5 กุมภาพันธ์ 2548 17:21 น.
แก้วประเสริฐ
ชาติอาชาไนยแห่งธรรม
ยอกรพนมก้มกราบสัมพุทธะ
ครบวาระพากเพียรธรรมนำแสงศรี
พุทธองค์ทรงมอบไว้แก่ใจมี
จนสุดที่เบิกบานสำราญใจ
ย้อนอดีตคิดไปสุดไกลฝัน
สิ่งพัวพันนั้นมัวเมายากผ่องใส
อีกราคะจริตกามามันพาไป
สังคมไซร้ยุ่งเหยิงบันเทิงนอง
เข้าหุ้มห่อรุมเร้าเคล้าคลึงจิต
ไม่ได้คิดถึงกรรมมันนำจ้อง
ส่งสิ่งชั่วต่ำช้าเข้ามาครอง
จนหม่นหมองอารมณ์มิสมสล้าง
น้ำตารินอาบแก้มแซมใบหน้า
เมื่อรับผ้าไตรจีวรแม่มาพากระจ่าง
จิตสำนึกพฤกษ์แพร้วเป็นแนวทาง
ตั้งใจสร้างแทนคุณการุนมี
สามพรรษาผ่านเข้าเฝ้าจดจ้อง
ปริยัติลองปฏิบัติธรรมจนอร่ามศรี
ทั้งนอกในเข้าออกดุจผงคลี
ให้เปรมปรีดิ์ในรสของพระธรรม
โอ้แม่จ๋าลูกจะนำพระธรรมนี้
สร้างชีวีพุทธบุตรให้สุดล้ำ
เผยแพร่อมฤตรสหมดจดนำ
พ้นบ่วงกรรมนำสู่อู่นิพพาน
นักรบธรรมนำใจที่ใฝ่กล้า
มุ่งอาสาเกริกไกรสุดไพศาล
ปริยัติธรรมวิปัสสนามาชำนาญ
จะขับขานหน่อเนื้อเกื้อพุทธางกูร
ตะวันแสงเจิดจ้าดั่งฟ้ากำหนด
พุทธบุตรสุดจะเลิศมิสิ้นสูญ
ธรรมกระจายมิสลายให้เพิ่มพูน
เพื่อเป็นบุญเวไนยสัตว์กำจัดภัย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
3 กุมภาพันธ์ 2548 17:07 น.
แก้วประเสริฐ
อนิจจานี่หรือคืออนิจจัง
ลมพัดไหวแกว่งไกวจนใบลู่
มองยืนดูกิ่งก้านแทรกแตกสาขา
บ้างงอคดลดเลี้ยวเกี่ยวไปมา
อีกชี้ฟ้าตั้งตรงจนหลงต้น
มีเถาวัลย์พันเกี่ยวดูเคี้ยวคด
มิอาจกำหนดกฎไว้คล้ายมิสน
ว่าต้นอื่นเป็นฉันท์ใดให้ปะปน
อีกใบหล่นปนเปรอมิเป็นทาง
สุดจำแนกแยกแยะเป็นหมวดหมู่
ลมพัดกรูใบปลิวไปไร้สะสาง
เฝ้าเพ่งพิศคิดดูมิอาจวาง
ใจอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเกี่ยวชีวิต
แม้นเป็นมนุษย์สุดแสนหาแก่นแท้
ยากจะแก้สิ่งในตัวเพราะมัวจิต
หลงพะวงพร่ำเพ้อละเมอคิด
ที่สถิตนอกในปองเป็นของเรา
เปรียบใบไม้หลุดไปจากขั้วต้น
บางก็หล่นใกล้โคนจนอับเฉา
มีบ้างไกลสลายสิ้นสุดทำเนา
ยากจะเข้าเฝ้ากลับมาสู่ถิ่น
คิดย้อนกลับเข้าในสุดให้สะท้าน
ความเบิกบานหดหู่จนดูถวิล
ความแน่แท้เปลี่ยนไปสุดอาจินต์
ดูสูญสิ้นของกายคล้ายละลายไป
อันเนื้อหนัง-มั่งสาหุ้มภายนอก
เหมือนลางบอกกาลเวลามาผลักไส
ดูยับย่นหม่นหมองจนห่างไกล
อีกข้างในให้แสดงบ่งบอกมา
ความทุกข์เจ็บปั่นป่วนรวนร้าวสนิท
ยากจะปลิดคิดหักจริงเจียวหนา
สุขที่เคยได้รับมันกลับลา
เหลือเพียงมรณาเวลามาจับจอง
ดุจดั่งใบไม้ซึ่งไร้จากขั้วต้น
พอมันพ้นยากทวนหวนกลับสนอง
ต้องอ้างว้างกลางพระพายมิสมปอง
แลหม่นหมองเพราะคะนองจนลืมตัว
อนิจจังนี่คือแก่นแท้ที่แน่หรือ
ช่างกระพือสื่อกิเลศจนปวดหัว
หากไม่ลดละมันจะหมองมัว
รุกระรัวมั่วไปกลายเป็นอนิจจา.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
1 กุมภาพันธ์ 2548 15:39 น.
แก้วประเสริฐ
ดินแดนแห่งความอาดูร.
ตะวันเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า
เดือนดาวพราวพร่างสว่างแสง
ระยิบวับจับนัยนาดูอ่อนแรง
มิได้แสดงแข็งกล้าพาหายไป
เมฆหมอกครึ้มรุมล้อมน้อมเฉารส
เดินรันทดหมดอาลัยแทบสลาย
ฝ่าความมืดที่สลัวมัวเรียงราย
ภูเขาปรายป่าชัฏคล้ายจัดวาง
หันเบื้องหลังเงาตะคุ่มเดินเรียงแถว
ตามเป็นแนวแล้วก้มหน้าดุจผีสาง
ไม่มีสำเนียงเพรียกพร่ำตลอดทาง
เสียงนกร้างสัตว์หายกลายวังเวง
บัดเดี๋ยวไปใกล้ถึงประตูเหล็ก
มีเสียงเล็ดลอดมาหากระฉับกระเฉง
เป็นเสียงโหยหวนป่วนปั่นล้วนยำเกรง
ฟังคล้ายเพลงที่ใช้ในงานศพ
พอย่างเข้าขอบขันธ์พลันกระจ่าง
เงาต่างต่างพาแยกแตกบรรจบ
แบ่งออกเป็นหลายสายมิได้พบ
มีนักรบนำทางแล้วพลางชี้
พลางเดินไปในศาลาอันกว้างขวาง
ล้วนกระจ่างแสงตระการมีสันสี
แดงดำขาวเงาละเลื่อมรอบชีวี
คนที่มีต่างนั่งกันเรียงราย
เมียงมองแล้วหันหลังพลางเดินออก
ไปข้างนอกเดินมองทางสองสาย
ทางที่หนึ่งราบเรียบไม่ประปราย
ส่วนอีกสายล้วนพฤกษานานาพันธุ์
แล้วเลาะเลี้ยวไปในทางไพรพฤกษ์
พบสระตรึกตรองดูสุดเกษมสันต์
มีบันไดแก้วแพร้วเพริศวิลาวัณย์
ก้าวเท้าพลันเดินสู่มุ่งหมู่เมฆา
พลันสว่างกระจ่างจ้าพล่าอร่าม
แสนงดงามหอมหวนชวนนาสา
กลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์นั้นงามตา
หญิงชายพาร้องรำขานลำนำ
แลยืนตลึงพึงพิศจิตซาบซ่าน
ช่างตระการผ่านมาดูน่าขำ
นี่ที่ไหนหนอสุดชวนให้ล้วนจำ
ความโศกช้ำช่างหายละลายไป
วนเวียนไปในทางเบิกบานจิต
ล้วนวิจิตรพิสดารกว่าไหนไหน
ในโลกมนุษย์ว่างามต้องห่างไกล
ยากไฉไลไหนเทียบเปรียบแดนดิน
สัมพุทธัสสะนาสามาบังเกิด
ความพริ้งเพริศหยุดอยู่สู่หายสิ้น
ความวิเวกอเนกอนันต์นั้นอาจินต์
กลับเข้าถิ่นขันธ์ห้าพร้อมอารมณ์.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
31 มกราคม 2548 14:33 น.
แก้วประเสริฐ
ดอกแก้วพลิ้วแพรวแก้วประเสริฐ.
กาลเวลาหมุนเวียนผันเปลี่ยนชีวิต
ล้วนลิขิตหนทางจัดสร้างสรรค์
สุขแลทุกข์คลุกเคล้ายากจำนรรจ์
สุดเสกสรรสมสร้างรักขอพักใจ
ด้วยยศศักดิ์อัครฐานตระการทรัพย์
หาใช่รับประกันถึงนิสัย
ตระกูลวงศ์พงศ์เผ่าจากเหล่าใด
ก็ไม่ใช่วัดคุณค่าว่าเป็นคน
ทรัพย์สมบัติมากล้นปรนเปรอให้
ก็เป็นเพียงเครื่องใช้ความขัดสน
หากศีลทานรานบิ่นสิ้นจากตน
เกิดเป็นคนจะเหลือเยื้อใยใด
อนิจจังทุกขังหวังเพริศแพร้ว
ยังมิแคล้วปั่นป่วนล้วนหวั่นไหว
มนุษย์นี้ดีชั่วอยู่ที่ใจ
ทำอะไรควรมีสติผลิปัญญา
อันรักโลภโกรธหลงพะวงใฝ่
มันชอนไชให้จิตได้กังขา
หันเหหวนในสิ่งที่ได้มา
พอนำพามันก็หายมลายสูญ
อรุณเริ่มเบิกบานพลันแจ่มใส
พอสายไปกลับแปรผันมิอบอุ่น
ดุจความรักที่หวังครั้งเกื้อกูล
สร้างอาดูรชอกช้ำระกำทรวง
สิ่งที่แท้แน่นอนคือธรรมะ
ของพุทธะฝากเอาไว้ดุจแมนสรวง
ทุกข์แลสุขปลุกปั่นนั้นหลอกลวง
เป็นภาพกลวงบ่วงมารผลาญอารมณ์
สิ่งนี้หนอพอผ่านมานะเพื่อนเอ๋ย
อย่ายึดเลยเป็นเพียงกรรมนำสะสม
ความดีชั่วมิห่างไกลใกล้ชิดชม
หลงคารมของมารผลาญจิตใจ.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
30 มกราคม 2548 12:07 น.
แก้วประเสริฐ
โอ้ดวงชะตาชีวิต
กาลเวลาหมุนเวียนผันเปลี่ยนชีวิต
ล้วนลิขิตหนทางจัดสร้างสรรค์
สุขแลทุกข์คลุกเคล้ายากจำนรรจ์
สุดเสกสรรสร้างรักขอพักใจ
ก่อกำเนิดเกิดมาในภพนี้
เหมือนดั่งมีเวรกรรมมิผ่องใส
เข้าสอดแทรกแยกแยะเสียกระไร
เป็นเหตุให้เวียนวนดั่งสนสะพาย
นั่งนอนคิดจิตไปได้ประจักษ์
สิ่งที่รักมักนำมาชะตาสลาย
ร่วมกับทุกข์ปลุกปั่นจนตาลาย
แล้วทำลายรากฐานที่หมั่นเพียร
โอ้อนาถวาสนามันมากำหนด
หวังจะปลดลดลงจนปวดเศียร
ยากจริงนะหยุดพักมักวนเวียน
แสนเบียดเบียนเจียนใจสลายลง
นึกถึงธรรมคำสอนของพุทธะ
หวังชำระจิตนอกในเพื่อได้สรง
วารีธรรมค้ำจุนหนุนปลดปลง
เพื่อดำรงคงสร้างทางความดี
อตฺถเสฏฺโฐบรรพชามาเตือนจิต
ให้ได้คิดถึงทางระหว่างศรี
อุปัชฌาย์มอบให้ในวลี
เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวเกี่ยวดวงหทัย
กายของเราจงได้ให้ประเสริฐ
สิ่งเลอเลิศด้วยตัวอย่ามัวสลาย
จงพากเพียรเรียนไว้มิกลับกลาย
แล้วค่อยทำลายกิเลสเศษงดงาม
ความพะวงหลงไปในทุกเขต
ให้สมเพชนิวรณ์ลงจงเกรงขาม
เรื่องความรักราคะจะติดตาม
จิตคงทรามไขว้คว้าหวังมาชม
ชะตาชีวิตเอ๋ยเพียงพอขอแค่นี้
ที่เคยมีขอลาอย่าสะสม
สัมพุทธะตั้งไว้เข้าในอารมณ์
พยายามบ่มสมสล้างกระจ่างฤดี.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙