัก
จึงหันกลับย้อนปมให้ได้สม
เปลี่ยนชีวิตหันกลับที่เศร้าตรม
เปลี่ยนอารมณ์ให้สุขสนานสำราญใจ
โศกเอยโศกลาแล้วแม่ดอกโศก
ความวิปโยคคงหมดซึ่งความหมาย
ต่อแต่นี้ฉันหันเหไปเพื่อให้ใจสบาย
ด้วยฉันจะคลายโศกสิ้นมิเหลียวแล
กระแสร์รักจะฝากไว้ตามโอกาส
แม้จะพลาดอีกครั้งคงไม่ตายแน่
ด้วยเหตุนั้นฉันชาชินในรักแท้
ที่จริงแน่มองหารักอีกสักคน..
แก้วประเสริฐ.
15 มีนาคม 2547 13:33 น.
แก้วประเสริฐ
ยามหนุ่มสาว
ยามประหวัดครุ่นคิดจิตโหยหวน
แสนรัญจวนหวนให้อาลัยหา
วันคืนผ่านพ้นสุดจะกลับมา
ใจหวนหาใฝ่คำนึงนึกถึงกาล
ประโลมเล้ากรกอดรัดแนบอุระ
อีกซบพักตร์เคล้าคลอบอกคำขาน
สัญญารักฝากไว้กันชั่วนิรันดร์นาน
สิ้นกาลเวลาหายลับยากจะกลับคืน
หัวใจน้อยลอยละล่องสู่ท้องฟ้า
มวลดาราเป็นเพื่อนเตือนใจฝืน
ระลึกคืนชื่นฉ่ำยากกลับมาฟื้น
ถึงวันคืนชื่นในรักกันและกัน
ความไม่ซาบซึ้งตรึงใจในชีวิต
ด้วยความคิดซื่อเกินไปในตัวฉัน
ชีวิตเราจึงมอดไหม้คล้ายจากกัน
นึกถึงวันฉันได้พบประสบเธอ
เดินก้มหน้ามองพสุธาฟ้าหนีจาก
ฉันไม่อยากมองสูงไปหัวใจเพ้อ
ถึงหวนหาใจฉันเศร้าแสนละเมอ
คิดถึงเธอไม่อยากพรากจากอาวรณ์
โอ้สวรรค์มีเหตุให้ได้กลั่นแกล้ง
ชีวิตแล้งฉันโรยรายากจะอ้อน
จึงร่ายรักให้เป็นด้วยบทกลอน
เพื่อจะสอนตัวเราไว้ให้จดจำ.
แก้วประเสริฐ.
15 มีนาคม 2547