17 ธันวาคม 2547 00:20 น.
แก้วประเสริฐ
เคล้าราตรีเร้าอารมณ์
ยามราตรีที่มืดสลัวไร้เดือนฉาย
ดารารายพรายพร่างกระจ่างแสง
ล้วนกระพริบริบรี่คล้ายอ่อนแรง
เคยมาแข่งสีทองผุดผ่องนภา
คงคำนึงถึงจันทร์จนเศร้าสร้อย
ต่างละห้อยน้อยใจร่ำไห้หา
ที่เคยอยู่แนบเรียงร่วมเคียงมา
บ้างจากลาพุ่งหายคล้ายคร่ำครวญ
หิ้งห้อยร้อยนับพันนั้นสดชื่น
ส่งระรื่นแสงอารมณ์พรมรักหวน
ต่างอวดโฉมโน้มน้าวเคล้าคู่นวล
ดุจชักชวนล้วนสร้างหวังสืบพันธุ์
ลมพัดโชยโรยรินนกค่ำร้อง
เรียกพวกพ้องด้วยเสียงสำเนียงลั่น
ไม้เอนไหวไกวแกว่งดนตรีพลัน
ช่วยปลอบขวัญไร้โพยมโลมราตรี
ค้างคาวไก่โฉบตวัดลัดหาเหยื่อ
เค้าแมวเบื่อเหลือทนจนหมองศรี
สัตว์กลางคืนพลิกฟื้นตื่นชีวี
ท่วงท่าทีมีอาการเอิบอิ่มใจ
กลางคืนชวนละมุนอบอุ่นเหลือ
น้ำค้างเจืออากาศเย็นเห็นสดใส
ทุกสิ่งอย่างวางไว้เฉิดไฉไล
เปรียบดั่งในเมืองแมนแดนมนุษย์
สุดสล้างกระจ่างอารมณ์บ่มใจจิต
ยิ่งพินิจพิจารณาหาความวิสุทธิ์
ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ให้พิสุทธิ์
เปรียบประดุจแพรขาววาววับตา
จนดาวเลื่อนเคลื่อนคล้อยลอยขอบฟ้า
ท้องนภาคราเปลี่ยนสีที่จับอุษา
วันเดือนปีเปลี่ยนไปไม่หวนมา
เหมือนชีวาลาลับไม่กลับคืน.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
14 ธันวาคม 2547 15:34 น.
แก้วประเสริฐ
ร้อยเล่ห์รักลมลวง
ตะวันฉาบท้องนภาคราสีทอง
เหมือนประคองภาพฝันอันเฉิดฉวี
แสงโรจน์รุ่งพุ่งตระหง่านล้ำชีวี
ล้วนเป็นที่ชักชวนหวนอารมณ์
มวลเมฆินทร์ผลินผายไกลจากพักตร์
ลมโชยรักคละคลุ้งพุ่งสู่ขม
ตะบึงเร้าโน้มน้าวราวอาจม
ส่งกลิ่นบ่มตระการที่ผ่านมา
สิ่งทั้งหลายอีกคลายในโลกนี้
ล้วนเป็นที่จับจองประลองหา
ทั้งในนอกกลอกกลับด้วยมายา
เสน่หากายาลิ้นปากมากรัญจวน
อารมณ์ใคร่ในรักมักไม่คิด
เพียงแค่จิตพอใจใฝ่หาหวน
จะเป็นตายร้ายดีไม่คำนวณ
เพียงแค่ชวนเอ่ยปากมักใคร่ตาม
ความพอใจในชอบมิได้ตรึก
พอสำนึกผ่านมาเป็นสองสาม
ถึงคารมคมคายใจให้วูบวาม
แล้วถูกหยามอับอายกลายเป็นตรม
หญิงชายเอ๋ยในโลกนี้รักที่แท้
มีแต่แม่พ่อเจ้าเฝ้าสะสม
บ่มความจริงฝากไว้ไม่ระทม
ท่านชื่นชมสมสร้างเมื่อเราดี
คอยเกื้อหนุนจุนเจือเผื่อลูกน้อย
เพื่อเฝ้าคอยประกอบมอบศักดิ์ศรี
ที่สร้างไว้ให้แก่ลูกทั้งชีวี
สิ่งเหล่านี้เป็นรักแท้ควรแน่ใจ
อันความรักชายหญิงสิ่งที่เห็น
ล้วนแต่เป็นเพียงกระพี้มิสดใส
ใช้เล่ห์ลิ้นหลอกลวงบ่วงจัญไร
สร้างเสน่ห์ไว้ให้เขาหลงมัวเมา
พอหลงตัวยวนยั่วมั่วทุกสิ่ง
ในร้อยลิ้นเสริมสร้างระหว่างเขา
เสียทั้งตัวกลั้วน้ำใจให้มึนเมา
อนาคตเจ้าเหลือเพียงกายไว้ลืมตา
สิ้นปีนี้ผ่านไปจงได้คิด
เสริมสักนิดอดีตเหมือนเตือนนักหนา
ทั้งเก่าใหม่สร้างใจให้สติพา
ปีใหม่มาควรสร้างทางที่ดี
อันสิ่งเก่าผ่านไปให้ไกลจาก
ร้อยเล่ห์รักลมลวงบ่วงศักดิ์ศรี
จงคิดใหม่สร้างใหม่ให้ชีวี
ได้เป็นที่สุขสำราญสราญรมย์เอย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
13 ธันวาคม 2547 12:51 น.
แก้วประเสริฐ
เหมันต์เศร้าเคล้าสายลม
ลมโชยพัดเฉื่อยฉิวพลิ้วยอดไม้
ระเนนไหวอ่อนลู่ดุจพู่สยาย
ใบบ้างปลิวล่วงหล่นปนกระจาย
ลมเหนือปรายผันผวนชวนหนาวเย็น
ยืนทอดสายตานภาแลใสกระจ่าง
ช่างเวิ้งว้างพร่างพรายไร้เมฆเห็น
นกบินเล่นเฉวียนฉวัดกวัดกระเซ็น
หยอกเย้าเล่นชวนสล้างสว่างอารมณ์
กลิ่นหอมดอกชมนาดประหลาดจิต
ช่อมาลีผลิตแข่งดอกแก้วแพร้วงามสม
พุดซ้อนเจ้าสนองเสนอละเมอปม
แสนภิรมย์ลมหนาวเคล้าเยือนกาย
ให้สะท้านสั่นเข้าไปในห้วงอก
วิประโยคโศกสุมรุมมิหาย
ยามหน้าหนาวเคล้ารักมักกลับกลาย
สุดเสียดายมลายรักจากภูพิงค์
เมืองเหนือเอยเชลยรักจักใคร่หวน
อากาศล้วนชวนรำลึกนึกถึงหญิง
ดอกเอื้องหลวงหอมสะพรั่งดั่งมนต์จริง
แล้วทุกสิ่งสิ้นสลายมลายไป
ลมพัดโยกโศกกล้ำกลับทรวงคิด
ทั้งชีวิตปลิดผันมิสดใส
โอ้รักเอ๋ยเคยหลงเพ้อละเมอไป
เจ้าหวานใจเหตุไฉนให้ปรวนแปร
เหมันต์หนาวเคยเคล้ารักมักมาถึง
ให้ตราตรึงซึ้งห้วงในดวงแข
ฟ้าสกาวดาวนับพันนั้นยากแล
ตะละแม่ดาวเหนือเผื่อหวังครอง
ลมพัดโยกโบกหัวใจให้สะท้อน
ลมเหนือผ่อนซ่านผิวกายมิสนอง
อ้อนหัวอกหมกหทัยไร้เคียงปอง
จึงยืนจ้องมองนภาร้างเดียวดาย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
12 ธันวาคม 2547 13:40 น.
แก้วประเสริฐ
ล้วนเพียงภาพเคียงฝัน
สิ่งใดในโลกล้วนชวนกระสัน
อดีตกาลปัจจุบันสรรสร้างทุกแห่งหน
ล้วนแหวกว่ายแทรกกายดุจสายชล
จากเบื้องบนเข้าสู่แคว้นแดนพสุธา
อนาถนักจักเข้าสู้มุ่งสู่ชีวิต
วิปริตปลิดผวนชวนหวนหา
โชคชะตาฟ้ากำหนดสุดนำพา
วันเวลามาสอดเข้าเร้าใจครอง
ผืนแผ่นดินเคยอยู่อู่เคยพร่ำ
โหยร้องร่ำคร่ำครวญมิสนอง
สำเหนียกอยู่กู่ก้องตามทำนอง
น้ำตานองต้องลาพาใจครวญ
น้ำจรดฟ้าครามองสุดหวนไห้
ซาบซ่านไปเข้าห้วงทรวงกำสรวล
สุดสะอื้นฝืนรันทดจนเรรวน
อยากคิดหวนล้วนกลายไร้อารมณ์
เรือลำน้อยลอยล่องท่องผิวน้ำ
ตะวันคล้ำล้ำภูผาให้ขื่นขม
ทิ้งเกาะน้อยพลอยเศร้าสุดระทม
ใจระบมตรมแฝงเร้าเคล้าอุรา
อยากเห็นหน้าคนหนึ่งพึงเจียนขาด
สายสวาทพาดผันชวนหรรษา
เคยวิ่งเล่นชายหาดสาดทรายมา
ชื่นนาสาใจคิดจิตประวิง
บัดนี้เล่าเคล้าเคยรักพลันหักสิ้น
มันโบยบินถิ่นเฝ้าเร้าเคยผิง
กระแสรักผันผูกถูกประวิง
สิ้นทุกสิ่งจำพรากร้างจากคอน
ชะอ้อนแลชะแง้มองท้องผิวน้ำ
ซึ่งมืดล้ำแผ่ซ่านผ่านสลอน
แผ่นดินใหญ่ใกล้มาสุดอาวรณ์
ใจสะท้อนต้องร่อนไปให้ไกลตา.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
10 ธันวาคม 2547 15:36 น.
แก้วประเสริฐ
กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ ๔
ดูกรเหล่าโยคาวจรผ่อนรู้จิต
ควรนั่งคิดนอนยืนคืนสติเสมอ
กำหนดไว้ในกายให้เลิศเลอ
อย่าได้เผลอเพ้อพกเป็นอาจินต์
พิจารณากายให้ข้ามความสงสัย
กองทุกข์หลายรายรอบเป็นนิจสิน
ทำความเพียรเรียนรู้อย่าโบยบิน
โดยหมดสิ้นในจิตคิดรู้เห็น
ปัจจยปริคคหญาณปัญญามาล้ำเลิศ
รู้ก่อเกิดปัจจัยในหลายกระเซ็น
ไม่ว่างเว้นรูปนามตามประเด็น
ที่ซ่อนเร้นเน้นในกายแห่งตน
ชื่อว่ากังฺขาวิตรณวิสุทฺธิปริเฉท
ล้วนแห่งเหตุก้าวข้ามความสงสัยพ้น
จากกังฺขาวิตรณแปดแผดเผาคน
เพื่อหลีกพ้นหนทางสร้างมรรคญาณ
อภิธรรมปิฏกแปดประการอันได้แก่
พุทฺเธ-กงฺขติแท้พุทธคุณเก้าเฝ้าประสาน
มีพระอรหํเป็นต้นพ้นบ่วงมาร
สงสัยขานเป็นจริงสิ่งกล่าวหรือ
ธมฺเม-กงฺขติมีพระธรรมคุณทั้งหก
ยังวิตกสงสัยนัยเพียงแค่หนังสือ
สวากฺขาโตกล่าวไว้ให้ร่ำลือ
ไม่ยึดถือยังสงสัยไม่เป็นจริง
สํเฆ-กงฺขติที่ประพฤติตรึกทำชอบ
ล้วนประกอบสงฆคุณเก้าเนาทุกสิ่ง
เป็นพระสุปฏิปนฺโนโสภายิ่ง
ยังถูกอิงสงสัยจริงไม่จริงนา
สิกฺขาย-กงฺขติมิเชื่อถือคือสิกขา
ศีลสมาธิปัญญาว่าไว้ยังกังขา
พระพุทธเจ้ากล่าวผิดถูกสงสัยมา
ปฏิบัติหนามีประโยชน์จริงหรือไม่
ปุพฺพนฺเต-กงฺขติดำริขันธ์ห้าอดีต
ที่ได้ผลิตเกิดสัตว์จัดเวียนไว้
สงสัยในภาพพจน์อันจรดไป
ไม่เชื่อในขันธ์ห้ามาเกิดสัตว์
อปรนฺเต-กงฺขติสงสัยขันธ์ห้าอนาคต
จะกำหนดเป็นจริงไม่ในส่วนสัด
ตายแล้วดับลับสิ้นไม่ล่วงลัด
ว่าต้องพลัดมาเกิดเกิดต่อไป
ปุพฺพนฺตาปรนฺเต-กงฺขติมีอดีตอนาคต
ที่วางกฎขันธ์ห้ามาจัดไว้
สัตว์เคยเกิดมาแล้วเกิดอย่างไร
จริงหรือไม่สงสัยในขันธ์ห้า
อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ-กงฺขติ
สงสัยดำริการเวียนว่ายวัฏฏะสังขาร์
ว่ายเวียนธรรมตามด้วยอวิชชา
ซึ่งสานมาสืบต่อภพใหม่นั้น
เหตุปัจจัยในเรื่องบุญหนุนด้วยบาป
เข้ากำซาบอายตนะนอกบอกกระสัน
ลุ่มหลงปรุงแต่งกายวาจาใจเป็นสำคัญ
เข้าสร้างสรรค์สืบต่อแห่งภพสิ้น
ด้วยเหตุนี้มีเป็นจริงหรือไม่หนอ
เกิดข้อต่อสงสัยให้ใจถวิล
ไม่เชื่อสงสัยในคำสอนเป็นอาจินต์
เป็นเหตุสิ้นสลายคลายปัญญา
ความรอบรู้ในปัจจัยหลายสาเหตุ
กำหนดเจตน์รู้เห็นรูปนามหนา
ก็ข้ามพ้นความสงสัยนัยผ่านมา
ดังอุปมาที่ได้แถลงแห่งความจริง.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙