9 ธันวาคม 2547 13:00 น.
แก้วประเสริฐ
ความรักที่บอกได้ไหม
รักเอยเคยแนบซึ้งตรึงทรวงจิต
รักเอยสนิทติดห้วงดวงใจฝัน
รักเอยฉันพลอดพร่ำร่ำรำพัน
รักเอยนั้นสรรค์สร้างทุกข์สุขไว้
รักเอยจริงนี่หรือคือว่าหวาน
รักเอยซ่านซาบถึงกึ่งทรวงไห้
รักเอยช่างสอดแทรกจำแนกใน
รักเอยได้หลายรสหมดจดจำ
รักเอยใคร่คร่ำครวญหวนใจคิด
รักเอยปลิดรอยบ่วงห้วงงามขำ
รักเอยเขาทอดทิ้งไปให้ระกำ
รักเอยทำสาบสันต์พลันรัญจวน
รักเอยฉันพบรักประจักษ์แจ้ง
รักเอยแฝงรอยรสหมดจดหวน
รักเอยหวานเปี่ยมรสสดใสชวน
รักเอยล้วนหอมหวนดุจพวงผกา
รักเอยเก็บเอาไว้สู่ในฝัน
รักเอยพลันดั้นด้นเที่ยวค้นหา
รักเอยเพียงความฝันนั้นสุขอุรา
รักเอยมาคำนึงถึงทุกคืนวัน
รักเอยจำกัดข้อความขอถามไถ่
รักเอยไฉนฝากรอยไว้ใจสุขสันต์
รักเอยบ้างมีสุขปนทุกข์กัน
รักเอยสรรสิ่งใดคนใคร่ชม
รักเอยพอเข้าคลุกปลุกใจซ่าน
รักเอยพลันหักเหเซขื่นขม
รักเอยที่ว่าหวานพลันระทม
รักเอยตรมบ่มหทัยฤทัยครวญ
รักเอยรักรักนี้มีหลายแบบ
รักเอยแยกแยะไปให้กำสรวล
รักเอยสุดชอกช้ำระกำชวน
รักเอยป่วนหวนหาลาจากจร
รักเอยฉันเคยพบประสบพักตร์
รักเอยมักทำให้ใจหลอกหลอน
รักเอยนี้มีไว้เตรียมร้าวรอน
รักเอยสอนผ่อนหวนล้วนทำใจ.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
8 ธันวาคม 2547 15:01 น.
แก้วประเสริฐ
รำพึงครวญหวนฝัน
ลมโชยพัดอากาศหนาวเร้ารึงฝัน
คิดถึงวันอันเริงร่าพาแจ่มใส
ธันวาคราเที่ยวงานอันฉ่ำใจ
ครั้งเยาว์วัยในงานสวนอัมพร
ดารดาษกราดเกลื่อนด้วยหนุ่มสาว
พะนอเย้าเคล้าคลอดุจอัปสร
เพลงลีลาศดังกระหึ่มใจอาวรณ์
เสียงออดอ้อนวอนพร่ำแฝงรำพัน
แสงสีสันวูบวาบจับใจเหลือ
เหมือนจะเอื้อหนุ่มสาวเคล้าเสกสรร
ถึงความรักมากมายคล้ายคลึงกัน
ดุจสวรรค์แดนดินถิ่นรามา
งานสอยดาวมีต้นประกายพรึก
อึกกระทึกหวีดว้ายได้หรรษา
ส่งสำเนียงดีใจของได้มา
นงพะงาเบิกบานสำราญอารมณ์
อีกของเล่นมีมากหลายหลากรส
แสนหมดจดงดงามตามเหมาะสม
ที่ขึ้นชื่อลือชาคนมาชม
แสนภิรมย์สมเป็นงานนางสาวไทย
การประกวดนางงามล้ำเลิศค่า
ที่ผ่านมาดินแดนแคว้นทั้งหลาย
ใต้เหนืออีสานกลางตะวันออกส่งไป
สาวไทยคล้ายอัญญะมณีศรีแผ่นดิน
นางฟ้าจำแลงบรรเลงเพลงสุนทราภร
ช่างออดอ้อนเร้ารึงตรึงใจถวิล
ร้อยดวงจิตหวนหาเป็นอาจินต์
ทุกชีวินมุ่งหมายหวังได้แล
เดินลัดเลาะเกาะรั้วแล้วเศร้าจิต
หวังจะคิดสอดแทรกมิได้แน่
ด้วยสอหอลูกเสือไม่ผันแปร
ถ้าจะแย่หากถลำล้ำเข้าไป
จนดึกดื่นค่อนคืนฝืนหันกลับ
ดาราลับเดือนฟ้าไม่แจ่มใส
เดินทอดน่องถึงบ้านพลันอาลัย
ด้วยหัวใจห่อเหี่ยวสุดเดียวดาย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
7 ธันวาคม 2547 16:10 น.
แก้วประเสริฐ
ทะเลเคล้าเร้ารัญจวน
ลมโชยฉิวพลิ้วไสวคล้ายหวนหา
แสนซาบซ่าส์ซึ้งสะท้านพลันหวั่นไหว
ระริกหวิวปลิวสะพัดกวัดแกว่งไกว
ดวงใจไหวให้ชวนคิดติดใจจำ
ผ่านพัดหวนล้วนมาเมื่อพลบค่ำ
อารมณ์ล้ำพร่ำระทึกนึกชวนขำ
สองหนุ่มสาวเคล้าเคลียร้องเพลงนำ
รักหวานฉ่ำให้ฤทัยได้หวานชื่น
กลับถูกกระตุกห้วงฤทัยให้ไหวหวั่น
ความรักนั้นเคยแห้งแฝงกล้ำกลืน
กลับถูกปลุกรุกคลายจนชื่นมืน
ความขมขื่นล้วนแลหายละลายสา
แพน้อยลอยละล่องท่องตามน้ำ
คลื่นโรยช้ำเป็นฟองละอองหา
ซัดสองข้างพลางแลจ้องท้องนภา
นกบินมาโฉบผิวน้ำล้ำเลิศวิไล
ทะเลสาบสุดกว้างกระจ่างเหลือ
ล้วนแพเรือท่องเที่ยวเลี้ยวสดใส
เพลงกระหึ่มไฟแสงสีที่เกริกไกร
แสนไฉไลบ้างทอดจอดริมเขา
อากาศเย็นโปรยฉ่ำซ้ำลมกระโชก
ปลิวไหวโยกโกรกผ้าแม่โฉมเฉลา
รัดรูปร่างงามพลิ้วกิ่วเอวไกว
งามวิไลให้สล้างกระจ่างตา
ภายในแพนั้นเล่าเฝ้าดีดดิ้น
เสียงเพลงยินไปทั่วมั่วเต้นหา
ตามจังหวะเคล้าเสียงเหวี่ยงไปมา
ล้วนสุขอุราไปทั่วทุกตัวคน
จนดึกดื่นดาวคล้อยลอยลับหาย
อรุณฉายแสงทองผ่องเวหน
ต่างรีบเร่งท่องเที่ยวตามสายชล
ความสุขล้นบนน่านน้ำทะเลสาบ
กาญจนบุรีศรีสวัสดิ์ขอพลัดพราก
แต่มิจากในห้วงคิดจิตกำซาบ
คิดถึงเจ้าเร้าอารมณ์บ่มปลาบ
ที่ซึมทราบรับด้วยห้วงดวงหทัย
สามวันนี้ที่ผ่านมาอารมณ์ฝัน
นับเป็นวันอันผาสุกสุกสดใส
คลายความทุกข์บุกเบิกขึ้นข้างใน
ร้อยดวงใจแสนสดชื่นระรื่นเอย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
2 ธันวาคม 2547 12:20 น.
แก้วประเสริฐ
ทิฏฺฐิวิสุทฺธิ ๓
(ขยายความ ใน วิสุทฺธิสังคหะ ๗)
ดูกรผู้ประพฤติธรรมเป็นอาจินต์
ด้วยความสิ้นสังขารนั้นอนิจจังหนอ
พอเริ่มเกิดผันเปลี่ยนไปไม่รีรอ
รูปนามพอคล้อยจากพรากโสกะ
ความยึดมั่นถือมั่นสังขารทั้งหลาย
เหตุกลับกลายร้ายดีที่พบปะ
นำมาชำระด้วยใจมิได้ละ
เอาชัยชนะทั่วไปมิได้วาง
ด้วยยึดถือใจเรานั้นเป็นใหญ่
ไม่ฟังใครบอกว่ามาสะสาง
ใช้สติปัญญาพาให้กระจ่าง
เป็นหนทางร้างพรากจากห่างไกล
สิ่งทั้งหลายจากใจให้เป็นเหตุ
นามรูปปริจเฉทญานพันมาสลาย
มีเกิดดับนับทุกข์สุขกลับกลาย
ด้วยสักกายในอัตตาพาทิฏฐิดำเนิน
หากมีสติศีลสมาธิปัญญามากำหนด
ปัญญาจรดเห็นรูปนามตามมิขัดเขิน
ละส่วนเกินลงไว้อย่าให้บังเอิญ
แล้วมาเจริญกัมมัฏฐานวิปัสสนาญาณ
เพาะชำระจิตใจให้หมดจด
ดุจนักพรตกำหนดไว้ในสังขาร
รู้กลไกรูปนามตามประมาณ
สภาวะกาลนั้นปราศสักกายอัตตทิฏฐิ
เมื่อรู้รูปนามตามสภาวะอันเป็นจริง
ในทุกสิ่งเข้ามาหาแล้วดำริ
ดุจไม้ดอกแรกแย้มแซมผลผลิ
ดอกผลผลิตกลิ่นหอมน้อมนำใจ
ด้วยปัญญาที่กำหนดจรดแจ้ง
ซึ่งแสดงสภาวะจริงสิ่งสดใส
ขึ้นชื่อว่าทิฏฺฐิวิสุทฺธิที่ไฉไล
น้อมนำไปในธรรมขั้นสูงมุ่งนิพพาน.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
1 ธันวาคม 2547 15:41 น.
แก้วประเสริฐ
จิตฺตวิสุทฺธิ ๒
(ขยายความ ใน วิสุทฺธิสังคหะ ๗)
ดูกรสาธุชนคนทั้งหลาย
โลกพลันกลายเปลี่ยนกลับทุกสถาน
ตามแนวโน้มโถมสิ่งที่เบิกบาน
เพื่อสำราญไม่คำนึงถึงสิ่งมา
อะไรเล่าเป็นเหตุให้เกิดผล
คลุกเคล้าปนจนเกิดซึ่งตัณหา
จนลุ่มหลงมัวเมาเฝ้ากามา
แล้วชักพาให้ปัญหามาเกิดมี
ด้วยขันธ์ห้าพาอายตนะประสบ
นอกในครบทุกกระบวนล้วนสรรค์สี
อันรึงเร้าเฝ้าพะนอสร้างชีวี
แต่สิ่งที่นำไปให้คือจิต
จิตนั้นเป็นอย่างไรใครรู้บ้าง
อาศัยร่างกายเราเป็นที่สถิต
อยู่ที่ใดเหตุไฉนให้มาคิด
จงน้อมพิจารณาไว้ใคร่ไตร่ตรอง
อันวิสัยจิตนั้นพลันสัดส่าย
ช่างวุ่นวายซอกซอนห่อนมาสนอง
เหมือนลิงในแหให้ไม่สมปอง
ย่อมจะต้องดิ้นรนขนขวายไป
สิ่งใดรู้ด้วยอายตนะภายนอก
จิตนั้นบอกอยู่ที่นั่นมิสงสัย
เกิดอารมณ์เจตสิกพลิกนำไว้
ส่งให้ใจไปปรุงแต่งแจ้งวิญญาณ
นี่คือที่ไปมาจิตพาเตลิด
เป็นบ่อเกิดของอารมณ์ผสมผสาน
เมื่อทราบเหตุแห่งผลหนทางผ่าน
ใช้สติหมั่นพลันบังคับระงับสิ้น
กำหนดแล้วเฝ้าไว้จงให้พิสุทธิ์
ความบริสุทธิ์เป็นพิเศษเหตุผลผลิน
ดุจกระแสสินธุสะอาดปราศราคิน
พ้นมลทินคือนิวรณ์ที่คลอนอารมณ์
อันได้แก่อุปจารและอัปปนาสมาธิ
แกร่งกล้ามิบกพร่องปองใจสม
ขจัดล้างนิวรณ์นอนนิ่งสิ่งอาจม
เพราะมันข่มความดีมิมีมา
ส่วนขณิกสมาธิที่เกิดสุทธิวิปัสสนายานิกะ
โดยโยคีจะกำหนดนามรูปหรรษา
จัดอยู่ในอุปจารสมาธิเพราะปัญญา
อนุโลมมาเป็นจิตตวิสุทธิเหมือนกัน
อุปจารสมาธินี้อยู่ในมหากุศล
อีกน้อมดลมหากริยาพาเกษมสันต์
มีกัมมัฏฐานเป็นอารมณ์อันสำคัญ
น้อมนำพลันให้สว่างทางปัญญา
อัปปนาสมาธินี่อยู่ในมหัคคตฌานเก้า
เป็นบัญญัติเข้าปรมัตถ์ที่แสวงหา
กัมมัฏฐานเป็นอารมณ์บ่มวิชา
จักนำมาให้ใสสะอาดปราศมลทิน
ทั้งขณิก-อุปาจารและอัปปนาสมาธิ
เมื่อมีนิวรณ์สงบได้จากใจสิ้น
ย่อมระงับนิวรณ์ไว้ได้เป็นอาจินต์
ย่อมเข้าถิ่นแห่งความจิตฺตวิสุทฺธิ
ท่านผู้เจริญได้อ่านผ่านนี้แล้ว
ขอจงแผ้วผ่องใสจิตให้พิสุทธิ์
จะทำการสิ่งใดให้เร่งรุด
อย่างให้ฉุดชีวิตปลิดกรรมครอง
เรื่องจิตฺตวิสุทฺธิขอยุติเพียงเท่านี้
โปรดเปรมปรีดิ์ในธรรมนำสนอง
ขออวยพรจงแคล้วคลาดสมใจปอง
ข้าพเจ้าต้องขอลาวันหน้าเจอกัน.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
ขอขอบคุณที่ทนอ่านครับ