17 พฤษภาคม 2547 15:37 น.
แก้วประเสริฐ
ยามลมโชยพัดพลิ้วระริกผ่าน
แสงตะวันสาดส่องท้องฟ้าใส
หมู่เมฆาลอยละล่องท่องไป
ใบไม้ไหวพัดพลิ้วระริกลม
สนเอ๋ยยามลมโชยโรยตามผ่อน
ลู่ลมอ่อนไหวเอนเป็นแนวร่ม
ใบไม้ร่วงหล่นพสุธาดังปูพรม
ยามต้องลมโอนไหวคล้ายละคร
เมื่อเกิดพายุพัดโบกเสียงโฮกฮาก
แนวสนจักลู่ไหวมิต้องสอน
เปรียบไม้ใหญ่แข็งข้อต้องหักตอน
เป็นแนวนอนสนฟื้นคืนกายา
อุทาหรณ์สอนไว้เป็นแนวคิด
ธรรมชาติจิตของเรามากนักหนา
มีทั้งกระด้างแข็งอ่อนเป็นธรรมดา
หากนำพาเอาไว้ไม่ขาดตอน
ก็จะทำให้ได้เอาตัวรอด
แคล้วคลาดปลอดภัยได้ทุกสถาน
รู้จักหนักผ่อนเบาในเหตุการณ์
เป็นหลักการสอนไว้ให้จดจำ
ขอจงดูปราชญ์ผู้รู้เป็นเหตุผล
ยามจรดลไปไหนอ่อนเป็นตัวกล้ำ
ย่อมถ่อมตนมิอยู่ให้สูงล้ำ
จะกระทำการสิ่งใดให้อ่อนโยน
ผิดกับผู้รู้น้อยถ่อยความคิด
ยามสถิตนั่งเดินจะไปไหนโน่น
ทำตัววางก้ามโตมิอ่อนโยน
โอ้อวดตนเก่งกล้าข้ามีภูมิ
ขอฝากข้อคิดนี้ไว้ให้ชายหญิง
ว่าทุกสิ่งควรดูสนที่อ่อนนุ่ม
พายุใหญ่พัดผ่านมาพากันรุม
สนยังนุ่มยิ้มรับไว้ในเหตุการณ์.
แก้วประเสริฐ.
กุ้งหนามแดง
สนต้องลมชมแล้วได้สัจจะ
มีธรรมะในตนคนช่างสรร
แข็งในอ่อนอ่อนในแข็งแรงเท่ากัน
เรื่องพัวพันสมดุลย์หนุนให้เป็น
ให้อ่อนโยนแต่ใช่ให้ไหวอ่อน
แข็งให้ซ่อนเอาไว้อย่าให้เห็น
คมในฝักทักษะตรงประเด็น
มิลำเค็ญใช้ถูกทางคงร้างภัย..
..แวะมาแจมค่ะ คุณแก้วฯ หายไปหลายวันไม่ว่ากันน่ะค่ะ ติดภาระกิจค่ะ..
..
จาก : รหัสสมาชิก : 7067 - กุ้งหนามแดง
รหัส - วัน เวลา : 274067 - 17 พ.ค. 47 - 21:11
ท่านผู้หญิงไร้เงา
เหมือนดั่งไผ่ลู่ลมให้ชมนั้น
ช่างโอนอ่อนผ่อนผันไม่หวั่นไหว
เมื่อลมมาพัดตามลมนั้นไป
พอลมไกลก็ตั้งตรงคงที่เดิม
*-*แต่งได้ดีค่ะ เปรียบเทียบได้เลยค่ะ*-*
จาก : รหัสสมาชิก : 4521 - ผู้หญิงไร้เงา
รหัส - วัน เวลา : 273899 - 17 พ.ค. 47 - 17:39
กลอนของท่านทั้งสองยอดเยี่ยมมาก จึงเชิญมาลงไว้ เพื่อเสริมกลอนของผมจะได้เป็นแนวคิดอีกทางหนึ่งครับ หวังว่าเพื่อนรักคงไม่ว่ากันนะครับ....แก้วประเสริฐ.
ยโส
สนโอนเอนลู่ลมตั้งตรงใหม่
ลมพัดไหวแกว่งไกวกิ่งสาขา
พายุโหมแรงซัดพัดแรงมา
กิ่งที่ว่าสงบนิ่งเมื่อลมไป
อุปสรรคน้อยใหญ่นานานัป
นักปราชญ์จับอารมณ์ข่มใจไหว
ทุกข์สุขนินทาสรรเสริญเผชิญไป
ใจยิ่งใหญ่มั่นคงตรงได้คืน
ขอคาระคุณแก้วประเสริฐด้วยกวีบทนี้อีกครั้งครับ คุณแต่งได้ดี มีแก่นสาระ อ้างอิงคำสอน แฝงคติไว้สอนใจได้มากมาย
ราชิกา
จาก : รหัสสมาชิก : 7746 - ยโส
** สนเอนไหวใช่ใจนั้นไม่สู้
ฝึกเรียนรู้ตั้งตรงคงความหมาย
แม้นสายลมโบกสะบัดพัดมิวาย
สนยังคลายกลับลู่สู่ที่เดิม......ฯ
งามด้วยลีลา..สัมผัสความหมายด้วยใจ...ให้แนวคิดที่ดีแก่สังคมค่ะ...ขอน้อม..ด้วยใจจ๊ะ..
มาทักทายแฝดเพื่อนนะจ๊ะ..
จาก : รหัสสมาชิก : 3197 - ราชิกา
16 พฤษภาคม 2547 21:13 น.
แก้วประเสริฐ
อุแว้..อุแว้..อุแว้..แว่วเด็กแผดร้องจ้า
หญิงร่างชราอุ้มเด็กที่แผดเสียง
ร่างเด็กสาวนอนซมอยู่ใกล้เคียง
หญิงชราเลี่ยงอุ้มเด็กเดินผ่านไป
สักครู่หนึ่งผ่านมาเสียงจ้าหาย
ได้กลับกลายครวญครางร้องเสียงใส
ร่างหญิงน้อยนอนซมเพราะพิษไข้
เหตุการณ์ในอดีตหญิงชราเล่าออกมา
ย้อนเหตุการณ์ผ่านไปได้ปีกว่า
เด็กที่ว่าหมั่นเพียรเรียนนักหนา
จนถูกยกย่องมีหนังสือแจ้งมา
เพื่อนมากหน้าผ่านมาทั้งหญิงชาย
สนุกสนานผ่านไปใครว่าไม่ได้
เตือนอย่างไรไม่ฟังการเรียนหาย
เอาแต่เที่ยวเตร่กับเพื่อนหญิงชาย
การเรียนสลายหายไปในวัยเรียน
เอาแต่รักแรกมักไม่ครุ่นคิด
เชื่อสนิทในคำรักที่ขีดเขียน
กับคำหวานเยินยออุส่าห์เพียร
นั่งขีดเขียนการเรียนทิ้งออกไป
รักสลายการเรียนล่มได้ของฝาก
เหลือเพียงซากรักลูกหาพ่อไม่ได้
ประกาศนียบัตรเขาไข่ทิ้งอดสูใจ
สิ้นสุดในอนาคตคล้ายโบยบิน
ยกอุทาหรณ์มาไว้ให้ได้เห็น
ดุจดั่งเช่นเล่ามาอนาคตสิ้น
รักเรียนอย่ารักรสอดไว้กิน
ยอมสูญสิ้นรสรักฝากการเรียน.
แก้วประเสริฐ.
16 พฤษภาคม 2547 17:04 น.
แก้วประเสริฐ
โศกเอ๋ยโศกโศกเศร้าเมื่อเคล้าโศก
เสมือนโฉลกบ่งบอกโลกให้โศกเศร้า
โศกนี้หรือคือเครื่องหมายทำลายเรา
ความโศกเศร้าทำให้เราด้อยปัญญา
สุขเอ๋ยสุขคลุกเคล้าเร้าอารมณ์สนุก
ชีวิตถูกปลุกให้รื่นสนุกสุดหรรษา
ไปที่ไหนโลกให้สดชื่นรื่นวิญญา
ความปรารถนาอยู่ที่สุขทุกคนไป
หากสุขปนโศกโลกเป็นเช่นใดเล่า
ยิ้มของเราแต่ดวงใจไม่ผ่องใส
ทำอะไรให้สับสนทุกครั้งไป
ด้วยกายใจยังไม่ได้สัมพันธ์กัน
โลกของโศกมิสร้างไว้คงที่
สุขก็ดีเขามีไว้ให้เกษมสันต์
เพื่อทำลายโศกหมดสิ้นให้จากกัน
แต่กระนั้นคนชอบโศกแปลกจริง
อย่างนั้นอะไรทำให้สุขไร้โศก
พิจารณาโลกหาเหตุผลในทุกสิ่ง
ก็พบว่าเกิดจากใจที่ไม่นิ่ง
ด้วยทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความรัก
อันรักนั้นให้เกิดสุขปนโศก
แสนวิปโยคโศกสลดด้วยไม่พัก
ความรักทำให้คนกระสันนัก
ฉะนั้นรักทำให้เราเคล้าสุขโศก.
แก้วประเสริฐ.
15 พฤษภาคม 2547 16:41 น.
แก้วประเสริฐ
เธอรู้บ้างไหม เธอคิดบ้างไหม เธอนึกบ้างไหม
ทำไมเธอถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป ทำไมเธอไม่นึกถึงหนหลัง
เธอทำให้ฉันสุดปวดร้าว เธอทำให้ฉันสิ้นหมดหวัง เธอทำให้ฉันหลั่งน้ำตา
อนิจจาความฝันพลันทลายสิ้น
มันโบกบินสูญไปดุจความฝัน
รักรัญจวนหวนไห้มาแทนกัน
ทุกคืนวันฉันเฝ้าเศร้าอกตรม
นึกถึงวันพลันพบประสบรัก
สุดจะภักดิ์เฝ้าถนอมมิให้ขม
แสนลำบากยากเย็นก็ต้องทน
เพื่อให้คนรักเราได้สบายใจ
ฝากสัญญารักไว้บนฟากฟ้า
ท้องนภาดารารับงามแจ่มใส
ทั้งสองเราแช่มชื่นระรื่นใจ
ผกาไม้งามเงาเมฆเฉกอารมณ์
ระรื่นจิตติดตามไปดุจสวรรค์
สองผูกพันเกี่ยวก้อยตามเหมาะสม
เพื่อนทั้งหลายให้อิจฉามิตรอมตรม
มีคนชมว่าทั้งสองเหมาะสมกัน
กาลเวลามิได้ไปตามแนวคิด
วิปริตจิตใจคล้ายผีมาเสกสรร
สิงสถิตในใจเธอสุดจำนรรจ์
เปลี่ยนรักนั้นไปกับชายใหม่ครอง
เธอเปลี่ยนรักจากไปฉันไม่ว่า
ไฉนมาเยาะเย้ยให้ใจฉันหมอง
รสรักเก่าเบื่อแล้วหรือที่เคยปอง
จึงสนองอารมณ์ใคร่ที่มากมาย
ทุกวันคืนฉันผิดหรือที่สนอง
คอยปกป้องเอาใจเธออันมากหลาย
ด้วยความจนฉันนี้จึงกลับกลาย
เธอเปลี่ยนไปจนฉันนั่งน้ำตาคลอ
แสนเสียดายความรักที่มอบให้
แสนเสียดายในยิ้มรูปจริงหนอ
แสนเสียดายในรสรักที่พะนอ
แสนเสียดายหนอเฝ้าอยู่เดียวดาย.
แก้วประเสริฐ.
14 พฤษภาคม 2547 13:51 น.
แก้วประเสริฐ
พ่อทูนหัวทูลกระหม่อมน้องหญิง
พ่อทิ้งน้องไปใจให้สับสน
พ่ออยู่เป็นหลักชัยไม่วกวน
พ่อเป็นคนให้อบอุ่นกายใจ
พ่อเอ๋ยเคยอยู่เป็นคู่ปรึกษา
แม้นภัยมาออกหน้ายิ้มสดใส
พ่อไปแล้วใครเล่าจะคุ้มภัย
โอ้ใจเล่าใครเขาจะแลมา
น้ำตารินหลั่งไหลกายไร้สื่อ
ทั้งสองมือกอดไว้อยู่กับหน้า
สะอื้นฮักใจแทบขาดจากกายา
ซบดวงหน้ากับกายใจรอนรอน
ลูกเอ๋ยมองพ่อในครั้งสุดท้าย
มองพ่อไว้พร้อมจำคำสั่งสอน
พ่อเคยอยู่สอนเจ้าทุกขั้นตอน
บัดนี้คำสอนเหลือไว้ให้จดจำ
พ่อเขียนหนังสือแปะไว้ข้างฝา
ด้วยวาจาต้องต่อสู้ชีวิตล้ำ
ความดีละความชั่วเป็นตัวนำ
จะกระทำต้องหมั่นคิดตรึกตรอง
สิ้นพ่อแล้วลูกเอยจำพ่อสอน
ทุกขั้นตอนต้องหมั่นเพียรสนอง
เหลือแต่เราแม่ลูกทำตามคัลลอง
เพื่อสนองคุณพ่อไว้ตราบสิ้นลม.
แก้วประเสริฐ.