13 พฤษภาคม 2547 22:08 น.
แก้วประเสริฐ
แสนเสียดายเจ้าคราฟท์ที่น่ารัก
ซุกซนนักโดดจากบ่อปลาฉัน
เจ้าเคยว่ายล้อเล่นกับพวกมัน
มีสีสันหลากหลายงามสะดุดตา
ว่ายวนเวียนเฉียดโฉบแนวโขนหิน
น้ำตกรินหลั่งไหลตามแนวผา
เสียงน้ำพุพวยพุ่งสู่ท้องนภา
แล้วตกมาถูกน้ำเป็นฟองกระจาย
บัดนี้เล่าเจ้าสิ้นแหล่งพิงพัก
คูหารักเคยได้อยู่เป็นที่อาศัย
เจ้าต้องมาสิ้นชีพชีวาวาย
เพื่อนทั้งหลายคงหมองต้องระทม
เปรียบประดุจหญิงสาวสะครวญนัก
ชะล่านักในรูปทรงที่สวยสม
เอาแต่ใจไม่พินิจจึงอกตรม
แสนระบมขมขื่นใจไปอีกนาน
ดุจปลาคราฟท์สวยสีสดวิไลนัก
แหวกว่ายกลับไปมาสนุกสนาน
ดุจสาวน้อยลอยล่องคบคนพาล
มิระวังกันเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
หยิ่งทะนงหลงตัวว่าเจ้าเก่งกล้า
โดดขึ้นมาจากขอบกั้นแนวรั้ว
เหมือนหญิงที่เชื่อคำล่อลวงตัว
จึงเมามัวตัวตายคล้ายคราฟท์เอย.
แก้วประเสริฐ.
11 พฤษภาคม 2547 16:33 น.
แก้วประเสริฐ
ฉันเขียนกลอนขึ้นมาก็หลากรส
ทั้งเคี้ยวคดลดหลั่นรักทุกข์สุขสันต์
จนเพื่อนนั้นแหนงหน่ายไปตามกัน
แต่เพื่อนนั้นถามละได้ในความจริง
หากเพื่อนคิดเช่นนั้นฉันขอบอก
ไม่ลวงหลอกเพื่อนจะบอกในทุกสิ่ง
ฉันเคยได้ฝึกสมาธิเรียนธรรมจริง
แล้วทุกสิ่งสงบสุขทุกข์ร้างไกล
ครั้นเมื่อจิตรวมใจสงบเป็นหนึ่ง
พิจารณาซึ่งกายเราไว้อย่าไปไหน
มองให้เห็นร่างกายประกอบอะไร
เหตุไฉนจึงรวมไว้เป็นตัวตน
อันร่างกายเรานี้เกิดจากธาตุ
มีธาตุดินน้ำลมไฟรวมไม่สับสน
วิญญาณจึงเข้ามารับรู้ให้เป็นคน
หมั่นพิจารณาตนแยกไว้ให้จงดี
เมื่อรู้ร่างกายการเกิดมนุษย์นั้น
สารพันธรรมชาติกำหนดไม่คงที่
อยู่ที่เวรกรรมเคยสร้างไว้เท่าที่มี
มันบ่งชี้หนทางไว้ให้ได้เดิน
อันรูปกายวิญญาณนั้นหาใช่อมตะ
ควรลดละกำหนดรู้ไว้แต่เนิ่น
ด้วยทุกอย่างสลายไปอย่าเพลิดเพลิน
ถ้ามันเกินแล้วยากหวนกลับมา
ด้วยเกิดแก่เจ็บตายนั้นเพราะตัณหา
มันนำมาความโลภโกรธหลงหนา
หลงติดบ่วงมารไว้มิได้นำพา
จนเวลาผ่านมาเป็นอสงไขยปี
เพราะทุกอย่างธรรมชาติสร้างมากนัก
มันก็จักเปลี่ยนไปในทุกที่
อนิจจังความไม่เที่ยงแท้ย่อมมี
ใจใครที่หลงไว้ได้ครอบครอง
ความทุกข์มันจะเข้ามาสู่สม
เกิดระบมใจร้อนดุจดั่งไฟต้อง
เผาผลาญจิตใจให้โศกหม่นหมอง
เป็นละอองครอบใจให้ทุกข์ตลอดไป
สิ่งทั้งหลายธรรมชาติสร้างไม่คงที่
เมื่อเกิดมีขึ้นก็สูญสลายไปได้
เรียกว่าอนัตตาจะมาในทันใด
เหตุนั้นไซร้ไม่ใช่เราเขาแห่งตน
อันรูปจิตวิญญาณอาศัยปัจจัยเหตุ
เป็นอนุเฉทที่หล่อเลี้ยงกายไม่ให้ป่น
มีรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณปน
รวมเหตุผลไว้ให้เกิดเป็นเวรกรรม
รูปคือกายเราอาศัยธาตุรวมไว้
เวทนาได้เสวยอารมณ์สุขทุกข์กล้ำ
สัญญาคือจำได้หมายรู้เป็นตัวนำ
ส่งล้ำให้สังขารปรุงแต่งวิญญาณชม
สิ่งเหล่านี้อายาตนะหกเป็นตัวแจ้ง
แสดงโดยตาหูจมูกลิ้นใจกายได้สม
ภายในมีรูปเสียงกลิ่นรสธรรมารมณ์
เป็นอารมณ์ก่อกำเนิดแก่หญิงชาย
สำเร็จเสร็จสิ้นสร้างสรรค์สัตว์มนุษย์
ซึ่งจะผุดมาเป็นมนุษย์สัตว์ทั้งหลาย
แล้วชดใช้เวรกรรมทำในบั้นปลาย
เพราะทั้งหลายมิรู้เหตุกฎแห่งกรรม
ธรรมะนี่ยังมีอีกมากมายนัก
เพียงชี้ชักให้เห็นร่างกายเราซ้ำ
เมื่อได้รู้ไม่หลงเกิดปัญญานำ
ควรจะทำหรือไม่ใคร่ครวญดู.
แก้วประเสริฐ.
เพื่อนรัก อวิชชานั้นจำไว้หลักใหญ่คือตัณหา โลภะ โทสะ โมหะ คือตัวรากเหง้าใหญ่แห่งอวิชชานี้แหละที่มันขจัดปัญญาเราให้เกิดมัวเมาเป็นทาสมันอยู่เสมอ มนุษย์แท้จริงย่อมมีจิตใจที่ประภัสสรเสมอมา เพราะตัวตัณหานี่แหละจ้าเป็นตัวนำ....รักเพื่อนเสมอ.
9 พฤษภาคม 2547 22:35 น.
แก้วประเสริฐ
เสียงหวีดหวิวกิ่งไม้ไหวลมพัดแว่ว
ต้นสนแผ่วกิ่งก้านอ่อนโอนเอนไหว
ใบสนเกลื่อนโรยราดพื้นต้นมากมาย
ดุจดั่งคล้ายพรมธรรมชาติวางเป็นแนว
ปูเสื่อนอนรับลมใต้ต้นบนใบสน
ฟังเสียงลมแลคลื่นซัดฝั่งระลอกแถว
ลมโชยพัดคลื่นกระจายฟองตามแนว
โขดหินแถวตามหาดทรายละลานตา
อารมณ์หนึ่งในฝันพลันลอยกลับ
ให้หวนนับอดีตกาลเวลากลับมาหา
คิดถึงตอนวัยเด็กหวนทวนกลับมา
ถึงเพื่อนยาที่เป็นเด็กทั้งหญิงชาย
การละเล่นเป็นเด็กคือปากเป่ากบ
อันตัวกบคือวงยางหนังทั้งสองฝ่าย
ผู้ชนะยางต้องทับบนยางแล้วเอาไป
ฉันเล่นได้เอายางสอดใส่ในข้อมือ
อีกอย่างหนึ่งคือการเล่นหมากเก็บ
ทุกคนเหน็บก้อนหินไว้ในมือถือ
ก้อนหินนั้นมีห้าเม็ดอยู่ในกำมือ
แล้วทอยมือกระจายเก็บตามวิธี
การละเล่นมีมากมายหลายชนิด
สุดจะคิดหาเกมส์มาเล่นกันให้สุขี
เช่นทอยกองโดดเชือกตั่งเตหม้อตี
วิ่งเปรี้ยวหนีซ่อนหาขี่ม้าทรงเมือง
เมื่อเป็นเด็กร่างกายฉันเล็กผ่ายผอม
ฉันต้องยอมพ่ายแพ้เขาในทุกเรื่อง
เพราะเพื่อนชายชอบรักแกอยู่เนืองๆ
จนมีเรื่องร้องเรียนถึงครูผู้ปกครอง
จนเติบใหญ่อดีตฝังจำยังมีแต่เพื่อนหญิง
คอยปลอบสิ่งที่ฉันทุกข์ให้ไม่เศร้าหมอง
แต่หญิงที่ฉันรักไว้หมายจะเป็นคู่ครอง
ไม่สมปองจนฉันต้องหนีร้างให้ห่างไกล
แต่เพื่อนหญิงทั่วๆไปใจนั้นสุดประเสริฐ
ช่างเลอเลิศเอาใจใส่มิได้ห่างร้างไปไหน
ฉันจึงรักและเทิดทูนหญิงกว่าชายทั่วไป
ถึงอย่างไรชายทั้งหลายอย่าโกรธเราจริง
เพราะฉันนั้นแต่เด็กเล็กจนเติบใหญ่
มีเพื่อนชายน้อยมากกว่าเพื่อนหญิง
เขาเอาใจใส่ฉันทุกข์สุขด้วยใจจริง
เพื่อนจึงยิ่งมองฉันนั้นหญิงหรือชาย
โอ้เพื่อนรักฉันทั้งหลายชายหรือหญิง
นี่คือสิ่งที่ฉันบอกไว้อันมากหลาย
เป็นสิ่งแท้แน่นอนที่ฉันมิกลับกลาย
แม้ฉันตายสบายใจบอกไว้ในใจตน
สะดุ้งตื่นฟื้นกลับจากอารมณ์ที่ใฝ่ฝัน
เสียงนกลั่นร้องระงมบนยอดกิ่งสน
เพื่อนชายหญิงวิ่งกลับมาดุจไฟลน
เพราะทุกคนต้องรีบกลับเปลี่ยนกายา
ยามตะวันพลันลาลับจากสุดขอบฟ้า
ราตรีมาเยี่ยมเยือนทุกอย่างยังหรรษา
เพราะจะมีงานรอบกองไฟไม่กี่ครา
ฉันบิดกายาไม่อยากลุกออกจากไป.
แก้วประเสริฐ.
7 พฤษภาคม 2547 15:12 น.
แก้วประเสริฐ
ลมโชยพัดใบไม้ร่วงหลุดจากขั้ว
ปลิวไปทั่วเนินสล้างใต้ขุนเขา
ลงสู่แอ่งกระแสธารไหลเบาๆ
ลอยไปเข้าสู่สายน้ำเป็นวังวน
สาวหญิงหนึ่งนั่งพิงเหลือบโขดหิน
น้ำตารินหลั่งไหลไห้สะอื้นหลายหน
ร่างสะท้านหวั่นไหวคล้ายน้ำในสายชล
คงเป็นคนที่พ่ายรักจนหนักทรวง
รักเอ๋ยรักรักของเจ้าคงสุดพ่ายรัก
คงช้ำนักเพราะใจรักเจ้าคงติดบ่วง
ชายเจ้าเล่ห์อาศัยลิ้นเสียงหลอกลวง
มัดเป็นห่วงคล้องตัวเจ้าเศร้าอาลัย
คงเจ็บนักแม่สาวน้อยไร้เดียงสา
เจ้าอ่อนล้าแต่คงปากกล้าได้ปราศรัย
กลับเสือร้ายในกรุงเสียจนใจบรรลัย
เจ้าจึงได้มานั่งเศร้าโศกเสียใจรัญจวน
อันความรักเจ้ายังอ่อนนักในเมืองหลวง
เขาแกล้งลวงหลอกด้วยคำหวานแล้วเฝ้าหวน
กลับเอาใจห่วงใยเจ้าด้วยเล่ห์ของกระบวน
แมงดาล้วนหลอกลวงด้วยยศฐานะและร่ำรวย
คงหลงเสน่ห์เล่ห์กลด้วยเสียงหวาน
แล้วผูกพันมัดตัวเจ้าไว้แน่แม่คนสวย
จึงเจ็บช้ำในหัวอกแล้วมานั่งอ่อนระทวย
หายใจระรวยเหมือนคนจะสิ้นพลังกายใจ
ยังไม่สายเกินไปนะเจ้าแม่น้องสาว
โลกของเรายังมีสะอาดด้วยหัวใจที่แจ่มใส
เจ้าจะมานั่งทอดถอนใจโศกเศร้าอยู่ใยไป
กลับตัวใหม่แล้วค้นคว้ารักแท้เจ้ามีมากมาย
ตะวันลาลับแล้วยังกลับมาส่องแสง
จันทร์ข้างแรมยังมีวันกลับมาเต็มดวงได้
เสียใยรักจนโศกเศร้ายังมีวันที่ใจแจ่มใส
นับประสาอะไรที่เสียไปจะไม่ได้กลับคืนมา.
แก้วประเสริฐ.
7 พฤษภาคม 2547 13:09 น.
แก้วประเสริฐ
เธอลืมลืมฉันเสียเถิดอย่าหลั่งน้ำตา
ความปรารถนาของเธอขอรับรู้ด้วยใจ
น้ำตาเธอหลั่งไหลฉันปวดร้าวเพียงใด
ถึงอย่างไรใจของฉันนั้นยังมั่นคงเสมอ
ไปไปเสียเถิดเมื่อดวงใจเธอปรารถนา
เธอรักเขามาแล้วทำไมต้องให้ใจฉันเพ้อ
เพียงคำพูดเธอแม้ปลอบฉันจะเลิศเลอ
ขอนึกเสมอเพื่อเธอฉันต้องร้างห่างไกล
ตะวันลับขอบฟ้ากว้างแล้วลาล่วง
แสนจะห่วงเธอใจนั้นฉันเป็นไฉน
ด้วยหัวใจนั้นมิต้องให้เธอกังวลไป
ใจสลายขอให้เธอได้มีสุขทุกวันคืน
ยามค่ำคืนดึกดื่นใจฉันสุดหวนหา
แม้นน้ำตาฉันนั้นเก็บไว้ด้วยใจฝืน
มิให้มันไหลออกมาแม้ใจจะสะอื้น
ความเหงาฟื้นคืนหวนกลับสู่ห้วงหทัย
จันทร์ดาราเอ๋ยเคยสร้างอารมณ์ฝัน
ใต้แสงจันทร์น้ำค้างพร่างพรมงามไสว
ก่อกำเนิดรักฉันแล้วต้องร้างให้ห่างไกล
โอ้ดวงใจใครหนอเล่าจะเป็นเช่นตัวเรา
ร้องไห้ใช่หัวใจฉันร้องครวญร่ำไห้
เฝ้าร้องไปด้วยใจแสนสุดโศกเศร้า
รักเราร้างไกลใจฉันให้หงอยเหงา
ทรุดกายเราก้มหน้าไห้หลั่งใส่พื้นปฐพี.
แก้วประเสริฐ.