17 ตุลาคม 2547 14:46 น.
แก้วประเสริฐ
สุดเสน่หาครารัญจวน
ร้อยรสรักหรือจะสู้โฉมตรูเจ้า
สุดโน้มน้าวเร้าฤทัยจิตใจหนอ
ช่างอ่อนหวานปานรสทิพย์เคล้าคลอ
เหมือนไม้อ้อโอนอ่อนผ่อนฤดี
แสนซาบซ่านปานหทัยใจเจียนขาด
สายสวาทวาดรักมิหักหนี
ประโลมเร้าเคล้าคลึงถึงชีวี
สุดจะที่หาพบจบแดนดิน
จิตถวิลจินตนาพาหวนคิด
ซาบซึ้งจิตผูกพันมิหันฉินท์
รักถนอมเกศแก้วแพรวยุพาพิน
ล้วนอเนกสิ้นลิ้นรสทั้งหวานมัน
กระชั้นชิดติดตรึงซึ้งทรวงแนบ
วาบหวามแวบแสบห้วงล่วงกระสัน
บรรเจิดจ้าอร่ามล้วนชวนรำพัน
สิ่งผูกพันกระชับสนิทติดช่วงจำ
ล้ำเอ๋ยฉ่ำกล้ำกลึงตรึงในห้วง
แม้นจะล่วงเข้าห่วงบ่วงงามขำ
พลางระลึกผนึกไว้อยากให้ทำ
ถึงความอร่ามล้ำลึกซึ้งในทรวง
กาลเวลาผกผันพลันแปรเปลี่ยน
เป็นบทเรียนเพียรระลึกถึงแดนสรวง
ความหวานอันแพรวพราวยากตักตวง
ทิวาล่วงหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวอารมณ์
รสหวานซึ้งยิ่งคิดจิตชักหวั่น
กระแสมันพุ่งปราดขาดคู่สม
ยากจะหาคนคลอเคล้าเฝ้าภิรมย์
มิเหลือปมห่วงมัดรัดรึงใจ
ในโลกนี้มีใครยากแม้นเหมือน
ที่มาเยือนเสมือนนางวางเคียงใกล้
นำมาเทียบเปรียบรสยังห่างไกล
โอ้ไฉไลใยห่วงหาแลอาวรณ์.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
15 ตุลาคม 2547 13:14 น.
แก้วประเสริฐ
รสร้อยคำสำเนียงรัก
จำเรียงถ้อยร้อยคำล้ำเลิศลักษณ์
ประโลมนักจักหาใครจะเหมือน
ด้วยสรรหาถ้อยคำมาย้ำเตือน
มิแลเลือนฝากไว้ไม่จบสิ้น
วิเวกหวานกังวานบันเจิดแจ้ว
เพริศพริ้งแพร้วน้าวโน้มเล้าโลมถวิล
ใคร่หวนหามาฝันใฝ่เป็นอาจินต์
ดั่งชีวินบินละล่องสุดพรรณนา
หวานสุดสรรค์ปานน้ำผึ้งเดือนห้า
ยากจะมาเปรียบเท่าสุดเคล้าหา
ของยอดหญิงมิ่งสมรยอดกานดา
สุดเสน่หานำให้ใจเวิ้งว้าง
กุหลาบน้อยร้อยรักด้วยกลิ่นหอม
ดอกพะยอมอบอวลล้วนสล้าง
พันธุ์ไม้ดอกหอมตลบอบนวลนาง
ล้วนกระจ่างถ้อยเสียงสำเนียงฟัง
ยามนางยิ้มพริ้มโอษฐ์ยวนเย้าจิต
ปากน้อยนิดแย้มพรายคล้ายเสียงสังข์
บรรเจิดจ้าวาบหวิวพลิ้วเสียจัง
เสมือนดังเกล็ดแก้วแว่วกระทบ
สำเนียงช่างอ่อนหวานซ่านอบอุ่น
อ่อนละมุลกรุ่นกลิ่นเมื่อคราพบ
สุดตราตรึงผนึกใจใคร่บรรจบ
จนทำนบคำหวานพลันละลาย
คิดซาบซึ้งตรึงใจมาครุ่นติด
มัดฝังจิตผูกไว้จนใจสลาย
เมื่อนางด่วนหวนร้างหนีกลับกลาย
เพียงกระจายเหลือไว้ในอกตรม
รักแรกเริ่มเดิมพันด้วยคำหวาน
พอวันวานพลันหายคล้ายยาขม
มีมากนักจักทำช้ำระบม
เหมือนยาดมนานไปให้จืดจาง.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
13 ตุลาคม 2547 13:50 น.
แก้วประเสริฐ
กระแสรักหวนผวนกลับ
รักเอ๋ยรักรักเอยเอ่ยถึงรัก
สุดจะผลักหักเจ้าให้ห่างหาย
ไกลจากจิตคิดไปจนตาลาย
สิ้นสลายคลายกำหนดหมดกฎเกณฑ์
วันทิวาราตรีที่ผ่านพ้น
อันจรดลผ่านมาช่างเลี่ยงเห็น
กระแสน้ำหลากไหลไม่โอนเอน
ประดุจเช่นวันวานไม่หันทวน
ล้วนแต่ความมากมายหลายรสนัก
มันนำชักมักพาจนสุดหวน
ล้วนแต่กาลเวลามักมาชวน
ประกอบล้วนนอกในคล้ายตำรา
วางวาดไว้ให้ทบผูกดวงจิต
สู่แนบสนิทผลิตแต่สิ่งที่กังขา
ดารดาษพาดวางหวั่นวิญญาณ์
สุดระอาหาความจริงไม่แน่เลย
เพียงเสี้ยวหนึ่งพึงคิดชักรู้แจ้ง
มันแอบแฝงแข่งเวลากาลมาเฉลย
ครั้นสำเหนียกเรียกหาความคุ้นเคย
กลับยากเอ่ยเพียงพร่ำร่ำคำรัก
อนาถแท้ยากยิ่งสิ่งที่กล่าว
ล้วนเรื่องราวฉาวโลกีย์ที่ขุ่นคลัก
ผ่านพินิจพิจารณาเห็นประจักษ์
ยากยิ่งนักรักคำนี้คงเฝ้าคอย
โลกเรานี้มีใครเล่ามาแถลง
เพื่อจะแสดงเรื่องไว้ให้ใช้สอย
ล้วนชนักหักอกจนตาลอย
นั่งเศร้าสร้อยน้อยใจรักลอยลม
อ้อยหวานนักมักมาแค่ปลายลิ้น
คำพูดปลิ้นลวงบอกหลอกขื่นขม
กลับนิยมว่าดีงามล้วนชื่นชม
พอระทมโหยหาว่ารักลวง
นี่แหละหนอคือรักที่หักหวน
พอมันชวนด่วนนักคิดว่าสรวง
เป็นแดนนรกหมกไหม้ยังตักตวง
ล่อเป็นบ่วงห่วงหายังอาวรณ์.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
12 ตุลาคม 2547 13:23 น.
แก้วประเสริฐ
ลีลานางพญาหงส์
ท่วงท่าน้องร้องรำเพ้อพร่ำหวาน
ก้องกังวานวาบหวามแม่ทรามสงวน
ชวนระริกกระซิกเสน่าเร้ารัญจวน
กลิ่นอบอวลหมอกควันละลานตา
เสียงเพลงอ่อยโหยหวนชวนกระสัน
แล้วกระชั้นถี่พลิ้วละลิ่วหา
ลีลาช้อยอ่อนไหวเอวไปมา
สุดพรรณนาร่ายรำท่วงทำนอง
เสียงขับร้องก้องโสตถิ์เสนาะจิต
ใจระริกคิดหวั่นไหวจนใคร่สนอง
เอวองค์อ่อนพลิ้วไหวให้อยากลอง
เสมือนต้องของมนต์ตราตลึงแล
สะโพกผ่ายร่ายรำยามแลจ้อง
ยามตลึงมองนางนวลชวนแยแส
จนใจจิตคิดกลับพลันเปลี่ยนแปร
จับตาแลลีลาให้พาเพลิน
ดั่งใจสองต้องกันเกิดวิชชุ
แล้วบรรจุซาบทรวงหน่วงใจเขิน
ดวงตาพบสบกันอย่างบังเอิญ
แย้มยิ้มเผอิญมาพบหลบตาพลัน
นั่งตาลอยพลอยคิดหญิงนางหนึ่ง
ระลึกถึงนงนุชสุดโศกศัลย์
เป็นตำนานผ่านไปด้วยจากกัน
ไม่มีวันหวนหามาอาวรณ์
คิดยิ่งพิศจิตเล็งคล้ายคลึงเขา
เมื่อก่อนเล่าเข้าร่ายรำราวอัปสร
สวยอรชรอ้อนแอ้นแม่งามงอน
พลิ้วไหวอ่อนเหมือนนางที่เฝ้าชม
ลมเอ๋ยลมบ่มรักสลักโศก
พัดไหวโยกโศลกรับนับขื่นขม
ระบัดรัดตรึงเร้าอกเฝ้าตรม
วันระทมข่มในรักหักใจลา.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ.๙๙๙
9 ตุลาคม 2547 14:28 น.
แก้วประเสริฐ
ธรรมที่ควรรู้เพื่อละอบายภูมิ 4
อันธรรมานุธรรมล้ำเลิศค่า
องค์พระศาสดามาชี้แจ้งแถลงไข
วางกำหนดกฎเกณฑ์สร้างนอกใน
เป็นบทนัยยะสล้างล้างใจจิต
ซึ่งบทธรรมนำมาให้ละลด
รู้ทั้งบทของทุกข์เพื่อปลูกคิด
ฝังทั้งเหตุต้นปลายสลายสนิท
มิให้ติดอยู่ห้วงแห่งบ่วงมาร
ธรรมเรียกว่าอุปทานในขันธ์ห้า
รูปาทานจนวิญญาณไม่แก่นสาร
ใช้ปัญญามาวิมุติอย่างเบิกบาน
นำสังขารกำหนดแจ้งแห่งปัญญา
สมถะวิปัสสนามากำหนด
เลิกละลดหมดสิ้นอย่ากังขา
รู้เท่าทันความทุกข์สุขที่มา
มีศรัทธาความเพียรเรียนรู้สลาย
สิ่งสำคัญในสังขารนั้นมีหก
อุปโหลกเฉกเช่นโลกโศกมากหลาย
ตาหูจมูกลิ้นกายใจให้กระจาย
อย่าหวั่นไหวไม่เที่ยงซึ่งเบี่ยงเบน
หากผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว
ยังหลงใหลในสังขารหอกแลเขน
เป็นดั่งสัทธานุสารีที่โอนเอน
ก้าวสู่เด่นแดนสัมมัตตนิยามกรรม
นำเข้าสู่สัปปุริสภูมิสุมพูนเพิ่ม
เข้าล่วงเริ่มภูมิปุถุชนกระหน่ำซ้ำ
กรรมเข้าสู่นรกภูมิหนุนกระทำ
กำเนิดนำสู่แดนสัตว์เดรัจฉาน
อีกนัยปิตติวิสัยในเปรตนี้
เที่ยวกินขี้ของเน่าเฝ้ากระสานติ์
ขอส่วนบุญโหยหิวกิ่วตลอดกาล
กระเซ็นซ่านโหยหวนทวนร้องขอ
หากรู้แจ้งในอายตนะนอกในแล้ว
กำหนดแนววางลดหมดเสียหนอ
ก็เข้าสู่โสดาบันนั้นเพียงพอ
ที่พะนอเอาตัวรอดได้ปลอดภัย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙